ภาคเปิดตัว
“อ้าว ๆ อย่าชักช้า เร็วดิโว้ย!”
เสียงตะโกนจากผู้กำกับวัยดึกเอะอะมะเทิ่งโวยวายแต่เช้ามืดของกองถ่ายละครพีเรียด แผดเสียงดังจนเป็นที่ชินชาของเด็ก ๆ ในกอง ตะวันไม่ทันพ้นขอบฟ้าหากเวลาไม่รอช้า เร่งรีบให้ทันลำแสงแรกเพื่อให้ได้ภาพออกมางดงามที่สุด
“ยี่หวา”
“คะ ผู้กำกับ”
“วันนี้มึงต้องเอาให้สมจริงนะโว้ย”
“แหม มือระดับพระกาฬอย่างยี่หวา ไม่พลาดหรอก”
“เออจะไว้ใจอะไรได้ ยิ่งไอ้ชุดพวกนี้รุ่มร่ามเกะกะตัว มึงมัดให้ดี”
ยี่หวาก้มมองร่างของตัวเองในชุดจีนโบราณสมัยใดเธอเองไม่แน่ใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผู้กำกับเมื่อเขาตบบ่าเธอสองครั้ง
“มึงไปเตรียมตัวแล้วกัน แล้วไอ้พวกนั้นไปไหนหมด”
“กำลังมาถึงแล้วผู้กำกับ”
หยาดพิรุณ จินดา หรือ ยี่หวา ยิ้มอ่อนให้ผู้กำกับอีกครั้ง หันกายกลับไปยังลานกว้างเพื่อเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ อุ่นเครื่อง
เธอกวาดตามองกองถ่ายทำในต่างจังหวัดไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก บรรยากาศชนบทตรงหน้าคือบึงน้ำขนาดเล็ก ยอมรับในใจว่าวันนี้รู้สึกวูบโหวงแปลก ๆ ทั้งที่ทำงานเป็นสแตนอินบทยาก ๆ ให้นักแสดงมานานเกือบสิบปี
มือเรียวเล็กแต่แข็งแรงสะบัดผ้าชุดจีนโบราณตรงสะโพกขึ้นโบก ซีรีส์ตลกร้ายเรื่องนี้ให้นางเอกดันย้อนยุคไปจีนโบราณ ทั้งที่เป็นคนไทย ฉากสำคัญเช้านี้เป็นฉากนางเอกถูกใส่ตะกร้าจับถ่วงน้ำ - - เฮ้อ...พวกสมัยก่อนนี่โหดร้ายใช่ย่อย
“ยี่หวา”
“เฮ้ย! มากันแล้ว เร็ว เปลี่ยนเสื้อผ้า”
ยี่หวาหันตามเสียงเรียกจนพบใบหน้าคุ้นเคย เพทาย เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่ชาย และครูสอนวิชาต่อสู้ ก็นักแสดงแทนอย่างเธอมักถูกใช้ในช่วงจังหวะที่ดาราตัวจริงต้องเสี่ยง เลยโยนความเสี่ยงมาให้อาชีพนี้แทน แต่อย่างไรเสียค่าตอบแทนมันคุ้มค่า
“วันนี้ลงน้ำ ระวังล่ะ ไอ้ชุดนี่มัน...ดูไม่ไหวเลย”
“คนออกเยอะ เซฟตี้พร้อม ไม่เป็นไรหรอกอย่ากังวล ไปเถอะเตรียมตัว ผู้กำกับโวยวายอีกแล้ว” พูดเสียงอ่อนให้กำลังตัวเองไปในตัว แล้วสะบัดร่างโบกชายผ้าสีสดใสในชุดจีนโบราณเดินนำเพทายไปก่อนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม กระทั่งมองเห็นตะกร้าที่ต้องเข้าไปอยู่ จึงค่อยเปลี่ยนสีหน้า
“ตอนซ้อมไม่เล็กขนาดนี้นี่ผู้กำกับ”
“กูลองดูฟุตเทจแล้ว มันไม่สวย ไม่สะใจ ต้องเล็กหน่อยคนดูจะได้ลุ้น”
“ถ้างั้นยี่หวาขอลองซ้อมอีกรอบ”
“ไม่ทันแล้ว แสงกำลังได้ มึงเข้าไปอยู่ในตะกร้าเลย ไอ้เพทาย มึงคอยดูน้องมึงด้วย”
เพทายไม่ตอบ ดวงตาคมกล้ามีแววกังวลใจ จับจ้องตะกร้าไม้สานอันเล็กกว่าเดิม
“ไหวไหมยี่หวา”
“ไม่ไหวยังไง มาถึงหน้างานขนาดนี้แล้ว พี่คอยระวังให้หน่อยแล้วกัน”
“พี่ทำแบบนั้นเสมอ ยี่หวาไม่ต้องกลัว ลงไปเถอะ”
เธอมองตะกร้าไม้ไผ่สีหน้าไม่ค่อยดีนักแล้วก้าวลงไปนั่ง ให้เพทายรัดฝาตะกร้าด้วยเชือก
“อย่าแน่นนะ”
“รู้แล้ว”
ตะกร้าที่มีเธอนั่งอยู่ข้างในถูกยกสูงด้วยผู้ชายสองคน จากนั้นขึ้นไปยืนริมฝั่งบึงน้ำที่มีกล้องถ่ายใต้น้ำรออยู่
“อ้าว เตรียมตัวนะ”
ผู้กำกับตะโกนใส่โทรโข่งแล้วหันไปหาคนตีสเลทแล้วพยักหน้าให้เริ่มได้
“ซีนน้ำหนึ่งร้อยหนึ่ง คัทสาม ตอนที่สิบแปด เทคหนึ่ง”
ตึก! ตุบ!
สิ้นเสียงคนตีสเลท ฉากเล็กสีดำถูกสับ ตะกร้าสานถูกโยนลงน้ำจมดิ่งลงก้นบึงทันทีเช่นกัน
ยี่หวาลืมตาในน้ำด้วยความชำนาญ เธอดิ้นรนอยู่ภายในตะกร้าด้วยท่าทีของหญิงโดนทำร้าย พยายามตั้งสติว่าตนเองกลั้นลมหายใจได้นานเท่าใดกันนะ - - สามนาที หรือจะห้า
ดวงตาหยีเล็กอย่างคนไทยเชื้อสายจีนเริ่มเบิกกว้างเมื่อเวลาถอยหลังเหลือน้อยลงทุกขณะ น้ำในบึงเย็นเยียบจากอากาศรุ่งเช้า เธอเห็นแสงลอดลงมาจากเหนือผิวน้ำ มองอย่างมีความหวังว่าผู้กำกับคงกำลังสั่งคัท
ร่างกายที่ทนทานกว่าคนปกติทั่วไปเริ่มไม่อาจทานไหว แรงอัดของน้ำทำให้ทรวงอกเธอเริ่มแสบร้อน - - เธอต้องหายใจ
ยี่หวาดิ้นขลุกขลักเป็นพักกระทั่งหมดแรงต้านทาน ปล่อยให้กระแสน้ำเอื่อยใต้บัวบึงทะลักเข้าร่างกาย เธอสำลักทันที ดิ้นรนทรวงอกร้อนแทบระเบิด แสงยามรุ่งลอดผ่านน้ำด้านบนคือสิ่งสุดท้ายที่เธอมองเห็น จากนั้นทุกสิ่งก็ดำมืดลง
ภาคดำเนินเรื่อง 1 ยี่หวา “เร่เข้ามา เร่เข้ามา ค่ำนี้แม่นางเพ่ยเพ่ยขึ้นเวที ร่ายรำ กระบี่ไร้ใจ”เสียงตะโกนเรียกลูกค้าของเด็กจากหอเยว่โหลว หอสูงราวห้าชั้นทำจากไม้เนื้อดี ตัวหอหันหน้าเข้าสู่คลองลำน้ำสายหลักใสสะอาด และเป็นทางสัญจรทางน้ำที่นิยมใช้กันในเมืองนี้ อีกด้านประตูหน้าติดถนนสายหลักสำคัญ ตลาดทางทิศใต้คึกคักยิ่งนัก“หาวววววว....”ยี่หวายกพัดแบบพับ พัดโบกใบหน้าที่แต่งแต้มสีขาวผ่องอมเหลือง ตรงกลางหน้าผากระบายฮวาเตี้ยนสีแดงลายดอกกุ้ยฮวา นั่งยกขาขึ้นพาดเก้าอี้มองลงยังเบื้องล่าง“เจ้าไห่เทายังเรียกลูกค้าอยู่ได้ ดูสิไร้คนสนใจยังไม่ละความพยายาม”“บ่นพึมพำอะไรผู้เดียวเจี่ยเจีย”สาวร่างเล็กกว่ารูปร่างอรชรเอวคอดสวมชุดสีเขียวสด เสื้อคลุมเนื้อบางใสจนมองเห็นลาดไหล่ขาวราวหยกสีเดียวกับผ้าป่านปี้สีเขียวเข้ม ชะเง้อดวงหน้างดงามคิ้วโก่งดั่งปีกผีเสื้อ ริมฝีปากแดงชาด มองลอดขอบหน้าต่างไม้ฉลุลวดลายของระเบียงนั่งเล่นชั้นสาม อันเป็นห้องนอนของยี่หวา“ฮึ จะอะไรเสียอีก นายแม่จางลี่ให้เจ้าไห่เทาออกไปเรียกแขกแต่หัววัน ตะวันยังไม่ทันเที่ยงตรง จะมีชายใดกันย่างเท้าเข้ามายังหอคณิกาแห่งนี้”“นายแม่สั่งเช่นนี้ถูกต้อ
2 เยี่ยนฟางยี่หวาลุกคุกเข่าแล้วแย่งขวดสุรากลับมาจากมือเยี่ยนฟางยกกระดกรวดเดียวหมดแล้วหัวเราะร่า เยี่ยนฟางยังมีสีหน้าเพ้อฝันขณะหย่อนร่างลงด้านข้างกัน ชะโงกหน้าออกไปนอกราวกันตก พวงแก้มยุ้ยขึ้นพาดด้วยรอยยิ้มมีความหวัง“เป็นหญิงคณิกาแล้วอย่างไรกัน เรามิได้ขายตัว เพียงขายความสามารถ ข้ายังบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคีและพี่ยี่หวาก็เช่นกัน”“อืม...แล้วถ้าเจ้า ได้เข้าไปเป็นเครื่องบรรณาการจริง เจ้าต้องกลายเป็นหญิงอุ่นเตียงท่านแม่ทัพ เช่นนั้นดีแล้วหรือเยี่ยนฟาง เจ้าคิดดูให้ดีนะ มิสู้อยู่เช่นนี้ ร่ำสุรา” เว้นหัวเราะแกว่งขวดสุราเปล่าตรงหน้า “แสร้งหยอกเย้าบุรุษหลอกเอาเงินเข้าหอเยว่โหลว เก็บเงินให้มากสักหน่อยจากนั้นไถ่ตัวเอง แล้วออกจากที่นี่ท่องเที่ยวไปทั่วยุทธภพ ไม่ต้องพึ่งพาบุรุษใดอีก”“พี่ยี่หวาพูดจาให้ข้าขบขันอีกแล้ว หญิงใดกันที่มิต้องพึ่งบุรุษ”“หญิงอย่างข้าไง”“พี่ยี่หวาเก่งกาจทั้งวาจา เดินหมาก ฉลาดหลักแหลม ชายใดได้พูดคุยย่อมสบายใจ แต่ข้ามิใช่เช่นนั้น ข้าเก่งเพียงร้องเพลงและเต้นรำ ย่อมต้องหาบุรุษที่พึงใจข้า ข้าอาจคลอดบุตรชายให้เขาสักคนแล้วหลังจากนั้นข้าจึงจะสบาย”ยี่หวายกยิ้มเอนกายลักษณะคล้ายบุรุษ
3 ท่านแม่ทัพกุบ กับ กุบ กับ ....เสียงฝีเท้าม้าเร็วพุ่งทะยานโผนตัวฝ่าฝุ่นดินตีตลบยามฝีเท้าม้ากระทบลงพื้นดินชานเมืองหลวงแม่ทัพใหญ่กองทัพเสือดำ หลี่เหว่ยนั่งนิ่งบนหลังม้าสีน้ำตาลเข้มเกือบดำตัวใหญ่ ทอดสายตามองม้าเร็วใกล้เข้ามา นัยน์ตาสีนิลคมกริบเรียวดุจเหยี่ยวรับคิ้วคมเฉียงขึ้นดุจเดียวกับกระบี่ในมือสีเข้ม กรามแกร่งบัดนี้รกครึ้มด้วยหนวดเคราที่ไม่ได้ชำระทำความสะอาดโกนให้เรียบร้อยมาหลายเดือน เสื้อเกราะสัมฤทธิ์เหม็นกลิ่นเน่าบูด รวมไปถึงผมยาวมัดมวยใต้หมวกเหล็กด้วยเช่นกันขอบปากด้านล่างหนากว่าด้านบนเริ่มขยับ เอียงศีรษะไปด้านซ้าย ส่งเสียงไม่ดังมากนัก“มู่เฉิน”ทหารรับใช้คนสนิทขยับฝีเท้าเข้าใกล้ตาดวงตาทอดไกลไปยังม้าเร็วตรงหน้าเช่นกัน“ขอรับท่านแม่ทัพ”“เจ้าคิดหรือไม่ว่าวันนี้ทางเข้าฉางอานไร้ผู้คนสัญจร ไร้ซึ่งพ่อค้าแม่ขายจนผิดสังเกต”“ขอรับ ยามปกติฉางอานมักมีขบวนพ่อค้าต่อแถวยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตาตั้งแต่ยามเหม่า[1]”หลี่เหว่ยเพียงฟังแล้วนิ่ง ตัวเขาออกรบเสียสองปี จากบ้านจวนตระกูลหลี่ไปยังชายแดนทางเหนือป้องกันพวกชนกลุ่มน้อยกระทั่งยอมศิโรราบ บัดนี้เมื่อได้กลับมาถึงบ้าน แทนที่จะได้พักผ่อนคงไม่แคล้ว
4 เหว่ยขบวนนักรบผู้กล้าเกรียงไกรตั้งแถวหน้ากระดานเรียงสิบ โดยมีท่านแม่ทัพใหญ่หนวดเครารุงรังขี่ม้าตรงกลาง สูงสง่าบึกบึน สวมหมวกเหล็กสีเงิน ธงดำรูปเสือปลิวไสว“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ”เยี่ยนฟางตะโกนเรียกโบกมือ เช่นเดียวกับคนในถนน ยี่หวาก้มลงมองแล้วยิ้ม“ไม่เห็นหล่อ”“อาเจี่ย รูปงามขนาดนั้น ลองโกนหนวดเครารับรองว่างามราวหยกเนื้อดี”“เชอะ”ยี่หวากระดกจอกสุราจนหมดกำลังลงจากราวกันตกพลันสังเกตเห็นบุรุษรูปหนึ่งสวมเกราะรบเช่นกัน นั่งนิ่งแต่มือคุ้ยข้าวกินราวอดตาย“ท่าน ... ท่านเป็นพวกหนีทหาร รึ”พรวด!! แค่ก ๆ ๆหลี่เหว่ยถึงกับสำลักเมื่อได้ยินเสียงกดต่ำแสร้งดัดให้คล้ายบุรุษทั้งที่เป็นสตรี“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบกิน”นางขยับตัวเปลี่ยนใจ ไม่ต้องการส่องท่านแม่ทัพผู้เกรียงไกรแล้ว มิสู้พูดคุยกับทหารหนีแถวจะดีกว่ายี่หวาว่าพลางหยิบขวดสุราและจอกหันกลับมานั่งด้วย รินให้ชายขาติทหารตรงหน้า“ข้าชื่อ ชื่อ....” นางนิ่งคิด เพราะไม่ทันได้คิดไว้ล่วงหน้า “ชื่อจุนเฟิง”หลี่เหว่ยไม่ใส่ใจ มือคุ้ยข้าวต่อไปด้วยความหิว เขาเข้าเมืองมาพลันเห็นคนมากมายจึงเลี่ยงขึ้นมานั่งบนหอเสียก่อน รอคนซาค่อยกลับจวน แต่ด้วยความตรากตรำศึก
5 จวนตระกูลหลี่จวนตระกูลหลี่แม่ทัพหนุ่มแหงนดวงหน้าแกร่งคมสันกร้าวดุดันมองป้ายตระกูลก่อนกระโดดลงจากหลังม้า เดินตรงมุ่งหน้าขึ้นบันไดกว้างของจวน“หยุด!!”ทหารตัวน้อยร่างผอมยื่นทวนยาวขวางหน้าทันควัน สีหน้าขึงขังน่าหัวร่อจนหลี่เหว่ยยิ้มมุมปาก มือสะบัดยกทวนออกแล้วสาวเท้าออกเดินพลันมีทหารหนุ่มอีกคนดูบึกบึนกว่ายกทวนขวางไว้เช่นกัน“เจ้าบังอาจนัก จวนตระกูลหลี่หากจะเข้าต้องแจ้งชื่อ เจตจำนงเสียก่อน”หลี่เหว่ยก้มมองร่างเล็กของทหารหนุ่มแล้วส่ายหน้า เพียงจากไปรบสองปี จวนตระกูลหลี่ตกต่ำถึงขนาดให้ทหารอายุน้อยซ้ำผอมโกรกเดินยามเฝ้าหน้าประตู ดูแล้วช่างน่าอับอายยิ่ง“พวกเจ้าอยากรู้ชื่อข้า”หลี่เหว่ยเอ่ยด้วยเสียงทุ้มดังไร้ความกลัว ขยับเท้าจะเดินแต่ทวนสองทวนยังขวางไว้“หากเจ้ายังขืนดึงดัน ข้าคงต้องทำร้ายเจ้า”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำร้ายข้า คงเป็นเจ้ามากกว่าทหารน้อย”สิ้นคำหลี่เหว่ยรวบทวนสองทวนไว้มือเดียวสะบัดโยนทหารน้อยผอมหล่นลงบันไดแล้วก้าวอาดเข้าจวน“เจ้า เจ้า”สองทหาร
6 จินเยว่“ท่านแม่”“เข้ามา”หลี่เหว่ยก้าวข้ามธรณีประตูตรงไปยังห้องทานข้าวเย็นของเรือน มองเห็นหญิงสาวคนเดิมตรงกลางโถงยืนด้านข้าง ก้มหน้านิ่ง ตวัดตาเหลือบเพียงครู่จึงค่อยส่งรอยยิ้มพร้อมทำความเคารพให้มารดา“ลูกมาทำความเคารพช้า ขอท่านแม่โปรดให้อภัย”ท่านแม่ทัพใหญ่โค้งคำนับงดงามมือประสานให้มารดาบังเกิดเกล้า“ลูกเหว่ย”ฮูหยินหลี่ปรี่ตรงเข้าหาลูกชายยิ้มทั้งน้ำตาประคองร่างลูกชายเพียงคนเดียวให้นั่งลง“ไม่เป็นไร เจ้าเหน็ดเหนื่อยตรากตรำลำบากมาสองปี ย่อมต้องการพักผ่อน เป็นแม่เองที่ผิด รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าจะมายังนัดคุณหนูสามจวนกั๋วกงจางมา”“ท่านแม่ ข้าโทษตัวเอง ย่อมเป็นข้าที่ผิด”“มา ๆ ทานข้าว ค่ำนี้แม่ให้พ่อครัวทำแพะตุ๋นบำรุงร่างกาย”หลี่เหว่ยกำลังหยิบตะเกียบพลันแม่นางน้อยด้านข้างเคลื่อนร่างเข้าใกล้ตักน้ำแกงใส่ถ้วยยื่นมาวางตรงหน้า ก่อนถอยหลังกลับไปอย่างรู้งาน“อ๋อ เกือบลืมไปเสียสนิท นี่หลานสาวลุงไห่ เจ้าจำได้หรือไม่ ตอนเล็ก ๆ ข้าเคยพาไปกวางโจวครั้งหนึ่ง”“ลุงไห่ ข้าจำได้”“มา ๆ เยว่เ
7 หอเยว่โหลวกุบ กับ กุบ กับหลี่เหว่ยขยับสาบเสื้อคลุมสีเข้มออกดำขณะรถม้าหยุดลงหน้าหอเยว่โหลว ชำเลืองมองหน้ามู่เฉินยังสีหน้าไม่สู้ดีนักจึงยักยิ้มแล้วเปิดม่านลงไปก่อนตุบ!“เชิญท่านแม่ทัพ”หลี่เหว่ยประกบมือโค้งคำนับแล้วจึงเปิดผ้าม่านให้มู่เฉินลงจากรถม้า สีหน้าองครักษ์คนสนิทยิ่งซีดเผือดลงกว่าเดิมจนหลี่เหว่ยต้องทำตาขึงขังใส่ จึงได้จำยอมลุกแล้วออกจากรถม้ามู่เฉินพาร่างสูงใหญ่ก้าวขึ้นบันไดหอคณิกาโดยมีแม่ทัพตัวจริงเดินตามหลัง“ท่านแม่ทัพมาแล้ว เชิญทางนี้ขอรับ ทางนี้”เด็กหนุ่มหน้าตาพอใช้ได้สวมชุดสีเทาอ่อนใบหน้าสะอาดสะอ้านรูปร่างสะโอดสะองติดสำอาง วาดมือผายออกเชิญท่านแม่ทัพด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วจึงเหลียวมองไปยังนายแม่ที่ยืนอยู่เหตุการณ์อยู่ชั้นสองนายแม่หอเยว่โหลวได้สัญญาณจากไห่เทาจึงโบกพัดกลมในมือสองครั้งให้คนชั้นล่างทันที“อาเจี่ยนายแม่โบกพัดแล้ว”เยี่ยนฟางเอียงหน้าไปทางยี่หวาที่วันนี้แต่งกายเป็นบุรุษ ทว่าไม่ปิดบังดวงหน้าเปิดเปลือยไร้เครื่องสำอาง“เจี่ยเจ
8 ประมูลสาวงามหลี่เหว่ยไม่ยิ้มตอบเพียงปลายหางตาให้จนมู่เฉินยิ้มเจื่อนไป แม่ทัพใหญ่ตัวจริงเบือนหน้ากลับไปยังเวทีกลางหอเยว่โหลว เฝ้าดูกิริยาแม่นางน้อยแต่ละนางสีหน้าตื่นตกใจอุทาน ยกพัดโบกหน้าที่แดงซ่านระเรื่อ มีเพียงคนเดียวตรงกลางที่ดูว่าโกรธจัดจนต้องใช้บัดโบกความเห่อร้อนบนดวงหน้า“สมน้ำสมเนื้อเช่นนั้นหรือ” ยี่หวาพึมพำสะบัดปิดหน้าแดงก่ำเพราะความฉุนเฉียว ก่อนหัวเราะก้องออกมากระพือพัดแรงเดินไปยังด้านหน้าเวทีเกือบถึงขอบพื้นยก ผายมือออกทั้งสองข้าง“ข้าว่างานนี้ถึงประมูลหญิงงามท่านใดไป ไม่ว่าวัยกำดัด วัยขบเผาะ วัยออกเรือน หรือวัยอื่นใดคงไม่มีผลต่อท่านแม่ทัพดอกกระมัง” สีหน้าระรื่นผิดสังเกตจนหลี่เหว่ยเผลอชะโงกกายไม่รู้ตัว“เพราะเหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนั้น” มู่เฉินมิรู้ความโพล่งออกไปแม้กระทั่งหลี่เหว่ยยังยั้งมือรั้งไว้ไม่ทัน“ก็เพราะว่า....ท่านแม่ทัพ มิได้ชื่นชอบสตรีนะสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”ความเงียบสงัดปกคลุมทั่วโถงกลางของหอเยว่โหลวทันควัน แต่เพียงชั่วหยดน้ำสุรารินใส่จอกเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นเสียงหัวร่อครึกครื้นพลันสนั่นดั่งคล้ายเสียงฝนกระห
30 บทส่งท้ายใบกระจับล้อคลื่นในบัวลู่ลมเรือน้อยชมจงกลกลางนทีพบชายนางก้มยิ้มกลั้นวจีนารีทำปิ่นหยกตกลงน้ำ[1]หลี่เหว่ยยกมือป้องแดดยามบ่ายคล้อยกลางฤดูร้อนที่ยังแผดเผา อีกมือค้ำถ่อเรือลำน้อยลอยละล่องเหนือบึงบัวดอกหลากสี คลี่ยิ้มยามเห็นฮูหยิน ภรรยายอดดวงใจเอนกายพิงกาบเรือแกว่งมือกวักน้ำ บ้างแตะหยอกดอกบัวเอียงดวงหน้างดงามส่งรอยยิ้มอ่อนหวาน“เจ้าร้อนหรือไม่”ยี่หวาส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วค่อยคลานเข่าไปยังแม่ทัพใหญ่หยิบเซาปิ่งแบ่งชิ้นส่งเข้าปากหนาก่อนปัดเศษขนมปังข้างแก้มให้“ปีนี้ร้อนยิ่ง ทว่าข้ามาบึงบัวแห่งนี้คราไร กลับรู้สึกเย็น”ยี่หวาขยับร่างกลับไปที่เดิม ลูบปอยผมออกจากดวงหน้ายามลมโชยพัดจนปลิวไสว เท้าข้อศอกบนกาบเรือเกยคางบนหลังมือ“ข้ามีเรื่องยังไม่ได้บอกเจ้ายี่หวา”น้ำเสียงจริงจังทั้งหลบสายตาทำให้ยี่หวาคิ้วขมวดนิ่ง“อีกไม่กี่วันข้าอาจต้องไปลั่วหยาง”ร่างอ้อนแอ้นที่เอนกายอยู่พลันเหยียดตึงนั่ง
29 NC “ทะ ท่าแม่ทัพ นั่น อะ อะไรน่ะ”ยี่หวากอบผ้าขึ้นปิดทรวงอกกระเถิบถอยหนีเมื่อเห็นท่านแม่ทัพใหญ่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นจากเตียงขณะโรมรันกอดรัดฟัดเหวี่ยงกำลังได้ที่ใกล้สอดใส่ เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมผ้าสีแดงเส้นเล็กพันมือทั้งสองข้างแล้วกระตุกขึงจนตึงมือพรึบ ๆ ..“เชือกผ้าไหม”“ทะ ท่านเอาสิ่งนี้มาทำอะไร” น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเหลือบมองเชือกแล้วตวัดสายตาขึ้นมองสีหน้าท่านแม่ทัพดูคล้ายพึงพอใจสุดขีดด้วยรอยยิ้มมารร้าย“ตำราปกขาวเขียนไว้ว่า หากต้องการมัดใจภรรยาให้อยู่หมัด ไม่ให้ปั่นใจหนีหายไปที่อื่น จงมัด...” พึมพำในลำคอไม่เต็มเสียง กลัวภรรยารักถอยหนี แต่ยี่หวายังได้ยินอยู่ดี“มัด!!!”ตึก ... คุกเข่าลงเตียง“ตามตำราบอกว่าสตรีทุกนางล้วนชื่นชอบยิ่งนัก ซ้ำร้องครางลั่นราวขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า”“...”ยี่หวาอ้าปากเหวอ ‘ตำรา’ นี่ท่านแม่ทัพของนางถึงขั้นอ่านตำรากามสูตรเพื่อมาทำสิ่งนี้กับนาง“ข้า ข้า ไร้ซึ่งคำพูด ท่านแม่ทัพ”“เจ้าไม่ต้อง
28 ดื่มเหล้ามงคล“เจ้าคิดสิ่งใดยี่หวา ต้องไม่ใช่เรื่องดี” หลี่เหว่ยใช้นิ้วดีดเบากลางหน้าผากเอ่ยเสียงนุ่มอ่อนโยนก่อนนั่งลงบนเตียงด้านหลัง ชะโงกหน้าผ่านซอกไหล่ก้มมองบุตรชายนอนนิ่งไม่ส่งเสียงร้องดั่งเด็กทั่วไป“ท่านขยับออกห่างหน่อยไม่ได้หรือไร ข้าร้อน แล้วไยไม่ไปทำงาน”“ข้าลางานแล้ว”“ลางาน?”“ข้าต้องอยู่เดือน”“...”ยี่หวาคิ้วกระตุก อยู่เดือนมิใช่หน้าที่ของสามี แต่นี่มันคือข้ออ้างชัด ๆ“ท่านแม่ทัพเพียงต้องการเป่าประกาศว่าเป็นชายมีน้ำยาใช่หรือไม่” แค่นลมเมื่อพูดจบจนอกแกร่งด้านหลังกระเพื่อม“รู้ดีเยี่ยงนี้ต้องรีบยกน้ำชา”“ข้าไม่ได้รับปาก ท่านอย่าซี้ซั้วพูดเองฝ่ายเดียว ข้ายอมมาอยู่จวนท่านเพราะเห็นแต่เจ้าก้อนแป้งต่างหาก”หลี่เหว่ยไม่นำพาปล่อยให้ยี่หวาพูดไปเรื่อยส่วนมือเริ่มเลื้อยอ้อมมาด้านหน้ารัดเอวนางไว้ผ่าง...ไม่ทันได้ลวนลามมากไปกว่านั้นประตูเปิดกว้างออกอย่างแรงพร้อมใบหน้าของหญิงวัยกลางคนพรวดพราดเดินเข้ามา“หลานข้า หลี่จง” น้ำเสียงโหยหวนสักเล็กน้อย
28 คลอดแล้วจ้า“อุแว้ แง ........ แง......”ยี่หวาทิ้งตัวอ่อนแรงทันใดยามลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัย มือห้อยลงขอบเตียงหอบหายใจ ได้ยินเสียงยินดี เสียงท่านหมอ เสียงหมอตำแยวุ่นวายผสมปนเปจนมั่วเละเทะ“ยินดีด้วย ยินดีด้วยท่านแม่ทัพ บุตรชายเจ้าค่ะ”แว่วเสียงหมอตำแยร้องบอกยินดี ยี่หวาหลับตาถอนหายใจ ในที่สุดบุรุษหน้าหนาก็มาเสียทีหลังจากที่ปล่อยให้ทหารมาเฝ้านางเสียหลายเดือนบัดนี้นางผู้คลอดลูกนอนหมดแรงไม่ทันได้เห็นหน้าบุตรชาย กลายเป็นชายหน้าด้านได้โอบอุ้มเห็นหน้าก่อนข้าเสียอีก - - ข้าต้องโกรธให้นานเสียหน่อยยี่หวาพลิกตัวตะแคงหันหนีทันที ไม่ต้องการเห็นหน้าคนหลอกลวง“ฮูหยินเจ้าคะ บุตรชายเจ้าค่ะ”ในที่สุดคงถึงคราวข้าได้ยลโฉมบุตรชายตนเองเสียที เอียงหน้ากลับไปพลันพบสบสายตาที่ยืนนิ่งข้างเตียง ในอ้อมแขนใหญ่โอบอุ้มบุตรชายตัวน้อยที่ยังร้องจ้า“หลี่จงต้องการดื่มนม”คิ้วเรียวสวยกระตุกยามได้ยินชื่อบุตรชาย ‘หลี่จง’ เจ้าหน้าตายบังอาจตั้งชื่อลูกข้า“เออ..เจ้าลุกไหวห
27 ตามหมอ หมอหลวงงงงงง“นางใกล้คลอดหรือยัง”มู่เฉินยืนนิ่งด้านข้างเก้าอี้ในห้องทำงาน เบื้องหน้าคือหมอหลวงที่ท่านแม่ทัพให้แฝงตัวเข้าไปดูแลครรภ์แม่นางยี่หวาในหอซีหยางโหลว ทั้งส่งคนเฝ้าห่าง ๆ ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา“ใกล้แล้วท่านแม่ทัพ คงอีกไม่กี่วัน”“ถึงวันให้ส่งคนมาแจ้ง ข้าจะไปดูด้วยตนเอง”กล่าวจบหลี่เหว่ยยกมือโบกไล่แล้วกลับไปอ่านเอกสารราชการตรงหน้าต่อ มือยังถือพู่กัน ดวงหน้านิ่งเฉย มู่เฉินรินน้ำชาเพิ่มช่วยลดความตึงเครียด“น้ำชาท่านแม่ทัพ”“กำชับคนให้ดูแลหอซีหยางโหลวอย่างดี อย่าแสดงตัวให้นางเห็น แล้วเมียเจ้า เยี่ยนฟางเป็นเยี่ยงไรบ้าง”“ใกล้คลอดเช่นกันท่านแม่ทัพ คงไล่เลี่ยห่างกันไม่กี่วัน”“ดี”มู่เฉินนิ่งเงียบเมื่อท่านแม่ทัพหมดคำถาม“อากาศเริ่มร้อนแล้ว เจ้าส่งน้ำแข็ง ไม่สิ ไม่ได้ ไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้าให้คนนำพัดอันใหม่ไปให้นางหรือยัง”“ขอรับท่านแม่ทัพ ฝากฮุ่ยซิ่งไปเช่นเดิม แม่นางยี่หวาไม่มีทางรู้ว่าส่งมาจากท่านขอรับ”“อืม...กว่าจะเคี
26 ลำแสงแรกพระอาทิตย์ตึก ตึก ตึกเสียงวิ่งบนพื้นหิมะทำให้ทั้งสองหันตัวกลับไปมองต้นเสียง เห็นจินเยว่วิ่งหน้าตั้งสีหน้าเบิกบานยิ้มกว้างจนถึงใบหู หน้าแดงฝ่าลมหนาวเหน็บแล้วหยุดหอบหายใจตรงบันไดขึ้นเรือนเล็ก“อันใดกันจินเยว่ วิ่งราวกับวิ่งหนีใครมา”“แฮก ๆ ข้า เดี๋ยวก่อน ขอพัก”จินเยว่ยังหอบหายใจมือกุมท้องขณะก้าวขึ้นเรือนแล้วนั่งลงข้างยี่หวา“สงสัยเรื่องดี ดูจินเยว่สิ ยิ้มกว้างขนาดนี้” ยี่หวาเอ่ยเย้าขณะส่งมือดึงแก้มแม่นางน้อย“อุ๊ย..เจ็บพี่ยี่หวา มีม้าเร็วมา แจ้งว่าท่านแม่ทัพกำลังเข้าเขตเมืองฉางอานแล้ว อีกไม่กี่วันจะถึงจวน”สิ้นเสียงจินเยว่ ดวงหน้าของยี่หวาพลันสดชื่นขึ้นทันตา นางเผยรอยยิ้มสดใสเป็นครั้งแรกไม่แสแสร้งในรอบหลายเดือน รวมไปถึงแววตาพราวเปล่งประกาย“เพิ่งพูดถึงก็มาเสียแล้วกองทัพเสือดำ” ฮุ่ยซิ่งพูดเย้ายี่หวาที่บัดนี้พวงแก้มแดงระเรื่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“เจ้าจะรอก่อนไหมฮุ่ยซิ่ง”“ไม่ ข้าตั้งใจแล้วไม่เคยเปลี่ยนใจ”“รออะไร พี่ฮุ่ยซิ่งจะไปไหน”“ข้าต้องจากจวนห
25 ยังรอเจ้าอยู่มิได้พบยุพเยาว์ทนห่มหนาวไม่ชิดใกล้คืนยาวนานทำเช่นไรเราต่างไร้คู่นอนเคียง[1]หลี่เหว่ยกวาดตามองทหารนายกองรอบวงร่วมสิบกว่านาย ตรงกลางคือแผ่นที่ทราย ยามนี้ใกล้เคียงจุดแตกหักสิ้นสุดของสงครามอันยืดเยื้อมานานร่วมปี ก่อนที่กองทัพเสือดำจะเร่งเดินทางร่วมทัพเสริม“ท่านแม่ทัพ” มู่เฉินเอ่ยกระซิบข้างหูสองสามคำ“ข้าต้องขอตัว ทางบ้านมีเรื่อง”หลี่เหว่ยผุดลุกร้อนรน ไม่ใส่ใจสีหน้าของนายกองที่นั่งปรึกษาเรื่องสำคัญ การเคลื่อนทัพหนสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ใจแม่ทัพหนุ่มกระเด้งกระดอนไปทั้งทรวงยามได้ยินคำว่า ‘ตั้งครรภ์’ หลี่เหว่ยย่ำฝีเท้าเร็วตามมู่เฉินออกมาจากกระโจมบัญชาการ เห็นคนเดินสารม้าเร็วยืนเข่ารอจึงรีบส่งมือออกไปรับสารยามนี้เยี่ยนฟางตั้งครรภ์ได้ห้าเดือน ขอให้เจ้าอย่าได้กังวล แม่ได้จัดเตรียมหมอตำแย เชิญหมอหลวงมาตรวจครรภ์มิได้ขาด ย้ายนางขึ้นมานอนยังเรือนใหญ่ก่อนเพื่อรอเจ้ากลับมาสั
24 ลอยละล่องดวงตารีดั่งหงส์หลุบมองมือหนา เรียวยาวเสียแต่ว่าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น“เจ้าทำศึกมามาก เคยนึกเบื่อบ้างหรือไม่มู่เฉิน” ยี่หวาโพล่งขึ้นจนหลี่เหว่ยเบือนหน้ากลับมามองอย่างแปลกใจ แล้วจึงยิ้มอ่อน“ไม่ ข้าไม่เบื่อ ข้าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ปกป้องบ้านเมือง”“เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าวันหนึ่ง ยามสงครามสุขสงบ เจ้าจะทำสิ่งใด”หลี่เหว่ยนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ดวงตาหลุบลงคล้ายครุ่นคิด ก่อนคลี่ยิ้ม“ข้าไม่เคยคิดถึงบ้านเมืองยามสงบสุขได้เลย ตั้งแต่เด็กจนบัดนี้สงครามเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า การรบราฆ่าฟัน การป้องกันเขตแดน ข้าเพียงทำหน้าที่ตามบัญชาองค์ฮ่องเต้ แต่หากบ้านเมืองไร้ศึกจริงอย่างที่เจ้าว่า ข้าคงกลายเป็นบุรุษว่างงาน ไร้จุดหมาย”“เจ้าไม่เคยทำสิ่งอื่นหรือมู่เฉิน เช่น ค้าขาย หรือ ปลูกผัก”“ปลูกผัก!! ข้าคงมิอาจคิดไปไกลถึงขนาดนั้น หากให้ข้าลงมือปลูกผัก เจ้าผักพวกนั้นคงตายก่อนผลิใบรับแสงตะวัน มิสู้ให้ข้าเอาดาบฟันมันเลย ตายตั้งแต่ยังไม่ได้โดนแดดคงดีเส
23 เรือลำน้อยกลางบึงบัว“ตกลง เจ้าได้นัดมู่เฉินหรือไม่ยี่หวา”ฮุ่ยซิ่งคาดคั้นทันทีที่นางเหยียบเรือนหลังเล็กในช่วงดึกล่วงยามห้าย[1] ไปแล้ว เท้าเล็กเรียวชะงักแหงนหน้าขึ้นเห็นบุรุษหอซีหยางโหลวโบกพัดยืนเท้าเอวเป็นเงาทะมึนกลางเรือน“เจ้ายังไม่นอนอีกหรือ” น้ำเสียงอ่อนแรงเดินยังหมดแรงค่อยก้าวอย่างระมัดระวังเพราะเจ็บหนึบ“ถ้านอนแล้วเจ้าจะเห็นหรือยี่หวา หายหน้าไปค่อนคืนกลับมาอ่อนระโหยดั่งออกศึก”“ข้าออกศึกมาจริง ๆ หาววว ข้าง่วงแล้ว”“ประเดี๋ยว” ฮุ่ยซิ่งคว้าต้นแขนไว้ “ตกลงนัดหรือยัง”“ข้าลืม”คิ้วเรียวฮุ่ยซิ่งกระตุกถี่“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรื่องนี้สำคัญยิ่ง เยี่ยนฟางเสียท่านอนกับใคร ใช่ท่านแม่ทัพหรือไม่ หรือเป็นเพียงทหารธรรมดา เงินในหีบที่เจ้าฝันไว้สลายหายวับไปกับตา”เป๊าะ...ฮุ่ยซิ่งดีดนิ้วใส่หน้าแล้วสะบัดพัดพับโขกหัวสตรีตรงหน้า“หัวสมองเจ้ายามนี้มีแต่บุรุษ หญิงมิเคยต้องมือชายก็เป็นเช่นนี้ หลงเสน่หาเจ้าหมอนั่นเต็มเปา”23ข้าเปล่า ถอยไปข้าจะนอน”