5 จวนตระกูลหลี่
จวนตระกูลหลี่
แม่ทัพหนุ่มแหงนดวงหน้าแกร่งคมสันกร้าวดุดันมองป้ายตระกูลก่อนกระโดดลงจากหลังม้า เดินตรงมุ่งหน้าขึ้นบันไดกว้างของจวน
“หยุด!!”
ทหารตัวน้อยร่างผอมยื่นทวนยาวขวางหน้าทันควัน สีหน้าขึงขังน่าหัวร่อจนหลี่เหว่ยยิ้มมุมปาก มือสะบัดยกทวนออกแล้วสาวเท้าออกเดินพลันมีทหารหนุ่มอีกคนดูบึกบึนกว่ายกทวนขวางไว้เช่นกัน
“เจ้าบังอาจนัก จวนตระกูลหลี่หากจะเข้าต้องแจ้งชื่อ เจตจำนงเสียก่อน”
หลี่เหว่ยก้มมองร่างเล็กของทหารหนุ่มแล้วส่ายหน้า เพียงจากไปรบสองปี จวนตระกูลหลี่ตกต่ำถึงขนาดให้ทหารอายุน้อยซ้ำผอมโกรกเดินยามเฝ้าหน้าประตู ดูแล้วช่างน่าอับอายยิ่ง
“พวกเจ้าอยากรู้ชื่อข้า”
หลี่เหว่ยเอ่ยด้วยเสียงทุ้มดังไร้ความกลัว ขยับเท้าจะเดินแต่ทวนสองทวนยังขวางไว้
“หากเจ้ายังขืนดึงดัน ข้าคงต้องทำร้ายเจ้า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำร้ายข้า คงเป็นเจ้ามากกว่าทหารน้อย”
สิ้นคำหลี่เหว่ยรวบทวนสองทวนไว้มือเดียวสะบัดโยนทหารน้อยผอมหล่นลงบันไดแล้วก้าวอาดเข้าจวน
“เจ้า เจ้า”
สองทหารน้อยวิ่งตามทุลักทุเลหน้าตื่น ยกทวนตั้งท่าแทงจากด้านหลังพลันเสียงตะคอกดังขึ้น
“เจ้าโง่ เจ้าโง่บัดซบ”
พ่อบ้านตระกูลหลี่ เทียนหยูตะโกนเสียงกร้าวรีบวิ่งซอยเท้าด้วยวัยเกือบห้าสิบหน้าตาตื่นตระหนก หยุดลงตรงหน้าร่างแกร่งสูงใหญ่โค้งคำนับฝ่ามือซ้ายประกบมือขวา ก้มโค้งต่ำยิ่งสีหน้าสำนึกผิด เอียงหน้าไปทางทหารหน้าเซ่อสองนาย
“ยังไม่รีบสำนึกผิด นี่ท่านแม่ทัพหลี่เหว่ย”
สองทหารตัวสั่นทิ้งทวน หัวเข่ากระแทกพื้นโขกศีรษะแนบพื้นเอ่ยเสียงสั่น
“ข้า ข้า มิรู้ที่ต่ำที่สูง ขอท่านแม่ทัพโปรดอภัย”
หลี่เหว่ยชายตามองแล้วปัดมืออย่างไม่ใส่ใจก่อนมองพ่อบ้าน
“พ่อบ้านเทียนหยู ท่านแม่อยู่ไหน”
“ฮูหยินอยู่เรือนกุ๋ยฮวาด้านหลัง เออ กำลังดื่มชากับคุณหนูจวนกั๋วกง”
คิ้วเข้มกระตุก รู้ทั้งรู้ว่ากองทัพมาถึงวันนี้ยังนัดคุณหนูห้องหอมา คงคิดแผนการจับคู่กระมัง
“ถ้าเช่นนั้น เชิญท่านแม่ตามสบาย ข้าค่อยไปคารวะช่วงเย็น”
“เดี๋ยวท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ”
พ่อบ้านเทียนหยูวิ่งตามร่างใหญ่ของท่านแม่ทัพทันที เขาได้รับคำสั่งมาโดยเฉพาะให้พาท่านแม่ทัพไปยังเรือนเล็กเพื่อทำความรู้จักให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะโดนตัดเงิน สีหน้าร้อนรนยิ่ง
หลี่เหว่ยยังเดินก้าวยาวไม่ใส่ใจกระทั่งใกล้ถึงเรือนหลงจึงหยุดเท้าหันกลับไปมองพ่อบ้านหอบฮักวิ่งตามเกือบถึงตัว
“ท่านหยุดเถิดพ่อบ้าน ข้าต้องการพักผ่อน เพิ่งกลับจากการรบ ขืนให้ข้าไปทำความรู้จักแม่นางน้อย ข้าคงได้ทำให้คุณหนูอะไรนั่นกลัวเสียเปล่า ๆ อีกเรื่อง เจ้าสองคนหน้าจวนปลดออกเสีย ข้าจะให้มู่เฉินหาทหารคนใหม่มาแทน”
ปัง!!
หลี่เหว่ยปิดประตูใส่หน้าทันทีเมื่อเอ่ยจบ ถอนหายใจออกยาวแล้วสะบัดเสื้อเกราะเหม็นอับออกพร้อมหมวกเหล็ก เดินไปทางห้องน้ำที่บัดนี้ทางเรือนได้จัดเตรียมไว้คอยท่าแล้ว หย่อนร่างเปลือยเปล่าลงแช่ เอนดวงหน้าแหงนเงยพิงขอบอ่างยิ้มมุมปาก
“ยี่หวา ชื่อแปลกประหลาดนัก”
¨ ¨ ¨ ¨ ¨ ¨ ¨ ¨
ยามโหย่วของจวนเริ่มวุ่นวาย บ่าวในจวนเตรียมตั้งสำรับ กลิ่นอาหารหอมกรุ่นโชยกระทบนาสิก เป็นเวลานานมากแล้วที่หลี่เหว่ยมิได้กลิ่นอาหารหอมเยี่ยงนี้ ขยับร่างลุกขึ้นจากตั่งนอนเล่นยามบ่าย
“ท่านแม่ทัพ”
มู่เฉินเมื่อได้ยินเสียงภายในห้องพักจึงค่อยส่งเสียงเรียกหน้าห้อง
“มีอะไร”
“ฮูหยินหลี่เรียกหาขอรับ”
มู่เฉินยืนนิ่งรอกระทั่งประตูเปิดออกพร้อมร่างของท่านแม่ทัพสูงใหญ่แต่งกายเรียบร้อยเกล้าผมสูงเป็นมวยด้านบนสวมกว้านหยกงดงาม ใบหน้าไร้หนวดเคราสะอาดสะอ้าน เสียเพียงผิวยังคล้ำแดดจากการกรำศึกมายาวนาน
หลี่เหว่ยเดินผ่านมู่เฉินมุ่งตรงไปยังเรือนซิ่วอิง แสงอาทิตย์ลำสุดท้ายกำลังสาดกระเบื้องหลังคากระทบยอดจั่วลายเสือฉาบสีทอง
“ท่านแม่ทัพ ยังอีกเรื่อง”
หลี่เหว่ยยังก้าวยาวไม่หยุดเดิน บ่าวรับใช้ย่อกายทำความเคารพตลอดทาง หางตาเห็นหญิงแปลกหน้ารูปร่างอรชร หน้าตางดงามยิ่ง ย่อกายทำความเคารพหน้าบันไดทางขึ้นเรือนฮูหยินหลี่ เขาเพียงชำเลืองหางตา หาได้ใส่ใจ
“คืนนี้ เพื่อเป็นการตกรางวัลจากทางการได้เปิดประมูลสาวงามหอคณิกามาให้ท่านแม่ทัพหนึ่งคน”
เรื่องนี้ทำให้หลี่เหว่ยหยุดเท้าได้ในที่สุด หันกลับมามองมู่เฉินเต็มตัว หรี่ตาเหยี่ยวลง
“ขยายความ”
“นอกจากเงินรางวัล ตำแหน่งที่ฮ่องเต้พระราชทานลงมาแล้ว พวกอำมาต ข้ามิรู้ว่าผู้ใดเป็นคนโพล่งพูดขึ้นมาว่าเห็นควรตกรางวัลด้วยหญิงงาม”
“หญิงงามกระนั้นหรือ”
“ขอรับ จากนั้นก็เกิดเสียงเซ็งแซ่แตกออกดังระงมท้องพระโรงกระทั่งฝ่าบาทต้องถึงกับทุบโต๊ะ”
หลี่เหว่ยพยักหน้ารับรู้ มือหนึ่งไพล่หลังอีกมือเผลอลูบเคราทั้งที่โกนสะอาดเรียบร้อย
“แล้วสรุป”
“สรุปความแล้ว ฮ่องเต้ทรงมีพระประสงค์เปิดประมูลสาวงามขอรับ คืนนี้ที่หอเย่วโหลวกับหอซีหยางโหลว”
“ซีหยางโหลว นั่นมันหอคณิกาชายมิใช่หรือ”
“เออ...ว่ากันว่า” มู่เฉินกลืนน้ำลาย “มีคนในท้องพระโรงพูดกันหนาหูว่าท่านแม่ทัพพึงใจชายหนุ่มขอรับ”
“ว่าอะไรนะ” หลี่เหว่ยส่งเสียงตะคอกดังจนมู่เฉินต้องรีบคุกเข่ากับพื้น
“ท่านแม่ทัพ เป็นเพียงข่าวลืออย่าได้ใส่ใจ”
คิ้วกระบี่กระตุกถี่ก้มมองมู่เฉินดวงตาแข็งกร้าวก่อนฉุกคิดได้ค่อยคลี่ยิ้มออกมาจากนั้นจึงแหงนหน้าหัวเราะลั่น
“ท่านแม่ทัพ”
“ลุกขึ้นเถอะมู่เฉิน ฮ่า ฮ่า ดียิ่ง ฮ่า ฮ่า”
มู่เฉินยืนเกาศีรษะตาค้าง ได้แต่สงสัยว่าเหตุใดท่านแม่ทัพจึงเห็นเรื่องนี้เป็นสิ่งดี หรือ ... ท่านแม่ทัพชื่นชอบบุรุษจริง ๆ
ส่วนท่านแม่ทัพยังเดินไปพลางยิ้มในหน้ากระหยิ่มดีใจยิ่งที่ชื่อเสียงป่นปี้ กระทั่งถึงหน้าประตูเรือนจึงได้หุบยิ้มทอดถอนใจยาวเหนื่อยอ่อน
6 จินเยว่“ท่านแม่”“เข้ามา”หลี่เหว่ยก้าวข้ามธรณีประตูตรงไปยังห้องทานข้าวเย็นของเรือน มองเห็นหญิงสาวคนเดิมตรงกลางโถงยืนด้านข้าง ก้มหน้านิ่ง ตวัดตาเหลือบเพียงครู่จึงค่อยส่งรอยยิ้มพร้อมทำความเคารพให้มารดา“ลูกมาทำความเคารพช้า ขอท่านแม่โปรดให้อภัย”ท่านแม่ทัพใหญ่โค้งคำนับงดงามมือประสานให้มารดาบังเกิดเกล้า“ลูกเหว่ย”ฮูหยินหลี่ปรี่ตรงเข้าหาลูกชายยิ้มทั้งน้ำตาประคองร่างลูกชายเพียงคนเดียวให้นั่งลง“ไม่เป็นไร เจ้าเหน็ดเหนื่อยตรากตรำลำบากมาสองปี ย่อมต้องการพักผ่อน เป็นแม่เองที่ผิด รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าจะมายังนัดคุณหนูสามจวนกั๋วกงจางมา”“ท่านแม่ ข้าโทษตัวเอง ย่อมเป็นข้าที่ผิด”“มา ๆ ทานข้าว ค่ำนี้แม่ให้พ่อครัวทำแพะตุ๋นบำรุงร่างกาย”หลี่เหว่ยกำลังหยิบตะเกียบพลันแม่นางน้อยด้านข้างเคลื่อนร่างเข้าใกล้ตักน้ำแกงใส่ถ้วยยื่นมาวางตรงหน้า ก่อนถอยหลังกลับไปอย่างรู้งาน“อ๋อ เกือบลืมไปเสียสนิท นี่หลานสาวลุงไห่ เจ้าจำได้หรือไม่ ตอนเล็ก ๆ ข้าเคยพาไปกวางโจวครั้งหนึ่ง”“ลุงไห่ ข้าจำได้”“มา ๆ เยว่เ
7 หอเยว่โหลวกุบ กับ กุบ กับหลี่เหว่ยขยับสาบเสื้อคลุมสีเข้มออกดำขณะรถม้าหยุดลงหน้าหอเยว่โหลว ชำเลืองมองหน้ามู่เฉินยังสีหน้าไม่สู้ดีนักจึงยักยิ้มแล้วเปิดม่านลงไปก่อนตุบ!“เชิญท่านแม่ทัพ”หลี่เหว่ยประกบมือโค้งคำนับแล้วจึงเปิดผ้าม่านให้มู่เฉินลงจากรถม้า สีหน้าองครักษ์คนสนิทยิ่งซีดเผือดลงกว่าเดิมจนหลี่เหว่ยต้องทำตาขึงขังใส่ จึงได้จำยอมลุกแล้วออกจากรถม้ามู่เฉินพาร่างสูงใหญ่ก้าวขึ้นบันไดหอคณิกาโดยมีแม่ทัพตัวจริงเดินตามหลัง“ท่านแม่ทัพมาแล้ว เชิญทางนี้ขอรับ ทางนี้”เด็กหนุ่มหน้าตาพอใช้ได้สวมชุดสีเทาอ่อนใบหน้าสะอาดสะอ้านรูปร่างสะโอดสะองติดสำอาง วาดมือผายออกเชิญท่านแม่ทัพด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วจึงเหลียวมองไปยังนายแม่ที่ยืนอยู่เหตุการณ์อยู่ชั้นสองนายแม่หอเยว่โหลวได้สัญญาณจากไห่เทาจึงโบกพัดกลมในมือสองครั้งให้คนชั้นล่างทันที“อาเจี่ยนายแม่โบกพัดแล้ว”เยี่ยนฟางเอียงหน้าไปทางยี่หวาที่วันนี้แต่งกายเป็นบุรุษ ทว่าไม่ปิดบังดวงหน้าเปิดเปลือยไร้เครื่องสำอาง“เจี่ยเจ
8 ประมูลสาวงามหลี่เหว่ยไม่ยิ้มตอบเพียงปลายหางตาให้จนมู่เฉินยิ้มเจื่อนไป แม่ทัพใหญ่ตัวจริงเบือนหน้ากลับไปยังเวทีกลางหอเยว่โหลว เฝ้าดูกิริยาแม่นางน้อยแต่ละนางสีหน้าตื่นตกใจอุทาน ยกพัดโบกหน้าที่แดงซ่านระเรื่อ มีเพียงคนเดียวตรงกลางที่ดูว่าโกรธจัดจนต้องใช้บัดโบกความเห่อร้อนบนดวงหน้า“สมน้ำสมเนื้อเช่นนั้นหรือ” ยี่หวาพึมพำสะบัดปิดหน้าแดงก่ำเพราะความฉุนเฉียว ก่อนหัวเราะก้องออกมากระพือพัดแรงเดินไปยังด้านหน้าเวทีเกือบถึงขอบพื้นยก ผายมือออกทั้งสองข้าง“ข้าว่างานนี้ถึงประมูลหญิงงามท่านใดไป ไม่ว่าวัยกำดัด วัยขบเผาะ วัยออกเรือน หรือวัยอื่นใดคงไม่มีผลต่อท่านแม่ทัพดอกกระมัง” สีหน้าระรื่นผิดสังเกตจนหลี่เหว่ยเผลอชะโงกกายไม่รู้ตัว“เพราะเหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนั้น” มู่เฉินมิรู้ความโพล่งออกไปแม้กระทั่งหลี่เหว่ยยังยั้งมือรั้งไว้ไม่ทัน“ก็เพราะว่า....ท่านแม่ทัพ มิได้ชื่นชอบสตรีนะสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”ความเงียบสงัดปกคลุมทั่วโถงกลางของหอเยว่โหลวทันควัน แต่เพียงชั่วหยดน้ำสุรารินใส่จอกเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นเสียงหัวร่อครึกครื้นพลันสนั่นดั่งคล้ายเสียงฝนกระห
9 พับผ้าย้ายเข้าจวน“หาวววววววว...”หลี่ฮูหยินปิดปากหาวหวอดใหญ่ ยามเช้าปลายฤดูฝนใกล้ต้นฤดูหนาวอากาศเลวร้ายทั้งเย็นเยียบ ทั้งวังเวง นางกระชับเสื้อคลุมขนสัตว์ที่เพิ่งได้รับพระราชทานลงมาจากเบื้องบน“ฮูหยินเจ้าคะ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”แม่บ้านโจวผลักประตูพรวดพราดเข้ามายังห้องอุ่นหน้าตาตื่นตระหนกทั้งดวงตาเบิกกว้างจนหลี่ฮูหยินต้องเอ็ด“เจ้าเอะอะแต่เช้ามีเรื่องอันใดกัน ข้านี่ตกใจหมด” หลี่ฉือยกมือทาบอกเหลือบสายตาไปยังหลานสาวจินเยว่กำลังส่งจอกน้ำชาให้“แต่ฮูหยิน เรื่องนี้เรื่องใหญ่ยิ่งเจ้าค่ะ ตอนนี้เกิดข่าวลือทั้งเมืองเรื่องท่านแม่ทัพเป็นพวกต้วนซิ่วเจ้าค่ะ” แม่บ้านโจวพูดพลางหอบหายใจ ตายังเบิกโตแล้วสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ หลานสาวหลี่ฮูหยินร้องห่มร้องไห้“ท่านป้า ฮือ ๆ ท่านพี่ ฮือ ๆ เป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ ฮือ ๆ” จินเยว่ยกมือปาดน้ำตาทิ้งเป็นระยะ ๆ มองป้าห่าง ๆ แปดไม้ไผ่ตีไม่ถึง[1]ด้วยดวงตาบอบช้ำระคนต่อว่า“เจ้าใจเย็น ๆ เยว่เอ๋อร์ ยังมิทันได้สอบความ เจ้าเร่งด่วนตัดสินเช่นนี้
10 ฮุ่ยซิ่ง แห่งซีหยางโหลว“ฮะ แฮ่ม เอาไงดีพี่ยี่หวา” เยี่ยนฟางลอบชำเลืองมองประตูเรือนที่ยังปิดตาย พวกนางยืนรอมาสักพักแล้ว ซ้ำอากาศยามนี้ปลายฝนต้นหนาวให้ความเย็นเฉียดผิวกายใต้เสื้อผ้าเนื้อบาง“ดูท่าตระกูลหลี่คงไม่เต็มใจให้เรามาอยู่ด้วยกระมัง”“แต่พวกเรายืนอยู่เช่นนี้มาสักพักแล้ว ข้าว่าจะร่วมสองเค่อ”“ตะโกนเรียก”“ไม่ ไม่ได้ หากขืนท่านทำเช่นนั้นการอยู่ที่นี่ต่อไปจะยิ่งลำบาก”“แล้วจะให้ทำเช่นไรเยี่ยนฟาง พี่หนาวจะแย่แล้ว”“ข้าช่วยเองเอาไหม” เสียงสวบสาบดังขึ้นด้านหลังพร้อมเสียงนุ่มนวลแหบต่ำอย่างบุรุษก็ไม่ใช่สตรีก็ไม่เชิงโพล่งออกมาบุรุษรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นสวมใส่ชุดหนาทนหนาวด้วยขนสัตว์ราคาแพงก้าวเดินหยุดขนาบข้างยี่หวา อีกด้านคงเป็นบริวารที่นำมาด้วยเพราะท่าทางนอบน้อมถือข้าวของพะรุงพะรัง ดวงหน้าเรียวงามปากนิดจมูกหน่อยผิวพรรณอย่าให้เอ่ย นวลเนียนยิ่งกว่าหญิงคณิกาชื่อดัง“ข้าฮุ่ยซิ่ง พวกเจ้าคงเป็นคณิกาจากหอเยว่โหลว” น้ำเสียงแค่นดูถูกในทีพลางขยับเคลื่อนกายในชุดงดงามราวคุณชายชนชั้นสูงตรงไปทางบัน
11 ลีลานักแสดงเก่าซ่า ........เพียงวันแรกที่ต้องเริ่มแผนการฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ ตกพรำยังไม่ทันย่ำรุ่ง เสียงหยดน้ำกระทบใบไม้ต้นสูงใหญ่ริมสระ ทั้งเสียงสรรพสัตว์ตัวน้อยกำลังร่าเริงสำราญใจรับฝนทำให้ทุกสิ่งราวต้องมนต์ ห้วงเวลาหยุดชะงัก รวมไปถึงนางยี่หวานอนคว่ำหน้ากับพื้นระเบียงหน้าเรือน ในมือเป็นใบไผ่แกว่งไกวไปมาครุ่นคิด ดวงตาเพ่งมองตรงไปทางเรือนหลงซึ่งมองเห็นได้จากระยะไกล ทหารเดินยามยังคงยืนนิ่งกลางสายฝน น่าเกรงขามยิ่ง - - ทนทรมานไปเพื่ออันใด ถ้าเป็นข้ากลับบ้านไปกกเมียจะดีกว่าจดจ้องไม่นานพลันเห็นประตูจวนเปิดออกพร้อมขบวนกลุ่มชายราวห้าหกคน รูปร่างใหญ่โตสวมใส่ชุดสำหรับฝึกซ้อมเดินไปยังด้านซ้ายของเรือนหลงแล้วลับหายไปด้านหลังยี่หวาผุดลุกนั่งขัดสมาธิทันควัน เหมือนว่านางเห็นบุรุษผู้นั้นเดินหน้าสุด บุรุษที่มีวาจาเชือดเฉือนสตรีอ่อนแอเช่นนาง บุรุษไร้มารยาท บุรุษที่ทำให้แผนของนางพังพินาศ คิ้วเรียวดั่งเอ๋อเหมยขมวดยุ่งจนเกือบชนกัน มือคว้าพัดพับคู่ใจลุกยืน ไม่ทันได้หยิบร่มก้าวพรวดออกจากเรือนตรงไปยังมุ
12 เจ้ายิ้มเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี“ก็แค่บทกลอนของชายชราผมขาวที่วัน ๆ เอาแต่ร่ำสุรา ท่องเที่ยว พร่ำพรรณนา”พั่บชายตรงหน้าสะบัดพับกับฝ่ามือแล้วยื่นส่งให้ด้วยสีหน้ากวนโมโห ยี่หวาหลุบตามองพัดในมือใหญ่ นิ้วเรียวยาวงดงามทว่าเต็มไปด้วยร่องรอยแผลเป็นขีดขาว นางยังนิ่งไม่รับพัดแล้วตวัดตากลับเหลือบมองชายสูงใหญ่กว่านางมาก“ข้ายังไม่รับ เพราะหากข้ารับนั่นหมายถึงท่านจะไม่ชดใช้ให้ข้า มู่เฉิน” ยี่หวาส่งน้ำเสียงเย็นเยียบหรี่ตามองแล้วพลันสังเกตว่าท่านแม่ทัพด้านหลังสะดุ้งเฮือก - - เหตุใดกันบุรุษตรงหน้าคลี่รอยยิ้มกวนใจอีกคราแล้วยืดกายกลับมือกระชับกำพัดไว้แล้วกอดอกนิ่ง“ชดใช้เช่นนั้นหรือ”“ใช่ ชดใช้ พัดนี่ข้าสั่งทำมาเป็นพิเศษ กว่าจะได้ตัวกวีนิพนธ์มาเขียนให้ข้าได้ ข้ารอร่วมเกือบปี” ยี่หวายืดกายเลียนแบบมู่เฉินเช่นกัน กอดอกเงยหน้ามอง“งั้นเจ้าคิดไว้ในใจแล้วหรือยังว่าให้ข้าชดใช้เท่าไร”“ฮึ ข้ายังไม่ทันคิด ไว้ข้าจะบอกเจ้าวันหลัง ฉะนั้นพัดนี่ข้าไม่ขอรับคืน” ปากกระจับยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่ออีกไม
13 ตกลง“ข้อเสนออะไร” สะบัดกระบี่เก็บเข้าฝักแล้ววางไว้ด้านข้าง“ข้าได้รับจ้างเป็นเงินจำนวนมาก .. หีบใหญ่ทีเดียว ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด ให้ช่วยเหลือท่านแม่ทัพหายจากอาการหลงใหลบุรุษ กลับมาชื่นชอบสตรี และต้องทำให้หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์” ยี่หวาพลิกหน้าเอียงไปยังทิศทางของห้องแม่ทัพจึงมิทันได้เห็นสีหน้าตกใจของหลี่เหว่ย“ใครกันจ้างพวกเจ้า”“จะใครเสียอีก ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของเรื่องนี้มากที่สุด” ยี่หวาหยุดพูดแล้วหันหน้ากลับมาส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้“หลี่ฮูหยินเช่นนั้นหรือ”“เจ้าฉลาดยิ่ง ใช่แล้ว” นางขยับขาลงแล้ววางเรียบบนพื้นข้างเตาอุ่นจนหลี่เหว่ยต้องมองตาม เท้าเรียวโผล่ออกมาจากชายเสื้อคลุมรวมไปถึงท่อนขาขาวนวลโดยที่นางไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่เกลี้ยกล่อม“ข้ามีทรัพย์สมบัติมากพอแล้วไม่ต้องการอีก”“นั้นเพราะท่านไม่เห็นว่ามันมากมายขนาดไหน”“เจ้าจะอยากได้เงินทองไปทำไมกันยี่หวา”“ก็เพราะข้าไม่ต้องการติดอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตนะสิ หากข้ามีเงินทอง ข้าจะท่องเที่ยวไปให้ทั่ว”“เจ้าหาได้จากทางอื่น” หลี่เหว่