4 เหว่ย
ขบวนนักรบผู้กล้าเกรียงไกรตั้งแถวหน้ากระดานเรียงสิบ โดยมีท่านแม่ทัพใหญ่หนวดเครารุงรังขี่ม้าตรงกลาง สูงสง่าบึกบึน สวมหมวกเหล็กสีเงิน ธงดำรูปเสือปลิวไสว
“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ”
เยี่ยนฟางตะโกนเรียกโบกมือ เช่นเดียวกับคนในถนน ยี่หวาก้มลงมองแล้วยิ้ม
“ไม่เห็นหล่อ”
“อาเจี่ย รูปงามขนาดนั้น ลองโกนหนวดเครารับรองว่างามราวหยกเนื้อดี”
“เชอะ”
ยี่หวากระดกจอกสุราจนหมดกำลังลงจากราวกันตกพลันสังเกตเห็นบุรุษรูปหนึ่งสวมเกราะรบเช่นกัน นั่งนิ่งแต่มือคุ้ยข้าวกินราวอดตาย
“ท่าน ... ท่านเป็นพวกหนีทหาร รึ”
พรวด!! แค่ก ๆ ๆ
หลี่เหว่ยถึงกับสำลักเมื่อได้ยินเสียงกดต่ำแสร้งดัดให้คล้ายบุรุษทั้งที่เป็นสตรี
“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบกิน”
นางขยับตัวเปลี่ยนใจ ไม่ต้องการส่องท่านแม่ทัพผู้เกรียงไกรแล้ว มิสู้พูดคุยกับทหารหนีแถวจะดีกว่า
ยี่หวาว่าพลางหยิบขวดสุราและจอกหันกลับมานั่งด้วย รินให้ชายขาติทหารตรงหน้า
“ข้าชื่อ ชื่อ....” นางนิ่งคิด เพราะไม่ทันได้คิดไว้ล่วงหน้า “ชื่อจุนเฟิง”
หลี่เหว่ยไม่ใส่ใจ มือคุ้ยข้าวต่อไปด้วยความหิว เขาเข้าเมืองมาพลันเห็นคนมากมายจึงเลี่ยงขึ้นมานั่งบนหอเสียก่อน รอคนซาค่อยกลับจวน แต่ด้วยความตรากตรำศึกมาเสียนานจึงเกิดหิว สั่งของกินรองท้อง แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าสองสาวปลอมเป็นบุรุษกำลังวิจารณบุรุษอย่างน่าขัน
“เจ้านี่ เป็นทหารกองทัพเสือดำ ไม่ได้โดนสอนมารยาท รึ”
ชายหนวดเฟิ้มสะบัดหน้าขึ้นมองทันควัน ส่งสายตาอย่างที่ใช้กับลูกน้องในกองทัพใส่แม่นางน้อยแต่ดูเหมือนว่านางมิได้เกรงกลัว ซ้ำส่งสายตาติเตียน
“หรือว่า ท่านแม่ทัพของท่านก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีมารยาท”
ปัง!!
หลี่เหว่ยกระแทกตะเกียบลงโต๊ะแรงจนจอกเหล้ากระเทือน จ้องหน้าแม่นางน้อยเขม็งคิ้วกระบี่กระตุก
“ข้าเพียงต้องการชวนคุย ไม่เห็นต้องโมโหโทโสเช่นนี้ เอาเป็นว่าท่านทานต่อไปเถิด ข้าจะเป็นฝ่ายพูดฝ่ายเดียวก็พอ”
หลี่เหว่ยมองมือเล็กที่ยื่นมาตรงหน้าทำท่าทางเชิญให้เขาลงมือทานข้าวต่อ แต่ความอยากอาหารลดหายไปแล้วหลายส่วนจึงมองหาเด็กในร้านเพื่อคิดเงิน
“อ้าว...ท่านจะคิดเงินแล้วหรือ เอาแบบนี้ มื้อนี้ข้าเลี้ยงเอง ถือเสียว่าเป็นข้าที่เสียมารยาทชวนท่านคุยระหว่างมื้ออาหาร ทั้ง ๆ ที่ท่านต่างหากที่เสียมารยาทมิตอบคำถามข้า”
คราวนี้หลี่เหว่ยมิอาจทานทน แม่นางคนนี้จงใจยั่วโมโหเขาโดยแท้ จึงส่งเสียงคำรามดั่งพยัคฆ์
“เจ้านี่มัน เหลือทน เป็นสตรีไยแต่งกายเป็นบุรุษ ทั้งยังพูดจาโอหังโอ้อวดความรู้แบบผิด ๆ ถูก ๆ”
“เจ้า….พูดได้ ฮ่า ฮ่า คราแรกข้านึกว่าเจ้าเป็นใบ้เสียแล้ว ฮ่า ฮ่า”
คิ้วกระบี่ถึงกับกระตุกถี่ มองร่างระหงสูงกว่าหญิงทั่วไปหัวเราะงอหายยกสุราขึ้นจิบ
“ข้าชื่อจุนเฟิง ทีนี่แจ้งชื่อแก่ข้าได้หรือยัง”
“เจ้ามิได้ชื่อจุนเฟิง เพราะเจ้าปลอมตัวมา ฉะนั้นถือว่าเจ้าโกหกและข้าไม่ชอบคนโกหก”
“ฮ่ะ ฮ่า เจ้านี่เก่งกาจมาก สมกับอยู่ในกองทัพเสือดำ ถูกต้องข้าปลอมตัวมา นั่นเพราะเหตุจำเป็น”
“เหตุจำเป็นอันใด เมืองนี้ไม่ได้ห้ามสตรีออกนอกเรือนเสียหน่อย”
“ฮึ ถึงคราวพูดนี่ เจ้าพูดมากเชียวนะ ถ้าเจ้ายอมบอกชื่อ ข้าจะยอมบอกชื่อจริงข้า”
แม่ทัพหนุ่มรินสุราลงจอกเล็กแล้วยกดื่ม ตวัดตามองก่อนเอ่ยขึ้น
“น้อยเกินไป ข้ารู้สึกว่าข้านั้นเสียเปรียบหลายส่วน ข้าเปิดเผยหน้า ส่วนเจ้าไม่”
ยี่หวายิ้มกว้างมองบุรุษนักรบยกสุรารวดเดียวหมดจอก วางแล้วรินเพิ่มใหม่ คล้ายเริ่มพึงพอใจที่ได้ปะทะคารมกับนาง
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะยอมเปิดเพียงปาก ส่วนเจ้าแจ้งชื่อ ดีหรือไม่”
มุมปากชายเคราดกยกยิ้มพลางจิบสุรารสเลิศ เพ่งจับจ้องแม่นางนิ่งคิดพิเคราะห์จนยี่หวาเริ่มฉุนเฉียว
“ปัดโธ่! ท่านไม่เสียกระไรเลย มัวชักช้าคิดนานดั่งสตรีไปได้”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
จู่ ๆ ทหารกองทัพเสือดำพลันหัวเราะก้องกระแทกจอกลงโต๊ะเสียงดัง
“ดี เอาเช่นนั้นก็ได้ เจ้าแจ้งชื่อจริง เปิดครึ่งหน้ามาเถิด ข้าน้อมรับเพียงเท่านี้”
รอยยิ้มหวานบนใบหน้าผุดกระจ่างยามบุรุษตรงหน้ายินยอม นางภาคภูมิใจในตนเองเหลือเกินที่สามารถทำให้บุรุษเช่นเขาอ่อนให้หลายส่วน
“ข้าชื่อยี่หวา” มือยกจอกสุราชูตรงหน้าแล้วดื่มจนหมดกระแทกลงโต๊ะ ก่อนหยิบพัดสะบัดแล้วหุบฟาดลงฝ่ามือ ขยับปลายพัดเปิดผ้าคลุมสีดำออกเพียงครึ่งส่วนจนมองเห็นริมฝีปากงดงามสีแดง แก้มชมพูดั่งลูกท้อ ไฝเม็ดเล็กบนริมฝีปากซ้ายด้านบน จมูกโด่งเป็นสันเรียวแหลมงดงาม
พรึบ!!
“พอแล้ว ในเมื่อข้ายินยอมเปิดเผยดวงหน้า ฉะนั้น ท่านควรบอกชื่อเช่นกัน”
หลี่เหว่ยยิ้มกว้าง ภาพงดงามของหญิงสาวจดจำประทับอยู่ในความทรงจำอันเฉลียวฉลาด
“ข้าชื่อเหว่ย”
“เหว่ย?”
ทหารกองทัพเสือดำผุดลุกขึ้นยกสุราขึ้นดื่มครั้งสุดท้าย ก้มลงมองร่างบอบบางดั่งสตรีที่ยังเงยดวงหน้าขึ้นมองเขาอย่างงุนงง
“ในเมื่อเจ้าเปิดเพียงครึ่งหน้า ฉะนั้น ข้าจึงบอกชื่อเจ้าเพียงครึ่งเดียว หากโชคชะตาฟ้าลิขิตข้ากับเจ้าคงได้พบกันใหม่”
“เจ้า เจ้า เดี๋ยวก่อน!!”
ยี่หวาตะโกนตามหลัง ยื่นมือจะคว้าเสื้อแต่ไม่ทันคนร่างโต บุรุษตรงหน้าหยิบหมวกเหล็กแล้วหันหลัง แหวกร่างผ่านลูกค้าของหอผิงผิง ลับหายไป
“เจี่ยเจีย เป็นอะไร แล้วเหตุใดจึงไปนั่งโต๊ะนั้น” เยี่ยนฟางร้องทักแปลกใจ
“ข้าเพียง เฮ้อ ... เอาล่ะ ช่างมารดามันเถิด ขบวนกองทัพเสือดำเจ้าล่ะ”
“ขบวนยาวเหยียดแต่ท่านแม่ทัพเลยไปไกลมากแล้ว ข้าว่ากลับกันดีกว่า ออกมานานหากนายแม่รู้ อาเจี่ยมีหวังเจอดี”
“งั้นเรียกเด็กมาเก็บเงิน น้อง ๆ ทางนี้ คิดเงินด้วย”
เด็กหอผิงผิงสวมชุดสีเทาอ่อน หมวกปิดผมมิดชิดสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ผ้าเช็ดโต๊ะห้อยพาดไหล่ รีบวิ่งตรงมาหา
“สองโต๊ะนะขอรับ”
“สองโต๊ะ? เหตุใดสองโต๊ะกัน”
“ก็บุรุษโต๊ะนี้บอกให้เก็บเงินกับท่านขอรับ”
ยี่หวาถึงกับผุดลุกเบิกตากว้างใจต้องการวิ่งตามเจ้าหน้าเหม็นเคราเฟิ้ม แต่ทหารผู้นั้นคงไปไกลมากแล้วจึงได้แต่กระฟัดกระเฟียด
“เยี่ยนฟาง ข้ารบกวนยืนเงินเจ้าก่อน กลับไปข้าจะหยิบให้”
เยี่ยนฟางควักเงินส่งให้เด็กร้านผิงผิง เอียงหน้ามองพี่ยี่หวาด้วยสีหน้าสงสัยกำลังอ้าปากถาม แต่พี่ยี่หวารู้ทันโบกมือห้าม
“เจ้าไม่ต้องถาม ข้าผิดเองที่รับปากเลี้ยงบุรุษ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าบุรุษผู้นั้นหน้าหนาพอให้สตรีอ่อนแอเช่นข้าเลี้ยงอาหาร”
ยี่หวาสะบัดพัดขึ้นโบกขับไล่อารมณ์โกรธหัวร้อนออกเดินนำหน้าเยี่ยนฟาง ในใจก่นด่าบุรุษทหารหาญตลอดทางกลับหอเย่วโหลว
5 จวนตระกูลหลี่จวนตระกูลหลี่แม่ทัพหนุ่มแหงนดวงหน้าแกร่งคมสันกร้าวดุดันมองป้ายตระกูลก่อนกระโดดลงจากหลังม้า เดินตรงมุ่งหน้าขึ้นบันไดกว้างของจวน“หยุด!!”ทหารตัวน้อยร่างผอมยื่นทวนยาวขวางหน้าทันควัน สีหน้าขึงขังน่าหัวร่อจนหลี่เหว่ยยิ้มมุมปาก มือสะบัดยกทวนออกแล้วสาวเท้าออกเดินพลันมีทหารหนุ่มอีกคนดูบึกบึนกว่ายกทวนขวางไว้เช่นกัน“เจ้าบังอาจนัก จวนตระกูลหลี่หากจะเข้าต้องแจ้งชื่อ เจตจำนงเสียก่อน”หลี่เหว่ยก้มมองร่างเล็กของทหารหนุ่มแล้วส่ายหน้า เพียงจากไปรบสองปี จวนตระกูลหลี่ตกต่ำถึงขนาดให้ทหารอายุน้อยซ้ำผอมโกรกเดินยามเฝ้าหน้าประตู ดูแล้วช่างน่าอับอายยิ่ง“พวกเจ้าอยากรู้ชื่อข้า”หลี่เหว่ยเอ่ยด้วยเสียงทุ้มดังไร้ความกลัว ขยับเท้าจะเดินแต่ทวนสองทวนยังขวางไว้“หากเจ้ายังขืนดึงดัน ข้าคงต้องทำร้ายเจ้า”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำร้ายข้า คงเป็นเจ้ามากกว่าทหารน้อย”สิ้นคำหลี่เหว่ยรวบทวนสองทวนไว้มือเดียวสะบัดโยนทหารน้อยผอมหล่นลงบันไดแล้วก้าวอาดเข้าจวน“เจ้า เจ้า”สองทหาร
6 จินเยว่“ท่านแม่”“เข้ามา”หลี่เหว่ยก้าวข้ามธรณีประตูตรงไปยังห้องทานข้าวเย็นของเรือน มองเห็นหญิงสาวคนเดิมตรงกลางโถงยืนด้านข้าง ก้มหน้านิ่ง ตวัดตาเหลือบเพียงครู่จึงค่อยส่งรอยยิ้มพร้อมทำความเคารพให้มารดา“ลูกมาทำความเคารพช้า ขอท่านแม่โปรดให้อภัย”ท่านแม่ทัพใหญ่โค้งคำนับงดงามมือประสานให้มารดาบังเกิดเกล้า“ลูกเหว่ย”ฮูหยินหลี่ปรี่ตรงเข้าหาลูกชายยิ้มทั้งน้ำตาประคองร่างลูกชายเพียงคนเดียวให้นั่งลง“ไม่เป็นไร เจ้าเหน็ดเหนื่อยตรากตรำลำบากมาสองปี ย่อมต้องการพักผ่อน เป็นแม่เองที่ผิด รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าจะมายังนัดคุณหนูสามจวนกั๋วกงจางมา”“ท่านแม่ ข้าโทษตัวเอง ย่อมเป็นข้าที่ผิด”“มา ๆ ทานข้าว ค่ำนี้แม่ให้พ่อครัวทำแพะตุ๋นบำรุงร่างกาย”หลี่เหว่ยกำลังหยิบตะเกียบพลันแม่นางน้อยด้านข้างเคลื่อนร่างเข้าใกล้ตักน้ำแกงใส่ถ้วยยื่นมาวางตรงหน้า ก่อนถอยหลังกลับไปอย่างรู้งาน“อ๋อ เกือบลืมไปเสียสนิท นี่หลานสาวลุงไห่ เจ้าจำได้หรือไม่ ตอนเล็ก ๆ ข้าเคยพาไปกวางโจวครั้งหนึ่ง”“ลุงไห่ ข้าจำได้”“มา ๆ เยว่เ
7 หอเยว่โหลวกุบ กับ กุบ กับหลี่เหว่ยขยับสาบเสื้อคลุมสีเข้มออกดำขณะรถม้าหยุดลงหน้าหอเยว่โหลว ชำเลืองมองหน้ามู่เฉินยังสีหน้าไม่สู้ดีนักจึงยักยิ้มแล้วเปิดม่านลงไปก่อนตุบ!“เชิญท่านแม่ทัพ”หลี่เหว่ยประกบมือโค้งคำนับแล้วจึงเปิดผ้าม่านให้มู่เฉินลงจากรถม้า สีหน้าองครักษ์คนสนิทยิ่งซีดเผือดลงกว่าเดิมจนหลี่เหว่ยต้องทำตาขึงขังใส่ จึงได้จำยอมลุกแล้วออกจากรถม้ามู่เฉินพาร่างสูงใหญ่ก้าวขึ้นบันไดหอคณิกาโดยมีแม่ทัพตัวจริงเดินตามหลัง“ท่านแม่ทัพมาแล้ว เชิญทางนี้ขอรับ ทางนี้”เด็กหนุ่มหน้าตาพอใช้ได้สวมชุดสีเทาอ่อนใบหน้าสะอาดสะอ้านรูปร่างสะโอดสะองติดสำอาง วาดมือผายออกเชิญท่านแม่ทัพด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วจึงเหลียวมองไปยังนายแม่ที่ยืนอยู่เหตุการณ์อยู่ชั้นสองนายแม่หอเยว่โหลวได้สัญญาณจากไห่เทาจึงโบกพัดกลมในมือสองครั้งให้คนชั้นล่างทันที“อาเจี่ยนายแม่โบกพัดแล้ว”เยี่ยนฟางเอียงหน้าไปทางยี่หวาที่วันนี้แต่งกายเป็นบุรุษ ทว่าไม่ปิดบังดวงหน้าเปิดเปลือยไร้เครื่องสำอาง“เจี่ยเจ
8 ประมูลสาวงามหลี่เหว่ยไม่ยิ้มตอบเพียงปลายหางตาให้จนมู่เฉินยิ้มเจื่อนไป แม่ทัพใหญ่ตัวจริงเบือนหน้ากลับไปยังเวทีกลางหอเยว่โหลว เฝ้าดูกิริยาแม่นางน้อยแต่ละนางสีหน้าตื่นตกใจอุทาน ยกพัดโบกหน้าที่แดงซ่านระเรื่อ มีเพียงคนเดียวตรงกลางที่ดูว่าโกรธจัดจนต้องใช้บัดโบกความเห่อร้อนบนดวงหน้า“สมน้ำสมเนื้อเช่นนั้นหรือ” ยี่หวาพึมพำสะบัดปิดหน้าแดงก่ำเพราะความฉุนเฉียว ก่อนหัวเราะก้องออกมากระพือพัดแรงเดินไปยังด้านหน้าเวทีเกือบถึงขอบพื้นยก ผายมือออกทั้งสองข้าง“ข้าว่างานนี้ถึงประมูลหญิงงามท่านใดไป ไม่ว่าวัยกำดัด วัยขบเผาะ วัยออกเรือน หรือวัยอื่นใดคงไม่มีผลต่อท่านแม่ทัพดอกกระมัง” สีหน้าระรื่นผิดสังเกตจนหลี่เหว่ยเผลอชะโงกกายไม่รู้ตัว“เพราะเหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนั้น” มู่เฉินมิรู้ความโพล่งออกไปแม้กระทั่งหลี่เหว่ยยังยั้งมือรั้งไว้ไม่ทัน“ก็เพราะว่า....ท่านแม่ทัพ มิได้ชื่นชอบสตรีนะสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”ความเงียบสงัดปกคลุมทั่วโถงกลางของหอเยว่โหลวทันควัน แต่เพียงชั่วหยดน้ำสุรารินใส่จอกเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นเสียงหัวร่อครึกครื้นพลันสนั่นดั่งคล้ายเสียงฝนกระห
9 พับผ้าย้ายเข้าจวน“หาวววววววว...”หลี่ฮูหยินปิดปากหาวหวอดใหญ่ ยามเช้าปลายฤดูฝนใกล้ต้นฤดูหนาวอากาศเลวร้ายทั้งเย็นเยียบ ทั้งวังเวง นางกระชับเสื้อคลุมขนสัตว์ที่เพิ่งได้รับพระราชทานลงมาจากเบื้องบน“ฮูหยินเจ้าคะ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”แม่บ้านโจวผลักประตูพรวดพราดเข้ามายังห้องอุ่นหน้าตาตื่นตระหนกทั้งดวงตาเบิกกว้างจนหลี่ฮูหยินต้องเอ็ด“เจ้าเอะอะแต่เช้ามีเรื่องอันใดกัน ข้านี่ตกใจหมด” หลี่ฉือยกมือทาบอกเหลือบสายตาไปยังหลานสาวจินเยว่กำลังส่งจอกน้ำชาให้“แต่ฮูหยิน เรื่องนี้เรื่องใหญ่ยิ่งเจ้าค่ะ ตอนนี้เกิดข่าวลือทั้งเมืองเรื่องท่านแม่ทัพเป็นพวกต้วนซิ่วเจ้าค่ะ” แม่บ้านโจวพูดพลางหอบหายใจ ตายังเบิกโตแล้วสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ หลานสาวหลี่ฮูหยินร้องห่มร้องไห้“ท่านป้า ฮือ ๆ ท่านพี่ ฮือ ๆ เป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ ฮือ ๆ” จินเยว่ยกมือปาดน้ำตาทิ้งเป็นระยะ ๆ มองป้าห่าง ๆ แปดไม้ไผ่ตีไม่ถึง[1]ด้วยดวงตาบอบช้ำระคนต่อว่า“เจ้าใจเย็น ๆ เยว่เอ๋อร์ ยังมิทันได้สอบความ เจ้าเร่งด่วนตัดสินเช่นนี้
10 ฮุ่ยซิ่ง แห่งซีหยางโหลว“ฮะ แฮ่ม เอาไงดีพี่ยี่หวา” เยี่ยนฟางลอบชำเลืองมองประตูเรือนที่ยังปิดตาย พวกนางยืนรอมาสักพักแล้ว ซ้ำอากาศยามนี้ปลายฝนต้นหนาวให้ความเย็นเฉียดผิวกายใต้เสื้อผ้าเนื้อบาง“ดูท่าตระกูลหลี่คงไม่เต็มใจให้เรามาอยู่ด้วยกระมัง”“แต่พวกเรายืนอยู่เช่นนี้มาสักพักแล้ว ข้าว่าจะร่วมสองเค่อ”“ตะโกนเรียก”“ไม่ ไม่ได้ หากขืนท่านทำเช่นนั้นการอยู่ที่นี่ต่อไปจะยิ่งลำบาก”“แล้วจะให้ทำเช่นไรเยี่ยนฟาง พี่หนาวจะแย่แล้ว”“ข้าช่วยเองเอาไหม” เสียงสวบสาบดังขึ้นด้านหลังพร้อมเสียงนุ่มนวลแหบต่ำอย่างบุรุษก็ไม่ใช่สตรีก็ไม่เชิงโพล่งออกมาบุรุษรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นสวมใส่ชุดหนาทนหนาวด้วยขนสัตว์ราคาแพงก้าวเดินหยุดขนาบข้างยี่หวา อีกด้านคงเป็นบริวารที่นำมาด้วยเพราะท่าทางนอบน้อมถือข้าวของพะรุงพะรัง ดวงหน้าเรียวงามปากนิดจมูกหน่อยผิวพรรณอย่าให้เอ่ย นวลเนียนยิ่งกว่าหญิงคณิกาชื่อดัง“ข้าฮุ่ยซิ่ง พวกเจ้าคงเป็นคณิกาจากหอเยว่โหลว” น้ำเสียงแค่นดูถูกในทีพลางขยับเคลื่อนกายในชุดงดงามราวคุณชายชนชั้นสูงตรงไปทางบัน
11 ลีลานักแสดงเก่าซ่า ........เพียงวันแรกที่ต้องเริ่มแผนการฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ ตกพรำยังไม่ทันย่ำรุ่ง เสียงหยดน้ำกระทบใบไม้ต้นสูงใหญ่ริมสระ ทั้งเสียงสรรพสัตว์ตัวน้อยกำลังร่าเริงสำราญใจรับฝนทำให้ทุกสิ่งราวต้องมนต์ ห้วงเวลาหยุดชะงัก รวมไปถึงนางยี่หวานอนคว่ำหน้ากับพื้นระเบียงหน้าเรือน ในมือเป็นใบไผ่แกว่งไกวไปมาครุ่นคิด ดวงตาเพ่งมองตรงไปทางเรือนหลงซึ่งมองเห็นได้จากระยะไกล ทหารเดินยามยังคงยืนนิ่งกลางสายฝน น่าเกรงขามยิ่ง - - ทนทรมานไปเพื่ออันใด ถ้าเป็นข้ากลับบ้านไปกกเมียจะดีกว่าจดจ้องไม่นานพลันเห็นประตูจวนเปิดออกพร้อมขบวนกลุ่มชายราวห้าหกคน รูปร่างใหญ่โตสวมใส่ชุดสำหรับฝึกซ้อมเดินไปยังด้านซ้ายของเรือนหลงแล้วลับหายไปด้านหลังยี่หวาผุดลุกนั่งขัดสมาธิทันควัน เหมือนว่านางเห็นบุรุษผู้นั้นเดินหน้าสุด บุรุษที่มีวาจาเชือดเฉือนสตรีอ่อนแอเช่นนาง บุรุษไร้มารยาท บุรุษที่ทำให้แผนของนางพังพินาศ คิ้วเรียวดั่งเอ๋อเหมยขมวดยุ่งจนเกือบชนกัน มือคว้าพัดพับคู่ใจลุกยืน ไม่ทันได้หยิบร่มก้าวพรวดออกจากเรือนตรงไปยังมุ
12 เจ้ายิ้มเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี“ก็แค่บทกลอนของชายชราผมขาวที่วัน ๆ เอาแต่ร่ำสุรา ท่องเที่ยว พร่ำพรรณนา”พั่บชายตรงหน้าสะบัดพับกับฝ่ามือแล้วยื่นส่งให้ด้วยสีหน้ากวนโมโห ยี่หวาหลุบตามองพัดในมือใหญ่ นิ้วเรียวยาวงดงามทว่าเต็มไปด้วยร่องรอยแผลเป็นขีดขาว นางยังนิ่งไม่รับพัดแล้วตวัดตากลับเหลือบมองชายสูงใหญ่กว่านางมาก“ข้ายังไม่รับ เพราะหากข้ารับนั่นหมายถึงท่านจะไม่ชดใช้ให้ข้า มู่เฉิน” ยี่หวาส่งน้ำเสียงเย็นเยียบหรี่ตามองแล้วพลันสังเกตว่าท่านแม่ทัพด้านหลังสะดุ้งเฮือก - - เหตุใดกันบุรุษตรงหน้าคลี่รอยยิ้มกวนใจอีกคราแล้วยืดกายกลับมือกระชับกำพัดไว้แล้วกอดอกนิ่ง“ชดใช้เช่นนั้นหรือ”“ใช่ ชดใช้ พัดนี่ข้าสั่งทำมาเป็นพิเศษ กว่าจะได้ตัวกวีนิพนธ์มาเขียนให้ข้าได้ ข้ารอร่วมเกือบปี” ยี่หวายืดกายเลียนแบบมู่เฉินเช่นกัน กอดอกเงยหน้ามอง“งั้นเจ้าคิดไว้ในใจแล้วหรือยังว่าให้ข้าชดใช้เท่าไร”“ฮึ ข้ายังไม่ทันคิด ไว้ข้าจะบอกเจ้าวันหลัง ฉะนั้นพัดนี่ข้าไม่ขอรับคืน” ปากกระจับยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่ออีกไม