Share

4 เหว่ย

4 เหว่ย

ขบวนนักรบผู้กล้าเกรียงไกรตั้งแถวหน้ากระดานเรียงสิบ โดยมีท่านแม่ทัพใหญ่หนวดเครารุงรังขี่ม้าตรงกลาง สูงสง่าบึกบึน สวมหมวกเหล็กสีเงิน ธงดำรูปเสือปลิวไสว

“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ”

เยี่ยนฟางตะโกนเรียกโบกมือ เช่นเดียวกับคนในถนน ยี่หวาก้มลงมองแล้วยิ้ม

“ไม่เห็นหล่อ”

“อาเจี่ย รูปงามขนาดนั้น ลองโกนหนวดเครารับรองว่างามราวหยกเนื้อดี”

“เชอะ”

ยี่หวากระดกจอกสุราจนหมดกำลังลงจากราวกันตกพลันสังเกตเห็นบุรุษรูปหนึ่งสวมเกราะรบเช่นกัน นั่งนิ่งแต่มือคุ้ยข้าวกินราวอดตาย

“ท่าน ... ท่านเป็นพวกหนีทหาร รึ”

พรวด!! แค่ก ๆ ๆ

หลี่เหว่ยถึงกับสำลักเมื่อได้ยินเสียงกดต่ำแสร้งดัดให้คล้ายบุรุษทั้งที่เป็นสตรี

“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบกิน”

นางขยับตัวเปลี่ยนใจ ไม่ต้องการส่องท่านแม่ทัพผู้เกรียงไกรแล้ว มิสู้พูดคุยกับทหารหนีแถวจะดีกว่า

ยี่หวาว่าพลางหยิบขวดสุราและจอกหันกลับมานั่งด้วย รินให้ชายขาติทหารตรงหน้า

“ข้าชื่อ ชื่อ....” นางนิ่งคิด เพราะไม่ทันได้คิดไว้ล่วงหน้า  “ชื่อจุนเฟิง”

หลี่เหว่ยไม่ใส่ใจ มือคุ้ยข้าวต่อไปด้วยความหิว เขาเข้าเมืองมาพลันเห็นคนมากมายจึงเลี่ยงขึ้นมานั่งบนหอเสียก่อน รอคนซาค่อยกลับจวน แต่ด้วยความตรากตรำศึกมาเสียนานจึงเกิดหิว สั่งของกินรองท้อง แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าสองสาวปลอมเป็นบุรุษกำลังวิจารณบุรุษอย่างน่าขัน

“เจ้านี่ เป็นทหารกองทัพเสือดำ ไม่ได้โดนสอนมารยาท รึ”

ชายหนวดเฟิ้มสะบัดหน้าขึ้นมองทันควัน ส่งสายตาอย่างที่ใช้กับลูกน้องในกองทัพใส่แม่นางน้อยแต่ดูเหมือนว่านางมิได้เกรงกลัว ซ้ำส่งสายตาติเตียน

“หรือว่า ท่านแม่ทัพของท่านก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีมารยาท”

ปัง!!

หลี่เหว่ยกระแทกตะเกียบลงโต๊ะแรงจนจอกเหล้ากระเทือน จ้องหน้าแม่นางน้อยเขม็งคิ้วกระบี่กระตุก

“ข้าเพียงต้องการชวนคุย ไม่เห็นต้องโมโหโทโสเช่นนี้ เอาเป็นว่าท่านทานต่อไปเถิด ข้าจะเป็นฝ่ายพูดฝ่ายเดียวก็พอ”

หลี่เหว่ยมองมือเล็กที่ยื่นมาตรงหน้าทำท่าทางเชิญให้เขาลงมือทานข้าวต่อ แต่ความอยากอาหารลดหายไปแล้วหลายส่วนจึงมองหาเด็กในร้านเพื่อคิดเงิน

“อ้าว...ท่านจะคิดเงินแล้วหรือ เอาแบบนี้ มื้อนี้ข้าเลี้ยงเอง ถือเสียว่าเป็นข้าที่เสียมารยาทชวนท่านคุยระหว่างมื้ออาหาร ทั้ง ๆ ที่ท่านต่างหากที่เสียมารยาทมิตอบคำถามข้า”

คราวนี้หลี่เหว่ยมิอาจทานทน แม่นางคนนี้จงใจยั่วโมโหเขาโดยแท้ จึงส่งเสียงคำรามดั่งพยัคฆ์

“เจ้านี่มัน เหลือทน เป็นสตรีไยแต่งกายเป็นบุรุษ ทั้งยังพูดจาโอหังโอ้อวดความรู้แบบผิด ๆ ถูก ๆ”

“เจ้า….พูดได้ ฮ่า ฮ่า คราแรกข้านึกว่าเจ้าเป็นใบ้เสียแล้ว ฮ่า ฮ่า”

คิ้วกระบี่ถึงกับกระตุกถี่ มองร่างระหงสูงกว่าหญิงทั่วไปหัวเราะงอหายยกสุราขึ้นจิบ

“ข้าชื่อจุนเฟิง ทีนี่แจ้งชื่อแก่ข้าได้หรือยัง”

“เจ้ามิได้ชื่อจุนเฟิง เพราะเจ้าปลอมตัวมา ฉะนั้นถือว่าเจ้าโกหกและข้าไม่ชอบคนโกหก”

“ฮ่ะ ฮ่า เจ้านี่เก่งกาจมาก สมกับอยู่ในกองทัพเสือดำ ถูกต้องข้าปลอมตัวมา นั่นเพราะเหตุจำเป็น”

“เหตุจำเป็นอันใด เมืองนี้ไม่ได้ห้ามสตรีออกนอกเรือนเสียหน่อย”

“ฮึ ถึงคราวพูดนี่ เจ้าพูดมากเชียวนะ ถ้าเจ้ายอมบอกชื่อ ข้าจะยอมบอกชื่อจริงข้า”

แม่ทัพหนุ่มรินสุราลงจอกเล็กแล้วยกดื่ม ตวัดตามองก่อนเอ่ยขึ้น

“น้อยเกินไป ข้ารู้สึกว่าข้านั้นเสียเปรียบหลายส่วน ข้าเปิดเผยหน้า ส่วนเจ้าไม่”

ยี่หวายิ้มกว้างมองบุรุษนักรบยกสุรารวดเดียวหมดจอก วางแล้วรินเพิ่มใหม่ คล้ายเริ่มพึงพอใจที่ได้ปะทะคารมกับนาง

“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะยอมเปิดเพียงปาก ส่วนเจ้าแจ้งชื่อ ดีหรือไม่”

มุมปากชายเคราดกยกยิ้มพลางจิบสุรารสเลิศ เพ่งจับจ้องแม่นางนิ่งคิดพิเคราะห์จนยี่หวาเริ่มฉุนเฉียว

“ปัดโธ่! ท่านไม่เสียกระไรเลย มัวชักช้าคิดนานดั่งสตรีไปได้”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

จู่ ๆ ทหารกองทัพเสือดำพลันหัวเราะก้องกระแทกจอกลงโต๊ะเสียงดัง

“ดี เอาเช่นนั้นก็ได้ เจ้าแจ้งชื่อจริง เปิดครึ่งหน้ามาเถิด ข้าน้อมรับเพียงเท่านี้”

รอยยิ้มหวานบนใบหน้าผุดกระจ่างยามบุรุษตรงหน้ายินยอม นางภาคภูมิใจในตนเองเหลือเกินที่สามารถทำให้บุรุษเช่นเขาอ่อนให้หลายส่วน

“ข้าชื่อยี่หวา” มือยกจอกสุราชูตรงหน้าแล้วดื่มจนหมดกระแทกลงโต๊ะ ก่อนหยิบพัดสะบัดแล้วหุบฟาดลงฝ่ามือ ขยับปลายพัดเปิดผ้าคลุมสีดำออกเพียงครึ่งส่วนจนมองเห็นริมฝีปากงดงามสีแดง แก้มชมพูดั่งลูกท้อ ไฝเม็ดเล็กบนริมฝีปากซ้ายด้านบน จมูกโด่งเป็นสันเรียวแหลมงดงาม

พรึบ!!

“พอแล้ว ในเมื่อข้ายินยอมเปิดเผยดวงหน้า ฉะนั้น ท่านควรบอกชื่อเช่นกัน”

หลี่เหว่ยยิ้มกว้าง ภาพงดงามของหญิงสาวจดจำประทับอยู่ในความทรงจำอันเฉลียวฉลาด

“ข้าชื่อเหว่ย”

“เหว่ย?”

ทหารกองทัพเสือดำผุดลุกขึ้นยกสุราขึ้นดื่มครั้งสุดท้าย ก้มลงมองร่างบอบบางดั่งสตรีที่ยังเงยดวงหน้าขึ้นมองเขาอย่างงุนงง

“ในเมื่อเจ้าเปิดเพียงครึ่งหน้า ฉะนั้น ข้าจึงบอกชื่อเจ้าเพียงครึ่งเดียว หากโชคชะตาฟ้าลิขิตข้ากับเจ้าคงได้พบกันใหม่”

“เจ้า เจ้า เดี๋ยวก่อน!!”

ยี่หวาตะโกนตามหลัง ยื่นมือจะคว้าเสื้อแต่ไม่ทันคนร่างโต บุรุษตรงหน้าหยิบหมวกเหล็กแล้วหันหลัง แหวกร่างผ่านลูกค้าของหอผิงผิง ลับหายไป

“เจี่ยเจีย เป็นอะไร แล้วเหตุใดจึงไปนั่งโต๊ะนั้น” เยี่ยนฟางร้องทักแปลกใจ

“ข้าเพียง เฮ้อ ... เอาล่ะ ช่างมารดามันเถิด ขบวนกองทัพเสือดำเจ้าล่ะ”

“ขบวนยาวเหยียดแต่ท่านแม่ทัพเลยไปไกลมากแล้ว ข้าว่ากลับกันดีกว่า ออกมานานหากนายแม่รู้ อาเจี่ยมีหวังเจอดี”

“งั้นเรียกเด็กมาเก็บเงิน น้อง ๆ ทางนี้ คิดเงินด้วย”

เด็กหอผิงผิงสวมชุดสีเทาอ่อน หมวกปิดผมมิดชิดสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ผ้าเช็ดโต๊ะห้อยพาดไหล่ รีบวิ่งตรงมาหา

“สองโต๊ะนะขอรับ”

“สองโต๊ะ? เหตุใดสองโต๊ะกัน”

“ก็บุรุษโต๊ะนี้บอกให้เก็บเงินกับท่านขอรับ”

ยี่หวาถึงกับผุดลุกเบิกตากว้างใจต้องการวิ่งตามเจ้าหน้าเหม็นเคราเฟิ้ม แต่ทหารผู้นั้นคงไปไกลมากแล้วจึงได้แต่กระฟัดกระเฟียด

“เยี่ยนฟาง ข้ารบกวนยืนเงินเจ้าก่อน กลับไปข้าจะหยิบให้”

เยี่ยนฟางควักเงินส่งให้เด็กร้านผิงผิง เอียงหน้ามองพี่ยี่หวาด้วยสีหน้าสงสัยกำลังอ้าปากถาม แต่พี่ยี่หวารู้ทันโบกมือห้าม

“เจ้าไม่ต้องถาม ข้าผิดเองที่รับปากเลี้ยงบุรุษ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าบุรุษผู้นั้นหน้าหนาพอให้สตรีอ่อนแอเช่นข้าเลี้ยงอาหาร”

ยี่หวาสะบัดพัดขึ้นโบกขับไล่อารมณ์โกรธหัวร้อนออกเดินนำหน้าเยี่ยนฟาง ในใจก่นด่าบุรุษทหารหาญตลอดทางกลับหอเย่วโหลว

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status