7 หอเยว่โหลว
กุบ กับ กุบ กับ
หลี่เหว่ยขยับสาบเสื้อคลุมสีเข้มออกดำขณะรถม้าหยุดลงหน้าหอเยว่โหลว ชำเลืองมองหน้ามู่เฉินยังสีหน้าไม่สู้ดีนักจึงยักยิ้มแล้วเปิดม่านลงไปก่อน
ตุบ!
“เชิญท่านแม่ทัพ”
หลี่เหว่ยประกบมือโค้งคำนับแล้วจึงเปิดผ้าม่านให้มู่เฉินลงจากรถม้า สีหน้าองครักษ์คนสนิทยิ่งซีดเผือดลงกว่าเดิมจนหลี่เหว่ยต้องทำตาขึงขังใส่ จึงได้จำยอมลุกแล้วออกจากรถม้า
มู่เฉินพาร่างสูงใหญ่ก้าวขึ้นบันไดหอคณิกาโดยมีแม่ทัพตัวจริงเดินตามหลัง
“ท่านแม่ทัพมาแล้ว เชิญทางนี้ขอรับ ทางนี้”
เด็กหนุ่มหน้าตาพอใช้ได้สวมชุดสีเทาอ่อนใบหน้าสะอาดสะอ้านรูปร่างสะโอดสะองติดสำอาง วาดมือผายออกเชิญท่านแม่ทัพด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วจึงเหลียวมองไปยังนายแม่ที่ยืนอยู่เหตุการณ์อยู่ชั้นสอง
นายแม่หอเยว่โหลวได้สัญญาณจากไห่เทาจึงโบกพัดกลมในมือสองครั้งให้คนชั้นล่างทันที
“อาเจี่ยนายแม่โบกพัดแล้ว”
เยี่ยนฟางเอียงหน้าไปทางยี่หวาที่วันนี้แต่งกายเป็นบุรุษ ทว่าไม่ปิดบังดวงหน้าเปิดเปลือยไร้เครื่องสำอาง
“เจี่ยเจียเอาจริงซิ”
“เอาจริ๊ง มาถึงขั้นนี้แล้วข้ายี่หวาไม่มีถอย ไปเตรียมตัวรวย ฮ่า ฮ่า” พูดพลางสะบัดโบกพัดพับแล้วก้าวขึ้นสู่เวทียกสูงประดับด้วยโคมไฟสีแดง
ร่างระหงสูงโปร่งอวบอิ่มในจุดที่ควรอวบอิ่มจนชุดบุรุษมิอาจปกปิดมิด ก้าวเท้าเล็กเรียวขึ้นเวทีด้วยรอยยิ้มพราย สะบัดพัดเก็บแล้วประกบมือโค้งคารวะลูกค้าที่มากันเนืองแน่นไร้ที่นั่ง บ้างยืนระเกะระกะ บ้างนั่งกับพื้น
นางประกบมือเขย่ารับเสียงปรบมือโห่ร้องของเหล่าบุรุษและสตรีที่วันนี้ยอมเข้ามายังหอคณิกาเพื่อชมการประมูลอันเลื่องชื่อ
“ข้าตัวแทนหอเยว่โหลวต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มากันมากมายในค่ำนี้ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ขอเชิญทุกท่านพบกับสาวงามที่จะเข้าประมูลในค่ำคืนนี้”
ยี่หวาเบี่ยงกายถอยหลังให้บรรดาสาวงามของหอคณิกาเยว่โหลวขึ้นเวทีเดินแถวเรียงหนึ่งมาทีละนาง นางเคาะพัดกับฝ่ามือยิ้มแย้มชอบใจที่เห็นลูกค้าตาแวววาว แล้วจึงเอี้ยวหน้ามองหญิงคณิกาสิบนางล้วนคัดสรรมาอย่างดี ซึ่งแน่นอนย่อมต้องมีเยี่ยนฟาง และหน้าที่ของยี่หวาในคืนนี้คือทำให้เยี่ยนฟางได้ถูกประมูลในราคาสูงที่สุด
“เป็นเช่นไรคุณชาย จุ๊ ๆ ๆ สาวงามวันนี้คัดสรรมาอย่างดี แต่ละนางล้วนแล้วมิเคยต้องมือชาย ขายศิลปะไม่ขายตัว”
แปะ..เสียงพัดฟาดลงฝ่ามือสร้างความตื่นเต้น
ยี่หวายิ้มระรื่นยามได้ยินเสียงฮือฮาทั้งจากบุรุษทั้งสตรีด้านล่าง พริ้วตัวในชุดบุรุษเดินผ่านนางคณิกาแต่ละนาง
“ข้าจะให้แม่นางน้อยแต่ละนางได้พูดจาทักทาย เริ่มด้วยคนแรก แม่นางซูหนี่”
ปลายพัดชี้ตรงไปยังแม่นางคณิกาน้อยอายุราวสิบห้าดวงหน้างดงามจิ้มลิ้ม ผิวพรรณขาวราวหยกเกล้าผมทรงกระต่ายผูกด้วยผ้าสีเหลืองสด รอยยิ้มเอียงอายยามเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
“ข้า ซูหนี่ ขับขานร้องเพลงเก่งฉกาจ ต่อกลอนเล่นหมากล้วนเยี่ยงบุรุษ หากประมูลข้า ข้าจะทำให้ท่านแม่ทัพพึงพอใจสูดสุด”
“ดี ดี ดี”
เสียงตะโกนปรบมือเซ็งแซ่โห่ร้องไม่หยุดเมื่อแม่นางคณิกาน้อยเอ่ยจบ ทำเอาคิ้วเข้มของหลี่เหว่ยกระตุกถี่ หรี่ดวงตามองการแสดงเบื้องล่างโดยมีตัวเด่นคือ แม่นางแต่งกายเป็นบุรุษเดินไปเดินมาแนะนำนางคณิกาแต่ละนางด้วยสีหน้าชื่นมื่น
“ข้าว่าการแสดงโช่ห่วยเบื้องล่างนี่คงมีเพียงคนเดียวที่ดูกระหยิ่มยิ้มย่องออกหน้าเกินงาม จริงหรือไม่ท่านแม่ทัพ”
แม่ทัพหนุ่มพูดขึ้นพลางยกจอกเหล้าเหลือบหางตาไปยังมู่เฉินที่คราแรกไม่ทันได้รับลูกจ้องตอบมึนงงก่อนนึกขึ้นได้ว่าค่ำนี้ตนเองปลอมตัวมาเป็นแม่ทัพ จึงค่อยยิ้มรับพยักหน้ายกจอกสุราเลียนแบบ
“ใช่ ๆ แล้ว ฮ่ะ ฮ่า”
“ฉะนั้น...แม่ทัพ มิคิดจะกล่าวอะไรสักหน่อยหรือ” หลี่เหว่ยแหล่ตาใส่
“กล่าว กล่าวอันใดกัน” มู่เฉินแม้เป็นฉลาด แต่ว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วมิอาจสู้ท่านแม่ทัพ หัวสมองยังปะติดปะต่อไม่ถูกกระทั่งหลี่เหว่ยหยุดยิ้มส่งสายตาดุจึงฉลาดขึ้นมาทันควัน
“ใช่ ๆ เจ้าพูดถูก” มู่เฉินตบโต๊ะ ชี้นิ้วลงยังเบื้องล่างพร้อมส่งเสียงตะโกนดัง “เจ้า หญิงแต่งกายบุรุษ เจ้าขึ้นมามิทันได้เอ่ยชื่อเสียงเรียงนาม มีเพียงเดินไปเดินมาชี้ชวนแม่นางน้อย ยกย่องว่าดีเช่นนั้นเช่นนี้ แล้วตัวเจ้าล่ะ มีดีอันใดถึงได้สิทธิ์ขึ้นมาเป็นตัวแทน”
คุณชายน้อยใหญ่ได้ยินท่านแม่ทัพใหญ่กองทัพเสือดำทะลึ่งคำถามพรวดต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยตาม แล้วแข่งกันส่งเสียงตะโกนจนเกิดความอลหม่านเป็นครู่ ทำเอายี่หวาหน้าเจื่อนก่อนแหงนเงยดวงหน้าขึ้นมองต้นเหตุ จึงตระหนักว่าท่านแม่ทัพใหญ่เป็นพวกพาลหาเรื่องโดยแท้
“ข้าน้อยชื่อเสียงเรียงนามเป็นชื่อไร ใช่ว่าสำคัญในเมื่อคืนนี้เป็นคืนของพวกนาง”
“ไม่ได้ หากเจ้าไม่เอ่ยแจ้งชื่อ ถือว่าหอเยว่โหลวกระทำการไม่ซื่อสัตย์ต่อพวกเรา ต่อองค์ฮ่องเต้” เสียงบุรุษผู้หนึ่งด้านล่างเอ่ยตะโกน ยิ่งก่อให้เกิดความอลหม่านตอบรับ “ใช่ ๆ”
“เอาล่ะๆ ฟังให้ดี” ยี่หวาสะบัดพัดพับคลี่ออกกว้าง เอ่ยเสียงหวานก้องกังวาน “ข้าซูฮวา หรือ ยี่หวา นางคณิกาหอเยว่โหลว พอใจพวกท่านหรือยัง”
“แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่รวมประมูล”
เสียงทุ้มพูดโพล่งออกมาจากชั้นบนทำให้ยี่หวาต้องแหงนดวงหน้าขึ้นมอง บุรุษรูปงามหากแต่ดวงหน้าแกร่งยกยิ้มพลางรินสุราลงจอก นั่งเคียงข้างท่านแม่ทัพใหญ่หลี่เหว่ย ท่าทางน่าเกรงขามเช่นบุคคลสำคัญ ซ้ำร้ายมิกลัวท่านแม่ทัพ นางจึงค่อยเอ่ยด้วยถ้อยคำสุภาพเรียบง่ายทว่าหนักแน่น
“นั่นเพราะข้า เลยวัยเข้าประมูลแล้วนายท่าน”
“เลยวัยเข้าประมูล งั้นเจ้าอายุเท่าใดเล่า” พลางยกสุราดื่มจ้องตอบด้วยแววตาชอบใจที่ได้ต่อคำกับสตรีนางน้อย
“ข้าสิบเจ็ด” ยี่หวาพยายามฝืนยิ้มทั้งที่ในใจด่าหัวล่อแม่ชายผู้นี้ไปแล้ว
“ฮึ หากข้าเป็นท่านแม่ทัพแล้วล่ะก็ ข้าคงพอใจเจ้าเสียมากกว่าแม่นางน้อยนางอื่นที่ยืนอยู่บนเวที เจ้ามิรู้หรือว่าท่านแม่ทัพไม่ชื่นชอบแม่นางอายุน้อย ท่านชอบอะไรที่...จะเรียกว่ากระไรดีนะท่านแม่ทัพ”
มู่เฉินสะดุ้งเฮือกที่โดนท่านแม่ทัพตัวจริงโยนเผือกร้อนมาให้ ได้แต่จำใจรับลูกยิ้มเฝือนก่อนเอ่ยด้วยเสียงดังสง่าผ่าเผย
“สมน้ำสมเนื้อ ข้าชอบสาวงามอายุมากสักหน่อย มิใช่ขบเผาะราวเด็กมิทันสิ้นกลิ่นน้ำนม” มู่เฉินยิ้มกว้างเหลือบสายตาพยักหน้าอย่างชอบใจให้ท่านแม่ทัพตัวจริง
8 ประมูลสาวงามหลี่เหว่ยไม่ยิ้มตอบเพียงปลายหางตาให้จนมู่เฉินยิ้มเจื่อนไป แม่ทัพใหญ่ตัวจริงเบือนหน้ากลับไปยังเวทีกลางหอเยว่โหลว เฝ้าดูกิริยาแม่นางน้อยแต่ละนางสีหน้าตื่นตกใจอุทาน ยกพัดโบกหน้าที่แดงซ่านระเรื่อ มีเพียงคนเดียวตรงกลางที่ดูว่าโกรธจัดจนต้องใช้บัดโบกความเห่อร้อนบนดวงหน้า“สมน้ำสมเนื้อเช่นนั้นหรือ” ยี่หวาพึมพำสะบัดปิดหน้าแดงก่ำเพราะความฉุนเฉียว ก่อนหัวเราะก้องออกมากระพือพัดแรงเดินไปยังด้านหน้าเวทีเกือบถึงขอบพื้นยก ผายมือออกทั้งสองข้าง“ข้าว่างานนี้ถึงประมูลหญิงงามท่านใดไป ไม่ว่าวัยกำดัด วัยขบเผาะ วัยออกเรือน หรือวัยอื่นใดคงไม่มีผลต่อท่านแม่ทัพดอกกระมัง” สีหน้าระรื่นผิดสังเกตจนหลี่เหว่ยเผลอชะโงกกายไม่รู้ตัว“เพราะเหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนั้น” มู่เฉินมิรู้ความโพล่งออกไปแม้กระทั่งหลี่เหว่ยยังยั้งมือรั้งไว้ไม่ทัน“ก็เพราะว่า....ท่านแม่ทัพ มิได้ชื่นชอบสตรีนะสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”ความเงียบสงัดปกคลุมทั่วโถงกลางของหอเยว่โหลวทันควัน แต่เพียงชั่วหยดน้ำสุรารินใส่จอกเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นเสียงหัวร่อครึกครื้นพลันสนั่นดั่งคล้ายเสียงฝนกระห
9 พับผ้าย้ายเข้าจวน“หาวววววววว...”หลี่ฮูหยินปิดปากหาวหวอดใหญ่ ยามเช้าปลายฤดูฝนใกล้ต้นฤดูหนาวอากาศเลวร้ายทั้งเย็นเยียบ ทั้งวังเวง นางกระชับเสื้อคลุมขนสัตว์ที่เพิ่งได้รับพระราชทานลงมาจากเบื้องบน“ฮูหยินเจ้าคะ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”แม่บ้านโจวผลักประตูพรวดพราดเข้ามายังห้องอุ่นหน้าตาตื่นตระหนกทั้งดวงตาเบิกกว้างจนหลี่ฮูหยินต้องเอ็ด“เจ้าเอะอะแต่เช้ามีเรื่องอันใดกัน ข้านี่ตกใจหมด” หลี่ฉือยกมือทาบอกเหลือบสายตาไปยังหลานสาวจินเยว่กำลังส่งจอกน้ำชาให้“แต่ฮูหยิน เรื่องนี้เรื่องใหญ่ยิ่งเจ้าค่ะ ตอนนี้เกิดข่าวลือทั้งเมืองเรื่องท่านแม่ทัพเป็นพวกต้วนซิ่วเจ้าค่ะ” แม่บ้านโจวพูดพลางหอบหายใจ ตายังเบิกโตแล้วสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ หลานสาวหลี่ฮูหยินร้องห่มร้องไห้“ท่านป้า ฮือ ๆ ท่านพี่ ฮือ ๆ เป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ ฮือ ๆ” จินเยว่ยกมือปาดน้ำตาทิ้งเป็นระยะ ๆ มองป้าห่าง ๆ แปดไม้ไผ่ตีไม่ถึง[1]ด้วยดวงตาบอบช้ำระคนต่อว่า“เจ้าใจเย็น ๆ เยว่เอ๋อร์ ยังมิทันได้สอบความ เจ้าเร่งด่วนตัดสินเช่นนี้
10 ฮุ่ยซิ่ง แห่งซีหยางโหลว“ฮะ แฮ่ม เอาไงดีพี่ยี่หวา” เยี่ยนฟางลอบชำเลืองมองประตูเรือนที่ยังปิดตาย พวกนางยืนรอมาสักพักแล้ว ซ้ำอากาศยามนี้ปลายฝนต้นหนาวให้ความเย็นเฉียดผิวกายใต้เสื้อผ้าเนื้อบาง“ดูท่าตระกูลหลี่คงไม่เต็มใจให้เรามาอยู่ด้วยกระมัง”“แต่พวกเรายืนอยู่เช่นนี้มาสักพักแล้ว ข้าว่าจะร่วมสองเค่อ”“ตะโกนเรียก”“ไม่ ไม่ได้ หากขืนท่านทำเช่นนั้นการอยู่ที่นี่ต่อไปจะยิ่งลำบาก”“แล้วจะให้ทำเช่นไรเยี่ยนฟาง พี่หนาวจะแย่แล้ว”“ข้าช่วยเองเอาไหม” เสียงสวบสาบดังขึ้นด้านหลังพร้อมเสียงนุ่มนวลแหบต่ำอย่างบุรุษก็ไม่ใช่สตรีก็ไม่เชิงโพล่งออกมาบุรุษรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นสวมใส่ชุดหนาทนหนาวด้วยขนสัตว์ราคาแพงก้าวเดินหยุดขนาบข้างยี่หวา อีกด้านคงเป็นบริวารที่นำมาด้วยเพราะท่าทางนอบน้อมถือข้าวของพะรุงพะรัง ดวงหน้าเรียวงามปากนิดจมูกหน่อยผิวพรรณอย่าให้เอ่ย นวลเนียนยิ่งกว่าหญิงคณิกาชื่อดัง“ข้าฮุ่ยซิ่ง พวกเจ้าคงเป็นคณิกาจากหอเยว่โหลว” น้ำเสียงแค่นดูถูกในทีพลางขยับเคลื่อนกายในชุดงดงามราวคุณชายชนชั้นสูงตรงไปทางบัน
11 ลีลานักแสดงเก่าซ่า ........เพียงวันแรกที่ต้องเริ่มแผนการฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ ตกพรำยังไม่ทันย่ำรุ่ง เสียงหยดน้ำกระทบใบไม้ต้นสูงใหญ่ริมสระ ทั้งเสียงสรรพสัตว์ตัวน้อยกำลังร่าเริงสำราญใจรับฝนทำให้ทุกสิ่งราวต้องมนต์ ห้วงเวลาหยุดชะงัก รวมไปถึงนางยี่หวานอนคว่ำหน้ากับพื้นระเบียงหน้าเรือน ในมือเป็นใบไผ่แกว่งไกวไปมาครุ่นคิด ดวงตาเพ่งมองตรงไปทางเรือนหลงซึ่งมองเห็นได้จากระยะไกล ทหารเดินยามยังคงยืนนิ่งกลางสายฝน น่าเกรงขามยิ่ง - - ทนทรมานไปเพื่ออันใด ถ้าเป็นข้ากลับบ้านไปกกเมียจะดีกว่าจดจ้องไม่นานพลันเห็นประตูจวนเปิดออกพร้อมขบวนกลุ่มชายราวห้าหกคน รูปร่างใหญ่โตสวมใส่ชุดสำหรับฝึกซ้อมเดินไปยังด้านซ้ายของเรือนหลงแล้วลับหายไปด้านหลังยี่หวาผุดลุกนั่งขัดสมาธิทันควัน เหมือนว่านางเห็นบุรุษผู้นั้นเดินหน้าสุด บุรุษที่มีวาจาเชือดเฉือนสตรีอ่อนแอเช่นนาง บุรุษไร้มารยาท บุรุษที่ทำให้แผนของนางพังพินาศ คิ้วเรียวดั่งเอ๋อเหมยขมวดยุ่งจนเกือบชนกัน มือคว้าพัดพับคู่ใจลุกยืน ไม่ทันได้หยิบร่มก้าวพรวดออกจากเรือนตรงไปยังมุ
12 เจ้ายิ้มเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี“ก็แค่บทกลอนของชายชราผมขาวที่วัน ๆ เอาแต่ร่ำสุรา ท่องเที่ยว พร่ำพรรณนา”พั่บชายตรงหน้าสะบัดพับกับฝ่ามือแล้วยื่นส่งให้ด้วยสีหน้ากวนโมโห ยี่หวาหลุบตามองพัดในมือใหญ่ นิ้วเรียวยาวงดงามทว่าเต็มไปด้วยร่องรอยแผลเป็นขีดขาว นางยังนิ่งไม่รับพัดแล้วตวัดตากลับเหลือบมองชายสูงใหญ่กว่านางมาก“ข้ายังไม่รับ เพราะหากข้ารับนั่นหมายถึงท่านจะไม่ชดใช้ให้ข้า มู่เฉิน” ยี่หวาส่งน้ำเสียงเย็นเยียบหรี่ตามองแล้วพลันสังเกตว่าท่านแม่ทัพด้านหลังสะดุ้งเฮือก - - เหตุใดกันบุรุษตรงหน้าคลี่รอยยิ้มกวนใจอีกคราแล้วยืดกายกลับมือกระชับกำพัดไว้แล้วกอดอกนิ่ง“ชดใช้เช่นนั้นหรือ”“ใช่ ชดใช้ พัดนี่ข้าสั่งทำมาเป็นพิเศษ กว่าจะได้ตัวกวีนิพนธ์มาเขียนให้ข้าได้ ข้ารอร่วมเกือบปี” ยี่หวายืดกายเลียนแบบมู่เฉินเช่นกัน กอดอกเงยหน้ามอง“งั้นเจ้าคิดไว้ในใจแล้วหรือยังว่าให้ข้าชดใช้เท่าไร”“ฮึ ข้ายังไม่ทันคิด ไว้ข้าจะบอกเจ้าวันหลัง ฉะนั้นพัดนี่ข้าไม่ขอรับคืน” ปากกระจับยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่ออีกไม
13 ตกลง“ข้อเสนออะไร” สะบัดกระบี่เก็บเข้าฝักแล้ววางไว้ด้านข้าง“ข้าได้รับจ้างเป็นเงินจำนวนมาก .. หีบใหญ่ทีเดียว ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด ให้ช่วยเหลือท่านแม่ทัพหายจากอาการหลงใหลบุรุษ กลับมาชื่นชอบสตรี และต้องทำให้หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์” ยี่หวาพลิกหน้าเอียงไปยังทิศทางของห้องแม่ทัพจึงมิทันได้เห็นสีหน้าตกใจของหลี่เหว่ย“ใครกันจ้างพวกเจ้า”“จะใครเสียอีก ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของเรื่องนี้มากที่สุด” ยี่หวาหยุดพูดแล้วหันหน้ากลับมาส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้“หลี่ฮูหยินเช่นนั้นหรือ”“เจ้าฉลาดยิ่ง ใช่แล้ว” นางขยับขาลงแล้ววางเรียบบนพื้นข้างเตาอุ่นจนหลี่เหว่ยต้องมองตาม เท้าเรียวโผล่ออกมาจากชายเสื้อคลุมรวมไปถึงท่อนขาขาวนวลโดยที่นางไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่เกลี้ยกล่อม“ข้ามีทรัพย์สมบัติมากพอแล้วไม่ต้องการอีก”“นั้นเพราะท่านไม่เห็นว่ามันมากมายขนาดไหน”“เจ้าจะอยากได้เงินทองไปทำไมกันยี่หวา”“ก็เพราะข้าไม่ต้องการติดอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตนะสิ หากข้ามีเงินทอง ข้าจะท่องเที่ยวไปให้ทั่ว”“เจ้าหาได้จากทางอื่น” หลี่เหว่
14 ซ้อนแผน แล้วซ้อนอีก “ว่าอย่างไรนะท่านแม่ทัพ” มู่เฉินร้องตะโกนเสียงหลง“ข้าบอกว่าคืนนี้ เยี่ยนฟางจะมาให้ความสำราญแก่ข้า เพียงแต่คนที่จะให้ความสำราญมิใช่ข้า แต่เป็นเจ้ามู่เฉิน” มือหลี่เหว่ยพลิกหน้าตำราพิชัยยุทธิ์ขณะเอ่ยเสียงราบเรียบ“แต่..ผู้น้อย มู่เฉิน”“เป็นกระไร อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ มีสาวงามมาให้เชยชมถึงที่ไยถึงอึกอัก”“แต่นาง นางคิดว่าข้าเป็นท่านแม่ทัพ”“นั่นล่ะที่ข้าต้องการ”พรึบ...เสียงพลิกหน้ากระดาษไม่เบาไม่ดังกำลังดีหลี่เหว่ยหยิบพู่กันจุ่มหมึกเขียนส่วนสำคัญที่ได้อ่านเพื่อจดบันทึกกันลืม มู่เฉินยังอึ้งงันไม่แม้แต่ขยับกาย จ้องท่านแม่ทัพตาแทบถลนจนหลี่เหว่ยต้องถอนหายใจ“เจ้าเป็นอะไรมู่เฉิน เจ้าเป็นทหารหาญ บ้านเมืองต้องการชายผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ จวนตระกูลหลี่ก็เปรียบดั่งสนามรบแห่งหนึ่งเช่นกัน ต้องการทั้งฝ่ายปกครอง ทั้งฝ่ายทหารเพื่อฝากความหวัง เจ้าจงทำตัวให้มีความสามารถพอเพียง มีขันติธรรมแบกหาบหนักได้ มิใช่ได้รับภารกิจเล็กน้อยกลับอ้ำอึ้ง แล้วเช่นนี้จะเป็น
15 เมายายี่หวาหน้าบึ้งล้วงเอาเงินที่มีติดตัวไม่มากนักวางลงกลางฝ่ามือนุ่มนิ่มดั่งหญิงสาวซึ่งพอได้ก็กำแน่นหัวเราะเบา ๆ“พรุ่งนี้ข้าจะให้เด็กนำสมุนไพรมาให้”“แต่ข้าไม่เอาพวกสารหนูนะ มันอันตราย”ฮุ่ยซิ่งเคาะพัดเป็นจังหวะกับพื้นไม้“งั้นเจ้าต้องจ่ายแพงเสียหน่อย แผ่นแปะเซ่อเซียงที่บรรดาพระสนมในวังใช้ราคาสูงลิบ แต่ได้ผลชะงัก”“ได้ ๆ”“งั้นข้าไปนอนก่อนแล้ว อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรให้ทำน่าตื่นเต้นเลย น่าเบื่อ”ยี่หวามองตามร่างสูงโปร่งอ้อนแอ้นดั่งสตรีของฮุ่ยซิ่งลุกยืนบิดขี้เกียจก่อนลับหายไปยังห้องด้านใน จึงเอี้ยวมองไปยังเรือนหลง เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วแต่เยี่ยนฟางยังมิได้ออกมา จะสำเร็จหรือไม่นะ - - เริ่มหวั่นใจ“ว่าอันใดนะป้าโจว พูดอีกครั้ง พูดให้ข้าได้ชื่นใจ” หลี่ฉือแทบทะลึ่งตัวลุกยืนยามได้ยินคราแรกว่าบุตรชายเรียกนางคณิกาสาวเข้ารับใช้เมื่อคืนนี้“เจ้าค่ะฮูหยิน ท่านแม่ทัพเรียกเยี่ยนฟางขึ้นห้องกว่าจะที่นางจะได้กลับเรือนเกือบเช้า” แม่บ้านโจวใส่น้ำเสียงเน้นคำท้ายยิ่งทำให้เจ้า