8 ประมูลสาวงาม
หลี่เหว่ยไม่ยิ้มตอบเพียงปลายหางตาให้จนมู่เฉินยิ้มเจื่อนไป แม่ทัพใหญ่ตัวจริงเบือนหน้ากลับไปยังเวทีกลางหอเยว่โหลว เฝ้าดูกิริยาแม่นางน้อยแต่ละนางสีหน้าตื่นตกใจอุทาน ยกพัดโบกหน้าที่แดงซ่านระเรื่อ มีเพียงคนเดียวตรงกลางที่ดูว่าโกรธจัดจนต้องใช้บัดโบกความเห่อร้อนบนดวงหน้า
“สมน้ำสมเนื้อเช่นนั้นหรือ” ยี่หวาพึมพำสะบัดปิดหน้าแดงก่ำเพราะความฉุนเฉียว ก่อนหัวเราะก้องออกมากระพือพัดแรงเดินไปยังด้านหน้าเวทีเกือบถึงขอบพื้นยก ผายมือออกทั้งสองข้าง
“ข้าว่างานนี้ถึงประมูลหญิงงามท่านใดไป ไม่ว่าวัยกำดัด วัยขบเผาะ วัยออกเรือน หรือวัยอื่นใดคงไม่มีผลต่อท่านแม่ทัพดอกกระมัง” สีหน้าระรื่นผิดสังเกตจนหลี่เหว่ยเผลอชะโงกกายไม่รู้ตัว
“เพราะเหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนั้น” มู่เฉินมิรู้ความโพล่งออกไปแม้กระทั่งหลี่เหว่ยยังยั้งมือรั้งไว้ไม่ทัน
“ก็เพราะว่า....ท่านแม่ทัพ มิได้ชื่นชอบสตรีนะสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ความเงียบสงัดปกคลุมทั่วโถงกลางของหอเยว่โหลวทันควัน แต่เพียงชั่วหยดน้ำสุรารินใส่จอกเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นเสียงหัวร่อครึกครื้นพลันสนั่นดั่งคล้ายเสียงฝนกระหน่ำลงพื้นแผ่นดินฉางอาน
หลี่เหว่ยกำจอกสุราแน่นดวงตากร้าวจับจ้องสีหน้านางคณิการ่างบางแต่งกายบุรุษหมุนกายโค้งคำนับรับเสียงปรบมือ เสียงหัวร่อมิเกรงกลัวใด ๆ ทั้งสิ้น ผิดไปจากมู่เฉินที่ตอนนี้สีหน้าซีดเผือดเหลียวมองชายด้านข้างแม่ทัพตัวจริงใบหน้าเขียวคล้ำจนตัวเขามิรู้ว่าจักกล่าวอันใดได้เพื่อแก้สถานการณ์ ก่อนสะดุ้งตกใจจริงเกือบทะลึ่งตัวเมื่อท่านแม่ทัพหลี่เหว่ยหัวเราะก้องด้วยเช่นกัน ทั้งยังลุกขึ้นปรบมือเช่นเดียวกับคนในหอแห่งนี้
“ท่าน...ท่านแม่ทัพ” มู่เฉินเสียงสั่น
“จริงดั่งเช่นแม่นางยี่หวาเอ่ย ท่านแม่ทัพหลี่เหว่ยผู้นี้” ผายมือไปทางมู่เฉิน “ชื่นชอบบุรุษยิ่งนัก ค่ำนี้เป็นการประมูลของทางการ ข้าคิดว่าไม่ต้องประมูลให้เสียเวลาหรอกกระมัง มิสู้ให้ข้าพาท่านแม่ทัพไปหอซีหยางโหลวเลยจะดีกว่า”
“ไม่ได้!!” ยี่หวาพูดโพล่ง สะบัดพัดพับลงฟาดกลางฝ่ามือ - - ข้าจะไม่ยอมปล่อยปลาตัวนี้หลุดมือเด็ดขาด
“ไม่ได้ ... เหตุใดกันแม่นางยี่หวา หรือว่า ท่าน ... มีแผนอันใด” หลี่เหว่ยเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงดุดัน ทำเอาคนในหอเงียบกริบรอฟังคำตอบเช่นกัน
“ข้า ข้า .. มิได้มีแผน เพียงแต่ว่าหากทำเช่นนั้นจะเป็นการลบหลู่เบื้องสูง ในเมื่อเป็นโองการลง เราเป็นเพียงราษฎรใต้ฝ่าธุลีย่อมต้องทำตามพระราชประสงค์จึงจะถูกต้อง” ยี่หวายกมือขวาประกบซ้ายขึ้นข้างใบหูซ้ายไปยังทิศทางพระราชวัง สีหน้าจริงจังขึงขัง
“ในเมื่อเป็นพระราชประสงค์ ท่านแม่ทัพคงมิอาจขัดพระราชหฤทัยได้ เอาเช่นนี้ การประมูลวันนี้ดูไปแล้วขาดสีสันยิ่ง ท่านแม่ทัพต้องการให้ประมูลหญิงงามสองนางในคราวเดียว” หลี่เหว่ยผายมือไปทางมู่เฉินที่นั่งอยู่กับที่พยายามรักสีหน้าให้เรียบเฉยทั้งที่ภายในใจชีพจรเต้นรัวดั่งกลองรบ
“สองนางงั้นหรือ” ยี่หวาพึมพำ
“ใช่ สองนาง นางหนึ่งคือหนึ่งในบรรดาสาวงามทั้งสิบที่ยืนเรียงรายอยู่บนเวที” หลี่เหว่ยยกสุราเทลงจอกเว้นจังหวะเล็กน้อยนิ่งให้แม่นางน้อยคณิกาฮุบเหยื่อ
“แล้วอีกหนึ่ง” ยี่หวาอดรนทนไม่ไหวเอ่ยถาม
“อีกหนึ่งคือเจ้า ไม่ว่าจะประมูลสาวงามใดได้ อีกหนึ่งที่จะเข้าจวนท่านแม่ทัพคือ..เจ้า” หลี่เหว่ยยกจอกสุรารสเลิศกระดกหมดแล้วกระแทกลงโต๊ะ “ตกลงหรือไม่แม่นางยี่หวา สองนาง ราคาย่อมสูง คิดให้ดี”
ยี่หวากำพัดแน่นแหงนดวงหน้าจ้องชายหนุ่ม ความสูงใหญ่ดูแล้วคงเป็นทหารหาญ ทั้งผิวคล้ำคงเพิ่งกลับจากการรบ และคงเป็นตำแหน่งสำคัญยิ่งเพราะดูท่านแม่ทัพหลี่เหว่ยเกรงใจหลายส่วน จึงยิ้มเย็นพูดเสียงอ่อนหวานขัดกับแววตาแข็งกระด้าง
“ถ้าเช่นนั้น ให้ท่านแม่ทัพเป็นผู้พูดเองเถิด ส่วนท่าน...” ยี่หวาผายพัดไปด้านหน้ารอคอยคำตอบ
“ข้าเป็นเพียงคนไร้ชาติกำเนิด ชื่อเสียงกระไรไม่สำคัญ แต่หากเจ้าอยากรู้ ข้า มู่เฉิน”
พรวด แค่ก ๆ ๆ
มู่เฉินถึงกับสำลักคำใหญ่ สุราไหลพรวดออกจมูกเมื่อได้ยินแม่ทัพผู้กล้าเอ่ยชื่อของเขาออกมา เบือนหน้าไปหาก่อนหลบตายามปะทะกับสายตาคมดุของแม่ทัพ
“ท่านมู่เฉิน ยามนี้ขอเพียงท่านแม่ทัพเอ่ย ข้าย่อมทำตาม”
“ข้ายินดี ทำตามที่มู่เฉินกล่าว” เสียงเร่งร้อนเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อนที่หญิงคณิกายี่หวาจะทันพูดจบ “เริ่มการประมูล”
ยี่หวาจึงทำได้เพียงกัดฟันกรอด ๆ ตวัดตามองอากุยที่วันนี้นางลงทุนซื้อชุดให้ใหม่แต่มองยังไงก็ไม่ใคร่เหมือนคุณชายตระกูลสูงส่ง - - แต่เอาเถิด ยังดีกว่าไม่มีคน
บัดซบ ... โดยแท้
ยี่หวาเม้มริมฝีปากขณะโบกพัดเร็วถี่ งานประมูลที่มีขึ้นคืนนี้ แน่นอนนางทำให้แน่ใจว่าเยี่ยนฟางจะได้เป็นผู้ชนะ แต่สิ่งที่นางไม่คาดคิดคือเจ้าหน้าบัดซบท่านแม่ทัพหาญกล้าจะร่วมลงประมูลด้วยตนเอง
“ร้อยตำลึงทอง” หลี่เหว่ยเอ่ยขึ้นราบเรียบแต่ดวงหน้าพราวระยับมองเบื้องล่าง นางคณิกาหน้าโกรธจัดกว่าเดิมโบกพัดเพื่อคลายอารมณ์ พวงแก้มแดงก่ำทั้งสองข้างชำเลืองมองไปยังเด็กหนุ่มคนหนึ่งตลอดเวลา
“ท่าน แม่ทัพ เอ้ย มู่เฉิน นั่นมันไม่มากไปสักหน่อยหรือ” มู่เฉินส่งเสียงเบาข้างหู แต่ดูเหมือนท่านแม่ทัพตัวจริงกำลังสนุก ไม่ชำเลืองมาทางทหารรู้ใจแม้แต่น้อย ซ้ำเอาแต่จดจ้องคณิกากลางโถงจิบสุราเพลิดเพลิน
“สะ สองร้อยตำลึงทอง” เด็กหนุ่มหน้าตาชาวบ้านหากแต่สวมชุดงดงามราคาแพงเนื้อผ้าใหม่เอี่ยมมิเคยได้ใช้งานเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นดูราวไม่แน่ใจนัก
“เอา ๆ ล่ะ ตอนนี้สองร้อยตำลึงทองแล้ว ข้าว่าการประมูลน่าจะสิ้นสุดลงได้กระมังท่านแม่ทัพ งานนี้จัดเพื่อความสนุกสนานอย่างไรเสียท่านก็ได้สองสาวงามจากหอเยว่โหลวไปครอบครองอยู่แล้ว ไยท่านต้องลงประมูลให้เหล่าคุณชายขัดเคืองใจ” ยี่หวารีบเอ่ยรวบรัดสะบัดพัดพับแล้วชี้ไปทางเยี่ยนฟาง “ข้าขอประกาศว่าคุณชายท่านนี้ ...”
“พันตำลึงทอง” หลี่เหว่ยโพล่งขึ้นน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ จ้องดวงหน้างามที่ครานี้เจื่อนลงเห็นได้ชัด ดูท่ามิได้เตรียมตั๋วเงินไว้มากพอ จึงวางจอกเหล้าแล้วเอี้ยวหน้าไปทางมู่เฉินที่บัดนี้หน้าเหวอปากอ้าค้าง - - ไม่ได้เรื่อง
“ถ้าเช่นนั้นข้ามู่เฉินและท่านแม่ทัพคาดว่าการประมูลวันนี้คงจบที่ราคาเท่านี้ ส่งใบเก็บเงินไปยังจวนตระกูลหลี่ เชิญท่านแม่ทัพ” หลี่เหว่ยเอ่ยขึ้นพลางลุกยืนโค้งผายมือให้มู่เฉิน ทหารหนุ่มยังหน้าเหวอมองท่านแม่ทัพจำใจลุกเดินนำลงบันได
หลี่เหว่ยยกยิ้ม เพ่งมองสีหน้าตื่นตะลึงระคนโกรธจัดของแม่นางยี่หวาไว้จำขึ้นใจ - - งดงาม และคล้ายอาฆาต ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่จวน
“เอาล่ะ ๆ การประมูลสิ้นสุดลงแล้ว ข้าเป็นเจ้าของหอเยว่โหลวขอขอบคุณคุณชายทุกท่านที่มาร่วมสนุกในวันนี้ มา ๆ วันนี้ข้าเลี้ยงสุราดอกกุ้ยฮวาเอง เด็ก ๆ แจกสุรา”
ยี่หวาชำเลืองมองนายแม่ที่บัดนี้ดวงหน้างดงามของหญิงวัยต้นสามสิบเต็มไปด้วยรอยยิ้มและดวงตาแพรวพราว - - เรียกว่าหน้าเงินถึงจะถูก
นางมองไปทางเยี่ยนฟางสีหน้าสดชื่นสดใส แน่ล่ะในเมื่อนางได้เข้าไปเป็นข้ารับใช้อในห้อง สมัยนี้เรียกว่าอะไรนะ สาวข้างเตียงใช่หรือไม่
แล้วข้าล่ะ นี่ ... ข้าหาเรื่องใส่ตนเองใช่หรือไม่
9 พับผ้าย้ายเข้าจวน“หาวววววววว...”หลี่ฮูหยินปิดปากหาวหวอดใหญ่ ยามเช้าปลายฤดูฝนใกล้ต้นฤดูหนาวอากาศเลวร้ายทั้งเย็นเยียบ ทั้งวังเวง นางกระชับเสื้อคลุมขนสัตว์ที่เพิ่งได้รับพระราชทานลงมาจากเบื้องบน“ฮูหยินเจ้าคะ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”แม่บ้านโจวผลักประตูพรวดพราดเข้ามายังห้องอุ่นหน้าตาตื่นตระหนกทั้งดวงตาเบิกกว้างจนหลี่ฮูหยินต้องเอ็ด“เจ้าเอะอะแต่เช้ามีเรื่องอันใดกัน ข้านี่ตกใจหมด” หลี่ฉือยกมือทาบอกเหลือบสายตาไปยังหลานสาวจินเยว่กำลังส่งจอกน้ำชาให้“แต่ฮูหยิน เรื่องนี้เรื่องใหญ่ยิ่งเจ้าค่ะ ตอนนี้เกิดข่าวลือทั้งเมืองเรื่องท่านแม่ทัพเป็นพวกต้วนซิ่วเจ้าค่ะ” แม่บ้านโจวพูดพลางหอบหายใจ ตายังเบิกโตแล้วสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ หลานสาวหลี่ฮูหยินร้องห่มร้องไห้“ท่านป้า ฮือ ๆ ท่านพี่ ฮือ ๆ เป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ ฮือ ๆ” จินเยว่ยกมือปาดน้ำตาทิ้งเป็นระยะ ๆ มองป้าห่าง ๆ แปดไม้ไผ่ตีไม่ถึง[1]ด้วยดวงตาบอบช้ำระคนต่อว่า“เจ้าใจเย็น ๆ เยว่เอ๋อร์ ยังมิทันได้สอบความ เจ้าเร่งด่วนตัดสินเช่นนี้
10 ฮุ่ยซิ่ง แห่งซีหยางโหลว“ฮะ แฮ่ม เอาไงดีพี่ยี่หวา” เยี่ยนฟางลอบชำเลืองมองประตูเรือนที่ยังปิดตาย พวกนางยืนรอมาสักพักแล้ว ซ้ำอากาศยามนี้ปลายฝนต้นหนาวให้ความเย็นเฉียดผิวกายใต้เสื้อผ้าเนื้อบาง“ดูท่าตระกูลหลี่คงไม่เต็มใจให้เรามาอยู่ด้วยกระมัง”“แต่พวกเรายืนอยู่เช่นนี้มาสักพักแล้ว ข้าว่าจะร่วมสองเค่อ”“ตะโกนเรียก”“ไม่ ไม่ได้ หากขืนท่านทำเช่นนั้นการอยู่ที่นี่ต่อไปจะยิ่งลำบาก”“แล้วจะให้ทำเช่นไรเยี่ยนฟาง พี่หนาวจะแย่แล้ว”“ข้าช่วยเองเอาไหม” เสียงสวบสาบดังขึ้นด้านหลังพร้อมเสียงนุ่มนวลแหบต่ำอย่างบุรุษก็ไม่ใช่สตรีก็ไม่เชิงโพล่งออกมาบุรุษรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นสวมใส่ชุดหนาทนหนาวด้วยขนสัตว์ราคาแพงก้าวเดินหยุดขนาบข้างยี่หวา อีกด้านคงเป็นบริวารที่นำมาด้วยเพราะท่าทางนอบน้อมถือข้าวของพะรุงพะรัง ดวงหน้าเรียวงามปากนิดจมูกหน่อยผิวพรรณอย่าให้เอ่ย นวลเนียนยิ่งกว่าหญิงคณิกาชื่อดัง“ข้าฮุ่ยซิ่ง พวกเจ้าคงเป็นคณิกาจากหอเยว่โหลว” น้ำเสียงแค่นดูถูกในทีพลางขยับเคลื่อนกายในชุดงดงามราวคุณชายชนชั้นสูงตรงไปทางบัน
11 ลีลานักแสดงเก่าซ่า ........เพียงวันแรกที่ต้องเริ่มแผนการฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ ตกพรำยังไม่ทันย่ำรุ่ง เสียงหยดน้ำกระทบใบไม้ต้นสูงใหญ่ริมสระ ทั้งเสียงสรรพสัตว์ตัวน้อยกำลังร่าเริงสำราญใจรับฝนทำให้ทุกสิ่งราวต้องมนต์ ห้วงเวลาหยุดชะงัก รวมไปถึงนางยี่หวานอนคว่ำหน้ากับพื้นระเบียงหน้าเรือน ในมือเป็นใบไผ่แกว่งไกวไปมาครุ่นคิด ดวงตาเพ่งมองตรงไปทางเรือนหลงซึ่งมองเห็นได้จากระยะไกล ทหารเดินยามยังคงยืนนิ่งกลางสายฝน น่าเกรงขามยิ่ง - - ทนทรมานไปเพื่ออันใด ถ้าเป็นข้ากลับบ้านไปกกเมียจะดีกว่าจดจ้องไม่นานพลันเห็นประตูจวนเปิดออกพร้อมขบวนกลุ่มชายราวห้าหกคน รูปร่างใหญ่โตสวมใส่ชุดสำหรับฝึกซ้อมเดินไปยังด้านซ้ายของเรือนหลงแล้วลับหายไปด้านหลังยี่หวาผุดลุกนั่งขัดสมาธิทันควัน เหมือนว่านางเห็นบุรุษผู้นั้นเดินหน้าสุด บุรุษที่มีวาจาเชือดเฉือนสตรีอ่อนแอเช่นนาง บุรุษไร้มารยาท บุรุษที่ทำให้แผนของนางพังพินาศ คิ้วเรียวดั่งเอ๋อเหมยขมวดยุ่งจนเกือบชนกัน มือคว้าพัดพับคู่ใจลุกยืน ไม่ทันได้หยิบร่มก้าวพรวดออกจากเรือนตรงไปยังมุ
12 เจ้ายิ้มเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดี“ก็แค่บทกลอนของชายชราผมขาวที่วัน ๆ เอาแต่ร่ำสุรา ท่องเที่ยว พร่ำพรรณนา”พั่บชายตรงหน้าสะบัดพับกับฝ่ามือแล้วยื่นส่งให้ด้วยสีหน้ากวนโมโห ยี่หวาหลุบตามองพัดในมือใหญ่ นิ้วเรียวยาวงดงามทว่าเต็มไปด้วยร่องรอยแผลเป็นขีดขาว นางยังนิ่งไม่รับพัดแล้วตวัดตากลับเหลือบมองชายสูงใหญ่กว่านางมาก“ข้ายังไม่รับ เพราะหากข้ารับนั่นหมายถึงท่านจะไม่ชดใช้ให้ข้า มู่เฉิน” ยี่หวาส่งน้ำเสียงเย็นเยียบหรี่ตามองแล้วพลันสังเกตว่าท่านแม่ทัพด้านหลังสะดุ้งเฮือก - - เหตุใดกันบุรุษตรงหน้าคลี่รอยยิ้มกวนใจอีกคราแล้วยืดกายกลับมือกระชับกำพัดไว้แล้วกอดอกนิ่ง“ชดใช้เช่นนั้นหรือ”“ใช่ ชดใช้ พัดนี่ข้าสั่งทำมาเป็นพิเศษ กว่าจะได้ตัวกวีนิพนธ์มาเขียนให้ข้าได้ ข้ารอร่วมเกือบปี” ยี่หวายืดกายเลียนแบบมู่เฉินเช่นกัน กอดอกเงยหน้ามอง“งั้นเจ้าคิดไว้ในใจแล้วหรือยังว่าให้ข้าชดใช้เท่าไร”“ฮึ ข้ายังไม่ทันคิด ไว้ข้าจะบอกเจ้าวันหลัง ฉะนั้นพัดนี่ข้าไม่ขอรับคืน” ปากกระจับยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่ออีกไม
13 ตกลง“ข้อเสนออะไร” สะบัดกระบี่เก็บเข้าฝักแล้ววางไว้ด้านข้าง“ข้าได้รับจ้างเป็นเงินจำนวนมาก .. หีบใหญ่ทีเดียว ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด ให้ช่วยเหลือท่านแม่ทัพหายจากอาการหลงใหลบุรุษ กลับมาชื่นชอบสตรี และต้องทำให้หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์” ยี่หวาพลิกหน้าเอียงไปยังทิศทางของห้องแม่ทัพจึงมิทันได้เห็นสีหน้าตกใจของหลี่เหว่ย“ใครกันจ้างพวกเจ้า”“จะใครเสียอีก ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของเรื่องนี้มากที่สุด” ยี่หวาหยุดพูดแล้วหันหน้ากลับมาส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้“หลี่ฮูหยินเช่นนั้นหรือ”“เจ้าฉลาดยิ่ง ใช่แล้ว” นางขยับขาลงแล้ววางเรียบบนพื้นข้างเตาอุ่นจนหลี่เหว่ยต้องมองตาม เท้าเรียวโผล่ออกมาจากชายเสื้อคลุมรวมไปถึงท่อนขาขาวนวลโดยที่นางไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่เกลี้ยกล่อม“ข้ามีทรัพย์สมบัติมากพอแล้วไม่ต้องการอีก”“นั้นเพราะท่านไม่เห็นว่ามันมากมายขนาดไหน”“เจ้าจะอยากได้เงินทองไปทำไมกันยี่หวา”“ก็เพราะข้าไม่ต้องการติดอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตนะสิ หากข้ามีเงินทอง ข้าจะท่องเที่ยวไปให้ทั่ว”“เจ้าหาได้จากทางอื่น” หลี่เหว่
14 ซ้อนแผน แล้วซ้อนอีก “ว่าอย่างไรนะท่านแม่ทัพ” มู่เฉินร้องตะโกนเสียงหลง“ข้าบอกว่าคืนนี้ เยี่ยนฟางจะมาให้ความสำราญแก่ข้า เพียงแต่คนที่จะให้ความสำราญมิใช่ข้า แต่เป็นเจ้ามู่เฉิน” มือหลี่เหว่ยพลิกหน้าตำราพิชัยยุทธิ์ขณะเอ่ยเสียงราบเรียบ“แต่..ผู้น้อย มู่เฉิน”“เป็นกระไร อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ มีสาวงามมาให้เชยชมถึงที่ไยถึงอึกอัก”“แต่นาง นางคิดว่าข้าเป็นท่านแม่ทัพ”“นั่นล่ะที่ข้าต้องการ”พรึบ...เสียงพลิกหน้ากระดาษไม่เบาไม่ดังกำลังดีหลี่เหว่ยหยิบพู่กันจุ่มหมึกเขียนส่วนสำคัญที่ได้อ่านเพื่อจดบันทึกกันลืม มู่เฉินยังอึ้งงันไม่แม้แต่ขยับกาย จ้องท่านแม่ทัพตาแทบถลนจนหลี่เหว่ยต้องถอนหายใจ“เจ้าเป็นอะไรมู่เฉิน เจ้าเป็นทหารหาญ บ้านเมืองต้องการชายผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ จวนตระกูลหลี่ก็เปรียบดั่งสนามรบแห่งหนึ่งเช่นกัน ต้องการทั้งฝ่ายปกครอง ทั้งฝ่ายทหารเพื่อฝากความหวัง เจ้าจงทำตัวให้มีความสามารถพอเพียง มีขันติธรรมแบกหาบหนักได้ มิใช่ได้รับภารกิจเล็กน้อยกลับอ้ำอึ้ง แล้วเช่นนี้จะเป็น
15 เมายายี่หวาหน้าบึ้งล้วงเอาเงินที่มีติดตัวไม่มากนักวางลงกลางฝ่ามือนุ่มนิ่มดั่งหญิงสาวซึ่งพอได้ก็กำแน่นหัวเราะเบา ๆ“พรุ่งนี้ข้าจะให้เด็กนำสมุนไพรมาให้”“แต่ข้าไม่เอาพวกสารหนูนะ มันอันตราย”ฮุ่ยซิ่งเคาะพัดเป็นจังหวะกับพื้นไม้“งั้นเจ้าต้องจ่ายแพงเสียหน่อย แผ่นแปะเซ่อเซียงที่บรรดาพระสนมในวังใช้ราคาสูงลิบ แต่ได้ผลชะงัก”“ได้ ๆ”“งั้นข้าไปนอนก่อนแล้ว อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรให้ทำน่าตื่นเต้นเลย น่าเบื่อ”ยี่หวามองตามร่างสูงโปร่งอ้อนแอ้นดั่งสตรีของฮุ่ยซิ่งลุกยืนบิดขี้เกียจก่อนลับหายไปยังห้องด้านใน จึงเอี้ยวมองไปยังเรือนหลง เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วแต่เยี่ยนฟางยังมิได้ออกมา จะสำเร็จหรือไม่นะ - - เริ่มหวั่นใจ“ว่าอันใดนะป้าโจว พูดอีกครั้ง พูดให้ข้าได้ชื่นใจ” หลี่ฉือแทบทะลึ่งตัวลุกยืนยามได้ยินคราแรกว่าบุตรชายเรียกนางคณิกาสาวเข้ารับใช้เมื่อคืนนี้“เจ้าค่ะฮูหยิน ท่านแม่ทัพเรียกเยี่ยนฟางขึ้นห้องกว่าจะที่นางจะได้กลับเรือนเกือบเช้า” แม่บ้านโจวใส่น้ำเสียงเน้นคำท้ายยิ่งทำให้เจ้า
16 แต่งให้เจ้า?“มู่เฉินนน ท่านควรปล่อยให้ข้าได้นอน อือ ห้องท่านร้อนอะไรเยี่ยงนี้” ยี่หวาพลิกตัวอีกครั้งนอนหงายชันเข่าขึ้นใช้มือปัดชายกระโปรงออกให้ท่อนขารับลมเย็นแล้วลูบจนพ้นต้นขาหลี่เหว่ยตะแคงมองสายตาเข้มข้น ยกมือลูบท่อนขาเนียนนุ่มมือคล้ายปลอบประโลม ขยับพาร่างสูงใหญ่เข้าใกล้“ยังไม่ได้บอกเลย ยาอะไร” เสียงทุ้มเริ่มสั่นยามมือเลื่อนขึ้นล้วงลงต้นขาด้านใน ปลายนิ้วกำลังสัมผัสบางสิ่งอ่อนนุ่ม“เซ่อเซียง อยู่ตรงนี้” ยี่หวาวางมือบนหน้าท้อง “แปะไปได้ไม่ทันสองเค่อ ข้ามึนศีรษะเหลือเกิน แล้วยังร้อนไปทั่วร่าง อืออ มู่เฉินมือท่านเย็นดีนัก ลูบขึ้นมาอีกข้าชอบ”ยี่หวาคว้ามือหลี่เหว่ยไว้แล้วพาไปวางยังต้นขาด้านหน้าสีหน้าพึงพอใจผิดไปจากบุรุษร่างใหญ่ที่นิ่งขึง ดวงหน้าแกร่งแดงซ่านทีละน้อย“เจ้าไม่รู้หรือว่าเซ่อเซียงออกฤทธิ์บางอย่างคล้ายยากำหนัด”“ยากำหนัด” น้ำเสียงแผ่วเบาค่อยลืมตาขึ้น “หมายความว่าตอนนี้ข้า ข้ากำลังมีอารมณ์จากฤทธิ์ยา”“ฮึ มีอารมณ์ เจ้าใช้คำได้แปลกมาก หากเจ้าหมายถึงกำลังเกิดกำหนัดล่ะก็ใช่ เจ้ากำลังมีอารม