บทที่14
เธอคือส่วนเติมเต็ม
เกือบสัปดาห์แล้วที่นาเดียร์มาเป็นสาวน้อยขวัญใจของบ้าน จากที่มาตอนแรกเอาแต่เกาะคนเลี้ยงไม่ยอมไปไหน แต่ตอนนี้ออกมาวิ่งเล่นเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ โดยเฉพาะห้องคุณปู่ นาเดียร์ชอบมาฟังนินทานที่คุณปู่จ๋า หามาเล่าได้วันละหลายๆเรื่อง
“คุณปู่ต้องขยันพยายามขยับตัวนะคะ จะได้ลุกมานั่งเล่านิทานให้หลานฟังได้” พยาบาลสาวพูดโน้มน้าวใจคนป่วย ที่ตอนนี้กลับมามีกำลังใจอีกครั้ง
“หนูอยากให้คุณปู่จ๋านั่งได้” นาเดียร์เด็กน้อย อยากฟังนิทานแบบที่คนเล่านั่งเล่าบ้าง
“แบบนี้กำลังใจคุณปู่มาเต็ม” ติณห์กลับมาจากทำงาน ทันได้ยินที่ลูกสาวให้กลังใจคนป่วย
“พ่อจ๋า หนูอยากเล่นสระน้ำ พี่รัตน์กับแม่จ๋าบอกให้รอพ่อจ๋ากลับมาก่อน” เด็กน้อยขอให้เล่นน้ำก็ไม่มีใครยอมเพราะกลัวเธอจะไม่สบาย ช่วงนี้อากาศยิ่งแปรปรวนอยู่
“โอเค ไปเตรียมตัวเลย แต่ห้ามเล่นนานนะ ไปชวนแม่จ๋ามาเล่นด้วยนะครับ” ชายหนุ่มเป็นคนที่ตามใจนาเดียร์มากที่สุดในบ้าน
“ปู่จ๋า หนูไปเล่นน้ำก่อนนะ” เด็กน้อยเดินไปใกล้หน้าคนป่วย ส่งยิ้มหวานให้ก่อนวิ่งออกไป
“พ่อครับ ผมตัดสินใจที่จะเลิกทำบ่อนแล้ว ส่วนพนักงานของเรา ถ้าใครจะกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดผมจะให้เงินก็อนไปสร้างตัว ส่วนใครที่จะอยู่กับเราต่อ ผมจะเปิดร้านอาหารเล็กๆ ให้พวกเขาได้มีงานทำ”
“อะไรดลใจลูกพ่อ แต่ก่อนเห็นยืนกระต่ายขาเดียวจะไม่ปิดให้ได้” คนป่วยอดแปลกใจไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาเริ่มป่วยใหม่ๆ เขาเคยคุยเรื่องนี้กับติณห์แล้ว แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปิดอย่างเดียว
“ความจริงผมเตรียมการณ์เรื่องนี้มาได้สักพักแล้วครับ เพียงแต่เรามีพนักงานหลายคนที่ต้องดูแล ถ้าปิดกะทันหัน พวกเขาจะตั้งตัวไม่ทัน ผมเลยให้ฤทธิ์หาทางออกเรื่องนี้ก่อนครับ” ลูกชายอธิบาย
“ติณห์ ลูกเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากจริงๆ ” คนป่วยยกมือลูบผมลูกชายอย่างชมเชย
เสียงนาเดียร์หัวเราะดังมาจาก สนามหญ้าที่อยู่กลางบ้าน กิตต์ขจรจึงบอกให้ลูกชายออกไปเล่นกับเด้กน้อยเถอะ ส่วนตัวเขาเองได้เวลาอาหารเย็นแล้ว วันนี้คงนอนหลับสนิท เพราะเหนื่อยกับการเล่านิทานให้หลานสาวตัวน้อยฟัง
“เสียงดังไปถึงข้างในเลยลูกสาวพ่อ” ชายหนุ่มเดินมานั่งข้างๆลลิลที่ปูเสื่อนั่งข้างๆสระน้ำของลูกสาว
“ถ้าไม่สบายก็ให้พ่อจ๋านั่งเช็ดตัวนะ ใครอนุญาตคนนั้นก็รับผิดชอบด้วย” หญิงสาวหันมาค้อนใส่ เพราะทั้งวันเธอไม่ยอมใจอ่อนกับลูกสาวที่เฝ้าขอเล่นน้ำเลย
“ก็เล่นเดี๋ยวเดียว ก็เลิกแล้วเนาะ ” ติณห์พยักหน้าแสดงความเป็นพวกเดียวกันกับลูกสาวคนโปรด
“เบื่อไหมอยู่บ้าน” ติณห์หันไปถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ก็เบื่อบ้าง บางวันค่ะ เหงาๆไม่มีอะไรทำ แต่ตอนนี้ก็มีนาเดียร์มาช่วยคลายเหงา เพราะลูกสาวคุณวิ่งไปวิ่งมาทั้งวัน” ลลิลรับหน้าที่เลี้ยงในช่วงกลางวัน เพราะรัตน์ต้องช่วยป้าช่วยทำงานบ้าน ป้าช่วยไปดูแลบ้านใหญ่ที่กรุงเทพอีกสองวันถึงจะกลับ
“ผมจะเลิกทำบ่อนแล้วนะ” ติณห์พูดขึ้นมาลอยๆ จนคนฟังถึงกลับหันมามองหน้าด้วยความแปลกใจ
“แล้วรายได้ จะไม่กระทบเหรอคะ” ลลิลถามตามตรง
“กระทบแน่นอน แต่ตอนนี้บริษัทของเราก็มีรายได้ดี ถึงแม้จะไม่เท่ารายได้จากบ่อน และผมกำลังจะเปิดร้านอาหาร ถ้าคุณสนใจ ผมจะให้คุณไปเรียนทำอาหาร สนใจไหม”
ตั้งแต่หญิงสาวเข้ามาอยู่บ้านนี้ ติณห์สังเกตว่าเธอชอบทำอาหาร ถึงแม้จะเป็นแค่เมนูธรรมดาทั่วไป แต่มันก็แสดงให้เขารู้ว่าเธอชื่นชอบ
“จะให้ลลิลไปเป็นแม่ครัวเหรอคะ ลิลว่าลิลทำคนเดียวไม่ได้แน่ๆ” หญิงสาวรู้ว่าตัวเองไม่ได้เก่งขนาดนั้น
“ใครว่าผมจะให้คุณเป็นแม่ครัวคนเดียว ลูกน้องที่บ่อนหลายคน ก็ชอบงานทางนี้ ผมก็จะส่งไปเรียนกับคุณด้วย ผมจะให้คุณแค่คอยดูแลในส่วนครัว แต่ถึงจะแค่ดูแล แต่ก็ควรต้องมีความรู้เรื่องการทำด้วย” ชายหนุ่มอธิบายรายละเอียดที่เขาวางแผนไว้
“จ่ายเงินเดือนไหมคะ คราวนี้เอาเงินเดือนจริงๆนะ ไม่เอาเงินเดือนแบบอื่นแล้ว” ลลิลเล่นตัว
“แน่นอนครับคุณแม่ จะเรียกเท่าไหร่ดี” ชายหนุ่มจับคางเรียวของหญิงสาวอย่างเอ็นดู
“ขอคิดดูก่อนนะคะ ว่าจะเรียกเท่าไหร่ดี”
พ่อจ๋าแม่จ๋า นั่งคุยกันเพลิน จนลืมไปเลยว่าลูกสาวคนสวยนั่งเล่นน้ำจะเป็นชั่วโมงแล้ว อากาศข้างนอกก็เริ่มเย็นลง มารู้ตัวอีกที ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของนาเดียร์ที่ชอบใจที่ตุ๊กตาลอยน้ำโดนเธอแยกส่วนเป็นชิ้น
“ทำไมแยกร่างแบบนี้คะลูก ไม่น่ารักเลย เล่นของเล่นเราก็ต้องรักษา” แม่จ๋าบ่นลูกสาว
“เด็กก็แบบนี้ อยากรู้อยากทดลอง” คนข้างๆแก็ตัวแทนลูกสาวอีกแล้ว
“อย่างนี้ต้องตีทั้งพ่อทั้งลูก” ลลิลหันมามองตาขวาง
“เลิกเล่นน้ำได้แล้วนะครับ ลุกสาวคนสวย เดี๋ยวพ่อจ๋าจะโดนแม่ตีเอา” ติณห์อุ้มสาวน้อยลุกออกจากสระ เพราะกลัวจะโดนบ่นอีกเรื่อง
รัตน์ถูกเรียกให้มารับหน้าที่พานาเดียร์ไปอาบน้ำแต่งตัว ลลิลเองก็จะไปจัดการเรื่องอาหารเย็นให้ลูกสาวและติณห์
“คุณไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่า เดี๋ยวนาเดียร์แต่งตัวเสร็จเราจะได้กินข้าวกัน” หญิงสาวเดินนำกลับไปยังเรือนหลังเล็ก
ตั้งแต่นาเดียร์มาอยู่ที่นี่ ติณห์ก็กลับมากินข้าวเย็นที่บ้านทุกวัน ปล่อยหน้าที่การดูแลบ่อน ให้ฤทธิ์ดูแล เมื่อมีเรื่องด่วน ก็ใช้การสังการทางโทรศัพท์เอา
“แม่จ๋าคะ หนูไม่กินผักได้ไหม” นาเดียร์ทำท่าไม่อยากกินผักหลากหลายสีที่อยู่ในข้าวผัด
“ลองก่อนนะคะลูก ผักที่แม่จ๋าใส่ไม่ขม แถมสีสวยด้วย” ลลิลไม่ยอม
“ใครกินผักหมดจาน จะให้เล่นน้ำอีกนะพรุ่งนี้” ติณห์หาข้อเสนอมาแลกเปลี่ยน
“อร่อยจริงๆด้วย อันนี้คืออะไรคะแม่จ๋า” นาเดียร์ตักผักที่มีสีเหลือง ขึ้นมาถาม
“ฟักทองค่ะ ชอบใช่ไหม”
“หนูชอบค่ะ” นาเดียร์กินอย่างอร่อย
มื้อเย็นถูกจัดการจนเรียบร้อย ลลิลทำหน้าที่เก็บกวาดทำความสะอาด เธอไม่อยากรบกวนรัตน์ เพราะงานบ้านที่รัตน์ต้องรับผิดชอบก็มากอยู่แล้ว หญิงสาวจึงจัดการในส่วนของเรือนหลังเล็กเองเกือบทั้งหมด
“เล่นกันเบาๆสองคนพ่อลูก เพิ่งจะกินมาเดี๋ยวก็ได้จุกกันพอดี” เสียงหัวเราะของสองคนพ่อลูก ทำให้ลลิลต้องละมือจากการล้างจานเดินเข้ามาดู
“นาเดียร์แม่จ๋าดุแล้ว” ติณห์กระซิบบอกลูกสาวที่กำลังกระโดดเล่นบนตัวเขาอย่างสนุก
สองคนพ่อลูกเมื่ออยู่ด้วยกัน ติณห์จะตามใจนาเดียร์ทุกอย่าง ซึ่งขัดใจลลิลอย่างมาก เธออยากให้ลูกสาวดตขึ้นไม่เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง แต่ก็ไม่เคยจะเอาชนะสองคนพ่อลูกได้
จากที่เล่นกระโดด ต่อสู้กัน ไม่นานลุกสาวหัวแก็วหัวแหวานก็หมดฤทธิ์เปลี่ยนเป็นร้องขอกินนม นอนหนุนพุงพ่อ เขี่ยหัวนมพ่อไปมา ก่อนที่จะค่อยๆเผลอหลับไป
“พ่อก็เขี่ยโทรศัพท์ ลูกก็เขี่ยหัวนมพ่อจนหลับ นึกว่าจะเล่นกันทั้งคืน ” หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำ
ติณห์อุ้มลูกสาวกลับไปนอนที่ห้องนอนของเธอ นาเดียร์หลับสนิท กินได้นอนหลับ วิ่งเล่นหัวเราะตามประสาเด็กน้อยทั้งวัน
“ลูกยังถามถึงพ่อกับแม่เขาอยู่ไหม” แรกๆที่มาอยู่ที่นี่ นาเดียร์จะถามถึงพ่อกับแม่ของเธออยู่เรื่อยๆ
“ไม่แล้วค่ะ แต่รัตน์บอกว่ากลางคืน จะมีนอนละเมอร้องไห้เรียกแม่กับพ่ออยู่บ้าง คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ อีกหน่อยลูกก็คงลืมเรื่องร้ายๆได้ค่ะ” ลลิลรู้ว่าติณห์เป็นห่วงเรื่องนี้ถึงได้ไม่ยอดขัดใจอะไรลูกสาวคนใหม่เลย
“การดูแลเด็กสักคนมันไม่ง่ายอย่าที่คุณคิดนะคะ การตามใจไม่ได้ช่วยเยียวยาหัวใจ ความรักความอบอุ่นตากห่าง ที่จะทำหัวใจของนาเดียร์กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม”
การที่เธอผ่านการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตมา ทำให้ลลิลเข้าใจความรู้สึกของลูกสาวดี และที่ทุกวันนี้หัวใจของเธอเข้มแข็งขึ้น ก็มาจากความอบอุ่นจากหัวใจของติณห์ที่มอบให้เธอ ถึงแม้หญิงสาวจะไม่กล้าเรียกมันว่าความรักก็ตาม แต่มันก็มาเติมเต็มหัวใจ ที่ไร้ที่พักพึงของเธอได้
“ครับ...คุณแม่” ติณห์เข้าใจในสิ่งที่ลลิลบอก แต่เขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้ทุกที ตั้งใจไว้ว่าจะเลิกตามใจ แต่สุดท้ายก็ตามใจเหมือนเดิมอยู่ทุกวัน
“แล้วเรื่องโรงเรียนล่ะคะ คุณได้ไปดูมาบ้างหรือยัง” หญิงสาวทวงถามเพราะเธอไม่เห็นติณห์พูดถึงเรื่องนี้เลย
“ความจริงผมก็ไปดูมาแล้ว เพียงแต่ว่า....” ชายหนุ่มทำท่าลังเลที่จะพุดต่อ เพราะกลัวหญิงสาวจะหาว่าเขาตามใจลูกอีก
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำเป็นไม่อยากพูด เหมือนจะแกล้งให้ลิลยิ่งสงสัย” หญิงสาวยิ่งอยากรู้เมื่อเห็นท่าทางคนตรงหน้า
“ผมต้องออกตัวก่อนนะ ว่าไม่ได้ตามใจลูก แต่ผมไปคุยกับเพื่อนที่เป็นหมอจิตแพทย์มา เพื่อนแนะนำว่า ยังไม่ควรเร่งรีบให้ลูกไปโรงเรียน เพราะลูกยังต้องการ การดูแลแบบใกล้ชิดอยู่ ผมก็เลยตั้งใจว่าเทอมหน้าค่อยไปยังทัน ”
ติณห์รีบออกตัวก่อนที่จะเล่าในสิ่งที่เขาไปปรึกษาเพื่อนมา เพราะกลัวคนฟังจะมองเขาเป็นพ่อแม่รังแกลูกอีก แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำเพราะตามใจจริงๆ
“แหม...กลัวลิลจะว่าหรือไงคะ รีบออกตัวเลย” หญิงสาวรู้ทัน
ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่กลับดึงหญิงสาวให้ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม ก่อนที่ไฟในห้องจะถูกดับลง และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างเช่นทุกครั้งที่ทั้งสองพากันไปสู่ห้วงอารมณ์แห่งความสุข
บทที่15ลูกอิจฉา เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลลิลมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้เกือบหกเดือนแล้ว ส่วนนาเดียร์ก็มาเป็นขวัญใจของทุกคนที่บ้านนี้ได้เกือบสามเดือนเช่นกัน สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ลูกสาวคนสวยต้องมานอนกับพ่อจ๋าและแม่จ๋าตลอด เพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลง เด็กน้อยเป็นไข้ช่วงกลางคืนตลอด ติณห์เองก็เลยอยากให้ลลิลดูแลลูกสาวอย่างใกล้ชิด งานช่วงนี้ถึงแม้จะหนัก ทั้งงานบริษัท งานบ่อนที่ต้องจัดการเพราะใกล้จะปิดตัวอย่างถาวร และยังมีในเรื่องของการเปิดร้านอาหารที่กำลังจะเริ่มต้น ติณห์ยังต้องกลับมาดูแลลูกสาวที่เป็นไข้ เขาจะคอยตื่นขึ้นเพื่อมาวัดไข้และเช็ดตัวให้นาเดียร์ด้วยตัวเอง “คุณนอนเถอะค่ะ ลิลจัดการเรื่องลูกเอง ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ยังจะมานอนน้อยอีก” หญิงสาวเป็นห่วงชายหนุ่มที่นอนหลับๆตื่นๆ “มันนอนไม่หลับเอง พอจะหลับมันก็กังวลขึ้นมาต้องลุกมาดูลูก” ชายหนุ่มอธิบาย ค่ำคืนแห่งการดูแลลูกสาว ที่ป่วยเป็นไข้อยู่ทุกคืนได้ผ่านพ้นไป ชายหนุ่มได้กลับมานอนเต็มตาอีกครั้ง นาเดียร์เองก็กลับไปนอนกับพี่เลี้ยงเหมือนเดิม “ทำไมเดี๋ยวนี้คุณดูหน้าซ
บทที่16อารมณ์ที่แปรปรวน “เดี๋ยวไปเตรียมของนะ ผมจะพาคุณไปฝากท้องที่โรงพยาบาล” เมื่อเดินออกมาจากห้องของบิดา ชายหนุ่มก็บอกให้หญิงสาวไปเตรียมตัวไปหาหมอ “คุณไม่คิดจะพาลิลไปกินข้าวก่อนเหรอคะ” หญิงสาวหันมาทำตาค้อนใส่ ก่อนที่จะเดินกลับไปหยิบกระเป๋าที่เรือนหลังเล็ก ติณห์ยืนมองคนตัวเล็กที่กำลังเดินไปด้วยความงง นี่เขาทำอะไรผิด แค่ลืมพูดว่าไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยไปหาหมอแค่นี้ ทำไมหญิงสาวต้องทำตาค้อนใส่เขาด้วย “คุณแม่จะกินอะไรครับ” ชายหนุ่มรีบถามก่อนเพราะกลัวจะถูกงอนอีก “กินอะไรก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบ “ถ้าอย่างนั้นกินข้าวมันไก่ร้านข้างหน้าละกัน เจ้าดังเลย ที่คุณเคยชอบ” ร้านนี้เขาเคยซื้อไปฝากหญิงสาว เธอกินจนหมดกล่อง “ไม่เอาค่ะ ไม่อยากกินไก่” ลลิลส่ายหัว “แล้วคุณอยากกินอะไร เดี๋ยวผมพาไป” ชายหนุ่มถามทวนอีกรอบ “อะไรก็ได้ค่ะ คุณก็เลือกเลย ลิลกินได้หมด” หญิงสาวยังยืนยันคำเดิม แต่น้ำสียงเหมือนเริ่มหงุดหงิด “ต้มเลือดหมู ซดน้ำร้อนๆ” ติณห์คิดขึ้นได้ว่าข้างหน้ามีร้านต้มเลือดหมูอร่อยอยู่
บทที่17คำนี้ที่ต้องการ “มาแต่เช้าเลยวันนี้ ” ป้าช่วยกำลังป้อนข้าวคนป่วยถามด้วยความแปลกใจ “ผมมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ อยากปรึกษาพ่อกับป้าช่วยเสียหน่อย” ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆคนป่วย โดยมีป้าช่วยอยู่ฝั่งตรงข้าม กำลังถือถ้วยข้าวต้มคนป่วยอยู่ “ทำหน้าจริงจัง พ่อนี่อยากรู้เลยเรื่องอะไร ทำลุกชายพ่อจริงจังได้ขนาดนี้” ติณห์ขำลุกชาย ที่ทำหน้าเหมือนกำลังจะไปออกรบ “ก็จะเรื่องใครได้ล่ะครับ นอกจากลลิล” ชายหนุ่มถอนหายใจ “ทำไมคะ คุณลิลเป็นอะไร” ป้าช่วยทำท่าตกใจ “ตั้งแต่ท้อง เธอจะชอบพูดว่า ขอบคุณผมเรื่องที่ดูแลลูกของเธอ บางครั้งก็ย้อนกลับไปพูดถึงสถานะที่เธอเข้ามาอยู่ที่นี่ ว่าเธอไม่ลืมหรอก ว่าเธอคือใคร คือผมไม่เข้าใจ ที่ผมอยู่ทุกวันนี้ ลิลยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ว่าผมรู้สึกแบบไหน” ชายหนุ่มคิ้วขมวดกันด้วยความเครียด “ไม่รู้หรอกค่ะ ป้าเอง คุณท่านเอง ก็ยังไม่รู้เลย ว่าตกลง คุณกับคุณลิลเป้นอะไรกัน อยู่กันในสถานะไหน แล้วตัวคุณลิลเองเธอกำลังท้อง เธอต้องการความมั่งคง แต่คุณทำเหมือน ไม่หลักอะไรให้เธอได้ยึดเลย” เรื่องความสัมพั
บทที่18หมดหน้าที่นางบำเรอ “ไปไหนกันมาคะ นาเดียร์งอนแล้ว พ่อจ๋าแม่จ๋าไปไหนไม่ชวนลูกเลย” เด็กน้อยตัวขาวยืนกอดอก ปากติดจมูก งอนพ่อกับแม่ ยิ่งมองยิ่งน่าเอ็นดู “ไม่ได้ชวนแต่ซื้อของมาไถ่โทษไม่รู้จะมีคนหายงอนไหมนะ” ติณห์ก็มตัวลงอุ้มลูกสาวขึ้นมาบนอก ก่อนจะยื่นถุงของฝากให้ “น่ารักทั้งนั้นเลย ของหนูคนเดียวเลยใช่ไหม หนูเอาไปอวดคุณปู่นะคะ” เด็กน้อยรีบลงจากอกของชายหนุ่มคว้าถุงวิ่งไปที่ห้องคนคุณปู่ทันที เสร็จสิ้นภารกิจในวันนี้ หญิงสาวนอนหลับอมยิ้มอยู่ภายในใจ คำว่ารักที่เธออยากฟังจากเขามานาน ในที่สุดวันนี้เธอก็ได้ยินมันแล้ว การแต่งงานที่เธอไม่เคยคิด ว่าผู้หญิงที่มาเป็นนางบำเรอจะมีโอกาส เขาก็ทำมันให้เธอ พรุ่งนี้เอกับพ่อก็จะได้เจอกันแล้ว ลลิลอยากกอดพ่อของเธอที่สุดเลย อยากให้พ่อได้รู้ว่าเธอกำลังจะมีลูก พ่อกำลังจะเป็นคุณตา ‘แม่คะพรุ่งนี้ลิลจะได้เจอพ่อแล้วนะ’หญิงสาวพูดในใจ หวังให้มารดาของเธอที่อยู่บนสวรรค์ได้ยิน “พร้อมแล้วใช่ไหม ที่จะได้เจอพ่อของคุณ” ติณห์ถามหญิงสาวก่อนขึ้นรถออกจากบ้าน “พร้อมแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะค
ตอนที่1เดินทาง “คุณเข้าใจผมใช่ไหม ถ้าทุกอย่างสำเร็จผมจะหย่ากับเขาและกลับมาหาคุณ” ศรุตเขารู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องไปทำภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ และครั้งนี้เขาจะต้องสูญเสียความโสดทางกฎหมายทันที เขาไม่สบายใจจึงรีบมาบอกลีหรือวราลีซึ่งเป็นคนรักของเขา “ศรุตคะ ลีเข้าใจ คุณจำใจต้องทำเพราะความกตัญญู และอย่างไรลีก็รู้ว่าคุณรักใคร” หญิงสาวไม่โวยวายไม่หึงหวง เพียงเพราะได้ยินแฟนหนุ่มบอกเล่าจำนวนทรัพย์สินทั้งหมด ที่เขาจะได้เมื่อจดทะเบียนสมรสกับหลานสาวเพียงคนเดียวของทรงวุฒิ “ผมจะเดินทางทันที ในวันพรุ่งนี้ คุณอยู่ทางนี้ดูแลตัวเองดีๆนะครับ” ชายหนุ่มอดเป็นห่วงแฟนสาวไม่ได้ เพราะเธอทั้งสวย ทั้งมีเสน่ห์ และยังเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีอีกด้วย “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ลีอยู่ที่นี่มีคุณอาคอยดูแลอยู่ทั้งคน ไม่มีใครมาทำอะไรลีได้ และรับรองว่าจะไม่นอกใจเด็ดขาด” วราลีเธออาศัยอยู่กับอาผู้ชายเพียงสองคนในบ้าน เธอบอกกับศรุตว่าพ่อกับแม่ของเธอเลิกกัน และพ่อของเธอก็มาเสียไปตั้งแต่เธอเพิ่งเข้าชั้นมัธยม เลยต้องมาอยู่กับอาซึ่งเป็นญาติห่างๆกับพ่อของเธอ
ตอนที่2น้ำผึ้งแสนหวาน “วันนี้เราไปทักทายผู้คนที่นี่รอบๆหมู่บ้านกันนะจ๊ะ” หญิงสาวเริ่มต้นจากการพาอนาคตสามี ไปเดินทักทายป้าๆน้าๆลุงๆ ในหมู่บ้าน สาวๆแรกรุ่นต่างพากันมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ด้วยสายตาให้ความสนใจ เพราะหน้าตาและรูปร่างของศรุตโดดเด่นกว่าที่สาวๆที่นี่จะเคยเห็นมาก่อน “หมู่บ้านที่นี่อยู่กันแบบสบายๆดีนะครับ” “สบายคือยังไงจ๊ะ” น้ำผึ้งคิดว่าที่เมืองใหญ่น่าจะต้องสบายกว่าที่นี่ “ไม่ต้องเร่งรีบ อยู่พร้อมหน้ากัน มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ แต่ละบ้านก็ดูรู้จักกันหมด” ชายหนุ่มอธิบาย “ที่คุณศรุตอยู่ เขาไม่รู้จักกันเหรอ อยู่บ้านติดๆกันแบบนี้”หญิงสาวสงสัย “ไม่เลยครับ บางบ้านอาจจะแทบไม่เคยเห็นหน้ากันเลย ว่าคนที่อยู่ข้างบ้านเราหน้าตาเป็นยังไง” “เหงาแย่เลยนะแบบนี้” น้ำผึ้งทำหน้าไม่ชอบในสิ่งที่ชายหนุ่มเล่า “อุ้ย!” หญิงสาวมัวแต่มองหน้าชายหนุ่ม เพราะเดินคุยกันตลอดทาง จนสะดุดเข้ากับรากของต้นไม้ที่ลอยนูนขึ้นมาบนดิน “เลือดเลย” ศรุตหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าของเขาขึ้นมาซับเลือดจาก
ตอนที่3หวาน...ไปทั้งตัว “มันไม่เร็วไปเหรอจ๊ะ” หญิงสาวเริ่มไม่แน่ใจ ว่าสิ่งที่เธอกับเขากำลังจะทำ มันถูกต้องแล้วใช่ไหม ไม่มีคำตอบจากปากของชายหนุ่ม เขากลับรุกเร้าเธอลงมาถึงซอกคอ ปากหนาพรหมจูบไปจนทั่ว เหมือนผึ้งที่กำลังดูดกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้อย่างไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งไว้ได้ “อื่อ...คุณ” น้ำผึ้งเรียกชายหนุ่ม เพราะตอนนี้ร่างกายเธอ มันปั่นป่วนจนแทบจะควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ มือหนาสอดเข้าไปใบชุดชั้นในที่ปกปิดอกอวบไว้ ก่อนจะใช้นิ้วบดขยี้ยอดอกแห่งความสาว ที่กำลังเตร่งตรึง รอรับการสัมผัสจากนิ้วของชายหนุ่ม ด้วยความชำนาญ ไม่นานเสื้อชั้นในก็ถูกถอดออก ก่อนที่เสื้อลูกไม้ที่หญิงสาวสวมนอนจะถูกถอดตามออกมาด้วย ใครจะรู้ว่าหญิงสาวร่างเล็กเอวไม่ถึงยี่สิบห้านิ้ว จะมีหน้าอกที่ล้นไม้ล้นมือขนาดนี้ ศรุตสาละวนอยู่กับการบีบเคล้นสลับกับการใช้ปากดูดยอดอกชูชันอย่างเอร็ดอร่อย น้ำผึ้งบิดตัวไปมา เพื่อลดความเสียวซ่านที่ชายหนุ่มหยิบยื่นให้ ทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ตั้งแต่เล็กจนโต หญิงสาวไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน บา
ตอนที่4ครั้งแรกของหญิงสาว “วันนี้แม่จะไปตัวจังหวัด ถ้าเรื่องไม่เสร็จแม่อาจจะกลับพรุ่งนี้เช้า ดูแลทำกับข้าวกับปลาให้คุณศรุตกินด้วยนะลูก” มะเดื่อและชาวบ้านกำลังดำเนินการเรื่องมีการบุรุกที่ดินของรัฐจากคนนอกพื้นที่ เธอและผู้ใหญ่จึงต้องเข้าไปตัวจังหวัดเพื่อตามเรื่อง “จ๊ะแม่” แววตาของชายหนุ่มเป็นประกาย เพราะหมายความว่าคืนนี้เขาอาจจะได้อยู่กับหญิงสาวแค่เพียงสองคน “น้ำตกที่แม่คุณว่าอยู่ไกลมากไหม ศรุตหันไปถามหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเบาะข้างคนขับ มือทั้งสองข้างจับรัดกันแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะหันมาสบตาคนถาม “ไกลเหมือนกันจ๊ะ สักชั่วโมงก็คงถึง เป็นน้ำตกเล็กๆ หลบจากสายตาผู้คน แต่รถคันใหญ่ๆแบบนี้พอเข้าได้ มีไม่กี่คนที่รู้จัก เพราะพวกเรากลัวมันจะถูกทำลายถ้ามีคนรู้จักมากขึ้น” น้ำผึ้งแอบหันมามองหน้าคนถาม แต่ก็หลบสายตาทันที เมื่อถูกอีกฝ่ายจ้องมองกลับ “อีกหน่อยถ้าเราแต่งงานกัน เธอต้องไปใช้ชีวิตที่ในเมืองสลับกับที่นี่ จะมาพูดจ๊ะแบบนี้ไม่ได้นะ เป็นถึงหลานสาวคนเดียวของเจ้าของโรงแรมระดับห้าดาว ต้องเปลี่ยนหางเสียงเป็น ค่
18อบอุ่นพร้อมหน้า “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปฝากท้องนะ” ภาคินเดินประคองพาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เข้าไปในบ้านที่เข้าตั้งใจไว้เพื่อเป็นบ้านของครอบครัวที่น่ารักของเขา “วันนี้ยิหวาไม่ต้องแอบเหมือนทุกๆครั้งที่มาที่นี่” คำพูดของหญิงสาว ทำให้ภาคิน สำนึกได้ว่าที่ผ่านมา เขาไม่เป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่เขารัก ทำเหมือนเธอเป็นสิ่งไร้ค่า พอถึงเวลาที่เสียไป เขาถึงเพิ่งรู้ว่าเธอมีค่าแค่ไหน “ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มีค่า เรามาเริ่มต้นจุดเทียนกันใหม่ แต่เทียนเล่มนี้ จะมีทั้งความรักและความอบอุ่น เป็นกำบังคอยป้องกันทุกอย่าง ที่จะมาทำให้เทียนแห่งรักนี้ดับลง ฉันสัญญาจะรักและดูแลเธอกับลูกไปตลอดชีวิต” หญิงสาวเชื่อทุกคำที่ภาคินพูด เพราะทุกอย่างที่เขาทำในเวลานี้ มันเป็นบทพิสูจน์แล้ว “ขอบคุณนะคะ ที่ทำทุกอย่างเพื่อยิหวากับลูก” บ้านหลังนี้ ที่ภาคินเคยคิดว่ามันใหญ่เกินไป เพราะมีถึงสี่ห้องนอน แต่ตอนนี้ มันจะเหลือว่างแค่เพียงสองห้อง เพราะอีกห้องต้องเตรียมไว้ สำหรับลูกของเขาที่กำลังจะเกิดมา ศศิวัฒน์กลับไป
17เผชิญหน้ากับทุกปัญหา “ภาคินลูกไปไหนมาทั้งวัน คุณพ่อก็อีกคนยังไม่กลับมาเลย” ฐานิตาลุกออกจาโซฟา เดินมาหาลูกชายที่หน้าประตูบ้าน “ผมไปรับภรรยาผมกลับบ้านครับ” ภาคินยิ้มมุมปาก “ภรรยา ลูกหมายความว่าอะไร” ฐานิตายืนมองหน้าลูกชาย เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ภาคินพูด แต่มันต้องเป็นเรื่องที่เธอจะต้องไม่ชอบใจแน่ๆ “สวัสดีค่ะคุณท่าน” ยิหวาเดินตามหลังภาคินเข้ามา “หมายความว่ายังไง ที่ภาคินบอกว่าพาภรรยามา” ฐานิตายืนถลึงตาด้วยความไม่พอใจ“นี่ค่ะ ทะเบียนสมรสเราเพิ่งไปจดกันมา เมื่อช่วงบ่ายนี่เอง”ยิหวายื่นกระดาษในมือของเธอ ให้มารดาของภาคินดู เพื่อให้เธอได้เห็นชื่อชัดๆว่าใครสมรสกับใคร“ไม่จริ๊ง ไม่จริง ภาคินลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม”ฐานิตาเดินตามทั้งคู่เข้ามาในบ้าน โดยครั้งนี้ยิหวา ไม่ได้นั่งข้างล่างเหมือนแต่ก่อน เธอนั่งบนโซฟาข้างๆสามีของเธอ“ลูกจะต้องแต่งงานกับหนูลิตาเท่านั้น ” ฐานิตากระแทกเสียง“ก็ได้นะคะ ถ้าคุณลิตาจะยอมเป็นเมียน้อย” ยิหวาต่อปากต่อคำ“ยิหวา ฉันหลงคิดว่าเธอมันเป็นเด็กดี ที่แท้ก็ไม่ต่างอะไรกับแม่ของเธอ”ฐานิตาลืมตัว
16ตามหัวใจคืน “ยิหวา เธอหลบหน้าฉันทำไม” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อจำได้ว่าเสียงที่กำลังเรียกชื้อเธอนั้นคือใคร “คุณภาคิน คุณมาที่นี่ได้ยังไง”หญิงสาวพยายามดึงมือที่จับแขนเธอไว้แน่น แต่มันไม่ขยับเลย“เปิดประตูแล้วเข้าไปคุยกันในห้อง อยากมายืนเถียงกันให้อายคนอื่นเหรอ”ภาคินเคล้นเสียงหนักแน่น แต่เบาเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน“คุณจะตามฉันมาทำไม”ยิหวาตวาดเสียงแหลมใส่หน้าชายหนุ่มทันที เมื่อประตูถูกปิดลง“ก็เพราะเธอหนีออกมาแบบนี้ไง”ภาคินคว้าแขนเล็กไว้และดึงร่างบางอย่างแรง จนหญิงสาวแทบจะเซล้ม“ฉันไม่ได้หนีคุณ แล้วทำไมต้องหนี การที่ฉันจะไปอยู่ที่ไหนทำอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลย เราก็เป็นแค่อดีตเจ้านายกับลูกสาวคนรับใช้แค่นั้น”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดอะไรต่อ ชายหนุ่มก็ปิดปากของเธอด้วยปากของเขา สองมือหนาประคองใบหน้ารูปไข่ไว้ในมืออย่างทะนุถนอม“พอ หยุดเถอะ ฉันรักเธอ ยิหวา ได้ยินไหมฉันรักเธอ” ชายหนุ่มดึงหญิงสาวมากอดไว้ แล้วพูดอยู่ซ้ำๆแบบนั้น“คุณรักฉันไม่ได้ค่ะ คนที่คุณควรรักคือคุณลิตา เขาคือคนที่คุณกำลังจะแต่งงานด้วย”หญิงสาวกัดฟันพูดด้วยความแค้น เธอพูดทุกถ้อยคำช้าๆแ
15พบกันครั้งแรก “เราว่าแกไม่ต้องตามหาลูกสาวแล้วแหละ” คณินพูดเมื่อสายตาของเขาหันไปเห็นผู้หยิงสองคนที่เขาคุ้นเคยในร้านอาหารข้างๆ“ดาริน”ศศิวัฒน์มองตามสายตาของเพื่อนที่มองไปยัง ร้านอาหารอีกร้านที่อยู่ข้างกัน มีเพียงแค่ทางเดินเล็กๆในห้างกั้นอยู่“นานแล้ว แกยังจำได้อยู่อีกเหรอ” คณินแปลกใจที่เพื่อนของเขายังจำคนรักเก่าได้อยู่ ทั้งที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันยี่สิบกว่าปี“ฉันไม่ได้ยังจำได้ แต่ฉันไม่เคยลืมต่างหาก” ศศิวัฒน์พูดจากหัวใจเราเข้าไปคุยกับทั้งคู่ตอนนี้คงไม่ดี เดี๋ยวเราว่ารอให้ ดารินกับยิหวาต้องแยกกันกลับบ้าน เรารอคุยกับยิหวาคนเดียวจะดีกว่าคณินเสนอความคิดเห็น และศศิวัฒน์ก็เห็นด้วย เพราะเขาไม่แน่ใจว่าดารินจะยังอยากเจอหน้าเขาอยู่ไหมในที่สุดสองคนแม่ลูกก็แยกกัน ดารินลงไปชั้นล่างเพื่อขึ้นรถกลับ ส่วนยิหวาเดินแยกไปทางร้านขายเครื่องเขียน“ยิหวา” คณินเรียกหลังจากเดินตามหญิงสาวไป“ยิหวา นี่ศศิวัฒน์เพื่อนของฉัน” คณินแนะนำเพียงเท่านี้ก่อน“สวัสดีค่ะคุณศศิวัฒน์” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมนี่เป็นครั้งแรก ที่ศศิวัฒน์ได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกสาวของเขา แบบตัวเป็นๆ และเธอก็มีหน้าตาที่เหมือน
14ความลับ “แกยังจำดารินได้ไหม” คณินเริ่มเข้าเรื่อง “จำได้สิ ผู้หญิงที่ฉันรักทั้งคนนะ แล้วแกถามถึงทำไม แกเจอดารินเหรอ” ศศิวัฒน์ทำท่ากระตือรือร้นอยากรู้ “อืม...เจอทุกวันเลย เจอมาหลายปีแล้วด้วย” คนตอบไม่พูดตรงๆ “หมายความว่าอะไรวะ คณินแกจะมายียวนเพื่ออะไร มีอะไรเกี่ยวกับดาริน แกพูดมาให้หมดเลย” ศศิวัฒน์รักและจริงใจกับดาริน เขาต้องการจะให้เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องกับเขา แต่ทุกอย่างก็พังลง เมื่อมารดาของเขาประกาศผ่านสื่อ ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวชั้นสูง ตั้งแต่นั้นมาศศิวัฒน์ก็ไม่เจอดารินอีกเลย “ดารินเขาอยู่ที่บ้านฉัน ตั้งแต่ที่แม่แกประกาศว่าแกจะแต่งงานนั่นแหละ” คณินเริ่มเล่า “เฮ้ย! แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน แกรู้ไหมคณินว่าฉันตามหาดารินจนแทบบ้า” ศศิวัฒน์ขึ้นเสียง “ดารินเขาขอฉันไว้ เขาบอกถ้าฉันบอกแก เขาก็จะพาลูกในท้องหนีไปที่อื่น ฉันสงสารเด็ก” “ลูกในท้อง” ศศิวัฒน์พูดทวนคำพูดของเพื่อน เพราะเขาไม่เคยรู้เลย ว่าดารินท้อง “ใช่ ดารินเขาท้อง” คณินเน้นย้ำ เพราะหวังว่าเพื่อนจะพอเข้าใจ ว่าเรื่องราว
13ตามหา หนึ่งเดือนแล้ว ที่ภาคินไม่ได้เจอไม่ได้คุยไม่ได้ข่าวอะไรของหญิงสาวที่เขาสุดแสนจะคิดถึง ชายหนุ่มคิดถึงครั้งที่เขาไปเรียนอยู่อเมริกา เขาก็เคยทำกับเธอแบบนี้ เธอคงทั้งเจ็บทั้งเสียใจ ไม่ต่างกับเขา “คุณรู้ไหม ภาคินไม่ไปทำงานหลายวันแล้ว ผมถามหนูลิตา เธอก็บอกว่า ภาคินดื่มหนักเกือบทุกคืน” คณินทำงานที่เดียวกับลุกชายและลลิตา เขาถึงมีโอกาสได้สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกชาย “คุณคิดว่ายังไงคะ” ฐานิตาไม่เข้าใจ ว่าสามีต้องการจะบอกอะไร “ผมว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ข้างนอกแบบนี้ มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ ลูกชายเราเป็นแบบนี้ คุณคิดว่า คนอย่างหนูลิตาเขาจะอยากฝากชีวิตไว้ด้วยเหรอ” ฐานิตาเห็นด้วยกับคำพูดของสามี แต่เธอก็ไม่สามารถจะยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างลูกชายเธอกับคนงานในบ้านได้ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่สงสารลูกนะ แต่คุณจะให้ฉันยอมรับลูกคนรับใช้มาเป็นสะใภ้ ฉันทำใจไม่ได้หรอก” “คุณรังเกียจยิหวา เพียงเพราะมันเป็นลูกสาวคนใช้ใช่ไหม และถ้าสมมุติว่าวันนึง ลูกสาวคนใช้กลายเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของข้าราชการระดับสูงในบ้านเมืองเร
12เริ่มต้นชีวิตใหม่ หญิงสาวออกไปอยู่ข้างนอก โดยที่เธอบอกทุกคนยกเว้นภาคิน ฐานิตาเห็นด้วย เพราะเธอคิดว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ที่อื่น ลุกชายของเธอ น่าจะลืมเธอได้อีกไม่นาน และคงยอมที่จะแต่งงานกับลลิตา “ดาริน ถ้าเธอจะออกไปอยู่กับลูกสาวก็ได้นะ แต่ฉันขอเวลาหาคนใหม่มาแทนก่อน ส่วนป้าช้อยก็ให้แกอยู่ที่นี่ต่อเถอะ อย่าเอาแกไปลำบากด้วยเลย” ฐานิตาถึงจะรู้สึกเสียดายดาริน เพราะอยู่ด้วยกันมานานจนรู้ใจ แต่ก็ต้องยอมแลกกับการที่ลุกชายของเธอจะได้ห่างจากยิหวา “ค่ะคุณท่าน คงอีกสักพัก ถึงจะย้ายตามลูกไป” ดารินเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ดี ว่าฐานิตาก็ต้องอยากให้ลูกชายของเขาได้ผู้หญิงที่ดีที่สุด “น้าดารินครับ ผมไม่เห็นยิหวาหลายวันแล้ว เธอไปไหน” ภาคินเก็บความอยากรู้และไม่สบายใจไว้ไม่ไหวแล้ว เขาตัดสินใจเข้ามาถามดารินตรงๆ “ยิหวาเขาออกไปอยู่ข้างนอกแล้วค่ะ แต่น้าก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เพราะเขาไม่ได้บอกไว้” ดารินไม่ได้โกหก เพราะลูกสาวของเธอไม่ได้บอกอะไร มากไปกว่า ว่าที่พักอยู่ใกล้กับที่ทำงาน “ทำไมต้องออกไปอยู่ข้างนอก
11ลาก่อน “เป็นอะไรไป หน้าซีดเชียว” ดารินเดินเข้ามาจับตัวลูกสาว เมื่อเห็ใบหน้าที่ซีดเซียว “แม่คะ ถ้าหนูหางานทำได้ เราไปอยู่ที่อื่นกันนะคะ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างไม่ทันระวัง ว่ามารดาจะสงสัยว่าอยู่ดีๆทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ จะให้แม่ทิ้งคุณท่าน ทิ้งป้าช้อยไปได้ยังไงกัน” ดารินหันไปทไหน้าดุใส่ลูกสาว “เดี๋ยวไม่มีเรา คุณท่านก็หาแม่บ้านใหม่มาทำงาน แม่จะอยู่เป็นคนใช้เขาไปตลอดชีวิตเหรอ” ยิหวาไม่รู้เหมือนกัน ทำไมเธอถึงกล้าพูดแบบนี้ ทั้งที่ดารินก็สอนเธอตั้งแต่เล็กจนโต ว่าให้รู้จักและสำนึกในบุญคุณของครอบครัวอรรถจิรานนท์ ที่ทำให้เธอกับแม่ มีที่ซุกหัวนอนอย่างเช่นทุกวันนี้ “ยิหวา มันเกิดอะไรขึ้นกันลูก คุณท่านเรียกลูกไปพูดเรื่องอะไร ทำไมถึงออกมาแล้วพูดจาแบบนี้” ดารินเลี้ยงลูกมา เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอ ไม่เคยคิดจะไปจากที่นี่ และอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มาพูดจาเอาจริงเอาจังแบบนี้ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ หนูไปรีดผ้าต่อนะคะ” นับตั้งแต่วันนั้นยิหวาก็พยายามหางานทำ เอาที่อยู่ไกลจากบ้านของภาคินให้มากที่สุด
10ปล่อยมือหรือเดินต่อ เมื่อไฟถูกปิดลง ความคิดถึงที่ทั้งคู่ต่างถวิลหากันมาเกือบสามปี ก็เหมือนพายุ ที่ถูกปลดปล่อยมาในทันที เสื้อผ้าถูกถอดออกจากเรือนร่างบางเล็กของยิหวา อย่างรวดเร็ว จนเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ปากหนาทั้งหอมทั้งจูบไปทุกส่วนของร่าง เหมือนเขาอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว “คุณภาคินคะ ยิหวาเจ็บนะ” หญิงสาวร้องบอกเขา เพราะเธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังช้ำไปทั้งตัว ไม่มีเสียงตอบจากคนที่กำลังรุกราน แต่เขากลับใช้ทั้งสองมือบีบเคล้นอกอวบขึ้นมาก่อนจะใช้ปากหนาทั้งเลียและดูด อย่างกระหาย จนเจ้าของอกกลมต้องบิดไปทั้งตัวด้วยความเสียวซ่าน ที่เธอไม่ได้สัมผัสมันมานานแสนนาน “อ่า...อื้อ......” หญิงสาวกลั้นเสียงครางไว้ไม่ไหวอีกต่อไป โคมไฟหัวเตียงถูกดับลง พร้อมกับความเป็นชายของเขา ที่เข้ามาอยู่ในกลีบชมพูอวบของหญิงสาว สะโพกกลมขยับตามจังหวะที่ชายหนุ่มคอยควบคลุม ให้เธอเคลื่อนไหวตามจังหวะ จากสายน้ำที่ไหลอย่างเชื่องช้า ก็เปลี่ยนเป็นทะเล ที่ถูกเกลียวคลื่นโหมกระหน่ำจน คนตัวเล็กต้องจิกเล็บสวยลงไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่