3
การต้อนรับ
“ป้าแก้วไม่ต้องห่วง เดี๋ยวคืนนี้ผมดูแลเธอเอง”
เมื่อความมืดเริ่มปกคลุมเกาะ ป้าแก้วก็เอาข้าวต้มขึ้นมาให้คนเจ็บ แต่ราชันบอกว่าเขาจะเป็นคนดูแลเธอเอง
“แน่ใจนะคะนายหัว ไม่ต้องให้ป้านอนข้างบนด้วยแน่นะ”
ป้าแก้วถามเพื่อความแน่ใจ เพราะเขายังไม่เคยเห็น ชายหนุ่มตรงหน้าที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดจะเคยดูแลใครเลย เคยแต่เป็นฝ่ายถูกเขาดูแลเสียมากกว่า
“เชื่อใจผมสิครับ ลูกชายคนนี้โตแล้วนะ รับรองจะดูแลอย่างดี” นายหัวของเกาะกอดเอวแม่คนที่สองของเขาอย่างเอาใจ
ปะการังนอนดูทั้งสองคนแสดงความรักต่อกัน เธอยิ่งรู้สึกอ่อนแอ เธอคิดถึงแม่ คิดถึงป้านภา คิดถึงพ่อ เธอจะต้องกลับไปหาทุกคนให้ได้ แต่เธอต้องหาทางแก้แค้นให้ได้เสียก่อน
“มากินข้าวกัน ค่อยๆลุกนะ เดี๋ยวผมช่วย”
นายหัวผู้เอาแต่ใจของเกาะ วันนี้ต้องเป็นพยาบาลจำเป็นดูแลคนเจ็บ รอยฟกช้ำบนหน้าที่ได้รูปของหญิงสาว ยิ่งทำให้ราชันเห็นแล้วรู้สึกสงสาร ใครกันนะที่ทำกับผู้หญิงตัวเล็กได้ถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มอยากให้ความทรงจำของปะการังกลับมา เขาอยากช่วยเธอแก้แค้นไอ้พวกที่ชอบรังแกผู้หญิง
ชายหนุ่มป้อนข้าวคนตัวเล็ก แบบทุลักทุเล เพราะไม่เคยดูแลใครมาก่อน เมื่อกินข้าวเสร็จ ราชันค่อยๆ พยุงปะการังให้เข้าไปนอนในห้องที่ป้าแก้วจัดไว้ให้
“พร้าวเอ็งว่าเกิดอะไรขึ้นกับปะการังวะ”
เจ้านายหันมาปรึกษาลูกน้อง ที่กำลังทำหน้างง เพราะไม่รู้ว่าใครคือปะการัง
“เออ..ข้าลืมบอกเองไป ปะการังเป็นชื่อใหม่ที่ข้าตั้งให้แม่สาวน้อยที่เราเจอกลางทะเล”
พร้าวค่อยเข้าใจหน่อย ว่านายหัวของเขากำลังพูดถึงใครอยู่ จึงได้ทำท่าคิดและตอบตามที่คาดเดา
“ผมว่าเธอน่าจะเป็นลูกผู้ดีอยู่ ดูจากผิวพรรณและเสื้อผ้าที่ใส่”
นายหัวพยักหน้า เพราะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของลูกน้องคนสนิท
“และเอ็งคิดว่า ใครที่คิดจะทำร้ายผู้หญิงตัวแค่นั้น โยนลงทะเลแบบนี้คือหวังให้ตายเลยนะ”
“นายหัว ผมเดาไม่ถูกหรอก แต่ที่แน่ๆมันต้องไม่ใช่คนดี ต่อให้ปะการังเป็นคนไม่ดี ก็ไม่ใช่ว่าจะเอากันมาฆ่ามาแกงแบบนี้ได้ บ้านเมืองมีกฎหมาย” คนตอบทำเสียงจริงจัง
“ตั้งแต่รู้จักกันมา เพิ่งรู้ว่าเอ็งก็มีหัวคิดเหมือนกันะนี่”
นายหัวทำท่าอมยิ้มชื่นชม ในคำพูดและความคิดของลูกน้องคนสนิท
“ในเมื่อเราไม่รู้ว่าคนที่อยากเอาชีวิตเธอเป็นใคร เราก็ควรจะปิดเรื่องของเธอให้เงียบที่สุด”
“แต่เกาะเราก็เล็กแค่นี้ เอ็งจะให้ข้าเอาแม่สาวน้อยคนนี้ไปซ่อนที่ไหน”
ถึงแม้จะเห็นด้วยกับคำพูดของพร้าว แต่ราชันก็คิดไม่ออกว่าจะปิดยังไง
“เราก็บอกทุกคนว่า ปะการังเป็นญาติห่างๆของนายหัว เธอเป็นโลกความจำเสื่อม จึงถูกส่งให้มาอยู่ที่นี่เพื่อรักษาตัว” พร้าวแสดงความคิดเห็นเพื่อหาทางออก
“เออ..ดีเหมือนกัน ดูแล้วเอ็งจะดูละครมาก ถึงได้วางแผนได้เป็นเรื่องเป็นราวได้แบบนี้”
“นี่นายหัวกำลังชมใช่ไหมครับ ฟังดูแปลกๆ”
พร้าวเป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวของเกาะ ที่ได้เรียนจบถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย นอกนั้นส่วนมากก็จบแค่เพียงมัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น เขาจึงดูมีความรู้มากกว่าลูกน้องคนอื่นๆ
คำคืนนี้ปะการังหลับใหล เพราะความอ่อนเพลียตั้งแต่หัวค่ำ ราชันแอบเปิดห้องเข้าไปดูเธออยู่บ่อยๆ เพราะกลัวเธอจะเป็นอะไรขึ้นมา
ราชันกลับมานั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ เขาพยายามคิดว่า ระหว่างที่หัดขับเรือ เขาเจอกับเรือลำอื่นบ้างไหม แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก จึงได้แต่ปล่อยให้เวลาช่วยให้หญิงสาวค่อยๆได้ความจำกลับคืน วันนั้นมาถึงทุกคนก็คงได้รู้เรื่องจริงทั้งหมด
เช้านี้ปะการังสามารถลุกเดินได้แล้ว หลังจากนอนมายาวนานทั้งคืน
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
ราชันทักทายเมื่อเปิดประตูห้องนอนมาแล้วเจอหญิงสาวกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงมองออกไปยังท้องทะเล
“ค่อยมีแรงขึ้นมาบ้างค่ะ” หญิงสาวหันหน้ามาตอบคนถาม ด้วยสีหน้าที่สดใสกว่าเมื่อวาน
“ฟังนะปะการรัง พวกเราไม่รู้ว่าใครกันที่ต้องการฆ่าเธอ แต่ถ้ามันรู้ว่าเธอรอดมันคงต้องตามมาที่นี่ ผมจึงต้องให้คุณช่วยแสดงละครหน่อย นับจากวันนี้ไป คุณคือปะการัง น้องสาวห่างๆของผม คุณป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม จึงมาพักรักษาตัวที่นี่”
นายหัวบอกแผนการทั้งหมดที่เขาวางไว้กับลูกน้องคนสนิท เพื่อปกป้องทั้งเธอและเกาะ
“ได้ค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ” สายตาของคนพูดมันขอบคุณออกมากหัวใจ
“ถ้ายิ่งนานไป ไม่มีข่าวการพบศพคุณไม่นานพวกนั้นก็จะเริ่มตามหาคุณอีกครั้ง และแถวนี้มีเพียงไม่กี่เกาะ รับรองมันต้องมาแสดงตัวให้เราได้รู้จักแน่ๆ”
ปะการังใจหนึ่งก็อยากบอกว่าเธอรู้ ว่าใครคือคนที่จะเอาชีวิตเธอ แต่อีกใจก็ยังรู้สึกว่าในเวลานี้ไม่สามารถไว้ใจใครได้ เธอจึงแสดงซ้อนการแสดงอีกที เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตามที่ราชันต้องการ
“อุ๊ย!”
สองมือของคนตัวใหญ่ โผเข้ามารับตัวหญิงสาวได้ทัน เมื่ออยู่ดี หญิงสาวก็รู้สึกวูบมองไม่เห็นอะไรเลย
ใบหน้าของคนทั้งสองที่อยู่ใกล้กันในตอนนี้ ทำให้ราชัน มีโอกาสได้มองหญิงสาวอย่างใกล้ชิด ใบหน้าของเธอมีความสวยซ่อนอยู่ภายใต้ผมที่ขาดสั้นไม่เป็นทรง อีกทั้งผิวพรรณละเอียดเหมือนคนที่ไม่เคยต้องโดนแดดโดนฝนเลย
“วางฉันลงได้แล้วค่ะ เริ่มดีขึ้นแล้ว”
ปะการังค่อยๆ พยายาลงจากแขนทั้งสองข้างของชายหนุ่มที่กำลังอุ้มเธออยู่ เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังถูกจ้องมอง
“ขอบคุณนะคะ ฉันคงยังไม่หายดี ไม่น่าออกไปเดินให้ต้องเป็นภาระให้คุณต้องอุ้มมาส่งที่ห้องแบบนี้เลย”
คนพูดไม่กล้ามองหน้าคนอุ้ม เพราะรู้สึกเขินอาย ที่เธอสังเกตเห็นชายหนุ่มเอาแต่จ้องหน้าเธอตลอด
“ถ้าอย่างนั้นนอนเถอะ เดี๋ยวป้าแก้วคงเอาข้าวไว้ให้ ช่วงเย็นฉันจะพาเธอไปให้ชาวบ้านที่นี่รู้จัก จะได้ไม่ต้องนินทา คาดเดากันไปต่างๆนานา”
พูดจบราชันก็ปิดประตูห้อง วันนี้เขาตั้งใจจะออกไปหัดขับเรืออีกสักรอบ เพราะดูแล้วฝนน่าจะตก ชายหนุ่มอยากฝึกปะสบการณ์ การขับเรือผ่านพายุฝน
4กอบโกย พ่อเลี้ยงสินชัยยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก คุณหมอไม่ยอมให้ธิดาเข้าไปเยี่ยมด้านใน อ้างว่ากลัวจะทำให้คนป่วยติดเชื้อ ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปเยี่ยมเพราะความห่วงใยแต่แค่เพียงอยากรู้ว่าโอกาสรอดมีน้อยหรือมาก จะได้รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ “นภาฉันคงไม่ได้มาเยี่ยมบ่อยๆนะ เพราะงานที่บริษัทกำลังยุ่ง ฉันเองก็ต้องมานั่งเรียนรู้ พ่อเลี้ยงเล่นไม่เคยบอกอะไรฉันเลย งงไปหมด แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด เพื่อรอวันที่หนูปลากลับมา ฝากด้วยนะนภา” นภารู้ดีว่าภรรยาของเจ้านายเป็นผู้หญิงแบบไหน แต่ตอนนี้เธอจำเป็นต้องแสดงว่าเชื่อ ว่านภาห่วงสามีและลูกเลี้ยงจริงๆ “คุณธิดาไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฉันจะดูแลพ่อเลี้ยงให้ดีที่สุด ไว้มีอะไรฉันจะโทรไปบอกแล้วคุณค่อยมาก็ได้ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทางไปมา” ธิดาจับมือนภาด้วยใบหน้าที่พยายามแสดงถึงความซึ้งใจ ทั้งที่ใจจริงกำลังยิ้มเพราะเชื่อว่านภารู้ไม่เท่าทันเธอ หลังจากที่ธิดาออกจากโรงพยาบาลไป เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาถึงที่โรงพยาบาลและเข้าไปยังห้องผู้ป่วยหนักทันที นภาเองมีหน้าที่แค่คอยดูหน้าห้อ
5สาวชาวเกาะ วันนี้ราชันได้สมใจที่คิดๆไว้ เพราะเมื่อขับเรือออกจากเกาะได้ไม่นาน ฝนก็ตกอยู่กลางทะเล ลมพายุโหมกระหน่ำ เขาได้ฝึกจากสถานการณ์จริง ที่เขาต้องการมานาน “สนุกเป็นบ้าเลยพร้าวเอ๋ย” นายหัวรู้สึกตื่นเต้นกับการได้ขับเรือท่ามกลางพายุและฝนที่ตกหนัก เพราะเขาต้องการที่จะฝึกตัวเองให้แข็งแกร่งที่สุด การดูแลเกาะทั้งเกาะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ราชันต้องการที่จะทำทุกอย่างให้เก่งเหมือนที่พ่อของเขาทำได้ เพื่อจะได้ดูแลเกาะนี้ให้ดีที่สุด ให้สมกับที่พ่อของเขาไว้ใจ “นายหัวกลับกันได้แล้วครับ นี่เราเปียกฝนกันมาจะชั่วโมงแล้ว ถ้าพรุ่งนี้เราไม่ป่วยก็แสดงให้เห็นว่าเราร่างกายแข็งแรง และมีความอดทน” ชายหนุ่มรุ่นน้องความสนิทสนมทำให้เขารู้ว่า ราชันกำลังต้องการทดสอบความอดทนและความแข็งแรงของทั้งร่างกายและจิตใจ พร้าวจึงพยายามพูดให้เขารู้ว่าการพิสูจน์แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว “กลับก็กลับ เป็นห่วงคนที่เกาะเหมือนกันไม่รู้ว่าจะโดนพายุหนักเหมือนกลางทะเลไหม” เมื่อมองขึ้นไปบนฟ้า เงาดำปกคลุมอยู่เหนือเกาะ ราชันเองก็เริ่มเป็นห่วงชาวบ้านที่อยู่บนเกาะแล้ว
6คืนนี้กับสาวผมแหว่ง หลังจากอาบน้ำเสร็จ หญิงสาวมองตัวเองในกระจก หน้าตาและทรงผมของเธอตอนนี้ ดูเหมือนเธอเป็นทอมมากกว่าเป็นสาว ปะการังอดขำสภาพตัวเองไม่ได้ สองคืนที่เธอมาถึงเกาะนี้ ไม่มีคืนไหนที่เธอไม่ฝันร้าย ปะการังจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะจมน้ำทุกครั้งที่ทำท่าจะหลับจริงๆ จนต้องสะดุ้งตื่น คืนนี้เธอยังอดกังวลไม่ได้ ว่าเธอจะเผลอโวยวายกลางดึกเหมือนทุกคืนไหม เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นมีหวังนายหัวได้ตกใจแน่ๆ “หวีจังผม เหลืออยู่แค่นั้น ” ราชันเดินเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้แต่ก็ทันได้เห็น หญิงสาวที่กำลังนั่งหวีผม ที่แทบจะไม่มีให้หวี “สวยดีเหมือนกันนะคะ” หญิงสาวตอบไม่ตรงกับใจ “อีกนานไหมกว่าผมเธอจะยาว เห็นแบบนี้อดคิดว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเหมือนจะเป็นทอมมากกว่า” ราชันแอบคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่แน่ใจเพราะยังไม่เคยคุยกับปะการังเป็นเรื่องเป็นราวสักที “ฉันก็จำไม่ได้ หรือจริงแล้วฉันอาจจะเป็นทอม พยายามจะคิดที่ไร มันก็ปวดหัวทุกที” หญิงสาวตีบทแตก แสดงละครให้เหมือนกับคนที่สูญเสียความจำจริงๆ “แต่
7เช้าสดใสของปะการัง ปะการังเธอตื่นนอนและรีบอาบน้ำแต่งตัว ชายหนุ่มที่นอนข้างๆ เธอเขายังคงหลับสนิทเลยไม่อยากที่จะปลุก วันนี้นายหัวบอกไว้ว่าจะแนะนำเธอให้ชาวบ้านที่เกาะรู้จัก เธอเลยต้องพยายามแต่งตัวให้ดูดีหน่อยถึงแม้จะมีเครื่องแต่งตัวแค่ผ้าถุงและเสื้ออีกแค่ไม่กี่ตัว ปะการังมองสภาพผมของเธอในกระจก ก็อดขำไม่ได้ ถ้าอยู่ในเมืองแบบนี้ เธอคงไม่กล้าที่จะเดินออกจากบ้านแน่ๆ “ตื่นแล้วไม่ปลุกกันบ้างเลย” นายหัวในสภาพงัวเงีย นอนมองหญิงสาวผมแหว่งที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง “เห็นนายหัวนอนหลับสนิทฉันเลยยังไม่อยากปลุก คิดว่าคงจะเหนื่อยจากการขับเรือกลางพายุมา” “ว๊าย! มณีขอโทษค่ะ” หญิงชาวบ้านที่เคยทำหน้าที่ยกกับข้าวขึ้นมาให้ปะการัง เห็นประตูไม่ได้ล็อกเลยเปิดเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตูก่อน ยังไม่ทันที่คนในห้องจะพูดอะไร มณีก็รีบวางถาดข้าว และไม่กล้าหันไปมองนายหัวที่ใส่แค่เพียงเสื้อกล้ามนอนอยู่บนเตียงของหญิงสาวผู้มาใหม่ “มณี นี่ก็แปลกทำเหมือนเจอตัวประหลาดต้องรีบวางรีบไปแบบนั้น” ราชันบ่นอุบอิบ แต่ก็คง
8เมียนายหัว..ความทรงจำใหม่ เรื่องการพูดในวันนี้ราชันไม่เป็นกังวลเลยสักนิด แต่สิ่งที่ชายหนุ่มกลัว คือการที่เขากับเธอจะอยู่กันแบบไหน ในฐานะสามีภรรยา ราชันเป็นผู้ชายที่ถือได้ว่ารูปร่างหน้าตาดี แต่ดีในแบบเถื่อนๆ ฐานะก็ดีการศึกษาก็จบจากเมืองนอก เขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิงที่เข้ามาจีบเขาสักคน เพราะคิดว่าทุกคนต่างก็มองเขาที่ภายนอก เอาเข้าจริงก็ไม่มีใครสามารถมาใช้ชีวิตที่เกาะกับเขาได้ ปะการังหญิงสาวที่อยู่ดีๆไม่รู้ว่าพรหมลิขิตหรือเวรกรรมอะไร ส่งให้เขาต้องได้มาช่วยชีวิตเธอ และยังจะต้องกลายมาเป็นสามีภรรยากันอีก นายหัวคิดแล้วก็ขำ สงสัยตัวเขาเองจะเลือกมากพอถึงเวลาจริงๆเลยไม่ต้องเลือกเลย เวลาประชุมมาถึงหลายครอบครัวต่างมาพร้อมหน้ากันที่ลานหน้าบ้านของนายหัว มีบางคนที่ไม่ได้มาก็ส่งคนในครอบครัวมาแทน “เรื่องแรกที่ผมจะพูดกับทุกคนคือเรื่องของราคามะพร้าวที่ตกต่ำอยู่ตอนนี้ เราอาจต้องยอมขายราคาถูกไปก่อน ผมกำลังหาทางที่จะเอามะพร้าวของเรามาแปรรูปเป็นอย่างอื่นเพื่อเพิ่มราคา” นายหัวหันไปสบตาหญิงสาวอยู่บ่อยๆเวลาพูด เหมือนกำลังรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง“เรื่องที่สองเรื่
9นายหญิงของเกาะ “ทรายขาวมากเลยค่ะ” เมื่อราชันพาปะการังมาถึงชายหาดที่สวยที่สุดในเกาะ หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นที่ทรายเป็นสีขาว ตัดกับสีของน้ำทะเลที่เป็นสีฟ้า ดูสวยงามเหมือนในภาพถ่ายเลย “ที่นี่เราไม่เคยให้คนนอกมาเล่น พวกเราอยากรักษาไว้ พ่อของผมเคยมีเกาะอยู่ที่หนึ่งแต่เป็นเพียงเกาะเล็กๆ ไม่มีคนอยู่ เราพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำเพียงแค่นั้น แต่ไม่นานทุกอย่างก็ถูกทำลาย พ่อโดนผู้มีอิทธิพลบีบให้ขาย และตอนนี้ที่นี่ก็กำลังโดนบีบอยู่เหมือนกัน ” ราชันมองหน้านายหญิงคนใหม่ด้วยความรู้สึกเหมือนคนที่กำลังเหนื่อยและต้องการกำลังใจ “แต่ฉันเชื่อนะว่าคุณจะรักษาเกาะนี้ไว้ได้ เพราะที่นี่มีชาวบ้าน พวกเขารู้ว่าคุณรักพวกเขา ดังนั้นพวกเขาคงไม่อยากตกไปอยู่ในการดูแลของคนอื่นแน่ๆ ” พูดจบหญิงสาวก็เดินมาจับมือของนายหัว และมองสบตาด้วยรอยยิ้มที่แสนหวาน “ส่วนฉันคงช่วยอะไรไม่ได้มาก นอกจากเป็นกำลังใจให้นะ” ยังไม่ทันจะตั้งตัวหญิงสาวร่างบาง ก็ถูกนายหัวอุ้มเธอจนตัวลอย แล้วเอาไปโยนลงทะเล ก่อนจะล้มตัวลงไปกอดเธอจากทางด้านหลัง เพราะกลัวหญิงสาวจะ
10ค่ำคืนแรกของเรา ห้องนอนของทั้งคู่ถูกป้าแก้วและมณี ช่วยกันตกแต่งได้ดูหวาน จนปะการังรู้สึกรักทุกคนที่นี่ที่ แสนดีกับเธอเอามากๆ “คุณจะนอนข้างไหนครับ คุณภรรยา” ปะการังอยากจะเอาหมอฟาดลงไปที่ตัวของนายหัวจริงๆ ยิ่งรู้ว่าเธอยิ่งเขินอยู่ ก็ยิ่งพูดอะไรแบบนี้ ตอนนี้คำว่านอน สามี ภรรยา เป็นคำที่หญิงสาวได้ยินแล้วรู้สึกหน้าแดงทันที “นอนข้างไหนก็ได้ค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นนอนข้างล่างและผมนอนข้างบนนะ” เจอแบบนี้เข้าไปหญิงสาวคว้าหมอนไล่ตีคนพูดอย่างไม่ยั้งมือ คนเขินจะแย่ยังจะมาแซวแบบนี้อีก “นายหญิงใจร้าย ทำร้ายสามีได้ลงคอ” ราชันทำเป็นตะโกนเสียงดัง เพื่อให้ปะการังกลัวคนข้างนอกได้ยิน เธอจะได้หยุดตีเขาเสียที “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ถ้าคุณยังไม่พร้อม เราต้องมาสร้างภาพว่าเป็นสามีภรรยากัน โดยที่เรายังไม่ได้รักกัน แต่ถ้าวันใดที่ผมเกิดรักคุณขึ้นมา หรือคุณเกิดรักผม และอาจจะเป็นวันที่เรารักกัน ผมไม่ยอมปล่อยคุณให้นอนข้างๆเฉยแบบนี้นะ” ราชันรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อเขาได้พูดเรื่องนี้ออกไปสักที เพราะไม่อย่างนั้นปะการังคงไม่กล้านอน
11สัญญา “สวนมะพร้าวเยอะมากเลย เอ๊ย!มีลิงด้วย” เมื่อราชันพาหญิงสาวมาถึงสวนมะพร้าวที่อยู่หลังเกาะ ปะการังก็ตื่นตาตื่นใจกับต้นมะพร้าวที่มีมาก แต่ก็ไม่เท่ากับการตื่นตากับการเจอลิงเป็นสิบๆตัว “ลิงพวกนี้ เป็นพนักงานฝ่ายเก็บผลผลิต ค่าแรงเป็นกล้วยก็ได้หรือจะเป็นขนม กินได้หมด ” ถึงแม้จะเป็นคนรักสัตว์ แต่ปะการังก็คงยังไม่กล้าเข้าใกล้ลิงที่กำลังมองเธออย่างสงสัย “ยื่นมือมา” ราชันไปจับเจ้าบิ๊กให้มาลองเข้าใกล้หญิงสาว ตอนแรกต่างฝ่ายต่างก็ไม่ไว้ใจกัน ปะการังจึงยื่นกล้วยที่แขวนอยู่แถวนั้นให้มัน เจ้าบิ๊กรับกล้วยไป แต่ยังคงมองแบบไม่เป็นมิตรอยู่ เพราะลิงพวกนี้สนิทกับคนง่ายก็จริงแต่นี่คือการเจอกันครั้งแรกเท่านั้น ปะการังยืนฟังนายหัวรับฟังปัญหาการกดราคามะพร้าวจากพ่อค้าที่มารับซื้อเพราะอ้างว่ามีเจ้าอื่นที่ขายถูกกว่านี้ “ถ้าราคาแบบนี้พวกเราอยู่ไม่ได้นะนายหัว” “ผมรู้ ขอเวลาคิดสักพักนะ จะหาทางที่ดีที่สุด เชื่อใจผมนะ เราจะรอด ” ระหว่างที่ยืนฟัง ปะการังก็พยายามคิดหาวิธีที่จะช่วยเกี่ยวกับปัญหาเรื่องราคามะพ
18อบอุ่นพร้อมหน้า “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปฝากท้องนะ” ภาคินเดินประคองพาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เข้าไปในบ้านที่เข้าตั้งใจไว้เพื่อเป็นบ้านของครอบครัวที่น่ารักของเขา “วันนี้ยิหวาไม่ต้องแอบเหมือนทุกๆครั้งที่มาที่นี่” คำพูดของหญิงสาว ทำให้ภาคิน สำนึกได้ว่าที่ผ่านมา เขาไม่เป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่เขารัก ทำเหมือนเธอเป็นสิ่งไร้ค่า พอถึงเวลาที่เสียไป เขาถึงเพิ่งรู้ว่าเธอมีค่าแค่ไหน “ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มีค่า เรามาเริ่มต้นจุดเทียนกันใหม่ แต่เทียนเล่มนี้ จะมีทั้งความรักและความอบอุ่น เป็นกำบังคอยป้องกันทุกอย่าง ที่จะมาทำให้เทียนแห่งรักนี้ดับลง ฉันสัญญาจะรักและดูแลเธอกับลูกไปตลอดชีวิต” หญิงสาวเชื่อทุกคำที่ภาคินพูด เพราะทุกอย่างที่เขาทำในเวลานี้ มันเป็นบทพิสูจน์แล้ว “ขอบคุณนะคะ ที่ทำทุกอย่างเพื่อยิหวากับลูก” บ้านหลังนี้ ที่ภาคินเคยคิดว่ามันใหญ่เกินไป เพราะมีถึงสี่ห้องนอน แต่ตอนนี้ มันจะเหลือว่างแค่เพียงสองห้อง เพราะอีกห้องต้องเตรียมไว้ สำหรับลูกของเขาที่กำลังจะเกิดมา ศศิวัฒน์กลับไป
17เผชิญหน้ากับทุกปัญหา “ภาคินลูกไปไหนมาทั้งวัน คุณพ่อก็อีกคนยังไม่กลับมาเลย” ฐานิตาลุกออกจาโซฟา เดินมาหาลูกชายที่หน้าประตูบ้าน “ผมไปรับภรรยาผมกลับบ้านครับ” ภาคินยิ้มมุมปาก “ภรรยา ลูกหมายความว่าอะไร” ฐานิตายืนมองหน้าลูกชาย เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ภาคินพูด แต่มันต้องเป็นเรื่องที่เธอจะต้องไม่ชอบใจแน่ๆ “สวัสดีค่ะคุณท่าน” ยิหวาเดินตามหลังภาคินเข้ามา “หมายความว่ายังไง ที่ภาคินบอกว่าพาภรรยามา” ฐานิตายืนถลึงตาด้วยความไม่พอใจ“นี่ค่ะ ทะเบียนสมรสเราเพิ่งไปจดกันมา เมื่อช่วงบ่ายนี่เอง”ยิหวายื่นกระดาษในมือของเธอ ให้มารดาของภาคินดู เพื่อให้เธอได้เห็นชื่อชัดๆว่าใครสมรสกับใคร“ไม่จริ๊ง ไม่จริง ภาคินลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม”ฐานิตาเดินตามทั้งคู่เข้ามาในบ้าน โดยครั้งนี้ยิหวา ไม่ได้นั่งข้างล่างเหมือนแต่ก่อน เธอนั่งบนโซฟาข้างๆสามีของเธอ“ลูกจะต้องแต่งงานกับหนูลิตาเท่านั้น ” ฐานิตากระแทกเสียง“ก็ได้นะคะ ถ้าคุณลิตาจะยอมเป็นเมียน้อย” ยิหวาต่อปากต่อคำ“ยิหวา ฉันหลงคิดว่าเธอมันเป็นเด็กดี ที่แท้ก็ไม่ต่างอะไรกับแม่ของเธอ”ฐานิตาลืมตัว
16ตามหัวใจคืน “ยิหวา เธอหลบหน้าฉันทำไม” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อจำได้ว่าเสียงที่กำลังเรียกชื้อเธอนั้นคือใคร “คุณภาคิน คุณมาที่นี่ได้ยังไง”หญิงสาวพยายามดึงมือที่จับแขนเธอไว้แน่น แต่มันไม่ขยับเลย“เปิดประตูแล้วเข้าไปคุยกันในห้อง อยากมายืนเถียงกันให้อายคนอื่นเหรอ”ภาคินเคล้นเสียงหนักแน่น แต่เบาเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน“คุณจะตามฉันมาทำไม”ยิหวาตวาดเสียงแหลมใส่หน้าชายหนุ่มทันที เมื่อประตูถูกปิดลง“ก็เพราะเธอหนีออกมาแบบนี้ไง”ภาคินคว้าแขนเล็กไว้และดึงร่างบางอย่างแรง จนหญิงสาวแทบจะเซล้ม“ฉันไม่ได้หนีคุณ แล้วทำไมต้องหนี การที่ฉันจะไปอยู่ที่ไหนทำอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลย เราก็เป็นแค่อดีตเจ้านายกับลูกสาวคนรับใช้แค่นั้น”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดอะไรต่อ ชายหนุ่มก็ปิดปากของเธอด้วยปากของเขา สองมือหนาประคองใบหน้ารูปไข่ไว้ในมืออย่างทะนุถนอม“พอ หยุดเถอะ ฉันรักเธอ ยิหวา ได้ยินไหมฉันรักเธอ” ชายหนุ่มดึงหญิงสาวมากอดไว้ แล้วพูดอยู่ซ้ำๆแบบนั้น“คุณรักฉันไม่ได้ค่ะ คนที่คุณควรรักคือคุณลิตา เขาคือคนที่คุณกำลังจะแต่งงานด้วย”หญิงสาวกัดฟันพูดด้วยความแค้น เธอพูดทุกถ้อยคำช้าๆแ
15พบกันครั้งแรก “เราว่าแกไม่ต้องตามหาลูกสาวแล้วแหละ” คณินพูดเมื่อสายตาของเขาหันไปเห็นผู้หยิงสองคนที่เขาคุ้นเคยในร้านอาหารข้างๆ“ดาริน”ศศิวัฒน์มองตามสายตาของเพื่อนที่มองไปยัง ร้านอาหารอีกร้านที่อยู่ข้างกัน มีเพียงแค่ทางเดินเล็กๆในห้างกั้นอยู่“นานแล้ว แกยังจำได้อยู่อีกเหรอ” คณินแปลกใจที่เพื่อนของเขายังจำคนรักเก่าได้อยู่ ทั้งที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันยี่สิบกว่าปี“ฉันไม่ได้ยังจำได้ แต่ฉันไม่เคยลืมต่างหาก” ศศิวัฒน์พูดจากหัวใจเราเข้าไปคุยกับทั้งคู่ตอนนี้คงไม่ดี เดี๋ยวเราว่ารอให้ ดารินกับยิหวาต้องแยกกันกลับบ้าน เรารอคุยกับยิหวาคนเดียวจะดีกว่าคณินเสนอความคิดเห็น และศศิวัฒน์ก็เห็นด้วย เพราะเขาไม่แน่ใจว่าดารินจะยังอยากเจอหน้าเขาอยู่ไหมในที่สุดสองคนแม่ลูกก็แยกกัน ดารินลงไปชั้นล่างเพื่อขึ้นรถกลับ ส่วนยิหวาเดินแยกไปทางร้านขายเครื่องเขียน“ยิหวา” คณินเรียกหลังจากเดินตามหญิงสาวไป“ยิหวา นี่ศศิวัฒน์เพื่อนของฉัน” คณินแนะนำเพียงเท่านี้ก่อน“สวัสดีค่ะคุณศศิวัฒน์” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมนี่เป็นครั้งแรก ที่ศศิวัฒน์ได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกสาวของเขา แบบตัวเป็นๆ และเธอก็มีหน้าตาที่เหมือน
14ความลับ “แกยังจำดารินได้ไหม” คณินเริ่มเข้าเรื่อง “จำได้สิ ผู้หญิงที่ฉันรักทั้งคนนะ แล้วแกถามถึงทำไม แกเจอดารินเหรอ” ศศิวัฒน์ทำท่ากระตือรือร้นอยากรู้ “อืม...เจอทุกวันเลย เจอมาหลายปีแล้วด้วย” คนตอบไม่พูดตรงๆ “หมายความว่าอะไรวะ คณินแกจะมายียวนเพื่ออะไร มีอะไรเกี่ยวกับดาริน แกพูดมาให้หมดเลย” ศศิวัฒน์รักและจริงใจกับดาริน เขาต้องการจะให้เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องกับเขา แต่ทุกอย่างก็พังลง เมื่อมารดาของเขาประกาศผ่านสื่อ ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวชั้นสูง ตั้งแต่นั้นมาศศิวัฒน์ก็ไม่เจอดารินอีกเลย “ดารินเขาอยู่ที่บ้านฉัน ตั้งแต่ที่แม่แกประกาศว่าแกจะแต่งงานนั่นแหละ” คณินเริ่มเล่า “เฮ้ย! แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน แกรู้ไหมคณินว่าฉันตามหาดารินจนแทบบ้า” ศศิวัฒน์ขึ้นเสียง “ดารินเขาขอฉันไว้ เขาบอกถ้าฉันบอกแก เขาก็จะพาลูกในท้องหนีไปที่อื่น ฉันสงสารเด็ก” “ลูกในท้อง” ศศิวัฒน์พูดทวนคำพูดของเพื่อน เพราะเขาไม่เคยรู้เลย ว่าดารินท้อง “ใช่ ดารินเขาท้อง” คณินเน้นย้ำ เพราะหวังว่าเพื่อนจะพอเข้าใจ ว่าเรื่องราว
13ตามหา หนึ่งเดือนแล้ว ที่ภาคินไม่ได้เจอไม่ได้คุยไม่ได้ข่าวอะไรของหญิงสาวที่เขาสุดแสนจะคิดถึง ชายหนุ่มคิดถึงครั้งที่เขาไปเรียนอยู่อเมริกา เขาก็เคยทำกับเธอแบบนี้ เธอคงทั้งเจ็บทั้งเสียใจ ไม่ต่างกับเขา “คุณรู้ไหม ภาคินไม่ไปทำงานหลายวันแล้ว ผมถามหนูลิตา เธอก็บอกว่า ภาคินดื่มหนักเกือบทุกคืน” คณินทำงานที่เดียวกับลุกชายและลลิตา เขาถึงมีโอกาสได้สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกชาย “คุณคิดว่ายังไงคะ” ฐานิตาไม่เข้าใจ ว่าสามีต้องการจะบอกอะไร “ผมว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ข้างนอกแบบนี้ มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ ลูกชายเราเป็นแบบนี้ คุณคิดว่า คนอย่างหนูลิตาเขาจะอยากฝากชีวิตไว้ด้วยเหรอ” ฐานิตาเห็นด้วยกับคำพูดของสามี แต่เธอก็ไม่สามารถจะยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างลูกชายเธอกับคนงานในบ้านได้ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่สงสารลูกนะ แต่คุณจะให้ฉันยอมรับลูกคนรับใช้มาเป็นสะใภ้ ฉันทำใจไม่ได้หรอก” “คุณรังเกียจยิหวา เพียงเพราะมันเป็นลูกสาวคนใช้ใช่ไหม และถ้าสมมุติว่าวันนึง ลูกสาวคนใช้กลายเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของข้าราชการระดับสูงในบ้านเมืองเร
12เริ่มต้นชีวิตใหม่ หญิงสาวออกไปอยู่ข้างนอก โดยที่เธอบอกทุกคนยกเว้นภาคิน ฐานิตาเห็นด้วย เพราะเธอคิดว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ที่อื่น ลุกชายของเธอ น่าจะลืมเธอได้อีกไม่นาน และคงยอมที่จะแต่งงานกับลลิตา “ดาริน ถ้าเธอจะออกไปอยู่กับลูกสาวก็ได้นะ แต่ฉันขอเวลาหาคนใหม่มาแทนก่อน ส่วนป้าช้อยก็ให้แกอยู่ที่นี่ต่อเถอะ อย่าเอาแกไปลำบากด้วยเลย” ฐานิตาถึงจะรู้สึกเสียดายดาริน เพราะอยู่ด้วยกันมานานจนรู้ใจ แต่ก็ต้องยอมแลกกับการที่ลุกชายของเธอจะได้ห่างจากยิหวา “ค่ะคุณท่าน คงอีกสักพัก ถึงจะย้ายตามลูกไป” ดารินเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ดี ว่าฐานิตาก็ต้องอยากให้ลูกชายของเขาได้ผู้หญิงที่ดีที่สุด “น้าดารินครับ ผมไม่เห็นยิหวาหลายวันแล้ว เธอไปไหน” ภาคินเก็บความอยากรู้และไม่สบายใจไว้ไม่ไหวแล้ว เขาตัดสินใจเข้ามาถามดารินตรงๆ “ยิหวาเขาออกไปอยู่ข้างนอกแล้วค่ะ แต่น้าก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เพราะเขาไม่ได้บอกไว้” ดารินไม่ได้โกหก เพราะลูกสาวของเธอไม่ได้บอกอะไร มากไปกว่า ว่าที่พักอยู่ใกล้กับที่ทำงาน “ทำไมต้องออกไปอยู่ข้างนอก
11ลาก่อน “เป็นอะไรไป หน้าซีดเชียว” ดารินเดินเข้ามาจับตัวลูกสาว เมื่อเห็ใบหน้าที่ซีดเซียว “แม่คะ ถ้าหนูหางานทำได้ เราไปอยู่ที่อื่นกันนะคะ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างไม่ทันระวัง ว่ามารดาจะสงสัยว่าอยู่ดีๆทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ จะให้แม่ทิ้งคุณท่าน ทิ้งป้าช้อยไปได้ยังไงกัน” ดารินหันไปทไหน้าดุใส่ลูกสาว “เดี๋ยวไม่มีเรา คุณท่านก็หาแม่บ้านใหม่มาทำงาน แม่จะอยู่เป็นคนใช้เขาไปตลอดชีวิตเหรอ” ยิหวาไม่รู้เหมือนกัน ทำไมเธอถึงกล้าพูดแบบนี้ ทั้งที่ดารินก็สอนเธอตั้งแต่เล็กจนโต ว่าให้รู้จักและสำนึกในบุญคุณของครอบครัวอรรถจิรานนท์ ที่ทำให้เธอกับแม่ มีที่ซุกหัวนอนอย่างเช่นทุกวันนี้ “ยิหวา มันเกิดอะไรขึ้นกันลูก คุณท่านเรียกลูกไปพูดเรื่องอะไร ทำไมถึงออกมาแล้วพูดจาแบบนี้” ดารินเลี้ยงลูกมา เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอ ไม่เคยคิดจะไปจากที่นี่ และอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มาพูดจาเอาจริงเอาจังแบบนี้ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ หนูไปรีดผ้าต่อนะคะ” นับตั้งแต่วันนั้นยิหวาก็พยายามหางานทำ เอาที่อยู่ไกลจากบ้านของภาคินให้มากที่สุด
10ปล่อยมือหรือเดินต่อ เมื่อไฟถูกปิดลง ความคิดถึงที่ทั้งคู่ต่างถวิลหากันมาเกือบสามปี ก็เหมือนพายุ ที่ถูกปลดปล่อยมาในทันที เสื้อผ้าถูกถอดออกจากเรือนร่างบางเล็กของยิหวา อย่างรวดเร็ว จนเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ปากหนาทั้งหอมทั้งจูบไปทุกส่วนของร่าง เหมือนเขาอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว “คุณภาคินคะ ยิหวาเจ็บนะ” หญิงสาวร้องบอกเขา เพราะเธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังช้ำไปทั้งตัว ไม่มีเสียงตอบจากคนที่กำลังรุกราน แต่เขากลับใช้ทั้งสองมือบีบเคล้นอกอวบขึ้นมาก่อนจะใช้ปากหนาทั้งเลียและดูด อย่างกระหาย จนเจ้าของอกกลมต้องบิดไปทั้งตัวด้วยความเสียวซ่าน ที่เธอไม่ได้สัมผัสมันมานานแสนนาน “อ่า...อื้อ......” หญิงสาวกลั้นเสียงครางไว้ไม่ไหวอีกต่อไป โคมไฟหัวเตียงถูกดับลง พร้อมกับความเป็นชายของเขา ที่เข้ามาอยู่ในกลีบชมพูอวบของหญิงสาว สะโพกกลมขยับตามจังหวะที่ชายหนุ่มคอยควบคลุม ให้เธอเคลื่อนไหวตามจังหวะ จากสายน้ำที่ไหลอย่างเชื่องช้า ก็เปลี่ยนเป็นทะเล ที่ถูกเกลียวคลื่นโหมกระหน่ำจน คนตัวเล็กต้องจิกเล็บสวยลงไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่