10
ค่ำคืนแรกของเรา
ห้องนอนของทั้งคู่ถูกป้าแก้วและมณี ช่วยกันตกแต่งได้ดูหวาน จนปะการังรู้สึกรักทุกคนที่นี่ที่ แสนดีกับเธอเอามากๆ
“คุณจะนอนข้างไหนครับ คุณภรรยา”
ปะการังอยากจะเอาหมอฟาดลงไปที่ตัวของนายหัวจริงๆ ยิ่งรู้ว่าเธอยิ่งเขินอยู่ ก็ยิ่งพูดอะไรแบบนี้ ตอนนี้คำว่านอน สามี ภรรยา เป็นคำที่หญิงสาวได้ยินแล้วรู้สึกหน้าแดงทันที
“นอนข้างไหนก็ได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นนอนข้างล่างและผมนอนข้างบนนะ”
เจอแบบนี้เข้าไปหญิงสาวคว้าหมอนไล่ตีคนพูดอย่างไม่ยั้งมือ คนเขินจะแย่ยังจะมาแซวแบบนี้อีก
“นายหญิงใจร้าย ทำร้ายสามีได้ลงคอ”
ราชันทำเป็นตะโกนเสียงดัง เพื่อให้ปะการังกลัวคนข้างนอกได้ยิน เธอจะได้หยุดตีเขาเสียที
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ถ้าคุณยังไม่พร้อม เราต้องมาสร้างภาพว่าเป็นสามีภรรยากัน โดยที่เรายังไม่ได้รักกัน แต่ถ้าวันใดที่ผมเกิดรักคุณขึ้นมา หรือคุณเกิดรักผม และอาจจะเป็นวันที่เรารักกัน ผมไม่ยอมปล่อยคุณให้นอนข้างๆเฉยแบบนี้นะ”
ราชันรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อเขาได้พูดเรื่องนี้ออกไปสักที เพราะไม่อย่างนั้นปะการังคงไม่กล้านอนหลับแน่ๆ
ไฟในห้องนอนถูกปิด ป้าแก้วและพร้าวต่างหันหน้ามามองกันแล้วยิ้ม ทั้งคู่อยากให้นายหัวมีครอบครัวเสียที เพราะการอยู่ที่เกาะแบบนี้ท่าจะหาเมียอยาก
สำหรับปะการังเธอไว้ใจในตัวราชันไม่นานเธอก็หลับไป แต่ตัวนายหัวเองไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ พยายามนับเลขก็แล้วสวดมนต์ก็แล้ว แต่ก็ไม่หลับเสียที
ราชันตัดสินใจหันหน้าไปหาแผ่นหลังของหญิงสาวที่นอนหลับอยู่ ก่อนจะโอบเอวของเธอ เมื่อเห็นอีกฝ่านยังคงนอนนิ่ง เขาจึงค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้จนหลังเธอกับอกเขาแนบชิดกัน เมื่อได้ไออุ่นจากอีกฝ่ายคราวนี้ชายหนุ่มก็หลับลงได้แล้ว
เช้านี้นายหัวตั้งใจจะตื่นมาหอมแก้มภรรยาเสียหนึ่งที แต่ไม่ทันเพราะปะการังตื่นก่อนและหายออกไปจากห้องแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องเห็นชายหนุ่มกำลังบิดขี้เกลียดอยู่พอดี
“คุณไปไหนมา ทำไมไม่เห็นปลุกผมเลย” คนพูดทำท่างอนแบบตลก
“ฉันก็ไปทำอาหารเช้าให้คุณไง ลุกไปอาบน้ำจะไปกินข้าวกัน”
ราชันรีบทำตาม เพราะเขาอยากรู้ว่าฝีมือการทำอาหารของนายหญิงของเกาะนี้จะเป็นอย่างไร
“อร่อย ใช้ได้เลย” นายหัวออกปากชม ข้าวต้มเครื่องกับหมูทอด
“รู้ไหมคะทำไมอร่อย”
“ป้าแก้วสอนเคล็ดลับ” ชายหนุ่มเดาเอา
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันใส่ความรักลงไป”
ปะการังตั้งใจจะเล่นมุกนี้อยู่แล้ว เธอจึงไม่เขิน แต่อีกฝ่ายกลับหน้าแดง เขินจนข้าวต้มในปากแทบจะพุ่งออกมา
“ใจเย็นนะคะ ไม่อยากต้องมานั่งเช็ด”
ได้ทีปะการังแซวต่อ ความจริงแล้วเธอเคยไปเรียนทำอาหารและขนมมา เมื่อตอนที่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เธอจึงพอมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องทำอาหารอยู่บ้าง
“เช้านี้ผมจะไปดูสวนมะพร้าวที่ปลูกไว้ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง คุณจะไปด้วยกันไหม” ราชันเอ่ยปากชวน
“ไปสิคะ เป็นนายหญิงของที่นี่ต้องทำได้ทุกอย่าง”
ร่างกายของปะการังกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว และเธอก็เริ่มคุ้นชินกับชื่อใหม่ ที่คนที่นี่ใช้เรียกเธอ
ความกลัวยังอยู่ภายใต้จิตใจ มันมักจะกลับมาเวลาที่เธอหลับ แต่ความแค้นมันอยู่ในหัวใจเธอตลอดเวลา สักวันหนึ่งเธอจะกลับไปเอาคืนคนที่มันทำร้ายเธอให้ได้
“ที่นี่ชาวบ้านเราทำอาชีพประมงเป็นส่วนใหญ่ เราส่งออกแต่อาหารทะเลที่แปรรูปแล้ว เพราะถ้าต้องไปส่งของสดทุกวัน มันไม่คุ้มค่าเดินทาง เราไม่ได้หาได้มากทุกวัน”
ราชันพูดและชี้มือไปที่กลุ่มของชาวบ้านที่กำลังสาละวนกับการแปรรูปอาหารทะเล อยู่ในโรงเรือนที่ทำคล้ายกับโรงอาหาร
“แต่ก่อนเราส่งแบบสด เกิดปัญหามากมาย พ่อเลยพยายามหาวิธี แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีเกาะอื่นพยายามแย่งลูกค้าของเราอยู่” น้ำสียงคนเล่าดูจะกำลังหนักใจกับเรื่องนี้
“ตอนนี้พอคุณอยู่ที่ภูเก็ต ถ้าเราขนส่งไปต่างจังหวัดเอง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง โดยใช้วิธีการฝากขาย และถ้าเขาขายดี เขาก็จะรับของเราประจำ แบบนี้ก็น่าจะดีนะคะ”
ปะการังเคยเห็นเพื่อนของเธอที่ขายผลไม้ เปลี่ยนจากการขายที่สวนเป็นการวิ่งออกไปขายเอง เช่ารีสอร์ตเอา ราคาก็ได้ดี แถมลูกค้าได้ของคุณภาพดีกว่าซื้อจากพ่อค้าคนกลางอีก
“ดีเหมือนกัน แต่เราคงต้องมีสินค้าให้หลายชนิด จะได้เป็นตัวเลือกหลายทางให้ลูกค้า”
ราชันเห็นด้วยกับความคิดของปะการัง เพราะที่บ้านของเขาก็มีรถขนของอยู่สองคันที่จอดไว้ที่บ้านของพ่อ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้ใช้
ตลอดเส้นทางหญิงสาวสังเกตว่าบ้านแต่ละหลังจะปลูกติดกันเป็นกลุ่มๆ แต่ละกลุ่มไม่มากนักส่วนมากจะไม่เกินห้าหลังแต่ละหลังจะเชื่อมหากันหมด
“บ้านปลูกเหมือนกันหมดเลยนะคะ” ปะการังถามเพราะรู้สึกสงสัย
“ที่ปลูกให้เตี้ย เพราะกันลมพัด ทะเลลมแรงทุกวัน และที่ให้อยู่เป็นกลุ่มๆ จะได้ช่วยป้องกันอันตราย แต่ละหลังจะเชื่อมหากัน เพราะที่นี่ฝนตกเกือบทุกคืน จะได้เดินไปหากันได้และกันฝนสาดมาเปียกข้าวของ”
ราชันสามารถอธิบายทุกอย่างได้อย่างละเอียด หญิงสาวรู้สึกว่าทุกคนที่นี่โชคดีที่มีพ่อของราชัน และราชันเป็นเจ้าของที่นี่
“เธอชอบเกาะที่นี่ไหม”
“ก็ชอบนะ หรืออาจจะเป็นเพราะฉันจำได้แต่ที่นี่ ไม่มีที่อื่นในความทรงจำ”
ปะการังยังไม่ลืมว่าเธอต้องเล่นบทว่ายัคงความจำเสื่ออยู่
“แล้วผมล่ะคุณชอบไหม” ราชันถามแบบเหมือนเป็นคำพูดธรรมดามาก
ปะการังไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไร เธอได้แต่ตีลงไปที่หลังของเขาอย่างกับกำลังตีกลองด้วยความหมั่นไส้
11สัญญา “สวนมะพร้าวเยอะมากเลย เอ๊ย!มีลิงด้วย” เมื่อราชันพาหญิงสาวมาถึงสวนมะพร้าวที่อยู่หลังเกาะ ปะการังก็ตื่นตาตื่นใจกับต้นมะพร้าวที่มีมาก แต่ก็ไม่เท่ากับการตื่นตากับการเจอลิงเป็นสิบๆตัว “ลิงพวกนี้ เป็นพนักงานฝ่ายเก็บผลผลิต ค่าแรงเป็นกล้วยก็ได้หรือจะเป็นขนม กินได้หมด ” ถึงแม้จะเป็นคนรักสัตว์ แต่ปะการังก็คงยังไม่กล้าเข้าใกล้ลิงที่กำลังมองเธออย่างสงสัย “ยื่นมือมา” ราชันไปจับเจ้าบิ๊กให้มาลองเข้าใกล้หญิงสาว ตอนแรกต่างฝ่ายต่างก็ไม่ไว้ใจกัน ปะการังจึงยื่นกล้วยที่แขวนอยู่แถวนั้นให้มัน เจ้าบิ๊กรับกล้วยไป แต่ยังคงมองแบบไม่เป็นมิตรอยู่ เพราะลิงพวกนี้สนิทกับคนง่ายก็จริงแต่นี่คือการเจอกันครั้งแรกเท่านั้น ปะการังยืนฟังนายหัวรับฟังปัญหาการกดราคามะพร้าวจากพ่อค้าที่มารับซื้อเพราะอ้างว่ามีเจ้าอื่นที่ขายถูกกว่านี้ “ถ้าราคาแบบนี้พวกเราอยู่ไม่ได้นะนายหัว” “ผมรู้ ขอเวลาคิดสักพักนะ จะหาทางที่ดีที่สุด เชื่อใจผมนะ เราจะรอด ” ระหว่างที่ยืนฟัง ปะการังก็พยายามคิดหาวิธีที่จะช่วยเกี่ยวกับปัญหาเรื่องราคามะพ
12โลกกลม “นภานี่มันก็หลายวันแล้ว ที่พ่อเลี้ยงนอนเป็นผักอยู่แบบนี้ ฉันว่าจะตัดสินใจคุยกับคุณหมอว่าเพื่อตัดสินใจ ให้ท่านได้ไปสบายฉันไม่อยากให้พ่อเลี้ยงไม่ต้องทรมานแบบนี้” ธิดาต้องการได้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของสามี แต่ตอนนี้เธอยังทำอะไรไม่ได้เพราะพ่อเลี้ยงยังคงมีชีวิตอยู่ “เรื่องนี้คุณธิดาคงต้องคุยกับคุณหมอเอาเอง เพราะนภาก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้” ความจริงแล้วนภารู้ดี ว่าสิ่งที่ธิดาต้องการไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเธออยู่ที่โรงพยาบาลมาตลอดตั้งแต่พ่อเลี้ยงป่วย ความจริงทุกอย่างเป็นอย่างไร นภารู้ดีที่สุด “วันนี้ฉันจะพูดกับคุณหมอให้รู้เรื่อง” วันนี้ธิดานั่งรอหมออยู่ที่หน้าห้องผู้ป่วยหนักทั้งวัน จนในที่สุดก็ได้พบ ธิดาพยายามพูดทุกอย่างเพื่อให้ทางโรงพยายาบาลตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจ เพื่อให้พ่อเลี้ยงจากไปอย่างสงบ “ตอนนี้อาการของพ่อเลี้ยงเริ่มมีอาการตอบสนองดีขึ้น คงเป็นไปไม่ได้ครับที่เราจะถอดเครื่องช่วยหายใจ ในตอนนี้และที่สำคัญเราต้องรอให้ลูกสาวของท่านเป็นคนตัดสินใจ” “แต่หนูปาฐิตาหายตัวไปหลายวันแล้วนะคะ ถ้าเธอยังม
13นายหญิงคนเก่ง เช้าวันนี้ปะการังจะเริ่มลงมือทำเมอแรงค์มะพร้าวโดยมีมณีเป็นลูกมือและมีพร้าวอีกคนที่คอยช่วยยกของ การทำขนมไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนายหญิง แต่สิ่งที่อยากคือจะทำอย่างไรให้อร่อยและมีรสชาติเฉพาะตัวที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเป็นตัวตนของเมอแรงค์จากเกาะนี้เท่านั้น “เป็นอย่างไรบ้างคะ แบบหนึ่งหรือสองรสชาติดีกว่ากัน” ปะการังเอาเมอแรงค์ที่เธอคิดว่าดีที่สุดสองสูตรมาให้ นายหัวและป้าแก้วลองชิม “อร่อยมากเลยค่ะ” ป้าแก้วชิมเสียหลายอัน “รสชาติได้ แต่ผมว่ามันควรจะมีกลิ่นของมะพร้าวมากกว่านี้” ราชันเคยกินขนมชนิดนี้มาหลายร้านแล้ว เขายังรู้สึกว่ายังขาดจุดเด่นเรื่องกลิ่น “ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะปรับปรุงเรื่องของกลิ่นให้หอมมะพร้าวมากกว่านี้” “ขนมไทยใช้อบควันเทียนแต่ขนมฝรั่งป้าก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไรกลิ่นถึงจะหอม” ป้าแก้วพยายามช่วยคิดแต่ก็คิดไม่ออกเพราะไม่เคยกินขนมฝรั่งมาก่อน“วันนี้พอแค่นี้ วันทั้งวันจะทำกันไม่หยุดเลยเหรอ เจ้าพร้าวก็เอากับเขาด้วย แทนที่จะมาช่วยกันทำงานอื่น เอาแต่ไปนั่งบีบขนมอยู่ได้”ราชันท
14เหมือนหัวใจหายไป เช้านี้ปะการังตื่นนอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพราะรีบไปทำอาหารเช้าให้กับนายหัวและต้องการให้พร้าวช่วยหามะพร้าวน้ำหอมมาให้เธอหน่อย “นายหัวตื่นเถอะ ไม่อย่างนั้นไม่รอกินข้าวเช้าด้วยนะ” กับข้าวเสร็จพร้อมรับประทาน แต่คนกินอีกคนยังไม่ยอมตื่นเลย หญิงสาวจึงต้องมาปลุก “หอมแก้มก่อนสิจะได้มีแรงลุก” อยู่ดีๆนายหญิงก็ถูกคนตัวใหญ่ที่นอนบนเตียงดึงตัวลงไปหอมแก้มอย่างไม่ทันตั้งตัว “เดี๋ยวนี้พัฒนาไปเรื่อยเลยนะคะ” ปะการังแกล้งมองชายหนุ่มที่เอาเปรียบเธอด้วยสายตาไม่พอใจ ทั้งที่ในใจจริงๆแอบยิ้มอยู่ “กินเสร็จแล้วจะลงไปทำขนมเลยใช่ไหม ดูรีบจัง” ราชันสังเกตว่าหญิงสาวรีบกินข้าวกว่าทุกวัน และเดาว่าคงเป็นเพราะอยากทำขนมแน่ๆ “ใช่ค่ะ เมื่อเช้าฉันลงไปทำกับข้าว เจอพร้าวเพิ่งกลับจากทะเล เลยรบกวนให้ไปหามะพร้าวน้ำหอมให้ ตอนนี้น่าจะได้มาแล้ว ฉันจะลองปรับปรุงเรื่องของกลิ่นขนม เสร็จเมื่อไหร่จะรีบเอามาให้นายหัวชิมเป็นคนแรกเลย” ปะการังมีความสุขมาก ที่เธอได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับคนที่นี่ และการทำขนมก็เ
15ตามหาหัวใจ ราชันรีบกลับขึ้นไปที่ห้องนอน เพราะหวังว่าอาจจะมีอะไรที่พอจะบอกได้ ว่าตอนนี้ปะการังไปอยู่ที่ไหน แต่มันไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเหมือนเมื่อเช้าที่เขาออกมา “พร้าวดูตามชายหาดเลาะดูตามโขดหินให้ทั่วเลยนะ บอกป้าแก้วดูในบ้านดีๆ บางทีอาจจะเป็นลมอยู่ตรงไหน” ราชันรู้ตัวดี ว่าตอนนี้เขาเหมือนคนไม่มีสติ ชายหนุ่มหยุดยืนกลางสายฝนและพยายามเรียกสติให้กับคืน เพื่อคิดทบทวนว่าเขาเคยพาเธอไปที่ไหนบ้าง เส้นทางไปหาดเมื่อคิดขึ้นมาได้ ราชัน รีบวิ่งไปตามถนนที่เขาเคยพาปะการังไปเล่นน้ำ เธออาจจะกลับไปที่หาดนั้นก็ได้ ตอนนี้ลมพายุเริ่มเบาลงแต่ฝนกับเสียงฟ้าร้องยังคงแรงและมากกว่าเมื่อช่วงเย็น ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกใจคอไม่ดี ระหว่างทางนายหัวพยายามตะโกนเรียกชื่อปะการังตลอดทาง ยิ่งเสียงของฟ้าร้องยิ่งดังเสียงชื่อก็ยิ่งดังแข่ง เพียงหวังว่าจะได้ยินเสียงตอบกลับมา “นายหัวไม่เจอเลยครับ” ชาวบ้านผู้ชายที่ออกตามหาเจอกับราชันระหว่างทางจึงรีบรายงานทันที “ไปหาที่ไหนมาบ้าง” “ผมเดินตามถนนนี้ไปจนสุดเกาะสองรอบแล้วครับ แต่ไม่เจอนายหญิงเลย”
16คืนนี้เธอเป็นนายหญิงเต็มตัว ไฟถูกปิดแล้ว เสียงฝนข้างนอกยังตกหนักอยู่ ลมพัดโชยเอาความเย็นเข้ามาในห้อง คนทั้งสองนอนกอดกันจนอุ่นอยู่บนเตียงนอน “คุณรู้ไหมตอนที่ผมรู้ว่าคุณหายไป หัวใจผมมันไม่อยู่กับตัวเลย” ราชันกระซิบแผ่วเบาข้างหูคนตัวเล็ก “ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้คุณเป็นห่วง หนี้บุญคุณครั้งที่แล้วก็ยังไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร ครั้งนี้ก็ยังทำให้คุณต้องเดือดร้อนใจอีก” “อยากตอบแทนไหม เธอทำได้นะ” ราชันจับตัวปะการังจากนอนตะแคงข้างให้หันมานอนในท่านอนหงาย โดยมีเขากึ่งนอนกึ่งนั่งกอดเธอไว้ สายตาทั้งคู่ประสานกัน เหมือนเสียงของหัวใจมันกำลังสื่อสารถึงกันบางอย่าง “คุณจะให้ฉันทำอะไรคะ...นายหัว” ปะการังรู้อยู่แล้ว ว่าราชันกำลังต้องการอะไรตอนนี้ หัวใจของเธอมันก็ต้องการไม่ต่างไปจากเขา เพียงแต่รอให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน “เป็นภรรยาและนายหญิงของผมคนเดียวและตลอดไป” หญิงสาวไม่ตอบว่าเธอยอมหรือไม่ แต่การหลับตาลงและใช้มือทั้งสองข้างโอบคอของชายหนุ่มไว้ มันคือคำตอบทางกายที่ตอบสนองจากหัวใจได้ดีที่สุด สองมือหนาปลดเปลื้องชุดน
17ข่าวร้าย เช้านี้นายหญิงตื่นสายเพราะเมื่อคืนร่างกายอ่อนเพลียทั้งจากการตากฝน และการเป็นภรรยาของนายหัว จนป้าแก้วต้องทำกับข้าวตอนเช้าไว้ให้ทั้งคู่ “ขอโทษทีค่ะ วันนี้เลยต้องรบกวนป้าแก้วเลย” นายหญิงเดินไปกอดเอวหญิงสูงวัย ที่ยิ่งได้อยู่ใกล้เธอยิ่งคิดถึงแม่ของเธอ “วันนี้เราจะไปฝั่งกัน จะไปเตรียมเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่จะทำยี่ห้อของเกาะเราเลย” ราชันหันไปบอกภรรยา “แล้วคิดหรือยังคะว่าจะใช้ชื่ออะไร”หญิงสาวถามเพราะยังไม่เคยมีการคุยกันเรื่องนี้ “ปะการัง” “เพราะดีค่ะ ป้าชอบไม่ซ้ำใครแน่นอน” ป้าแก้วออกเสียงสนับสนุนทันที การเดินทางมาถึงฝั่งวันนี้รวดเร็วเพราะไม่ได้ใช้เรือใหญ่ จึงใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ ราชันพาหญิงสาวมาร้านเพื่อนเก่าของเขาที่รับทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้เขาช่วยออกแบบทั้งถุงที่จะใช้และตัวยี่ห้อปะการัง “รอเลย เดี๋ยวทำให้ดูสักแบบสองแบบ แล้วนายจะได้เลือก ส่วนบรรจุภัณฑ์จะส่งตามไปที่เกาะไม่น่าเกินสามวัน” ระหว่างที่นั่งรอ มีลูกค้าเข้ามารับงานที่ร้านพอดี เป็นแม่ค้าที่ขายของออนไลน์
18ขนมปะการัง “กลับกันมาแล้วเหรอคะ แดดร้อนทั้งวันนายหญิงหน้าแดงหมดแล้ว” จากที่ตั้งใจว่าคงกลับถึงแค่ช่วงบ่าย กลายเป็นว่ามาถึงเกาะก็เย็นมากแล้ว “วันนี้ต้องฝากท้องกับป้าแก้วนะคะ” ปะการังเหนื่อยเกินกว่าจะทำอาหารเอง จิตใจของเธอสบายใจขึ้นที่ได้บอกความจริงกับนายหัว แต่เรื่องของคนที่ทำร้ายเธอยังคงลอยนวลเธอไม่สบายใจเลย ป้าแก้วเตรียมอาหารเย็นไว้รอทั้งคู่แล้ว ทั้งราชันและปะการังต่างก็อยากพักผ่อน จึงรีบกินรีบอิ่มและเข้าห้องนอนเพื่อพักเหนื่อยกัน “พรุ่งนี้คงยังไม่ได้ทำขนม ไว้รอบรรจุภัณฑ์ส่งมาก่อน” ปะการังหันไปบอกสามีที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ “พักก่อนก็ได้ ตอนนี้ผมว่าเรื่องของคุณสำคัญกว่า” ราชันเป็นห่วงเรื่องคดีความ มากกว่าเรื่องทำขนม เพราะเขากลัวว่าคดีจะไม่คืบหน้า “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ทางตำรวจคงจัดการได้ พ่อก็ไม่ได้เพิกเฉย กำลังหาทางรวบรวมหลักฐาน ” หญิงสาวตอบไม่ตรงกับใจ เพราะตัวเธอเองก็กลัวเหมือนกันว่าคนผิดอย่างธิดาจะลอยนวล และตอนนี้แม่เลี้ยงของเธอก็กำลังผลาญเงินของบริษัทอย่างสนุกมือ
18อบอุ่นพร้อมหน้า “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปฝากท้องนะ” ภาคินเดินประคองพาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เข้าไปในบ้านที่เข้าตั้งใจไว้เพื่อเป็นบ้านของครอบครัวที่น่ารักของเขา “วันนี้ยิหวาไม่ต้องแอบเหมือนทุกๆครั้งที่มาที่นี่” คำพูดของหญิงสาว ทำให้ภาคิน สำนึกได้ว่าที่ผ่านมา เขาไม่เป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่เขารัก ทำเหมือนเธอเป็นสิ่งไร้ค่า พอถึงเวลาที่เสียไป เขาถึงเพิ่งรู้ว่าเธอมีค่าแค่ไหน “ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มีค่า เรามาเริ่มต้นจุดเทียนกันใหม่ แต่เทียนเล่มนี้ จะมีทั้งความรักและความอบอุ่น เป็นกำบังคอยป้องกันทุกอย่าง ที่จะมาทำให้เทียนแห่งรักนี้ดับลง ฉันสัญญาจะรักและดูแลเธอกับลูกไปตลอดชีวิต” หญิงสาวเชื่อทุกคำที่ภาคินพูด เพราะทุกอย่างที่เขาทำในเวลานี้ มันเป็นบทพิสูจน์แล้ว “ขอบคุณนะคะ ที่ทำทุกอย่างเพื่อยิหวากับลูก” บ้านหลังนี้ ที่ภาคินเคยคิดว่ามันใหญ่เกินไป เพราะมีถึงสี่ห้องนอน แต่ตอนนี้ มันจะเหลือว่างแค่เพียงสองห้อง เพราะอีกห้องต้องเตรียมไว้ สำหรับลูกของเขาที่กำลังจะเกิดมา ศศิวัฒน์กลับไป
17เผชิญหน้ากับทุกปัญหา “ภาคินลูกไปไหนมาทั้งวัน คุณพ่อก็อีกคนยังไม่กลับมาเลย” ฐานิตาลุกออกจาโซฟา เดินมาหาลูกชายที่หน้าประตูบ้าน “ผมไปรับภรรยาผมกลับบ้านครับ” ภาคินยิ้มมุมปาก “ภรรยา ลูกหมายความว่าอะไร” ฐานิตายืนมองหน้าลูกชาย เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ภาคินพูด แต่มันต้องเป็นเรื่องที่เธอจะต้องไม่ชอบใจแน่ๆ “สวัสดีค่ะคุณท่าน” ยิหวาเดินตามหลังภาคินเข้ามา “หมายความว่ายังไง ที่ภาคินบอกว่าพาภรรยามา” ฐานิตายืนถลึงตาด้วยความไม่พอใจ“นี่ค่ะ ทะเบียนสมรสเราเพิ่งไปจดกันมา เมื่อช่วงบ่ายนี่เอง”ยิหวายื่นกระดาษในมือของเธอ ให้มารดาของภาคินดู เพื่อให้เธอได้เห็นชื่อชัดๆว่าใครสมรสกับใคร“ไม่จริ๊ง ไม่จริง ภาคินลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม”ฐานิตาเดินตามทั้งคู่เข้ามาในบ้าน โดยครั้งนี้ยิหวา ไม่ได้นั่งข้างล่างเหมือนแต่ก่อน เธอนั่งบนโซฟาข้างๆสามีของเธอ“ลูกจะต้องแต่งงานกับหนูลิตาเท่านั้น ” ฐานิตากระแทกเสียง“ก็ได้นะคะ ถ้าคุณลิตาจะยอมเป็นเมียน้อย” ยิหวาต่อปากต่อคำ“ยิหวา ฉันหลงคิดว่าเธอมันเป็นเด็กดี ที่แท้ก็ไม่ต่างอะไรกับแม่ของเธอ”ฐานิตาลืมตัว
16ตามหัวใจคืน “ยิหวา เธอหลบหน้าฉันทำไม” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อจำได้ว่าเสียงที่กำลังเรียกชื้อเธอนั้นคือใคร “คุณภาคิน คุณมาที่นี่ได้ยังไง”หญิงสาวพยายามดึงมือที่จับแขนเธอไว้แน่น แต่มันไม่ขยับเลย“เปิดประตูแล้วเข้าไปคุยกันในห้อง อยากมายืนเถียงกันให้อายคนอื่นเหรอ”ภาคินเคล้นเสียงหนักแน่น แต่เบาเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน“คุณจะตามฉันมาทำไม”ยิหวาตวาดเสียงแหลมใส่หน้าชายหนุ่มทันที เมื่อประตูถูกปิดลง“ก็เพราะเธอหนีออกมาแบบนี้ไง”ภาคินคว้าแขนเล็กไว้และดึงร่างบางอย่างแรง จนหญิงสาวแทบจะเซล้ม“ฉันไม่ได้หนีคุณ แล้วทำไมต้องหนี การที่ฉันจะไปอยู่ที่ไหนทำอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลย เราก็เป็นแค่อดีตเจ้านายกับลูกสาวคนรับใช้แค่นั้น”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดอะไรต่อ ชายหนุ่มก็ปิดปากของเธอด้วยปากของเขา สองมือหนาประคองใบหน้ารูปไข่ไว้ในมืออย่างทะนุถนอม“พอ หยุดเถอะ ฉันรักเธอ ยิหวา ได้ยินไหมฉันรักเธอ” ชายหนุ่มดึงหญิงสาวมากอดไว้ แล้วพูดอยู่ซ้ำๆแบบนั้น“คุณรักฉันไม่ได้ค่ะ คนที่คุณควรรักคือคุณลิตา เขาคือคนที่คุณกำลังจะแต่งงานด้วย”หญิงสาวกัดฟันพูดด้วยความแค้น เธอพูดทุกถ้อยคำช้าๆแ
15พบกันครั้งแรก “เราว่าแกไม่ต้องตามหาลูกสาวแล้วแหละ” คณินพูดเมื่อสายตาของเขาหันไปเห็นผู้หยิงสองคนที่เขาคุ้นเคยในร้านอาหารข้างๆ“ดาริน”ศศิวัฒน์มองตามสายตาของเพื่อนที่มองไปยัง ร้านอาหารอีกร้านที่อยู่ข้างกัน มีเพียงแค่ทางเดินเล็กๆในห้างกั้นอยู่“นานแล้ว แกยังจำได้อยู่อีกเหรอ” คณินแปลกใจที่เพื่อนของเขายังจำคนรักเก่าได้อยู่ ทั้งที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันยี่สิบกว่าปี“ฉันไม่ได้ยังจำได้ แต่ฉันไม่เคยลืมต่างหาก” ศศิวัฒน์พูดจากหัวใจเราเข้าไปคุยกับทั้งคู่ตอนนี้คงไม่ดี เดี๋ยวเราว่ารอให้ ดารินกับยิหวาต้องแยกกันกลับบ้าน เรารอคุยกับยิหวาคนเดียวจะดีกว่าคณินเสนอความคิดเห็น และศศิวัฒน์ก็เห็นด้วย เพราะเขาไม่แน่ใจว่าดารินจะยังอยากเจอหน้าเขาอยู่ไหมในที่สุดสองคนแม่ลูกก็แยกกัน ดารินลงไปชั้นล่างเพื่อขึ้นรถกลับ ส่วนยิหวาเดินแยกไปทางร้านขายเครื่องเขียน“ยิหวา” คณินเรียกหลังจากเดินตามหญิงสาวไป“ยิหวา นี่ศศิวัฒน์เพื่อนของฉัน” คณินแนะนำเพียงเท่านี้ก่อน“สวัสดีค่ะคุณศศิวัฒน์” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมนี่เป็นครั้งแรก ที่ศศิวัฒน์ได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกสาวของเขา แบบตัวเป็นๆ และเธอก็มีหน้าตาที่เหมือน
14ความลับ “แกยังจำดารินได้ไหม” คณินเริ่มเข้าเรื่อง “จำได้สิ ผู้หญิงที่ฉันรักทั้งคนนะ แล้วแกถามถึงทำไม แกเจอดารินเหรอ” ศศิวัฒน์ทำท่ากระตือรือร้นอยากรู้ “อืม...เจอทุกวันเลย เจอมาหลายปีแล้วด้วย” คนตอบไม่พูดตรงๆ “หมายความว่าอะไรวะ คณินแกจะมายียวนเพื่ออะไร มีอะไรเกี่ยวกับดาริน แกพูดมาให้หมดเลย” ศศิวัฒน์รักและจริงใจกับดาริน เขาต้องการจะให้เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องกับเขา แต่ทุกอย่างก็พังลง เมื่อมารดาของเขาประกาศผ่านสื่อ ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวชั้นสูง ตั้งแต่นั้นมาศศิวัฒน์ก็ไม่เจอดารินอีกเลย “ดารินเขาอยู่ที่บ้านฉัน ตั้งแต่ที่แม่แกประกาศว่าแกจะแต่งงานนั่นแหละ” คณินเริ่มเล่า “เฮ้ย! แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน แกรู้ไหมคณินว่าฉันตามหาดารินจนแทบบ้า” ศศิวัฒน์ขึ้นเสียง “ดารินเขาขอฉันไว้ เขาบอกถ้าฉันบอกแก เขาก็จะพาลูกในท้องหนีไปที่อื่น ฉันสงสารเด็ก” “ลูกในท้อง” ศศิวัฒน์พูดทวนคำพูดของเพื่อน เพราะเขาไม่เคยรู้เลย ว่าดารินท้อง “ใช่ ดารินเขาท้อง” คณินเน้นย้ำ เพราะหวังว่าเพื่อนจะพอเข้าใจ ว่าเรื่องราว
13ตามหา หนึ่งเดือนแล้ว ที่ภาคินไม่ได้เจอไม่ได้คุยไม่ได้ข่าวอะไรของหญิงสาวที่เขาสุดแสนจะคิดถึง ชายหนุ่มคิดถึงครั้งที่เขาไปเรียนอยู่อเมริกา เขาก็เคยทำกับเธอแบบนี้ เธอคงทั้งเจ็บทั้งเสียใจ ไม่ต่างกับเขา “คุณรู้ไหม ภาคินไม่ไปทำงานหลายวันแล้ว ผมถามหนูลิตา เธอก็บอกว่า ภาคินดื่มหนักเกือบทุกคืน” คณินทำงานที่เดียวกับลุกชายและลลิตา เขาถึงมีโอกาสได้สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกชาย “คุณคิดว่ายังไงคะ” ฐานิตาไม่เข้าใจ ว่าสามีต้องการจะบอกอะไร “ผมว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ข้างนอกแบบนี้ มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ ลูกชายเราเป็นแบบนี้ คุณคิดว่า คนอย่างหนูลิตาเขาจะอยากฝากชีวิตไว้ด้วยเหรอ” ฐานิตาเห็นด้วยกับคำพูดของสามี แต่เธอก็ไม่สามารถจะยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างลูกชายเธอกับคนงานในบ้านได้ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่สงสารลูกนะ แต่คุณจะให้ฉันยอมรับลูกคนรับใช้มาเป็นสะใภ้ ฉันทำใจไม่ได้หรอก” “คุณรังเกียจยิหวา เพียงเพราะมันเป็นลูกสาวคนใช้ใช่ไหม และถ้าสมมุติว่าวันนึง ลูกสาวคนใช้กลายเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของข้าราชการระดับสูงในบ้านเมืองเร
12เริ่มต้นชีวิตใหม่ หญิงสาวออกไปอยู่ข้างนอก โดยที่เธอบอกทุกคนยกเว้นภาคิน ฐานิตาเห็นด้วย เพราะเธอคิดว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ที่อื่น ลุกชายของเธอ น่าจะลืมเธอได้อีกไม่นาน และคงยอมที่จะแต่งงานกับลลิตา “ดาริน ถ้าเธอจะออกไปอยู่กับลูกสาวก็ได้นะ แต่ฉันขอเวลาหาคนใหม่มาแทนก่อน ส่วนป้าช้อยก็ให้แกอยู่ที่นี่ต่อเถอะ อย่าเอาแกไปลำบากด้วยเลย” ฐานิตาถึงจะรู้สึกเสียดายดาริน เพราะอยู่ด้วยกันมานานจนรู้ใจ แต่ก็ต้องยอมแลกกับการที่ลุกชายของเธอจะได้ห่างจากยิหวา “ค่ะคุณท่าน คงอีกสักพัก ถึงจะย้ายตามลูกไป” ดารินเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ดี ว่าฐานิตาก็ต้องอยากให้ลูกชายของเขาได้ผู้หญิงที่ดีที่สุด “น้าดารินครับ ผมไม่เห็นยิหวาหลายวันแล้ว เธอไปไหน” ภาคินเก็บความอยากรู้และไม่สบายใจไว้ไม่ไหวแล้ว เขาตัดสินใจเข้ามาถามดารินตรงๆ “ยิหวาเขาออกไปอยู่ข้างนอกแล้วค่ะ แต่น้าก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เพราะเขาไม่ได้บอกไว้” ดารินไม่ได้โกหก เพราะลูกสาวของเธอไม่ได้บอกอะไร มากไปกว่า ว่าที่พักอยู่ใกล้กับที่ทำงาน “ทำไมต้องออกไปอยู่ข้างนอก
11ลาก่อน “เป็นอะไรไป หน้าซีดเชียว” ดารินเดินเข้ามาจับตัวลูกสาว เมื่อเห็ใบหน้าที่ซีดเซียว “แม่คะ ถ้าหนูหางานทำได้ เราไปอยู่ที่อื่นกันนะคะ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างไม่ทันระวัง ว่ามารดาจะสงสัยว่าอยู่ดีๆทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ จะให้แม่ทิ้งคุณท่าน ทิ้งป้าช้อยไปได้ยังไงกัน” ดารินหันไปทไหน้าดุใส่ลูกสาว “เดี๋ยวไม่มีเรา คุณท่านก็หาแม่บ้านใหม่มาทำงาน แม่จะอยู่เป็นคนใช้เขาไปตลอดชีวิตเหรอ” ยิหวาไม่รู้เหมือนกัน ทำไมเธอถึงกล้าพูดแบบนี้ ทั้งที่ดารินก็สอนเธอตั้งแต่เล็กจนโต ว่าให้รู้จักและสำนึกในบุญคุณของครอบครัวอรรถจิรานนท์ ที่ทำให้เธอกับแม่ มีที่ซุกหัวนอนอย่างเช่นทุกวันนี้ “ยิหวา มันเกิดอะไรขึ้นกันลูก คุณท่านเรียกลูกไปพูดเรื่องอะไร ทำไมถึงออกมาแล้วพูดจาแบบนี้” ดารินเลี้ยงลูกมา เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอ ไม่เคยคิดจะไปจากที่นี่ และอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มาพูดจาเอาจริงเอาจังแบบนี้ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ หนูไปรีดผ้าต่อนะคะ” นับตั้งแต่วันนั้นยิหวาก็พยายามหางานทำ เอาที่อยู่ไกลจากบ้านของภาคินให้มากที่สุด
10ปล่อยมือหรือเดินต่อ เมื่อไฟถูกปิดลง ความคิดถึงที่ทั้งคู่ต่างถวิลหากันมาเกือบสามปี ก็เหมือนพายุ ที่ถูกปลดปล่อยมาในทันที เสื้อผ้าถูกถอดออกจากเรือนร่างบางเล็กของยิหวา อย่างรวดเร็ว จนเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ปากหนาทั้งหอมทั้งจูบไปทุกส่วนของร่าง เหมือนเขาอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว “คุณภาคินคะ ยิหวาเจ็บนะ” หญิงสาวร้องบอกเขา เพราะเธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังช้ำไปทั้งตัว ไม่มีเสียงตอบจากคนที่กำลังรุกราน แต่เขากลับใช้ทั้งสองมือบีบเคล้นอกอวบขึ้นมาก่อนจะใช้ปากหนาทั้งเลียและดูด อย่างกระหาย จนเจ้าของอกกลมต้องบิดไปทั้งตัวด้วยความเสียวซ่าน ที่เธอไม่ได้สัมผัสมันมานานแสนนาน “อ่า...อื้อ......” หญิงสาวกลั้นเสียงครางไว้ไม่ไหวอีกต่อไป โคมไฟหัวเตียงถูกดับลง พร้อมกับความเป็นชายของเขา ที่เข้ามาอยู่ในกลีบชมพูอวบของหญิงสาว สะโพกกลมขยับตามจังหวะที่ชายหนุ่มคอยควบคลุม ให้เธอเคลื่อนไหวตามจังหวะ จากสายน้ำที่ไหลอย่างเชื่องช้า ก็เปลี่ยนเป็นทะเล ที่ถูกเกลียวคลื่นโหมกระหน่ำจน คนตัวเล็กต้องจิกเล็บสวยลงไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่