14
เหมือนหัวใจหายไป
เช้านี้ปะการังตื่นนอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพราะรีบไปทำอาหารเช้าให้กับนายหัวและต้องการให้พร้าวช่วยหามะพร้าวน้ำหอมมาให้เธอหน่อย
“นายหัวตื่นเถอะ ไม่อย่างนั้นไม่รอกินข้าวเช้าด้วยนะ”
กับข้าวเสร็จพร้อมรับประทาน แต่คนกินอีกคนยังไม่ยอมตื่นเลย หญิงสาวจึงต้องมาปลุก
“หอมแก้มก่อนสิจะได้มีแรงลุก”
อยู่ดีๆนายหญิงก็ถูกคนตัวใหญ่ที่นอนบนเตียงดึงตัวลงไปหอมแก้มอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เดี๋ยวนี้พัฒนาไปเรื่อยเลยนะคะ”
ปะการังแกล้งมองชายหนุ่มที่เอาเปรียบเธอด้วยสายตาไม่พอใจ ทั้งที่ในใจจริงๆแอบยิ้มอยู่
“กินเสร็จแล้วจะลงไปทำขนมเลยใช่ไหม ดูรีบจัง”
ราชันสังเกตว่าหญิงสาวรีบกินข้าวกว่าทุกวัน และเดาว่าคงเป็นเพราะอยากทำขนมแน่ๆ
“ใช่ค่ะ เมื่อเช้าฉันลงไปทำกับข้าว เจอพร้าวเพิ่งกลับจากทะเล เลยรบกวนให้ไปหามะพร้าวน้ำหอมให้ ตอนนี้น่าจะได้มาแล้ว ฉันจะลองปรับปรุงเรื่องของกลิ่นขนม เสร็จเมื่อไหร่จะรีบเอามาให้นายหัวชิมเป็นคนแรกเลย”
ปะการังมีความสุขมาก ที่เธอได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับคนที่นี่ และการทำขนมก็เป็นงานที่เธอรักด้วย
“บ่ายนี้ผมจะไปทำธุระที่อีกเกาะและจะอยู่เวรเฝ้ารอบเกาะช่วงหัวค่ำ คุณอยู่คนเดียวได้นะ เก็บขนมไว้ให้ผมด้วย ห้ามให้ใครกินก่อนล่ะ”
ธุระที่ว่าเป็นเรื่องของการร่วมมือกันเกี่ยวกับการต่อต้านอิทธิพลของพวกบนฝั่งที่อยากยึดเกาะทุกเกาะ ราชันจำเป็นต้องรวมพลังกับนายหัวเกาะอื่น เพื่อต่อสู้กับอิทธิพลพวกนี้
ระหว่างที่รอเวลาที่จะเดินทาง ราชันก็ไปจัดการให้พร้าวช่วยดูแลคนที่เกาะ เพราะคืนนี้พร้าวไม่ต้องเข้าเวรในทะเล ราชันอดเป็นห่วงช่วงที่เขาไม่อยู่เกาะไม่ได้
“พร้าวดูแลทุกคนในเกาะนะ ถ้ามีอะไรเร่งด่วนก็ตัดสินใจแทนฉันเลย ฉันเชื่อว่าแกจัดการได้”
นายหัวจะไปจากเกาะแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่เขากับรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูกเลย จึงต้องพยายามวางแผนล่วงหน้าไว้
“ป้าแก้วฝากปะการังด้วยนะ ค่ำ ๆ ผมจะรีบกลับมา”
“นายหัวไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ วันทั้งวัน นายหญิงคงอยู่แต่ในห้องทำขนมของเธอ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
ถึงเวลาเดินทางปะการังมาส่งราชันขึ้นเรือ เมื่อเรือออกไปจนสุดสายตา เธอถึงได้กลับเข้าห้องทำขนมต่อ
ในที่สุดขนามเมอแรงค์ที่ทั้งอร่อยและส่งกลิ่นหอมก็สำเร็จ หญิงสาวเก็บใส่กล่องเก็บไว้ให้นายหัว และเตรียมตัวจะเก็บข้าวของล้าง
“เดี๋ยวมณีทำเองค่ะ วันนี้มัวแต่ไปช่วยเขาทำปลาหมึก เลยได้มาช่วยนายหญิงเลย” มณีรับอาสา
“ขอบใจมากจ้า”
เมื่อเห็นว่ายังไม่เย็นมาก ปะการังมองขนมที่เธอทำไว้เห็นแล้วก็อดคิดถึงครอบครัวของเม็ดทรายไม่ได้ เธอจึงตั้งใจว่าจะเดินเล่นไปเรื่อยเพื่อเอาขนมไปให้เม็ดทรายที่บ้าน และจะได้เดินชมเกาะด้วย
ขาไปนายหญิงของเกาะเดินลัดเลาะไปทางถนนที่นายหัวเคยขับรถพามาแต่ขากลับเธอตั้งใจจะเดินตัดสวนมะพร้าวเพราะจะใกล้กว่า
“นายหญิงเดินมาทำไมคะ” แม่ของเม็ดทรายถามด้วยความแปลกใจ
“เอาขนมมาให้เด็ก ไหนขออุ้มเม็ดทรายหน่อย อยากมาเล่นด้วยหลายวันแล้ว มัวแต่ยุ่งกับทำขนมอยู่”
เม็ดทรายเป็นเด็กอารมณ์ดี ใครเล่นใครอุ้มเธอก็ยิ้มแย้มหัวเราะให้กับทุกคน จนปะการังตั้งใจว่าจะมาไม่นาน เผลอตัวเล่นกับเม็ดทรายจนเพลิน
“กลับก่อนนะคะ ไว้วันหลังจะมาเล่นด้วยใหม่นะเด้กอ้วนตัวกลม”
ถ้าไม่ใกล้มืดหญิงสาวคงอยู่เล่นต่อ เพราะเธอกลับไปก็คงต้องเหงาเพราะนายหัวไม่อยู่
ขากลับปะการังเดินกลับทางสวนมะพร้าว เธอเดินมาได้ยังไม่ถึงครึ่งทางอยู่ดี ๆ ลมก็พัดเข้ามาที่เกาะอย่างแรง หญิงสาวจึงรีบวิ่งเพราะคิดว่าฝนต้องกำลังจะตกแน่ ๆ เพราะท้องฟ้าดำมืดครึ้มไปหมด
“โอ๊ย!”
ด้วยความรีบร้อนหญิงสาวสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง เหมือนจะเป็นขวดแก้ว ที่มันโผล่พ้นทรายออกมา ปะการังล้มลงกับทรายนอกจากเธอจะเจ็บที่ข้อเท้าแล้ว ที่เข่าของเธอยังมีเลือดไหลออกมา เหมือนกับถูกอะไรบาด
หญิงสาวมือเท้าอ่อนแรงทันทีเมื่อเห็นเลือด แต่ก็พยายามจะยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็ต้องกลับลงไปนั่งอีกที เมื่อแสงฟ้าผ่ากลางทะเลแว๊บมาเข้าตาและตามด้วยเสียงฟ้าร้อง จนปะการังต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหู
ยังไม่ทันที่จะตั้งสติได้ ฝนก็ตกลงมา ทั้งลมทั้งฝน ไฟที่เกาะก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว ปะการังพยายามมองหาบ้านคนแถวนั้น แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลย
หญิงสาวตัดสินใจค่อยๆลุกเดินไปที่เพิงพักที่มีเพียงแค่หลังคาและไม้กระดานสำหรับนั่ง กอดตัวเองพร้อมกับปิดหูด้วยความกลัว ไม่ยอมลืมตามาดูอะไรอีกเลย
“พร้าวเอ๋ยเอ็งไปดูที่ท่าเรือเถอะ เดี๋ยวแม่ไปดูบนบ้านเอง ไม่รู้นายหญิงจะทันปิดหน้าต่างไหม”
ป้าแก้วเป็นห่วงทั้งนายหัวและนายหญิง จึงให้ลูกชายไปดูที่ท่าเรือเผื่อนายหัวกลับมา ส่วนตัวป้าเองเดินขึ้นไปดูนายหญิงบนบ้าน
“นายหญิงอยู่ไหน ทำไมไม่ปิดหน้าต่างฝนสาดหมดแล้ว”
เรียกหาไปก็เดินปิดหน้าต่างไปทุกบานทุกห้อง เพื่อให้ทันกับลมฝนที่กำลังพัดกระหน่ำ เมื่อปิดเสร็จทุกบาน ป้าแก้วจึงเพิ่งจะทันได้สังเกตว่า เธอไม่เห็นนายหญิงเลยตั้งแต่ขึ้นมา
“ตายแล้ว! นายหญิงไปไหนนี่ ฝนตกแบบนี้”
ป้าแก้วตกใจ รีบวิ่งลงจากบ้าน ก่อนจะวิทยุบอกเวรยามผู้ชายให้ช่วยกันตามหานายหญิง
“แม่หาทั่วแล้วนะ”
พร้าวได้ยินข่าวนายหญิงหายตัวไปจากวิทยุสื่อสาร จึงวิ่งกลับจากท่าเรือมาที่บ้านทันที
“แม่หาทั่วแล้ว มณีมันก็บอกว่านายหญิงเลิกทำขนมตั้งแต่เย็น แม่ก็นึกว่าเธอคงขึ้นมาพักผ่อนเลยไม่ได้ตามขึ้นมาดู”
ป้าแก้วใจคอไม่ดีเลย เพราะหญิงสาวไม่ใช่คนที่นี่ อีกทั้งตอนนี้ก็มีทั้งลมทั้งฝน แถมเกาะก็มืดไปหมด เพราะมีไฟเพียงไม่กี่ดวง
“พร้าวแล้วเอ็งจะไปไหน”
คนเป็นแม่ถามเมื่อเห็นลูกชายทำท่าจะวิ่งกลับไปที่ท่าเรือ แทนการตามหานายหญิง
“ตอนนี้พวกผู้ชายกำลังตามหากันอยู่ ฉันจะพยายามติดต่อนายหัวให้ได้ ไม่แน่นายหัวอาจจะกำลังใกล้มาถึงแล้วก็ได้”
พร้าวไม่รอฟังแม่พูดต่อ เขารีบวิ่งกลับไปที่ท่าเรือ แต่ยังไม่ทันถึงก็เห็นเรือของนายหัวกำลังเข้าท่าจอด
“นายหัว นายหัวครับ นายหัว” พร้าวตะโกนไปก่อนที่ตัวจะไปถึง
“มีอะไรฝนตกแบบนี้ยังจะวิ่งผ่าฝนมา และเรียกอยู่นั่นแหละ มีอะไรก็พูดมา” ราชันคิดว่าพร้าวคงแค่เป็นห่วงเขาที่ฝ่าพายุมา
“นายหญิงครับนายหญิง”
“ปะการังเป็นอะไร”
ยังไม่ทันที่พร้าวจะเริ่มพูด เพราะเขายังเหนื่อยจนหายใจแทบไม่ทันจากการวิ่งมา ราชันก็ถามกลับด้วยความตกใจทันที
“นายหญิงหายตัวไป ตอนนี้พวกผู้ชายกำลังช่วยกันตามหา”
ราชันรู้สึกเหมือนหัวใจของเขามันจะขาด เมื่อได้ยินว่าปะการังหายไป มันมากกว่าคำว่าเป็นห่วง เขารู้แต่ว่าเขาจะต้องหาเธอให้เจอ
พร้าวพูดจบยังไม่ทันจะพูดหรือถามอะไรต่อ หันมาอีกที นายหัวของเขาก็วิ่งไปที่บ้านแล้ว
15ตามหาหัวใจ ราชันรีบกลับขึ้นไปที่ห้องนอน เพราะหวังว่าอาจจะมีอะไรที่พอจะบอกได้ ว่าตอนนี้ปะการังไปอยู่ที่ไหน แต่มันไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเหมือนเมื่อเช้าที่เขาออกมา “พร้าวดูตามชายหาดเลาะดูตามโขดหินให้ทั่วเลยนะ บอกป้าแก้วดูในบ้านดีๆ บางทีอาจจะเป็นลมอยู่ตรงไหน” ราชันรู้ตัวดี ว่าตอนนี้เขาเหมือนคนไม่มีสติ ชายหนุ่มหยุดยืนกลางสายฝนและพยายามเรียกสติให้กับคืน เพื่อคิดทบทวนว่าเขาเคยพาเธอไปที่ไหนบ้าง เส้นทางไปหาดเมื่อคิดขึ้นมาได้ ราชัน รีบวิ่งไปตามถนนที่เขาเคยพาปะการังไปเล่นน้ำ เธออาจจะกลับไปที่หาดนั้นก็ได้ ตอนนี้ลมพายุเริ่มเบาลงแต่ฝนกับเสียงฟ้าร้องยังคงแรงและมากกว่าเมื่อช่วงเย็น ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกใจคอไม่ดี ระหว่างทางนายหัวพยายามตะโกนเรียกชื่อปะการังตลอดทาง ยิ่งเสียงของฟ้าร้องยิ่งดังเสียงชื่อก็ยิ่งดังแข่ง เพียงหวังว่าจะได้ยินเสียงตอบกลับมา “นายหัวไม่เจอเลยครับ” ชาวบ้านผู้ชายที่ออกตามหาเจอกับราชันระหว่างทางจึงรีบรายงานทันที “ไปหาที่ไหนมาบ้าง” “ผมเดินตามถนนนี้ไปจนสุดเกาะสองรอบแล้วครับ แต่ไม่เจอนายหญิงเลย”
16คืนนี้เธอเป็นนายหญิงเต็มตัว ไฟถูกปิดแล้ว เสียงฝนข้างนอกยังตกหนักอยู่ ลมพัดโชยเอาความเย็นเข้ามาในห้อง คนทั้งสองนอนกอดกันจนอุ่นอยู่บนเตียงนอน “คุณรู้ไหมตอนที่ผมรู้ว่าคุณหายไป หัวใจผมมันไม่อยู่กับตัวเลย” ราชันกระซิบแผ่วเบาข้างหูคนตัวเล็ก “ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้คุณเป็นห่วง หนี้บุญคุณครั้งที่แล้วก็ยังไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร ครั้งนี้ก็ยังทำให้คุณต้องเดือดร้อนใจอีก” “อยากตอบแทนไหม เธอทำได้นะ” ราชันจับตัวปะการังจากนอนตะแคงข้างให้หันมานอนในท่านอนหงาย โดยมีเขากึ่งนอนกึ่งนั่งกอดเธอไว้ สายตาทั้งคู่ประสานกัน เหมือนเสียงของหัวใจมันกำลังสื่อสารถึงกันบางอย่าง “คุณจะให้ฉันทำอะไรคะ...นายหัว” ปะการังรู้อยู่แล้ว ว่าราชันกำลังต้องการอะไรตอนนี้ หัวใจของเธอมันก็ต้องการไม่ต่างไปจากเขา เพียงแต่รอให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน “เป็นภรรยาและนายหญิงของผมคนเดียวและตลอดไป” หญิงสาวไม่ตอบว่าเธอยอมหรือไม่ แต่การหลับตาลงและใช้มือทั้งสองข้างโอบคอของชายหนุ่มไว้ มันคือคำตอบทางกายที่ตอบสนองจากหัวใจได้ดีที่สุด สองมือหนาปลดเปลื้องชุดน
17ข่าวร้าย เช้านี้นายหญิงตื่นสายเพราะเมื่อคืนร่างกายอ่อนเพลียทั้งจากการตากฝน และการเป็นภรรยาของนายหัว จนป้าแก้วต้องทำกับข้าวตอนเช้าไว้ให้ทั้งคู่ “ขอโทษทีค่ะ วันนี้เลยต้องรบกวนป้าแก้วเลย” นายหญิงเดินไปกอดเอวหญิงสูงวัย ที่ยิ่งได้อยู่ใกล้เธอยิ่งคิดถึงแม่ของเธอ “วันนี้เราจะไปฝั่งกัน จะไปเตรียมเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่จะทำยี่ห้อของเกาะเราเลย” ราชันหันไปบอกภรรยา “แล้วคิดหรือยังคะว่าจะใช้ชื่ออะไร”หญิงสาวถามเพราะยังไม่เคยมีการคุยกันเรื่องนี้ “ปะการัง” “เพราะดีค่ะ ป้าชอบไม่ซ้ำใครแน่นอน” ป้าแก้วออกเสียงสนับสนุนทันที การเดินทางมาถึงฝั่งวันนี้รวดเร็วเพราะไม่ได้ใช้เรือใหญ่ จึงใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ ราชันพาหญิงสาวมาร้านเพื่อนเก่าของเขาที่รับทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้เขาช่วยออกแบบทั้งถุงที่จะใช้และตัวยี่ห้อปะการัง “รอเลย เดี๋ยวทำให้ดูสักแบบสองแบบ แล้วนายจะได้เลือก ส่วนบรรจุภัณฑ์จะส่งตามไปที่เกาะไม่น่าเกินสามวัน” ระหว่างที่นั่งรอ มีลูกค้าเข้ามารับงานที่ร้านพอดี เป็นแม่ค้าที่ขายของออนไลน์
18ขนมปะการัง “กลับกันมาแล้วเหรอคะ แดดร้อนทั้งวันนายหญิงหน้าแดงหมดแล้ว” จากที่ตั้งใจว่าคงกลับถึงแค่ช่วงบ่าย กลายเป็นว่ามาถึงเกาะก็เย็นมากแล้ว “วันนี้ต้องฝากท้องกับป้าแก้วนะคะ” ปะการังเหนื่อยเกินกว่าจะทำอาหารเอง จิตใจของเธอสบายใจขึ้นที่ได้บอกความจริงกับนายหัว แต่เรื่องของคนที่ทำร้ายเธอยังคงลอยนวลเธอไม่สบายใจเลย ป้าแก้วเตรียมอาหารเย็นไว้รอทั้งคู่แล้ว ทั้งราชันและปะการังต่างก็อยากพักผ่อน จึงรีบกินรีบอิ่มและเข้าห้องนอนเพื่อพักเหนื่อยกัน “พรุ่งนี้คงยังไม่ได้ทำขนม ไว้รอบรรจุภัณฑ์ส่งมาก่อน” ปะการังหันไปบอกสามีที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ “พักก่อนก็ได้ ตอนนี้ผมว่าเรื่องของคุณสำคัญกว่า” ราชันเป็นห่วงเรื่องคดีความ มากกว่าเรื่องทำขนม เพราะเขากลัวว่าคดีจะไม่คืบหน้า “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ทางตำรวจคงจัดการได้ พ่อก็ไม่ได้เพิกเฉย กำลังหาทางรวบรวมหลักฐาน ” หญิงสาวตอบไม่ตรงกับใจ เพราะตัวเธอเองก็กลัวเหมือนกันว่าคนผิดอย่างธิดาจะลอยนวล และตอนนี้แม่เลี้ยงของเธอก็กำลังผลาญเงินของบริษัทอย่างสนุกมือ
19ตามสืบ เช้านี้นายหญิงตื่นมาไม่ทันสามี ราชันตั้งใจที่จะอาบน้ำแต่งตัวให้เบาที่สุด กลัวจะทำให้ภรรยาที่กำลังหลับต้องตื่น เพราะอยากให้เธอได้พักผ่อนเต็มที่ พร้าวทำหน้าที่นั่งชมวิวข้างทาง ส่วนราชันทำหน้าที่ขับเรือให้ลูกน้องนั่ง เพราะการขับเรือสำหรับราชันเป็นเหมือนความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตของเขา “สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” ราชันไม่ได้มาหาทั้งสองนานแล้ว ก็ตั้งแต่ปะการังมาอยู่ที่เกาะนั่นแหละ “หายหน้าหายตาไปเลยนะ ไหนลองเอาขนมมาให้พ่อกับแม่ชิมก่อนสิ ว่าพอจะเอาไปฝากเขาขายได้ไหม” ประภามารดาของราชันเธอเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีแต่ก็มีความแข็งแกร่งอยู่เสมอทุกครั้งที่สามีต้องการกำลังใจ “ทั้งอร่อยทั้งหอมมากเลยคุณ” ประภาส่งขนมให้สุธนผู้เป็นสามีชิม ด้วยรสชาติคนช่างกินอย่างเธอรู้ทันที ว่าคงไม่ใช่ฝีมือของหญิงชาวเกาะธรรมดาแน่ๆ “แม่ไม่เชื่อหรอกนะ ว่าคนที่เกาะเป็นคนทำ ทั้งตัวขนมเองที่ไม่ใช่คนทั่วไปที่ชาวบ้านจะรู้จัก แถมรสชาติยังไม่ธรรมดาแบบนี้อีก เอาเป็นว่าไว้พร้อมเมื่อไหร่ค่อยพาคนทำขนมมาแนะนำตัวกับพ่อกับแม่นะ”
20จุดจบของคดี “ยังไม่นอนอีกเหรอ” ราชันเดินขึ้นมาบนบ้านพบว่าปาการังยืนรอเขาอยู่ที่ระเบียงบ้าน “ใครจะไปนอนหลับ คุณยังไม่กลับมาแบบนี้ ดีที่คืนนี้ฝนยังไม่ตก” คนพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางแสดงให้รู้ว่า เธอกำลังน้อยใจ ที่เขาทิ้งเธอไปทั้งวัน “ดีใจจัง เมียเป็นห่วง นึกว่ากลับมาจะไม่มีใครรอเสียอีก” ราชันโอบเอวหญิงสาวอย่างเอาใจ อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าปะการังรักและเป็นห่วงเขาจริงๆ “ไหนล่ะขนมผม” ก่อนไปฝั่งชายหนุ่มขอให้นายหญิงทำขนมให้เขาแล้วก้พร้าว “ของคุณอยู่บนโต๊ะ ส่วนของพร้าวป้าแก้วเก็บไว้ให้แล้ว” ทั้งสองคนเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารกลางบ้าน ขนมบัวลอยที่ปะการังทำไว้ให้สามีเธอใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่หาได้ไม่ว่าจะดอกอัญชัน มะพร้าว และที่สำคัญเธอใส่ความรักลงไปด้วย “ปะการังคุณเชื่อไหม ว่าผมไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตของผมจะมีโอกาสได้มีภรรยากับเขา” ราชันมองหน้าหญิงสาวและพูดออกมาอย่างที่คนฟังถึงกับรู้สึกแปลกใจว่าอยู่ดีๆเขาพูดเรื่องนี้ทำไม “ทำไมล่ะคะ คุณชอบผู้ชายเหรอ” หญิงสาวคิดว่าสามีของเธ
21สาเหตุของทุกอย่าง เช้าวันนี้ วันที่ปะการังรอมันมาแสนนาน วันที่เธอจะได้เห็น คนที่ทำร้ายเธอได้รับกรรมที่ทำลงไป ปะการังให้ปากคำกับทางตำรวจ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้ง ตั้งแต่ที่เธอถูกธิดาหลอกให้มารับมัทนาที่ท่าอาศยานภูเก็ต แต่เธอกลับโดนจับตัวไป พ่อเลี้ยงสินชัยเดินทางมาที่สถานีตำรวจ เพราะต้องการเห็นหน้าภรรตัวดีของเขา ที่คิดจะฆ่าลูกสาวของเขาอย่างไร้คุณธรรม “ผมก็คิดว่าตัวเองเลือกคนที่ดีแต่ที่ไหนได้กลับเลี้ยงงูพิษไว้” พ่อเลี้ยงเดินเข้าไปคุยกับธิดาที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องสอบสวน โดยยังไม่มีใครมายื่นขอประกันตัวและยังไม่มีทนายความมาคอยช่วยเรื่องคดี “ใช่ฉันมันเป็นแค่งูพิษ มันเป็นแค่สัตว์ คุณถึงให้เศษเงินของคุณแทนอาหาร แต่คุณไม่เคยรู้สึกว่าฉันคือคน มีชีวิตมีจิตใจ” ความกดดันที่ธิดาเก็บกลั้นมานาน วันนี้เธอไม่มีเหตุผลที่ต้องเก็บมันไว้อีกแล้ว “ฉันทำอะไรให้เธอแค้นนักหนา เธอถึงพูดเหมือนกับฉันทำร้ายหัวใจเธอจังธิดา” พ่อเลี้ยงสินใจไม่รู้จริงๆ ว่าตั้งแต่อยู่กันมาเขาทำร้ายอะไรผู้หญิงที่นั่งกำมือร้องไห้อยู่ข้างๆเขา
22ความเข้าใจที่คงไม่สายจนเกินไป คดียังคงรอฟังการตัดสินจากศาล ระหว่างนั้นทั้งสินชัยและมัทนาก็เดินทางไปเยี่ยมธิดาทุกวัน ห่วงเดียวที่คนเป็นแม่มีอยู่คือมัทนา แต่การแสดงออกของพ่อเลี้ยงที่เปลี่ยนไปและการรับมัทนาเป็นลูกบุญธรรมตามกฎหมายก็ทำให้ธิดาสบายใจขึ้น ส่วนในเรื่องของการรับความผิดที่ได้กระทำธิดาทำใจได้แล้ว ทุกอย่างถูกดำเนินการไปตามเส้นทางของกฎหมาย หนีอะไรก็หนีได้แต่ไม่มีใครหนีกรรมที่ตัวเองทำได้ทั้งนั้นพ่อเลี้ยงสินชัยกลับมาบริหารบริษัทอีกครั้งหลังจากยุ่งเหยิงไปหมด ตั้งแต่ที่เขาแกล้งป่วย และตอนนี้เขาก็ได้สอนมัทนาให้เรียนรู้งานในบริษัท เพราะลูกสาวแท้ๆของเขาคงจะรักในการเป็นนายหญิงของเกาะมากกว่าการบริหารบริษัทของพ่อแน่ๆ“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”ปะการังยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างอ่อนน้อม แต่ก็ยังแอบมีกังวลกลัวว่าผู้ใหญ่ทั้งสองจะรู้สึกว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงใจง่าย ที่ยอมเป็นภรรยาของลูกชายของเขาโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน“เจ้าของฝีมือทำขนมใช่ไหมจ๊ะ” ประภารับไหว้และพูดแซวลูกสะใภ้“ค่ะ ขายเป็นอย่างไรบ้างคะ มัวแต่ยุ่งๆเรื่องที่บ้านเลยไม่ได้สอบถามมาเลย”ปะการังยังไม่รู้เ
18อบอุ่นพร้อมหน้า “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปฝากท้องนะ” ภาคินเดินประคองพาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เข้าไปในบ้านที่เข้าตั้งใจไว้เพื่อเป็นบ้านของครอบครัวที่น่ารักของเขา “วันนี้ยิหวาไม่ต้องแอบเหมือนทุกๆครั้งที่มาที่นี่” คำพูดของหญิงสาว ทำให้ภาคิน สำนึกได้ว่าที่ผ่านมา เขาไม่เป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่เขารัก ทำเหมือนเธอเป็นสิ่งไร้ค่า พอถึงเวลาที่เสียไป เขาถึงเพิ่งรู้ว่าเธอมีค่าแค่ไหน “ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มีค่า เรามาเริ่มต้นจุดเทียนกันใหม่ แต่เทียนเล่มนี้ จะมีทั้งความรักและความอบอุ่น เป็นกำบังคอยป้องกันทุกอย่าง ที่จะมาทำให้เทียนแห่งรักนี้ดับลง ฉันสัญญาจะรักและดูแลเธอกับลูกไปตลอดชีวิต” หญิงสาวเชื่อทุกคำที่ภาคินพูด เพราะทุกอย่างที่เขาทำในเวลานี้ มันเป็นบทพิสูจน์แล้ว “ขอบคุณนะคะ ที่ทำทุกอย่างเพื่อยิหวากับลูก” บ้านหลังนี้ ที่ภาคินเคยคิดว่ามันใหญ่เกินไป เพราะมีถึงสี่ห้องนอน แต่ตอนนี้ มันจะเหลือว่างแค่เพียงสองห้อง เพราะอีกห้องต้องเตรียมไว้ สำหรับลูกของเขาที่กำลังจะเกิดมา ศศิวัฒน์กลับไป
17เผชิญหน้ากับทุกปัญหา “ภาคินลูกไปไหนมาทั้งวัน คุณพ่อก็อีกคนยังไม่กลับมาเลย” ฐานิตาลุกออกจาโซฟา เดินมาหาลูกชายที่หน้าประตูบ้าน “ผมไปรับภรรยาผมกลับบ้านครับ” ภาคินยิ้มมุมปาก “ภรรยา ลูกหมายความว่าอะไร” ฐานิตายืนมองหน้าลูกชาย เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ภาคินพูด แต่มันต้องเป็นเรื่องที่เธอจะต้องไม่ชอบใจแน่ๆ “สวัสดีค่ะคุณท่าน” ยิหวาเดินตามหลังภาคินเข้ามา “หมายความว่ายังไง ที่ภาคินบอกว่าพาภรรยามา” ฐานิตายืนถลึงตาด้วยความไม่พอใจ“นี่ค่ะ ทะเบียนสมรสเราเพิ่งไปจดกันมา เมื่อช่วงบ่ายนี่เอง”ยิหวายื่นกระดาษในมือของเธอ ให้มารดาของภาคินดู เพื่อให้เธอได้เห็นชื่อชัดๆว่าใครสมรสกับใคร“ไม่จริ๊ง ไม่จริง ภาคินลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม”ฐานิตาเดินตามทั้งคู่เข้ามาในบ้าน โดยครั้งนี้ยิหวา ไม่ได้นั่งข้างล่างเหมือนแต่ก่อน เธอนั่งบนโซฟาข้างๆสามีของเธอ“ลูกจะต้องแต่งงานกับหนูลิตาเท่านั้น ” ฐานิตากระแทกเสียง“ก็ได้นะคะ ถ้าคุณลิตาจะยอมเป็นเมียน้อย” ยิหวาต่อปากต่อคำ“ยิหวา ฉันหลงคิดว่าเธอมันเป็นเด็กดี ที่แท้ก็ไม่ต่างอะไรกับแม่ของเธอ”ฐานิตาลืมตัว
16ตามหัวใจคืน “ยิหวา เธอหลบหน้าฉันทำไม” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อจำได้ว่าเสียงที่กำลังเรียกชื้อเธอนั้นคือใคร “คุณภาคิน คุณมาที่นี่ได้ยังไง”หญิงสาวพยายามดึงมือที่จับแขนเธอไว้แน่น แต่มันไม่ขยับเลย“เปิดประตูแล้วเข้าไปคุยกันในห้อง อยากมายืนเถียงกันให้อายคนอื่นเหรอ”ภาคินเคล้นเสียงหนักแน่น แต่เบาเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน“คุณจะตามฉันมาทำไม”ยิหวาตวาดเสียงแหลมใส่หน้าชายหนุ่มทันที เมื่อประตูถูกปิดลง“ก็เพราะเธอหนีออกมาแบบนี้ไง”ภาคินคว้าแขนเล็กไว้และดึงร่างบางอย่างแรง จนหญิงสาวแทบจะเซล้ม“ฉันไม่ได้หนีคุณ แล้วทำไมต้องหนี การที่ฉันจะไปอยู่ที่ไหนทำอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลย เราก็เป็นแค่อดีตเจ้านายกับลูกสาวคนรับใช้แค่นั้น”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดอะไรต่อ ชายหนุ่มก็ปิดปากของเธอด้วยปากของเขา สองมือหนาประคองใบหน้ารูปไข่ไว้ในมืออย่างทะนุถนอม“พอ หยุดเถอะ ฉันรักเธอ ยิหวา ได้ยินไหมฉันรักเธอ” ชายหนุ่มดึงหญิงสาวมากอดไว้ แล้วพูดอยู่ซ้ำๆแบบนั้น“คุณรักฉันไม่ได้ค่ะ คนที่คุณควรรักคือคุณลิตา เขาคือคนที่คุณกำลังจะแต่งงานด้วย”หญิงสาวกัดฟันพูดด้วยความแค้น เธอพูดทุกถ้อยคำช้าๆแ
15พบกันครั้งแรก “เราว่าแกไม่ต้องตามหาลูกสาวแล้วแหละ” คณินพูดเมื่อสายตาของเขาหันไปเห็นผู้หยิงสองคนที่เขาคุ้นเคยในร้านอาหารข้างๆ“ดาริน”ศศิวัฒน์มองตามสายตาของเพื่อนที่มองไปยัง ร้านอาหารอีกร้านที่อยู่ข้างกัน มีเพียงแค่ทางเดินเล็กๆในห้างกั้นอยู่“นานแล้ว แกยังจำได้อยู่อีกเหรอ” คณินแปลกใจที่เพื่อนของเขายังจำคนรักเก่าได้อยู่ ทั้งที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันยี่สิบกว่าปี“ฉันไม่ได้ยังจำได้ แต่ฉันไม่เคยลืมต่างหาก” ศศิวัฒน์พูดจากหัวใจเราเข้าไปคุยกับทั้งคู่ตอนนี้คงไม่ดี เดี๋ยวเราว่ารอให้ ดารินกับยิหวาต้องแยกกันกลับบ้าน เรารอคุยกับยิหวาคนเดียวจะดีกว่าคณินเสนอความคิดเห็น และศศิวัฒน์ก็เห็นด้วย เพราะเขาไม่แน่ใจว่าดารินจะยังอยากเจอหน้าเขาอยู่ไหมในที่สุดสองคนแม่ลูกก็แยกกัน ดารินลงไปชั้นล่างเพื่อขึ้นรถกลับ ส่วนยิหวาเดินแยกไปทางร้านขายเครื่องเขียน“ยิหวา” คณินเรียกหลังจากเดินตามหญิงสาวไป“ยิหวา นี่ศศิวัฒน์เพื่อนของฉัน” คณินแนะนำเพียงเท่านี้ก่อน“สวัสดีค่ะคุณศศิวัฒน์” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมนี่เป็นครั้งแรก ที่ศศิวัฒน์ได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกสาวของเขา แบบตัวเป็นๆ และเธอก็มีหน้าตาที่เหมือน
14ความลับ “แกยังจำดารินได้ไหม” คณินเริ่มเข้าเรื่อง “จำได้สิ ผู้หญิงที่ฉันรักทั้งคนนะ แล้วแกถามถึงทำไม แกเจอดารินเหรอ” ศศิวัฒน์ทำท่ากระตือรือร้นอยากรู้ “อืม...เจอทุกวันเลย เจอมาหลายปีแล้วด้วย” คนตอบไม่พูดตรงๆ “หมายความว่าอะไรวะ คณินแกจะมายียวนเพื่ออะไร มีอะไรเกี่ยวกับดาริน แกพูดมาให้หมดเลย” ศศิวัฒน์รักและจริงใจกับดาริน เขาต้องการจะให้เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องกับเขา แต่ทุกอย่างก็พังลง เมื่อมารดาของเขาประกาศผ่านสื่อ ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวชั้นสูง ตั้งแต่นั้นมาศศิวัฒน์ก็ไม่เจอดารินอีกเลย “ดารินเขาอยู่ที่บ้านฉัน ตั้งแต่ที่แม่แกประกาศว่าแกจะแต่งงานนั่นแหละ” คณินเริ่มเล่า “เฮ้ย! แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน แกรู้ไหมคณินว่าฉันตามหาดารินจนแทบบ้า” ศศิวัฒน์ขึ้นเสียง “ดารินเขาขอฉันไว้ เขาบอกถ้าฉันบอกแก เขาก็จะพาลูกในท้องหนีไปที่อื่น ฉันสงสารเด็ก” “ลูกในท้อง” ศศิวัฒน์พูดทวนคำพูดของเพื่อน เพราะเขาไม่เคยรู้เลย ว่าดารินท้อง “ใช่ ดารินเขาท้อง” คณินเน้นย้ำ เพราะหวังว่าเพื่อนจะพอเข้าใจ ว่าเรื่องราว
13ตามหา หนึ่งเดือนแล้ว ที่ภาคินไม่ได้เจอไม่ได้คุยไม่ได้ข่าวอะไรของหญิงสาวที่เขาสุดแสนจะคิดถึง ชายหนุ่มคิดถึงครั้งที่เขาไปเรียนอยู่อเมริกา เขาก็เคยทำกับเธอแบบนี้ เธอคงทั้งเจ็บทั้งเสียใจ ไม่ต่างกับเขา “คุณรู้ไหม ภาคินไม่ไปทำงานหลายวันแล้ว ผมถามหนูลิตา เธอก็บอกว่า ภาคินดื่มหนักเกือบทุกคืน” คณินทำงานที่เดียวกับลุกชายและลลิตา เขาถึงมีโอกาสได้สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกชาย “คุณคิดว่ายังไงคะ” ฐานิตาไม่เข้าใจ ว่าสามีต้องการจะบอกอะไร “ผมว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ข้างนอกแบบนี้ มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ ลูกชายเราเป็นแบบนี้ คุณคิดว่า คนอย่างหนูลิตาเขาจะอยากฝากชีวิตไว้ด้วยเหรอ” ฐานิตาเห็นด้วยกับคำพูดของสามี แต่เธอก็ไม่สามารถจะยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างลูกชายเธอกับคนงานในบ้านได้ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่สงสารลูกนะ แต่คุณจะให้ฉันยอมรับลูกคนรับใช้มาเป็นสะใภ้ ฉันทำใจไม่ได้หรอก” “คุณรังเกียจยิหวา เพียงเพราะมันเป็นลูกสาวคนใช้ใช่ไหม และถ้าสมมุติว่าวันนึง ลูกสาวคนใช้กลายเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของข้าราชการระดับสูงในบ้านเมืองเร
12เริ่มต้นชีวิตใหม่ หญิงสาวออกไปอยู่ข้างนอก โดยที่เธอบอกทุกคนยกเว้นภาคิน ฐานิตาเห็นด้วย เพราะเธอคิดว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ที่อื่น ลุกชายของเธอ น่าจะลืมเธอได้อีกไม่นาน และคงยอมที่จะแต่งงานกับลลิตา “ดาริน ถ้าเธอจะออกไปอยู่กับลูกสาวก็ได้นะ แต่ฉันขอเวลาหาคนใหม่มาแทนก่อน ส่วนป้าช้อยก็ให้แกอยู่ที่นี่ต่อเถอะ อย่าเอาแกไปลำบากด้วยเลย” ฐานิตาถึงจะรู้สึกเสียดายดาริน เพราะอยู่ด้วยกันมานานจนรู้ใจ แต่ก็ต้องยอมแลกกับการที่ลุกชายของเธอจะได้ห่างจากยิหวา “ค่ะคุณท่าน คงอีกสักพัก ถึงจะย้ายตามลูกไป” ดารินเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ดี ว่าฐานิตาก็ต้องอยากให้ลูกชายของเขาได้ผู้หญิงที่ดีที่สุด “น้าดารินครับ ผมไม่เห็นยิหวาหลายวันแล้ว เธอไปไหน” ภาคินเก็บความอยากรู้และไม่สบายใจไว้ไม่ไหวแล้ว เขาตัดสินใจเข้ามาถามดารินตรงๆ “ยิหวาเขาออกไปอยู่ข้างนอกแล้วค่ะ แต่น้าก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เพราะเขาไม่ได้บอกไว้” ดารินไม่ได้โกหก เพราะลูกสาวของเธอไม่ได้บอกอะไร มากไปกว่า ว่าที่พักอยู่ใกล้กับที่ทำงาน “ทำไมต้องออกไปอยู่ข้างนอก
11ลาก่อน “เป็นอะไรไป หน้าซีดเชียว” ดารินเดินเข้ามาจับตัวลูกสาว เมื่อเห็ใบหน้าที่ซีดเซียว “แม่คะ ถ้าหนูหางานทำได้ เราไปอยู่ที่อื่นกันนะคะ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างไม่ทันระวัง ว่ามารดาจะสงสัยว่าอยู่ดีๆทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ จะให้แม่ทิ้งคุณท่าน ทิ้งป้าช้อยไปได้ยังไงกัน” ดารินหันไปทไหน้าดุใส่ลูกสาว “เดี๋ยวไม่มีเรา คุณท่านก็หาแม่บ้านใหม่มาทำงาน แม่จะอยู่เป็นคนใช้เขาไปตลอดชีวิตเหรอ” ยิหวาไม่รู้เหมือนกัน ทำไมเธอถึงกล้าพูดแบบนี้ ทั้งที่ดารินก็สอนเธอตั้งแต่เล็กจนโต ว่าให้รู้จักและสำนึกในบุญคุณของครอบครัวอรรถจิรานนท์ ที่ทำให้เธอกับแม่ มีที่ซุกหัวนอนอย่างเช่นทุกวันนี้ “ยิหวา มันเกิดอะไรขึ้นกันลูก คุณท่านเรียกลูกไปพูดเรื่องอะไร ทำไมถึงออกมาแล้วพูดจาแบบนี้” ดารินเลี้ยงลูกมา เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอ ไม่เคยคิดจะไปจากที่นี่ และอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มาพูดจาเอาจริงเอาจังแบบนี้ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ หนูไปรีดผ้าต่อนะคะ” นับตั้งแต่วันนั้นยิหวาก็พยายามหางานทำ เอาที่อยู่ไกลจากบ้านของภาคินให้มากที่สุด
10ปล่อยมือหรือเดินต่อ เมื่อไฟถูกปิดลง ความคิดถึงที่ทั้งคู่ต่างถวิลหากันมาเกือบสามปี ก็เหมือนพายุ ที่ถูกปลดปล่อยมาในทันที เสื้อผ้าถูกถอดออกจากเรือนร่างบางเล็กของยิหวา อย่างรวดเร็ว จนเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ปากหนาทั้งหอมทั้งจูบไปทุกส่วนของร่าง เหมือนเขาอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว “คุณภาคินคะ ยิหวาเจ็บนะ” หญิงสาวร้องบอกเขา เพราะเธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังช้ำไปทั้งตัว ไม่มีเสียงตอบจากคนที่กำลังรุกราน แต่เขากลับใช้ทั้งสองมือบีบเคล้นอกอวบขึ้นมาก่อนจะใช้ปากหนาทั้งเลียและดูด อย่างกระหาย จนเจ้าของอกกลมต้องบิดไปทั้งตัวด้วยความเสียวซ่าน ที่เธอไม่ได้สัมผัสมันมานานแสนนาน “อ่า...อื้อ......” หญิงสาวกลั้นเสียงครางไว้ไม่ไหวอีกต่อไป โคมไฟหัวเตียงถูกดับลง พร้อมกับความเป็นชายของเขา ที่เข้ามาอยู่ในกลีบชมพูอวบของหญิงสาว สะโพกกลมขยับตามจังหวะที่ชายหนุ่มคอยควบคลุม ให้เธอเคลื่อนไหวตามจังหวะ จากสายน้ำที่ไหลอย่างเชื่องช้า ก็เปลี่ยนเป็นทะเล ที่ถูกเกลียวคลื่นโหมกระหน่ำจน คนตัวเล็กต้องจิกเล็บสวยลงไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่