22
ความเข้าใจที่คงไม่สายจนเกินไป
คดียังคงรอฟังการตัดสินจากศาล ระหว่างนั้นทั้งสินชัยและมัทนาก็เดินทางไปเยี่ยมธิดาทุกวัน
ห่วงเดียวที่คนเป็นแม่มีอยู่คือมัทนา แต่การแสดงออกของพ่อเลี้ยงที่เปลี่ยนไปและการรับมัทนาเป็นลูกบุญธรรมตามกฎหมายก็ทำให้ธิดาสบายใจขึ้น ส่วนในเรื่องของการรับความผิดที่ได้กระทำธิดาทำใจได้แล้ว
ทุกอย่างถูกดำเนินการไปตามเส้นทางของกฎหมาย หนีอะไรก็หนีได้แต่ไม่มีใครหนีกรรมที่ตัวเองทำได้ทั้งนั้น
พ่อเลี้ยงสินชัยกลับมาบริหารบริษัทอีกครั้งหลังจากยุ่งเหยิงไปหมด ตั้งแต่ที่เขาแกล้งป่วย และตอนนี้เขาก็ได้สอนมัทนาให้เรียนรู้งานในบริษัท เพราะลูกสาวแท้ๆของเขาคงจะรักในการเป็นนายหญิงของเกาะมากกว่าการบริหารบริษัทของพ่อแน่ๆ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”
ปะการังยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างอ่อนน้อม แต่ก็ยังแอบมีกังวลกลัวว่าผู้ใหญ่ทั้งสองจะรู้สึกว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงใจง่าย ที่ยอมเป็นภรรยาของลูกชายของเขาโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน
“เจ้าของฝีมือทำขนมใช่ไหมจ๊ะ” ประภารับไหว้และพูดแซวลูกสะใภ้
“ค่ะ ขายเป็นอย่างไรบ้างคะ มัวแต่ยุ่งๆเรื่องที่บ้านเลยไม่ได้สอบถามมาเลย”
ปะการังยังไม่รู้เลยว่าผลตอบรับของขนมเธอเป็นอย่างไร เพราะหลังวันที่เอาขนมมาฝากขายตามร้าน ก็เกิดเรื่องขึ้น จนเธอลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“คุณพ่อเขาเอาไปฝากหลายร้าน แต่ละร้านก็ไม่กี่ถุง เห็นว่าแค่วันเดียวก็ขายกันหมด”
ประภาตอบด้วยรอยยิ้มเพราะเธอดีใจ ที่ลูกสะใภ้ของเธอไม่ใช่แค่สวย รวย แต่เธอยังเป็นคนเก่งและสู้งานเหมือนเธอสมัยสาวๆ
“เขาสั่งกันมาแล้วนะแต่คราวนี้พ่อให้เป็นการซื้อขาดไม่รับคืน ไว้สบายใจค่อยทำ ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อบอกลูกค้าทุกคนแล้ว และทุกร้านก็เข้าใจ”
สุธนหันมาอธิบายให้ลูกสาวคนใหม่ฟัง เพราะกลัวประภาจะพูดไม่ครบถ้วน ราชันหันไปสบตามารดาที่พ่อของเขาพูดเสียยาว ปกติกว่าพูดกับใครได้นี่แสนจะยาก
“วันนี้แม่ทำอาหารไว้หลายอย่าง ไว้รอต้อนรับนายหญิง แต่ไม่รู้จะอร่อยไหม เพราะดันมีลูกสะใภ้ทำอาหารเก่ง”
ทั้งราชันและปะการังต่างพากันหัวเราะให้กับพูดของประภา หญิงสาวไม่แปลกใจเลยทำไมราชันถึงเป็นคนที่มีความรักให้กับทุกคนในเกาะ เพราะเขาโตมาด้วยความรักที่แสนอบอุ่นแบบนี้นี่เอง
ทางผู้ใหญ่ของราชันพร้อมแล้วกับการไปสู่ขอหญิงสาวจากพ่อเลี้ยงสินชัย เหลือแต่ทางพ่อเลี้ยงจะนัดวันและเวลามา
“ให้มากันพรุ่งนี้เลยนะ พ่อแก่แล้วอยากมีหลานไวๆ”
พ่อเลี้ยงรู้ใจลูกสาว ว่าตอนนี้หัวใจของเธอมีแต่นายหัวอยู่ทั้งดวง เขาไม่อยากให้ลูกต้องรู้สึกผิดที่ทำทุกอย่างไม่ถูกต้อง
เมื่อถึงวันเวลาที่นัดหมายประภาและสุธนเดินทางมาสู่ของปะการังหรือปาฐิตา เพื่อมาเป็นลูกสะใภ้และมาดูแลเกาะต่อจากพวกเขาทั้งคู่
พ่อเลี้ยงสินชัยไม่มีปัญหาไม่เรียกร้องสินสอดใด ทุกอย่างแล้วแต่ทางฝ่ายชายจะเห็นสมควร
“ทุกคนคะ เรื่องงานแต่งงาน หนูกับนายหัวคุยกันว่าจะจัดที่เกาะ เป็นงานเล็ก ๆ ชวนแค่ญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้น เพราะตอนนี้บ้านเรากำลังมีเรื่องทุกข์ใจอยู่ ถ้าจะมาจัดงานรื่นเริงยิ่งใหญ่คงไม่เหมาะ”
ทุกคนเห็นด้วยกับปะการัง อีกทั้งบรรยากาศที่เกาะริมทะเลอันดามัน ก็เป็นสถานที่ ที่สวยงามและเป็นที่ที่ทั้งคู่ได้พบรักกัน
“ชุดแต่งงานน้องขอเป็นคนทำให้นะ”
มัทนาเธอมีความสามารถเรื่องการออกแบบเสื้อผ้าและตัดเย็บ ถึงแม้จะเรียนทางนี้ไม่จบ แต่ไม่ใช่เพราะความสามารถแต่เป็นเพราะเธอประชดที่ถูกแม่ส่งให้มาอยู่ไกล
“ขอบคุณมากนะมัท ชุดแต่งงานของพี่คงเป็นชุดที่สวยที่สุดแน่ เพราะน้องสาวตั้งใจทำให้กับมือ”
พ่อเลี้ยงสินชัยมองลูกสาวทั้งคู่คุยกัน เขาแอบน้ำตาไหลเพราะจริงๆแล้ว ทั้งสองก็ดูรักกันแบบนี้มาตั้งแต่แรก มีแต่ตัวเขา ที่พยายามจะดึงปาฐิตาให้ห่างจากมัทนาเพราะคิดว่าลูกสาวของเขาสูงส่งกว่า
“สินชัยหมดทุกข์หมดโศกสักทีนะ พ่อเลี้ยงโชคดีแค่ไหนได้มีลูกสาวถึงสองคน ถ้ามีหลานคนแรกต้องให้ทางฝั่งเราเลี้ยงนะ เพราะครอบครัวเรามีราชันแค่คนเดียว”
ทุกคนต่างพากันหันไปมองสุธน ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ เพราะตั้งแต่มาถึงเขาก็เอาแต่เงียบ จะพูดก็เฉพาะในส่วนที่สำคัญเท่านั้น
“ยังไม่ทันจะแต่งเลย มาจองหลานคนเดียวเสียแล้ว แบบนี้ไม่ยอมได้ไหม”
พ่อเลี้ยงสินชัยอดหัวเราะไม่ได้ ที่เห็นเสือพูดน้อยอย่าง สุธนถึงกับออกปากพูด คงกลัวทางเขาจะแย่งหลานมาเลี้ยงจริงๆ
“ใจเย็นๆกันนะคะทุกคน ตอนนี้มาช่วยกันคิดเรื่องงานแต่งดีกว่า ส่วนเรื่องเลี้ยงหลานจะมีให้เลี้ยงกันไม่ไหวเลยค่ะ”
ปะการังพูดสร้างสีสันให้กับวงสนทนา ทั้งที่ความจริงถ้าเธอมีลูกคงไม่ยอมให้ทั้งปู่และตาเลี้ยงแน่ๆ เพราะสำหรับเธอลูกควรได้อยู่กับพ่อกับแม่ ยกเว้นตอนเข้าโรงเรียนคงต้องคิดอีกที
หลังจากที่เสร็จสิ้นธุระจากการพูดคุยเรื่องของการสู่ขอและงานแต่งของทั้งสองคน พ่อเลี้ยงสินชัยก็เตรียมอาหารไว้ต้อนรับทุกคน
บ่ายวันนี้มัทนาและปะการังนัดกันที่จะไปบอกข่าวนี้กับธิดา เพราะอยากให้เธอร่วมยินดีด้วยและทั้งคู่อยากจะเอาหลักฐานการโอนหุ้นส่วนของบริษัทครึ่งหนึ่งให้กับมัทนาไปให้ธิดาดู มันจะได้ทำให้เธอสบายใจ ว่าพ่อเลี้ยงสินชัยทำตามที่รับปากไว้
“น้ายินดีด้วยนะ ชีวิตแต่งงานมันไม่ใช่จุดจบของความรักแต่มันคือการเริ่มต้นในอีกแบบ น้าขอให้หนูทั้งคู่มีความสุขและรักกันตลอดไป”
ธิดาอวยพรด้วยความจริงใจ เพราะตัวเธอเองก็ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่จึงไม่อยากให้ใครต้องเป็นอย่างเธอ
“แม่คะพ่อเลี้ยงโอนหุ้นครึ่งหนึ่งของบริษัทให้กับหนูแล้ว ส่วนหุ้นในโรงพยาบาลให้เป็นของพี่ปลา”
มัทนายื่นหลักฐานให้มารดาดู เพราะถ้าบอกแค่เพียงคำพูด ไม่มีทางที่แม่ของเธอจะสบายใจ
“ฝากขอบคุณพ่อเลี้ยงด้วยนะ ที่รักษาสัญญา ถ้าบุญยังมีต่อกัน คงมีสักวันที่แม่จะได้กลับไปตอบแทน”
ศาลยังไม่ตัดสินแต่ธิดาก็คิดว่าโทษของเธอคงไม่เบาแน่ๆและตอนนี้อายุของเธอกับพ่อเลี้ยงก็ไม่ใช่น้อย จึงไม่อยากจะหวังว่าจะมีโอกาสได้กลับไปอยู่ด้วยกันอีก
“คุณน้าดูผอมไปมากนะคะ ไม่สบายหรือเปล่า”
ใบหน้าที่ซูบซีดของคนที่เคยเปล่งปลั่ง ทำให้ปะการังอดเป็นห่วงไม่ได้
“น้าไม่ได้เป็นอะไรหรอก เพียงแต่อยู่ที่นี่อาหารมันก็ไม่ใช่จะเลือกได้เหมือนอยู่ข้างนอก มันก็เลยผอมลง ไม่ต้องห่วงนะ ทำใจได้แล้ว ทั้งสองคนก็ดูแลตัวเองกันให้ดี ดูน้าไว้เป็นบทเรียนอย่าปล่อยให้ความชั่วมันเอาชนะความดีในใจของเราได้”
สองคนพี่น้องต่างมองหน้าและจับมือกัน ปะการังเธอให้อภัยในสิ่งที่ธิดาทำกับเธอและเรื่องนี้มัทนาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
คืนนี้ปะการังนอนที่บ้านของเธอส่วนราชันเองก็กลับไปนอนที่บ้านของเขา พรุ่งนี้ทั้งคู่จะออกเดินทางกลับเกาะพร้อมกันเพื่อไปเตรียมงานแต่งงาน
“ป้านภาคะ ไม่ต้องจัดห้องให้หนูนะ คืนนี้ปลาจะนอนกอดพ่อทั้งคืน”
นานเป็นเดือนแล้วที่เธอกับพ่อไม่ได้นอนกอดกันเหมือนเคย ถึงปาฐิตาจะโตเป็นสาวแค่ไหน เธอก็ชอบแอบมานอนกับสินชัย หรือไม่ก็เรียกพ่อให้ไปนอนด้วย และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธิดาน้อยใจ
23เกาะคือบ้านของเธอ “ปลาฝากป้านภากับมัทดูแลพ่อด้วยนะคะ ไปคราวนี้คงไม่นานเพราะคงต้องขึ้นมาซื้อของไปเตรียมงานแต่งแล้วเจอกันนะค” ปะการังหอมแก้มบิดาและป้านภาก่อนจะหันไปกอดน้องสาวต่างสายเลือด “รีบทำชุดพี่นะอีกไม่กี่วัน” “เสร็จทันแน่นอนค่ะ และจะเป็นชุดเจ้าสาวที่สวยที่สุดแน่ๆ” การเดินทางไปเกาะครั้งนี้หญิงสาวรู้สึกโล่งใจ เหมือนตัวเธอได้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง “วันนี้คุณกลับมาเป็นปาฐิตาแล้วนะ ต่อไปผมจะเรียกคุณว่าปลาหรือปะการังดี” นายหัวแซวอนาคตเจ้าสาวเพราะตอนนี้เขาก็เริ่มสับสนแล้ว ว่าจะเรียกภรรยาตัวเองว่าอะไรดี “เอาเป็นว่าชื่อ ปะการัง ปาฐิตา ปลา ทุกชื่อเลยค่ะ เอาไว้เวลาเบื่อชื่อนี้ก็ไปเรียกอีกชื่อ” ความจริงแล้วหญิงสาวไม่ได้สนใจกับเรื่องชื่อเท่าไหร่ เพราะจะชื่อไหนเธอก็คือเธอคนเดิม “เจ้าสาวของผม ผมเริ่มยาวแล้ว แต่จะทันงานแต่งไหมนะ” ราชันแซวเพราะส่วนมากเคยเห็นแต่เจ้าสาวผมยาวแต่ตอนนี้ผมของปะการังยังยาวเลยติ่งหูมาแค่นิดเดียว“ยาวไม่ทันก็ไม่เห็นเป็นไร คนสวยผมสั้นแค่ไหนก็สวย หรือนายหัวจะเถียงว่าไม่จริง
24งานวิวาห์ทะเลอันดามัน วันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง มณีและมัทนาที่เดินทางจากฝั่งมายังเกาะเพื่อจัดงานแต่งงานให้กับพี่สาวด้วยตัวเอง พิธีช่วงเช้าเสร็จสิ้นไปแล้ว ที่เกาะไม่มีวัดจึงต้องไปนิมนต์พระมาจากวัดที่ฝั่ง เพื่อทำพิธีให้ถูกต้อง ส่วนในงานกินเลี้ยงช่วงกลางคืน ทุกคนต่างก็พากันลุ้น ว่าคืนนี้ฟ้าฝนจะเป็นใจไหม เพราะมันเป็นช่วงฤดูมรสุมเข้าพอดี แขกที่ถูกเชิญมาในงานมีไม่ถึงยี่สิบคน งานกินเลี้ยงก็เป็นแบบสบายๆ มีโต๊ะอาหาร และเก้าอี้สำหรับคนที่เกาะมาร่วมงาน กับข้าวที่ทำก็เป็นแบบบริการตัวเอง ป้าแก้วรับผิดชอบเรื่องขอคาว มณีรับเรื่องของหวาน ส่วนชาวบ้านท้ายเกาะก็เตรียมบาบีคิวมาย่างเป็นหลายร้อยไม้ “ในวันนี้เป็นวันที่ทุกคนเฝ้ารอมาแสนนาน นายหัวของเราจะมีเมียแล้ว” เพื่อนสนิทของราชันทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงานให้พูดด้วยความดีใจ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา เพื่อนๆทุกคนต่างก็ไม่เคยคิดว่าราชันจะมีครอบครัว “ขอให้ท้องฟ้า ดวงดาว พระจันทร์ หาดทราย และท้องทะเลอันดามันแห่งนี้ ร่วมเป็นพยานให้กับความรักของทั้งคู่ เพื่อแสดงว่าทั้งสองตกลงเป็นสามีภรรยากันแล้ว เ
1ค่ำคืนที่บ้านไม่มีใครอยู่ “คุณภาคินคะเป็นอะไรทำหน้าเศร้าแบบนี้” ยิหวาสาวน้อยหุ่นดี ที่ถูกครอบครัวของภาคินช่วยเหลือเธอกับแม่ไว้ “ฉันต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ” คนตอบหันมามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาที่ดูมีความเศร้าอยู่ในนั้น “ก็ดีสิคะ ได้ไปเรียนถึงต่างประเทศ ไม่เห็นต้องเศร้าเลยค่ะ” ยิหวาไม่เข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มตรงหน้า “ยิหวาไม่เข้าใจหรอก ถ้าฉันไปเรียนที่นั่นต้องไปหลายปี และระหว่างนั้นอาจจะไม่ได้กลับมาจนกว่าจะเรียนจบ” ภาคินเข้าใจดี ว่ายิหวาไม่เข้าใจ เธอคงคิดว่าไปแค่ไม่กี่เดือน และคงได้กลับบ้านมาเรื่อยๆ “ไปนานจังค่ะ คิดถึงแย่เลย” สาวสวยพูดอย่างใสซื่อ “จริงเหรอ ถ้าฉันไปอยู่ที่นู่นเธอจะคิดถึง” สายตาที่ชายหนุ่มอายุมากกว่ายิหวาถึงสี่ปี มองจ้องเธอเป็นสายตาที่หญิงสาวยังไม่เคยถูกใครมองแบบนี้ มันทำให้หัวใจของยิหวารู้สึกเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก “จริงสิคะ ยิหวาเกิดมาก็เจอคุณแล้ว ถ้าต้องไม่เจอกันนานแบบนั้นก็ต้องคิดถึงอยู่แล้ว” ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก ยิหวาก็อยู่ที่บ้านของตระกูลอรรถจิรานน
2รสรักที่ไม่ได้ตั้งใจ “ยังไม่เห็นจัดอะไรเลย คุณภาคินนี่ยังไงคะ ทำเหมือนไม่อยากไปอยู่บ้านใหม่” ยิหวาเห็นข้าวของทุกอย่าง ยังถูกจัดวางเป็นระเบียบ ไม่เหมือนภาพที่เธอคิดไว้ ว่ามันคงจะมีข้างของอยุ่ในกล่อง ที่ถูกวางไว้เต็มห้อง “มานี่ มาดูภาพเก่าๆกัน” ชายหนุ่มกวักมือเรียกหญิงสาวให้ตามเขาขึ้นไปนั่งบนที่นอน “จะนั่งข้างล่างทำไม ขึ้นมานั่งข้างๆฉันนี่ มาดูบนนี้” ภาคินตีมือหนาไปที่ที่นอน “ไม่ค่ะ ยิหวาจะนั่งตรงนี้” หญิงสาวปฏิเสธ “ถ้าเธอไม่ขึ้นไป ฉันจะลงไปนั่งข้างล่างกับเธอนะ” ชายหนุ่มขู่ “ก็ได้ค่ะ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็คงดีกว่าการ ให้เจ้านายของเธอต้องลงมานั่งบนพื้น “ดูรูปนี้สิ ยิหวาเธอไม่ใส่กางเกง เห็นแต่กางเกงใน” ชายหนุ่มหยิบภาพมาดูจดแทบจะติดใบหน้า “ทำไมต้องดูใกล้แบบนั้นคะ” ยิหวาพยายามจะแย่งรูปจากมือ “ก็จะดูว่ามีอะไรอยู่ในกางเกงใน” หญิงสาวกระโจนใส่ภาคินอย่างสุดตัว เพื่อหวังจะแย่งรูปในมือ แต่กลายเป็นว่า เธอกำลังพาตัวเอง ไปอยู่ในอ้อมกอดเขา อย่างไม่ได้ตั้งใจ “อ
3ความไกลห่าง ไม่นานภาคินก็เข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่เต็มตัว ความเป็นสัดเป็นส่วนตัว ไม่มีใครมายุ่งยากกับชีวิตเขา ทำให้ชายหนุ่มเรียกหายิหวาอยู่บ่อยๆ “คอยฉันนะ เรียนจบกลับมาฉันจะบอกเรื่องนี้กับคุณแม่คุณพ่อ” ภาคินเขาสัญญากับลูกสาวคนใช้ ที่เขารู้สึกทั้งรักทั้งผูกพัน ชายหนุ่มกลัวหญิงสาวไม่เชื่อใจ และจะมอบหัวใจให้คนอื่นไปเสีย เมื่อเขาไม่อยู่ “ยิหวาจะคอยคุณค่ะ แต่ลูกคนใช้ไม่กล้าหวังอะไรมากไปกว่าการที่คุณจะไม่ลืม ว่ายิหวารักคุณมากแค่ไหน” ความเจียมตัว ทำให้สาวน้อยไม่กล้าหวังที่จะเป็นอะไรมากกว่า เมียเก็บที่มีเพียงเขาและเธอรู้เท่านั้น “เธอดูถูกความรู้สึกของฉันมากไปแล้ว ถ้าฉันมองเธอไร้ค่า คงไม่รักเธอแบบนี้ เธอคือเมียฉันจำไว้นะ” มือหนาชายคางแหลม ของคนที่เขาเพิ่งเรียกว่าเมีย ปาหยักหนาค่อยๆก้มลงไปทาบทับ ก่อนที่ปากเล็กจะอ้ารับลิ้นสาก ที่กำลังต้องการเข้าไปสาละวนในปากเล็กของเธอ เตียงนอนขนาดหกฟุต ที่กว้างเกินไปสำหรับนอนคนเดียว ยิหวาจึงถูกเรียกมาหาเกือบทุกคืน โดยที่ไม่มีใครในบ้านสงสัย เพราะทั้งคู่สนิทสนมกันตั้งแต่เด็กๆ
4 คิดถึงและรอคอย เกือบเดือนแล้วที่ภาคินเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่มีวันไหนที่ยิหวาไม่คิดถึงเขา ยังโชคดีที่การติดต่อสื่อสาร ในสมัยนี้ทำได้ง่าย ทุกวันภาคินจะโทรไลน์มาหายิหวา บอกเล่าว่าแต่ละวันเขาทำอะไรบ้าง “วันนี้ที่เมืองไทยฝนตกด้วยค่ะ ที่อเมริกาอากาศเป็นอย่างไรบ้างคะ” ยิหวามักจะแอบรับสาย ในที่ที่เธอคิดว่าจะไม่มีใครเห็นและได้ยิน “อากาศเย็นสบาย ไม่หนาวมากเกินไป แต่อยากให้เธอกอดจัง” ชายหนุ่มปากหวาน หยอดคำหวานให้คนที่รออยู่ทางนี้ ยิ้มได้ แม้มันจะเป็นแค่คำพูด ของคนที่อยู่ห่างไกลกัน “คิดถึงคุณจังค่ะ” ในใจมีคำมากมายที่อยากเล่า อยากบอก แต่มันพูดได้แค่คำว่าคิดถึงเท่านั้น “อดทนนะ นี่แค่เดือนเดียวเอง อีกตั้งนานกว่าเราจะได้กลับไปเจอกัน” ยิหวาสัญญากับคนไกลทุกวัน ว่าเธอจะรอเขา ไม่ยอมให้ชายใด มีโอกาสเข้ามาใกล้ทั้งตัวและหัวใจของเธอ หลายครั้งที่หญิงสาว อยากขอคำสัญญาจากอีกฝ่ายบ้าง แต่หัวใจและสมอง มันก็คอยเตือนเธอ ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ “ยิหวาไปไหนมาลูก” ดาร
5วันที่รอคอย “เป็นไงกันบ้าง ทิ้งให้อยู่กันสามคนมาเสียหลายวัน” ฐานิตาทักทาย ทุกคนในบ้านที่พากันมานั่งรอเธอและสามีที่ห้องรับแขก “คิดถึงคุณท่านทั้งสอง ป้านอนไม่หลับเลย” ป้าช้อยพูดก่อนใคร เพราะหญิงวัยเกินครึ่งชีวิต นอนไม่หลับอย่างที่บอกจริงๆ เอาแต่เป็นห่วงคุณท่านทั้งสอง “ป้าช้อย ฉันกลับมาแล้ว คืนนี้นอนหลับให้สนิทเลยนะ พรุ่งนี้ฉันยอมให้ตื่นสายได้หนึ่งวัน” นายหญิงของบ้าน ส่งยิ้มอย่างใจดีให้ป้าช้อย แม่บ้านเก่าแก่ของบ้าน ที่อยู่กับฐานิตามาตั้งแต่เธอแต่งงานกับคณินใหม่ๆ “แยกย้ายกันไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีของฝากสำหรับทุกคน” เกือบเที่ยงคืนแล้ว กว่าที่ทั้งสองคนจะเดินทางมาถึง แต่ทุกคนในบ้านก็ตั้งตารอคอย “ยิหวา อย่าเพิ่งไป อยู่คุยกับฉันก่อน”นายหญิงของบ้านเรียกเด็กสาวที่ทำท่าเหมือนกำลังอยากได้ยินข้อความที่จะถูกฝากมาจากแดนไกล“ภาคินเขาฝากขอบคุณมานะสำหรับผ้าพันคอ”คนพูดเหมือนแค่เพียงเกริ่นเท่านั้น แต่จริงๆแล้วเธอกำลังจะพูดอะไรมากกว่านั้น“ยิหวา เธอเป็นเด็กที่น่ารัก เรียนเก่ง และเป็นเด็กดีมาตลอด เธอไม่เคยทำให้ฉันผ
6 ครั้งแรกในรอบสามปี “แม่คะ ยิหวาขอไม่ยกอาหารไปได้ไหมค่ะ รู้สึกไม่ค่อยสบายกลัวไปเดินทำหกทำหล่น” หญิงสาวรับหน้าที่จัดเตรียมแต่ไม่ของยกอาหารไปจัดวางที่โต๊ะ “เดี๋ยวแม่จัดการเอง จัดใส่จานใส่ชามให้เรียบร้อย แล้วไปกินยานอนเลย” ดารินเห็นหน้าของลูกสาวดูซีดเซียวเหมือนคนไม่มีเลือด เธอก็เชื่อว่ายิหวาคงไม่สบายจริงๆ “คิดถึงกับข้าวฝีมือป้าช้อยกับน้าดารินจังเลยครับ” ภาคินกลับมาคราวนี้รูปหล่อกว่าเดิมมาก และที่สำคัญดูพูดเก่งกว่าแต่เดิมมาก “คิดถึงก็กินเยอะนะคะ น้าทำแต่ของชอบคุณภาคินทั้งนั้น ป้าช้อยเองก็นั่งทำขนมบัวลอยตั้งแต่เช้า กลัวจะไม่ทันคุณภาคินมา” ดารินมีฝีมือด้านทำกับข้าว ส่วนป้าช้อยเองก็ถนัดเรื่องทำขนม “ตั้งแต่มาผมยังไม่เห็นยิหวาเลย ไม่อยู่เหรอครับ” เพ้ง! เมื่อสิ้นคำถามของลูกชาย ฐานิตาถึงกับทำช้อนหลุดจากมือ “คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ลูกชายถามเพราะตกใจเสียงช้อนกระทบจาน “เปล่าลูก กินข้าวกันเถอะ” ฐานิตาหันมาขยิบตาให้ดารินเดินเข้าครัวไป “น้าดารินครับ
18อบอุ่นพร้อมหน้า “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปฝากท้องนะ” ภาคินเดินประคองพาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เข้าไปในบ้านที่เข้าตั้งใจไว้เพื่อเป็นบ้านของครอบครัวที่น่ารักของเขา “วันนี้ยิหวาไม่ต้องแอบเหมือนทุกๆครั้งที่มาที่นี่” คำพูดของหญิงสาว ทำให้ภาคิน สำนึกได้ว่าที่ผ่านมา เขาไม่เป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่เขารัก ทำเหมือนเธอเป็นสิ่งไร้ค่า พอถึงเวลาที่เสียไป เขาถึงเพิ่งรู้ว่าเธอมีค่าแค่ไหน “ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มีค่า เรามาเริ่มต้นจุดเทียนกันใหม่ แต่เทียนเล่มนี้ จะมีทั้งความรักและความอบอุ่น เป็นกำบังคอยป้องกันทุกอย่าง ที่จะมาทำให้เทียนแห่งรักนี้ดับลง ฉันสัญญาจะรักและดูแลเธอกับลูกไปตลอดชีวิต” หญิงสาวเชื่อทุกคำที่ภาคินพูด เพราะทุกอย่างที่เขาทำในเวลานี้ มันเป็นบทพิสูจน์แล้ว “ขอบคุณนะคะ ที่ทำทุกอย่างเพื่อยิหวากับลูก” บ้านหลังนี้ ที่ภาคินเคยคิดว่ามันใหญ่เกินไป เพราะมีถึงสี่ห้องนอน แต่ตอนนี้ มันจะเหลือว่างแค่เพียงสองห้อง เพราะอีกห้องต้องเตรียมไว้ สำหรับลูกของเขาที่กำลังจะเกิดมา ศศิวัฒน์กลับไป
17เผชิญหน้ากับทุกปัญหา “ภาคินลูกไปไหนมาทั้งวัน คุณพ่อก็อีกคนยังไม่กลับมาเลย” ฐานิตาลุกออกจาโซฟา เดินมาหาลูกชายที่หน้าประตูบ้าน “ผมไปรับภรรยาผมกลับบ้านครับ” ภาคินยิ้มมุมปาก “ภรรยา ลูกหมายความว่าอะไร” ฐานิตายืนมองหน้าลูกชาย เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ภาคินพูด แต่มันต้องเป็นเรื่องที่เธอจะต้องไม่ชอบใจแน่ๆ “สวัสดีค่ะคุณท่าน” ยิหวาเดินตามหลังภาคินเข้ามา “หมายความว่ายังไง ที่ภาคินบอกว่าพาภรรยามา” ฐานิตายืนถลึงตาด้วยความไม่พอใจ“นี่ค่ะ ทะเบียนสมรสเราเพิ่งไปจดกันมา เมื่อช่วงบ่ายนี่เอง”ยิหวายื่นกระดาษในมือของเธอ ให้มารดาของภาคินดู เพื่อให้เธอได้เห็นชื่อชัดๆว่าใครสมรสกับใคร“ไม่จริ๊ง ไม่จริง ภาคินลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม”ฐานิตาเดินตามทั้งคู่เข้ามาในบ้าน โดยครั้งนี้ยิหวา ไม่ได้นั่งข้างล่างเหมือนแต่ก่อน เธอนั่งบนโซฟาข้างๆสามีของเธอ“ลูกจะต้องแต่งงานกับหนูลิตาเท่านั้น ” ฐานิตากระแทกเสียง“ก็ได้นะคะ ถ้าคุณลิตาจะยอมเป็นเมียน้อย” ยิหวาต่อปากต่อคำ“ยิหวา ฉันหลงคิดว่าเธอมันเป็นเด็กดี ที่แท้ก็ไม่ต่างอะไรกับแม่ของเธอ”ฐานิตาลืมตัว
16ตามหัวใจคืน “ยิหวา เธอหลบหน้าฉันทำไม” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อจำได้ว่าเสียงที่กำลังเรียกชื้อเธอนั้นคือใคร “คุณภาคิน คุณมาที่นี่ได้ยังไง”หญิงสาวพยายามดึงมือที่จับแขนเธอไว้แน่น แต่มันไม่ขยับเลย“เปิดประตูแล้วเข้าไปคุยกันในห้อง อยากมายืนเถียงกันให้อายคนอื่นเหรอ”ภาคินเคล้นเสียงหนักแน่น แต่เบาเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน“คุณจะตามฉันมาทำไม”ยิหวาตวาดเสียงแหลมใส่หน้าชายหนุ่มทันที เมื่อประตูถูกปิดลง“ก็เพราะเธอหนีออกมาแบบนี้ไง”ภาคินคว้าแขนเล็กไว้และดึงร่างบางอย่างแรง จนหญิงสาวแทบจะเซล้ม“ฉันไม่ได้หนีคุณ แล้วทำไมต้องหนี การที่ฉันจะไปอยู่ที่ไหนทำอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลย เราก็เป็นแค่อดีตเจ้านายกับลูกสาวคนรับใช้แค่นั้น”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดอะไรต่อ ชายหนุ่มก็ปิดปากของเธอด้วยปากของเขา สองมือหนาประคองใบหน้ารูปไข่ไว้ในมืออย่างทะนุถนอม“พอ หยุดเถอะ ฉันรักเธอ ยิหวา ได้ยินไหมฉันรักเธอ” ชายหนุ่มดึงหญิงสาวมากอดไว้ แล้วพูดอยู่ซ้ำๆแบบนั้น“คุณรักฉันไม่ได้ค่ะ คนที่คุณควรรักคือคุณลิตา เขาคือคนที่คุณกำลังจะแต่งงานด้วย”หญิงสาวกัดฟันพูดด้วยความแค้น เธอพูดทุกถ้อยคำช้าๆแ
15พบกันครั้งแรก “เราว่าแกไม่ต้องตามหาลูกสาวแล้วแหละ” คณินพูดเมื่อสายตาของเขาหันไปเห็นผู้หยิงสองคนที่เขาคุ้นเคยในร้านอาหารข้างๆ“ดาริน”ศศิวัฒน์มองตามสายตาของเพื่อนที่มองไปยัง ร้านอาหารอีกร้านที่อยู่ข้างกัน มีเพียงแค่ทางเดินเล็กๆในห้างกั้นอยู่“นานแล้ว แกยังจำได้อยู่อีกเหรอ” คณินแปลกใจที่เพื่อนของเขายังจำคนรักเก่าได้อยู่ ทั้งที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันยี่สิบกว่าปี“ฉันไม่ได้ยังจำได้ แต่ฉันไม่เคยลืมต่างหาก” ศศิวัฒน์พูดจากหัวใจเราเข้าไปคุยกับทั้งคู่ตอนนี้คงไม่ดี เดี๋ยวเราว่ารอให้ ดารินกับยิหวาต้องแยกกันกลับบ้าน เรารอคุยกับยิหวาคนเดียวจะดีกว่าคณินเสนอความคิดเห็น และศศิวัฒน์ก็เห็นด้วย เพราะเขาไม่แน่ใจว่าดารินจะยังอยากเจอหน้าเขาอยู่ไหมในที่สุดสองคนแม่ลูกก็แยกกัน ดารินลงไปชั้นล่างเพื่อขึ้นรถกลับ ส่วนยิหวาเดินแยกไปทางร้านขายเครื่องเขียน“ยิหวา” คณินเรียกหลังจากเดินตามหญิงสาวไป“ยิหวา นี่ศศิวัฒน์เพื่อนของฉัน” คณินแนะนำเพียงเท่านี้ก่อน“สวัสดีค่ะคุณศศิวัฒน์” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมนี่เป็นครั้งแรก ที่ศศิวัฒน์ได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกสาวของเขา แบบตัวเป็นๆ และเธอก็มีหน้าตาที่เหมือน
14ความลับ “แกยังจำดารินได้ไหม” คณินเริ่มเข้าเรื่อง “จำได้สิ ผู้หญิงที่ฉันรักทั้งคนนะ แล้วแกถามถึงทำไม แกเจอดารินเหรอ” ศศิวัฒน์ทำท่ากระตือรือร้นอยากรู้ “อืม...เจอทุกวันเลย เจอมาหลายปีแล้วด้วย” คนตอบไม่พูดตรงๆ “หมายความว่าอะไรวะ คณินแกจะมายียวนเพื่ออะไร มีอะไรเกี่ยวกับดาริน แกพูดมาให้หมดเลย” ศศิวัฒน์รักและจริงใจกับดาริน เขาต้องการจะให้เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องกับเขา แต่ทุกอย่างก็พังลง เมื่อมารดาของเขาประกาศผ่านสื่อ ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวชั้นสูง ตั้งแต่นั้นมาศศิวัฒน์ก็ไม่เจอดารินอีกเลย “ดารินเขาอยู่ที่บ้านฉัน ตั้งแต่ที่แม่แกประกาศว่าแกจะแต่งงานนั่นแหละ” คณินเริ่มเล่า “เฮ้ย! แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน แกรู้ไหมคณินว่าฉันตามหาดารินจนแทบบ้า” ศศิวัฒน์ขึ้นเสียง “ดารินเขาขอฉันไว้ เขาบอกถ้าฉันบอกแก เขาก็จะพาลูกในท้องหนีไปที่อื่น ฉันสงสารเด็ก” “ลูกในท้อง” ศศิวัฒน์พูดทวนคำพูดของเพื่อน เพราะเขาไม่เคยรู้เลย ว่าดารินท้อง “ใช่ ดารินเขาท้อง” คณินเน้นย้ำ เพราะหวังว่าเพื่อนจะพอเข้าใจ ว่าเรื่องราว
13ตามหา หนึ่งเดือนแล้ว ที่ภาคินไม่ได้เจอไม่ได้คุยไม่ได้ข่าวอะไรของหญิงสาวที่เขาสุดแสนจะคิดถึง ชายหนุ่มคิดถึงครั้งที่เขาไปเรียนอยู่อเมริกา เขาก็เคยทำกับเธอแบบนี้ เธอคงทั้งเจ็บทั้งเสียใจ ไม่ต่างกับเขา “คุณรู้ไหม ภาคินไม่ไปทำงานหลายวันแล้ว ผมถามหนูลิตา เธอก็บอกว่า ภาคินดื่มหนักเกือบทุกคืน” คณินทำงานที่เดียวกับลุกชายและลลิตา เขาถึงมีโอกาสได้สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกชาย “คุณคิดว่ายังไงคะ” ฐานิตาไม่เข้าใจ ว่าสามีต้องการจะบอกอะไร “ผมว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ข้างนอกแบบนี้ มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ ลูกชายเราเป็นแบบนี้ คุณคิดว่า คนอย่างหนูลิตาเขาจะอยากฝากชีวิตไว้ด้วยเหรอ” ฐานิตาเห็นด้วยกับคำพูดของสามี แต่เธอก็ไม่สามารถจะยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างลูกชายเธอกับคนงานในบ้านได้ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่สงสารลูกนะ แต่คุณจะให้ฉันยอมรับลูกคนรับใช้มาเป็นสะใภ้ ฉันทำใจไม่ได้หรอก” “คุณรังเกียจยิหวา เพียงเพราะมันเป็นลูกสาวคนใช้ใช่ไหม และถ้าสมมุติว่าวันนึง ลูกสาวคนใช้กลายเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของข้าราชการระดับสูงในบ้านเมืองเร
12เริ่มต้นชีวิตใหม่ หญิงสาวออกไปอยู่ข้างนอก โดยที่เธอบอกทุกคนยกเว้นภาคิน ฐานิตาเห็นด้วย เพราะเธอคิดว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ที่อื่น ลุกชายของเธอ น่าจะลืมเธอได้อีกไม่นาน และคงยอมที่จะแต่งงานกับลลิตา “ดาริน ถ้าเธอจะออกไปอยู่กับลูกสาวก็ได้นะ แต่ฉันขอเวลาหาคนใหม่มาแทนก่อน ส่วนป้าช้อยก็ให้แกอยู่ที่นี่ต่อเถอะ อย่าเอาแกไปลำบากด้วยเลย” ฐานิตาถึงจะรู้สึกเสียดายดาริน เพราะอยู่ด้วยกันมานานจนรู้ใจ แต่ก็ต้องยอมแลกกับการที่ลุกชายของเธอจะได้ห่างจากยิหวา “ค่ะคุณท่าน คงอีกสักพัก ถึงจะย้ายตามลูกไป” ดารินเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ดี ว่าฐานิตาก็ต้องอยากให้ลูกชายของเขาได้ผู้หญิงที่ดีที่สุด “น้าดารินครับ ผมไม่เห็นยิหวาหลายวันแล้ว เธอไปไหน” ภาคินเก็บความอยากรู้และไม่สบายใจไว้ไม่ไหวแล้ว เขาตัดสินใจเข้ามาถามดารินตรงๆ “ยิหวาเขาออกไปอยู่ข้างนอกแล้วค่ะ แต่น้าก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เพราะเขาไม่ได้บอกไว้” ดารินไม่ได้โกหก เพราะลูกสาวของเธอไม่ได้บอกอะไร มากไปกว่า ว่าที่พักอยู่ใกล้กับที่ทำงาน “ทำไมต้องออกไปอยู่ข้างนอก
11ลาก่อน “เป็นอะไรไป หน้าซีดเชียว” ดารินเดินเข้ามาจับตัวลูกสาว เมื่อเห็ใบหน้าที่ซีดเซียว “แม่คะ ถ้าหนูหางานทำได้ เราไปอยู่ที่อื่นกันนะคะ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างไม่ทันระวัง ว่ามารดาจะสงสัยว่าอยู่ดีๆทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ จะให้แม่ทิ้งคุณท่าน ทิ้งป้าช้อยไปได้ยังไงกัน” ดารินหันไปทไหน้าดุใส่ลูกสาว “เดี๋ยวไม่มีเรา คุณท่านก็หาแม่บ้านใหม่มาทำงาน แม่จะอยู่เป็นคนใช้เขาไปตลอดชีวิตเหรอ” ยิหวาไม่รู้เหมือนกัน ทำไมเธอถึงกล้าพูดแบบนี้ ทั้งที่ดารินก็สอนเธอตั้งแต่เล็กจนโต ว่าให้รู้จักและสำนึกในบุญคุณของครอบครัวอรรถจิรานนท์ ที่ทำให้เธอกับแม่ มีที่ซุกหัวนอนอย่างเช่นทุกวันนี้ “ยิหวา มันเกิดอะไรขึ้นกันลูก คุณท่านเรียกลูกไปพูดเรื่องอะไร ทำไมถึงออกมาแล้วพูดจาแบบนี้” ดารินเลี้ยงลูกมา เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอ ไม่เคยคิดจะไปจากที่นี่ และอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มาพูดจาเอาจริงเอาจังแบบนี้ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ หนูไปรีดผ้าต่อนะคะ” นับตั้งแต่วันนั้นยิหวาก็พยายามหางานทำ เอาที่อยู่ไกลจากบ้านของภาคินให้มากที่สุด
10ปล่อยมือหรือเดินต่อ เมื่อไฟถูกปิดลง ความคิดถึงที่ทั้งคู่ต่างถวิลหากันมาเกือบสามปี ก็เหมือนพายุ ที่ถูกปลดปล่อยมาในทันที เสื้อผ้าถูกถอดออกจากเรือนร่างบางเล็กของยิหวา อย่างรวดเร็ว จนเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ปากหนาทั้งหอมทั้งจูบไปทุกส่วนของร่าง เหมือนเขาอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว “คุณภาคินคะ ยิหวาเจ็บนะ” หญิงสาวร้องบอกเขา เพราะเธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังช้ำไปทั้งตัว ไม่มีเสียงตอบจากคนที่กำลังรุกราน แต่เขากลับใช้ทั้งสองมือบีบเคล้นอกอวบขึ้นมาก่อนจะใช้ปากหนาทั้งเลียและดูด อย่างกระหาย จนเจ้าของอกกลมต้องบิดไปทั้งตัวด้วยความเสียวซ่าน ที่เธอไม่ได้สัมผัสมันมานานแสนนาน “อ่า...อื้อ......” หญิงสาวกลั้นเสียงครางไว้ไม่ไหวอีกต่อไป โคมไฟหัวเตียงถูกดับลง พร้อมกับความเป็นชายของเขา ที่เข้ามาอยู่ในกลีบชมพูอวบของหญิงสาว สะโพกกลมขยับตามจังหวะที่ชายหนุ่มคอยควบคลุม ให้เธอเคลื่อนไหวตามจังหวะ จากสายน้ำที่ไหลอย่างเชื่องช้า ก็เปลี่ยนเป็นทะเล ที่ถูกเกลียวคลื่นโหมกระหน่ำจน คนตัวเล็กต้องจิกเล็บสวยลงไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่