Share

บทที่ 3 ทำตัวเกียจคร้าน

Author: sanvittayam
last update Last Updated: 2024-12-30 14:43:36

บทที่ 3

ทำตัวเกียจคร้าน

ตกเย็นภายในจวนเหลือเพียงจ้าวเยว่กับบรรดาบ่าวไพร่ เนื่องจากท่านพ่อท่านแม่ พากันไปงานเลี้ยงที่จวนท่านเซียวโหวกัน­หมด รวมทั้งพี่ชายทั้งสองของนางด้วย ดังนั้นหญิงสาวจึงทำ­ตัว­ราวกับว่าตนเองเป็นกระต่ายที่ออกจากโพรง มาเที่ยวเล่นอย่าง­สนุกสนาน

เริ่มจากตอนกลางวัน แอบหนีออกจากจวนไปซื้อขนมกุ้ยฮวาหิมะที่ตลาด และกลับเข้าจวนโดยไม่ถูกจับได้ ความสำเร็จครั้งนี้จ้าว­เยว่ภูมิใจยิ่งนัก พอกลับมาแล้ว ก็กินขนมจิบชาอย่างสบายอารมณ์ ช่วงที่ทุกคนเตรียมตัวจะไปงานเลี้ยง นางก็เอาแต่นอนแช่­น้ำอย่างมีความสุข จะมีใครสุขสบายเท่านางคงไม่มีอีกแล้วกระมัง

พี่ชายทั้งสองเห็นว่าน้องสาวของตนไม่ยอมไปงานเลี้ยง เกรง­ว่าอยู่คนเดียวแล้วจะเหงา จึงได้เตรียมของเล่นไว้ให้ก่อนไป ของเล่นชิ้นนั้นเป็นแจกันที่ทำจากดินเผาใบหนึ่ง และลูกธนูที่หัวทื่อไปแล้ว อีกราวยี่สิบกว่าดอก ของเล่นที่ว่านี้ ก็คือการปาลูกดอกลงไปในแจกันนั่นเอง

พอทุกคนออกจากจวนไปแล้ว หญิงสาวก็เรียกบ่าว­ไพร่มา­รวมตัวกันที่สวนหลังจวน

พอทุกคนมากันครบแล้ว จ้าวเยว่ก็­กระแอมหนึ่งครั้งก่อนจะเอ่ย

“นี่คือของเล่นที่พี่ใหญ่กับพี่รองทำให้ข้า ข้าเห็นว่าเล่นคน­เดียวมันก็คงจะไม่สนุก จึงเรียกพวกเจ้ามาเล่นด้วยกัน”

“สิ่งนี้เล่นอย่างไรหรือขอรับคุณหนู” บ่าวผู้หนึ่งยกมือขึ้นถาม

จ้าวเยว่เดิมมายืนอยู่ตรงหน้าแจกันลูกดอกนั้น แล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอกราวกับเป็นผู้รู้ จากนั้นจึงอธิบายว่า

“สิ่งนี้เรียกว่าการปาลูกดอก ข้าจะเป็นคนกำหนดระยะทางระหว่างแจกันใบนี้กับจุดที่เจ้ายืน แล้วให้เจ้าปาลูกดอกให้ลงไปในแจกันนี้ ในแต่ละรอบก็จะเพิ่มระยะทางให้ไกลขึ้นเรื่อย ๆ ใครที่เหลือเป็นคนสุดท้ายคนนั้นชนะ”

“มีรางวัลให้หรือไม่ขอรับ คุณหนู” บ่าวอีกคนเอ่ยถาม

เพราะปกติแล้วเมื่อมีการละเล่นเกิดขึ้นในจวน มักจะมีของ­รางวัลให้ทั้งนั้น บางครั้งก็เป็นขนม สิ่งของมีค่า หรือบางครั้งก็ได้เป็นเงิน

“มีแน่นอน สักสองตำลึงเป็นอย่างไร” หญิงสาวตอบกลับ ก่อนจะเสนอเงินรางวัลก้อนโตขึ้นมา

เมื่อได้ยินว่ารางวัลคือเงินสองตำลึง บ่าวไพร่ทุกคนต่างก็ร้อง­เฮกันดังลั่น หมายว่าจะเป็นผู้ชนะแล้วเอาเงินรางวัลมาให้ได้

ทั้งจ้าวเยว่และบ่าวไพร่พากันเล่นปาลูกดอกอย่างสนุกสนาน นาน ๆ ทีจวนเจ้ากรมจะครึกครื้นขึ้นมาบ้าง บ่าวไพร่ในจวนต่างก็เคารพและรักจ้าวเยว่ ถึงแม้ว่านางจะเป็นสตรีที่มีอำนาจน้อยที่สุดใน­จวน แต่กลับเป็นนายที่ทำให้บ่าวไพร่มีความสุขที่สุด จึงไม่แปลกที่เวลานางหนีออกไปเที่ยว พวกบ่าวไพร่เหล่านี้จะช่วยปกปิดเสมอ

ในแต่ละวันชีวิตของหญิงสาวก็มีแต่เพียงเรื่องกิน เที่ยว เล่น แล้วก็พักผ่อน พฤติกรรมที่เกียจคร้านเช่นนี้ ยากที่จะแก้ไขได้ จนทำให้จ้าวเยว่ในวันสิบหกปี ยังไม่เป็นที่หมายปองของชายใดในฉางอันเลย

พอเอ่ยถึงจ้าวเยว่ขึ้นมา บุตรชายของตระกูลขุนนางเหล่านั้นต่างก็พากับเบือนหน้าหนี ต่อให้นางงามเพียงไร แต่ถ้าเกียจคร้านพวกเขาก็ไม่อยากได้มาเป็นภรรยาหรอก

คนที่ดูจะลำบากใจมากที่สุด เห็นจะเป็นบิดามารดาของหญิง­สาว เพราะการที่นางไม่เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มสักคน ทำ­ให้บิดาของนางเสียหน้าเป็นอย่างมาก

พวกขุนนางที่อยู่ฝ่ายตรง­ข้าม ต่างก็เอาไปนินทากันว่า ท่านเจ้ากรมการคลังมีบุตรสาวเสีย­เปล่า แต่บุตรสาวกลับไม่เอาไหน ยิ่งพวกที่มีบุตรชายทั้งหลายต่าง­ก็เอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน ว่าถึงอย่างไรจะไม่ยอมให้บุตรชายแต่งกับจ้าวเยว่เด็ดขาด หากมิใช่พระราชโองการจากฮ่องเต้

เสียงล้อรถม้าบดกับพื้นดังมาแต่ไกล พร้อมกับเสียงฝีเท้าของม้าที่ฟังแล้วน่าจะวิ่งไม่เร็วนัก และเมื่อรถม้าจอดที่หน้าประตู ท่านเจ้ากรมกับฮูหยินก็ก้าวลงมา

“ท่านพี่ ท่านเห็นหรือไม่ ว่าคนพวกนั้นดูถูกบุตรสาวของเราขนาดไหน” เสียงของจ้าวฮูหยินดังมาจากทางประตูหน้าของจวน

จ้าวฝู่หน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ภรรยา “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร พวกเราเปลี่ยนนิสัยนางได้ที่ไหนกัน”

“หากขัดเกลานางสักหน่อย ไหนเลยจะทำไม่ได้ ท่านพี่...นี่­นางเลยวัยปักปิ่นมาแล้ว หากยังหาคู่ครองไม่ได้ นางมิต้องเป็นสตรี­ทึนทึกตลอดไปหรอกหรือ”

จ้าวฝู่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเอ่ยกับภรรยาในประโยคต่อมา

“เดิมทีวันนี้ข้าจะให้นางไปพบกับเซียวเฟิง บุตรชายของท่าน­โหวสักหน่อย คิดว่าตอนเด็กทั้งสองเคยเล่นเป็นเพื่อนกัน ­ก็­น่าจะมีความหวังอยู่บ้าง แต่ว่านางกลับไม่ไป ข้าหมดหนทางแล้วจริง ๆ”

“โธ่...ท่านพ่อ ท่านแม่ ถ้าน้องไม่อยากจะมีคู่ครองก็จะเป็นไร­ไป พวกข้าเป็นพี่ชาย ย่อมดูแลนางได้”

จ้าวหลู่เจิน พี่ชายคนโตกล่าวขึ้นมาคนแรก เรื่องเลี้ยงดูน้องสาวนั้น เขาย่อมทำได้และยินดีที่จะทำไปตลอดชีวิต

“ใช่ ๆ พวกข้าเลี้ยงนางได้สบาย”

จ้าวอวี้เฉิน บุตรชายคนรองกล่าวเสริมขึ้นมา ชายหนุ่มคิดแบบ­เดียวกับพี่ชาย หากไม่มีใครคิดที่จะแต่งน้องสาวเข้าจวน เขานี่­แหละจะเลี้ยงดูน้องสาวเป็นอย่างดีเลยละ

“พวกเจ้าหาได้รู้ไม่ ว่าระหว่างพี่ชายกับสามีนั้นไม่เหมือนกัน แล้วก็เป็นเพราะพวกเจ้านั่นแหละ ที่ตามใจนางจนได้ใจ นางถึงได้เป็นแบบนี้” จ้าวฝู่เอ่ยจบก็เดินเข้าจวนไปก่อนเป็นคนแรก

ทางด้านจ้าวฮูหยินสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ก่อนจะก้าวเดินตามไป พร้อมกับเอ่ยไปด้วยว่า

“หึ...ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าจะจัดการนางไม่ได้ อย่างไรก็ต้องหาบุรุษสักคนมาเป็นคู่ครองนางให้ได้”

เมื่อได้ยินมารดาเอ่ยเช่นนั้น ชายหนุ่มทั้งสองที่เดินตามมาได้แต่ส่ายศีรษะอย่างเอือมระอา

จวนสกุลจ้าว...

จ้าวเยว่ที่เล่นปาลูกดอกอยู่กับบ่าวไพร่ตรงสวนหลังจวนนั้นไม่ได้ยินเสียงรถม้า จึงไม่รู้ว่าบิดามารดากลับมาแล้ว และพากันเล่น­ปาลูกดอกต่อกันอย่างสนุกสนาน

จ้าวฮูหยินได้ยินเสียงเอะอะดังจากทางหลังจวน ก็เปลี่ยนทิศทางทันที แทนที่จะเดินตรงไปที่เรือนนอนของตน กลับเดินไปที่สวนหลังจวนแทน

เมื่อจ้าวฮูหยินไปถึง พวกเขาก็ยังไม่รู้ตัวว่าฮูหยินมาแล้ว จนมีสาวใช้นางหนึ่งเหลือบไปเห็นเข้า ว่าฮูหยินยืนอยู่ด้านหลัง จึงสะกิดสาวใช้คนอื่นให้ถอนตัวออกมาทีละคน สาวใช้คนอื่นก็สะกิดคนต่อไปเป็นทอด ๆ จนบัดนี้เหลือเพียงแต่จ้าวเยว่กับผิงผิง

จ้าวเยว่เห็นว่าจำนวนผู้เล่นลดลงไปเรื่อย ๆ ก็ตะโกนถามออกมาว่า “พวกเจ้าจะไปไหนกัน ไม่อยากได้รางวัลกันแล้วหรือ”

บรรดาบ่าวไพร่ต่างก็พากันยิ้มแห้ง ๆ ให้กับจ้าวเยว่ พวกเขาบุ้ยปากให้นางหันไปมองด้านหลัง แต่หญิงสาวยังไม่รู้ตัวและไม่­ยอมหันไป

ภาพที่อยู่ตรงหน้าจ้าวฮูหยินตอนนี้ คือสวนหลังจวนที่มีแจกันใบหนึ่งกับลูกดอกที่กระจัดกระจาย และบุตรสาวของนางที่อยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่กับทรงผมที่ฟูฟ่อง เห็นได้ชัดว่าเอาแต่เล่นอยู่­อย่างนี้มาเป็นเวลานานแล้ว นางยืนจ้องมองดูจ้าวเยว่อยู่พักหนึ่ง ด้วยอยากจะรู้ว่าบุตรสาวของตนจะทำอย่างไรต่อไป

ในขณะนั้นจ้าวเยว่กับผิงผิงพากันก้มลงเก็บลูกดอกทีละดอก

“ผิงผิง เจ้าว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะกลับมาหรือยัง” จ้าวเยว่เอ่ยถามสาวใช้คนสนิทออกไป

ผิงผิงก้มเก็บลูกดอกดอกสุดท้ายขึ้นมา ก่อนจะตอบว่า

“น่าจะยังนะเจ้าคะ ปกติแล้วนายท่านกับฮูหยิน จะต้องอยู่จนงานเลี้ยงเลิกทุกครั้ง ตอนนี้ก็น่าจะยามซวี คงใกล้จะกลับมาแล้วเจ้าค่ะ

“เจ้าว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะเสียหน้าหรือไม่ ที่ข้าไม่ไปงาน­เลี้ยงด้วย” จ้าวเยว่ถามอีก เรื่องนี้นางก็กังวลไม่น้อย

“ก็คงจะเสียหน้าอยู่ไม่น้อยเจ้าคะ แต่ว่าเหตุใดคุณหนูถึงถามขึ้นมาเล่าเจ้าคะ สำนึกผิดหรือ” ผิงผิงถามกลับ นางเลิกคิ้วทั้งสองขึ้นด้วย­ความงุนงง

“คนอย่างข้าหรือจะสำนึกผิด ข้าไม่ได้ผิดเสียหน่อย ใครใช้ให้ท่านพ่อกับท่านแม่หน้าใหญ่กันเล่า หน้าที่ใหญ่เวลาแตกก็ย่อมเสียงดัง จริงหรือไม่” จ้าวเยว่เอ่ยล้อเลียน พอเอ่ยจบก็หัวเราะคิกคัก

“คุณหนู! อย่าเอ่ยอย่างนี้นะเจ้าคะ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า แล้วเอาไปฟ้องนายท่านกับฮูหยิน คุณหนูจะแย่เอา” ผิงผิงเตือนด้วยความหวังดี

“ข้าได้ยินหมดแล้ว” เสียงนี้ดังมาจากทางด้านหลัง

ทั้งจ้าวเยว่และผิงผิงกลับหลังหันไปช้า ๆ

เมื่อเห็นบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลังว่าเป็นผู้ใด ทั้งสองคนก็ถึงกับยิ้มเจื่อน ใบหน้าขาวซีดขึ้นมาทันที ซ้ำยังทำลูกดอกที่เก็บมาทั้งหมดร่วงลงพื้น

“ท่านแม่ // ฮูหยิน”

ผิงผิงรู้สึกว่าสิ่งที่ตนสนทนาเมื่อสักครู่กับคุณหนูนั้น เป็นการล่วงเกินนายท่านกับฮูหยินเป็นอย่างยิ่ง นางจึงรีบคุกเข่าลงกล่าวขอ­โทษทันที

“ฮะ...ฮูหยิน บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินได้โปรดเมตตา”

คนเอ่ยแทบจะกลั้นน้ำตาแห่งความกลัวเอาไว้ไม่ได้

ส่วนจ้าวเยว่ก็ได้แต่ส่งสายตามองผิงผิงด้วยความห่วงใย

“ผิงผิง ที่เจ้าเอ่ยนั้นมิได้มีอะไรไม่ดี เจ้าไปได้” จ้าวฮูหยินเอ่ยเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับออกคำสั่ง

ผิงผิงได้ยินเช่นนั้นจึงรีบลุกขึ้น แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว โดยที่สายตายังคงมองผู้เป็นนายสาวของตนด้วยความเป็นห่วง

จ้าวฮูหยินหันมามองบุตรสาวของตน สายตาในยามนี้ช่างดู­ดุดันและจริงจังยิ่งนัก

“ส่วนเจ้า สิ่งที่เจ้าเอ่ยเมื่อสักครู่สมควรที่จะได้รับการตักเตือน ตามข้ามาที่ห้องโถง”

เมื่อจ้าวเยว่เดินตามผู้เป็นมารดาเข้ามาถึงห้องโถง ก็พบว่าทั้งบิดาและพี่ชายทั้งสองต่างก็รอกันอยู่แล้ว จ้าวเยว่เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตัวสุดท้าย ที่ไกลจากคนอื่นมากที่สุด นางทำราวกับว่าหากนางเข้าไปใกล้พวกเขามากกว่านี้ ร่างของนางจะถูกแผดเผา จนมลายหายสิ้น

“มานั่งตรงนี้” ผู้เป็นมารดาเอ่ยเรียก พลางส่งสายตาไปยังเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ใกล้ ๆ

จ้าวเยว่ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ นางทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องทำตามคำสั่ง พี่ชายทั้งสองเห็นน้องสาวตกที่นั่งลำบากก็พยายามที่จะช่วยเหลือ

“ท่านแม่...ข้าว่า...” จ้าวหลู่เจินกำลังจะขอความเมตตาให้น้องสาว แต่กลับถูกจ้าวฮูหยินตัดบททันที

“พวกเจ้าสงบปากสงบคำเสีย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า”

ได้ยินดังนั้น พี่ชายทั้งสองก็ถึงกับต้องเงียบ ทำได้เพียงส่งสายตาเป็นกำลังใจให้น้องสาวคนเล็กเท่านั้น

จ้าวฝู่ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ที่สุดในจวน เป็นคนเอ่ยเรื่องหนึ่งออกมาเอง และเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างอ่อนโยน

“เยว่เอ๋อร์ เจ้าเองก็เลยวัยปักปิ่นมานานแล้ว พ่อกับแม่เป็น­ห่วงว่าเจ้าจะไม่สามารถหาบุรุษดี ๆ มาเป็นสามีได้ จึงคิดอยากให้เจ้าทำตัวเสียใหม่ นับแต่ตั้งพรุ่งนี้ไปจะมีครูมาสอนเจ้า ทั้งเรื่องตำรา การปฏิบัติตน แล้วก็พวกงานจวนงานเรือนต่าง ๆ เจ้าต้องตั้งใจเรียน เข้าใจหรือไม่”

“แต่ข้าไม่ได้อยากออกเรือนนี่ท่านพ่อ” จ้าวเยว่แย้งขึ้นมา

หากต้องออกเรือนแล้วต้องดูแลสามีและครอบครัวสามี อีก­ทั้งยังต้องทำหน้าที่สตรีหลังเรือน นางไม่เอาด้วยหรอก ไม่สู้อยู่เกาะเสาเรือนให้ท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่และพี่รองเลี้ยงดูแบบนี้ดีกว่า

“ถ้าเจ้าไม่ออกเรือน แล้วภายภาคหน้า ผู้ใดจะดูแลเจ้า”

จ้าวฝู่ตำหนิกลับมาตามตรง

จ้าวเยว่สูดลมหายใจเข้าแล้วยืด­อกตอบอย่างภาคภูมิ

“ข้าจ้าวเยว่ แม้ไม่มีสามี ก็ดูแลตัวเองได้เจ้าค่ะ”

จ้าวฝู่ส่ายศีรษะอย่างหมดหวัง แต่ก็ยังยืนยันคำเดิม

“จะอย่างไรก็เอาตามนี้ พวกเจ้าสองคนเองก็เป็นหูเป็นตาช่วยดูแลนางด้วยแล้วกัน”

เอ่ยจบจ้าวฝู่ก็ชวนภรรยาเดินออกจากห้องโถงไป ทิ้งให้สาม ­พี่น้องมองหน้ากันอย่างจนปัญญา ทว่าผู้เป็นมารดาก็คล้ายนึก­ได้บางอย่าง จึงหันกลับมามองที่บุตรสาวที่กำลังเข้าไปออดอ้อนให้พี่ชายทั้งสองช่วยกันปลอบโยนนาง

“จ้าวเยว่!! วันนี้ให้เจ้าไปนั่งคุกเข่าสำนึกความผิด กับคำเอ่ยที่­ไม่รู้จักคิดของเจ้าที่หอบรรพชน เผื่อว่าบรรดาบรรพชนของสกุลจ้าว จะช่วยกล่อมเกลาเจ้าแทนแม่ได้บ้าง อ้อ...พวกเจ้าทั้งสองอย่า­คิดช่วยนางเชียว ไม่อย่างนั้น แม่จะสั่งให้พวกเจ้าไปคุกเข่าเป็น­เพื่อนน้องสาวของพวกเจ้าด้วย”

พอเอ่ยจบจ้าวฮูหยินก็เดินตามสามีไปทันที

ส่วนจ้าวเยว่นั้นพยายามจะโวยวายก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมารดาไม่อยู่ฟังเสียแล้ว นางจึงได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดขัดใจกับพี่ชาย

Related chapters

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 4 งานเลี้ยงน้ำชา

    บทที่ 4 งานเลี้ยงน้ำชา“เห็นทีท่านพ่อกับท่านแม่คงจะเอาจริงแล้วล่ะน้องสาม”จ้าวอวี้เฉินกล่าวขึ้น เมื่อคล้อยหลังบิดามารดา“ท่านพี่ พวกท่านต้องช่วยข้านะ ข้าไม่อยากเรียนปักผ้า ทำอาหาร จัดดอกไม้ ทำรองเท้า อะไรพวกนั้น ให้ข้าไปฝึกยิงธนู ขี่­ม้ายังดีเสียกว่า”จ้าวเยว่ขอร้องพี่ชายทั้งสอง และทำสายตาราว­กับว่าพวกเขาจะต้องช่วยนางเป็นแน่ จ้าวหลู่เจินมองหน้าน้องสาวแล้วถอนหายใจอย่างหมดหวัง“ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วย แต่มันช่วยไม่ได้ เจ้าเองก็ลองทำตามที่ท่านพ่อกับท่านแม่บอกก่อนจะเป็นไร ข้าว่าไม่ยากเกินไปหรอกน่า”“หรือว่าเจ้าจะแต่งให้กับเซียวเฟิงดี ข้าว่าพวกเจ้าอาจจะเข้า­กันได้ดีก็เป็นได้” จ้าวอวี้เฉินแนะนำ เพราะหากมองกันตามฐานะ ก็ถือว่าทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจ้าวเยว่เอามือเท้าคางนั่งมองพื้นอย่างหมดความหวัง“ได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ ข้ากับเซียวเฟิงเป็นสหายกัน จะออกเรือนไปกับเขาได้อย่างไร อีกอย่าง คนที่ทั้งเก่งทั้งฉลาดอย่างเขา คงไม่อยากได้ข้าเป็นภรรยาเป็นแน่ พวกท่านว่าจริงหรือไม่”“ก็จริงของเจ้า” พี่ชายทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน“เอาล่ะ เดี๋ยวค่อยคิดกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป นี่ก็ดึกแล้วข้าขอตัวไปนอนก่อน ราตรีสวัสด

    Last Updated : 2025-01-01
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 5 เรื่องของข้าไปหนักหัวคนอื่นหรือไร

    บทที่ 5 เรื่องของข้าไปหนักหัวคนอื่นหรือไรในงานเลี้ยงครั้งนี้ สตรีวัยเยาว์ทั้งหลายถูกจัดให้ไปนั่งรวมกันตรงลานที่อยู่ไกลออกไป แต่ว่าบัดนี้พวกนางส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่นั่นกันแล้ว เพราะต่างพากันไปชุมนุมอยู่ที่ศาลาชมดาวกันหมด ทว่าจ้าวเยว่ก็หาได้สนใจ เนื่องจากสิ่งที่นางสนใจในตอนนี้ ก็มีแต่เรื่องอาหารการกินเท่านั้นนางถูกจับแต่งตัวตั้งแต่ยามอู่ โดยอยู่ในห้องตลอดและไม่ได้กินอะไรเลย พอจะหยิบอะไรเข้าปากสักหน่อย ก็ถูกช่างแต่งหน้าสะกิด­เตือนว่าจะทำให้ชาดที่ทาปากเลอะได้ จะดื่มน้ำก็ยังห้ามดื่มมาก­เกินไป เพราะอาจทำให้ปวดเบาจนวุ่นวายต้องเข้าห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนชุดที่นางสวมใส่วันนี้ ก็ไม่สะดวกในเรื่องนั้นนัก ทำให้ตอนนี้หญิงสาวหิวจนแทบจะเป็นลมแล้วจ้าวเยว่ก้าวฉับ ๆ ไปยังจุดที่พี่ชายทั้งสองนั่งอยู่ บรรดาบุรุษเห็นสตรีที่งดงามมานั่งด้วย ก็พากันตะลึง ไม่คิดว่าจะมีสตรีนางใดหาญกล้าถึงเพียงนี้ ซึ่งตอนนี้จ้าวเยว่มานั่งลงตรงกลางระหว่างพี่ชายทั้งสองเรียบร้อยแล้ว“บนโต๊ะของพวกท่านมีอะไรให้กินบ้างเจ้าคะ ข้าหิวจะแย่อยู่แล้วเจ้าค่ะ”จ้าวเยว่เอ่ยขึ้นแล้วก็มองไปที่อาหารบนโต๊ะของพี่ชายจ้าวหลู่เจินมองหน้าน้องสาว ก่อนเอ่

    Last Updated : 2025-01-01
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 6  โต้กลับอย่างเจ็บแสบ

    บทที่ 6 โต้กลับอย่างเจ็บแสบ“เดี๋ยวนี้ไม่ได้มีการลงโทษแบบนั้นแล้ว สมัยนี้คือราชวงศ์ถังไม่ใช่ราชวงศ์กวน” หวังเว่ยเถียนเถียงกลับมาอย่างถือดี ทั้ง ๆ ที่ใน­ใจนั้นหวาดหวั่นไม่น้อยจ้าวเยว่หันไปมองหน้าหวังเว่ยเถียนช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่มีแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ อย่า­ลืมสิ ว่าบิดาของข้าเป็นเจ้ากรมการคลัง อีกทั้งยังสนิทกับท่าน­เซียวโหว แล้วท่านเซียวโหวก็เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก และหากฝ่าบาทให้นำการลงโทษนี้มาใช้ใหม่อีกครั้ง พวกเจ้าคิดว่าจะเป็นอย่างไร”บรรดาสตรีทุกนางต่างพากันปิดปากเงียบ มิมีผู้ใดกล้าต่อ­ปากต่อคำกับจ้าวเยว่สักคน เพราะไม่มีบิดาของผู้ใดที่จะมียศ­ตำแหน่งเทียบเท่ากับบิดาของนาง เว้นก็แต่บิดาของซูหลิงเจียว แต่ซูหลิงเจียวกลับวางท่าสุขุมไม่โต้ตอบอะไรหวังเว่ยเถียนเมื่อนึกคำเอ่ยออก ก็เอ่ยขึ้นมา“เจ้าคิดว่าวาจาที่มาจากสตรีที่มีชื่อเสียงไม่ดีเช่นเจ้า ฝ่าบาทจะรับฟังอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน”คำเอ่ยของหวังเว่ยเถียนประโยคนี้ มิได้สร้างความสั่นสะเทือนใด ๆ ให้กับจ้าวเยว่เลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายนางยังหัวเราะออกมาเสียด้วยซ้ำหลังจากที่ฟังจบ“หวังเว่ยเถียนนะ

    Last Updated : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 7 ศึกทางทิศเหนือจบลง

    บทที่ 7 ศึกทางทิศเหนือจบลงณ เมืองอวี้โจว แคว้นสือเจ้า ทางตอนเหนือของแคว้นฉางอันตะวันออก เฉินฉิงตะลีตะลานหลบหนี เมื่อเห็นประตูเมืองถูกตีแตก เขามีสภาพกระเซอะกระเซิง แต่ก็ไม่อาจละวางหน้าที่ในมือลงได้ ชาย­หนุ่มยังคงกวาดสายตาอย่างกระวนกระวายแล้ววิ่งไปอย่างไร้ทิศทางเวลานี้จวนเจ้าเมืองกำลังเกิดเพลิงไหม้ ในใจเขาคิดว่าอย่างไรต้องหามันให้เจอ ก่อนที่กองกำลังของศัตรูจะมาถึงแล้วชิงมันกลับไป สุดท้ายจึงกัดฟันวิ่งเข้าไปในจวนที่กำลังเกิดเพลิงไหม้ ทว่าด้านในเปลวไฟลุกท่วมโชติช่วงรุนแรง เรือนทั้งหลังกำลังจมอยู่ในกองเพลิง ขื่อ­ คานพังถล่มอย่างต่อเนื่อง จนเขาต้องผงะถอยไปหลายก้าว‘เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ตราประทับจะต้องถูกแย่งชิงคืนไปเป็นแน่ แต่ข้าไม่ยอมแค่นี้แน่ ข้าเป็นถึงแม่ทัพแดนใต้ของแคว้นสือเจ้า จะต้องนำมันไปให้ท่านอ๋องให้ได้’อารมณ์ความฮึกเหิมพุ่งขึ้น เขาหมุนตัวกลับหมาย­จะกลับไปแลกชีวิตกับแม่ทัพเสวี่ย ทว่าเพิ่งออกจากจวนนั้นได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าฝูงหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางเขา ซึ่งนั่นก็คือเสวี่ยช่างเจิ้น แม่ทัพแห่งแคว้นฉางอันนั่นเองเฉิงฉิงอาศัยแสงจากเปลวเพลิงที่เบื้องหลัง แล้วพยายามเพ่งเล

    Last Updated : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 8 สมรสพระราชทาน

    บทที่ 8 สมรสพระราชทานแม่ทัพเสวี่ยเมื่อมาถึงเมืองหมิงเวย ก็มุ่งหน้าไปที่พระราชวังโดยไม่หยุดพักที่ใด ถึงแม้ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยจากการกรำศึกมา­เป็นเวลาหลายเดือน แต่ทว่าความมุ่งมั่นในการทำเพื่อแผ่นดินของเขานั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด จึงต้องนำรายงานไปกราบทูลฮ่องเต้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังมีตราประทับของท่านแม่ทัพใหญ่ ที่จะต้องส่งคืนให้ถึงมือ รวมถึงเครื่องบรรณาการต่าง ๆ ที่ยึดมาได้จากเมือ­งอวี้โจว“เร่งฝีเท้าเร็วเข้า อย่าให้ฝ่าบาทต้องรอนาน” แม่ทัพเสวี่ยเอ่ย­ขึ้นด้วยเสียงจริงจังขบวนของแม่ทัพเสวี่ยเปลี่ยนจากการเดินเท้าด้วยความเร็วมาเป็นวิ่งเหยาะ เพื่อให้เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเดิมโดยครั้งนี้แม่ทัพเสวี่ยนำทหารมาด้วยเพียงหนึ่งร้อยนายเท่านั้น ส่วนทหารที่เหลือในกองทัพ ได้ถูกสั่งการให้เดินทางกลับเข้าค่ายทหารซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองไปเรียบร้อยแล้วในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ขบวนของแม่ทัพหนุ่มก็เคลื่อนมาถึงพระราชวัง“แม่ทัพเสวี่ยมาถึงแล้ว!” เสียงทหารเฝ้าประตูวังดังขึ้นแม่ทัพเสวี่ยเดินตรงเข้าไปยังท้องพระโรงแต่เพียงผู้เดียว ส่วนรองแม่ทัพและทหารที่เหลือ ต่างยืนรออยู่หน้าประตู พร้อมกับเคลื่อนย้ายเหล่าเครื่อง

    Last Updated : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 9 ข่าวกระจายแพร่ออกไป

    บทที่ 9 ข่าวกระจายแพร่ออกไปข่าวการสมรสพระราชทาน ระหว่างคุณหนูสกุลจ้าวและแม่­ทัพเสวี่ยช่างเจิ้นนั้นได้แพร่สะพัดไปทั่วฉางอัน ผู้คนต่างให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าเจ้าสาวจะเป็นจ้าวเยว่ เนื่องจากนางมีชื่อเสียงที่ไม่ดีนัก อันมาจากความเกียจคร้านของนาง จนบางคนถึงกลับเอาไปนินทากันต่าง ๆ นานาในโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ซูหลิงเจียว หวังเว่ยเถียน และสตรีอีกสองสามนาง กำลังนั่งจิบน้ำชากันอยู่ ภายในโรงน้ำชาแห่งนี้กำลังเล่าลือกันปากต่อปากถึงเรื่องสมรสพระราชทานครั้งนี้เช่นกัน“เจ้าคิดว่าเมื่อจ้าวเยว่แต่งเข้าจวนของแม่ทัพเสวี่ยแล้ว นางจะอยู่ได้หรือไม่” หวังเว่ยเถียนเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน เพราะมั่นใจเหลือเกินว่าจ้าวเยว่นั้นไม่มีอะไรที่เทียบเคียงกับท่านแม่ทัพได้เลยซูหลิงเจียวจิบน้ำชาคำหนึ่งก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่­ต่างกัน “ข้าว่านางอยู่ได้ไม่นานหรอก คนเกียจคร้านอย่างนาง ไหนเลยจะทำหน้าที่ฮูหยินที่ดีได้”“ใช่ ๆ ข้าเห็นด้วย ไหนจะเรื่องการดูแลเรือน ไหนจะเรื่องปรนนิบัติสามี ข้าว่านางทำไม่ได้หรอก ดีไม่ดีนางได้วิ่งออกมาจากจวนตระกูลเสวี่ย ตั้งแต่สามวันแรกที่แต่งเข้าจวนด้วยซ้ำ” สตรีนางหนึ่งกล่าวเ

    Last Updated : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 10 ไม่สามารถขัดขืนได้

    บทที่ 10 ไม่สามารถขัดขืนได้เมื่อได้รับคำสั่งแน่ชัดแล้ว จ้าวเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการ­แต่งงานในครั้งนี้ เพราะต่อให้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่นาง ก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี และแม้จะไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้นางจะต้องออกเรือน แต่เรื่องการแต่งงานของนางคงต้องเกิดขึ้นในวันใดวันหนึ่งอยู่ดี เนื่องจากท่านแม่คงไม่ยินยอมจ้าวเยว่เดินมาที่บ่อปลาในสวนหลังจวนอีกเช่นเคย เนื่องจากทุกครั้งที่นางรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ชอบใจ น้อยใจ หรือว่าโกรธ ก็จะมาสนทนากับเหล่าสหายปลาที่แหวกว่ายไปมาอยู่ตรงนี้เสมอถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นแค่ปลา ไม่สามารถกล่าววาจาโต้ตอบใด ๆ ได้ก็จริง แต่เมื่อเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้พวกมันฟังแล้ว พวกมันก็จะรับฟังแต่โดยดี จนนางรู้สึกสบายใจขึ้นจ้าวเยว่นั่งลงที่ข้างบ่อปลา หยิบกิ่งไม้ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาแล้ว­ตีน้ำเบา ๆ “เจ้าปลาทั้งหลาย พวกเจ้าคิดว่าเรื่องของข้านั้นน่า­เป็นกังวลหรือไม่ ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ เป็น­อะไรที่ข้าไม่ยินดียินร้ายเอาเสียเลย ข้ารู้สึกลึก ๆ ว่าตนเองไม่ได้­อยากจะแต่งงานเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะขัดขืนไปทำไม หรือว่าหัวใจของข้าจะด้านชาไปเสียแล้ว อีกอย่าง ถ้าข้าออกเรือนไป จะท

    Last Updated : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 11 นางเป็นสตรีที่แปลกยิ่งนัก

    บทที่ 11 นางเป็นสตรีที่แปลกยิ่งนักในระหว่างที่พี่ชายทั้งสองต่างก็นิ่งเงียบ เสียงกุกกักก็ดังมาจากด้านหลังของหีบใบหนึ่งตรงมุมห้อง จ้าวเยว่ถึงกับตกใจเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกพี่ชายทั้ง­สองจึงจับความผิดปกติได้ในทันที จ้าวหลู่เจินลุกขึ้นและเดินตรงไปที่หีบใบนั้น พลางชักดาบคู่­กายออกจากฝักคมดาบในมือต้องแสงเทียนจนเป็นประกาย ชาย­หนุ่มได้ใช้ปลายดาบจ่อไปตรงกลางหีบแล้วเอ่ยเสียงดัง “ออกมา!” เซียวเฟิงกับซูหนิงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ทั้งคู่ต่างยกมือขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับยิ้มเจื่อนออกมา“ท่านพี่ทั้งสอง ข้าเอง” เซียวเฟิงยิ้มแหย ๆ ขณะเอ่ยด้วยเสียงอ่อย“ให้ตายเถอะคุณชายเซียว เหตุใดจึงได้มาอยู่ในห้องของน้อง­สามได้ล่ะ” จ้าวหลู่เจินถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่ามีบุคคลอื่นในห้องของน้องสาวเซียวเฟิงที่บัดนี้หายตกใจแล้ว จึงได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ “ก็เหมือนพวกท่านทั้งสองนั่นแหละ ข้าได้ข่าวเรื่องการแต่งงาน จึงมาปลอบนาง”ทั้งจ้าวหลู่เจินกับจ้าวอวี้เฉินมองไปทางซูหนิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซียวเฟิง แล้วจ้าวหลู่เจินก็เอ่ยถามเสียงเข้ม“แล้วแม่นางน้อยผู้นี้เป็นใคร”ซูหนิงกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้แม้แต่จะเปิดปา

    Last Updated : 2025-01-25

Latest chapter

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 6 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ครอบครัว

    ตอนพิเศษ 6จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นครอบครัวคุณชายเสวี่ยชางเยว่อายุได้สิบหกหนาวแล้ว เขาเพิ่งเรียนจบชั้นปีสุดท้ายจากสำนักศึกษา อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งในกองทัพ เป็นถึงหัวหน้าหน่วยพลทหารราบถือทวนอีกด้วย ผลจากการฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็ก จึงทำให้ฝีมือทวนของเขาเป็นรองเพียงแค่บิดาเท่านั้น นอกจากนั้นต่างก็ประลองแพ้เขาราบคาบ พลทหารทุกคน จึงยอมรับในฝีมือที่เก่งกาจเกินอายุของเขาเสวี่ยชางเยว่มีน้องสาวคนหนึ่ง ปีนี่ก็อายุย่างเข้าเก้าหนาวแล้ว มีนามว่าเสวี่ยหรูหราน เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ชอบเล่นซุกซนเหมือนบุรุษ ดูไปแล้วทั้งหน้าตาและนิสัยเหมือนกับจ้าวเยว่ไม่มีผิด นางชอบฝึกยุทธ์กับพี่ชาย และที่แตกต่างจากจ้าวเยว่อย่างหนึ่ง ก็คือนางมีฝีมือในเรื่องของศาสตร์ของสตรี ทั้งการเย็บปักถักร้อย เขียนอักษร วาดภาพ ทำอาหาร นางล้วนทำได้ดีเป็นอย่างยิ่งด้วยความที่เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปหน้างามประดุจสตรีเหมือนบิดาไม่มีผิด อีกทั้งยังอัธยาศัยดี วาจาไพเราะ บุตรสาวตระกูลต่างๆ จึงพากันหมายปอง ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดในเมืองผานหยาง ย่อมมีหญิงสาวมองตามเขาอยู่เป็นประจำ บางคนถึงกับโยนผ้าเช็ดหน้าให้กลางถนนเลยก็มีและเสวี่ยชางเยว

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 5 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ปกป้องเมือง

    ตอนพิเศษ 5จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นปกป้องเมืองเซียวเฟิงกับซูหนิงได้รับการต้อนรับอย่างดี วันแรกที่พวกเขามาถึงเสวี่ยช่างเจิ้นก็จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ให้อย่างอบอุ่น อีกทั้งยังให้รองแม่ทัพเว่ยเป็นผู้พาทั้งสองทั้งสองเที่ยวที่เมืองผานหยางซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า ฟ่านตวนคงจะให้ฟ่านหลินหลินเป็นคนตามไปด้วย ในเมื่อบุตรชายของท่านมหาเสนาบดีมาเมืองผานหยางทั้งที เจ้าเมืองอย่างเขา จะไม่เอาอกเอาใจได้อย่างไร“รองแม่ทัพเว่ย ท่านเห็นว่าข้าควรจะซื้อสิ่งใดไปฝากท่านพ่อกับท่านแม่ดี ที่เมืองผานหยางมีสิ่งใดน่าสนใจหรือไม่”เซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น พลางสายตาก็กวาดมองไปบนถนนกลางเมือง ที่มีของขายมากมายอยู่เต็มไปหมด มากมายเสียจนไม่รู้ว่าจะซื้อสิ่งใดกลับไปฝากทุกคนที่จวนดีฟ่านหลินหลินที่มีนิสัยขี้ประจบเอาใจไม่ต่างจากบิดา มีดีก็ตรงที่นางฉลาดกว่า และรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ จึงได้แนะนำไปว่า“ถ้าหากสำหรับบุรุษแล้วล่ะก็ จำพวกแผ่นป้าย หรือว่าตราสัญลักษณ์ที่ทำจากหยกของช่างที่นี่ฝีมือดีอย่างยิ่ง หากว่าท่านราชบัณฑิตอยากจะสั่งทำ ก็ใช้เวลาเพียงแค่สี่ห้าวันเท่านั้นเจ้าค่ะ แต่หากสำหรับสตรีแล้ว แป้งผัดหน้าที่นี่มีคุณภาพสูงไม่

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 4 จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่

    ตอนพิเศษ 4จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่จวนแม่ทัพใหญ่เสวี่ยที่เมืองผานหยางในคืนหิมะตกหนัก จวนแม่ทัพก็วุ่นวายเป็นการใหญ่ สาวใช้วิ่งวุ่นไปทั่วจวน เพื่อเตรียมของไว้รอหมอตำแยที่กำลังเดินทางมา ภายในห้องมีทั้งเสวี่ยฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า แล้วก็เสวี่ยช่างเจิ้น ที่กำลังกุมมือของจ้าวเยว่ไว้­แน่น และคอยบอกนางว่า ให้อดทนอีกสักหน่อย“ประเดี๋ยวหมอตำแยก็มาแล้ว เจ้าอดทนอีกหน่อยเถิดนะ”เสวี่ยช่างเจิ้นบอกกล่าวกับภรรยา พร้อมกับกระชับมือบางไว้แน่นจ้าวเยว่ที่เพิ่งจะเคยคลอดลูกเป็นครั้งแรกก็หวั่นใจเล็กน้อย นางหันไปถามเสวี่ยฮูหยินว่า “ท่านแม่ ตอนที่ท่านคลอดท่านพี่นั้น เจ็บปวดเพียงใดเจ้าคะ”“เจ็บปวดเพียงชั่วครู่ เมื่อเจ้าได้ยินเสียงลูกก็จะหายเจ็บปวดเอง”เสวี่ยฮูหยินตอบพร้อมกับให้กำลังใจลูกสะใภ้ที่กำลังมอบทายาทให้ตระกูลเสวี่ยคนแรกน้ำร้อนสองอ่างถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะด้านข้างเตียง ฤดูเหมันต์อากาศหนาว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ทารกที่คลอดออกมาได้รับความอบอุ่น และยังต้องให้ความอบอุ่นแก่ผู้เป็นแม่เช่นกัน ผิงผิงจึงน้ำผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตามใบหน้าและแขนขา ให้คุณหนูของตนรถม้าของจวนแม่ทัพที่ส่งให้ไปร

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 3 ซูหนิง - เซียวเฟิง แต่งงาน

    ตอนพิเศษ 3ซูหนิง - เซียวเฟิงแต่งงานเมื่อเซียวเฟิงกลับมาถึงจวน ก็เดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที แต่ทว่าบิดาและมารดากลับไม่มีใครอยู่ที่จวน ท่านเซียวโหวมีงานที่ต้องหารือกับฮ่องเต้เรื่องการสร้างเขื่อนเก็บน้ำที่เมืองต้าข่าย เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมอยู่ทุกปี ส่วนเซียวฮูหยินนั้นไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนชินอ๋อง เขาจึงตัดสินใจกลับเข้าเรือนของตนเองไปก่อน ให้ท่านทั้งสองกลับมาก่อน ค่อยนำเรื่องที่เขาตั้งใจไว้ ไปแจ้งให้พวกท่านทราบวันนี้เซียวเฟิงรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ความจริงที่เขาแอบชอบซูหนิงมาตั้งนานแล้วนั้นได้เปิดเผยออกไปเสียที เมื่อก่อนเขายังสับสนว่า รักนางเหมือนน้องสาวหรือว่ารักนางเหมือนคนรักกันแน่ มาวันนี้ก็ได้เข้าใจตัวเองแล้ว อีกทั้งยังเป็นที่น่ายินดีอย่างมากที่นางตกลงแต่งให้เขา ความสุขกายสบายใจเช่นนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นในรอบปี ทำเอาเขายิ้มหน้าบานตลอดทั้งวัน“นายน้อยจะแช่น้ำหรือไม่ขอรับ”หวังเหมิงบ่าวรับใช้ประจำกายของเซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น เขาเห็นนายน้อยดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก็คิดว่านายน้อยคงอยู่ในช่วงเวลามีความสุขเป็นแน่ ช่วงเวลาที่มีความสุขเช่นนี้ เหมาะแก่การแช่น้ำเป็นท

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2   ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าจะแต่งกับท่าน

    ตอนพิเศษ 2 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าจะแต่งกับท่านคำตอบของซูหนิงทำให้เซียวเฟิงรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง จนเขาแทบอยากจะถามคำถามนางต่อ แต่ก็ข่มใจไว้ และห้ามตนเองว่า อย่าได้ตื่นเต้นจนเสียอาการ มิเช่นนางอาจจะรู้สึกกลัวหรือระมัดระวังตัวอย่างมากจนไม่เป็นตัวของตัวเองก็เป็นได้“แล้วลักษณะของบุรุษที่เจ้าชมชอบเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ต้องแข็งแกร่งเก่งกาจถึงขั้นเป็นแม่ทัพเลยหรือไม่” เซียวเฟิงหยั่งเชิงถามออกมา และรอคอยคำตอบอย่างมีหวังการที่ได้รู้ว่าบุรุษในใจของซูหนิงเป็นอย่างไรนั้น ส่งผลต่อการสนทนาของทั้งสองเป็นอย่างมาก หากว่าคำตอบของซูหนิงเป็นเหมือนกับที่เขาคาดคิดไว้ การสนทนานี้จะดำเนินต่อไปอย่างมีความหวัง แต่ถ้าหากว่าคำตอบของนางไม่ได้เป็นดังที่คาด บทสนทนาก็อาจจะสะดุดลงได้ หรือถึงขั้นมีผู้ใดผู้หนึ่งต้องเสียใจ เซียวเฟิงจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยคำตอบนี้จากปากนางซูหนิงวางถ้วยน้ำชาในมือลง แล้วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ราวกับว่าบนท้องฟ้าจะมีใบหน้าของบุรุษผู้นั้นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายแล้วนางก็หันมามองเซียวเฟิง ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ข้าชมชอบบุรุษที่ใจดีและเข้าใจข้าเป็นที่สุด” นี่คือคำตอบที่มาจาก

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกัน

    ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกันขบวนรถม้าของตระกูลเสวี่ยเคลื่อนออกจากหน้าจวนไปแล้ว บริเวณด้านหน้าของจวนตระกูลเสวี่ยเวลานี้จึงเหลือเพียงคนตระกูลจ้าวที่มองขบวนรถม้าของจ้าวเยว่ด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ อีกทั้งยังมีเซียวเฟิงและซูหนิงที่ยังคงไม่ไปไหน ทั้งสองมองตามหลังรถม้าไปด้วยความเศร้าสร้อย ราวกับว่าทุกอย่างจะหยุดหมุน เมื่อพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้อยู่ด้วยกันเมื่อรถม้าของตระกูลเสวี่ยพ้นสายตา คนตระกูลจ้าวจึงเดินทางกลับจวนตนเอง แม้จะมีสายตาอาลัยอาวรณ์ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เสียใจที่บุตรสาวของตนเองต้องไปอยู่ที่เมืองอื่นเลย นี่อาจจะเป็นเพราะว่า เขยขวัญได้เลื่อนยศเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังปกป้องดินแดนเหนือ ดังนั้นแม้จะจากลา แต่ควรดีใจจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่สำหรับเซียวเฟิงและซูหนิงนั้นไม่ใช่เลย พวกเขารู้สึกราวกับว่าขาดคนสำคัญไป เนื่องจากทั้งสามเป็นสหายกันมานาน ไม่ว่าเรื่องราวอันใดก็จะร่วมทำด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่จ้าวเยว่แต่งงาน พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกห่างเหินกันเลยสักครั้งเดียว ทั้งสองยังคงจำได้ถึงวันที่ชักชวนกันปีนหลังคาของจวนตระกูลจ้าว ในคืนหนึ่งก่อนที่จ้า

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย เพราะรัก

    บทส่งท้าย เพราะรักค่ายทหารที่เมืองผานหยางนี้ดูจะเล็กกว่าที่เมืองหลวงอยู่เล็กน้อย เนื่องจากมีทหารประจำการเพียงแค่หนึ่งแสนห้าหมื่นนาย ทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นนายนี้ ดูแลชายแดนเหนือโดยเริ่มตั้งแต่เมือง­ผานหยางไปทางทิศตะวันออก ในส่วนของเมืองผานหยางไปทางทิศตะวันตก ซึ่งก็คือเมืองเซี่ยงตง อยู่ในความดูของกองทัพหลวงแต่ถ้าหากว่ากองทัพหลวงต้องการกำลังเสริมเมื่อใด กองทัพปกป้องแดนเหนือนี้ ก็พร้อมที่จะยกทัพไปช่วยทันทีทหารบางส่วนจดจำเสวี่ยช่างเจิ้นได้ เมื่อเห็นว่าเขาจะมาเป็นแม่ทัพใหญ่คนใหม่แทนแม่ทัพรั่วหยางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง วิ่งกรูกันมาต้อนรับ จนแทบจะยกทั้งเสวี่ยช่างเจิ้นทั้งม้าเข้าไปในค่ายเมื่อเห็นจ้าวเยว่ พวกเขายิ่งยินดีมากขึ้นไปอีก เมื่อสตรีที่อาจหาญเลื่องชื่อผู้นี้ มาเยือนถึงค่ายทหาร“ท่านแม่ทัพกับฮูหยินเชิญด้านในขอรับ” ทหารเฝ้าประตูบอกพร้อมกับเดินนำหน้าพวกเขาไป“พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ฮูหยินก็มาด้วย หากเป็นไปได้ฮูหยินจะให้เกียรติมาฝึกสอนพลธนูที่ค่ายก็ได้นะขอรับ” หัวหน้าพลธนูกล่าวออกมาอย่างคาดหวัง“เอาล่ะ ๆ อย่าเพิ่งวุ่นวายกันเลย เดี๋ยวข้าไปหาท่านแม่ทัพกับรองแม่ทัพทั้งหลายก่อน จากนั้นถึงจ

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 62 ถึงเมืองผานหยาง

    บทที่ 62ถึงเมืองผานหยางวัดเหล่ากวงซี ดูเหมือนจะเป็นวัดเพียงแห่งเดียวในเมืองสวีโจวนี้ เนื่องจากเมืองสวีโจวเป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่ได้มีผู้คนอาศัยอยู่มากนัก ก็เลยไม่มีสถานที่ต่างๆ ให้ไปเที่ยวสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่วัด­เหล่ากวงซีแห่งนี้ แล้วก็ตลาด ส่วนนอกเมืองก็มีแม่น้ำหวังอิ่งที่กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ตั้งแต่อวี๋ตงตงสร้างอ่างเก็บน้ำจ้าวเยว่ยืนรออย่างกระวนกระวายใจ เมื่อไม่เห็นว่าสามีของตนจะตามมาเสียที ดังนั้นอวี๋ตงตงจึงพาทั้งสามคนเดินเล่นรอบ ๆ วัดก่อน ยังไม่ได้เข้าไปข้างใน“ฮูหยินไม่ต้องรีบร้อนไป ตอนนี้ท่านพี่ช่างเจิ้นคงน่าจะออกจากจวนแล้ว” อวี๋ตงตงเอ่ยบอกกับจ้าวเยว่อวี๋ตงตงเอ่ยยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงควบม้าดังมาจากทางด้านหน้าของวัดผู้มาเป็นเสวี่ยช่างเจิ้นอย่างที่คาดไว้ เขารีบกระโดดลงจากม้า แล้ววิ่งมาทางที่พวกจ้าวเยว่ยืนอยู่ในทันที“ขออภัยขอรับ ท่านย่า ท่านแม่ เมื่อคืนลูกดื่มหนักไปหน่อย ทำให้ตื่นสาย” เสวี่ยช่างเจิ้นขอโทษขอโพยท่านแม่และท่านย่าของตน“ดีที่เจ้ายังมาทันเวลาไหว้พระ เข้าไปกันเถอะ”ฮูหยินผู้เฒ่าดูจะอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย ที่หลานชายมาสาย ทว่าก็ไม่ได้ดุด่าว่ากระไร เพียงแต่เดินนำเข้า

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 61 รับตำแหน่งใหม่

    บทที่ 61รับตำแหน่งใหม่ก่อนถึงวันเดินทางราวสิบห้าวัน ตระกูลเสวี่ยก็ต้องทำการเตรียมตัว โดยผู้ดูแลงานนี้ก็คือจ้าวเยว่ถึงแม้ว่าทุกคนในครอบครัวจะไปอยู่กันที่เมืองผานหยางแต่­ทว่าจวนนี้ก็ยังต้องมีคนคอยอยู่ดูแล จ้าวเยว่ตัดสินใจไว้ ว่าจะทิ้งบ่าวไพร่ไว้บางส่วนให้ดูแลจวนนี้จ้าวเยว่หยิบสมุดออกมาเล่มหนึ่ง แล้วไล่จดรายการสิ่งของที่มีในเรือนทั้งหมด โดยแยกเป็นแต่ละส่วนทั้ง ห้องโถง เรือนบูรพา เรือนอุดร เรือนประจิม ลานหน้าบ้าน จนครบทุกที่ จากนั้นจึงนำเอารายการเหล่านั้นมาให้เสวี่ยฮูหยินกับฮูหยินผู้เฒ่าเลือกดู ว่าจะเอาสิ่งของใดไปด้วยบ้างส่วนสิ่งของที่ไม่ได้เอาไปนั้น จ้าวเยว่สั่งให้บ่าวไพร่ไปซื้อผ้ามาจำนวนหนึ่ง แล้วทำการห่อไว้เป็นอย่างดี เพื่อกันไม่ให้เกิดความเสียหายและฝุ่นจะได้ไม่เกาะอีกด้วยบ่าวไพร่ที่จะตามไปที่เมืองผานหยางนั้น จ้าวเยว่ให้พวกเขาตัดสินใจเลือกเอาตามความสะดวก ผู้ที่อยากอยู่ในหมิงเว่ย ก็ให้ทำหน้าที่เฝ้าเรือนนี้ ส่วนผู้ที่อยากติดตามไปยังเมืองผานอยาง ก็ให้ไปด้วยกัน แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นมาจนได้ เนื่องจากบ่าวไพร่ทุกคนต่างก็อยากติดตามจ้าวเยว่กับเสวี่ยช่างเจิ้นไปที่เมืองผานหยาง จนต้องบอกเล่ากัน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status