แชร์

บทที่ 7 ศึกทางทิศเหนือจบลง

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-25 16:50:50

บทที่ 7

ศึกทางทิศเหนือจบลง

ณ เมืองอวี้โจว แคว้นสือเจ้า ทางตอนเหนือของแคว้นฉางอันตะวันออก เฉินฉิงตะลีตะลานหลบหนี  เมื่อเห็นประตูเมืองถูกตีแตก เขามีสภาพกระเซอะกระเซิง แต่ก็ไม่อาจละวางหน้าที่ในมือลงได้ ชาย­หนุ่มยังคงกวาดสายตาอย่างกระวนกระวายแล้ววิ่งไปอย่างไร้ทิศทาง

เวลานี้จวนเจ้าเมืองกำลังเกิดเพลิงไหม้ ในใจเขาคิดว่าอย่างไรต้องหามันให้เจอ ก่อนที่กองกำลังของศัตรูจะมาถึงแล้วชิงมันกลับไป สุดท้ายจึงกัดฟันวิ่งเข้าไปในจวนที่กำลังเกิดเพลิงไหม้ ทว่าด้านในเปลวไฟลุกท่วมโชติช่วงรุนแรง เรือนทั้งหลังกำลังจมอยู่ในกองเพลิง ขื่อ­ คานพังถล่มอย่างต่อเนื่อง จนเขาต้องผงะถอยไปหลายก้าว

‘เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ตราประทับจะต้องถูกแย่งชิงคืนไปเป็นแน่ แต่ข้าไม่ยอมแค่นี้แน่ ข้าเป็นถึงแม่ทัพแดนใต้ของแคว้นสือเจ้า จะต้องนำมันไปให้ท่านอ๋องให้ได้’

อารมณ์ความฮึกเหิมพุ่งขึ้น เขาหมุนตัวกลับหมาย­จะกลับไปแลกชีวิตกับแม่ทัพเสวี่ย ทว่าเพิ่งออกจากจวนนั้นได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าฝูงหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางเขา ซึ่งนั่นก็คือเสวี่ยช่างเจิ้น แม่ทัพแห่งแคว้นฉางอันนั่นเอง

เฉิงฉิงอาศัยแสงจากเปลวเพลิงที่เบื้องหลัง แล้วพยายามเพ่งเล็งไปที่แม่ทัพเสวี่ย จากนั้นก็ถือดาบวิ่งตรงเข้าไปหาทันที ทหารที่ติดตามแม่ทัพเสวี่ยของตนมาต่างเร่งฝีเท้า เพื่อจะเข้าไปจัดการกับแม่ทัพของแคว้นศัตรูที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่ก็ถูกแม่ทัพของตนห้ามไว้

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”

“ขอรับ”

แม่ทัพเสวี่ยลงจากหลังม้า มือขวากำด้ามดาบไว้อย่างมั่นคง แล้วเดินตรงเข้าไปหาเฉินฉิง เมื่อระยะห่างระหว่างกันเหลือเพียงแค่สามจั้งเขาก็ตะโกนขึ้นมาว่า

“ตราประทับของแม่ทัพใหญ่แคว้นฉางอันอยู่ที่ใด”

ตราประทับนี้ถูกสายลับของแคว้นสือเจ้าขโมยไปเมื่อเดือน­ที่­แล้ว พวกมันปลอมตัวเข้ามาเป็นบ่าวไพร่ในจวนของท่านแม่­ทัพใหญ่เหยียนโหว แล้วแอบเข้าห้องทำงานและขโมยไป แต่ยังนำกลับไปไม่ถึงเมืองหลวงของพวกมัน ก็ถูกแม่ทัพเสวี่ยแกะรอยตามมาได้เสียก่อน จึงได้ส่งกองทัพลงมาเผชิญศึกกับกองทัพของแม่­ทัพเสวี่ย

“จะอย่างไรข้าก็ไม่มีทางบอกเจ้า” เฉินฉิงตะโกนกลับมา

เมื่อศัตรูเอ่ยอย่างแน่ชัดแล้ว ว่าจะไม่ยอมบอกที่ซ่อนของตรา­ประทับ แม่ทัพเสวี่ยก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ชักดาบออกจากฝักแล้ววิ่งเข้าใส่เฉินฉิงทันที

เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูป ศีรษะของเฉิน­ฉิงก็หลุดจากบ่ากลิ้งตกลงไปตามพื้น จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าทหารม้าของตน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของทหารแคว้นฉางอัน

“เอาหัวของมันไปเสียบประจานไว้ที่ประตูเมือง”

แม่ทัพเสวี่ยสั่งเสียงดังก้อง จากนั้นจึงหันไปหาทหารอีกสองสามนายแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้ามากับข้า ข้าจะเข้าไปหาตราประทับในจวน”

ตอนนี้เพลิงเริ่มสงบลงบ้างแล้ว แม่ทัพเสวี่ยกับเหล่าทหาร ใช้เวลากว่าครึ่งค่อนคืน จึงได้หาตราประทับพบ

ในที่สุดการศึกอันดุเดือดก็ยุติลง ยามนี้เป็นเวลาดึกดื่นมากแล้ว แม่ทัพคนสำคัญของศัตรูถูกแม่ทัพเสวี่ยสังหาร เจ้าเมืองถูกบังคับให้ยอมสละเมืองเพื่อเอาชีวิตรอด ทหารเมืองอวี้โจวก็บาดเจ็บล้มตายเกินกว่าครึ่ง ที่เหลือล้วนยอมจำนนหมดสิ้นแล้ว

เหล่าทหารภายใต้การปกครองของแม่ทัพเสวี่ยแม้เหนื่อยล้าเพียงใดก็ไม่ท้อถอย หลังจากที่บุกยึดเมืองอวี้โจวได้สำเร็จ ก็ทำให้ขวัญทหารกล้าฮึกเหิม ทุกหนทุกแห่งมีแต่เสียงโห่ร้องยินดี

รุ่งเช้าแม่ทัพเสวี่ยทิ้งทหารไว้จำนวนหนึ่ง ภายใต้การดูแลของรองแม่ทัพจาง ส่วนตนกับทหารที่เหลือ รีบเดินทางกลับเมือง หมิงเวยเพื่อนำตราประทับของแม่ทัพใหญ่กลับไป

เสวี่ยช่างเจิ้น แม่ทัพหนุ่มอายุน้อย เขามีอายุเพียงยี่สิบสี่ปี แต่ผลงานของเขากลับไม่น้อยดังเช่นอายุเลย ตั้งแต่ชายหนุ่มนำทัพออกศึกกว่ายี่สิบครั้ง ก็ยังไม่เคยแพ้พ่ายแม้แต่ครั้งเดียว และครั้งนี้ก็­เช่นกัน เสวี่ยช่างเจิ้นสามารถยึดเมืองอวี้โจว และนำตราประทับของแม่ทัพใหญ่กลับมาได้สำเร็จ

ด้วยความที่ยังหนุ่มแน่น และหน้าตาหล่อเหลาราวเทพเซียน อีกทั้งความสามารถที่เก่งกาจ ทำให้บรรดาสตรีทั้งนอกและทั้งในเมืองหมิงเวยต่างก็หมายปอง บุตรีของขุนนางทั้งชั้นผู้ใหญ่และผู้น้อย ล้วนก็อยากจะเป็นภรรยาของเขา แม้ว่าจะเป็นภรรยาเอกไม่ได้ ขอให้ได้เป็นอนุภรรยาก็ยังดี ส่วนสตรีสามัญชนทั้งหลายถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลจากความเป็นจริงนัก แต่ก็ขอให้ได้อยู่ใน­สายตาของเขาบ้าง พวกนางก็พอใจแล้ว

ดังนั้นที่เขากลับมาในวันนี้ เหล่าสาวน้อยที่ยังไม่ออกเรือน ต่างก็ไปรวมตัวกันที่ถนนหน้าประตูเมือง เพื่อยลโฉมของท่านแม่ทัพเสวี่ยในตอนที่เขากลับเข้าเมืองมา

“เจ้าฟังข่าวมาไม่ผิดแน่นะ ว่าท่านแม่ทัพจะกลับมาวันนี้”

ลู่เฉินจยาบุตรีสกุลลู่ คหบดีใหญ่เมืองหมิงเวยเอ่ยถามสหายที่ยืนอยู่ข้างๆ และสหายที่ยืนอยู่ข้างนางก็คือหวังเว่ยเถียนนั่นเอง

“ไม่ผิดแน่ ข้าถามท่านพ่อมาแล้ว ข่าวจากพ่อข้าไม่มีทางผิดแน่”

“แล้วเหตุใดขบวนของท่านแม่ทัพถึงยังไม่มาอีกล่ะ นี่เราก็­ยืนรอมาสองชั่วยาม[1] แล้ว” ลู่เฉินจยาใจร้อนอยากพบแม่ทัพเสวี่ยเร็ว­­ ­ๆ จึงถามไม่เลิกรา

หวังเว่ยเถียนเห็นกิริยาของนางแล้วก็เริ่มรำคาญไม่น้อย ก่อนจะสูดลมหายใจข่มโทสะเอาไว้

“ฮื่ม...ลู่เฉินจยา การเดินทางนั้น ย่อมมีช้าบ้าง เร็วบ้างเป็น­เรื่องธรรมดา ใจคอเจ้าจะให้ท่านแม่ทัพเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดย­ไม่หยุดพัก เพื่อมาให้เจ้าพบหน้าอย่างนั้นหรือ เจ้ามิใช่ภรรยาของเขาสักหน่อย”

“แล้วถ้าข้าได้เป็นขึ้นมา เจ้าก็อย่ามาขอข้าเป็นอนุก็แล้วกัน” ลู่เฉินจยากล่าวขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยการประชดประชัน

“ขอให้มีวันนั้นเสียก่อนเถอะ” หวังเว่ยเถียนประชดกลับเช่นกัน

ลู่เฉินจยาเหลียวหน้ามองหลัง ราวกับว่ากำลังหาใครสักคนอยู่ แล้วจู่ ๆ นางก็ถามขึ้นมาว่า “แล้วหลิงเจียวเล่า ไม่มากับเจ้าด้วยหรือ”

“ซูหลิงเจียวน่ะหรือ นางไม่ยอมออกมาทำสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่หรอก นางกล่าวว่าการมารอชื่นชมบุรุษนั้น ไม่เป็นกิริยาที่ชน­ชั้นสูงพึงกระทำ” หวังเว่ยเถียนตอบกลับ

“อย่างนั้นสินะ ถึงอย่างไรคนในตระกูลผู้ดีอย่างนางก็มีโอกาสมากกว่าสตรีสามัญอย่างเรา ไม่แน่นางอาจจะมีโอกาสได้­ร่วมงานเลี้ยงกับท่านแม่ทัพก็เป็นได้” ลู่เฉินจยากล่าวเชิงตัดพ้อในโชคชะตาตนเอง

หวังเว่ยเถียนได้ยินอย่างนั้นก็แค่นเสียง ‘หึ’ ออกมาหนึ่งครั้ง

“หึ...เป็นชนชั้นสูงแล้วอย่างไรเล่า ถ้าหากท่านแม่ทัพไม่ชอบอย่างไรก็คงจะไม่มีทางอยู่ดี ดูอย่างน้องสาวนางสิ เป็นชนชั้นสูงก็ยังปฏิบัติตัวเยี่ยงพวกเราเลย”

ณ ถนนฝั่งตรงกันข้าม

 ซูหนิงกำลังวิ่งชะเง้อคอไปมาเพื่อหามุมดี ๆ ในการเฝ้ารอยลโฉมของแม่ทัพเสวี่ย นางกระตือรือร้นราวกับเด็ก ๆ ที่รอชมพวกกระต่ายน้อยที่กำลังจะวิ่งออกจากกรง

จากนั้นก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมาว่าท่านแม่ทัพเสวี่ยมาแล้วดัง­อื้ออึงไปทั่วบริเวณ ทำให้เหล่าสตรีต่างก็วิ่งเข้าไปใกล้ประตูเมืองมากขึ้น พอเห็นแม่ทัพเสวี่ยควบอาชาสีดำคู่ใจผ่านเข้าประตูเมืองมา ก็พา­กันควักผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วโปรยไปให้ แม้แต่ลู่เฉินจยากับหวังเว่ยเถียนก็ทำเช่นกัน

เสวี่ยช่างเจิ้นควบม้าผ่านไปอย่างไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

ยามมีผ้าเช็ดหน้าตกลงมาที่ตัว เขาก็จะปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี หญิงสาวเหล่านั้นต่างก็ได้แต่ทำหน้าละห้อยมองตาม มิหนำซ้ำทหาร­ในขบวนของเขา กลับเดินเหยียบย่ำผ้าเช็ดหน้าเหล่านั้น โดยที่ไม่คิดแม้แต่จะเก็บมันขึ้นมาส่งคืนให้เจ้าของ

ช่างเป็นกองทหารที่เย็นชาเสียจริง!!

ชาวเมืองต่างพากันเล่าลือกันปากต่อปากเรื่องที่แม่ทัพเสวี่ยได้­ชัยชนะกลับมา กระทั่งบ่าวไพร่ในจวนเจ้ากรมจ้าวก็เอ่ยถึงเรื่องนี้เช่นกัน ผิงผิงที่กำลังขัดหลังให้จ้าวเยว่อยู่นั้นก็ยังเอ่ยขึ้นมา

“วันนี้เป็นวันที่ท่านแม่ทัพเสวี่ยกลับเข้าเมืองมา คุณหนูจะลองออกไปดูไหมเจ้าคะ”

“ไปทำไมหรือ เขามีอะไรให้น่าดูกันเล่า” จ้าวเยว่ตอบอย่างไม่สนใจ

“คุณหนูเคยพบท่านแม่ทัพแล้วหรือเจ้าคะ” ผิงผิงถามกลับ

“ยังไม่เคย” จ้าวเยว่ตอบกลับอย่างไม่สนใจเช่นเดิม

“แล้วเหตุใดถึงได้ตอบราวกับว่ารู้จักท่านแม่ทัพอย่าง­นั้นเล่าเจ้าคะ ผิงผิงก็นึกว่าตอนที่คุณหนูแอบไปฝึกยุทธ์ที่ลานฝึกของกองทัพ จะเคยเจอเขาแล้วเสียอีก”

“ไม่เคยเจอ แล้วก็ไม่ได้อยากเจอด้วย” จ้าวเยว่เอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจอยู่ดี

ผิงผิงที่พยายามยุยงให้นายของตนออกไปยลโฉมท่านแม่ทัพที่ประตูเมือง ได้แต่ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่­สามารถปลุกความกระตือรือร้นของคุณหนูได้เลย

“ผิงผิง เจ้าอยากไปใช่หรือไม่ แล้วที่พยายามหว่านล้อมข้าอยู่ตอนนี้ ก็เพราะเจ้าต้องการจะใช้ข้าเป็นข้ออ้างในการที่จะออกไปที่ประตูเมือง ใช่หรือไม่” จ้าวเยว่เอ่ยออกมาพลางใช้สายตามองผิง­ผิงอย่างกดดัน

ผิงผิงหน้าแดงซ่านขึ้นเมื่อถูกจับพิรุธได้ แต่ยังคงไม่ตอบคำถามของเจ้านาย

“เจ้าอยากไปก็ไปสิ แต่ข้าไม่ไปหรอกเพราะข้าขี้เกียจเดิน อีกอย่าง ประตูเมืองก็อยู่ไกลจากจวนเราตั้งหลายลี้[2]”

จ้าวเยว่เอ่ยจบก็ลุกพรวดขึ้นจากน้ำเพื่อเป็นการตัดบท ทว่านางก็ยังคงไม่สามารถหยุดยั้งความอยากไปของผิงผิงได้อยู่ดี

“แต่ถ้าคุณหนูไม่ไป ผิงผิงจะไปได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ” ผิงผิงกล่าวเสียงอ่อย ๆ พร้อมกับทำหน้าเศร้า

จ้าวเยว่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เอาเงินไป และบอกพ่อบ้านว่าข้าให้เจ้าไปซื้อขนมมาก็แล้วกัน”

“เจ้าค่ะ คุณหนู” ผิงผิงรับเงินมาด้วยความดีใจยิ่งนัก

หลังจากนั้นผิงผิงก็ออกจากจวนไป นางไปแวะซื้อขนมที่ร้านเหลาเสี่ยวซื่อให้คุณหนูของนางก่อน แล้วค่อยเดินต่อไปที่ประตูเมืองเพื่อรอขบวนของท่านแม่ทัพเสวี่ย เมื่อได้ยลโฉมของท่านแม่ทัพแล้ว นางก็รีบวิ่งกลับมาที่จวนด้วยความตื่นเต้น

“คุณหนูเจ้าคะ ลองทายสิเจ้าคะ ว่าท่านแม่ทัพเสวี่ยหน้าตาเป็นเช่นไร” ผิงผิงเอ่ยพร้อมส่งสายตามีเลศนัยให้จ้าวเยว่

จ้าวเยว่ที่ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องนี้เท่าใดนัก ก็ได้แต่ถามแบบเออออห่อหมกไปว่า “เป็นอย่างไรหรือ หล่อเหลาหรือไม่”

“หล่อเหลาราวกับเทพเซียนเลยเจ้าค่ะ รูปหน้าของท่านแม่­ทัพคมคายยิ่งนัก ดวงตาดุดันราวกับเหยี่ยว จมูก ปาก คาง ล้วนรับ­รูปกัน อีกทั้งร่างกายที่กำยำสูงใหญ่ ผิงผิงเห็นเขาโดดเด่นออกมาจากหมู่ทหารเลยนะเจ้าคะ ตั้งแต่เกิดมา ผิงผิงยังมิเคยเห็นผู้ใดรูป­งามถึงเพียงนี้มาก่อน” ผิงผิงตอบด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน

“นี่เจ้าถูกเขาโปรยยาเสน่ห์ใส่มา ใช่หรือไม่ ถึงได้ละเมอเพ้อหาเขาถึงเพียงนี้” จ้าวเยว่เอ่ยพร้อมมองดูสาวใช้คนสนิทของตนอย่างค้นหา

ผิงผิงทำหน้าบึ้งตึงขึ้นมาแล้วตอบว่า

“ยาเสน่ห์อะไรเล่าเจ้าคะ ท่านแม่ทัพรูปงามจริง ๆ ถ้าคุณหนูได้พบ รับรองว่าจะต้องคิดเหมือนกันกับผิงผิงเป็นแน่”

จ้าวเยว่ได้แต่ส่ายหน้าแล้วคิดในใจว่า

‘ความหลงใหลของสตรีนี่ช่างไม่มีเหตุผลจริงๆ’

พูดพร่ำทำเพลง

[1] ชั่วยาม เป็นการนับเวลาแบบจีน 1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง

[2] ลี้ เป็นหน่วยวัดของจีนมีความยาวเท่ากับ 500 เมตร

บทที่เกี่ยวข้อง

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 8 สมรสพระราชทาน

    บทที่ 8 สมรสพระราชทานแม่ทัพเสวี่ยเมื่อมาถึงเมืองหมิงเวย ก็มุ่งหน้าไปที่พระราชวังโดยไม่หยุดพักที่ใด ถึงแม้ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยจากการกรำศึกมา­เป็นเวลาหลายเดือน แต่ทว่าความมุ่งมั่นในการทำเพื่อแผ่นดินของเขานั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด จึงต้องนำรายงานไปกราบทูลฮ่องเต้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังมีตราประทับของท่านแม่ทัพใหญ่ ที่จะต้องส่งคืนให้ถึงมือ รวมถึงเครื่องบรรณาการต่าง ๆ ที่ยึดมาได้จากเมือ­งอวี้โจว“เร่งฝีเท้าเร็วเข้า อย่าให้ฝ่าบาทต้องรอนาน” แม่ทัพเสวี่ยเอ่ย­ขึ้นด้วยเสียงจริงจังขบวนของแม่ทัพเสวี่ยเปลี่ยนจากการเดินเท้าด้วยความเร็วมาเป็นวิ่งเหยาะ เพื่อให้เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเดิมโดยครั้งนี้แม่ทัพเสวี่ยนำทหารมาด้วยเพียงหนึ่งร้อยนายเท่านั้น ส่วนทหารที่เหลือในกองทัพ ได้ถูกสั่งการให้เดินทางกลับเข้าค่ายทหารซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองไปเรียบร้อยแล้วในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ขบวนของแม่ทัพหนุ่มก็เคลื่อนมาถึงพระราชวัง“แม่ทัพเสวี่ยมาถึงแล้ว!” เสียงทหารเฝ้าประตูวังดังขึ้นแม่ทัพเสวี่ยเดินตรงเข้าไปยังท้องพระโรงแต่เพียงผู้เดียว ส่วนรองแม่ทัพและทหารที่เหลือ ต่างยืนรออยู่หน้าประตู พร้อมกับเคลื่อนย้ายเหล่าเครื่อง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 9 ข่าวกระจายแพร่ออกไป

    บทที่ 9 ข่าวกระจายแพร่ออกไปข่าวการสมรสพระราชทาน ระหว่างคุณหนูสกุลจ้าวและแม่­ทัพเสวี่ยช่างเจิ้นนั้นได้แพร่สะพัดไปทั่วฉางอัน ผู้คนต่างให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าเจ้าสาวจะเป็นจ้าวเยว่ เนื่องจากนางมีชื่อเสียงที่ไม่ดีนัก อันมาจากความเกียจคร้านของนาง จนบางคนถึงกลับเอาไปนินทากันต่าง ๆ นานาในโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ซูหลิงเจียว หวังเว่ยเถียน และสตรีอีกสองสามนาง กำลังนั่งจิบน้ำชากันอยู่ ภายในโรงน้ำชาแห่งนี้กำลังเล่าลือกันปากต่อปากถึงเรื่องสมรสพระราชทานครั้งนี้เช่นกัน“เจ้าคิดว่าเมื่อจ้าวเยว่แต่งเข้าจวนของแม่ทัพเสวี่ยแล้ว นางจะอยู่ได้หรือไม่” หวังเว่ยเถียนเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน เพราะมั่นใจเหลือเกินว่าจ้าวเยว่นั้นไม่มีอะไรที่เทียบเคียงกับท่านแม่ทัพได้เลยซูหลิงเจียวจิบน้ำชาคำหนึ่งก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่­ต่างกัน “ข้าว่านางอยู่ได้ไม่นานหรอก คนเกียจคร้านอย่างนาง ไหนเลยจะทำหน้าที่ฮูหยินที่ดีได้”“ใช่ ๆ ข้าเห็นด้วย ไหนจะเรื่องการดูแลเรือน ไหนจะเรื่องปรนนิบัติสามี ข้าว่านางทำไม่ได้หรอก ดีไม่ดีนางได้วิ่งออกมาจากจวนตระกูลเสวี่ย ตั้งแต่สามวันแรกที่แต่งเข้าจวนด้วยซ้ำ” สตรีนางหนึ่งกล่าวเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 10 ไม่สามารถขัดขืนได้

    บทที่ 10 ไม่สามารถขัดขืนได้เมื่อได้รับคำสั่งแน่ชัดแล้ว จ้าวเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการ­แต่งงานในครั้งนี้ เพราะต่อให้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่นาง ก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี และแม้จะไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้นางจะต้องออกเรือน แต่เรื่องการแต่งงานของนางคงต้องเกิดขึ้นในวันใดวันหนึ่งอยู่ดี เนื่องจากท่านแม่คงไม่ยินยอมจ้าวเยว่เดินมาที่บ่อปลาในสวนหลังจวนอีกเช่นเคย เนื่องจากทุกครั้งที่นางรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ชอบใจ น้อยใจ หรือว่าโกรธ ก็จะมาสนทนากับเหล่าสหายปลาที่แหวกว่ายไปมาอยู่ตรงนี้เสมอถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นแค่ปลา ไม่สามารถกล่าววาจาโต้ตอบใด ๆ ได้ก็จริง แต่เมื่อเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้พวกมันฟังแล้ว พวกมันก็จะรับฟังแต่โดยดี จนนางรู้สึกสบายใจขึ้นจ้าวเยว่นั่งลงที่ข้างบ่อปลา หยิบกิ่งไม้ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาแล้ว­ตีน้ำเบา ๆ “เจ้าปลาทั้งหลาย พวกเจ้าคิดว่าเรื่องของข้านั้นน่า­เป็นกังวลหรือไม่ ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ เป็น­อะไรที่ข้าไม่ยินดียินร้ายเอาเสียเลย ข้ารู้สึกลึก ๆ ว่าตนเองไม่ได้­อยากจะแต่งงานเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะขัดขืนไปทำไม หรือว่าหัวใจของข้าจะด้านชาไปเสียแล้ว อีกอย่าง ถ้าข้าออกเรือนไป จะท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 11 นางเป็นสตรีที่แปลกยิ่งนัก

    บทที่ 11 นางเป็นสตรีที่แปลกยิ่งนักในระหว่างที่พี่ชายทั้งสองต่างก็นิ่งเงียบ เสียงกุกกักก็ดังมาจากด้านหลังของหีบใบหนึ่งตรงมุมห้อง จ้าวเยว่ถึงกับตกใจเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกพี่ชายทั้ง­สองจึงจับความผิดปกติได้ในทันที จ้าวหลู่เจินลุกขึ้นและเดินตรงไปที่หีบใบนั้น พลางชักดาบคู่­กายออกจากฝักคมดาบในมือต้องแสงเทียนจนเป็นประกาย ชาย­หนุ่มได้ใช้ปลายดาบจ่อไปตรงกลางหีบแล้วเอ่ยเสียงดัง “ออกมา!” เซียวเฟิงกับซูหนิงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ทั้งคู่ต่างยกมือขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับยิ้มเจื่อนออกมา“ท่านพี่ทั้งสอง ข้าเอง” เซียวเฟิงยิ้มแหย ๆ ขณะเอ่ยด้วยเสียงอ่อย“ให้ตายเถอะคุณชายเซียว เหตุใดจึงได้มาอยู่ในห้องของน้อง­สามได้ล่ะ” จ้าวหลู่เจินถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่ามีบุคคลอื่นในห้องของน้องสาวเซียวเฟิงที่บัดนี้หายตกใจแล้ว จึงได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ “ก็เหมือนพวกท่านทั้งสองนั่นแหละ ข้าได้ข่าวเรื่องการแต่งงาน จึงมาปลอบนาง”ทั้งจ้าวหลู่เจินกับจ้าวอวี้เฉินมองไปทางซูหนิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซียวเฟิง แล้วจ้าวหลู่เจินก็เอ่ยถามเสียงเข้ม“แล้วแม่นางน้อยผู้นี้เป็นใคร”ซูหนิงกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้แม้แต่จะเปิดปา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 12 เสวี่ยช่างเจิ้น

    บทที่ 12 เสวี่ยช่างเจิ้นเมื่อมาถึงห้องโถง จ้าวเยว่ก็ต้องตกใจเล็กน้อยกับข้าวของที่วางเรียงรายอยู่ มีทั้งเครื่องประดับจำพวกสร้อย แหวน ปิ่นปักผม กำไลหยก และผ้าไหมแพรพรรณราคาแพงอีกหลายพับตอนแรกนางนึกแปลกใจอยู่ว่าจ้าวฮูหยินลงทุนซื้อของมากมายขนาดนี้ทำไมกัน ทว่าก็ได้แค่เพียงเก็บข้อสงสัยไว้ในใจ มิได้ถามไถ่ออกมา“ท่านแม่ เรียกข้ามามีอะไรหรือเจ้าคะ แล้วนี่อะไรเจ้าคะ”จ้าวฮูหยินที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตำแหน่งนายหญิงของจวน หันหน้าไปทางสิ่งของเหล่านั้นทันทีเมื่อได้ยินบุตรสาวเอ่ยถาม“เจ้าคงเห็นสิ่งของพวกนี้แล้วสินะ”“เจ้าค่ะ”จ้าวฮูหยินเมื่อได้รับคำตอบของบุตรสาวจึงได้เอ่ยประโยคต่อมา “นี่เป็นสิ่งของที่­ฮ่องเต้กับฮองเฮาพระราชทานให้แก่เจ้า เป็นสิ่งสำคัญที่ให้เจ้าเอาไว้ใช้ยามออกเรือน พรุ่งนี้ข้าจะให้คนมาวัดตัวเพื่อตัดชุด­แต่งงานให้เจ้า”จ้าวเยว่มองไปที่ผ้าไหมสีแดงหลายพับที่อยู่ในหีบที่กำลังเปิดอ้า พร้อมกับลอบถอนหายใจเบา ๆ หากเป็นสตรีอื่น พวกนางคงดีใจกันจนแทบจะร้องไห้เลยทีเดียว ที่ได้รับสิ่งของพระราชทานเหล่านี้ ซึ่ง­ขัดแย้งกับกิริยาของนางในตอนนี้ยิ่งนักเนื่องจากหญิงสาวไม่รู้สึกอะไรกับข้าวของพวกนี้ที่ได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 13 ข้าไม่อยากทำอันใด

    บทที่ 13 ข้าไม่อยากทำอันใดลมเหมันต์พัดมาต้องกายในยามเช้า ทำให้จ้าวเยว่ถึงกับสั่น­สะท้านไปทั้งตัว ฤดูเหมันต์ในปีนี้เหมือนจะหนาวกว่าทุก ๆ ปี ตามถนน หลังคาจวน ต้นไม้ บันได และที่อื่น ๆ ต่างก็มีหิมะปกคลุมเต็มไปหมด ทำให้นางถึงกับไม่อยากออกจากจวนไปไหนเลยเป็นเวลาสองสามวัน อากาศยิ่งหนาวมากเท่าไร นางก็ยิ่งขี้เกียจมากขึ้นเท่านั้นเวลานี้จ้าวเยว่เอาผ้าห่มมาพันม้วนตัวเองไว้กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง ราวกับถังหูลู่ที่กลิ้งชุบน้ำตาลอย่างไรอย่างนั้น“ผิงผิงเจ้าเติมฟืนที่เตาให้หน่อยสิ ข้ารู้สึกว่ามันยังร้อนไม่­พอ” จ้าวเยว่หันไปบอกกับผิงผิงสาวใช้คนสนิท ทั้งที่ตัวนางยังไม่ยอมออกจากผ้าห่มผิงผิงมองไปที่เตาเห็นไฟลุ่มท่วมจนล้นออกมาด้านนอกก็­ตอบกลับคล้ายจะประชดเล็กน้อย “จะเติมอีกหรือเจ้าคะ ถ้าเติมมากกว่านี้ ก็เท่ากับคุณหนูจะเผาเรือนแล้วนะเจ้าคะ”“ก็ข้าหนาวนิ” จ้าวเยว่บ่นอุบ พร้อมกับมีเสียงฟันกระทบกันดังกึก ๆ“เดี๋ยวผิงผิงไปเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้นะเจ้าคะ” ผิงผิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุก­จากเก้าอี้ไปหยิบผ้าห่มด้านหลังห้องส่วนจ้าวเยว่ดีดตัวลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับมองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหาวิธีที่จะคลายหนาว ฉับพลันในหัวก็ค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 14 ถูกกักบริเวณ

    บทที่ 14 ถูกกักบริเวณเมื่อเข้ามาในห้องโถง จ้าวเยว่ย่อกายทำความเคารพมารดา ก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่มารดาเรียกตนเองมาพบ “ท่านแม่เรียกให้ข้ามาพบ มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”จ้าวฮูหยินโยนของบางอย่างลงพื้น ซึ่งนั่นก็คือผ้าปิดหน้าสีแดง พร้อมกับชี้ให้จ้าวเยว่ดู “เจ้าดูเอาเอง ว่านี่คืออะไร”ตอนนี้จ้าวเยว่รู้แล้วว่าหายนะมาเยือนตัวเองแล้ว จะแก้ตัวก็คงไม่ทันแล้วเช่นกัน วิธีที่ที่ดีสุด ก็คือยอมรับไปเลยดีกว่า แล้วค่อยหาข้ออ้างว่า­ทำไมต้องทำเช่นนั้น“ท่านแม่ คะ...คือข้าคิดว่าฝีเข็มและความสามารถด้านการตัดเย็บของข้านั้นแย่เอามาก ๆ หากข้าทำออกมาเองคงจะกลายเป็นผ้าปิดหน้าที่อัปลักษณ์ที่สุดในเมืองหมิงเว่ย ไม่สิ ต้องเป็นทั่วแคว้นฉางอันเลยก็เป็นได้ ข้าเลยคิดว่า ให้ผิงผิงทำน่าจะดีกว่าเจ้าค่ะ”นี่เป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ค่อยขึ้นสักเท่าไร จ้าวฮูหยินจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด“ถึงจะอัปลักษณ์อย่างไร เจ้าก็ต้องทำเอง นี่มันคือผ้าปิด­หน้าของเจ้า ผิงผิง...เจ้าเองก็เช่นกัน ช่วยเหลือในสิ่งที่ไม่สมควรช่วย”“ผิงผิงขอโทษเจ้าค่ะ ผิงผิงจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน”ผิงผิงรีบคุกเข่ากล่าวขอโทษขอโพยฮูห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 15 มาลานฝึกยุทธ์

    บทที่ 15 มาลานฝึกยุทธ์ลานฝึกแห่งนี้เป็นลานฝึกเฉพาะสำหรับแม่ทัพนายกองระดับกลางขึ้นไป ซึ่งจ้าวหลู่เจินพี่ชายคนโตของจ้าวเยว่ก็ฝึกที่นี่ด้วย เนื่องจากเขาเป็นถึงรองแม่ทัพ จึงมีสิทธิ์ที่จะพาคนของตนเองเข้ามาฝึกในลานฝึกแห่งนี้ได้ ดังนั้นจ้าวเยว่จึงได้แอบมาฝึกยุทธ์ที่นี่อยู่บ่อย­ครั้งนอกจากจะมีพี่ชายของตนอยู่ที่นี่แล้ว ลานฝึกแห่งนี้ ก็ยังไม่ไกลจากจวน หากว่าจ้าวฮูหยินเรียกหาเมื่อไร ก็สามารถวิ่งหรือไม่ก็ขี่ม้ากลับไปได้ทันทีจ้าวเยว่คุ้นเคยกับเหล่าแม่ทัพนายกองเป็นอย่างดี ถึงขั้นเคยประลองกันมาแล้วก็ตั้งหลายหน จึงไม่ได้มีการเคอะเขินแม้แต่น้อย เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษเหล่านี้ มีก็แต่ผิงผิงที่รู้สึกจะไม่ค่อยสบายใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่คุ้นชินกับการที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางบุรุษมากมาย“พี่ใหญ่!!” จ้าวเยว่ตะโกนเสียงดัง จนเหล่าแม่ทัพนายกองหัน­มากันหมด ที่ฝึกกันอยู่ก็ถึงกับหยุดชะงัก แล้วหันกลับมาทักทายเป็นเสียงเดียวกัน“คุณหนูจ้าว ยินดีที่ได้พบ”“คารวะทุกท่าน ยินดีเช่นกัน” จ้าวเยว่ตอบกลับ พร้อมกับโบกมือให้พี่ชายของนางด้วยรอยยิ้มจ้าวหลู่เจินเก็บดาบใส่เข้าฝัก ก่อนจะเดินมาหาน้องสาว โดยมี­ทหารอีกสองสามนายเดินตาม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25

บทล่าสุด

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 6 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ครอบครัว

    ตอนพิเศษ 6จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นครอบครัวคุณชายเสวี่ยชางเยว่อายุได้สิบหกหนาวแล้ว เขาเพิ่งเรียนจบชั้นปีสุดท้ายจากสำนักศึกษา อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งในกองทัพ เป็นถึงหัวหน้าหน่วยพลทหารราบถือทวนอีกด้วย ผลจากการฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็ก จึงทำให้ฝีมือทวนของเขาเป็นรองเพียงแค่บิดาเท่านั้น นอกจากนั้นต่างก็ประลองแพ้เขาราบคาบ พลทหารทุกคน จึงยอมรับในฝีมือที่เก่งกาจเกินอายุของเขาเสวี่ยชางเยว่มีน้องสาวคนหนึ่ง ปีนี่ก็อายุย่างเข้าเก้าหนาวแล้ว มีนามว่าเสวี่ยหรูหราน เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ชอบเล่นซุกซนเหมือนบุรุษ ดูไปแล้วทั้งหน้าตาและนิสัยเหมือนกับจ้าวเยว่ไม่มีผิด นางชอบฝึกยุทธ์กับพี่ชาย และที่แตกต่างจากจ้าวเยว่อย่างหนึ่ง ก็คือนางมีฝีมือในเรื่องของศาสตร์ของสตรี ทั้งการเย็บปักถักร้อย เขียนอักษร วาดภาพ ทำอาหาร นางล้วนทำได้ดีเป็นอย่างยิ่งด้วยความที่เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปหน้างามประดุจสตรีเหมือนบิดาไม่มีผิด อีกทั้งยังอัธยาศัยดี วาจาไพเราะ บุตรสาวตระกูลต่างๆ จึงพากันหมายปอง ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดในเมืองผานหยาง ย่อมมีหญิงสาวมองตามเขาอยู่เป็นประจำ บางคนถึงกับโยนผ้าเช็ดหน้าให้กลางถนนเลยก็มีและเสวี่ยชางเยว

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 5 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ปกป้องเมือง

    ตอนพิเศษ 5จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นปกป้องเมืองเซียวเฟิงกับซูหนิงได้รับการต้อนรับอย่างดี วันแรกที่พวกเขามาถึงเสวี่ยช่างเจิ้นก็จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ให้อย่างอบอุ่น อีกทั้งยังให้รองแม่ทัพเว่ยเป็นผู้พาทั้งสองทั้งสองเที่ยวที่เมืองผานหยางซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า ฟ่านตวนคงจะให้ฟ่านหลินหลินเป็นคนตามไปด้วย ในเมื่อบุตรชายของท่านมหาเสนาบดีมาเมืองผานหยางทั้งที เจ้าเมืองอย่างเขา จะไม่เอาอกเอาใจได้อย่างไร“รองแม่ทัพเว่ย ท่านเห็นว่าข้าควรจะซื้อสิ่งใดไปฝากท่านพ่อกับท่านแม่ดี ที่เมืองผานหยางมีสิ่งใดน่าสนใจหรือไม่”เซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น พลางสายตาก็กวาดมองไปบนถนนกลางเมือง ที่มีของขายมากมายอยู่เต็มไปหมด มากมายเสียจนไม่รู้ว่าจะซื้อสิ่งใดกลับไปฝากทุกคนที่จวนดีฟ่านหลินหลินที่มีนิสัยขี้ประจบเอาใจไม่ต่างจากบิดา มีดีก็ตรงที่นางฉลาดกว่า และรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ จึงได้แนะนำไปว่า“ถ้าหากสำหรับบุรุษแล้วล่ะก็ จำพวกแผ่นป้าย หรือว่าตราสัญลักษณ์ที่ทำจากหยกของช่างที่นี่ฝีมือดีอย่างยิ่ง หากว่าท่านราชบัณฑิตอยากจะสั่งทำ ก็ใช้เวลาเพียงแค่สี่ห้าวันเท่านั้นเจ้าค่ะ แต่หากสำหรับสตรีแล้ว แป้งผัดหน้าที่นี่มีคุณภาพสูงไม่

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 4 จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่

    ตอนพิเศษ 4จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่จวนแม่ทัพใหญ่เสวี่ยที่เมืองผานหยางในคืนหิมะตกหนัก จวนแม่ทัพก็วุ่นวายเป็นการใหญ่ สาวใช้วิ่งวุ่นไปทั่วจวน เพื่อเตรียมของไว้รอหมอตำแยที่กำลังเดินทางมา ภายในห้องมีทั้งเสวี่ยฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า แล้วก็เสวี่ยช่างเจิ้น ที่กำลังกุมมือของจ้าวเยว่ไว้­แน่น และคอยบอกนางว่า ให้อดทนอีกสักหน่อย“ประเดี๋ยวหมอตำแยก็มาแล้ว เจ้าอดทนอีกหน่อยเถิดนะ”เสวี่ยช่างเจิ้นบอกกล่าวกับภรรยา พร้อมกับกระชับมือบางไว้แน่นจ้าวเยว่ที่เพิ่งจะเคยคลอดลูกเป็นครั้งแรกก็หวั่นใจเล็กน้อย นางหันไปถามเสวี่ยฮูหยินว่า “ท่านแม่ ตอนที่ท่านคลอดท่านพี่นั้น เจ็บปวดเพียงใดเจ้าคะ”“เจ็บปวดเพียงชั่วครู่ เมื่อเจ้าได้ยินเสียงลูกก็จะหายเจ็บปวดเอง”เสวี่ยฮูหยินตอบพร้อมกับให้กำลังใจลูกสะใภ้ที่กำลังมอบทายาทให้ตระกูลเสวี่ยคนแรกน้ำร้อนสองอ่างถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะด้านข้างเตียง ฤดูเหมันต์อากาศหนาว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ทารกที่คลอดออกมาได้รับความอบอุ่น และยังต้องให้ความอบอุ่นแก่ผู้เป็นแม่เช่นกัน ผิงผิงจึงน้ำผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตามใบหน้าและแขนขา ให้คุณหนูของตนรถม้าของจวนแม่ทัพที่ส่งให้ไปร

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 3 ซูหนิง - เซียวเฟิง แต่งงาน

    ตอนพิเศษ 3ซูหนิง - เซียวเฟิงแต่งงานเมื่อเซียวเฟิงกลับมาถึงจวน ก็เดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที แต่ทว่าบิดาและมารดากลับไม่มีใครอยู่ที่จวน ท่านเซียวโหวมีงานที่ต้องหารือกับฮ่องเต้เรื่องการสร้างเขื่อนเก็บน้ำที่เมืองต้าข่าย เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมอยู่ทุกปี ส่วนเซียวฮูหยินนั้นไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนชินอ๋อง เขาจึงตัดสินใจกลับเข้าเรือนของตนเองไปก่อน ให้ท่านทั้งสองกลับมาก่อน ค่อยนำเรื่องที่เขาตั้งใจไว้ ไปแจ้งให้พวกท่านทราบวันนี้เซียวเฟิงรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ความจริงที่เขาแอบชอบซูหนิงมาตั้งนานแล้วนั้นได้เปิดเผยออกไปเสียที เมื่อก่อนเขายังสับสนว่า รักนางเหมือนน้องสาวหรือว่ารักนางเหมือนคนรักกันแน่ มาวันนี้ก็ได้เข้าใจตัวเองแล้ว อีกทั้งยังเป็นที่น่ายินดีอย่างมากที่นางตกลงแต่งให้เขา ความสุขกายสบายใจเช่นนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นในรอบปี ทำเอาเขายิ้มหน้าบานตลอดทั้งวัน“นายน้อยจะแช่น้ำหรือไม่ขอรับ”หวังเหมิงบ่าวรับใช้ประจำกายของเซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น เขาเห็นนายน้อยดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก็คิดว่านายน้อยคงอยู่ในช่วงเวลามีความสุขเป็นแน่ ช่วงเวลาที่มีความสุขเช่นนี้ เหมาะแก่การแช่น้ำเป็นท

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2   ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าจะแต่งกับท่าน

    ตอนพิเศษ 2 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าจะแต่งกับท่านคำตอบของซูหนิงทำให้เซียวเฟิงรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง จนเขาแทบอยากจะถามคำถามนางต่อ แต่ก็ข่มใจไว้ และห้ามตนเองว่า อย่าได้ตื่นเต้นจนเสียอาการ มิเช่นนางอาจจะรู้สึกกลัวหรือระมัดระวังตัวอย่างมากจนไม่เป็นตัวของตัวเองก็เป็นได้“แล้วลักษณะของบุรุษที่เจ้าชมชอบเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ต้องแข็งแกร่งเก่งกาจถึงขั้นเป็นแม่ทัพเลยหรือไม่” เซียวเฟิงหยั่งเชิงถามออกมา และรอคอยคำตอบอย่างมีหวังการที่ได้รู้ว่าบุรุษในใจของซูหนิงเป็นอย่างไรนั้น ส่งผลต่อการสนทนาของทั้งสองเป็นอย่างมาก หากว่าคำตอบของซูหนิงเป็นเหมือนกับที่เขาคาดคิดไว้ การสนทนานี้จะดำเนินต่อไปอย่างมีความหวัง แต่ถ้าหากว่าคำตอบของนางไม่ได้เป็นดังที่คาด บทสนทนาก็อาจจะสะดุดลงได้ หรือถึงขั้นมีผู้ใดผู้หนึ่งต้องเสียใจ เซียวเฟิงจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยคำตอบนี้จากปากนางซูหนิงวางถ้วยน้ำชาในมือลง แล้วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ราวกับว่าบนท้องฟ้าจะมีใบหน้าของบุรุษผู้นั้นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายแล้วนางก็หันมามองเซียวเฟิง ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ข้าชมชอบบุรุษที่ใจดีและเข้าใจข้าเป็นที่สุด” นี่คือคำตอบที่มาจาก

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกัน

    ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกันขบวนรถม้าของตระกูลเสวี่ยเคลื่อนออกจากหน้าจวนไปแล้ว บริเวณด้านหน้าของจวนตระกูลเสวี่ยเวลานี้จึงเหลือเพียงคนตระกูลจ้าวที่มองขบวนรถม้าของจ้าวเยว่ด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ อีกทั้งยังมีเซียวเฟิงและซูหนิงที่ยังคงไม่ไปไหน ทั้งสองมองตามหลังรถม้าไปด้วยความเศร้าสร้อย ราวกับว่าทุกอย่างจะหยุดหมุน เมื่อพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้อยู่ด้วยกันเมื่อรถม้าของตระกูลเสวี่ยพ้นสายตา คนตระกูลจ้าวจึงเดินทางกลับจวนตนเอง แม้จะมีสายตาอาลัยอาวรณ์ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เสียใจที่บุตรสาวของตนเองต้องไปอยู่ที่เมืองอื่นเลย นี่อาจจะเป็นเพราะว่า เขยขวัญได้เลื่อนยศเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังปกป้องดินแดนเหนือ ดังนั้นแม้จะจากลา แต่ควรดีใจจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่สำหรับเซียวเฟิงและซูหนิงนั้นไม่ใช่เลย พวกเขารู้สึกราวกับว่าขาดคนสำคัญไป เนื่องจากทั้งสามเป็นสหายกันมานาน ไม่ว่าเรื่องราวอันใดก็จะร่วมทำด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่จ้าวเยว่แต่งงาน พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกห่างเหินกันเลยสักครั้งเดียว ทั้งสองยังคงจำได้ถึงวันที่ชักชวนกันปีนหลังคาของจวนตระกูลจ้าว ในคืนหนึ่งก่อนที่จ้า

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย เพราะรัก

    บทส่งท้าย เพราะรักค่ายทหารที่เมืองผานหยางนี้ดูจะเล็กกว่าที่เมืองหลวงอยู่เล็กน้อย เนื่องจากมีทหารประจำการเพียงแค่หนึ่งแสนห้าหมื่นนาย ทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นนายนี้ ดูแลชายแดนเหนือโดยเริ่มตั้งแต่เมือง­ผานหยางไปทางทิศตะวันออก ในส่วนของเมืองผานหยางไปทางทิศตะวันตก ซึ่งก็คือเมืองเซี่ยงตง อยู่ในความดูของกองทัพหลวงแต่ถ้าหากว่ากองทัพหลวงต้องการกำลังเสริมเมื่อใด กองทัพปกป้องแดนเหนือนี้ ก็พร้อมที่จะยกทัพไปช่วยทันทีทหารบางส่วนจดจำเสวี่ยช่างเจิ้นได้ เมื่อเห็นว่าเขาจะมาเป็นแม่ทัพใหญ่คนใหม่แทนแม่ทัพรั่วหยางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง วิ่งกรูกันมาต้อนรับ จนแทบจะยกทั้งเสวี่ยช่างเจิ้นทั้งม้าเข้าไปในค่ายเมื่อเห็นจ้าวเยว่ พวกเขายิ่งยินดีมากขึ้นไปอีก เมื่อสตรีที่อาจหาญเลื่องชื่อผู้นี้ มาเยือนถึงค่ายทหาร“ท่านแม่ทัพกับฮูหยินเชิญด้านในขอรับ” ทหารเฝ้าประตูบอกพร้อมกับเดินนำหน้าพวกเขาไป“พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ฮูหยินก็มาด้วย หากเป็นไปได้ฮูหยินจะให้เกียรติมาฝึกสอนพลธนูที่ค่ายก็ได้นะขอรับ” หัวหน้าพลธนูกล่าวออกมาอย่างคาดหวัง“เอาล่ะ ๆ อย่าเพิ่งวุ่นวายกันเลย เดี๋ยวข้าไปหาท่านแม่ทัพกับรองแม่ทัพทั้งหลายก่อน จากนั้นถึงจ

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 62 ถึงเมืองผานหยาง

    บทที่ 62ถึงเมืองผานหยางวัดเหล่ากวงซี ดูเหมือนจะเป็นวัดเพียงแห่งเดียวในเมืองสวีโจวนี้ เนื่องจากเมืองสวีโจวเป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่ได้มีผู้คนอาศัยอยู่มากนัก ก็เลยไม่มีสถานที่ต่างๆ ให้ไปเที่ยวสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่วัด­เหล่ากวงซีแห่งนี้ แล้วก็ตลาด ส่วนนอกเมืองก็มีแม่น้ำหวังอิ่งที่กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ตั้งแต่อวี๋ตงตงสร้างอ่างเก็บน้ำจ้าวเยว่ยืนรออย่างกระวนกระวายใจ เมื่อไม่เห็นว่าสามีของตนจะตามมาเสียที ดังนั้นอวี๋ตงตงจึงพาทั้งสามคนเดินเล่นรอบ ๆ วัดก่อน ยังไม่ได้เข้าไปข้างใน“ฮูหยินไม่ต้องรีบร้อนไป ตอนนี้ท่านพี่ช่างเจิ้นคงน่าจะออกจากจวนแล้ว” อวี๋ตงตงเอ่ยบอกกับจ้าวเยว่อวี๋ตงตงเอ่ยยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงควบม้าดังมาจากทางด้านหน้าของวัดผู้มาเป็นเสวี่ยช่างเจิ้นอย่างที่คาดไว้ เขารีบกระโดดลงจากม้า แล้ววิ่งมาทางที่พวกจ้าวเยว่ยืนอยู่ในทันที“ขออภัยขอรับ ท่านย่า ท่านแม่ เมื่อคืนลูกดื่มหนักไปหน่อย ทำให้ตื่นสาย” เสวี่ยช่างเจิ้นขอโทษขอโพยท่านแม่และท่านย่าของตน“ดีที่เจ้ายังมาทันเวลาไหว้พระ เข้าไปกันเถอะ”ฮูหยินผู้เฒ่าดูจะอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย ที่หลานชายมาสาย ทว่าก็ไม่ได้ดุด่าว่ากระไร เพียงแต่เดินนำเข้า

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 61 รับตำแหน่งใหม่

    บทที่ 61รับตำแหน่งใหม่ก่อนถึงวันเดินทางราวสิบห้าวัน ตระกูลเสวี่ยก็ต้องทำการเตรียมตัว โดยผู้ดูแลงานนี้ก็คือจ้าวเยว่ถึงแม้ว่าทุกคนในครอบครัวจะไปอยู่กันที่เมืองผานหยางแต่­ทว่าจวนนี้ก็ยังต้องมีคนคอยอยู่ดูแล จ้าวเยว่ตัดสินใจไว้ ว่าจะทิ้งบ่าวไพร่ไว้บางส่วนให้ดูแลจวนนี้จ้าวเยว่หยิบสมุดออกมาเล่มหนึ่ง แล้วไล่จดรายการสิ่งของที่มีในเรือนทั้งหมด โดยแยกเป็นแต่ละส่วนทั้ง ห้องโถง เรือนบูรพา เรือนอุดร เรือนประจิม ลานหน้าบ้าน จนครบทุกที่ จากนั้นจึงนำเอารายการเหล่านั้นมาให้เสวี่ยฮูหยินกับฮูหยินผู้เฒ่าเลือกดู ว่าจะเอาสิ่งของใดไปด้วยบ้างส่วนสิ่งของที่ไม่ได้เอาไปนั้น จ้าวเยว่สั่งให้บ่าวไพร่ไปซื้อผ้ามาจำนวนหนึ่ง แล้วทำการห่อไว้เป็นอย่างดี เพื่อกันไม่ให้เกิดความเสียหายและฝุ่นจะได้ไม่เกาะอีกด้วยบ่าวไพร่ที่จะตามไปที่เมืองผานหยางนั้น จ้าวเยว่ให้พวกเขาตัดสินใจเลือกเอาตามความสะดวก ผู้ที่อยากอยู่ในหมิงเว่ย ก็ให้ทำหน้าที่เฝ้าเรือนนี้ ส่วนผู้ที่อยากติดตามไปยังเมืองผานอยาง ก็ให้ไปด้วยกัน แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นมาจนได้ เนื่องจากบ่าวไพร่ทุกคนต่างก็อยากติดตามจ้าวเยว่กับเสวี่ยช่างเจิ้นไปที่เมืองผานหยาง จนต้องบอกเล่ากัน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status