แชร์

บทที่ 13 ข้าไม่อยากทำอันใด

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-25 16:58:41

บทที่ 13

ข้าไม่อยากทำอันใด

ลมเหมันต์พัดมาต้องกายในยามเช้า ทำให้จ้าวเยว่ถึงกับสั่น­สะท้านไปทั้งตัว ฤดูเหมันต์ในปีนี้เหมือนจะหนาวกว่าทุก ๆ ปี ตามถนน หลังคาจวน ต้นไม้ บันได และที่อื่น ๆ ต่างก็มีหิมะปกคลุมเต็มไปหมด ทำให้นางถึงกับไม่อยากออกจากจวนไปไหนเลยเป็นเวลาสองสามวัน อากาศยิ่งหนาวมากเท่าไร นางก็ยิ่งขี้เกียจมากขึ้นเท่านั้น

เวลานี้จ้าวเยว่เอาผ้าห่มมาพันม้วนตัวเองไว้กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง ราวกับถังหูลู่ที่กลิ้งชุบน้ำตาลอย่างไรอย่างนั้น

“ผิงผิงเจ้าเติมฟืนที่เตาให้หน่อยสิ ข้ารู้สึกว่ามันยังร้อนไม่­พอ” จ้าวเยว่หันไปบอกกับผิงผิงสาวใช้คนสนิท ทั้งที่ตัวนางยังไม่ยอมออกจากผ้าห่ม

ผิงผิงมองไปที่เตาเห็นไฟลุ่มท่วมจนล้นออกมาด้านนอกก็­ตอบกลับคล้ายจะประชดเล็กน้อย “จะเติมอีกหรือเจ้าคะ ถ้าเติมมากกว่านี้ ก็เท่ากับคุณหนูจะเผาเรือนแล้วนะเจ้าคะ”

“ก็ข้าหนาวนิ” จ้าวเยว่บ่นอุบ พร้อมกับมีเสียงฟันกระทบกันดังกึก ๆ

“เดี๋ยวผิงผิงไปเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้นะเจ้าคะ” ผิงผิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุก­จากเก้าอี้ไปหยิบผ้าห่มด้านหลังห้อง

ส่วนจ้าวเยว่ดีดตัวลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับมองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหาวิธีที่จะคลายหนาว ฉับพลันในหัวก็คิดขึ้นมาได้ ‘หรือว่าจะแอบออกไปฝึกยุทธ์ดี ถ้าออกไปฝึกยุทธ์ ร่างกายก็คงจะอบอุ่นอยู่ไม่น้อย’ จากนั้นจึงได้เรียกบอกให้ผิงผิงสาวใช้คนสนิทของตนไม่ต้องเอาผ้ามาแล้ว

“ผิงผิง เจ้าไม่ต้องเอาผ้าห่มออกมาแล้วล่ะ ข้าไม่ใช้แล้ว”

“ทำไมหรือเจ้าคะ คุณหนูบอกว่าหนาวมิใช่หรือเจ้าคะ” ผิงผิงตอบกลับมาด้วยสีหน้าสงสัย ในเมื่อบอกว่าหนาวแล้วทำไมถึงไม่ให้เอาผ้าห่มให้ล่ะ

“ตอนนี้ไม่หนาวแล้ว ข้ามีความคิดดี ๆ ที่จะไม่ทำให้ข้าหนาวเย็นแล้วล่ะ” จ้าวเยว่เอ่ยพร้อมทุบกำปั้นลงบนฝ่ามืออีกข้าง ท่าทางภูมิใจยิ่งนัก

“อะไรหรือเจ้าคะ ต้องไม่เป็นเรื่องดีแน่เลย” ผิงผิงเอ่ยราวกับคาดเดาได้ว่าคุณหนูของตนจะทำอะไร

จ้าวเยว่ทำหน้าตาบูดบึ้งใส่สาวใช้คนสนิท ที่ดุเหมือนจะรู้ทันนาง “เจ้านี่ก็ชอบมองข้าในแง่ร้ายอยู่เรื่อย ข้าไม่ไปทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นหรอกนะ อย่างน้อยก็ไม่ได้ไป­สังหารผู้ใด”

“จะมีสักกี่ครั้ง ที่คุณหนูคิดจะทำอะไรแล้วจะไม่ถูกฮูหยินเรียกไปพบที่ห้องโถงบ้างเจ้าคะ” ผิงผิงเอ่ยขึ้นตามจริง จะมีสักกี่ครั้งที่คุณหนูของนางทำอะไรแล้วไม่ถูกเรียก

“ก็จริงของเจ้า เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ข้าไม่ยอมหรอก อย่างไรข้าก็ต้องไปให้ได้” จ้าวเยว่เอ่ยเสียงดังขึ้นมา ก่อนที่นางจะลุกพรวดออกจากเตียง แล้วไปเปลี่ยนเป็นชุดสำหรับฝึก­ยุทธ์ที่ทะมัดทะแมง เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็วิ่งออกจากประตูไปทันที

ผิงผิงที่พยายามจะวิ่งตาม แต่ก็ช้ากว่าตลอด ได้แต่ตะโกนไล่­หลังให้คุณหนูของนาง “คุณหนูไปไหนเจ้าคะ รอผิงผิงด้วย”

จ้าวเยว่วิ่งออกจากห้องมาอย่างร่าเริง แต่ทว่ายังไปไม่ถึงไหนก็ต้องพบกับจ้าวฮูหยินที่เดินสวนมาเสียก่อน เนื่องจากนางกำลังจะมาหาจ้าวเยว่ อยู่­พอดี

ความรู้สึกตอนนั้นของจ้าวเยว่ ก็เหมือนกับว่าถูกฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะอย่างไรอย่างนั้น สิ่งที่มุ่งหมายไว้พังทลายลงไปกับตา นางได้แต่ทำหน้าเจื่อนก่อนจะเรียกมารดาเสียงเบา

“ท่านแม่”

“เจ้าจะไปไหนหรือเยว่เอ๋อร์” ฮูหยินใหญ่เอ่ยถาม สายตาสำรวจมองดูจ้าวเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ท่าทางของเจ้าดูเหมือนจะออกไปข้างนอก จะออกไปโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตข้า ใช่หรือไม่”

“ปะ...เปล่าเจ้าค่ะ ข้ากำลังจะไปขออนุญาตท่านแม่อยู่พอดี ว่า­จะออกไปซื้อแป้งผัดหน้ามาไว้เพิ่มเสียหน่อย” จ้าวเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ไม่กล้าสู้หน้ามารดาสักเท่าไร

จ้าวเยว่คิดว่าคำโกหกของนาง จะสามารถทำให้นางเอา­ตัวรอดไปได้แล้ว แต่ว่าท่าทางที่ผิดปกตินั้นก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของผู้เป็นมารดาอยู่ดี เมื่อมองการแต่งกายของบุตรสาวนั้นช่างผิดปกติวิสัยนัก มีอย่างที่ไหนถึงได้แต่งตัวเช่นนี้

“ไปซื้อแป้งผัดหน้าหรือ เหตุใดจึงต้องแต่งตัวเช่นนี้ บอกความจริงข้ามาเดี๋ยวนี้นะ จ้าวเยว่!!”  จ้าวฮูหยินเค้นเสียงถามเยียบเย็น เมื่อเห็นการแต่งกายของจ้าวเยว่

เมื่อถูกต้อนให้จนมุม จ้าวเยว่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ได้แต่พยายามหาคำเอ่ยที่คิดว่าน่าจะดีที่สุดแล้วเอ่ยออกมา

“ข้าไม่ได้โกหกนะเจ้าคะท่านแม่ ข้าจะไปซื้อแป้งผัดหน้าจริง ๆ แต่ระหว่างทางกลับข้าก็แค่จะแวะเล่นน้ำสักหน่อย แฮะ ๆ”

“เหตุผลของเจ้าฟังไม่ขึ้นเลย อากาศหนาวถึงเพียงนี้จะเล่นน้ำ... เจ้าไม่ต้องเอ่ยแล้ว ตามข้ามา” จ้าวฮูหยินคร้านจะสนใจฟังคำแก้ตัวของบุตรสาวอีกแล้ว จึงได้บอกให้นางเดินตามมา

จ้าวเยว่ปฏิเสธไม่ได้จึงได้เดินตามมารดาของตนกลับเข้าไปในห้องแต่โดยดี ส่วนผิง­ผิงที่ไหวตัวทัน ก็รีบวิ่งกลับมาก่อนแล้วจัดเตรียมห้องให้เรียบร้อย

เมื่อเข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้ว จ้าวฮูหยินซึ่งมาพร้อมสาวใช้นางหนึ่ง ในมือของสาวใช้มีผ้าสีแดงผืนโปร่งบางอยู่หนึ่งพับ พร้อมทั้งสะดึงและด้ายสีต่าง ๆ อีกสามสี่ม้วน สาวใช้นางนั้นยื่นของในมือทั้งหมดให้กับจ้าวเยว่ จ้าวเยว่เองก็จำใจ­รับมาพร้อมกับทำหน้างุนงง

“ท่านแม่ให้สิ่งนี้ข้ามาทำไมหรือเจ้าคะ” จ้าวเยว่ถามอย่างสงสัยใคร่รู้

“นี่คือผ้ามงคลสำหรับให้เจ้าตัดเย็บผ้าปิดหน้าเจ้าสาว ตามธรรมเนียมแล้วเจ้าต้องเป็นคนตัดเย็บมันด้วยตัวเอง และอีกเพียงสิบ­วันก็จะถึงวันงานแล้ว ข้าจึงต้องเอามาให้เจ้าก่อน เพราะข้ารู้ว่าไม่มีทางที่เจ้าจะทำเสร็จได้ภายในวันสองวันเป็นแน่”

พอได้ยินก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาเล็กน้อย การเป็นเจ้าสาวว่าลำบากแล้ว นี่นางยังต้องมาลำบากตัดเย็บผ้าปิดหน้าเองอีกหรือ จึงเงยหน้ามองผู้เป็นมารดา แต่ทว่าเมื่อจ้าวฮูหยินกล่าวจบแล้ว ก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้จ้าวเยว่แบกรับความลำบากใจนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว

เมื่อแผ่นหลังของฮูหยินใหญ่ลับสายตาไปแล้วนั้น คุณหนูผู้­ปราดเปรื่อง ก็หันขวับมามองผิงผิงสาวใช้คนสนิททันที ผิงผิงเหมือนจะรู้ชะตากรรมของตนเอง จึงชิงเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “ไม่นะเจ้าคะ ผิงผิงไม่ทำ”

“เจ้า...ต้อง...ทำ” จ้าวเยว่มองเข้าไปในตาของผิงผิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

ผิงผิงจึงได้บอกเล่าออกไปด้วยความจนใจว่า

“มันเป็นธรรมเนียมที่จ้าวสาวจะต้องเป็นผู้ตัดเย็บผ้าปิดหน้าของตัวเอง เองเจ้าค่ะ จะให้ผู้อื่นทำแทนไม่ได้”

“เมื่อไรพวกเขาจะยกเลิกธรรมเนียมพวกนี้เสียที ไม่เห็นจะ­เป็นประโยชน์อันใดเลย สมควรจะมีร้านขายผ้าปิดหน้าเลยเสีย­ด้วยซ้ำ” จ้าวเยว่บ่นอุบเมื่อถูกสาวใช้ขัดใจ

“ทำไปเถอะเจ้าค่ะ อย่างไรเสียงานแต่งนี้ ก็เป็นงานของคุณหนู คุณหนูอยากปักลายอะไร ก็เลือกเองได้เลย” ผิงผิงเอ่ยบอกอย่างกระตือรือร้น

จ้าวเยว่ทำหน้าเอือมระอาให้ผิงผิงคราหนึ่งก่อนจะเอ่ยกลับมา “ความสามารถอย่างข้าคงปักนกกระเรียนให้กลายเป็นไก่ล่ะสิไม่ว่า”

จากนั้นจึงหันไปอ้อนวอนผิงผิงอีกครั้ง “นะ...ผิงผิง เจ้าช่วยข้านะ ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้า ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครแล้ว” พร้อมกับส่งสายตาที่น่าสงสารให้กับสาวใช้คนสนิท

ซึ่งตัวของผิงผิงนั้นรักคุณหนูของตัวเองยิ่งกว่าผู้ใด ดังนั้นเมื่อถูกจ้าว­เยว่อ้อนวอน ก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้ จึงรับผ้าสีแดงพับนั้นมาด้วยดี

“อ้อ แล้วเจ้าก็อย่าทำเสร็จเร็วเกินไปล่ะ เดี๋ยวท่านแม่จะสงสัยเอา” จ้าวเยว่ได้เอ่ยจบ นางจึงเอนหลังลงนอนบนเตียงสบายใจ เนื่องจากการปักผ้าไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการเลย

สามวันต่อมา...

จ้าวฮูหยินเข้ามาในห้องของจ้าวเยว่ เพื่อที่จะดูว่าบุตรสาวตัด­เย็บผ้าปิดหน้าไปถึงไหนแล้ว แต่นางเข้ามาในตอนที่จ้าวเยว่กับผิงผิงไม่อยู่

เมื่อเข้ามาแล้วก็พบว่าผ้าปิดหน้าตัดเย็บเสร็จเรียบร้อย อีก­ทั้งยังถูกตัดเย็บอย่างดี ฝีเข็มในการเย็บละเอียดมาก มิหนำซ้ำลวดลายที่ปักบนผ้าก็สวยงามวิจิตรเป็นอย่างยิ่ง

‘นี่ต้องไม่ใช่ความสามารถของจ้าวเยว่เป็นแน่ ลูกคนนี้ช่างร้ายกาจนัก”

นางคิดในใจ จากนั้นก็เก็บผ้าปิดหน้านี้ไว้ แล้วกลับไปยังห้อง­โถงและนั่งรอบุตรสาวจอมเจ้าเล่ห์ของตน

ไม่นานก็มีเสียงเดินและเสียงสนทนาดังมาจากทางประตูเข้า­จวน เป็นจ้าวเยว่กับผิงผิงที่เพิ่งกลับมาจากออกไปเดินเล่นข้าง­นอกกับซูหนิง เมื่อกลับมาถึงจวน ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าประตูไป บ่าวที่เฝ้าประตูก็เอ่ยขึ้นมา

“ฮูหยินให้คุณหนูไปพบที่ห้องโถงขอรับ”

จ้าวเยว่ได้ยินเช่นนั้นก็หยุดร่าเริงทันที ก่อนจะก็โอดครวญขึ้นมา “ห้องโถงอีกแล้ว นี่มันห้องประหารข้าชัด ๆ”

กล่าวจบก็เดินทำหน้าตาอิดโรยไปยังห้องโถงทันที โดยมี ผิงผิงสาวใช้คนสนิทตามไปด้วย

ผิงผิงสังหรณ์ใจว่า จะต้องเป็นเรื่องผ้าปิดหน้าเป็นแน่ นี่แสดงว่า ฮูหยินจะรู้ความจริงแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 14 ถูกกักบริเวณ

    บทที่ 14 ถูกกักบริเวณเมื่อเข้ามาในห้องโถง จ้าวเยว่ย่อกายทำความเคารพมารดา ก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่มารดาเรียกตนเองมาพบ “ท่านแม่เรียกให้ข้ามาพบ มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”จ้าวฮูหยินโยนของบางอย่างลงพื้น ซึ่งนั่นก็คือผ้าปิดหน้าสีแดง พร้อมกับชี้ให้จ้าวเยว่ดู “เจ้าดูเอาเอง ว่านี่คืออะไร”ตอนนี้จ้าวเยว่รู้แล้วว่าหายนะมาเยือนตัวเองแล้ว จะแก้ตัวก็คงไม่ทันแล้วเช่นกัน วิธีที่ที่ดีสุด ก็คือยอมรับไปเลยดีกว่า แล้วค่อยหาข้ออ้างว่า­ทำไมต้องทำเช่นนั้น“ท่านแม่ คะ...คือข้าคิดว่าฝีเข็มและความสามารถด้านการตัดเย็บของข้านั้นแย่เอามาก ๆ หากข้าทำออกมาเองคงจะกลายเป็นผ้าปิดหน้าที่อัปลักษณ์ที่สุดในเมืองหมิงเว่ย ไม่สิ ต้องเป็นทั่วแคว้นฉางอันเลยก็เป็นได้ ข้าเลยคิดว่า ให้ผิงผิงทำน่าจะดีกว่าเจ้าค่ะ”นี่เป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ค่อยขึ้นสักเท่าไร จ้าวฮูหยินจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด“ถึงจะอัปลักษณ์อย่างไร เจ้าก็ต้องทำเอง นี่มันคือผ้าปิด­หน้าของเจ้า ผิงผิง...เจ้าเองก็เช่นกัน ช่วยเหลือในสิ่งที่ไม่สมควรช่วย”“ผิงผิงขอโทษเจ้าค่ะ ผิงผิงจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน”ผิงผิงรีบคุกเข่ากล่าวขอโทษขอโพยฮูห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 15 มาลานฝึกยุทธ์

    บทที่ 15 มาลานฝึกยุทธ์ลานฝึกแห่งนี้เป็นลานฝึกเฉพาะสำหรับแม่ทัพนายกองระดับกลางขึ้นไป ซึ่งจ้าวหลู่เจินพี่ชายคนโตของจ้าวเยว่ก็ฝึกที่นี่ด้วย เนื่องจากเขาเป็นถึงรองแม่ทัพ จึงมีสิทธิ์ที่จะพาคนของตนเองเข้ามาฝึกในลานฝึกแห่งนี้ได้ ดังนั้นจ้าวเยว่จึงได้แอบมาฝึกยุทธ์ที่นี่อยู่บ่อย­ครั้งนอกจากจะมีพี่ชายของตนอยู่ที่นี่แล้ว ลานฝึกแห่งนี้ ก็ยังไม่ไกลจากจวน หากว่าจ้าวฮูหยินเรียกหาเมื่อไร ก็สามารถวิ่งหรือไม่ก็ขี่ม้ากลับไปได้ทันทีจ้าวเยว่คุ้นเคยกับเหล่าแม่ทัพนายกองเป็นอย่างดี ถึงขั้นเคยประลองกันมาแล้วก็ตั้งหลายหน จึงไม่ได้มีการเคอะเขินแม้แต่น้อย เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษเหล่านี้ มีก็แต่ผิงผิงที่รู้สึกจะไม่ค่อยสบายใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่คุ้นชินกับการที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางบุรุษมากมาย“พี่ใหญ่!!” จ้าวเยว่ตะโกนเสียงดัง จนเหล่าแม่ทัพนายกองหัน­มากันหมด ที่ฝึกกันอยู่ก็ถึงกับหยุดชะงัก แล้วหันกลับมาทักทายเป็นเสียงเดียวกัน“คุณหนูจ้าว ยินดีที่ได้พบ”“คารวะทุกท่าน ยินดีเช่นกัน” จ้าวเยว่ตอบกลับ พร้อมกับโบกมือให้พี่ชายของนางด้วยรอยยิ้มจ้าวหลู่เจินเก็บดาบใส่เข้าฝัก ก่อนจะเดินมาหาน้องสาว โดยมี­ทหารอีกสองสามนายเดินตาม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 16 พบหน้าแม่สามี

    บทที่ 16 พบหน้าแม่สามีการที่เสวี่ยฮูหยินมาในครั้งนี้ ย่อมต้องเป็นเรื่องการแต่งงานของจ้าวเยว่กับบุตรชายของนางเป็นแน่ แต่ว่านางจะมาคุยเรื่องอะไรบ้างนั้น จ้าวเยว่ไม่สามารถคาดเดาได้ ถึงอย่างไรก็คงต้องรอให้ถึงจวนก่อนถึงจะรู้ผิงผิงรีบเร่งคนขับรถม้าให้บังคับม้าให้วิ่งเร็วขึ้น เนื่องจากคุณหนูของนางต้องรีบกลับจวนให้เร็วที่สุด คนขับรถม้าก็ทำตามจน­ตอนนี้สภาพนายบ่าวทั้งสองที่อยู่ภายในรถม้า ที่กระเทือน­จนเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมด ทั้งสองแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยจน­กลับถึงจวนบ่าวที่เฝ้าประตูหลังก็รีบเปิดประตูให้พวกนางเข้าไปอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังดูต้นทางให้นางอีกด้วยเมื่อถึงห้อง ผิงผิงก็รีบจัดเตรียมเสื้อผ้าให้คุณหนูของนางเปลี่ยน เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป[1] จ้าวเยว่ก็จัดการตัวเองเสร็จสรรพแล้ว­เดินออกไปพบเสวี่ยฮูหยินที่ห้องโถงเวลานี้จ้าวฮูหยินนั่งทำตาเขียวอย่างมีโทสะอยู่ที่ประจำของตนเอง คำแรกที่นางถามขึ้นมาก็คือ “เจ้าไปไหนมา”จ้าวเยว่ย่อกายคารวะเสวี่ยฮูหยินเสร็จแล้ว จึงคารวะมารดาตนเอง พร้อมกล่าวอย่างนอบน้อม“จ้าวเยว่ คารวะเสวี่ยฮูหยิน คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”เสวี่ยฮูหยินเมื่อได้เห็นว่าลูกสะใภ้มีกิริ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 17 เตรียมตัวแต่งงาน

    บทที่ 17 เตรียมตัวแต่งงานวันต่อมา...เช้านี้จ้าวเยว่ตื่นขึ้นมาด้วยความร่าเริงผิดปกติ ผิงผิงเองก็ถึงกับประหลาดใจ ว่าเมื่อคืนคุณหนูของตนยังคงเศร้าสร้อย ยามที่เอ่ยถึงเรื่องการแต่งงาน ไฉนวันนี้ถึงได้กลายเป็นคนละคนไปได้อากาศวันนี้ไม่ได้หนาวมากนัก ถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูเหมันต์ แต่ทว่าแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามานั้น ก็ทำให้ภายในห้องอบอุ่นอยู่­ไม่น้อย จ้าวเยว่กำลังนั่งอ่านตำราม้วนหนึ่งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องผิงผิงถือชุดสำหรับใส่ในวันนี้เข้ามาให้ นางแขวนชุดไว้แล้วจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ ทำไมวันนี้ผิงผิงรู้สึกว่าคุณหนูดูร่าเริงผิดปกติ”“ผิงผิง ข้าตัดสินใจแล้ว ว่าข้าจะไม่อยู่อย่างหดหู่อีกต่อไป”จ้าวเยว่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใส“อยู่อย่างหดหู่อย่างไรหรือเจ้าคะ ข้าเห็นว่าพวกเราก็อยู่กันอย่างสุขสบายดีมิใช่หรือ” ผิงผิงงงงันกับสิ่งที่ผู้เป็นเจ้านายของนางเอ่ยออกมาจ้าวเยว่วางม้วนตำราในมือลง แล้วกันมากล่าวกับสาวใช้คนสนิท“ผิงผิงนะผิงผิง ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น ที่ข้าเอ่ยก็คือก่อนหน้านี้ ข้ารู้สึกหดหู่ที่จะต้องแต่งงาน แต่ว่าตอนนี้ข้าได้พบกับแม่สามีแล้ว ก็รู้สึกว่าท่านน่าจะดีต่อข้า ดังนั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 18 อย่าให้ใครดูหมิ่นเจ้าได้

    บทที่ 18 อย่าให้ใครดูหมิ่นเจ้าได้เช้าวันต่อมา...หยางหมัวหมัวมาถึงจวนตั้งแต่เช้าเหมือนทุกวัน แต่คราวนี้จ้าวเยว่รออยู่ก่อนแล้ว นางตั้งใจว่าวันนี้จะผ่านการทดสอบ โดยจะทำให้ทั้งหยางหมัวมัวและจ้าวฮูหยินต้องตกตะลึงจน­หงายหลังไปตาม ๆ กัน และแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆเมื่อจ้าวเยว่ผ่านการทดสอบไปได้อย่างง่ายดาย หยางหมัวมัวภูมิใจในตัวลูกศิษย์คนนี้มาก จ้าวฮูหยินก็อึ้งจนเอ่ยอะไรไม่ออก ก่อนจากไปหยางหมัวหมัวยังกำชับเรื่องจรรยามารยาทอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าจ้าวเยว่ไม่ลืม“เจ้าทำได้ดีมาก”หลังจากหยางหมัวมัวกลับไปแล้ว จ้าวฮูหยินจึงเอ่ยชมบุตรสาวด้วยความภูมิใจนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มารดาเอ่ยชื่นชมนาง จ้าวเยว่ถึงกับงงงัน เนื่องจากที่ผ่านมานั้นนางก็ไม่เคยทำอะไรให้เป็นที่ชื่น­ชมเลย ส่วนใหญ่เป็นการหาเรื่องให้ถูกลงโทษทั้งนั้น เมื่อได้ยินคำ­ชมขึ้นมา ก็รู้สึกแปลกหูอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าควรจะโต้ตอบกลับไปว่า­อย่างไรดี“ขะ...ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่” จ้าวเยว่เอ่ยออกมาเสียงเบาและดูตะกุกตะกักจนน่าขัน แม้แต่จ้าวฮูหยินยังอดที่จะแอบยิ้มไม่ได้จ้าวฮูหยินมองบุตรสาวตนเองอีกครั้งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ต่อไปก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 19 สมศักดิ์ศรีฮูหยินท่านแม่ทัพ

    บทที่ 19 สมศักดิ์ศรีฮูหยินท่านแม่ทัพสองวันต่อมา...ขบวนรับเจ้าสาวกับสินสอดของตระกูลเสวี่ยก็มาถึง หีบใบหนึ่งบรรจุทองคำกว่าหมื่นตำลึง กับยอดอาชาอีกสิบสองตัว อีกทั้งแพร­พรรณและเครื่องประดับ เครื่องเรือน เครื่องใช้ อีกนับไม่ถ้วน ตระกูลเสวี่ยเป็นตระกูลใหญ่ อีกทั้งเสวี่ยช่างเจิ้นยังมีศักดิ์เป็นถึงน้องชายของฮองเฮา ฉะนั้นงานแต่งงานของตระกูลเสวี่ย จึงต้องยิ่งใหญ่เป็นพิเศษประตูใหญ่จวนตระกูลจ้าวเปิดกว้างต้อนรับขบวนรับเจ้าสาว เดิมทีตามธรรมเนียมแต่งงานนี้ การรับเจ้าสาวนั้นต้องให้เจ้าบ่าวมารับด้วยตนเอง ถึงแสดงให้เห็นว่าฝ่ายชายยกย่องให้เกียรติเมื่อมองไม่เห็นเจ้าบ่าวอยู่ที่หน้าขบวนขันหมาก ก็พลันทำให้คนตระกูลจ้าวรู้สึกหวั่นใจอยู่บ้าง แต่ทว่าแม่ทัพเสวี่ยก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เขาขี่ม้าออกมาจากด้านหลังขบวน ก่อนจะลงจากม้าเดินเข้าไปในจวนตระกูลจ้าวพร้อมกับแม่สื่อด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยสาวใช้นางหนึ่งวิ่งจากทางห้องโถงมายังเรือนนอนของจ้าวเยว่ นางเพียงแต่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ได้เข้ามา แต่เสียงดังลอดประตูมา เพื่อแจ้งข่าวเรื่องขบวนเจ้าบ่าวมาถึงแล้ว“คุณหนู ขบวนรับเจ้าสาวมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”“ไปบอกท่านแม่เถอะ ว่าข้าพร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 20 งานเลี้ยงมงคล

    บทที่ 20งานเลี้ยงมงคลกลับมาทางจวนเสวี่ย เวลานี้เมื่อขบวนเจ้าสาวเดินทางมาถึงจวน แม่สื่อรีบไปประคองจ้าวเยว่ลงจากเกี้ยว จากนั้นเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็เดินเข้าไปข้างในจวนตระกูลเสวี่ยถูกตกแต่งอย่างสวยงามเพื่องานแต่งของท่านแม่ทัพเสวี่ยช่างเจิ้นกับคุณหนูจ้าวเยว่ในครั้งนี้ ภายในจวนประดับประดาไว้ด้วยผ้ามงคลสีแดง อีกทั้งยังมีดอกไม้สีแดงตกแต่งอยู่เต็มไปหมด บนระเบียงทางเดินก็จุดโคม­แดงขึ้นทีละดวงเพื่อความเป็นสิริมงคลแขกเหรื่อผู้มาเข้าร่วมพิธี ต่างก็แต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย นั่งคุกเข่าตามลำดับบนตั่งเตี้ยซึ่งจัดวางไว้เบื้องหลังโต๊ะ พวกเขาสนทนาด้วยเสียงอันเบากับผู้ที่นั่งอยู่ข้างกาย ขณะที่กำลังรอ­คอยให้ถึงฤกษ์มงคลในจำนวนคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเหล่าแม่ทัพนายก­องและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ส่วนมากจะมีความเกี่ยวข้อง หรือไม่ก็สนิทสนมกับทั้งตระกูลเสวี่ยและตระกูลจ้าวทั้งสิ้น ดังนั้นพวกเขาล้วนยินดีกับการที่ได้มาในพิธีมงคลสมรสครั้งนี้ เว้นก็เสียแต่ซูม่อเยี่ย ที่มาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก แต่ทว่าจะไม่มาก็ไม่ได้ เนื่องจากผู้เชิญนั้นเป็นตระกูลเสวี่ยที่คุ้นเคยกันรอจนถึงฤกษ์มงคลแล้ว จ้าวเยว่ก็เดินเข้าสู่โถงพิธ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 21 ข้าเคยเห็นนางแล้ว

    บทที่ 21ข้าเคยเห็นนางแล้วแต่ทว่าหากตามมารยาทที่ควรมี เขาจำเป็นที่จะต้องฝืนยิ้มทำทีว่า­ยินดีด้วยเป็นอย่างยิ่ง“ท่านอาซู” เสวี่ยช่างเจิ้นถือจอกสุรามาหยุดอยู่ตรงหน้าซูม่อเยี่ยแล้วกล่าวทักทาย“มา ๆ นั่งเถอะ” ซูม่อเยี่ยกวักมือให้เสวี่ยช่างเจิ้นมานั่งฝั่ง­ตรงข้าม“คารวะท่านอาซูหนึ่งจอกขอรับ” เสวี่ยช่างเจิ้นยังคงทำเหมือนกับที่­ผ่านมาก่อนหน้านี้ คือยื่นจอกสุราออกไปคารวะแล้วยกดื่มโดยที่ซูม่อเยี่ยก็ทำเช่นกัน “ดื่มให้เจ้า”เขายกสุราขึ้นดื่มแล้ววางลง จากนั้นก็ตัดสินใจเอ่ยบางอย่างขึ้นมา“ความจริงแล้วข้าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีข้าหมายปองเจ้าไว้ให้หลิงเจียวบุตรสาวข้า แต่ทว่าฮ่องเต้ก็ทรงตัดสินพระทัยไปแล้วคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีก ช่างน่าเสียดายจริง ๆ” ซูม่อเยี่ยเอ่ยขึ้น เนื่องจากเสียดายแม่ทัพหนุ่มที่หมายมั่นไว้ว่าจะเอามาเป็นบุตรเขยของตน“หลานว่าน้องหลิงเจียวต้องได้คู่ครองที่ดีในภายภาคหน้าเป็นแน่” เสวี่ยช่างเจิ้นตอบกลับเพียงเล็กน้อย คล้ายกับรักษาน้ำใจอีกฝ่าย แม้จะอึดอัดกับคำเอ่ยของซูม่อเยี่ยก็ตาม“เอาอย่างนี้ดีหรือไม่เล่า ถ้าหากว่าเจ้าพร้อมที่จะรับอนุเมื่อใดข้าจะส่งนางแต่งเข้าจวนของเจ้า” ซูม่อเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25

บทล่าสุด

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 6 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ครอบครัว

    ตอนพิเศษ 6จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นครอบครัวคุณชายเสวี่ยชางเยว่อายุได้สิบหกหนาวแล้ว เขาเพิ่งเรียนจบชั้นปีสุดท้ายจากสำนักศึกษา อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งในกองทัพ เป็นถึงหัวหน้าหน่วยพลทหารราบถือทวนอีกด้วย ผลจากการฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็ก จึงทำให้ฝีมือทวนของเขาเป็นรองเพียงแค่บิดาเท่านั้น นอกจากนั้นต่างก็ประลองแพ้เขาราบคาบ พลทหารทุกคน จึงยอมรับในฝีมือที่เก่งกาจเกินอายุของเขาเสวี่ยชางเยว่มีน้องสาวคนหนึ่ง ปีนี่ก็อายุย่างเข้าเก้าหนาวแล้ว มีนามว่าเสวี่ยหรูหราน เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ชอบเล่นซุกซนเหมือนบุรุษ ดูไปแล้วทั้งหน้าตาและนิสัยเหมือนกับจ้าวเยว่ไม่มีผิด นางชอบฝึกยุทธ์กับพี่ชาย และที่แตกต่างจากจ้าวเยว่อย่างหนึ่ง ก็คือนางมีฝีมือในเรื่องของศาสตร์ของสตรี ทั้งการเย็บปักถักร้อย เขียนอักษร วาดภาพ ทำอาหาร นางล้วนทำได้ดีเป็นอย่างยิ่งด้วยความที่เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปหน้างามประดุจสตรีเหมือนบิดาไม่มีผิด อีกทั้งยังอัธยาศัยดี วาจาไพเราะ บุตรสาวตระกูลต่างๆ จึงพากันหมายปอง ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดในเมืองผานหยาง ย่อมมีหญิงสาวมองตามเขาอยู่เป็นประจำ บางคนถึงกับโยนผ้าเช็ดหน้าให้กลางถนนเลยก็มีและเสวี่ยชางเยว

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 5 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ปกป้องเมือง

    ตอนพิเศษ 5จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นปกป้องเมืองเซียวเฟิงกับซูหนิงได้รับการต้อนรับอย่างดี วันแรกที่พวกเขามาถึงเสวี่ยช่างเจิ้นก็จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ให้อย่างอบอุ่น อีกทั้งยังให้รองแม่ทัพเว่ยเป็นผู้พาทั้งสองทั้งสองเที่ยวที่เมืองผานหยางซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า ฟ่านตวนคงจะให้ฟ่านหลินหลินเป็นคนตามไปด้วย ในเมื่อบุตรชายของท่านมหาเสนาบดีมาเมืองผานหยางทั้งที เจ้าเมืองอย่างเขา จะไม่เอาอกเอาใจได้อย่างไร“รองแม่ทัพเว่ย ท่านเห็นว่าข้าควรจะซื้อสิ่งใดไปฝากท่านพ่อกับท่านแม่ดี ที่เมืองผานหยางมีสิ่งใดน่าสนใจหรือไม่”เซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น พลางสายตาก็กวาดมองไปบนถนนกลางเมือง ที่มีของขายมากมายอยู่เต็มไปหมด มากมายเสียจนไม่รู้ว่าจะซื้อสิ่งใดกลับไปฝากทุกคนที่จวนดีฟ่านหลินหลินที่มีนิสัยขี้ประจบเอาใจไม่ต่างจากบิดา มีดีก็ตรงที่นางฉลาดกว่า และรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ จึงได้แนะนำไปว่า“ถ้าหากสำหรับบุรุษแล้วล่ะก็ จำพวกแผ่นป้าย หรือว่าตราสัญลักษณ์ที่ทำจากหยกของช่างที่นี่ฝีมือดีอย่างยิ่ง หากว่าท่านราชบัณฑิตอยากจะสั่งทำ ก็ใช้เวลาเพียงแค่สี่ห้าวันเท่านั้นเจ้าค่ะ แต่หากสำหรับสตรีแล้ว แป้งผัดหน้าที่นี่มีคุณภาพสูงไม่

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 4 จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่

    ตอนพิเศษ 4จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่จวนแม่ทัพใหญ่เสวี่ยที่เมืองผานหยางในคืนหิมะตกหนัก จวนแม่ทัพก็วุ่นวายเป็นการใหญ่ สาวใช้วิ่งวุ่นไปทั่วจวน เพื่อเตรียมของไว้รอหมอตำแยที่กำลังเดินทางมา ภายในห้องมีทั้งเสวี่ยฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า แล้วก็เสวี่ยช่างเจิ้น ที่กำลังกุมมือของจ้าวเยว่ไว้­แน่น และคอยบอกนางว่า ให้อดทนอีกสักหน่อย“ประเดี๋ยวหมอตำแยก็มาแล้ว เจ้าอดทนอีกหน่อยเถิดนะ”เสวี่ยช่างเจิ้นบอกกล่าวกับภรรยา พร้อมกับกระชับมือบางไว้แน่นจ้าวเยว่ที่เพิ่งจะเคยคลอดลูกเป็นครั้งแรกก็หวั่นใจเล็กน้อย นางหันไปถามเสวี่ยฮูหยินว่า “ท่านแม่ ตอนที่ท่านคลอดท่านพี่นั้น เจ็บปวดเพียงใดเจ้าคะ”“เจ็บปวดเพียงชั่วครู่ เมื่อเจ้าได้ยินเสียงลูกก็จะหายเจ็บปวดเอง”เสวี่ยฮูหยินตอบพร้อมกับให้กำลังใจลูกสะใภ้ที่กำลังมอบทายาทให้ตระกูลเสวี่ยคนแรกน้ำร้อนสองอ่างถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะด้านข้างเตียง ฤดูเหมันต์อากาศหนาว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ทารกที่คลอดออกมาได้รับความอบอุ่น และยังต้องให้ความอบอุ่นแก่ผู้เป็นแม่เช่นกัน ผิงผิงจึงน้ำผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตามใบหน้าและแขนขา ให้คุณหนูของตนรถม้าของจวนแม่ทัพที่ส่งให้ไปร

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 3 ซูหนิง - เซียวเฟิง แต่งงาน

    ตอนพิเศษ 3ซูหนิง - เซียวเฟิงแต่งงานเมื่อเซียวเฟิงกลับมาถึงจวน ก็เดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที แต่ทว่าบิดาและมารดากลับไม่มีใครอยู่ที่จวน ท่านเซียวโหวมีงานที่ต้องหารือกับฮ่องเต้เรื่องการสร้างเขื่อนเก็บน้ำที่เมืองต้าข่าย เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมอยู่ทุกปี ส่วนเซียวฮูหยินนั้นไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนชินอ๋อง เขาจึงตัดสินใจกลับเข้าเรือนของตนเองไปก่อน ให้ท่านทั้งสองกลับมาก่อน ค่อยนำเรื่องที่เขาตั้งใจไว้ ไปแจ้งให้พวกท่านทราบวันนี้เซียวเฟิงรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ความจริงที่เขาแอบชอบซูหนิงมาตั้งนานแล้วนั้นได้เปิดเผยออกไปเสียที เมื่อก่อนเขายังสับสนว่า รักนางเหมือนน้องสาวหรือว่ารักนางเหมือนคนรักกันแน่ มาวันนี้ก็ได้เข้าใจตัวเองแล้ว อีกทั้งยังเป็นที่น่ายินดีอย่างมากที่นางตกลงแต่งให้เขา ความสุขกายสบายใจเช่นนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นในรอบปี ทำเอาเขายิ้มหน้าบานตลอดทั้งวัน“นายน้อยจะแช่น้ำหรือไม่ขอรับ”หวังเหมิงบ่าวรับใช้ประจำกายของเซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น เขาเห็นนายน้อยดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก็คิดว่านายน้อยคงอยู่ในช่วงเวลามีความสุขเป็นแน่ ช่วงเวลาที่มีความสุขเช่นนี้ เหมาะแก่การแช่น้ำเป็นท

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2   ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าจะแต่งกับท่าน

    ตอนพิเศษ 2 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าจะแต่งกับท่านคำตอบของซูหนิงทำให้เซียวเฟิงรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง จนเขาแทบอยากจะถามคำถามนางต่อ แต่ก็ข่มใจไว้ และห้ามตนเองว่า อย่าได้ตื่นเต้นจนเสียอาการ มิเช่นนางอาจจะรู้สึกกลัวหรือระมัดระวังตัวอย่างมากจนไม่เป็นตัวของตัวเองก็เป็นได้“แล้วลักษณะของบุรุษที่เจ้าชมชอบเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ต้องแข็งแกร่งเก่งกาจถึงขั้นเป็นแม่ทัพเลยหรือไม่” เซียวเฟิงหยั่งเชิงถามออกมา และรอคอยคำตอบอย่างมีหวังการที่ได้รู้ว่าบุรุษในใจของซูหนิงเป็นอย่างไรนั้น ส่งผลต่อการสนทนาของทั้งสองเป็นอย่างมาก หากว่าคำตอบของซูหนิงเป็นเหมือนกับที่เขาคาดคิดไว้ การสนทนานี้จะดำเนินต่อไปอย่างมีความหวัง แต่ถ้าหากว่าคำตอบของนางไม่ได้เป็นดังที่คาด บทสนทนาก็อาจจะสะดุดลงได้ หรือถึงขั้นมีผู้ใดผู้หนึ่งต้องเสียใจ เซียวเฟิงจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยคำตอบนี้จากปากนางซูหนิงวางถ้วยน้ำชาในมือลง แล้วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ราวกับว่าบนท้องฟ้าจะมีใบหน้าของบุรุษผู้นั้นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายแล้วนางก็หันมามองเซียวเฟิง ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ข้าชมชอบบุรุษที่ใจดีและเข้าใจข้าเป็นที่สุด” นี่คือคำตอบที่มาจาก

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกัน

    ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกันขบวนรถม้าของตระกูลเสวี่ยเคลื่อนออกจากหน้าจวนไปแล้ว บริเวณด้านหน้าของจวนตระกูลเสวี่ยเวลานี้จึงเหลือเพียงคนตระกูลจ้าวที่มองขบวนรถม้าของจ้าวเยว่ด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ อีกทั้งยังมีเซียวเฟิงและซูหนิงที่ยังคงไม่ไปไหน ทั้งสองมองตามหลังรถม้าไปด้วยความเศร้าสร้อย ราวกับว่าทุกอย่างจะหยุดหมุน เมื่อพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้อยู่ด้วยกันเมื่อรถม้าของตระกูลเสวี่ยพ้นสายตา คนตระกูลจ้าวจึงเดินทางกลับจวนตนเอง แม้จะมีสายตาอาลัยอาวรณ์ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เสียใจที่บุตรสาวของตนเองต้องไปอยู่ที่เมืองอื่นเลย นี่อาจจะเป็นเพราะว่า เขยขวัญได้เลื่อนยศเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังปกป้องดินแดนเหนือ ดังนั้นแม้จะจากลา แต่ควรดีใจจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่สำหรับเซียวเฟิงและซูหนิงนั้นไม่ใช่เลย พวกเขารู้สึกราวกับว่าขาดคนสำคัญไป เนื่องจากทั้งสามเป็นสหายกันมานาน ไม่ว่าเรื่องราวอันใดก็จะร่วมทำด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่จ้าวเยว่แต่งงาน พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกห่างเหินกันเลยสักครั้งเดียว ทั้งสองยังคงจำได้ถึงวันที่ชักชวนกันปีนหลังคาของจวนตระกูลจ้าว ในคืนหนึ่งก่อนที่จ้า

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย เพราะรัก

    บทส่งท้าย เพราะรักค่ายทหารที่เมืองผานหยางนี้ดูจะเล็กกว่าที่เมืองหลวงอยู่เล็กน้อย เนื่องจากมีทหารประจำการเพียงแค่หนึ่งแสนห้าหมื่นนาย ทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นนายนี้ ดูแลชายแดนเหนือโดยเริ่มตั้งแต่เมือง­ผานหยางไปทางทิศตะวันออก ในส่วนของเมืองผานหยางไปทางทิศตะวันตก ซึ่งก็คือเมืองเซี่ยงตง อยู่ในความดูของกองทัพหลวงแต่ถ้าหากว่ากองทัพหลวงต้องการกำลังเสริมเมื่อใด กองทัพปกป้องแดนเหนือนี้ ก็พร้อมที่จะยกทัพไปช่วยทันทีทหารบางส่วนจดจำเสวี่ยช่างเจิ้นได้ เมื่อเห็นว่าเขาจะมาเป็นแม่ทัพใหญ่คนใหม่แทนแม่ทัพรั่วหยางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง วิ่งกรูกันมาต้อนรับ จนแทบจะยกทั้งเสวี่ยช่างเจิ้นทั้งม้าเข้าไปในค่ายเมื่อเห็นจ้าวเยว่ พวกเขายิ่งยินดีมากขึ้นไปอีก เมื่อสตรีที่อาจหาญเลื่องชื่อผู้นี้ มาเยือนถึงค่ายทหาร“ท่านแม่ทัพกับฮูหยินเชิญด้านในขอรับ” ทหารเฝ้าประตูบอกพร้อมกับเดินนำหน้าพวกเขาไป“พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ฮูหยินก็มาด้วย หากเป็นไปได้ฮูหยินจะให้เกียรติมาฝึกสอนพลธนูที่ค่ายก็ได้นะขอรับ” หัวหน้าพลธนูกล่าวออกมาอย่างคาดหวัง“เอาล่ะ ๆ อย่าเพิ่งวุ่นวายกันเลย เดี๋ยวข้าไปหาท่านแม่ทัพกับรองแม่ทัพทั้งหลายก่อน จากนั้นถึงจ

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 62 ถึงเมืองผานหยาง

    บทที่ 62ถึงเมืองผานหยางวัดเหล่ากวงซี ดูเหมือนจะเป็นวัดเพียงแห่งเดียวในเมืองสวีโจวนี้ เนื่องจากเมืองสวีโจวเป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่ได้มีผู้คนอาศัยอยู่มากนัก ก็เลยไม่มีสถานที่ต่างๆ ให้ไปเที่ยวสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่วัด­เหล่ากวงซีแห่งนี้ แล้วก็ตลาด ส่วนนอกเมืองก็มีแม่น้ำหวังอิ่งที่กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ตั้งแต่อวี๋ตงตงสร้างอ่างเก็บน้ำจ้าวเยว่ยืนรออย่างกระวนกระวายใจ เมื่อไม่เห็นว่าสามีของตนจะตามมาเสียที ดังนั้นอวี๋ตงตงจึงพาทั้งสามคนเดินเล่นรอบ ๆ วัดก่อน ยังไม่ได้เข้าไปข้างใน“ฮูหยินไม่ต้องรีบร้อนไป ตอนนี้ท่านพี่ช่างเจิ้นคงน่าจะออกจากจวนแล้ว” อวี๋ตงตงเอ่ยบอกกับจ้าวเยว่อวี๋ตงตงเอ่ยยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงควบม้าดังมาจากทางด้านหน้าของวัดผู้มาเป็นเสวี่ยช่างเจิ้นอย่างที่คาดไว้ เขารีบกระโดดลงจากม้า แล้ววิ่งมาทางที่พวกจ้าวเยว่ยืนอยู่ในทันที“ขออภัยขอรับ ท่านย่า ท่านแม่ เมื่อคืนลูกดื่มหนักไปหน่อย ทำให้ตื่นสาย” เสวี่ยช่างเจิ้นขอโทษขอโพยท่านแม่และท่านย่าของตน“ดีที่เจ้ายังมาทันเวลาไหว้พระ เข้าไปกันเถอะ”ฮูหยินผู้เฒ่าดูจะอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย ที่หลานชายมาสาย ทว่าก็ไม่ได้ดุด่าว่ากระไร เพียงแต่เดินนำเข้า

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 61 รับตำแหน่งใหม่

    บทที่ 61รับตำแหน่งใหม่ก่อนถึงวันเดินทางราวสิบห้าวัน ตระกูลเสวี่ยก็ต้องทำการเตรียมตัว โดยผู้ดูแลงานนี้ก็คือจ้าวเยว่ถึงแม้ว่าทุกคนในครอบครัวจะไปอยู่กันที่เมืองผานหยางแต่­ทว่าจวนนี้ก็ยังต้องมีคนคอยอยู่ดูแล จ้าวเยว่ตัดสินใจไว้ ว่าจะทิ้งบ่าวไพร่ไว้บางส่วนให้ดูแลจวนนี้จ้าวเยว่หยิบสมุดออกมาเล่มหนึ่ง แล้วไล่จดรายการสิ่งของที่มีในเรือนทั้งหมด โดยแยกเป็นแต่ละส่วนทั้ง ห้องโถง เรือนบูรพา เรือนอุดร เรือนประจิม ลานหน้าบ้าน จนครบทุกที่ จากนั้นจึงนำเอารายการเหล่านั้นมาให้เสวี่ยฮูหยินกับฮูหยินผู้เฒ่าเลือกดู ว่าจะเอาสิ่งของใดไปด้วยบ้างส่วนสิ่งของที่ไม่ได้เอาไปนั้น จ้าวเยว่สั่งให้บ่าวไพร่ไปซื้อผ้ามาจำนวนหนึ่ง แล้วทำการห่อไว้เป็นอย่างดี เพื่อกันไม่ให้เกิดความเสียหายและฝุ่นจะได้ไม่เกาะอีกด้วยบ่าวไพร่ที่จะตามไปที่เมืองผานหยางนั้น จ้าวเยว่ให้พวกเขาตัดสินใจเลือกเอาตามความสะดวก ผู้ที่อยากอยู่ในหมิงเว่ย ก็ให้ทำหน้าที่เฝ้าเรือนนี้ ส่วนผู้ที่อยากติดตามไปยังเมืองผานอยาง ก็ให้ไปด้วยกัน แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นมาจนได้ เนื่องจากบ่าวไพร่ทุกคนต่างก็อยากติดตามจ้าวเยว่กับเสวี่ยช่างเจิ้นไปที่เมืองผานหยาง จนต้องบอกเล่ากัน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status