Share

บทที่ 4 งานเลี้ยงน้ำชา

Author: sanvittayam
last update Last Updated: 2025-01-01 21:21:03

บทที่ 4

งานเลี้ยงน้ำชา

“เห็นทีท่านพ่อกับท่านแม่คงจะเอาจริงแล้วล่ะน้องสาม”

จ้าวอวี้เฉินกล่าวขึ้น เมื่อคล้อยหลังบิดามารดา

“ท่านพี่ พวกท่านต้องช่วยข้านะ ข้าไม่อยากเรียนปักผ้า ทำอาหาร จัดดอกไม้ ทำรองเท้า อะไรพวกนั้น ให้ข้าไปฝึกยิงธนู ขี่­ม้ายังดีเสียกว่า”

จ้าวเยว่ขอร้องพี่ชายทั้งสอง และทำสายตาราว­กับว่าพวกเขาจะต้องช่วยนางเป็นแน่ จ้าวหลู่เจินมองหน้าน้องสาวแล้วถอนหายใจอย่างหมดหวัง

“ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วย แต่มันช่วยไม่ได้ เจ้าเองก็ลองทำตามที่ท่านพ่อกับท่านแม่บอกก่อนจะเป็นไร ข้าว่าไม่ยากเกินไปหรอกน่า”

“หรือว่าเจ้าจะแต่งให้กับเซียวเฟิงดี ข้าว่าพวกเจ้าอาจจะเข้า­กันได้ดีก็เป็นได้” จ้าวอวี้เฉินแนะนำ เพราะหากมองกันตามฐานะ ก็ถือว่าทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน

จ้าวเยว่เอามือเท้าคางนั่งมองพื้นอย่างหมดความหวัง

“ได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ ข้ากับเซียวเฟิงเป็นสหายกัน จะออกเรือนไปกับเขาได้อย่างไร อีกอย่าง คนที่ทั้งเก่งทั้งฉลาดอย่างเขา คงไม่อยากได้ข้าเป็นภรรยาเป็นแน่ พวกท่านว่าจริงหรือไม่”

“ก็จริงของเจ้า” พี่ชายทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน

“เอาล่ะ เดี๋ยวค่อยคิดกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป นี่ก็ดึกแล้วข้าขอตัวไปนอนก่อน ราตรีสวัสดิ์ท่านพี่ทั้งสอง”

                                                                          

เมื่อร่ำลาพี่ชายทั้งสองคนแล้ว จ้าวเยว่ก็ลุกจะออกจากห้องโถงไป แต่นางกลับถูกพี่ชายอย่างจ้าวหลู่เจินรั้งตัวไว้

“ไม่ไปคุกเข่าที่หอบรรพชนแล้วหรือ ท่านแม่เพิ่งสั่งเจ้าเอง­นะ เจ้านี่ใช้สมองร่วมกับปลาทองหรืออย่างไร”

“ลืมไปสนิทเลย ข้ามัวแต่หงุดหงิดเรื่องที่ตัวเองจะต้องเรียน­โน่นเรียนนี่นะสิเจ้าคะ”

จ้าวเยว่ยังไม่ทันเอ่ยขาดคำ สาวใช้ประจำเรือนของมารดาก็­เดินเข้ามา พร้อมกับทำความเคารพคนทั้งสาม

“เอ่อ...คุณหนูเจ้าคะ ฮูหยินให้ข้ามาดูแลท่าน ในระหว่างที่คุกเข่าที่หอบรรพชนเจ้าค่ะ”

“เหอะ! ท่านแม่ให้เจ้ามาเฝ้าข้ามากกว่าล่ะสิ คงกลัวว่าข้าจะไม่ยอมทำตามคำสั่งอีก”

“จ้าวเยว่...อย่าหาเรื่องน่า ขืนท่านแม่มาได้ยิน เดี๋ยวก็ถูกเพิ่มโทษอีกหรอก” จ้าวอวี้เฉินสะกิดน้องสาว พลางส่ายหน้าไม่ให้นางบ่นถึงเรื่องนี้อีก

“เอาเถอะ ข้าไปแน่ พวกท่านกลับมาเหนื่อย ๆ ก็รีบพักผ่อนเถอะ ราตรีสวัสดิ์”

เมื่อจ้าวหลู่เจินกับจ้าวอวี้เฉินแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองไปแล้ว จ้าวเยว่กับสาวใช้ก็ตรงไปยังหอบรรพชน

ทันทีที่เดินมาถึง หญิงสาวก็ทำการคุกเข่าอยู่ด้านหน้าป้ายวิญญาณของบรรพชนสกุลจ้าวหลายต่อหลายรุ่น โดยมีสาวใช้ของ­มารดายืนคุมอยู่ด้านหลัง ทว่ายังไม่ทันจะคุกเข่าได้นานเท่าไรนัก พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องของสาวใช้ดังแว่วมา

“เจ้าได้ยินเสียงร้องนั่นหรือไม่ ไปดูข้างนอกให้ข้าหน่อย ว่ามีใครเป็นอะไรหรือไม่” จ้าวเยว่ที่กำลังคุกเข่าหันมาบอกสาวใช้

ซึ่งสาวใช้ก็รีบทำตามทันที และทันทีที่สาวใช้ของมารดาก้าว­ออกไป สาวใช้อีกคนที่นางจำได้ว่าเป็นคนของจ้าวอวี้เฉิน ซึ่งมีนามว่าซีซี ก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับส่งของบางอย่างมาให้

“เบาะรองเข่าเจ้าค่ะคุณหนู คุณชายให้นำมาให้ท่าน”

“พี่รองมีของเช่นนี้ด้วยหรือเนี่ย ประเสริฐที่สุด”

จ้าวเยว่รีบนำที่รองเข่าเล็ก ๆ มาผูกตรงข้อพับของตน โดยมี­สาวใช้ของพี่ชายช่วยเหลือ ส่วนตัวนางก็ถลกกระโปรงขึ้น เพื่อให้อีกฝ่ายช่วยใส่ได้สะดวก

“ขอบใจเจ้ามากนะ เดี๋ยวไว้ข้าจะให้ผิงผิงเอารางวัลไปให้”

หญิงสาวยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบคุกเข่าลงตามเดิม คราวนี้ต่อให้มารดาสั่งให้นางคุกเข่าทั้งคืน ก็ไม่มีปัญหาแล้ว ส่วนสาวใช้ของพี่ชายก็ก้มศีรษะให้ แล้วรีบวิ่งออกไปจากหอบรรพชนทันที

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม จ้าวฮูหยินที่ถึงแม้จะโกรธเคืองบุตรสาวเพียงใด ก็ยังมีความรักมอบให้แก่นางอย่างมากเช่นกัน ก็สั่งให้จ้าวเยว่เลิกคุกเข่า และกลับไปพักผ่อนที่เรือนได้

เมื่อหญิงสาวกลับมาถึงห้องนอน ก็เห็นผิงผิงยืนรออยู่ที่หน้า­ประตูแล้ว สีหน้าของผิงผิงดูร้อนใจและเป็นกังวลอยู่หลายส่วน เพราะกลัวว่าคุณหนูของตนจะถูกว่ากล่าวอย่างรุนแรง หรือไม่ก็­ลงโทษให้กักบริเวณอีก จึงอดเป็นห่วงไม่ได้  

“คุณหนู นายท่านกับฮูหยินว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ พวก­ท่านสั่งลงโทษอะไรคุณหนูหรือไม่”

ทันทีที่เห็นคุณหนูของตนเองเดินเข้ามา สาวใช้คนสนิทอย่างผิงผิง ก็รีบวิ่งมาหาจ้าวเยว่ทันที ด้วยความร้อนใจและเป็นห่วง เนื่องจากนางรู้จากสาวใช้อีกคนหนึ่งแล้ว ว่าจ้าวเยว่ถูกลงโทษให้­คุกเข่า แต่ตัวนางไม่อาจไปช่วยเหลือคุณหนูได้ จึงได้แต่รออยู่ที่นี่

จ้าวเยว่ที่หน้าตาดูไม่สะทกสะท้านกับความผิดของตนเลย­นั้น ก็ตอบเสียงราบเรียบว่า “ไม่ได้ลงโทษ แต่ก็ไม่ต่างจากลงโทษ”

“เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ ผิงผิงได้ยินว่าคุณหนูถูกสั่งให้ไปคุกเข่าที่หอบรรพชนไม่ใช่หรือ” สีหน้าของผิงผิงเปลี่ยนจากกังวลมาเป็นสงสัยขึ้นมา

“นั่นมันเรื่องเล็กน่า” หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะก้มลงปลดที่รองเข่าออกจากข้อพับ แล้วส่งไปให้ผิงผิง

“พรุ่งนี้เจ้าเอาไปคืนพี่อวี้เฉินให้ข้าด้วย อ้อ...พรุ่งนี้เจ้าอย่า­ลืมมาเอาเงินจากข้าหนึ่งตำลึง ไปให้สาวใช้ที่ชื่อซีซีด้วยนะ”

“จะ...เจ้าค่ะ” แม้จะยังงงงันอยู่บ้างแต่ผิงผิงก็รับคำ รวมถึงรับผ้ารองเข่ามาใส่ไว้ในสาบเสื้อของตนอย่างดี

“คุณหนู แล้วเรื่องที่ท่านเอ่ยค้างไว้เมื่อครู่เล่าเจ้าคะ”

“อ้อ...ก็ท่านพ่อกับท่านแม่น่ะสิ อยากจะให้ข้าออกเรือนจึง­ตั้งใจจะจะขัดเกลาข้าเสียใหม่ กล่าวว่าจะให้ข้าเรียนเย็บผ้า ปักผ้า อ่านตำรา ทำอาหาร และอีกมากมายสารพัดอย่าง เพื่อที่ข้าจะได้เป็นฮูหยินที่ดีในภายภาคหน้า” จ้าวเยว่อธิบายพร้อมกับเดินตรงเข้า­ไปที่เตียง

“แล้วคุณหนูจะทำอย่างไรต่อไปเล่าเจ้าคะ” ผิงผิงถามอีก

จ้าวเยว่นอนหงายหลังลงบนเตียง นางกางแขนกางขาเข้า ๆ ออก ๆ พลางเอ่ยไปด้วยว่า “ข้าว่านะ ตอนแรกก็จะลองทำตามที่พวกท่านบอกดู แต่ถ้าทำไม่ไหวข้าก็จะเล่นงานครูที่มาสอนข้า ให้เขาเบื่อข้า แล้วก็ไม่­อยากกลับมาที่จวนนี้อีกเลย เท่านี้ก็น่าจะใช้ได้”

ผิงผิงฟังแล้วต้องถึงกับเอามือก่ายหน้าผาก แล้วส่ายศีรษะด้วยความเหนื่อยใจ

จ้าวเยว่กำลังยืนให้อาหารปลาอยู่ที่สระเล็กในสวนหลังจวนเหมือนทุกครั้ง ปกติแล้วนางจะให้อาหารปลาในยามเฉินของทุก­วัน นี่ถือเป็นงานเดียวที่นางทำ หลังจากให้อาหารปลาแล้วก็จะยืนดูพวกมันสักพัก จากนั้นจึงกลับห้องไปนอนต่อ ตื่นมาอีกครั้งก็­ยามอู่เพื่อกินข้าว แต่ว่าวันนี้หญิงสาวไม่ได้กลับไปนอนเหมือนทุก­วัน เนื่องจากถูกเรียกให้ไปที่ห้องโถงอีกแล้ว

“คุณหนูเจ้าคะ ฮูหยินเรียกให้ไปพบเจ้าค่ะ” สาวใช้นางหนึ่งวิ่งนำความมารายงาน

จ้าวเยว่กลอกตาขึ้นบนอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะตอบว่า

“เจ้ากลับไปรายงานท่านแม่ ว่าสักครู่ข้าจะตามไป”

สาวใช้นางนั้นจึงได้เดินจากไป พร้อมกับคำตอบของจ้าวเยว่

“อีกแล้ว ๆ เดือนนี้ถูกเรียกไปห้องโถงกี่ครั้งแล้วเนี่ย”

จ้าวเยว่บ่นอย่างรำคาญใจ นางนึกอยากเป็นตุ๋นสักตัว จะได้มุดดินหนีไปเสียเลย

ผิงผิงรู้ว่านายของตนนั้นไม่ชอบถูกเรียกให้ไปพบที่ห้องโถงเป็นอย่างมาก เพราะถ้าถูกเรียกเมื่อใด ก็เป็นอันว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นเมื่อนั้น แต่นางเป็นแค่สาวใช้จะทำอะไรได้ ทำได้เพียงแต่เอ่ยปลอบคุณหนูเท่านั้น

“ครั้งนี้อาจจะไม่มีอะไรก็ได้เจ้าค่ะ ฮูหยินอาจจะเรียกไปเพราะอยากสนทนากับคุณหนูเท่านั้น”

“เคยสักครั้งหรือไม่ ที่มันจะไม่มีอะไร”

“โธ่คุณหนู บ่นไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรนะเจ้าคะ สู้ยิ้มรับแล้วไปกันดีกว่าเจ้าค่ะ”

จ้าวเยว่เดินคอตกตามผิงผิงไปถึงหน้าห้องโถง ตอนแรกนาง­เดินเข้าไปคนเดียว แต่ว่าจ้าวฮูหยินบอกว่าให้ผิงผิงตามเข้ามาได้ ผิงผิงจึงเดินเข้ามาในห้องโถงด้วย

ภายในห้องโถงนั้น นอกจากจะมีจ้าวฮูหยิน จ้าวเยว่และผิง­ผิงแล้ว ยังมีมีสตรีอีกนางหนึ่งอยู่ด้วย ที่โต๊ะข้าง ๆ นางมีอุปกรณ์สำหรับวัดขนาดอยู่หลายชิ้น และในมือก็ถือเชือกสำหรับวัดขนาดอยู่

“ท่านแม่ให้ช่างตัดเสื้อมาทำไมหรือเจ้าคะ” จ้าวเยว่ถาม พลางทำหน้างุนงงเล็กน้อย

“มาตัดชุดให้เจ้า” จ้าวฮูหยินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

จ้าวเยว่ได้ยินก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อช่วงต้นปีนาง­เพิ่งตัดชุดใหม่ไป เนื่องจากส่วนสูงของนางเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว แต่นี่ก็เพิ่งจะเดือนสอง นางคงไม่ได้โตเร็วถึงขนาดนั้นกระมัง ถึงได้ต้องเรียกคนมาตัดชุดใหม่

“ข้าเพิ่งตัดชุดใหม่ไปเมื่อต้นปีเองนี่เจ้าคะ เหตุใดจึงต้องตัดอีก” จ้าวเยว่ถามขึ้นอย่างสงสัย

“ชุดนี้ตัดเพื่อให้เจ้าใส่ไปงานเลี้ยง วันพระราชสมภพของไท­เฮา” จ้าวฮูหยินตอบกลับด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มที่มุมปาก

“งานเลี้ยงอีก...” จ้าวเยว่กำลังจะเอ่ยปากบ่น แต่ก็ถูกมารดาตัดบทขึ้นมาเสียก่อน

“งานนี้เจ้าขัดขืนไม่ได้ อย่างไรก็ต้องไป หากเจ้าไม่ไป จะมีโทษฐานขัดพระราชเสาวนีย์ เจ้าจะรับโทษนั้นไหวหรือไม่”

จ้าวฮูหยินเอ่ยอย่างเนิบช้า ทว่าแววตาช่างดูดุดันและจริงจัง

จ้าวเยว่เห็นเช่นนั้น จึงทำได้เพียงแค่ตอบว่า “เจ้าค่ะ”

ช่างตัดเสื้อทำการวัดขนาดและความยาวบนตัวจ้าวเยว่ วัด­ไปก็จดไปว่าส่วนต่าง ๆ ว่ามีขนาดเท่าไร

ส่วนผิงผิงก็ช่วยคุณหนูของตนจัดท่าทาง เพื่อให้ช่างตัดเสื้อทำงานง่ายขึ้น ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูปทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ช่าง­ตัด­เสื้อจึงได้ขอตัวกลับร้านไป

“ผิงผิง เจ้ามานี่” จ้าวฮูหยินเรียกผิงผิงให้เข้าไปหา

“เจ้าค่ะ” ผิงผิงตอบ

จ้าวฮูหยินส่งถุงเงินให้ผิงผิงถุงหนึ่ง ในนั้นน่าจะมีเงินอยู่หลายตำลึง พอส่งถุงเงินให้แล้ว ก็สั่งผิงผิงให้ออกไปซื้อของข้างนอก

“เจ้านำเงินนี้ไป แล้วไปซื้อแป้งผัดหน้า ชาด แล้วก็น้ำมันประทินผิวมา นับตั้งแต่วันนี้ เจ้าต้องดูแลความงามของนางทุกวันอย่าได้ขาด อย่าให้ข้าต้องขายหน้า ว่ามีบุตรสาวที่ไม่งาม”

“เจ้าค่ะ” ผิงผิงตอบ นางรับเงินแล้วก็เดินออกจากประตูไป

“เจ้าเองก็ไปได้” เสร็จธุระแล้ว จ้าวฮูหยินก็บอกให้จ้าวเยว่กลับห้อง

“เจ้าค่ะ ท่านแม่” จ้าวเยว่ตอบรับแล้วรีบเดินออกมาจากห้อง­โถงที่นางรู้สึกอึดอัดทันทีเช่นกัน

เมื่อถึงวันงาน

จ้าวฮูหยินสั่งคนให้มาช่วยแต่งองค์ทรงเครื่องจ้าวเยว่ โดยชุด­ที่สั่งตัดใหม่ของหญิงสาวเพิ่งมาถึงเมื่อยามเว่ย เป็นชุดเกาะอกยาวสีชมพูอ่อน ผ้าพลิ้วไหวบางเบา สวมทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวสี­เดียวกัน ผ้าคาดเอวเป็นสีขาวไม่ขัดกับสีชมพูของชุด เครื่องประดับที่ใส่คู่กับชุด เป็นปิ่นปักผมที่ประดับด้วยหยกสีชมพู และกำไลที่ทำจากหยกสีชมพูเช่นกัน

จ้าวฮูหยินสั่งให้คนมาช่วยกันแต่งหน้าทำผมให้จ้าวเยว่ ช่าง­แต่งหน้าพวกนี้มาจากหอโอบจันทร์ สำนักนางโลมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในแคว้นฉางอัน พวกเขาเหล่านี้แต่งหน้าผู้คนมามากมายขึ้น­ชื่อว่าสามารถเปลี่ยนหญิงธรรมดาให้เป็นนางโลมที่งาม จนต้องตะลึงได้ และเมื่อพวกเขามาแต่งหน้าให้จ้าวเยว่ที่งามอยู่แล้ว บัดนี้ก็­ถึงกับงดงามดุจดั่งเทพเซียน

ทุกคนต่างก็แต่งตัวกันเสร็จแล้วและมารอที่รถม้าหน้าจวนพอจ้าวฮูหยินเห็นจ้าวเยว่ นางก็ต้องพยักหน้าและอมยิ้ม

ส่วนพี่ชายทั้งสองนั้น ถึงกับตะลึงจนแทบจะหงายหลัง

“น้องสาม นี่เจ้าไปกินลูกท้อสวรรค์มาหรืออย่างไร”

จ้าวอวี้เฉินเอ่ยเป็นเชิงหยอกล้อ จ้าวหลู่เจินเองก็มองน้องสาวของตนเองอย่างเอ็นดู

“เจ้านี่ถ้าจะทำให้ดี ก็ออกมาดีไม่น้อย”

“ท่านพี่ทั้งสองเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ ปกติแล้วข้าไม่­งามอย่างนั้นหรือ” จ้าวเยว่เอ่ยพร้อมถลึงตาใส่พี่ชายทั้งสองคน

“ไม่ใช่เจ้าไม่งาม แต่ว่าพวกข้าเพิ่งจะเคยเห็นเจ้างามเช่นนี้”

จ้าวอวี้เฉินรีบเอ่ยขึ้นก่อนที่น้องสาวคนเล็กจะไม่พอใจ

“ท่านคิดว่าข้าชอบนักหรืออย่างไร ข้าอึดอัดจะตายอยู่แล้ว รีบ­ไปกันเถอะ” เอ่ยจบจ้าวเยว่ก็ทำหน้าตาบูดบึ้ง เดินนำหน้าขึ้นรถ­ม้าไป พี่ชายทั้งสองจึงตามขึ้นไปเช่นกัน

เมื่อไปถึงงานเลี้ยง สามพี่น้องก็เดินตามท่านเจ้ากรมการคลังและจ้าวฮูหยินเข้าไปในงาน บรรดาบุรุษที่มองมา ต่างก็มองตามจ้าว­เยว่กันเป็นแถว เพราะตั้งแต่เข้างานมาก็ไม่พบผู้ใดงามถึงเพียงนี้มาก่อน

ก่อนหน้านี้บุตรีของท่านเจ้ากรมทะเบียนราษฎร์ซูหลิงเจียวที่­มาถึงสักพักว่างามแล้ว แต่เมื่อจ้าวเยว่เดินเข้ามา ซูหลิงเจียวก็­หมองลงและหมดความโดดเด่นไปทันที

เจ้ากรมการคลังและฮูหยินพร้อมกับบุตรทั้งสามเดินไปที่หน้าพระที่นั่งของฮ่องเต้และไทเฮา

“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมไทเฮา” ทุกคนเอ่ยพร้อมกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปนั่งที่ของตน

ตามธรรมเนียมของงานเลี้ยงแล้ว ขุนนางจะนั่งที่บริเวณเดียวกันกับฮ่องเต้และเชื้อพระวงศ์ เพื่อที่จะสนทนากันเรื่องจวนเมืองได้สะดวก ด้านฮูหยินของบรรดาขุนนาง ก็จะถูกจัดให้นั่งอีกที่หนึ่ง ส่วนบุตรของขุนนาง ก็จะถูกจัดให้นั่งแยกกันระหว่างชาย­หญิง เพื่อให้พวกเขาได้สมาคมกับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน

จ้าวเยว่เองก็เดินไปนั่งที่ของตน โดยที่มีสาวใช้นำทางไป ระหว่างทางก็ผ่านที่นั่งของเหล่าบุรุษ ซึ่งบุรุษเหล่านั้นก็ต่างซุบซิบถามกัน

“แม่นางผู้นี้เป็นใครกัน พวกเจ้ารู้จักหรือไม่”

บุตรของเจ้ากรมผู้หนึ่งถามขึ้นมา

บุรุษสี่ห้าคนต่างตอบมาว่า

 “ไม่รู้จัก / ข้าก็ไม่รู้จัก / นางเป็นใครงั้นหรือ”

“นางคนนั้นน่ะหรือ” จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง ซึ่งเขาผู้นั้นก็กำลังเดินมานั่งที่ของตนเช่นกัน

“นางมีนามว่าจ้าวเยว่ เป็นบุตรีของเจ้ากรมการคลังจ้าวฝู่”

เซียวเฟิงตอบออกไปอย่างภาคภูมิใจ ริมฝีปากของเขายกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นนางเดินผ่านไป แต่ทว่านางไม่ทันได้เห็นเขา

“อ๋อ แม่นางที่ได้ฉายาว่าหญิงเกียจคร้านแห่งแคว้นฉางอัน น่ะ­หรือ” บุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม

“ช่างน่าเสียดายความงามของนางยิ่งนัก งามขนาดนี้ ไม่น่ามีชื่อเสียงไม่ไม่ดีเลย” บุรุษคนเดิมเอ่ยเสริมอีกครั้ง

เมื่อทุกคนรู้ว่านางคือจ้าวเยว่ จากที่ตกตะลึงในความงามกลับกลายเป็นเสียดายความงามของนางแทน

มีเพียงแต่เซียวเฟิงเท่านั้นที่ยังคงมองนางอย่างชื่นชม ต่อให้ผู้อื่นจะว่านางเป็นหญิงเกียจคร้านอย่างไร เขาก็ได้หาสนใจ ยิ่งบุรุษอื่นไม่อยากได้นางเป็นภรรยาสิยิ่งดี เขาจะได้มีโอกาสแต่เพียงผู้เดียว

Related chapters

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 5 เรื่องของข้าไปหนักหัวคนอื่นหรือไร

    บทที่ 5 เรื่องของข้าไปหนักหัวคนอื่นหรือไรในงานเลี้ยงครั้งนี้ สตรีวัยเยาว์ทั้งหลายถูกจัดให้ไปนั่งรวมกันตรงลานที่อยู่ไกลออกไป แต่ว่าบัดนี้พวกนางส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ที่นั่นกันแล้ว เพราะต่างพากันไปชุมนุมอยู่ที่ศาลาชมดาวกันหมด ทว่าจ้าวเยว่ก็หาได้สนใจ เนื่องจากสิ่งที่นางสนใจในตอนนี้ ก็มีแต่เรื่องอาหารการกินเท่านั้นนางถูกจับแต่งตัวตั้งแต่ยามอู่ โดยอยู่ในห้องตลอดและไม่ได้กินอะไรเลย พอจะหยิบอะไรเข้าปากสักหน่อย ก็ถูกช่างแต่งหน้าสะกิด­เตือนว่าจะทำให้ชาดที่ทาปากเลอะได้ จะดื่มน้ำก็ยังห้ามดื่มมาก­เกินไป เพราะอาจทำให้ปวดเบาจนวุ่นวายต้องเข้าห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนชุดที่นางสวมใส่วันนี้ ก็ไม่สะดวกในเรื่องนั้นนัก ทำให้ตอนนี้หญิงสาวหิวจนแทบจะเป็นลมแล้วจ้าวเยว่ก้าวฉับ ๆ ไปยังจุดที่พี่ชายทั้งสองนั่งอยู่ บรรดาบุรุษเห็นสตรีที่งดงามมานั่งด้วย ก็พากันตะลึง ไม่คิดว่าจะมีสตรีนางใดหาญกล้าถึงเพียงนี้ ซึ่งตอนนี้จ้าวเยว่มานั่งลงตรงกลางระหว่างพี่ชายทั้งสองเรียบร้อยแล้ว“บนโต๊ะของพวกท่านมีอะไรให้กินบ้างเจ้าคะ ข้าหิวจะแย่อยู่แล้วเจ้าค่ะ”จ้าวเยว่เอ่ยขึ้นแล้วก็มองไปที่อาหารบนโต๊ะของพี่ชายจ้าวหลู่เจินมองหน้าน้องสาว ก่อนเอ่

    Last Updated : 2025-01-01
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 6  โต้กลับอย่างเจ็บแสบ

    บทที่ 6 โต้กลับอย่างเจ็บแสบ“เดี๋ยวนี้ไม่ได้มีการลงโทษแบบนั้นแล้ว สมัยนี้คือราชวงศ์ถังไม่ใช่ราชวงศ์กวน” หวังเว่ยเถียนเถียงกลับมาอย่างถือดี ทั้ง ๆ ที่ใน­ใจนั้นหวาดหวั่นไม่น้อยจ้าวเยว่หันไปมองหน้าหวังเว่ยเถียนช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่มีแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ อย่า­ลืมสิ ว่าบิดาของข้าเป็นเจ้ากรมการคลัง อีกทั้งยังสนิทกับท่าน­เซียวโหว แล้วท่านเซียวโหวก็เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก และหากฝ่าบาทให้นำการลงโทษนี้มาใช้ใหม่อีกครั้ง พวกเจ้าคิดว่าจะเป็นอย่างไร”บรรดาสตรีทุกนางต่างพากันปิดปากเงียบ มิมีผู้ใดกล้าต่อ­ปากต่อคำกับจ้าวเยว่สักคน เพราะไม่มีบิดาของผู้ใดที่จะมียศ­ตำแหน่งเทียบเท่ากับบิดาของนาง เว้นก็แต่บิดาของซูหลิงเจียว แต่ซูหลิงเจียวกลับวางท่าสุขุมไม่โต้ตอบอะไรหวังเว่ยเถียนเมื่อนึกคำเอ่ยออก ก็เอ่ยขึ้นมา“เจ้าคิดว่าวาจาที่มาจากสตรีที่มีชื่อเสียงไม่ดีเช่นเจ้า ฝ่าบาทจะรับฟังอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน”คำเอ่ยของหวังเว่ยเถียนประโยคนี้ มิได้สร้างความสั่นสะเทือนใด ๆ ให้กับจ้าวเยว่เลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายนางยังหัวเราะออกมาเสียด้วยซ้ำหลังจากที่ฟังจบ“หวังเว่ยเถียนนะ

    Last Updated : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 7 ศึกทางทิศเหนือจบลง

    บทที่ 7 ศึกทางทิศเหนือจบลงณ เมืองอวี้โจว แคว้นสือเจ้า ทางตอนเหนือของแคว้นฉางอันตะวันออก เฉินฉิงตะลีตะลานหลบหนี เมื่อเห็นประตูเมืองถูกตีแตก เขามีสภาพกระเซอะกระเซิง แต่ก็ไม่อาจละวางหน้าที่ในมือลงได้ ชาย­หนุ่มยังคงกวาดสายตาอย่างกระวนกระวายแล้ววิ่งไปอย่างไร้ทิศทางเวลานี้จวนเจ้าเมืองกำลังเกิดเพลิงไหม้ ในใจเขาคิดว่าอย่างไรต้องหามันให้เจอ ก่อนที่กองกำลังของศัตรูจะมาถึงแล้วชิงมันกลับไป สุดท้ายจึงกัดฟันวิ่งเข้าไปในจวนที่กำลังเกิดเพลิงไหม้ ทว่าด้านในเปลวไฟลุกท่วมโชติช่วงรุนแรง เรือนทั้งหลังกำลังจมอยู่ในกองเพลิง ขื่อ­ คานพังถล่มอย่างต่อเนื่อง จนเขาต้องผงะถอยไปหลายก้าว‘เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ตราประทับจะต้องถูกแย่งชิงคืนไปเป็นแน่ แต่ข้าไม่ยอมแค่นี้แน่ ข้าเป็นถึงแม่ทัพแดนใต้ของแคว้นสือเจ้า จะต้องนำมันไปให้ท่านอ๋องให้ได้’อารมณ์ความฮึกเหิมพุ่งขึ้น เขาหมุนตัวกลับหมาย­จะกลับไปแลกชีวิตกับแม่ทัพเสวี่ย ทว่าเพิ่งออกจากจวนนั้นได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าฝูงหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางเขา ซึ่งนั่นก็คือเสวี่ยช่างเจิ้น แม่ทัพแห่งแคว้นฉางอันนั่นเองเฉิงฉิงอาศัยแสงจากเปลวเพลิงที่เบื้องหลัง แล้วพยายามเพ่งเล

    Last Updated : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 8 สมรสพระราชทาน

    บทที่ 8 สมรสพระราชทานแม่ทัพเสวี่ยเมื่อมาถึงเมืองหมิงเวย ก็มุ่งหน้าไปที่พระราชวังโดยไม่หยุดพักที่ใด ถึงแม้ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยจากการกรำศึกมา­เป็นเวลาหลายเดือน แต่ทว่าความมุ่งมั่นในการทำเพื่อแผ่นดินของเขานั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด จึงต้องนำรายงานไปกราบทูลฮ่องเต้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังมีตราประทับของท่านแม่ทัพใหญ่ ที่จะต้องส่งคืนให้ถึงมือ รวมถึงเครื่องบรรณาการต่าง ๆ ที่ยึดมาได้จากเมือ­งอวี้โจว“เร่งฝีเท้าเร็วเข้า อย่าให้ฝ่าบาทต้องรอนาน” แม่ทัพเสวี่ยเอ่ย­ขึ้นด้วยเสียงจริงจังขบวนของแม่ทัพเสวี่ยเปลี่ยนจากการเดินเท้าด้วยความเร็วมาเป็นวิ่งเหยาะ เพื่อให้เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเดิมโดยครั้งนี้แม่ทัพเสวี่ยนำทหารมาด้วยเพียงหนึ่งร้อยนายเท่านั้น ส่วนทหารที่เหลือในกองทัพ ได้ถูกสั่งการให้เดินทางกลับเข้าค่ายทหารซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองไปเรียบร้อยแล้วในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ขบวนของแม่ทัพหนุ่มก็เคลื่อนมาถึงพระราชวัง“แม่ทัพเสวี่ยมาถึงแล้ว!” เสียงทหารเฝ้าประตูวังดังขึ้นแม่ทัพเสวี่ยเดินตรงเข้าไปยังท้องพระโรงแต่เพียงผู้เดียว ส่วนรองแม่ทัพและทหารที่เหลือ ต่างยืนรออยู่หน้าประตู พร้อมกับเคลื่อนย้ายเหล่าเครื่อง

    Last Updated : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 9 ข่าวกระจายแพร่ออกไป

    บทที่ 9 ข่าวกระจายแพร่ออกไปข่าวการสมรสพระราชทาน ระหว่างคุณหนูสกุลจ้าวและแม่­ทัพเสวี่ยช่างเจิ้นนั้นได้แพร่สะพัดไปทั่วฉางอัน ผู้คนต่างให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าเจ้าสาวจะเป็นจ้าวเยว่ เนื่องจากนางมีชื่อเสียงที่ไม่ดีนัก อันมาจากความเกียจคร้านของนาง จนบางคนถึงกลับเอาไปนินทากันต่าง ๆ นานาในโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ซูหลิงเจียว หวังเว่ยเถียน และสตรีอีกสองสามนาง กำลังนั่งจิบน้ำชากันอยู่ ภายในโรงน้ำชาแห่งนี้กำลังเล่าลือกันปากต่อปากถึงเรื่องสมรสพระราชทานครั้งนี้เช่นกัน“เจ้าคิดว่าเมื่อจ้าวเยว่แต่งเข้าจวนของแม่ทัพเสวี่ยแล้ว นางจะอยู่ได้หรือไม่” หวังเว่ยเถียนเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน เพราะมั่นใจเหลือเกินว่าจ้าวเยว่นั้นไม่มีอะไรที่เทียบเคียงกับท่านแม่ทัพได้เลยซูหลิงเจียวจิบน้ำชาคำหนึ่งก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่­ต่างกัน “ข้าว่านางอยู่ได้ไม่นานหรอก คนเกียจคร้านอย่างนาง ไหนเลยจะทำหน้าที่ฮูหยินที่ดีได้”“ใช่ ๆ ข้าเห็นด้วย ไหนจะเรื่องการดูแลเรือน ไหนจะเรื่องปรนนิบัติสามี ข้าว่านางทำไม่ได้หรอก ดีไม่ดีนางได้วิ่งออกมาจากจวนตระกูลเสวี่ย ตั้งแต่สามวันแรกที่แต่งเข้าจวนด้วยซ้ำ” สตรีนางหนึ่งกล่าวเ

    Last Updated : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 10 ไม่สามารถขัดขืนได้

    บทที่ 10 ไม่สามารถขัดขืนได้เมื่อได้รับคำสั่งแน่ชัดแล้ว จ้าวเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการ­แต่งงานในครั้งนี้ เพราะต่อให้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่นาง ก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี และแม้จะไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้นางจะต้องออกเรือน แต่เรื่องการแต่งงานของนางคงต้องเกิดขึ้นในวันใดวันหนึ่งอยู่ดี เนื่องจากท่านแม่คงไม่ยินยอมจ้าวเยว่เดินมาที่บ่อปลาในสวนหลังจวนอีกเช่นเคย เนื่องจากทุกครั้งที่นางรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ชอบใจ น้อยใจ หรือว่าโกรธ ก็จะมาสนทนากับเหล่าสหายปลาที่แหวกว่ายไปมาอยู่ตรงนี้เสมอถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นแค่ปลา ไม่สามารถกล่าววาจาโต้ตอบใด ๆ ได้ก็จริง แต่เมื่อเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้พวกมันฟังแล้ว พวกมันก็จะรับฟังแต่โดยดี จนนางรู้สึกสบายใจขึ้นจ้าวเยว่นั่งลงที่ข้างบ่อปลา หยิบกิ่งไม้ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาแล้ว­ตีน้ำเบา ๆ “เจ้าปลาทั้งหลาย พวกเจ้าคิดว่าเรื่องของข้านั้นน่า­เป็นกังวลหรือไม่ ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ เป็น­อะไรที่ข้าไม่ยินดียินร้ายเอาเสียเลย ข้ารู้สึกลึก ๆ ว่าตนเองไม่ได้­อยากจะแต่งงานเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะขัดขืนไปทำไม หรือว่าหัวใจของข้าจะด้านชาไปเสียแล้ว อีกอย่าง ถ้าข้าออกเรือนไป จะท

    Last Updated : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 11 นางเป็นสตรีที่แปลกยิ่งนัก

    บทที่ 11 นางเป็นสตรีที่แปลกยิ่งนักในระหว่างที่พี่ชายทั้งสองต่างก็นิ่งเงียบ เสียงกุกกักก็ดังมาจากด้านหลังของหีบใบหนึ่งตรงมุมห้อง จ้าวเยว่ถึงกับตกใจเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกพี่ชายทั้ง­สองจึงจับความผิดปกติได้ในทันที จ้าวหลู่เจินลุกขึ้นและเดินตรงไปที่หีบใบนั้น พลางชักดาบคู่­กายออกจากฝักคมดาบในมือต้องแสงเทียนจนเป็นประกาย ชาย­หนุ่มได้ใช้ปลายดาบจ่อไปตรงกลางหีบแล้วเอ่ยเสียงดัง “ออกมา!” เซียวเฟิงกับซูหนิงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ทั้งคู่ต่างยกมือขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับยิ้มเจื่อนออกมา“ท่านพี่ทั้งสอง ข้าเอง” เซียวเฟิงยิ้มแหย ๆ ขณะเอ่ยด้วยเสียงอ่อย“ให้ตายเถอะคุณชายเซียว เหตุใดจึงได้มาอยู่ในห้องของน้อง­สามได้ล่ะ” จ้าวหลู่เจินถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่ามีบุคคลอื่นในห้องของน้องสาวเซียวเฟิงที่บัดนี้หายตกใจแล้ว จึงได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ “ก็เหมือนพวกท่านทั้งสองนั่นแหละ ข้าได้ข่าวเรื่องการแต่งงาน จึงมาปลอบนาง”ทั้งจ้าวหลู่เจินกับจ้าวอวี้เฉินมองไปทางซูหนิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซียวเฟิง แล้วจ้าวหลู่เจินก็เอ่ยถามเสียงเข้ม“แล้วแม่นางน้อยผู้นี้เป็นใคร”ซูหนิงกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้แม้แต่จะเปิดปา

    Last Updated : 2025-01-25
  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 12 เสวี่ยช่างเจิ้น

    บทที่ 12 เสวี่ยช่างเจิ้นเมื่อมาถึงห้องโถง จ้าวเยว่ก็ต้องตกใจเล็กน้อยกับข้าวของที่วางเรียงรายอยู่ มีทั้งเครื่องประดับจำพวกสร้อย แหวน ปิ่นปักผม กำไลหยก และผ้าไหมแพรพรรณราคาแพงอีกหลายพับตอนแรกนางนึกแปลกใจอยู่ว่าจ้าวฮูหยินลงทุนซื้อของมากมายขนาดนี้ทำไมกัน ทว่าก็ได้แค่เพียงเก็บข้อสงสัยไว้ในใจ มิได้ถามไถ่ออกมา“ท่านแม่ เรียกข้ามามีอะไรหรือเจ้าคะ แล้วนี่อะไรเจ้าคะ”จ้าวฮูหยินที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตำแหน่งนายหญิงของจวน หันหน้าไปทางสิ่งของเหล่านั้นทันทีเมื่อได้ยินบุตรสาวเอ่ยถาม“เจ้าคงเห็นสิ่งของพวกนี้แล้วสินะ”“เจ้าค่ะ”จ้าวฮูหยินเมื่อได้รับคำตอบของบุตรสาวจึงได้เอ่ยประโยคต่อมา “นี่เป็นสิ่งของที่­ฮ่องเต้กับฮองเฮาพระราชทานให้แก่เจ้า เป็นสิ่งสำคัญที่ให้เจ้าเอาไว้ใช้ยามออกเรือน พรุ่งนี้ข้าจะให้คนมาวัดตัวเพื่อตัดชุด­แต่งงานให้เจ้า”จ้าวเยว่มองไปที่ผ้าไหมสีแดงหลายพับที่อยู่ในหีบที่กำลังเปิดอ้า พร้อมกับลอบถอนหายใจเบา ๆ หากเป็นสตรีอื่น พวกนางคงดีใจกันจนแทบจะร้องไห้เลยทีเดียว ที่ได้รับสิ่งของพระราชทานเหล่านี้ ซึ่ง­ขัดแย้งกับกิริยาของนางในตอนนี้ยิ่งนักเนื่องจากหญิงสาวไม่รู้สึกอะไรกับข้าวของพวกนี้ที่ได

    Last Updated : 2025-01-25

Latest chapter

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 6 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ครอบครัว

    ตอนพิเศษ 6จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นครอบครัวคุณชายเสวี่ยชางเยว่อายุได้สิบหกหนาวแล้ว เขาเพิ่งเรียนจบชั้นปีสุดท้ายจากสำนักศึกษา อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งในกองทัพ เป็นถึงหัวหน้าหน่วยพลทหารราบถือทวนอีกด้วย ผลจากการฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็ก จึงทำให้ฝีมือทวนของเขาเป็นรองเพียงแค่บิดาเท่านั้น นอกจากนั้นต่างก็ประลองแพ้เขาราบคาบ พลทหารทุกคน จึงยอมรับในฝีมือที่เก่งกาจเกินอายุของเขาเสวี่ยชางเยว่มีน้องสาวคนหนึ่ง ปีนี่ก็อายุย่างเข้าเก้าหนาวแล้ว มีนามว่าเสวี่ยหรูหราน เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ชอบเล่นซุกซนเหมือนบุรุษ ดูไปแล้วทั้งหน้าตาและนิสัยเหมือนกับจ้าวเยว่ไม่มีผิด นางชอบฝึกยุทธ์กับพี่ชาย และที่แตกต่างจากจ้าวเยว่อย่างหนึ่ง ก็คือนางมีฝีมือในเรื่องของศาสตร์ของสตรี ทั้งการเย็บปักถักร้อย เขียนอักษร วาดภาพ ทำอาหาร นางล้วนทำได้ดีเป็นอย่างยิ่งด้วยความที่เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปหน้างามประดุจสตรีเหมือนบิดาไม่มีผิด อีกทั้งยังอัธยาศัยดี วาจาไพเราะ บุตรสาวตระกูลต่างๆ จึงพากันหมายปอง ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดในเมืองผานหยาง ย่อมมีหญิงสาวมองตามเขาอยู่เป็นประจำ บางคนถึงกับโยนผ้าเช็ดหน้าให้กลางถนนเลยก็มีและเสวี่ยชางเยว

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 5 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ปกป้องเมือง

    ตอนพิเศษ 5จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นปกป้องเมืองเซียวเฟิงกับซูหนิงได้รับการต้อนรับอย่างดี วันแรกที่พวกเขามาถึงเสวี่ยช่างเจิ้นก็จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ให้อย่างอบอุ่น อีกทั้งยังให้รองแม่ทัพเว่ยเป็นผู้พาทั้งสองทั้งสองเที่ยวที่เมืองผานหยางซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า ฟ่านตวนคงจะให้ฟ่านหลินหลินเป็นคนตามไปด้วย ในเมื่อบุตรชายของท่านมหาเสนาบดีมาเมืองผานหยางทั้งที เจ้าเมืองอย่างเขา จะไม่เอาอกเอาใจได้อย่างไร“รองแม่ทัพเว่ย ท่านเห็นว่าข้าควรจะซื้อสิ่งใดไปฝากท่านพ่อกับท่านแม่ดี ที่เมืองผานหยางมีสิ่งใดน่าสนใจหรือไม่”เซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น พลางสายตาก็กวาดมองไปบนถนนกลางเมือง ที่มีของขายมากมายอยู่เต็มไปหมด มากมายเสียจนไม่รู้ว่าจะซื้อสิ่งใดกลับไปฝากทุกคนที่จวนดีฟ่านหลินหลินที่มีนิสัยขี้ประจบเอาใจไม่ต่างจากบิดา มีดีก็ตรงที่นางฉลาดกว่า และรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ จึงได้แนะนำไปว่า“ถ้าหากสำหรับบุรุษแล้วล่ะก็ จำพวกแผ่นป้าย หรือว่าตราสัญลักษณ์ที่ทำจากหยกของช่างที่นี่ฝีมือดีอย่างยิ่ง หากว่าท่านราชบัณฑิตอยากจะสั่งทำ ก็ใช้เวลาเพียงแค่สี่ห้าวันเท่านั้นเจ้าค่ะ แต่หากสำหรับสตรีแล้ว แป้งผัดหน้าที่นี่มีคุณภาพสูงไม่

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 4 จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่

    ตอนพิเศษ 4จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่จวนแม่ทัพใหญ่เสวี่ยที่เมืองผานหยางในคืนหิมะตกหนัก จวนแม่ทัพก็วุ่นวายเป็นการใหญ่ สาวใช้วิ่งวุ่นไปทั่วจวน เพื่อเตรียมของไว้รอหมอตำแยที่กำลังเดินทางมา ภายในห้องมีทั้งเสวี่ยฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า แล้วก็เสวี่ยช่างเจิ้น ที่กำลังกุมมือของจ้าวเยว่ไว้­แน่น และคอยบอกนางว่า ให้อดทนอีกสักหน่อย“ประเดี๋ยวหมอตำแยก็มาแล้ว เจ้าอดทนอีกหน่อยเถิดนะ”เสวี่ยช่างเจิ้นบอกกล่าวกับภรรยา พร้อมกับกระชับมือบางไว้แน่นจ้าวเยว่ที่เพิ่งจะเคยคลอดลูกเป็นครั้งแรกก็หวั่นใจเล็กน้อย นางหันไปถามเสวี่ยฮูหยินว่า “ท่านแม่ ตอนที่ท่านคลอดท่านพี่นั้น เจ็บปวดเพียงใดเจ้าคะ”“เจ็บปวดเพียงชั่วครู่ เมื่อเจ้าได้ยินเสียงลูกก็จะหายเจ็บปวดเอง”เสวี่ยฮูหยินตอบพร้อมกับให้กำลังใจลูกสะใภ้ที่กำลังมอบทายาทให้ตระกูลเสวี่ยคนแรกน้ำร้อนสองอ่างถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะด้านข้างเตียง ฤดูเหมันต์อากาศหนาว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ทารกที่คลอดออกมาได้รับความอบอุ่น และยังต้องให้ความอบอุ่นแก่ผู้เป็นแม่เช่นกัน ผิงผิงจึงน้ำผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตามใบหน้าและแขนขา ให้คุณหนูของตนรถม้าของจวนแม่ทัพที่ส่งให้ไปร

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 3 ซูหนิง - เซียวเฟิง แต่งงาน

    ตอนพิเศษ 3ซูหนิง - เซียวเฟิงแต่งงานเมื่อเซียวเฟิงกลับมาถึงจวน ก็เดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที แต่ทว่าบิดาและมารดากลับไม่มีใครอยู่ที่จวน ท่านเซียวโหวมีงานที่ต้องหารือกับฮ่องเต้เรื่องการสร้างเขื่อนเก็บน้ำที่เมืองต้าข่าย เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมอยู่ทุกปี ส่วนเซียวฮูหยินนั้นไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนชินอ๋อง เขาจึงตัดสินใจกลับเข้าเรือนของตนเองไปก่อน ให้ท่านทั้งสองกลับมาก่อน ค่อยนำเรื่องที่เขาตั้งใจไว้ ไปแจ้งให้พวกท่านทราบวันนี้เซียวเฟิงรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ความจริงที่เขาแอบชอบซูหนิงมาตั้งนานแล้วนั้นได้เปิดเผยออกไปเสียที เมื่อก่อนเขายังสับสนว่า รักนางเหมือนน้องสาวหรือว่ารักนางเหมือนคนรักกันแน่ มาวันนี้ก็ได้เข้าใจตัวเองแล้ว อีกทั้งยังเป็นที่น่ายินดีอย่างมากที่นางตกลงแต่งให้เขา ความสุขกายสบายใจเช่นนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นในรอบปี ทำเอาเขายิ้มหน้าบานตลอดทั้งวัน“นายน้อยจะแช่น้ำหรือไม่ขอรับ”หวังเหมิงบ่าวรับใช้ประจำกายของเซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น เขาเห็นนายน้อยดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก็คิดว่านายน้อยคงอยู่ในช่วงเวลามีความสุขเป็นแน่ ช่วงเวลาที่มีความสุขเช่นนี้ เหมาะแก่การแช่น้ำเป็นท

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2   ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าจะแต่งกับท่าน

    ตอนพิเศษ 2 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าจะแต่งกับท่านคำตอบของซูหนิงทำให้เซียวเฟิงรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง จนเขาแทบอยากจะถามคำถามนางต่อ แต่ก็ข่มใจไว้ และห้ามตนเองว่า อย่าได้ตื่นเต้นจนเสียอาการ มิเช่นนางอาจจะรู้สึกกลัวหรือระมัดระวังตัวอย่างมากจนไม่เป็นตัวของตัวเองก็เป็นได้“แล้วลักษณะของบุรุษที่เจ้าชมชอบเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ต้องแข็งแกร่งเก่งกาจถึงขั้นเป็นแม่ทัพเลยหรือไม่” เซียวเฟิงหยั่งเชิงถามออกมา และรอคอยคำตอบอย่างมีหวังการที่ได้รู้ว่าบุรุษในใจของซูหนิงเป็นอย่างไรนั้น ส่งผลต่อการสนทนาของทั้งสองเป็นอย่างมาก หากว่าคำตอบของซูหนิงเป็นเหมือนกับที่เขาคาดคิดไว้ การสนทนานี้จะดำเนินต่อไปอย่างมีความหวัง แต่ถ้าหากว่าคำตอบของนางไม่ได้เป็นดังที่คาด บทสนทนาก็อาจจะสะดุดลงได้ หรือถึงขั้นมีผู้ใดผู้หนึ่งต้องเสียใจ เซียวเฟิงจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยคำตอบนี้จากปากนางซูหนิงวางถ้วยน้ำชาในมือลง แล้วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ราวกับว่าบนท้องฟ้าจะมีใบหน้าของบุรุษผู้นั้นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายแล้วนางก็หันมามองเซียวเฟิง ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ข้าชมชอบบุรุษที่ใจดีและเข้าใจข้าเป็นที่สุด” นี่คือคำตอบที่มาจาก

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกัน

    ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกันขบวนรถม้าของตระกูลเสวี่ยเคลื่อนออกจากหน้าจวนไปแล้ว บริเวณด้านหน้าของจวนตระกูลเสวี่ยเวลานี้จึงเหลือเพียงคนตระกูลจ้าวที่มองขบวนรถม้าของจ้าวเยว่ด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ อีกทั้งยังมีเซียวเฟิงและซูหนิงที่ยังคงไม่ไปไหน ทั้งสองมองตามหลังรถม้าไปด้วยความเศร้าสร้อย ราวกับว่าทุกอย่างจะหยุดหมุน เมื่อพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้อยู่ด้วยกันเมื่อรถม้าของตระกูลเสวี่ยพ้นสายตา คนตระกูลจ้าวจึงเดินทางกลับจวนตนเอง แม้จะมีสายตาอาลัยอาวรณ์ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เสียใจที่บุตรสาวของตนเองต้องไปอยู่ที่เมืองอื่นเลย นี่อาจจะเป็นเพราะว่า เขยขวัญได้เลื่อนยศเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังปกป้องดินแดนเหนือ ดังนั้นแม้จะจากลา แต่ควรดีใจจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่สำหรับเซียวเฟิงและซูหนิงนั้นไม่ใช่เลย พวกเขารู้สึกราวกับว่าขาดคนสำคัญไป เนื่องจากทั้งสามเป็นสหายกันมานาน ไม่ว่าเรื่องราวอันใดก็จะร่วมทำด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่จ้าวเยว่แต่งงาน พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกห่างเหินกันเลยสักครั้งเดียว ทั้งสองยังคงจำได้ถึงวันที่ชักชวนกันปีนหลังคาของจวนตระกูลจ้าว ในคืนหนึ่งก่อนที่จ้า

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทส่งท้าย เพราะรัก

    บทส่งท้าย เพราะรักค่ายทหารที่เมืองผานหยางนี้ดูจะเล็กกว่าที่เมืองหลวงอยู่เล็กน้อย เนื่องจากมีทหารประจำการเพียงแค่หนึ่งแสนห้าหมื่นนาย ทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นนายนี้ ดูแลชายแดนเหนือโดยเริ่มตั้งแต่เมือง­ผานหยางไปทางทิศตะวันออก ในส่วนของเมืองผานหยางไปทางทิศตะวันตก ซึ่งก็คือเมืองเซี่ยงตง อยู่ในความดูของกองทัพหลวงแต่ถ้าหากว่ากองทัพหลวงต้องการกำลังเสริมเมื่อใด กองทัพปกป้องแดนเหนือนี้ ก็พร้อมที่จะยกทัพไปช่วยทันทีทหารบางส่วนจดจำเสวี่ยช่างเจิ้นได้ เมื่อเห็นว่าเขาจะมาเป็นแม่ทัพใหญ่คนใหม่แทนแม่ทัพรั่วหยางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง วิ่งกรูกันมาต้อนรับ จนแทบจะยกทั้งเสวี่ยช่างเจิ้นทั้งม้าเข้าไปในค่ายเมื่อเห็นจ้าวเยว่ พวกเขายิ่งยินดีมากขึ้นไปอีก เมื่อสตรีที่อาจหาญเลื่องชื่อผู้นี้ มาเยือนถึงค่ายทหาร“ท่านแม่ทัพกับฮูหยินเชิญด้านในขอรับ” ทหารเฝ้าประตูบอกพร้อมกับเดินนำหน้าพวกเขาไป“พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ฮูหยินก็มาด้วย หากเป็นไปได้ฮูหยินจะให้เกียรติมาฝึกสอนพลธนูที่ค่ายก็ได้นะขอรับ” หัวหน้าพลธนูกล่าวออกมาอย่างคาดหวัง“เอาล่ะ ๆ อย่าเพิ่งวุ่นวายกันเลย เดี๋ยวข้าไปหาท่านแม่ทัพกับรองแม่ทัพทั้งหลายก่อน จากนั้นถึงจ

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 62 ถึงเมืองผานหยาง

    บทที่ 62ถึงเมืองผานหยางวัดเหล่ากวงซี ดูเหมือนจะเป็นวัดเพียงแห่งเดียวในเมืองสวีโจวนี้ เนื่องจากเมืองสวีโจวเป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่ได้มีผู้คนอาศัยอยู่มากนัก ก็เลยไม่มีสถานที่ต่างๆ ให้ไปเที่ยวสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่วัด­เหล่ากวงซีแห่งนี้ แล้วก็ตลาด ส่วนนอกเมืองก็มีแม่น้ำหวังอิ่งที่กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ตั้งแต่อวี๋ตงตงสร้างอ่างเก็บน้ำจ้าวเยว่ยืนรออย่างกระวนกระวายใจ เมื่อไม่เห็นว่าสามีของตนจะตามมาเสียที ดังนั้นอวี๋ตงตงจึงพาทั้งสามคนเดินเล่นรอบ ๆ วัดก่อน ยังไม่ได้เข้าไปข้างใน“ฮูหยินไม่ต้องรีบร้อนไป ตอนนี้ท่านพี่ช่างเจิ้นคงน่าจะออกจากจวนแล้ว” อวี๋ตงตงเอ่ยบอกกับจ้าวเยว่อวี๋ตงตงเอ่ยยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงควบม้าดังมาจากทางด้านหน้าของวัดผู้มาเป็นเสวี่ยช่างเจิ้นอย่างที่คาดไว้ เขารีบกระโดดลงจากม้า แล้ววิ่งมาทางที่พวกจ้าวเยว่ยืนอยู่ในทันที“ขออภัยขอรับ ท่านย่า ท่านแม่ เมื่อคืนลูกดื่มหนักไปหน่อย ทำให้ตื่นสาย” เสวี่ยช่างเจิ้นขอโทษขอโพยท่านแม่และท่านย่าของตน“ดีที่เจ้ายังมาทันเวลาไหว้พระ เข้าไปกันเถอะ”ฮูหยินผู้เฒ่าดูจะอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย ที่หลานชายมาสาย ทว่าก็ไม่ได้ดุด่าว่ากระไร เพียงแต่เดินนำเข้า

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   บทที่ 61 รับตำแหน่งใหม่

    บทที่ 61รับตำแหน่งใหม่ก่อนถึงวันเดินทางราวสิบห้าวัน ตระกูลเสวี่ยก็ต้องทำการเตรียมตัว โดยผู้ดูแลงานนี้ก็คือจ้าวเยว่ถึงแม้ว่าทุกคนในครอบครัวจะไปอยู่กันที่เมืองผานหยางแต่­ทว่าจวนนี้ก็ยังต้องมีคนคอยอยู่ดูแล จ้าวเยว่ตัดสินใจไว้ ว่าจะทิ้งบ่าวไพร่ไว้บางส่วนให้ดูแลจวนนี้จ้าวเยว่หยิบสมุดออกมาเล่มหนึ่ง แล้วไล่จดรายการสิ่งของที่มีในเรือนทั้งหมด โดยแยกเป็นแต่ละส่วนทั้ง ห้องโถง เรือนบูรพา เรือนอุดร เรือนประจิม ลานหน้าบ้าน จนครบทุกที่ จากนั้นจึงนำเอารายการเหล่านั้นมาให้เสวี่ยฮูหยินกับฮูหยินผู้เฒ่าเลือกดู ว่าจะเอาสิ่งของใดไปด้วยบ้างส่วนสิ่งของที่ไม่ได้เอาไปนั้น จ้าวเยว่สั่งให้บ่าวไพร่ไปซื้อผ้ามาจำนวนหนึ่ง แล้วทำการห่อไว้เป็นอย่างดี เพื่อกันไม่ให้เกิดความเสียหายและฝุ่นจะได้ไม่เกาะอีกด้วยบ่าวไพร่ที่จะตามไปที่เมืองผานหยางนั้น จ้าวเยว่ให้พวกเขาตัดสินใจเลือกเอาตามความสะดวก ผู้ที่อยากอยู่ในหมิงเว่ย ก็ให้ทำหน้าที่เฝ้าเรือนนี้ ส่วนผู้ที่อยากติดตามไปยังเมืองผานอยาง ก็ให้ไปด้วยกัน แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นมาจนได้ เนื่องจากบ่าวไพร่ทุกคนต่างก็อยากติดตามจ้าวเยว่กับเสวี่ยช่างเจิ้นไปที่เมืองผานหยาง จนต้องบอกเล่ากัน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status