แชร์

ไม่เอาไหน

ผู้เขียน: 橙花
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-11 14:10:32

       นางยังไม่ยอมเคลื่อนย้ายออกจากห้องทรมาน นางรอคนทั้งสองฟื้นขึ้นมาเสียก่อน  เพราะนางแปลกใจที่ไม่เห็นองครักษ์เงาของพวกเขา  ส่วนองครักษ์เงาอีกคนของนางก็หายหัวไปไหนไม่รู้ด้วยสิ  นางไม่อยากเสียคนมีฝีมือไปหรอกนะ

       เกือบสองเค่อ เฟยหยุนกับองค์ชายสามก็ฟื้นขึ้นมา  ชิวเพ่ยเพ่ยรีบถามสิ่งที่นางอยากรู้ทันที

“องครักษ์เงาของพวกเจ้าอยู่ที่ใด ทำไมข้าไม่เห็นพวกเขาในคุกนี่” นางไม่ได้เปลี่ยนเสียงเพราะนี่ก็คู่หมั้นนางเอง นางไม่สนใจว่าเขาจะรู้ตัวตนนางหรือไม่ด้วย

“พวกเขาถูกจับไปทรมานอีกห้องหนึ่งด้านโน้น ข้าได้ยินพวกมันคุยกันก่อนหน้านี้ เจ้าช่วยพวกเขาแทนข้าได้ไหม ข้ามันฝีมือไม่เอาไหน จนมาถูกจับทรมานอยู่แบบนี้” เฟยหยุนที่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคู่หมั้น ได้แต่หน้าด้านขอร้องให้ช่วยคนของเขาก่อน  องครักษ์ของเขาเปรียบเหมือนพี่น้องที่โตมาด้วยกัน  ถ้าพวกเขาเป็นอะไรไป เขาคงเสียใจไปตลอดชีวิต

“เจ้าไปช่วยพวกเขาสิ แล้วตามหาคนของเราด้วย ข้าไม่รู้ว่าเขาเฝ้าประสาอะไร ข้าจึงไม่เห็นแม้แต่เงา”

“เอ่อ คุณหนูขอรับ ข้าอยู่ตรงนี้” องครักษ์อีกคนถูกขังในคุกใกล้ ๆ เขาเห็นคุณหนูกับเพื่อนที่ปลอมตัวจึงไม่รู้ว่าเป็นพวกนาง  พอได้ยินนางพูดเสียงเขียวเขาจึงรีบตอบรับก่อนจะโดนลงโทษ

“เพ้ย!!! เจ้านี่แอบฟังข้าเสียนาน แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้ไปนั่งจ๋องอยู่ในกรงนั่นน่ะ ช่างไม่เอาไหนเสียจริง  ข้าเปลี่ยนคนดีไหมเนี่ย” ชิวเพ่ยเพ่ยโมโหที่คนของนางเซ่อซ่าถูกจับมาเสียได้

“เอิ่ม ข้าแค่อยากช่วยคู่หมั้นคุณหนูนี่ขอรับ  แต่พลาดท่าถูกพวกมันสาดยาสลบใส่เสียก่อน มันเห็นข้าใส่ชุดคนละแบบกับคนของท่านแม่ทัพกับองค์ชายสาม เลยไม่เอาข้าไปทรมานน่ะขอรับ” เขาอ้อมแอ้มตอบคุณหนูอย่างอับอาย  ใครจะไปรู้เล่าว่าคนพวกนี้มันชอบใช้ยากันน่ะ ปัดธ่อววว

“หึ แล้วทำไมเจ้าไม่ทำลายกรงออกมาเองทั้งที่ฟื้นแล้วน่ะห๊ะ”

“เอิ่ม คือมันวางยาทำให้ข้าใช้พลังลมปราณไม่ได้หลังข้าสลบไปน่ะขอรับ ข้าเลยได้แต่นั่งง่อยอย่างที่คุณหนูเห็น แฮ่ะ แฮ่ะ” เขาพูดอย่างละอายแก่ใจที่โดนยาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้

“เฮ้อ ข้าไม่รู้จะพูดอะไรกับเจ้าเลยจริง ๆ ถอยไป!!”

เปรี้ยง!!!

       ชิวเพ่ยเพ่ยซัดฝ่ามือพลังปราณออกไปจากระยะไกล  ประตูห้องขังแตกกระจุยกระจายกลายเป็นผุยผง  องครักษ์ด้านในตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว  นี่คุณหนูอยากป่นเขาเป็นผงเหมือนประตูคุกไหมหนอ  ทำไมใช้กระบวนท่าโหดร้ายกับคนใจบางแบบเขานัก ฮือ คุณหนูใจร้าย

       ด้านเฟยหยุนฟังบทสนทนาแปลก ๆ จนถึงบางอ้อ เอ้า นี่คู่หมั้นเขาเหรอ ทำไมเด็กสาวตัวน้อยกลายเป็นชายหน้าปลาจวดได้เล่า เขามองนางขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา กระทั่งอดไม่ได้จนต้องถามออกมา

“เพ่ยเพ่ย นี่เจ้าเหรอ?”

“ถ้าไม่ใช่ข้าแล้วใครจะมาช่วยเจ้าเล่า โว๊ะ ถามแปลก” ชิวเพ่ยเพ่ยตีรวนคู่หมั้นของนางที่ชักจะนิสัยเสียไม่ยอมลุกออกจากตักเสียที

“แล้วทำไมหน้าเจ้าเป็นแบบนี้เล่า”

“อ้าว เจ้าจะให้ข้าใช้ใบหน้าไหนเข้ามาในนี้แบบไม่มีรอยขีดข่วนน่ะ นี่ รีบลุกขึ้นได้แล้ว ข้าหนัก!” ชิวเพ่ยเพ่ยผลักหัวของเฟยหยุนออกจากตักนางอย่างแรง จนหัวเขาแทบจะโขกพื้น

       เฟยหยุนได้แต่บ่นพึมพำเบา ๆ ว่านางใจร้าย เขายังเจ็บอยู่เลยนะ ชิวเพ่ยเพ่ยที่หูดีเกือบเท้ากระตุกถีบคู่หมั้นติดฝา  ยังดีที่นางจับขาตัวเองไว้ก่อน ไม่งั้นคงเป็นนางที่เหนื่อยแบกเขาออกจากที่นี่

       ส่วนองครักษ์ที่ถูกยาพิษรีบเดินอย่างสงบเสงี่ยมมาขอยาถอนพิษกับคุณหนูของเขา  ชิวเพ่ยเพ่ยสบัดขวดยาให้อย่างไม่เต็มใจ หึ ยาข้าแพงรู้หรือไม่  ถ้าไม่มีใครเห็น ข้าคงเตะส่งเจ้าไปนอนนอกค่ายแล้วปล่อยให้ยาพิษมันสลายไปเองนานแล้ว ฮึ่ย

       หลังกินยาถอนพิษไม่นานนัก เขาก็สามารถใช้พลังลมปราณดังปกติได้แล้ว  ชิวเพ่ยเพ่ยสั่งเขาไปช่วยองครักษ์อีกคนให้ช่วยคนของเฟยหยุนกับองค์ชายสามจะได้รีบออกจากที่เส็งเคร็งนี่เสียที  นางคันหน้าไปหมดแล้วนะ หน้ากากบ้านี่ครั้งหน้าคงต้องหาวัสดุใหม่มาทำเสียแล้วสิ

       องครักษ์ทั้งสี่ของเฟยหยุนกับองค์ชายสามต่างถูกทรมานจนแทบพิการ  พวกเขาเหลือเพียงลมหายใจรวยรินก่อนคนของชิวเพ่ยเพ่ยจะป้อนยารักษาได้ทันท่วงที  ทำให้พวกเขายังเหลือลมหายใจที่มั่นคงไปได้อีกห้าวัน

       องครักษ์ของชิวเพ่ยเพ่ยรีบออกมารายงานอาการคนทั้งสี่เสียก่อน  หากพวกเขาต้องแบกคนเจ็บหกคนไปด้วยขณะหลบหนีมันคงไม่ดีแน่ ชิวเพ่ยเพ่ยได้แต่หงุดหงิดที่ต้องเสียยาดีอีกแล้ว  ยานางแพงม๊ากมาก!!! ฮึ่ย

       นางกัดฟันโยนขวดยาอีกขวดให้เขาเอาไปป้อนคนใกล้ตายทั้งสี่อีกครั้ง กระทั่งเกือบสองเค่อต่อมา คนที่เกือบจะพิการก็เดินลมปราณรักษาตัวขั้นต้นได้แล้ว  อ่า  ยาของคุณหนูช่างมหัศจรรย์เสียจริง  สององครักษ์ต่างอิจฉาคนทั้งสี่ที่ได้ยาเทพของคุณหนูพวกเขา  แต่พวกเขาไม่อยากมีสภาพน่าอนาถแบบคนพวกนี้หรอกหนา  แค่อยากได้ยาเอาไว้ฉุกเฉินก็เท่านั้น

บทที่เกี่ยวข้อง

  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   กอดแรก

    หลังจากเสียเวลาจัดการคนป่วยทั้งหกอยู่เกือบชั่วยาม ชิวเพ่ยเพ่ยชักชวนพวกเขาออกจากคุกก่อนหลบหนีจากค่ายต่อ คนเจ็บได้แต่เดินตามชิวเพ่ยเพ่ยกับองครักษ์เงาของนางไปอย่างเงียบ ๆ ยิ่งองค์ชายสามที่ฟื้นมาตอนเห็นชิวเพ่ยเพ่ยทำลายประตูคุกตอนนั้นเขายังอกสั่นขวัญกระเจิงไม่หาย เขาไม่คิดว่าคู่หมั้นตัวน้อยของสหายรักจะเก่งกาจปานนี้ ถ้าเขากล้าพูดจาให้นางโมโห มีหวังเขาต้องมีสภาพเหมือนประตูคุกแน่ บรื๋อออ ข้ากลัวแล้ว ชิวเพ่ยเพ่ยเดินอาด ๆ ออกจากคุกอย่างไม่กลัวใครจะเห็นสักนิด ถึงเห็นนางก็ไม่กลัว ในเมื่อพวกนั้นกำลังแข่งกันขี้แตกขี้แตนกันอยู่นี่นา ฮิฮิ พวกเขาออกจากค่ายทางด้านหลังโดยไม่มีใครพบ เฟยหยุนที่แปลกใจว่าคนหลายพันทำไมไม่มีเวรยามเหมือนตอนที่พวกเขาโดนจับ“ทหารพวกนั้นไปไหนหมดเหรอเพ่ยเพ่ย” มีเพียงเฟยหยุนคนเดียวที่กล้าคุยกับนาง“อ๋อ น่าจะขี้แตกอยู่น่ะนะ ข้าส่งขนมนิดหน่อยลงในอาหารกับน้ำดื่มของพวกเขาช่วงสายก่อนไปช่วยเจ้าน่ะ ฮิฮิ” ชิวเพ่ยเพ่ยตอบอย่างอารมณ์ดี“อา ถึงว่าข้าได้กลิ่นเหม็นไปทั่วตอนเดินออกจากคุก เจ้าช่างร้ายกาจจริง ๆ เพ่ยเพ่ย” เฟยหยุนรีบอวยคู่หมั้นผู้น่ารักของเขา นางช่างซุกซนจริ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   ดีต่อใจ

    รุ่งเช้า ชิวเพ่ยเพ่ยกระพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงง พอตั้งสติได้แล้ว นางค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น นางเห็นใบหน้าคู่หมั้นสุดหล่อในระยะใกล้เพียงฝ่ามือ เขามองนางพร้อมอมยิ้มน้อย ๆ อา ʕ≧ᴥ≦ʔ มันทำให้นางรู้สึกดีต่อใจแบบแปลก ๆ หรือว่านี่เป็นอย่างที่ท่านแม่พูดเอาไว้ว่ามันจะรู้สึกฟินถ้าได้อยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน เฟยหยุนที่เห็นคนในอ้อมกอดตื่นขึ้นมาแล้ว เขาจึงแย้มรอยยิ้มมากขึ้น โอ ขอบคุณสวรรค์ที่นางตื่นเสียที เขาต้องรีบไปล้างคราบน้ำลายเต็มหน้าอกออกก่อนเดินทางเสียด้วย นางในดวงใจของเขานี่ก็ช่างกระไร ไม่รู้นางฝันดีอีท่าไหน ถึงได้มีน้ำลายไหลย้อยได้ทั้งคืน ชิวเพ่ยเพ่ยเห็นเขายิ้มกว้างขึ้น จึงรีบกระแอมเบา ๆ อย่างขวยเขิน นางกอดเขาอย่างกับลูกหมีกอดแม่ แถมตรงอกเสื้อของเขายังเปียกชื้นไปหมด แฮ่ะ แฮ่ะ นางลืมไปว่าตัวเองชอบนอนน้ำลายไหล พอเช้าทีไร บ่าวนางจะรีบเปลี่ยนหมอนใบใหม่พร้อมปลอกให้ทุกวัน ชิวเพ่ยเพ่ยรีบปล่อยมือนางออกจากตัวเขาด้วยความอับอาย เฟยหยุนอยากแกล้งนางสักหน่อย แต่กลัวแม่สาวน้อยจะเขินอายจนถีบเขาแทน ตอนนี้เขายังบาดเจ็บอยู่ อย่าหาเรื่องตอนนี้จะดีกว่า เขารีบบอกนางว่าจะไปล้างหน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   หลบสายตา

    องครักษ์ทั้งสี่ที่อาการดีขึ้นมากแล้ว พากันไปหาฟืนมาก่อไฟให้นายน้อยกับคุณหนู ด้วยกลัวว่าถ้ามัวชักช้าอาจถูกดีดด้วยก้อนหินเหมือนปลาชะตาขาดพวกนั้น ฮือʢᵕ﹏ᵕʡ พวกเขายังไม่อยากตาย ไม่นานนักกองไฟก็พร้อม ชิวเพ่ยเพ่ยที่ทำอาหารไม่เป็นนั่งรอที่ใต้ต้นไม้กับเฟยหยุนและองค์ชายสาม นางถามพวกเขาว่าจะทำอย่างไรต่อไป ในเมื่อแผนการล้มเหลวไม่เป็นท่าแบบนี้“ข้าต้องปรึกษาเสด็จพ่อเสียก่อนค่อยตัดสินใจ” องค์ชายสามเอ่ยอย่างหนักใจ นางบอกพวกเขาแล้วว่าข่าวรั่วไหลได้อย่างไร เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีองครักษ์เงากี่คนที่ไปสมสู่กับพระสนมพวกนั้น เรื่องนี้ต้องให้เสด็จพ่อสืบเองแล้ว“อืม ส่วนข้าก็ต้องรอคำสั่งฝ่าบาทก่อนเช่นกัน” เฟยหยุนบอกคู่หมั้นที่นั่งข้าง ๆ“เจ้าอยากให้ข้าช่วยหรือไม่เล่า” ชิวเพ่ยเพ่ยที่มักตัดสินใจอะไรอย่างรวดเร็วรีบออกความเห็น แค่ฆ่าคน มันจะไปยากอะไร้!“ข้าไม่อยากให้เจ้าเดือดร้อนนะเพ่ยเพ่ย เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า ข้าต้องปกป้องเจ้าสิ” เฟยหยุนส่งสายตาหวานฉ่ำให้นาง เมื่อคืนเขายังจำสัมผัสนุ่มนิ่มในอ้อมกอดได้อยู่เลย ยิ่งคิดยิ่งอยากรีบแต่งเสียให้รู้แล้วรู้รอด ชิวเพ่ยเพ่ยเห็นสายตาเขาแปลก ๆ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   งานเลี้ยงในวัง

    ชิวเพ่ยเพ่ยที่หายออกจากเรือนไปไม่บอกไม่กล่าว เกือบถูกท่านแม่คนงามแพ่นกบาลเสียแล้ว ถ้าท่านพ่อคนดีไม่เข้ามาห้ามเอาไว้เสียก่อน ที่ท่านแม่โกรธก็ไม่ใช่อะไร เป็นท่านพ่อคนดีที่หาลูกสาวสุดที่รักไม่เจอ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ จนเขาเกือบไปแจ้งทางการ ท่านแม่ของนางจึงแก้ตัวว่านางไปเที่ยวบ้านท่านตาท่านยายน่ะสิ แต่พอนางกลับมา แล้วท่านแม่เห็นหน้าเท่านั้นแหละ ความโกรธที่สะสมมาก็ปะทุขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เดือดร้อนท่านพ่อที่คราแรกแสนจะเป็นห่วงบุตรสุดสวาท ต้องเกลี้ยกล่อมภรรยารักเสียหลายยกกว่านางจะหายดี เฮ้อ ภรรยาเขาแรงดีเสียจริง ๆ ส่วนตัวต้นเหตุที่ทำให้คนที่บ้านเป็นห่วงนั้นนนน ตอนนี้นอนกระดิกเท้าอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ ไปนานแล้ว นางรู้นิสัยท่านแม่คนงามดีจะตาย แค่นางอยากให้ท่านพ่อเกลี้ยกล่อมใช่ไหมเล่า จึงได้ทำการแสดงที่แม้แต่นางยังดูออก เสียดายที่ท่านพ่อคนซื่อมีหรือจะทันเล่ห์เพทุบายของท่านแม่นาง ป่านนี้คงหมดแรงคาเตียงไปแล้วล่ะมั้ง หึ วันต่อมา ท่านพ่อกลับบ้านตั้งแต่บ่าย โดยบอกให้นางสองแม่ลูกเตรียมตัวไปงานเลี้ยงในวังตอนเย็น โอ้ ไม่นะ นางเบื่อหน่ายคุณหนูผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   แสดงความสามารถ

    หลังจากคารวะคนใหญ่คนโตเต็มพิธีการแล้วนั่งลง เป็นฮ่องเต้ที่ประกาศให้เริ่มงานเลี้ยงพระจันทร์เต็มดวงในวันนี้ ชิวเพ่ยเพ่ยที่มางานแบบนี้เป็นครั้งแรกได้แต่เบ้ปากมองบน พระจันทร์มันก็เต็มดวงอยู่ทุกเดือน ฝ่าบาทจะไม่จัดงานเลี้ยงทุกเดือนเลยหรือ? กรมพิธีการจัดการแสดงเปิดงานจากกรมสังคีต บรรดานักเต้น นักดนตรีต่างทำงานกันอย่างแข็งขัน หากการแสดงออกมาเป็นที่พอพระทัย พวกเขาอาจจะได้รางวัลตอบแทนไม่น้อย หลังจบการแสดง เป็นฮองเฮาที่มอบรางวัลให้คนของกรมสังคีต และแนะนำให้บุตรสาวขุนนางขึ้นมาแสดงความสามารถ เนื่องด้วยองค์ชายสามบุตรชายนางยังไม่มีคู่ครองทั้งที่อายุเหมาะสมแล้ว ชิวเพ่ยเพ่ยจึงถึงบางอ้อกับเป้าหมายของงานเลี้ยงครั้งนี้ ที่แท้ก็หาเมียให้ลูกชายนี่เอง นางอยากรู้เช่นกันว่าองค์ชายสามผู้นั้นจะได้รับสตรีเช่นไร ชิวเพ่ยเพ่ยที่ลืมไปว่านางก็เป็นบุตรีขุนนางคนหนึ่งจึงต้องขึ้นแสดงด้วย นั่งดูการแสดงอย่างเพลิดเพลิน กระทั่งขันทีเอ่ยเรียกบุตรีขุนนางชิวนั่นแล นางจึงได้สะดุ้งโหยงแทบตกเก้าอี้ เอ้า นางไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย แล้วจะแสดงอะไรเล่า ชิวเพ่ยเพ่ยหันไปมองท่านพ่อกับท่านแม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   ได้รับคำชม

    หลังจบการแสดงจากบุตรีขุนนางทั้งหมด ฮองเฮาที่เล็งเป้าหมายบุตรีขุนนางที่อยากได้มาให้ลูกชายก็ประทานรางวัลให้เกือบสิบคน รวมทั้งชิวเพ่ยเพ่ยก็ได้รับกับเขาด้วย ฮองเฮาและฮ่องเต้ต่างยกย่องเพลงฉินของชิวเพ่ยเพ่ยอย่างไม่ตระหนี่คำชม พวกเขายังหยอกล้อชิวกังด้วยว่าที่ไม่พาภรรยาและบุตรสาวมา คงเพราะกลัวถูกครอบครัวอื่นแย่งชิงบุตรสาวไปหรือไม่ ถึงแม้ฮ่องเต้และฮองเฮาจะแอบเสียดายนางอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขารู้ดีว่าจวนแม่ทัพคงไม่ปล่อยนางมาให้พวกเขาแน่ เด็กดีมีความสามารถขนาดนี้ เป็นใครใครก็คงหวงแหนยิ่งนักกระมัง ชิวเพ่ยเพ่ยยิ้มรับคำชมอย่างถ่อมตัว นางเพียงตอบกลับฮ่องเต้และฮองเฮาว่า เป็นเพราะท่านพ่อและท่านแม่ให้การศึกษาแก่นางมาตั้งแต่เยาว์วัย จึงทำให้นางสามารถเล่นฉินได้อย่างไพเราะเช่นนี้ คำพูดของนางยิ่งทำให้พวกเขารวมทั้งขุนนางอีกหลายครอบครัวที่คราแรกตั้งใจจะทาบทามนางให้บุตรชายตน เสียดายยิ่งขึ้นไปอีก ถ้านางไม่ใช่คู่หมั้นของแม่ทัพใจโฉดคนนั้นแล้วล่ะก็ พวกเขาคงกล้าหน้าด้านส่งแม่สื่อให้ตระกูลชิวเลือกอีกสักครั้ง แต่ลองถ้าพวกเขาทำจริง ๆ ตอนนี้ พวกเขาไม่กล้าคิดเลยจริง ๆ ว่าคนในจวนแม่ท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   ข้าเป็นคู่หมั้นท่าน

    เมื่อเหล่าผู้ยิ่งใหญ่อิ่มหนำสำราญแล้ว ฮ่องเต้และฮองเฮาออกจากงานเลี้ยงเพื่อปล่อยให้บรรดาขุนทางทั้งหลายสร้างความสัมพันธ์กันเหมือนกับทุกครั้ง คนจากจวนแม่ทัพรีบปรี่มาที่โต๊ะของชิวกัง ด้วยกลัวว่าพวกขุนนางที่ไม่กลัวตายจะแย่งชิงสะใภ้คนดีของพวกเขาเสียก่อน พวกเขามีหรือจะไม่เห็นสายตาหมาป่าที่อยากได้เหยื่อตัวน้อยแบบชิวเพ่ยเพ่ย หึ พวกมันกำลังฝัน! ที่โต๊ะชิวกัง ชิวกับ เตียวเฟยหลิว แม่ทัพใหญ่และฮูหยินนั่งอยู่ร่วมกันแล้ว พวกเขาไล่เด็กสองคนไปเดินเล่นที่สวนด้านข้างก่อนกลับบ้านอย่างรู้กัน ชิวเพ่ยเพ่ยผู้แสนเชื่อฟัง ลุกจากที่นั่งเดินตามเฟยหยุนต้อย ๆ ส่วนสองคู่รักวัยใกล้กลางคนเห็นลูก ๆ ออกไปไกลแล้วจึงรีบหันหน้ามาคุยกันอย่างจริงจัง ฮูหยินจวนแม่ทัพคุยกับเตียวเฟยหลิวเรื่องวันแต่งงาน นางกลัวสะใภ้คนดีจะถูกพวกขุนนางเหล่านี้ตลบหลัง หรือไม่ก็วางแผนชั่วตามตำราหนังหมาที่สอนสั่งกันมาในหลังบ้านตระกูลใหญ่ทั้งหลายน่ะสิ ชิวกังรู้เรื่องนี้ดีไม่น้อย เขาเองก็ไม่ชอบขุนนางพวกนั้นที่มีสามภรรยาสี่อนุแล้วยังเที่ยวคุยโวโอ้อวดไปทั่ว ทั้งที่หลังบ้านมีแต่ความวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   เร่งรัดงานแต่ง

    เฟยหยุนกับชิวเพ่ยเพ่ยมาถึงโต๊ะ เหล่าพ่อแม่ของทั้งคู่ก็บรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้ว พวกเขาจะรีบหาฤกษ์ดีในวันพรุ่งนี้ทันที โดยใช้วันที่เร็วที่สุดจัดงานแต่งงานให้ลูกทั้งสอง เพื่อป้องกันค่ำคืนอันยาวนานและฝันที่ยุ่งเหยิง เตียวเฟยหลิวยังตั้งใจจะคุยกับลูกสาวผู้ไม่ประสาของนางหลังจากได้ฤกษ์แล้วด้วย ไม่อย่างนั้นนังหนูสองบุคลิกของนางต้องอาละวาดจนจวนพังพินาศแน่ เห็นติ๋ม ๆ หงิ๋ม ๆ แบบนี้ บทจะร้ายก็ใช่ย่อยนะลูกสาวนาง เฮ้อ ไม่รู้นิสัยเหมือนใคร ( เตียวหย่งไจ้ : เหมือนเจ้านั่นแหละ ((* ̄(エ) ̄)ノ) สองครอบครัวเดินออกจากงานเลี้ยงพร้อมกัน ครอบครัวแม่ทัพใหญ่เดินไปส่งครอบครัวว่าที่ลูกสะใภ้จนถึงรถม้า ด้วยกลัวว่าจะมีลูกชายขุนนางที่ไม่รู้ดีชั่วมาสร้างปัญหาให้ชิวเพ่ยเพ่ยของพวกเขา เมื่อถึงรถม้าสองคันของตระกูลชิว เฟยหยุนเดินไปส่งคู่หมั้นแล้วให้นางจับมือขึ้นไปบนรถม้าอย่างสุภาพ ชิวกังเห็นว่าที่ลูกเขยดูแลบุตรสาวเขาได้ดีก็พยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นพวกเขาเอ่ยลาท่านแม่ทัพใหญ่กับฮูหยินที่ยืนรอส่งก่อนจะพากันขึ้นรถม้าแล้วออกจากหน้าพระราชวังไป สามพ่อแม่ลูกจวนแม่ทัพนำรถม้ามาคันเดียว ภายใน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11

บทล่าสุด

  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   รักเมียคนเดียว

    “ฝ่า..ฝ่าบาท” ขุนนางที่เมื่อกี้ิเชิดหน้าชูคอใส่ชิวเพ่ยเพ่ยเข่าอ่อนในทันใด เขารีบคุกเข่าทำความเคารพฮ่องเต้พร้อมคนอื่น ๆ ที่เขาพามา ฮ่องเต้ไม่แม้แต่จะมองและสั่งให้พวกเขาลุกขึ้น เขาจะปล่อยให้พวกมันคุกเข่าไปฟังไปแบบนี้นี่แหละ ช่างหาเรื่องให้เขาเสียหน้ากับผู้มีพระคุณนัก“คารวะท่านเจ้าตำหนัก ข้าเพิ่งรู้ว่าท่านมาแคว้นเยี่ยจึงเสียมารยาทที่ไม่ได้มาต้อนรับท่านด้วยตัวเอง หวังว่าท่านจะไม่ถือโทษโกรธข้าหรอกนะ” ฮ่องเต้ที่อาวุโสกว่าชิวเพ่ยเพ่ยหลายปีรีบขอโทษนางก่อนอย่างไม่อายใคร“ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องมากมารยาทกับข้า ข้ากับสามีเพียงอยากมาทำบุญที่แคว้นเยี่ย แต่ดูท่าทางแล้วคนในแคว้นของท่านคงไม่ชอบเรื่องดี ๆ เช่นนี้นัก วันนี้ข้าจึงต้องลงมือจนทำให้ท่านลำบาก ข้ากับสามีต้องขอโทษท่านเช่นกัน” ชิวเพ่ยเพ่ยไม่จำเป็นต้องใช้ราชาศัพท์กับเขา นางพูดกับเขาเหมือนคนสนิทที่เคยพบปะกันมา ทั้งที่จริงนางแค่เคยพูดคุยและติดต่อกับเขาทางจดหมายหลังถล่มจวนอ๋องไปเมื่อคราวนั้นเท่านั้น“อืม ขอบคุณท่านมากที่ไม่ถือสา ส่วนคนที่สร้างปัญหาให้ท่าน ข้าอยากขอให้ท่านจัดการแทนข้าได้หรือไม่ อีกอย่าง ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาท่านกับสามีด้ว

  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   ใครหาเรื่องให้ข้า!!!

    “คุณชาย ท่านช่วยข้าด้วยสิเจ้าคะ ข้ายินดีตอบแทนท่านด้วยร่างกายอันสดใหม่ หากท่านช่วยข้าจากผู้หญิงเลวคนนี้ ฮึก” นางแพศยานี่ยังกล้ามาขอให้เขาช่วยอีกหรืออย่างไร ช่างไม่รู้จักตายเสียจริง ๆ เฟยหยุนมองผู้หญิงเสแสร้งตรงหน้าเขาตาขวาง เขาไม่เคยรู้จักนางมาก่อน ทำไมนางคนนี้ถึงได้มาหาเรื่องเขาแบบนี้ เขาอยากรู้มากจริง ๆ ว่าใครมันหาเรื่องให้ข้า!!! ชิวเพ่ยเพ่ยหรี่สายตามองสามีนางและหญิงสาวที่ยังคงเล่นละครอย่างไม่อายใคร กระทั่งเฟยหยุนทนความกดดันไม่ไหวเขารีบสั่งคนจับนางอ้าปากแล้วให้พวกเขายัดอาหารที่หญิงผู้นี้นำมาเข้าไปจนหมด เขาหมดความอดทนแล้วจริง ๆ แถมยังไม่อยากอยู่ใกล้ผู้หญิงน่าขยะแขยงเช่นนี้แม้สักนิด ชิวเพ่ยเพ่ยเห็นสามีกระดึ๊บ กระดึ๊บมาหานางหลังสั่งคนจัดการนังตัวดีแล้ว นางแอบยิ้มอย่างสมใจ หึ นับว่าเจ้ายังรู้ว่าอะไรดีนะสามี ไม่อย่างนั้นล่ะก็… เจ้าหน้าที่เห็นเหตุการณ์และกำลังจะเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้น แต่คนของตำหนักเมฆาดับมากกว่าสิบคนไม่รู้มาจากไหน พวกเขายืนปิดกั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้ผ่านทางไปช่วยคนได้ เมื่อเห็นท่าไม่ดีแล้ว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบบอกให้คนของเขาไปตามเจ้านายม

  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   อยากมีเมียน้อย?

    วันที่สองที่ชิวเพ่ยเพ่ยเปิดการตรวจรักษา วันนี้ชาวบ้านน้อยกว่าเมื่อวานเกือบครึ่งหนึ่ง แต่นางยังคงตรวจรักษาพวกเขาตามปกติ เฟยหยุนยังคงคอยช่วยนางอยู่ข้าง ๆ ดังเช่นทุกครั้ง หลังจากรักษาคนไปหลายสิบคนจนใกล้จะถึงเวลาทานอาหารเที่ยง อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงแหลมสูงมาเข้าหูให้ชิวเพ่ยเพ่ยจนระคายโสตประสาท“คุณชาย ข้านำอาหารทำเองมาให้ท่านทานเจ้าค่ะ ท่านลองดูสิว่าถูกปากหรือไม่” ไม่รู้ว่าเป็นแม่นางจากบ้านใด ถึงได้กล้าเข้ามาพูดคุยกับสามีของท่านหมอใจดีอย่างหน้าด้าน ๆ เช่นนี้ เรื่องที่เฟยหยุนเป็นสามีของหมอหญิงใจบุญต่างมีข่าวออกมานานมากแล้ว ทำให้ไม่เคยมีหญิงหรือชายคนใดกล้าล่วงเกินสองผัวเมียคู่นี้มาก่อน นี่นับว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ชิวเพ่ยเพ่ยเดินทางแล้วพบเข้ากับเหตุการณ์แบบนี้ นางขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจที่ใครก็ไม่รู้เข้าหาสามีนางอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า นางได้กลิ่นยาปลุกกำหนัดมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมาจากในอาหารที่อยู่ตรงหน้าสามีของนาง“ข้าไม่ต้องการอาหารของเจ้า ไสหัวไป!!!” เฟยหยุนไม่คิดไว้หน้าหญิงสาวตรงหน้าเขาแม้แต่นิดเดียว เขาเห็นแล้วว่าภรรยาสุดที่รักชักไม่พอใจ ใครเล่าจะอยากหาเรื่

  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   ชื่อเสียงลับ ๆ

    ชิวเพ่ยเพ่ยกับเฟยหยุนเดินทางโดยปลอมเป็นหมอตั้งแต่วันแรก นางเปิดรักษาชาวบ้านฟรีโดยให้พวกเขาไปซื้อยาจากร้านยาเมฆาดับเอาเอง หากใครยากจนจริง ๆ ชิวเพ่ยเพ่ยจะส่งคนไปแจ้งที่ร้านให้แจกยาพวกเขาแล้วเก็บเงินจากนาง นางทำเช่นนี้ไปตลอดทางที่พวกเขาท่องเที่ยว ไม่ว่าจะผ่านหมู่บ้านกันดารเพียงใด สองสามีภรรยาก็ยังคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มไปทั่วใบหน้าอยู่เสมอ จนผู้คนที่ได้รับการรักษาจากสองสามีภรรยาต่างขนานนามพวกเขาว่าคู่รักหมอใจบุญกันเลยทีเดียว แม้ว่าเฟยหยุนจะรักษาใครไม่เป็น แต่เขาช่วยทำแผล ใส่ยาให้คนไข้ชายและดูแลพวกเขาช่วยภรรยาจนหายขาดมาตลอด ฉายาที่พวกเขาได้รับจึงไม่นับว่ามากเกินไป ชิวเพ่ยเพ่ยที่เลือกวิธีการนี้ในการท่องเที่ยวพักผ่อน ก็เพราะนางเคยฆ่าคนมาไม่น้อย พออายุมากขึ้นนางจึงอยากจะทำบุญใหญ่รักษาคนไข้ยากจนบ้างก็เท่านั้น ไหน ๆ ครอบครัวนางก็ร่ำรวยอยู่แล้ว กับอีแค่การรักษาคนทั้งห้าแคว้นฟรีไม่นับว่าเหนือบ่ากว่าแรงของนางหรอกหนา บรรดาหัวหน้าสาขาต่าง ๆ ที่ควบคุมกิจการร้านค้า พวกเขาทราบดีว่าท่านเจ้าตำหนักคนเก่ากำลังออกเดินทางรักษาคนไปทั่วทั้งห้าแคว้นแล้วโดยที่ไม่ต้องมีใครมาส่

  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   ท่านแม่รู้แล้ว

    หนึ่งปีผ่านไป ชิวเพ่ยเพ่ยและเฟยหยุนก็ยังไม่กลับมาจากการท่องเที่ยว เฟยซินเยว่เริ่มจัดการตารางเวลาการทำงานของเขาได้ดีขึ้นมาก เขาจะพักทุกสองสัปดาห์หลังจากทำงานอย่างหนัก แล้วจะเดินทางไปพักกับท่านทวดและท่านปู่ท่านย่าของเขาที่จ้วงจื่อครั้งละสามสี่วัน จากนั้นก็จะกลับไปลุยงานต่อ เป็นเช่นนี้มาตลอดทั้งปี ส่วนเฟยหยางกวงก็ฝึกทหารและศึกษาตำราพิชัยสงครามไม่ได้ขาด ส่วนการไปดื่มสุราและแต่งกลอนกับสหาย เขาเลิกไปตั้งแต่วันลาสหายแล้ว เขายังเชิญสหายมาเที่ยวที่จวนโหวได้หากต้องการ สหายทั้งสามของเขาเป็นเพียงครอบครัวธรรมดาที่ไม่ได้ร่ำรวยมากมายอันใด แต่พวกเขาล้วนคบหากันด้วยใจมาตลอดสิบปีที่รู้จักกัน ซึ่งตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เฟยหยางกวงส่งเทียบเชิญสหายมาร่วมงานวันเกิดของเขากับพี่ชาย ไหนจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับสหายทุกคนในวันเกิดของพวกเขา ทำให้ทั้งสี่คนยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นไปอีก สหายของเขาทั้งสามเพิ่งสอบขุนนางได้ในปีนี้ด้วย เขาจึงจัดงานฉลองให้พวกเขาที่จวนโหวอีกงานหนึ่ง เฟยซินเยว่ไม่เคยห้ามน้องชายของเขา เขารู้ทุกอย่างเรื่องน้องชายและน้องสาว เขาเพียงมองพวกเขาอยู่ห่าง ๆ หากมีสิ่ง

  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   ตาทวดมาหา

    ระหว่างที่ชิวเพ่ยเพ่ยกับเฟยหยุนออกไปท่องเที่ยว เฟยซินเยว่กำลังตาลายกับสมุดบัญชีที่เขาได้รับมาตรวจสอบเป็นจำนวนมาก เขานับถือท่านแม่ของเขาจริง ๆ ที่นางสามารถจัดการบัญชีจำนวนมากได้โดยไม่มีอาการเบื่อหน่ายเช่นที่เขาเป็น ยิ่งตอนนี้ร้านของตำหนักเมฆาดับรวมทั้งห้าแคว้นอาจมีมากกว่า 500 ร้านค้าแล้ว นางยังคงสามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียดจนไม่มีใครกล้าโกงนางแม้แต่อีแปะเดียว หลังจากเฟยซินเยว่หัวหมุนวุ่นวายอยู่เกือบสองสัปดาห์ วันนี้ท่านตาทวดมาเยี่ยมเขาถึงเรือนอย่างน่าแปลกใจ เฟยซินเยว่รีบหยุดงานที่กำลังทำอยู่แล้วเดินไปพยุงท่านตาทวดเข้ามานั่งอย่างห่วงใย ตอนนี้ท่านตาทวดอายุมากแล้ว เขายังจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ท่านมักเล่นกับเขาอย่างสนุกสนานและดูแลเขาเป็นอย่างดี เวลาเขาถูกท่านแม่พาซ้อมวรยุทธจนบอบช้ำก็เป็นท่านตาที่มานั่งทายาแล้วบ่นท่านแม่ให้เขาฟัง จนเขาหายจากอาการเจ็บช้ำไปเลย“ท่านตาทวดมาได้อย่างไรขอรับ” หลังพาท่านตาทวดนั่งแล้วเขารีบสอบถามอย่างสงสัย“อืม ข้าเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะทำงานหนักไม่ไหวน่ะสิ แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้างอาเยว่”“ข้าสบายดีขอรับท่านตา งานเหล่านี้ท่านแม่สอนข้ามานานแล้วขอรับ

  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   ลูกชายแม่ทัพ

    วันเดียวกันนั้นเอง มีราชโองการไปที่ค่ายทหารแต่งตั้งเฟยหยางกวงเป็นแม่ทัพเมืองหลวงแทนเฟยหยุน บรรดาทหารตั้งแต่บนลงล่างที่รู้จักเขามาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ไม่มีใครคัดค้าน พวกเขารู้ดีถึงความสามารถของชายหนุ่มผู้เป็นลูกชายแม่ทัพคนเก่าว่าเขาเก่งกาจขนาดไหน ส่วนคนอื่น ๆ ในราชสำนักนั้นพวกเขาไม่คิดจะสนใจ ถึงอย่างไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับการงานของพวกเขาอยู่ดี ข่าวลือในเมืองหลวงแพร่กระจายไปทั่วทุกหัวมุมหลังราชโองการประกาศได้เพียงวันเดียว คราแรกขุนนางหน้าใหม่ที่ไม่รู้เรื่องในอดีตคิดกีดกันเฟยหยางกวงและคิดว่าเขาใช้เส้นสายเพื่อรับตำแหน่งแทนบิดาจึงคัดค้านกันหัวชนฝา แต่พอท่านเสนาบดีกรมโยธาเล่าประวัติความเป็นมาของหลานชายคนรองกลางท้องพระโรงเสียยืดยาว พร้อมตบท้ายว่าหลานชายคนโตของเขาคือเจ้าตำหนักเมฆาดับในตำนานเท่านั้นแหละ ขุนนางเหล่านั้นต่างหุบปากฉับกับแทบไม่ทัน พวกเขาเกือบหาเรื่องตายแล้วไหมเล่า ทำไมขุนนางแก่ ๆ พวกนั้นไม่บอกกันก่อนล่วงหน้า เฮ้อ ฮ่องเต้พอเห็นว่าขุนนางเหล่านั้นกลัวตำหนักเมฆาดับมากกว่าเขาเสียอีกก็นึกขำ ไอ้พวกโง่ที่ไม่รู้ดีชั่ว เขาเกือบต้องลำบากจัดสอบขุนนางใหม่อีกแล

  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   หนีเที่ยวกับสามี

    สองปีต่อมาหลังชิวเพ่ยเพ่ยมอบตำหนักเมฆาดับให้บุตรชายคนโตดูแล นางเห็นว่าตำแหน่งของเขามั่นคงแล้วจึงปล่อยให้เขาจัดการงานทั้งหมดด้วยตัวเอง องครักษ์เงาของเขาก็เป็นนางที่ไปพบเข้ากับเด็กกำพร้าขอทานแล้วนำมาฝึกฝนร่วมกันตั้งแต่ยังเด็ก ทุกวันนี้คนอื่น ๆ ก็ดูแลบุตรชายคนรองกับบุตรสาวนางอย่างลับ ๆ ไม่ว่าพวกเขาจะทำสิ่งใดนางรู้ทุกอย่าง เพียงแค่นางไม่จำเป็นต้องบอกพวกเขา ชิวเพ่ยเพ่ยเห็นสามีกลับมาก็รีบลากเขาเข้าห้องเพื่อปรึกษาสิ่งที่นางคิดเอาไว้สักพักแล้วทันที เฟยหยุนคิดว่าภรรยารักจะให้เขาชื่นใจจึงเข้าห้องไปอย่างเริงร่า แต่พอเห็นภรรยาสั่งเขานั่งลงดี ๆ เขาจึงรู้ว่าสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดสักนิด ฮือ ภรรยาใจร้าย“ท่านพี่จะลาออกเมื่อไหร่กัน”“หืม ทำไมเจ้าถามอีกแล้วล่ะเพ่ยเพ่ย มีอะไรหรือเปล่า”“ถ้าท่านยังไม่ลาออกเสียที ข้าจะหนีไปเที่ยวคนเดียวสักสองสามปีน่ะสิ ตอนนี้ลูกโตกันหมดแล้ว ข้าก็อยากลองไปเที่ยวอย่างอิสระดูบ้างอย่างไรเล่า ท่านก็รู้ว่าข้าดูแลตำหนักเมฆาดับมาตั้งแต่ยังเด็ก จึงไม่เคยมีวัยเด็กอย่างคนอื่นเขา” นางมุ่ยหน้าพูดตามความจริง“อ่า ภรรยาอยากไปเที่ยวกับสามีเหรอ” เฟยหยุน

  • คุณหนูผู้นี้มีงานลับ   ให้ลูกชายคนโต

    ชิวเพ่ยเพ่ยที่สอนบุตรชายคนโตในทุกสิ่งที่นางเรียนรู้มาตลอดชีวิตตั้งแต่เขาอายุห้าขวบ นางเห็นว่าตอนนี้เขาน่าจะดูแลตำหนักเมฆาดับแทนนางได้แล้ว ชิวเพ่ยเพ่ยส่งจดหมายไปบอกท่านตาที่พักผ่อนกับท่านยายที่จ้วงจื่อนอกเมืองมาตลอดสองสามปีที่ผ่านมา พวกท่านชมชอบบรรยากาศธรรมชาติที่มีน้ำพุร้อนที่นั่นมากนัก ยิ่งมีคนมาพักผ่อนพอให้ท่านได้พูดคุยคลายเหงาก็ยิ่งไม่อยากจากไปไหน นางได้รับจดหมายตอบกลับจากท่านในช่วงเย็นของวันพอดี ท่านตาบอกว่าแล้วแต่นางจะตัดสินใจ หากเห็นว่าหลานชายคนโตเหมาะสม ท่านก็ไม่คัดค้าน เพียงแค่ให้นางช่วยดูแลอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะปล่อยมือเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วก็พอ ชิวเพ่ยเพ่ยอ่านจดหมายที่คนของนางส่งมาให้แล้วก็ยิ้มอย่างสบายใจได้เสียที ตำหนักเมฆาดับนี้เป็นท่านตาที่ส่งมอบให้นางมา ตอนนี้นางต้องการมอบให้ลูกชายคนโตเช่นกัน อย่างไรการเคารพท่านตาคือสิ่งที่นางทำมาตลอดตั้งแต่เด็กแล้ว วันต่อมาชิวเพ่ยเพ่ยบอกสามีนางว่าจะพาบุตรชายเดินทางไปสาขาใหญ่ตำหนักเมฆาดับบนภูเขาสักหลายวัน เฟยหยุนได้แต่ทำหน้างอคอหักด้วยไม่อยากจากภรรยารักแม้แต่นิดเดียว ชิวเพ่ยเพ่ยจึงต้องใช้ไม้ตายว่ากลับ

DMCA.com Protection Status