หน้าหลัก / โรแมนติก / คะนึงครวญ / ตอนที่4. พยายามเรียนรู้

แชร์

ตอนที่4. พยายามเรียนรู้

            ย่าหยาอ้าปากแต่ไม่มีเสียง ยี่สุ่นที่นั่งอยู่ใกล้น้องจึงพูดแทน

            “ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ขอบพระคุณคุณช้อยที่ให้หมอมาตรวจอาการน้องสาวอิชั้นเจ้าค่ะ”

            “เห็นสองคนคอยดูแลกันเช่นนี้ ฉันก็สบายใจ”  หลวงพิชัยพูดแล้วอดมองมาทางย่าหยาไม่ได้ ได้ยินว่าแม่เป็นคนจีนทั้งสองพี่น้องจึงผิวขาวผุดผ่อง แต่กลับมีดวงตากลมโตราวกับหยดน้ำวาวใส ท่าทีขี้อายปนประหม่าชวนมองยิ่งนัก

            “แล้วนี่พ่อสินธุ์ล่ะ กลับมาแล้วไม่ใช่รึ ไม่มากินข้าวกินปลาพร้อมหน้าพร้อมตากันบ้างหรือไร”  หลวงพิชัยพูดขึ้นอย่างเพิ่งนึกได้

            “มาแล้วขอรับ”  เสียงดังขึ้นจากด้านหลังก่อนที่เจ้าของร่างกำยำจะเดินเข้ามานั่งรวมวงรับประทานอาหารเย็น “ฉันซ้อมดาบกับทิดจ้อยเหงื่อท่วมตัวเลยไปอาบน้ำก่อนมาที่นี่ก็เลยมาช้าไปสักหน่อย”

            สายตาคมปลาบจับจ้องมายังย่าหยา หญิงสาวหดคอด้วยความเคยชิน แต่นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนใจร้ายที่แกล้งเธอ จึงฝืนทำใจกล้ายืดแผ่นหลังตั้งตรงแล้วเชิดปลายคางขึ้น  ชายหนุ่มมองแล้วกลั้นยิ้มขำ นึกถึงตอนที่หญิงสาวกลัวจนตัวสั่นแต่พยายามดิ้นรนสุดชีวิต  ตอนนี้ก็ยังทำตัวเหมือนแมวน้อยขู่ฟ่อๆ ทั้งที่กลัวเขาอย่างเห็นได้ชัด

            “กลับมาคราวนี้จะอยู่กี่วันรึ” หลวงพิชัยถาม

            “อ้าว! ฉันเพิ่งกลับมาแท้ๆ เหตุใดพี่ถามเหมือนไม่อยากเห็นหน้าฉัน”

            “อย่าให้พี่ต้องพูด”  หลวงพิชัยส่ายหน้าระอาใจ “ผู้อื่นเป็นมหาดเล็กบรรดาศักดิ์อยู่วังรับใช้พระองค์ท่าน แต่น้องชายฉันกลับตะลอนๆ อยู่นอกเมือง”

            “ฉันก็ทำงานแบบของฉันนั้นแหละ”  เขายิ้มแล้วมองอาหารตรงหน้า “อาหารมื้อนี้น่ากินเสียจริง”

            “พ่อสินธุ์ก็กินให้เยอะๆหน่อย นานๆ จะอยู่บ้านเสียที”

            “รสมือพี่สะใภ้ หาที่ไหนเทียบไม่ได้แล้วขอรับ”

 สินธุ์พูดแล้วปรายตามองทางย่าหยา หญิงสาวดูเงอะงะกับการกินอาหารโดยมียี่สุ่นคอยดูแลราวกับเป็นเด็กเล็กๆ  เขาได้ยินเรื่องเมียใหม่ของพี่ชายมาบ้างและรู้ว่ารับน้องสาวมาอยู่ด้วย แรกทีเดียวเขาก็คิดว่ายี่สุ่นจะยกน้องสาวตัวเองให้เป็นเมียพี่ชายเขาอีกคน แต่เห็นท่าทางเช่นนี้แล้วคงเป็นเขาที่คิดมากไปคนเดียว อายุก็ไม่น้อยแล้วแค่กินข้าวพี่สาวยังแทบจะป้อนให้ ไม่รู้จะสงสารใครดี

            ย่าหยาไม่เคยใช้มือกินข้าวอย่างนี้ เธอจับข้าวเป็นคำก็ร่วงก่อนจะเข้าปาก แต่ยี่สุ่นที่นั่งข้างๆ คอยดูแลตลอดราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ  หญิงสาวพยายามเรียนรู้เพื่อไม่เป็นภาระให้ใคร ไม่รู้ว่าต้องอยู่ที่นี่ไปนานแค่ไหนแต่เธอก็จะพยายามใช้ชีวิตต่อไป เพราะสนใจแค่การกินอาหารของตัวเอง ย่าหยาจึงไม่เหลือสายตาไว้มองผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม

            หลังกินอาหารเสร็จ นางแจ่มบ่าวคนสนิทและเป็นพี่เลี้ยงย่าหยามารับหญิงสาวไปพักผ่อน

            “วันนี้คุณไม่ค่อยสบายอย่าอาบน้ำเลยนะเจ้าคะ แจ่มเตรียมน้ำอุ่นให้เช็ดตัวแล้วเจ้าค่ะ”

            ‘แต่ฉันอยากอาบน้ำนี่’ เธอพยายามจะพูดออกไปแต่เสียงก็แหบแห้งจนอีกฝ่ายไม่ได้ยิน  ย่าหยายกมือขึ้นแตะลำคอของตนเอง ที่พูดไม่ได้เพราะความกลัวสินะ  เธอต้องพยายามหัดส่งเสียงออกไปให้ได้ เธอไม่ได้เป็นใบ้ยังไงต้องพูดได้สิ!

            แจ่มยกอ่างไม้ใส่น้ำอุ่นเข้ามาวางบนโต๊ะเสร็จแล้วก็ยื่นมือไปหมายจะช่วยผลัดผ้า แต่หญิงสาวส่ายหน้าไปมารัวๆ

            “ทะ...ทำ...ทำ...เอง..ดะ...ได้”

            “เอ๊ะ! นั้นย่าหยาพูดรึ”  ยี่สุ่นที่ก้าวเข้ามาในห้องได้ยินพอดี ใบหน้าแย้มยิ้มดีใจแล้วยื่นมือไปจับแขนน้องสาว “ไหน...พูดอีกสิ”

            ย่าหยาขยับปากแต่เสียงแผ่วเบา เธอพยายามพูดแต่แทบไม่ได้ยินเสียง ยี่สุ่นโอบน้องสาวแล้วลูบศีรษะเบาๆ

            “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบค่อยเป็นค่อยไป”

            “ดีจริงในที่สุดคุณย่าหยาก็พูดได้แล้ว”  แจ่มถึงกับน้ำตารื้น “แจ่มไม่ได้ยินเอง คราวหน้าคุณย่าหยาพูดข้างหูแจ่มนะเจ้าค่ะ”

            หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับ แล้วยื่นมือดันให้ทั้งสองทำท่าบอกให้ออกไป

            “คุณย่าหยาอยากเช็ดตัวเองเจ้าค่ะ”  แจ่มพูดปนยิ้มรายงานให้ยี่สุ่นฟัง

            “โตเป็นสาวแล้วก็คงอยากทำอะไรเอง เอาเถิด เราคอยๆ ดูแลแกไปนะพี่แจ่ม”

            “เจ้าค่ะ”

            เมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว ย่าหยาจึงเช็ดเนื้อตัวแล้วสวมเสื้อคอกระเช้า จำได้ว่าสมัยรัชกาลที่5รับวัฒนธรรมการแต่งกายมาจากยุโรป จริงสิ เธอยังไม่ได้หาถามเลยว่าปีนี่พ.ศ.อะไร รัชกาลที่เท่าไหร่  มือเรียวหยิบแปรงขึ้นมาหวีผมยาวสลวย  หลวงพิชัยกับอีตาสินธุ์อะไรนั้นตัดผมรองทรง แต่คุณช้อยกับพี่สาวของเธอทำผมทรงหมาดไทย  เท่าที่เธอเคยอ่านนิยายแนวย้อนยุคและลองสืบค้นข้อมูล เดาๆ ได้ว่าน่าจะรัชกาลที่ 5 นี่เธอย้อนเวลามาไกลถึงขนาดนี้เลยหรือ

            หญิงสาวจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตั้งใจว่าจะออกมานั่งเล่นที่ชานเรือน เธอไม่เคยนอนแต่หัวค่ำ ปกติเธอนอนหลังเที่ยงคืนเพราะชอบเขียนนิยายดึกๆ  แต่เมื่อออกก็พบหลวงพิชัยเดินขึ้นเรือนมาพอดี  สายตาของเขาจ้องมองอย่างเปิดเผย แม้มุมปากจะยกยิ้มแต่ดวงตาคู่นั้นมองเธอเหมือนขนมในจานที่รอกินเป็นของว่าง

            “ฉันไม่ค่อยเห็นใครไว้ผมยาวอย่างนี้นัก”   หลวงพิชัยพูดแล้วหันมายิ้มให้ยี่สุ่น

            “เคยตัดผมให้ย่าหยาแต่ตัดผมให้ทีไรก็ไม่สบายทุกคราวไป จึงไม่ได้ตัดผมให้แค่เล็มๆ ไม่ให้ยาวเกินไปเจ้าคะ”

            “ไว้ผมยาวแก้เคล็ดสินะ”  หลวงพิชัยพยักหน้ารับ “คิดเสียว่าเป็นบ้านตัวเอง อยากทำสิ่งใดก็บอกแม่ช้อยเขาได้ ส่วนสินธุ์น้องชายฉันเขาเป็นคนรักสนุก แต่ก็ทำงานรับใช้พระองค์ท่าน บางครั้งบางคราวก็หายไปเป็นเดือน ไปทำงานตามท่านรับสั่งนะ”

            “ขอบคุณคุณหลวงที่เมตตาอิชั้นกับน้องเจ้าค่ะ” 

            “ถูกลมเย็นจะไม่สบายเอา กลับเข้าห้องเถิดเจ้าค่ะ” แจ่มเตือนย่าหยา

แม้ว่าเธอยังไม่อยากกลับเข้าห้องแต่คงดื้อดึงไม่ได้ มาอยู่ที่นี่ก็เหมือนเป็นผู้อาศัย ทำให้พี่สาวลำบากใจจะไม่ดี

แจ่มประคองย่าหยากลับเข้ามาในห้อง “คุณอยู่ในนี้นะเจ้าค่ะ คืนนี้คุณหลวงมาค้างกับคุณยี่สุ่น แจ่มต้องค่อยรอรับคำสั่งเรียกใช้เจ้าค่ะ”

ย่าหยาพยักหน้ารับแล้วเดินกลับไปนั่งบนเตียง พลันนึกขึ้นได้ว่า ตอนที่เธอได้สติก็ตื่นมาบนเตียงของผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนั้น ถ้านอนหลับอีกทีตื่นมาเธออาจกลับไปยุคปัจจุบันก็ได้ พอคิดได้แบบนี้เธอก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างว่าง่าย

ฉันอยากกลับบ้านแล้ว พาฉันกลับบ้านทีนะ!

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status