ย่าหยาอ้าปากแต่ไม่มีเสียง ยี่สุ่นที่นั่งอยู่ใกล้น้องจึงพูดแทน
“ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ขอบพระคุณคุณช้อยที่ให้หมอมาตรวจอาการน้องสาวอิชั้นเจ้าค่ะ”
“เห็นสองคนคอยดูแลกันเช่นนี้ ฉันก็สบายใจ” หลวงพิชัยพูดแล้วอดมองมาทางย่าหยาไม่ได้ ได้ยินว่าแม่เป็นคนจีนทั้งสองพี่น้องจึงผิวขาวผุดผ่อง แต่กลับมีดวงตากลมโตราวกับหยดน้ำวาวใส ท่าทีขี้อายปนประหม่าชวนมองยิ่งนัก
“แล้วนี่พ่อสินธุ์ล่ะ กลับมาแล้วไม่ใช่รึ ไม่มากินข้าวกินปลาพร้อมหน้าพร้อมตากันบ้างหรือไร” หลวงพิชัยพูดขึ้นอย่างเพิ่งนึกได้
“มาแล้วขอรับ” เสียงดังขึ้นจากด้านหลังก่อนที่เจ้าของร่างกำยำจะเดินเข้ามานั่งรวมวงรับประทานอาหารเย็น “ฉันซ้อมดาบกับทิดจ้อยเหงื่อท่วมตัวเลยไปอาบน้ำก่อนมาที่นี่ก็เลยมาช้าไปสักหน่อย”
สายตาคมปลาบจับจ้องมายังย่าหยา หญิงสาวหดคอด้วยความเคยชิน แต่นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนใจร้ายที่แกล้งเธอ จึงฝืนทำใจกล้ายืดแผ่นหลังตั้งตรงแล้วเชิดปลายคางขึ้น ชายหนุ่มมองแล้วกลั้นยิ้มขำ นึกถึงตอนที่หญิงสาวกลัวจนตัวสั่นแต่พยายามดิ้นรนสุดชีวิต ตอนนี้ก็ยังทำตัวเหมือนแมวน้อยขู่ฟ่อๆ ทั้งที่กลัวเขาอย่างเห็นได้ชัด
“กลับมาคราวนี้จะอยู่กี่วันรึ” หลวงพิชัยถาม
“อ้าว! ฉันเพิ่งกลับมาแท้ๆ เหตุใดพี่ถามเหมือนไม่อยากเห็นหน้าฉัน”
“อย่าให้พี่ต้องพูด” หลวงพิชัยส่ายหน้าระอาใจ “ผู้อื่นเป็นมหาดเล็กบรรดาศักดิ์อยู่วังรับใช้พระองค์ท่าน แต่น้องชายฉันกลับตะลอนๆ อยู่นอกเมือง”
“ฉันก็ทำงานแบบของฉันนั้นแหละ” เขายิ้มแล้วมองอาหารตรงหน้า “อาหารมื้อนี้น่ากินเสียจริง”
“พ่อสินธุ์ก็กินให้เยอะๆหน่อย นานๆ จะอยู่บ้านเสียที”
“รสมือพี่สะใภ้ หาที่ไหนเทียบไม่ได้แล้วขอรับ”
สินธุ์พูดแล้วปรายตามองทางย่าหยา หญิงสาวดูเงอะงะกับการกินอาหารโดยมียี่สุ่นคอยดูแลราวกับเป็นเด็กเล็กๆ เขาได้ยินเรื่องเมียใหม่ของพี่ชายมาบ้างและรู้ว่ารับน้องสาวมาอยู่ด้วย แรกทีเดียวเขาก็คิดว่ายี่สุ่นจะยกน้องสาวตัวเองให้เป็นเมียพี่ชายเขาอีกคน แต่เห็นท่าทางเช่นนี้แล้วคงเป็นเขาที่คิดมากไปคนเดียว อายุก็ไม่น้อยแล้วแค่กินข้าวพี่สาวยังแทบจะป้อนให้ ไม่รู้จะสงสารใครดี
ย่าหยาไม่เคยใช้มือกินข้าวอย่างนี้ เธอจับข้าวเป็นคำก็ร่วงก่อนจะเข้าปาก แต่ยี่สุ่นที่นั่งข้างๆ คอยดูแลตลอดราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ หญิงสาวพยายามเรียนรู้เพื่อไม่เป็นภาระให้ใคร ไม่รู้ว่าต้องอยู่ที่นี่ไปนานแค่ไหนแต่เธอก็จะพยายามใช้ชีวิตต่อไป เพราะสนใจแค่การกินอาหารของตัวเอง ย่าหยาจึงไม่เหลือสายตาไว้มองผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม
หลังกินอาหารเสร็จ นางแจ่มบ่าวคนสนิทและเป็นพี่เลี้ยงย่าหยามารับหญิงสาวไปพักผ่อน
“วันนี้คุณไม่ค่อยสบายอย่าอาบน้ำเลยนะเจ้าคะ แจ่มเตรียมน้ำอุ่นให้เช็ดตัวแล้วเจ้าค่ะ”
‘แต่ฉันอยากอาบน้ำนี่’ เธอพยายามจะพูดออกไปแต่เสียงก็แหบแห้งจนอีกฝ่ายไม่ได้ยิน ย่าหยายกมือขึ้นแตะลำคอของตนเอง ที่พูดไม่ได้เพราะความกลัวสินะ เธอต้องพยายามหัดส่งเสียงออกไปให้ได้ เธอไม่ได้เป็นใบ้ยังไงต้องพูดได้สิ!
แจ่มยกอ่างไม้ใส่น้ำอุ่นเข้ามาวางบนโต๊ะเสร็จแล้วก็ยื่นมือไปหมายจะช่วยผลัดผ้า แต่หญิงสาวส่ายหน้าไปมารัวๆ
“ทะ...ทำ...ทำ...เอง..ดะ...ได้”
“เอ๊ะ! นั้นย่าหยาพูดรึ” ยี่สุ่นที่ก้าวเข้ามาในห้องได้ยินพอดี ใบหน้าแย้มยิ้มดีใจแล้วยื่นมือไปจับแขนน้องสาว “ไหน...พูดอีกสิ”
ย่าหยาขยับปากแต่เสียงแผ่วเบา เธอพยายามพูดแต่แทบไม่ได้ยินเสียง ยี่สุ่นโอบน้องสาวแล้วลูบศีรษะเบาๆ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบค่อยเป็นค่อยไป”
“ดีจริงในที่สุดคุณย่าหยาก็พูดได้แล้ว” แจ่มถึงกับน้ำตารื้น “แจ่มไม่ได้ยินเอง คราวหน้าคุณย่าหยาพูดข้างหูแจ่มนะเจ้าค่ะ”
หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับ แล้วยื่นมือดันให้ทั้งสองทำท่าบอกให้ออกไป
“คุณย่าหยาอยากเช็ดตัวเองเจ้าค่ะ” แจ่มพูดปนยิ้มรายงานให้ยี่สุ่นฟัง
“โตเป็นสาวแล้วก็คงอยากทำอะไรเอง เอาเถิด เราคอยๆ ดูแลแกไปนะพี่แจ่ม”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว ย่าหยาจึงเช็ดเนื้อตัวแล้วสวมเสื้อคอกระเช้า จำได้ว่าสมัยรัชกาลที่5รับวัฒนธรรมการแต่งกายมาจากยุโรป จริงสิ เธอยังไม่ได้หาถามเลยว่าปีนี่พ.ศ.อะไร รัชกาลที่เท่าไหร่ มือเรียวหยิบแปรงขึ้นมาหวีผมยาวสลวย หลวงพิชัยกับอีตาสินธุ์อะไรนั้นตัดผมรองทรง แต่คุณช้อยกับพี่สาวของเธอทำผมทรงหมาดไทย เท่าที่เธอเคยอ่านนิยายแนวย้อนยุคและลองสืบค้นข้อมูล เดาๆ ได้ว่าน่าจะรัชกาลที่ 5 นี่เธอย้อนเวลามาไกลถึงขนาดนี้เลยหรือ
หญิงสาวจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตั้งใจว่าจะออกมานั่งเล่นที่ชานเรือน เธอไม่เคยนอนแต่หัวค่ำ ปกติเธอนอนหลังเที่ยงคืนเพราะชอบเขียนนิยายดึกๆ แต่เมื่อออกก็พบหลวงพิชัยเดินขึ้นเรือนมาพอดี สายตาของเขาจ้องมองอย่างเปิดเผย แม้มุมปากจะยกยิ้มแต่ดวงตาคู่นั้นมองเธอเหมือนขนมในจานที่รอกินเป็นของว่าง
“ฉันไม่ค่อยเห็นใครไว้ผมยาวอย่างนี้นัก” หลวงพิชัยพูดแล้วหันมายิ้มให้ยี่สุ่น
“เคยตัดผมให้ย่าหยาแต่ตัดผมให้ทีไรก็ไม่สบายทุกคราวไป จึงไม่ได้ตัดผมให้แค่เล็มๆ ไม่ให้ยาวเกินไปเจ้าคะ”
“ไว้ผมยาวแก้เคล็ดสินะ” หลวงพิชัยพยักหน้ารับ “คิดเสียว่าเป็นบ้านตัวเอง อยากทำสิ่งใดก็บอกแม่ช้อยเขาได้ ส่วนสินธุ์น้องชายฉันเขาเป็นคนรักสนุก แต่ก็ทำงานรับใช้พระองค์ท่าน บางครั้งบางคราวก็หายไปเป็นเดือน ไปทำงานตามท่านรับสั่งนะ”
“ขอบคุณคุณหลวงที่เมตตาอิชั้นกับน้องเจ้าค่ะ”
“ถูกลมเย็นจะไม่สบายเอา กลับเข้าห้องเถิดเจ้าค่ะ” แจ่มเตือนย่าหยา
แม้ว่าเธอยังไม่อยากกลับเข้าห้องแต่คงดื้อดึงไม่ได้ มาอยู่ที่นี่ก็เหมือนเป็นผู้อาศัย ทำให้พี่สาวลำบากใจจะไม่ดี
แจ่มประคองย่าหยากลับเข้ามาในห้อง “คุณอยู่ในนี้นะเจ้าค่ะ คืนนี้คุณหลวงมาค้างกับคุณยี่สุ่น แจ่มต้องค่อยรอรับคำสั่งเรียกใช้เจ้าค่ะ”
ย่าหยาพยักหน้ารับแล้วเดินกลับไปนั่งบนเตียง พลันนึกขึ้นได้ว่า ตอนที่เธอได้สติก็ตื่นมาบนเตียงของผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนั้น ถ้านอนหลับอีกทีตื่นมาเธออาจกลับไปยุคปัจจุบันก็ได้ พอคิดได้แบบนี้เธอก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างว่าง่าย
ฉันอยากกลับบ้านแล้ว พาฉันกลับบ้านทีนะ!
“คุณพี่ คุณพี่เจ้าขา” “ชอบหรือไม่” “เบาหน่อยเจ้าคะ อื้อ คุณพี่...อิชั้น...ไม่ไหว” “ทนอีกหน่อย พี่ใกล้แล้ว โอ้ววว” นั้นเป็นเสียงที่ดังมาจากห้องข้างๆ ซึ่งย่าหยาเข้าใจดีว่าเกิดกิจกรรมอะไรในห้องนั้น แต่ไม่คิดว่าหลวงพิชัยที่ดูเงียบขรึมและใจดีจะร้อนแรงขนาดทำให้พี่สาวร้องครวญครางเกือบทั้งคืน ซ้ำรุ่งเช้ายังได้ยินอีกรอบด้วย ยังดีที่คุณหลวงมาหาพี่ยี่สุ่นวันเว้นสองวันเพราะเกรงใจคุณช้อย ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ได้หลับสนิทเป็นแน่ แต่พี่สาวของเธอตื่นมาหน้าตาแช่มชื่นในขณะที่เธอนอนหลับไม่สนิทเพราะได้ยินเสียงครวญครางรบกวนทั้งคืน แต่พี่แจ่มดูไม่ทุกข์ร้อนสักนิด คงมีแต่เธอที่ยังไม่ชินสินะ แม้ยังไม่เคยมีคนรักแต่รู้เรื่องระหว่างชายหญิงดี และพอเข้าใจได้ว่าผู้หญิงในยุคนี้ต้องพึ่งพาสามี ถ้าไม่ได้รับความรักความโปรดปรานก็จะใช้ชีวิตอยู่ยาก แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังอยากกลับบ้านอยู่ดี มาอยู่ที่นี่ครบสัปดาห์แล้ว เธอยังหาวิธีกลับบ้านไม่ได้ เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่าอะไรทำให้เธอมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ นับว่าเธอยังโชคดีที่มาอยู่ในร่างที่ไม่เดือดร้อ
ย่าหยานักเขียนสาวที่ขับรถออกมาหาแรงบันดาลให้งานเขียนชิ้นใหม่ หลังจากที่สมองตันคิดอะไรไม่ออกมาเป็นเดือนแล้ว เธอมีรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่อยู่หนึ่งคันที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง ปกติเธอทำงานอยู่ที่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปเจอผู้คนเท่าไหร่ ชีวิตเธอมีแค่งานกับงาน พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังเล็ก ย่าหยาอาศัยอยู่กับแม่จนเมื่อสองปีก่อนแม่พบรักใหม่กับหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติและย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศ เธออยากใช้ชีวิตที่เมืองไทยจึงไม่ได้ตามแม่ไปด้วย แท้ที่จริง เธอรู้สึกเหมือนเฝ้ารออะไรบ้างอย่าง หรือมีใครสักคนรอเธออยู่ “ว้าว บ้านหลังนี้สวยจัง อยู่ริมน้ำด้วย ขอถ่ายรูปเก็บไว้เขียนนิยายหน่อยนะ” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปบ้านไม้ทรงไทยริมแม่น้ำหลังหนึ่ง วันนี้ย่าหยารู้สึกเบื่อหน่ายจึงขับรถเล่นชานเมืองกรุงเทพฯ ปีนี้เธออายุยี่สิบสองปีแล้ว เธอเป็นนักเขียนอิสระทำงานด้านนี้มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนมีรายได้พอเลี้ยงตัวเองได้ ที่ สำคัญคือไม่มีภาระเหมือนคนอื่น พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังเล็ก ย่าหยามาอยู่กับแม่มาตลอด แต่เมื่อสองปีก่อนแม่พบรักใหม่กับชายชาวอเมริกาและย้ายไปอยู่ด้ว
“ให้หนูช่วยนะคะ” ย่าหยารีบเดินตามยายละเอียด บ้านทรงไทยของภาคกลางจะมีหน้าต่างหลายบาน กว่าจะเสร็จเธอก็โดนน้ำฝนสาดใส่จนเสื้อผ้าเปียกชื้นไปหมด “แย่แล้วๆ หนูไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า อยู่แบบนี้จะเป็นหวัดเอา” “หนู...” เธอกอดอกยกมือขึ้นถูกแขนไปมาเพราะเริ่มหนาว “ถ้าไม่รังเกียจเอาเสื้อผ้าของยายไปใส่ก่อนนะ อย่าใส่เสื้อเปียกๆเลย จะไม่สบายเอา” ย่าหยาพยักหน้ารับ ปากเริ่มสั่นเพราะความหนาว หญิงสาวเดินตามร่างของหญิงชรา แม้ภายนอกมองเห็นเป็นบ้านทรงไทยโบราณ แต่ด้านในทันสมัยครบครันด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จัดวางอย่างลงตัว ยายละเอียดเดินนำไปที่ห้องหนึ่ง “นี่เป็นห้องรับรองแขก มีห้องน้ำในตัว หนูใช้ห้องนี้ได้ เดี๋ยวยายจะเอาเสื้อผ้ามาวางไว้ให้” “ลำบากคุณยายแล้ว” “ไม่เป็นไรๆ ไปเถอะรีบไปอาบน้ำเสียก่อน” ย่าหยาก้าวเข้าไปด้านใน สายตาสะดุดที่เตียงสี่เสาแบบโบราณมีม่านมุ้งสีขาวเข้ากับผ้าปูที่นอนลูกไม้นั้น เธอเดินเลยไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านใน มีผ้าขนหนูและเครื่องใช้ทุกอย่างครบครันราวกับห้องนี้มีคนอ
‘คุณสินธุ์’ อุ้มร่างที่เบาหวิวตรงดิ่งไปที่เรือนจรุงจิตซึ่งเป็นเรือนที่ ‘หลวงพิชัย’ ยกให้เมียรองได้อยู่อาศัยนั้นก็คือ ‘ยี่สุ่น’ ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ราวๆ สิบวันแล้ว โดยมีบ่าวรับใช้ชื่อแจ่มและน้องสาวที่ได้ยินว่าสติไม่ค่อยดีชื่อย่าหยามาอยู่ด้วย ชายหนุ่มร่างกำยำอุ้มร่างเล็กที่ไม่มีแรงดิ้นรนขัดขืนมาถึงเรือนจรุงจิต บรรดาบ่าวรับใช้แตกตื่นแต่ไม่กล้าส่งเสียงพูดอันใด ได้แต่ก้มหน้าหลุบตาลงไม่กล้ามอง ‘เจ้านาย’ ยี่สุ่นที่วิ่งตามมารีบเดินไปเปิดประตูห้องเล็กซึ่งเป็นห้องของย่าหยาให้เขาเข้าไปเพื่อว่างร่างที่ไร้เรี่ยวแรงลงบนเตียง “ย่าหยา! เหตุใดเป็นเช่นนี้”ยี่สุ่นบีบมือน้องสาวที่รักราวกับเป็นลูกก็ว่าได้ เพราะมารดาตายจากไปตอนที่ย่าหยาอายุเพียงแปดขวบ นางเป็นพี่จึงเลี้ยงดูน้องคนนี้แทนมารดาทุกสิ่ง และเมื่อตนต้องแต่งงานออกเรือนมาเป็นเมียรองของหลวงพิชัย นางก็ขออนุญาตให้พาย่าหยามาด้วย เพราะที่บ้านไม่เหลือใครแล้ว หากนางไม่อยู่ก็ไม่มีใครดูแลย่าหยา ซึ่งหลวงพิชัยก็เมตตารับน้องสาวของนางมาอยู่ด้วย “แจ่มไปละลายยาหอมมาเร็วๆ แล้วให้คนไปตามหมอมาด้วย” “เจ้าค่ะคุณยี่สุ่น”