‘คุณสินธุ์’ อุ้มร่างที่เบาหวิวตรงดิ่งไปที่เรือนจรุงจิตซึ่งเป็นเรือนที่ ‘หลวงพิชัย’ ยกให้เมียรองได้อยู่อาศัยนั้นก็คือ ‘ยี่สุ่น’ ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ราวๆ สิบวันแล้ว โดยมีบ่าวรับใช้ชื่อแจ่มและน้องสาวที่ได้ยินว่าสติไม่ค่อยดีชื่อย่าหยามาอยู่ด้วย
ชายหนุ่มร่างกำยำอุ้มร่างเล็กที่ไม่มีแรงดิ้นรนขัดขืนมาถึงเรือนจรุงจิต บรรดาบ่าวรับใช้แตกตื่นแต่ไม่กล้าส่งเสียงพูดอันใด ได้แต่ก้มหน้าหลุบตาลงไม่กล้ามอง ‘เจ้านาย’ ยี่สุ่นที่วิ่งตามมารีบเดินไปเปิดประตูห้องเล็กซึ่งเป็นห้องของย่าหยาให้เขาเข้าไปเพื่อว่างร่างที่ไร้เรี่ยวแรงลงบนเตียง
“ย่าหยา! เหตุใดเป็นเช่นนี้”
ยี่สุ่นบีบมือน้องสาวที่รักราวกับเป็นลูกก็ว่าได้ เพราะมารดาตายจากไปตอนที่ย่าหยาอายุเพียงแปดขวบ นางเป็นพี่จึงเลี้ยงดูน้องคนนี้แทนมารดาทุกสิ่ง และเมื่อตนต้องแต่งงานออกเรือนมาเป็นเมียรองของหลวงพิชัย นางก็ขออนุญาตให้พาย่าหยามาด้วย เพราะที่บ้านไม่เหลือใครแล้ว หากนางไม่อยู่ก็ไม่มีใครดูแลย่าหยา ซึ่งหลวงพิชัยก็เมตตารับน้องสาวของนางมาอยู่ด้วย
“แจ่มไปละลายยาหอมมาเร็วๆ แล้วให้คนไปตามหมอมาด้วย”
“เจ้าค่ะคุณยี่สุ่น”
เกิดความโกลาหนภายในเรือนหลังเล็ก ยี่สุ่นเพิ่งสังเกตว่าใต้ผ้าห่มที่คลุมร่างของน้องสาวนั้นคือผ้าแถบที่หลุดรุย นางหันไปทางคุณสินที่ยืนกอดอกจ้องมองอยู่ นางอาจไม่ใช่คนฉลาดนักแต่พอเดาได้ว่าเกิดเรื่องใด
“คุณสินธุ์เจ้าคะ อย่าได้ถือสาหาความน้องสาวของอิชั้นเลยนะเจ้าคะ ย่าหยากำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก อิชั้นเป็นคนเลี้ยงดูน้องจนมาถึงตอนนี้ ถ้าย่าหยาทำสิ่งใดล่วงเกินคุณสินธุ์ไป อิชั้นขอกราบ..”
“ไม่ต้อง” ชายหนุ่มร้องห้าม “อย่างไรเสียเธอก็มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ฉัน แม้จะเป็นเมียรองของพี่ชายฉันก็เถิด” เขาอดมองไปยังร่างเล็กที่เหมือนจะหลับไปแล้ว
“ขอบพระคุณที่คุณสินไม่ถือสา ย่าหยาเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ น้องคงหลงทางจึงได้ไปอยู่ที่เรือนคุณสินธุ์ได้”
“ช่างเถิด”
เขามองแล้วก็รู้สึกผิด คงตื่นตกใจถึงกับเป็นลมไปเลยสินะ หางตารับรู้การเคลื่อนไหวจึงเบี่ยงตัวหลบให้บ่าวรับใช้รีบเอาแก้วยาหอมเข้ามา ยี่สุ่นประคองร่างของน้องสาวขึ้นนั่งแล้วค่อยๆ ป้อนยาหอมให้จิบที่ละนิดจนหญิงสาวได้สติ ดวงตากลมคู่หนึ่งกะพริบตาปรับสายตาครู่หนึ่งก่อนมองมาทางเขาแล้วท่าทางหดคอเหมือนเต่าตัวน้อย
“ย่าหยาอย่าเสียมารยาท นี่คุณสินธุ์น้องชายคุณหลวงพิชัย ไหว้คุณสินธุ์สิจ๊ะ”
หญิงสาวยกมือไหว้อย่างขลาดกลัวอีกฝ่ายยกมือรับไหว้
“คราวหน้าคราวหลังอย่าไปวุ่นวายที่เรือนของฉันอีกล่ะ ถือว่าฉันเตือนแล้วนะ”
ย่าหยาค่อยๆลดมือที่ไหว้อยู่ลงแล้วแอบแลบลิ้นใส่ เธอไม่คิดว่าเขาจะเห็นแต่เขากลับจ้องเขม็งทำให้เธอหดคออีกครั้ง ชายหนุ่มส่ายหน้าระอาใจแล้วก้าวเท้าออกไปทันที
“ขวัญเอยขวัญมา อย่าเที่ยวเดินเพ่นพ่านอีก ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานะย่าหยา”
หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วค่อยๆ จิบยาหอมจนหมด เผลอมองไปยังมุมหนึ่งซึ่งเป็นโต๊ะเครื่องแป้งเห็นเงาตัวเองในกระจกก็ต้องตกใจ
“มีอะไรรึ”
ย่าหยาส่ายหน้าไปมาแล้วชี้นิ้วไปที่หมอนทำท่าจะขอนอน ยี่สุ่นก็พยักหน้าเข้าใจประคองน้องสาวลงนอน
เมื่อครู่ ความทรงจำของ ‘ย่าหยา’ ไหลบากเข้ามาในหัวของเธอ ย่าหยาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงหลุดมาอยู่ในยุคอดีตเช่นนี้ได้ เธอเป็นนักเขียนย่อมเป็นนักอ่านด้วย อ่านนิยายย้อนยุคทะลุมิติมาก็มาแต่ไม่คิดว่าเจอเข้ากับตัว ตอนนี้เธอติดอยู่ในร่างของย่าหยาซึ่งชื่อเดียวกับเธอ แต่ว่าเจ้าของร่างนี้อายุเพียงสิบเจ็ดและยังเคยเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายจนเป็นคนไม่ยอมพูด หลายคนเข้าใจไปว่าย่าหยาเป็นใบ้แท้จริงเธอแค่ไม่พูดเท่านั้น
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้นะ แล้วนี่เธอจะทำยังไงถึงจะได้กลับบ้านในปีพ.ศ.2567ได้กันล่ะ
เฮ้อ!
ถึงเวลารับประทานอาหารเย็น ย่าหยาที่อาการดีขึ้นถูกเชิญให้ไปร่วมกินอาหารที่เรือนใหญ่ เธอได้รับความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมทำให้รู้ว่าที่ผ่านมา ผู้อื่นเข้าใจว่าหญิงสาวเป็นใบ้ แต่เพราะในวัยเด็กได้เห็นผู้เป็นแม่ถูกโจรฆ่าตายต่อหน้าในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าตามคำสั่งของมารดา
‘อย่าส่งเสียง อย่าร้อง เชื่อแม่นะ’
เด็กหญิงตัวน้อยกัดปากตนเองแน่นจนเป็นแผลมองดูแม่ที่สิ้นใจด้วยสภาพน่าอนาถ เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ พ่อของตนนำลูกน้องคนสนิทออกตามหาจึงได้พบลูกสาวคนเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ นับจากวันนั้น น้อยนักที่จะได้เด็กน้อยเอ่ยวาจา ไม่ว่าบิดาจะพยายามหาหมอเก่งกาจเพียงใดมารักษาแต่เด็กน้อยก็ไม่ยอมพูด ยี่สุ่นผู้เป็นพี่สาวคอยดูแลเลี้ยงดูย่าหยาแทนแม่ที่ตายจาก พ่อของเธอคือกำนันไม้ หลายเดือนก่อนหลวงพิชัยเป็นตัวแทนพระองค์ท่านออกตรวจความสงบเรียบร้อยตามหัวเมืองต่างๆ เกิดเหตุปะทะกับโจรชั่ว เพื่อปกป้องหลวงพิชัย กำนันไม้ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะสิ้นใจได้ฝากฝังให้ช่วยดูแลบุตรสาวทั้งสอง หลวงพิชัยจึงตกปากรับคำรับยี่สุ่นเป็นเมียรอง ส่วนย่าหยานั้นก็รับมาอยู่ด้วยกันเพื่อที่พี่น้องจะได้ไม่ต้องอยู่ห่างไกลกัน
ย่าหยาที่เงียบใบ้ถูกนางวาด-คนสนิทของคุณช้อยเมียเอกของหลวงพิชัยแกล้งให้ไปช่วยทำความสะอาดเรือนสินธุ์ซึ่งเป็นเรือนของคุณสินธุ์- น้องชายของหลวงพิชัย ย่าหยาถูกขังไว้ในห้องนอนของคุณสินธุ์ด้วยเหตุผลใดไม่อาจรู้ได้ เธอตื่นขึ้นมาก็กลายอยู่ในร่างของย่าหยา หรือว่าดวงจิตของย่าหยาในภพนี้จะไปอยู่ในร่างของเธอในปีพ.ศ.2567 กันนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ย่าหยาที่แสนไร้เดียงสาและไม่มีใครปกป้องจะทำอย่างไร โลกในอนาคตน่ากลัวกว่ายุคนี้เสียอีก
“อาการดีขึ้นแล้วรึแม่ย่าหยา”
คุณช้อยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง นางเป็นเมียพระราชทานของหลวงพิชัย แต่งงานอยู่กันมาห้าปียังไม่มีลูก บ้านอื่นล้วนมีเมียเล็กๆ รับเมียบ่าวกันให้วุ่นวาย แต่คุณหลวงยังไม่รับใครมาเป็นเมียรองหรือแม้แต่เมียบ่าว เพิ่งจะมีแม่ยี่สุ่นที่รับมาอยู่ด้วย แม้จะเจ็บช้ำใจอยู่บ้างแต่ก็ต้องฝืนทำใจกว้างยอมรับเรื่องนี้ และที่สำคัญคุณหลวงย้ำนักหนาว่าอย่างไรเสียนางก็เป็นเมียเอกเมียรักของเขาไม่มีวันที่จะยกใครขึ้นมาแทนที่
ย่าหยาอ้าปากแต่ไม่มีเสียง ยี่สุ่นที่นั่งอยู่ใกล้น้องจึงพูดแทน “ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ขอบพระคุณคุณช้อยที่ให้หมอมาตรวจอาการน้องสาวอิชั้นเจ้าค่ะ” “เห็นสองคนคอยดูแลกันเช่นนี้ ฉันก็สบายใจ” หลวงพิชัยพูดแล้วอดมองมาทางย่าหยาไม่ได้ ได้ยินว่าแม่เป็นคนจีนทั้งสองพี่น้องจึงผิวขาวผุดผ่อง แต่กลับมีดวงตากลมโตราวกับหยดน้ำวาวใส ท่าทีขี้อายปนประหม่าชวนมองยิ่งนัก “แล้วนี่พ่อสินธุ์ล่ะ กลับมาแล้วไม่ใช่รึ ไม่มากินข้าวกินปลาพร้อมหน้าพร้อมตากันบ้างหรือไร” หลวงพิชัยพูดขึ้นอย่างเพิ่งนึกได้ “มาแล้วขอรับ” เสียงดังขึ้นจากด้านหลังก่อนที่เจ้าของร่างกำยำจะเดินเข้ามานั่งรวมวงรับประทานอาหารเย็น “ฉันซ้อมดาบกับทิดจ้อยเหงื่อท่วมตัวเลยไปอาบน้ำก่อนมาที่นี่ก็เลยมาช้าไปสักหน่อย” สายตาคมปลาบจับจ้องมายังย่าหยา หญิงสาวหดคอด้วยความเคยชิน แต่นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนใจร้ายที่แกล้งเธอ จึงฝืนทำใจกล้ายืดแผ่นหลังตั้งตรงแล้วเชิดปลายคางขึ้น ชายหนุ่มมองแล้วกลั้นยิ้มขำ นึกถึงตอนที่หญิงสาวกลัวจนตัวสั่นแต่พยายามดิ้นรนสุดชีวิต ตอนนี้ก็ยังทำตัวเหมือนแมวน้อยขู่ฟ่อๆ ทั้งที่กล
“คุณพี่ คุณพี่เจ้าขา” “ชอบหรือไม่” “เบาหน่อยเจ้าคะ อื้อ คุณพี่...อิชั้น...ไม่ไหว” “ทนอีกหน่อย พี่ใกล้แล้ว โอ้ววว” นั้นเป็นเสียงที่ดังมาจากห้องข้างๆ ซึ่งย่าหยาเข้าใจดีว่าเกิดกิจกรรมอะไรในห้องนั้น แต่ไม่คิดว่าหลวงพิชัยที่ดูเงียบขรึมและใจดีจะร้อนแรงขนาดทำให้พี่สาวร้องครวญครางเกือบทั้งคืน ซ้ำรุ่งเช้ายังได้ยินอีกรอบด้วย ยังดีที่คุณหลวงมาหาพี่ยี่สุ่นวันเว้นสองวันเพราะเกรงใจคุณช้อย ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ได้หลับสนิทเป็นแน่ แต่พี่สาวของเธอตื่นมาหน้าตาแช่มชื่นในขณะที่เธอนอนหลับไม่สนิทเพราะได้ยินเสียงครวญครางรบกวนทั้งคืน แต่พี่แจ่มดูไม่ทุกข์ร้อนสักนิด คงมีแต่เธอที่ยังไม่ชินสินะ แม้ยังไม่เคยมีคนรักแต่รู้เรื่องระหว่างชายหญิงดี และพอเข้าใจได้ว่าผู้หญิงในยุคนี้ต้องพึ่งพาสามี ถ้าไม่ได้รับความรักความโปรดปรานก็จะใช้ชีวิตอยู่ยาก แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังอยากกลับบ้านอยู่ดี มาอยู่ที่นี่ครบสัปดาห์แล้ว เธอยังหาวิธีกลับบ้านไม่ได้ เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่าอะไรทำให้เธอมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ นับว่าเธอยังโชคดีที่มาอยู่ในร่างที่ไม่เดือดร้อ
ย่าหยานักเขียนสาวที่ขับรถออกมาหาแรงบันดาลให้งานเขียนชิ้นใหม่ หลังจากที่สมองตันคิดอะไรไม่ออกมาเป็นเดือนแล้ว เธอมีรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่อยู่หนึ่งคันที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง ปกติเธอทำงานอยู่ที่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปเจอผู้คนเท่าไหร่ ชีวิตเธอมีแค่งานกับงาน พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังเล็ก ย่าหยาอาศัยอยู่กับแม่จนเมื่อสองปีก่อนแม่พบรักใหม่กับหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติและย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศ เธออยากใช้ชีวิตที่เมืองไทยจึงไม่ได้ตามแม่ไปด้วย แท้ที่จริง เธอรู้สึกเหมือนเฝ้ารออะไรบ้างอย่าง หรือมีใครสักคนรอเธออยู่ “ว้าว บ้านหลังนี้สวยจัง อยู่ริมน้ำด้วย ขอถ่ายรูปเก็บไว้เขียนนิยายหน่อยนะ” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปบ้านไม้ทรงไทยริมแม่น้ำหลังหนึ่ง วันนี้ย่าหยารู้สึกเบื่อหน่ายจึงขับรถเล่นชานเมืองกรุงเทพฯ ปีนี้เธออายุยี่สิบสองปีแล้ว เธอเป็นนักเขียนอิสระทำงานด้านนี้มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนมีรายได้พอเลี้ยงตัวเองได้ ที่ สำคัญคือไม่มีภาระเหมือนคนอื่น พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังเล็ก ย่าหยามาอยู่กับแม่มาตลอด แต่เมื่อสองปีก่อนแม่พบรักใหม่กับชายชาวอเมริกาและย้ายไปอยู่ด้ว
“ให้หนูช่วยนะคะ” ย่าหยารีบเดินตามยายละเอียด บ้านทรงไทยของภาคกลางจะมีหน้าต่างหลายบาน กว่าจะเสร็จเธอก็โดนน้ำฝนสาดใส่จนเสื้อผ้าเปียกชื้นไปหมด “แย่แล้วๆ หนูไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า อยู่แบบนี้จะเป็นหวัดเอา” “หนู...” เธอกอดอกยกมือขึ้นถูกแขนไปมาเพราะเริ่มหนาว “ถ้าไม่รังเกียจเอาเสื้อผ้าของยายไปใส่ก่อนนะ อย่าใส่เสื้อเปียกๆเลย จะไม่สบายเอา” ย่าหยาพยักหน้ารับ ปากเริ่มสั่นเพราะความหนาว หญิงสาวเดินตามร่างของหญิงชรา แม้ภายนอกมองเห็นเป็นบ้านทรงไทยโบราณ แต่ด้านในทันสมัยครบครันด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จัดวางอย่างลงตัว ยายละเอียดเดินนำไปที่ห้องหนึ่ง “นี่เป็นห้องรับรองแขก มีห้องน้ำในตัว หนูใช้ห้องนี้ได้ เดี๋ยวยายจะเอาเสื้อผ้ามาวางไว้ให้” “ลำบากคุณยายแล้ว” “ไม่เป็นไรๆ ไปเถอะรีบไปอาบน้ำเสียก่อน” ย่าหยาก้าวเข้าไปด้านใน สายตาสะดุดที่เตียงสี่เสาแบบโบราณมีม่านมุ้งสีขาวเข้ากับผ้าปูที่นอนลูกไม้นั้น เธอเดินเลยไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านใน มีผ้าขนหนูและเครื่องใช้ทุกอย่างครบครันราวกับห้องนี้มีคนอ