“ให้หนูช่วยนะคะ” ย่าหยารีบเดินตามยายละเอียด บ้านทรงไทยของภาคกลางจะมีหน้าต่างหลายบาน กว่าจะเสร็จเธอก็โดนน้ำฝนสาดใส่จนเสื้อผ้าเปียกชื้นไปหมด
“แย่แล้วๆ หนูไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า อยู่แบบนี้จะเป็นหวัดเอา”
“หนู...” เธอกอดอกยกมือขึ้นถูกแขนไปมาเพราะเริ่มหนาว
“ถ้าไม่รังเกียจเอาเสื้อผ้าของยายไปใส่ก่อนนะ อย่าใส่เสื้อเปียกๆเลย จะไม่สบายเอา”
ย่าหยาพยักหน้ารับ ปากเริ่มสั่นเพราะความหนาว หญิงสาวเดินตามร่างของหญิงชรา แม้ภายนอกมองเห็นเป็นบ้านทรงไทยโบราณ แต่ด้านในทันสมัยครบครันด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จัดวางอย่างลงตัว ยายละเอียดเดินนำไปที่ห้องหนึ่ง
“นี่เป็นห้องรับรองแขก มีห้องน้ำในตัว หนูใช้ห้องนี้ได้ เดี๋ยวยายจะเอาเสื้อผ้ามาวางไว้ให้”
“ลำบากคุณยายแล้ว”
“ไม่เป็นไรๆ ไปเถอะรีบไปอาบน้ำเสียก่อน”
ย่าหยาก้าวเข้าไปด้านใน สายตาสะดุดที่เตียงสี่เสาแบบโบราณมีม่านมุ้งสีขาวเข้ากับผ้าปูที่นอนลูกไม้นั้น เธอเดินเลยไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านใน มีผ้าขนหนูและเครื่องใช้ทุกอย่างครบครันราวกับห้องนี้มีคนอยู่ประจำ เจ้าของบ้านอาจมีแขกมาบ่อยจึงเตรียมไว้พร้อมสรรพเช่นนี้ หญิงสาวถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกหมดแล้วเปิดน้ำอุ่นรินรดร่างที่หนาวสั่น เธอไม่ชอบอากาศเย็นชื้นนักพาลจะทำให้ภูมิแพ้กำเริบ น้ำอุ่นช่วยขับไล่ไอเย็นออกไปทำให้เธอรู้สึกสบายมากขึ้น เธอหยิบผ้าขนหนูมาพันรอบกายเปลือยเปล่าแล้วเดินออกมาก็พบว่าบนเตียงมีชุดเสื้อผ้าฝ้ายวางอยู่ เป็นเสื้อแขนกุดกับผ้านุ่งสำเร็จ เธอหยิบออกมาดูอย่างขัดเขินเพราะไม่คุ้นกับการใส่ผ้าถุงนัก
“เรามาทำให้คุณยายลำบากเลย” ย่าหยาพึมพำเมื่อเห็นว่าที่โต๊ะข้างเตียงมีถาดวางถ้วยน้ำชาอุ่นๆ เธอยกขึ้นมาดมได้กลิ่นหอมของดอกไม้ “ชาดอกมะลิแน่ๆ”
หญิงสาวยกถ้วยน้ำชาดอกไม้ขึ้นมาดื่ม น้ำอุ่นร้อนกำลังพอดีและกลิ่นหอมละมุ่นทำให้ร่างกายผ่อนคลายลงไปมาก นอกจากไล่ไอเย็นแล้วเธอยังรู้สึกว่าความเคร่งเครียดที่สะสมมาหลายเดือนเบาบางลงไป มือเรียววางถ้วยน้ำลงที่โต๊ะข้างเตียง เธอเดินกลับไปที่เตียงเพื่อหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาจะสวมใส่
จู่ๆ ก็รู้สึกร่างกายเบาหวิวจนต้องนั่งลงบนเตียงหนานุ่ม ความง่วงงุนจู่โจมจนดวงตาแทบลืมไม่ขึ้น ร่างทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงจนทิ้งตัวลงบนที่นอน กลิ่นหอมหวานของดอกไม้อบอวลไปทั่วไป ขณะที่เข้าสู่ห้วงนิทรา เธอรู้สึกถึงปลายนิ้วแตะที่แก้มเบาๆ แม้พยายามฝืนลืมตาขึ้นมองก็เห็นเพียงเงารางๆ ของผู้ชายคนหนึ่ง.
ปลายนิ้วที่สัมผัสใบหน้ารบกวนการหลับใหลทำให้หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งจึงรู้ว่ามีดวงตาคมปลาบคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ ลมหายใจอุ่นร้อนที่ปะทะผิวแก้มทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ย่าหยาตื่นตกใจพยายามขยับตัวหนีแต่แขนสองข้างถูกกดลงข้างตัว
“จะดิ้นหนีไปทำไมเล่า อุตส่าห์ปีนขึ้นเตียงฉันได้แล้วนี่”
“!”
ดวงตากลมเบิกกว้าง เธออ้าปากจะปฏิเสธแต่กลับไม่มีเสียงออกมา ทำไมจู่ๆ เธอเปล่งเสียงไม่ได้!
บุรุษหนุ่มเห็นหญิงสาวตื่นกลัวแต่เขากลับกระตุกยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มของเขายิ่งทำให้หญิงสาวยิ่งพยายามขยับตัวให้ดิ้นหลุดจากพันธนาการ เขาก้มมองร่างเล็กที่ดิ้นไปมาพลางโน้มหน้าลงหมายจะหยอกล้อแต่ใบหน้าหวานเบือนหน้าหลบทำให้ปลายจมูกของเขาสัมผัสแก้มเนียนนุ่ม กลิ่นหอมละมุนชวนให้ดอมดมทำให้ชายหนุ่มไม่อาจยั้งใจได้
“ปะ...ปล่อย...”
“หือ?” เขาได้ยินเสียงไม่ชัดนัก มันแผ่วเบาจนเหมือนเสียงครางเสียมากกว่า
“ปล่อย...ฉัน”
ย่าหยาเค้นเสียงออกมาจนได้ แต่มันเบาเสียงจนเธอเองก็แทบไม่ได้ยิน แต่กระนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายหยุดชะงักไป หญิงสาวอาศัยจังหวะนี้หันมากัดใบหูอีกฝ่ายเต็มแรง
“โอ๊ย!”
เพราะโดนจู่โจมไม่ทันตั้งตัวทำให้บุรุษร่างใหญ่ถึงกับผงะปล่อยมือจากข้อมือเรียวเล็ก ย่าหยารีบพลิกตัวหนีแต่เพราะรีบร้อนจนเกินไปทำให้เธอตกเตียงดังตุ๊บ! พร้อมกับเสียงร้องเจ็บปวด
“นี่ เธอ!” ชายหนุ่มยันกายขึ้นแล้วลงจากเตียงหวังจะไปช่วยหญิง แต่ภาพที่เห็นคือผ้าแถบที่รัดรอบอกคลายออกจนเห็นปลายถันสีหวานชูชันท้าทายสายตา
“!”
ย่าหยามองตามสายตาตกตะลึงก็พบว่าตนเองแทบจะเปลือยหน้าอกให้เขาดูแล้ว เธอหันซ้ายหันขวาเห็นชายผ้าห่มแพรห้อยอยู่ข้างเตียงจึงรีบคว้ามันมาคลุมร่าง
“ย่าหยา! ย่าหยาอยู่ไหน! ย่าหยา!”
เธอได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเธอ แม้จะไม่คุ้นกับเสียงเรียกนั้นแต่ก็ทำให้ย่าหยาตัดสินใจวิ่งออกไปจากห้องนี้ทันที ทว่าเมื่อก้าวพ้นธรณีประตูก็ต้องตกใจ เธอไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน หรือว่าเธอถูกลักพาตัวมา
“นี่! จะออกไปแบบนั้นไม่ได้นะ”
ย่าหยาสะดุ้งสุดตัว เธอหันไปเห็นผู้ชายคนนั้นเต็มตา ตัวเขาสูงใหญ่ผิวสีเข้มและเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพราะเขาไม่ได้สวมเสื้อ! ทำให้เธอตัดสินใจวิ่งไปตามเสียงเรียกที่ได้ยิน เท้าเปลือยเปล่าวิ่งออกมาจากบ้านทรงไทย พื้นหญ้าอ่อนนุ่มและชุ่มชื้นทำให้รู้ได้ว่านี่เป็นของจริง ไม่ใช่ความฝัน
“ย่าหยา!”
หญิงสาวในชุดผ้าแถบคาดอกและนุ่งผ้าโจงกระเบนเมื่อเห็นร่างเล็กถลาออกมาจากเรือนไม้ก็ยื่นมือไปโอบร่างนั้นไว้ในอกอย่างปกป้อง โดยไม่ทันสังเกตว่าคนในอ้อมกอดมีสีหน้าเช่นไร
“น้องไปไหนมา พี่ตามหาเสียทั่ว” หญิงสาววัยประมาณยี่สิบสองบ่นแล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้าของอีกฝ่าย “เหตุใดซุกซนถึงเพียงนี้ เอาผ้าห่มมาคลุมกายทำไมเล่า”
หญิงสาวมึนงงสับสนไปหมด ผู้หญิงคนนี้เรียกเธอว่า ‘ย่าหยา’ แต่เธอกลับไม่รู้จัก ซ้ำยังทำเหมือนเป็นพี่สาวเธอด้วยซ้ำ แต่เธอเป็นลูกคนเดียว พลันจู่ๆ หัวสมองเหมือนมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากถาโถมเข้าใส่ เธอปวดศีรษะจนต้องยกมือขึ้นกุม
“ย่าหยา! น้องเป็นอะไร! ไม่สบายตรงไหนบอกพี่สิ”
“ปะ...ปวด...หัว...”
น้ำเสียงแห้บแห้งพยายามเปล่งเสียงออกมา ย่าหยาปวดศีรษะจนแทบจะเป็นลม สองขาไร้เรี่ยวแรงทรุดฮวบลงไป
“ว้าย!” หญิงสาวผู้นั้นร้องเสียงร้องรีบประคองร่างน้อยไว้แต่ไม่อาจมีเรียวแรงพอจะอุ้มได้ เธอเงยหน้าขึ้นหมายจะส่งเสียงขอความช่วยเหลือ แต่ร่างสูงใหญ่ก้าวพรวดเข้ามาช้อนร่างของย่าหยาขึ้นอุ้มอย่างรวดเร็วและทำเหมือนกับว่าอุ้มแมวน้อยตัวหนึ่ง
“คุณสินธุ์”
“หล่อนเป็นน้องสาวของเธอรึ”
“เจ้าค่ะ ย่าหยาน้องสาวของอิชั้นเอง”
“เช่นนั้นฉันจะพาไปส่งที่เรือน”
‘คุณสินธุ์’ อุ้มร่างที่เบาหวิวตรงดิ่งไปที่เรือนจรุงจิตซึ่งเป็นเรือนที่ ‘หลวงพิชัย’ ยกให้เมียรองได้อยู่อาศัยนั้นก็คือ ‘ยี่สุ่น’ ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ราวๆ สิบวันแล้ว โดยมีบ่าวรับใช้ชื่อแจ่มและน้องสาวที่ได้ยินว่าสติไม่ค่อยดีชื่อย่าหยามาอยู่ด้วย ชายหนุ่มร่างกำยำอุ้มร่างเล็กที่ไม่มีแรงดิ้นรนขัดขืนมาถึงเรือนจรุงจิต บรรดาบ่าวรับใช้แตกตื่นแต่ไม่กล้าส่งเสียงพูดอันใด ได้แต่ก้มหน้าหลุบตาลงไม่กล้ามอง ‘เจ้านาย’ ยี่สุ่นที่วิ่งตามมารีบเดินไปเปิดประตูห้องเล็กซึ่งเป็นห้องของย่าหยาให้เขาเข้าไปเพื่อว่างร่างที่ไร้เรี่ยวแรงลงบนเตียง “ย่าหยา! เหตุใดเป็นเช่นนี้”ยี่สุ่นบีบมือน้องสาวที่รักราวกับเป็นลูกก็ว่าได้ เพราะมารดาตายจากไปตอนที่ย่าหยาอายุเพียงแปดขวบ นางเป็นพี่จึงเลี้ยงดูน้องคนนี้แทนมารดาทุกสิ่ง และเมื่อตนต้องแต่งงานออกเรือนมาเป็นเมียรองของหลวงพิชัย นางก็ขออนุญาตให้พาย่าหยามาด้วย เพราะที่บ้านไม่เหลือใครแล้ว หากนางไม่อยู่ก็ไม่มีใครดูแลย่าหยา ซึ่งหลวงพิชัยก็เมตตารับน้องสาวของนางมาอยู่ด้วย “แจ่มไปละลายยาหอมมาเร็วๆ แล้วให้คนไปตามหมอมาด้วย” “เจ้าค่ะคุณยี่สุ่น”
ย่าหยาอ้าปากแต่ไม่มีเสียง ยี่สุ่นที่นั่งอยู่ใกล้น้องจึงพูดแทน “ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ขอบพระคุณคุณช้อยที่ให้หมอมาตรวจอาการน้องสาวอิชั้นเจ้าค่ะ” “เห็นสองคนคอยดูแลกันเช่นนี้ ฉันก็สบายใจ” หลวงพิชัยพูดแล้วอดมองมาทางย่าหยาไม่ได้ ได้ยินว่าแม่เป็นคนจีนทั้งสองพี่น้องจึงผิวขาวผุดผ่อง แต่กลับมีดวงตากลมโตราวกับหยดน้ำวาวใส ท่าทีขี้อายปนประหม่าชวนมองยิ่งนัก “แล้วนี่พ่อสินธุ์ล่ะ กลับมาแล้วไม่ใช่รึ ไม่มากินข้าวกินปลาพร้อมหน้าพร้อมตากันบ้างหรือไร” หลวงพิชัยพูดขึ้นอย่างเพิ่งนึกได้ “มาแล้วขอรับ” เสียงดังขึ้นจากด้านหลังก่อนที่เจ้าของร่างกำยำจะเดินเข้ามานั่งรวมวงรับประทานอาหารเย็น “ฉันซ้อมดาบกับทิดจ้อยเหงื่อท่วมตัวเลยไปอาบน้ำก่อนมาที่นี่ก็เลยมาช้าไปสักหน่อย” สายตาคมปลาบจับจ้องมายังย่าหยา หญิงสาวหดคอด้วยความเคยชิน แต่นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนใจร้ายที่แกล้งเธอ จึงฝืนทำใจกล้ายืดแผ่นหลังตั้งตรงแล้วเชิดปลายคางขึ้น ชายหนุ่มมองแล้วกลั้นยิ้มขำ นึกถึงตอนที่หญิงสาวกลัวจนตัวสั่นแต่พยายามดิ้นรนสุดชีวิต ตอนนี้ก็ยังทำตัวเหมือนแมวน้อยขู่ฟ่อๆ ทั้งที่กล
“คุณพี่ คุณพี่เจ้าขา” “ชอบหรือไม่” “เบาหน่อยเจ้าคะ อื้อ คุณพี่...อิชั้น...ไม่ไหว” “ทนอีกหน่อย พี่ใกล้แล้ว โอ้ววว” นั้นเป็นเสียงที่ดังมาจากห้องข้างๆ ซึ่งย่าหยาเข้าใจดีว่าเกิดกิจกรรมอะไรในห้องนั้น แต่ไม่คิดว่าหลวงพิชัยที่ดูเงียบขรึมและใจดีจะร้อนแรงขนาดทำให้พี่สาวร้องครวญครางเกือบทั้งคืน ซ้ำรุ่งเช้ายังได้ยินอีกรอบด้วย ยังดีที่คุณหลวงมาหาพี่ยี่สุ่นวันเว้นสองวันเพราะเกรงใจคุณช้อย ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ได้หลับสนิทเป็นแน่ แต่พี่สาวของเธอตื่นมาหน้าตาแช่มชื่นในขณะที่เธอนอนหลับไม่สนิทเพราะได้ยินเสียงครวญครางรบกวนทั้งคืน แต่พี่แจ่มดูไม่ทุกข์ร้อนสักนิด คงมีแต่เธอที่ยังไม่ชินสินะ แม้ยังไม่เคยมีคนรักแต่รู้เรื่องระหว่างชายหญิงดี และพอเข้าใจได้ว่าผู้หญิงในยุคนี้ต้องพึ่งพาสามี ถ้าไม่ได้รับความรักความโปรดปรานก็จะใช้ชีวิตอยู่ยาก แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังอยากกลับบ้านอยู่ดี มาอยู่ที่นี่ครบสัปดาห์แล้ว เธอยังหาวิธีกลับบ้านไม่ได้ เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่าอะไรทำให้เธอมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ นับว่าเธอยังโชคดีที่มาอยู่ในร่างที่ไม่เดือดร้อ
ครั้งแรกที่เธอได้สติก็ตื่นมาบนเตียงของเขา นิยายที่เคยอ่าน ซีรีย์ที่เคยดู มีบางเรื่องคล้ายกันคือนางเอกตื่นมาบนเตียงพระเอก หรือเตียงจะเป็นสิ่งเชื่อมโยงมิติก็ได้ คราวนี้เธอจะลองนอนบนเตียงนี้เผื่อว่าตื่นอีกครั้งจะได้กลับไปโลกปัจจุบัน คิดได้ตามนี้แล้วย่าหยาก็ปีนขึ้นเตียงนอน จัดหมอนแล้วทิ้งตัวลงนอน เธอหลับตาแต่แสงสว่างที่สาดเข้ามารบกวนการนอน เธอพลิกซ้ายพลิกขวาก็ยังไม่หลับจนต้องลุกขึ้นมานั่ง ‘ทำไมไม่หลับนะ ปกติตอนอยู่โลกโน้น ก็หลับได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมืดหรือแสงสว่างแค่ไหน ทำไมถึงไม่หลับนะ’ ย่าหยาก่นดาตัวเองแล้วทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง‘สงบสติอารมณ์หน่อย ผ่อนคลาย คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ คิดถึงงาน คิดถึงนักอ่านที่รอตอนต่อไปของนิยาย เอ๊ะ ! หรือจะไม่มีใครรออ่านนิยายของฉันแล้วนะ แงๆ ไม่เอาสิ คิดมากแบบนี้ก็นอนมไม่หลับนะสิ โอ๊ย! จงหลับ หลับ หลับเดี๋ยวนี้’ สายลมเย็นๆ พลิ้วผ่านม่านหน้าต่าง กลิ่นหอมของดอกไม้ไม่รู้สายพันธุ์โชยมาแตะปลายจมูก ย่าหยาเคลิ้มหลับไปอย่างไม่รู้ตัว เป็นจังหวะเดียวกับบานประตูเปิดออกพร้อมเจ้าของเรือนที่กลับเข้ามา ดวงตาคมปลาบเห็น
“สนใจหนังสือรึ” สินธุ์เอ่ยถามเมื่อเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นของหญิงสาว เธอหันมาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มพลางชี้นิ้วไปที่ชั้นหนังสือ เขาเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย จึงให้คนตั้งตู้หนังสือในห้องนอน บางครั้งบางคราวก็เอกเขนกอ่านหนังสือจนผล็อยหลับไป “เอาสิ หยิบไปอ่านดูก็ได้” เขาเสนอแล้วเดินไปที่ชั้นหนังสือ “แต่หนังสือในห้องฉันเป็นหนังสือทางการทหารการปกครอง เธอจะอ่านเข้าใจไหม”‘เขากำลังดูถูกเธอเหรอ’ ย่าหยาตวัดตามองเล็กน้อยแล้วเดินไปเลือกดูหนังสือบนชั้น แน่นอนว่าไม่มีหนังสือนิยายรักให้เธอเลือกอ่าน แต่พวกบันทึกประวัติศาสตร์หรือเรื่องเล่าต่างแดนก็น่าสนใจไม่น้อย คนตัวเล็กเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อหยิบหนังสือเล่มหนึ่งลงมา พอเปิดดูไปสองสามหน้า คิวเรียวก็ขมวดกันยุ่งภาษาไทยแต่เป็นภาษาเก่า การใช้คำและการเรียบเรียงประโยคไม่เหมือนกัน เห็นทีว่าจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ เอ่อ...สักพักใหญ่ๆ ล่ะนะสินธุ์ไม่กล้าถามว่า ‘อ่านหนังสือออกหรือไม่’ เพราะเกรงจะทำให้หญิงสาวไม่พอใจ แค่เธอมองค้อนเขาก็แทบใจคอไม่ดีแล้ว“เล่มนี้เป็นบันทึกการค้าขายกับชาวฮอลันดา”“ปี..ปีนี้ พ.ศ. อะไร...คะ”ชายหนุ่มเอียงคอมองหญิงสาวเล็กน้อย เธอพูดจา
ย่าหยาขอกระดาษกับดินสอมาฝึกหัดคัดลายมือจากพี่ยี่สุ่น คุณหลวงรู้เข้าก็ประหลาดใจแต่ก็ใจดีให้คนเอาหนังสือแบบเรียนของเด็กสำหรับลูกท่านหลานเธอเอามาให้เธอศึกษา “ผู้ชายบวชเรียนจึงได้เรียนหนังสือ ผู้หญิงต้องเป็นนางข้าหลวงถึงจะได้เรียน ส่วนใหญ่ก็เข้าวังถวายตัวแต่เด็ก ฝึกงานในรั้วในวัง มีหลายแขนง” คุณหลวงเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้อยากเข้าวังไปนั่งเย็บปักถักร้อยหรือทำอาหารอะไรนั้นหรอก เธอใช้ชีวิตแบบนี้น่าจะดีที่สุดแล้ว อืม หลวงพิชัยก็ดูเป็นสุภาพบุรุษอ่อนโยนและใจดี แต่ทำไมเรื่องบนเตียงถึงได้รุนแรงเร่าร้อนนักนะ เธออยู่ห้องข้างได้ยินแล้วก็รู้สึกเห็นใจพี่ยี่สุ่น หรือเพราะคุณช้อยรับพลังงานของคุณหลวงไม่ไหว คุณหลวงก็เลย...เฮ้อ ... คนโสดอย่างเธอตายสนิทเลยทีเดียว หิ่งห้อยตัวน้อยบินเข้าในห้องนอนของหญิงสาว ทำให้เธอวางมือจากดินสอแล้วมองเจ้าหิ่งห้อยที่มาเกาะอยู่บนหนังสือ พอจะยื่นมือไปแตะ เจ้าหิ่งห้อยก็บินออกไปที่หน้าต่าง ย่าหยาเดินตามไปดู เห็นด้านหลังเรือนมีหิ่งห้อยวิบวับสวยงามจนน่าตื่นตะลึง “ระบบนิเวศวิทยาดีถึงได้
ชายหนุ่มเดินมาถึงเรือนก็โบกมือไล่บ่าวรับใช้ไปให้พ้นหน้า เขาไม่เหมือนพี่ชายในเรือนจึงไร้บ่าวไพร่ ความเงียบสงบคือสิ่งที่เขาปรารถนาแต่มันเหมือนถูกทำลายไปสิ้นตั้งแต่วันที่เขาเข้ามาในห้องนอนของตนแล้วพบร่างอรชนหลับใหลบนเตียง สินธุ์ทิ้งตัวลงนอน เขาหลับตาพลางนึกถึงภาพในวันนั้นซึ่งเขาคิดไปว่าเธอเป็นบ่าวที่หวังจะเลื่อนฐานะเป็นเมียเขา ครั้งนั้นเขาคิดแค่จะข่มขวัญเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อเข้าใกล้กลับรู้สึกอยากสัมผัส ราวกับกำลังแตะต้องของต้องห้าม กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนกายเย้ายวนและปลุกเร้าเลือดในกายจนเดือดพล่าน จนเมื่อเจ้าของร่างอรชนลืมตามองเขาด้วยแววตาตื่นตระหนก เขาก็รู้สึกปรารถนาจะครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ เป็นความปรารนาที่รุนแรงยากเกินจะบรรยาย ชายหนุ่มไม่เข้าใจตนเองนัก เขาเป็นหนุ่มนักเรียนนอก เคยไปเรียนหนังสือที่อังกฤษถึงสี่ปีด้วยทุนหลวง พบเจอหญิงสาวต่างเชื้อชาติมากหน้าหลายตา แต่กลับไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกต้องการได้รุนแรงถึงเพียงนี้ ทั้งที่เธอก็ไม่ได้สวยเลิศเลอมากกว่าหญิงสาวผู้ใด ตัวก็เล็กซ้ำยังพูดจาตะกุกตะกัก ดูแลตัวเองก็แทบไม่ได้ แต่เขากลับอยากเป
“วาดอย่าพูดเช่นนั้นสิ” คุณช้อยเป็นฝ่ายปรามเสียเอง “นี่ย่าหยาก็ฝึกอ่านฝึกคัดอักษรอยู่ นี่ก็พูดจาชัดถ้อยชัดคำขึ้นมากแล้ว”“ฝึกคัดอักษร?” สินธุ์ถามอย่างสนใจ หลายวันก่อนเธอยืมหนังสือของเขาไป วันนี้ได้ยินว่าหัดคัดตัวหนังสือก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง“เพราะคุณช้อยเสียเวลาสอนเองกับมือถึงได้อ่านออกเขียนได้ดอกเจ้าคะ” วาดเบ้ปากใส่ นางไม่ชอบสายตาของคุณสินธุ์ที่มองย่าหยา ยิ่งนึกถึงเรื่องที่นางแอบขึ้นเตียงคุณสินธุ์แล้วถูกไล่ออกมายิ่งรู้สึกริษยาเหลือเกิน“จะว่าไปมาอยู่ที่นี่ก็สองเดือนแล้ว ไม่ได้ออกไปไหนเลย ฉันนี่ก็แย่เสียจริงไม่ได้พาแม่ยี่สุ่นกับน้องไปเที่ยวชมบ้านเมืองสักคราเดียว”“ไม่เป็นไรเจ้าคะ คุณหลวงมีงานราชการมากมาย ทุกวันนี้อยู่ที่นี่อิชั้นกับน้องก็มีความสุขดีเจ้าค่ะ” ยี่สุ่นพูดอย่างเจียมตัวสินธุ์กลั้นหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังราวเด็กน้อยของย่าหยา ปากก็พูดออกไปเร็วเท่าที่ใจคิด“อย่างไรวันนี้ก็แต่งตัวแล้วและวันนี้ฉันว่างพอดี ฉันจะพาแม่ย่าหยาไปเที่ยวเอง” เขายิ้มใส่ตาหญิงสาวที่จ้องหน้าเขาอยู่“เอ่อ...” ยี่สุ่นพูดไม่ออก หันไปมองน้องสาวแล้วก็หันไปมองคุณหลวงอย่างขอความเห็น นางไม่เคยปล่อยน้องไปไ
เธอมองเขาอย่างประหลาดใจ ชายหนุ่มยิ้มเศร้าแล้วกอดร่างเล็กแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าจะเป็นแค่ความฝันไป ไออุ่นจากกายแกร่งตอกย้ำว่าเขาคือคนที่หัวใจเธอเพรียกหา หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาแล้วขยับตัวยื่นหน้าไปจูบมุมปากของชายหนุ่ม “หยารักพี่สินค่ะ หยาจะไม่หายไปไหนอีก ครั้งนี้เรามาทำให้มันไม่เหมือนเดิมนะคะ” แววตาของเธอคือคำตอบที่เขารอคอย มีหลายร้อยหลายพันคำที่เขาอยากพูด แต่กลับพูดไม่ออก อับจนถ้อยคำอย่างน่าสงสาร ความรู้สึกที่มีทั้งหลายทั้งปวงหลอมรวมเป็นอ้อมกอดแนบแน่น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครแต่หัวใจของเขายังเป็นดวงเดิมที่รักเพียงหญิงเดียวเสมอมาและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป รักครั้งนี้กับหัวใจดวงเดิมที่จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วบทส่งท้าย ข่าวโฮโซสาวชื่อดังและครอบครัวถูกจับข้อหาฉ้อโกงและคดีแชร์ลูกโซ่เป็นที่พูดถึงกับไปทั่ว ช่องข่าวทุกช่องรวมทั้งโลกโซเซียลให้ความสนใจกันมาก แต่นั้นทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวพอใจมาก เพราะพวกเขาไม่ต้องเป็นเป้าสายตาของใครนัก มารดาของย่าหยาและสามีใหม่บินตรงกลับเมืองไทยตามคำเชิญของว่าที่ลูกเขยเพื่อที่ทั้งสองครอบครัวจะ
คุณาสินวางร่างของย่าหยาลงบนเตียง เขาปรายตามองไปทางประตูเห็นลูกน้องปิดให้เรียบร้อยก็ถอนหายใจเบาๆ คนตัวเล็กยื่นมาคล้องคอเขาไว้ “พี่สิน” เสียงหวานครางแผ่ว “หยาอยากอาบน้ำ” เธอต้องการเขาเหลือเกิน แต่สภาพนี้มันก็เกินกว่าตัวเธอเองจะรับได้ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ อุ้มคนตัวเล็กเดินไปที่ห้องน้ำ “เด็กดี...ให้พี่ช่วยนะครับ” เขาพูดขณะปล่อยให้เธอลงยืน หญิงสาวพยักหน้ารับให้เขาช่วยถอดเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นออกจากร่าง น้ำอุ่นไหลผ่านฝักบัวรินรดร่างเปลือยเปล่า มือใหญ่ค่อยๆ เช็ดใบหน้าสวยอย่างเบามือพลางสำรวจดูว่าเธอบาดเจ็บที่ไหนบ้าง เสียงหวานครางแผ่วยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อของเขาออกอย่างร้อนรน ปลายนิ้วสัมผัสแผ่นอกกว้างที่คุ้นเคยแล้วยื่นหน้าไปจูบอกซ้ายของเขา ชายหนุ่มถึงกับหลุดเสียงครางออกมา มือเรียวเล็กพยายามปลดเข็มขัดของเขาออก เขาจึงเลื่อนมือลงไปจัดการด้วยตัวเอง ปล่อยให้ร่างกายกำยำเปลือยเปล่าต่อหน้าคนรัก ผ่านมากี่ร้อยปี เธอก็ยังเป็นคนเดียวที่เขารัก แม้เคยคิดหันหลังให้ความรู้สึกที่มีแต่หัวใจมันไม่ยอมหยุดรักเธอได้เลย มือใหญ่กุมมือเล็กให้กอบกุมท
ชายผู้นั้นหน้าซีดมองร่างที่หลับใหลสลับกับหน้าถมึงทึงของวาด มือหยาบกร้านสั่นเทายื่นไปหมายแตะต้องเรือนร่างนวลละออ แต่มีเสียงคนพูดด้านนอกว่า ‘องค์วรสินเสด็จกลับมาแล้ว’ ทั้งสองจึงรีบออกไปราวกับภูติผีวิญญาณร้าย คราวนั้นองค์วรสินกลับมาได้เวลา แต่เธอกลับถูกเข้าใจผิดเพราะองค์วรสินเองก็ถูกปั่นศีรษะเป่าหูว่าเธอเป็นหญิงแพศยาคบชู้ ทำให้เรื่องราวจบลงด้วยตายจากของเธอและลูกในครรภ์ แรงรักแรงอาฆาตทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นเช่นนี้หลายชาติภพ เธอปล่อยวางตั้งแต่ชาตินั้นแต่คนผู้นี้ไม่อาจปล่อยเธอไป มือใหญ่กระชากเสื้อเธออย่างแรงทำให้ย่าหยาได้สติ หญิงสาวส่งเสียงหวีดร้องแล้วยกเท้าขึ้นถีบเปะปะไปทั่วแต่มือที่น่าขยะแขยงพวกนั้นจับเรียวขาเธอแล้วลูบไล้หยาบคาย คนหนึ่งถือสมาร์ทโฟนบันทึกภาพไว้ราวกับเธอคือนางเอกหนังAV ที่รับบทสาวสวยถูกขื่นใจ แต่นี่คือชีวิตจริงที่เธอกำลังจะถูกชายแปลกหน้ายำยี ‘พี่สิน’ ย่าหยาได้แต่พร่ำเรียกชื่อคนรักในใจ ใช่ เธอรักเขา ไม่ว่าผ่านมากี่ร้อยปีหรือกี่ชาติภพ เธอก็ยังคงรักผู้ชายคนนี้ โครม! เสียงถีบประตูดังสนั่นท
“เอ่อ...เจ้านายครับ ผมไม่เห็นคุณย่าหยาเลยครับ” “อะไรนะ?” “ผมเข้ามารับเอกสารตามที่เจ้านายสั่ง ผมมาถึงคอนโดแล้วแต่ไม่พบคุณย่าหยาเลยครับ เอ่อ...โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ผมถามนิติกรคอนโดก็บอกว่าเห็นคุณย่าหยาเดินออกไปหน้าคอนโดแล้วยังไม่กลับเข้ามาครับ” “เป็นไปได้ยังไง” “ผมว่าแปลกๆนะครับ” “รอที่นั้นก่อน เดี๋ยวฉันลองติดต่อย่าหยาอีกที” คุณาสินวางสายจากลูกน้องแล้วโทรหาย่าหยา ใจของร้อนรุ่มไม่สนใจว่าแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดในห้องทำงานแล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปที่ผนังกระจกที่มองเห็นวิวด้านนอก ตอนนี้เขาอยู่บนตึกสูงระฟ้าแต่หัวใจของเขากำลังดำดิ่งอย่างหวาดวิตก หญิงสาวไม่รับสายและครู่ต่อมาก็เหมือนทโทรศัพท์ดับไปเสียเฉยๆ เขาสบถหัวเสียแล้วเปลี่ยนเป็นโทรตามลูกน้องคนสนิทให้เข้ามาพบเขาทันที และโทรสั่งให้คนของเขาอีกคนไปขอดูกล้องวงจรปิดที่คอนโด เขาสูดลมหายใจลึกพยายามตั้งสติให้มั่น หากเป็นเรื่องอื่นเขาคงรับมือด้วยความใจเย็น แต่นี่เป็นเรื่องของย่าหยา ผู้หญิงที่ครอบครองพื้นที่ทุกตารางนิ้วในหัวใจของเขา ผ่านมาหลายชาติภพ เขาไม่
“โทษหยาเหรอคะ แต่พี่สินเริ่มก่อนนะ” เธออายจนหน้าแดงเรื่อ ไม่รู้ทำไมตอนเช้าเขาถึงมี ‘อารมณ์’ จนต้องจัดหนักก่อนไปทำงานทุกที เธอทำงานที่บ้าน ตื่นสายก็ไม่เป็นไรแต่เขานี่สิ “พี่เป็นเจ้าของบริษัท ไปถึงช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอก” เขายื่นหน้าไปแล้วกระซิบข้างหู “ต่ออีกรอบได้นะครับ” “คนบ้า! ไปทำงานเลย” “ครับๆ รับคำสั่งคุณภรรยาครับ” ย่าหยาไม่อยากจะโต้ตอบอีก ดูเหมือนพูดอะไรไปก็จะเข้าทางเขาเสียหมด คุณาสินยิ้มกว้างแล้วจูบหน้าผากคนรักเบาๆ ก่อนออกไปทำงานเช่นทุกวัน แต่ความรู้สึกนั้นแตกต่างไปจากเดิม เหมือนได้ของหายที่หาไปนานกลับมา 2-3คืนแรก เขานอนหลับไม่สนิทนักเพราะกังวลและกลัวว่าเธอจะหายไป และกลัวว่าเธอจะหวนกลับไประลึกถึงเรื่องราวในอดีต คุณาสินเดินออกมาจากห้องของคนรัก เขาไม่อยากเร่งรัดเธอเกินไป แต่อีกใจก็กลัวจะเสียเธอไปอีก ตอนนี้เขากลายเป็นคนขี้กลัวไปเสียทุกอย่าง บางทีเขาก็นึกขำตัวเอง ตอนที่ยังหาเธอไม่เจอมันก็เป็นความรู้สึกเหงาและเคว้งคว้าง แต่เมื่อได้พบเธอ ได้โอบกอดอีกครั้ง กลับกลัวว่าจะเสียเธอไป เขาอยากใช้ชีวิตกับเธอเ
ทันที่ริมฝีปากร้อนของคนทั้งสองประกบกันอีกครั้ง ร่างกายผ่าวร้อนทาบทับลงมาบดเบียดแนบชิด สิ่งที่ใหญ่โตนั้นร้อนระอุคลอเคลียกลีบเนื้ออ่อนบางที่ยามนี้ฉ่ำชื้นเพราะถูกปลุกเร้าด้วยนิ้วมือร้ายกาจ คุณาสินผละจากริมฝีปากสวยแล้วพรมจูบลำคอขาวผ่องจนเป็นแดงเรื่อ ซุกไซและโลมเลียลำคอระเรื่อลงมาที่เนินอกสวยอีกครั้ง ขบเม้มดูดดึงที่ปลายถันจนเปียกชุ่มทำให้หญิงสาวเผลอใช้ปลายนิ้วจิกลงที่ต้นแขนกำยำอย่างลืมตัว “อื้อ พี่สิน...” ความต้องการของหญิงสาวทวีคูณ ขยับบดเบียดร่างแนบชิดพร้อมกับแยกเรียวขาออก ความปรารถนาจะถูกเติบเต็มทำให้เรียกร้องอย่างไม่เคยทำมาก่อน เขาส่งนิ้วไปสำรวจเบื้องล่างอีกครั้งขยับนิ้วในร่องสาวจนมั่นใจว่าน้ำรักของเธอมากพอจึงประคองแก่นกายของตนส่งเข้าไปที่น้อย “อ๊ะ!” “อย่าเกร็ง” เขาพูดเสียงพร่าและเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานที่แดงเรื่อ ดวงตาของเธอปรือฉ่ำไม่ใช่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ แต่เพราะถูกปรนเปรอสวาทแทบขาดใจ เขาขยับเอวสอบดุนดันเข้าไปที่ละน้อย ขยับออกถอยเข้าเพิ่มความลึกไปที่ละนิดจนปลายหัวบากมุดเข้าไปในร่องสาว ย่าหยาตัวสั่นระริกในขณะที่อีกฝ
“ถ้า...ถ้าฉันไม่ใช่คนในอดีตชาติที่คุณตามหา คุณจะชอบฉันไหม?” มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้ม เขามองเธอนิ่งนานจนเธอรู้สึกเห็นตัวเองในแววตาของเขา “ถ้าคุณเป็นผู้หญิงร้ายๆ หรือมีคนรักแล้ว ผมคงคอยให้ความช่วยเหลือคุณอยู่ห่างๆ แต่นี่คุณเป็นคนอ่อนโยน จริงใจ ถึงคุณจะเลี้ยงหมาแมวเองไม่ได้แต่ก็ช่วยสนับสนุนโอนเงินช่วยเหลือหมาแมวจรอยู่ตลอด นี่ยังไม่รวมที่คุณตรงสเป็คผมอีกด้วยนะ” “คุณรู้ได้ไง...เราเพิ่งเจอกันไม่ใช่เหรอ” เธอมองเขาอย่างไม่เชื่อนัก “ก็คุณเป็นคนที่ผมสนใจ ผมถึงอยากรู้ทุกเรื่องของคุณ” เขายิ้มแววตากรุ้มกริ่ม“แล้วฉันไปตรงสเป็คคุณตรงไหน”“สเป็คผมก็ตัวเล็กซ่อนรูป อะไรที่ผมควรเห็นคนเดียวก็ให้ผมมองคนเดียวก็พอ” ดวงตาฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์ค็อกเทลที่ดื่มไปหลายแก้ว เธอก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขาอีก ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปล้างมือแล้วรินน้ำอุ่นใส่แก้วเซรามิกสีเทาแล้วถือกลับมาให้หญิงสาว “ดื่มน้ำอุ่นๆ แก้แฮงค์ได้บ้าง” มือเรียวเล็กรับน้ำมาดื่มอย่างว่าง่าย เธอจิบไปไม่กี่คำก็ส่งแก้วคืนให้เขา ปลายนิ้วสัมผัสกันเล็กน้อย ทว่าราวกั
“ไหวหรือเปล่า” น้ำเสียงคุ้นเคยเจือความห่วงใยทำให้ย่าหยาเอี้ยวใบหน้าไปมอง แต่ริมฝีปากปัดปลายคางของชายหนุ่มที่โน้มหน้าลงมาพอดี “คะ...คุณ...คุณสิน” “เมาหรือไม่สบาย” “ไม่ได้เมาเสียหน่อย” คุณาสินหัวเราะในลำคอ “คนเมาที่ไหนบอกว่าตัวเองเมา” “นี่คุณ!” “เอ่อ...” เจ้าของงานวันเกิดเอ่ยขึ้น “ย่าหยาจะไม่แนะนำหน่อยเหรอว่า...” ตอนนี้สายตาของเพื่อนสนิททุกคู่จ้องมองที่ย่าหยาและคุณาสิน เพื่อนสาวไม่ได้ขี้เหร่สมัยเรียนก็มีหนุ่มๆมาจีบเยอะแยะแต่ย่าหยาไม่สนใจ แล้วนี่ใครกัน เบ้าหน้าฟ้าประธานแบบนี้เพื่อนสาวไม่เคยปริปากพูดเลยสักคำ “เอ่อ...นี่คุณสิน...คุณาสินเป็น...” “เป็นคนตามจีบย่าหยาครับ” คุณาสินชิงพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ “กรี๊ด!” เพื่อนๆที่เมาได้ที่ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างตื่นเต้น “ตายแล้วยัยย่าหยา มีหนุ่มหล่อมาจีบไม่เห็นเล่าให้เพื่อนฟังเลย” ย่าหยาอายจนหน้าแดงจัด เธอหันไปกวาดตามองเขาที่สวมเสื้อเชิ้ตผูกเนคไทหลวมๆ เข้ากับกางเกงสแล็คสีเข้ม ไม่เห็นเขาหลายวั
คุณาสิน... ชื่อของเขาทำให้เธอพลิกตัวขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปหยิบโน้ตบุ๊กมาเปิดแล้วค้นหาประวัติของผู้ชายคนนั้น แล้วเธอก็อ้าปากค้าง เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด ไม่ใช่เจ้าของบ่อน้ำมันแต่ทำธุรกิจด้านพลังงานทางเลือกอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งที่อายุเพิ่งจะยี่สิบแปดเท่านั้น นามสกุลของเขายังเป็นนามสกุลเดิม เขายังคงเวียนว่ายในห้วงกรรมของตนละมั้ง? ส่วนเธอที่จำอะไรไม่ได้และบอกตัวเองเสมอว่าอยู่กับปัจจุบันมีเพียงความรู้สึกเดียวก็คือเหมือนรอใครสักคน ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธออยู่นี่ไม่ได้ตามแม่ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่ต่างประเทศ หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา ตอนนี้เธอควรจัดการเรื่องของตัวเองดีกว่า หยุดงานเขียนไปหลายวัน รายได้ก็หดหาย มีเรื่องให้สะสางอีกมาก เธอไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเขานี่ยังไงก็ต้องทำงานหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเหมือนเดิมนั้นแหละ ชีวิตปกติของย่าหยาคือเขียนนิยายอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมของตัวเอง นานๆ จึงจะออกจากบ้านไปเปลี่ยนบรรยากาศสักครั้ง หรือไม่ก็ไปซื้อของใช้เข้าบ้านสัปดาห์ละหน ส่วนอาหารการกิน เธอกินง่ายอยู่ง่าย ถ้าไม่สั่งแบบเดริเวอรี่ก็ซื้ออาหารแช่แข็งมาใส่ตู้เย็น