แชร์

ตอนที่2. พายุ

            “ให้หนูช่วยนะคะ”  ย่าหยารีบเดินตามยายละเอียด บ้านทรงไทยของภาคกลางจะมีหน้าต่างหลายบาน กว่าจะเสร็จเธอก็โดนน้ำฝนสาดใส่จนเสื้อผ้าเปียกชื้นไปหมด

            “แย่แล้วๆ หนูไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า อยู่แบบนี้จะเป็นหวัดเอา”

            “หนู...”  เธอกอดอกยกมือขึ้นถูกแขนไปมาเพราะเริ่มหนาว

            “ถ้าไม่รังเกียจเอาเสื้อผ้าของยายไปใส่ก่อนนะ อย่าใส่เสื้อเปียกๆเลย จะไม่สบายเอา”

            ย่าหยาพยักหน้ารับ ปากเริ่มสั่นเพราะความหนาว หญิงสาวเดินตามร่างของหญิงชรา แม้ภายนอกมองเห็นเป็นบ้านทรงไทยโบราณ แต่ด้านในทันสมัยครบครันด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จัดวางอย่างลงตัว ยายละเอียดเดินนำไปที่ห้องหนึ่ง

            “นี่เป็นห้องรับรองแขก มีห้องน้ำในตัว หนูใช้ห้องนี้ได้ เดี๋ยวยายจะเอาเสื้อผ้ามาวางไว้ให้”

            “ลำบากคุณยายแล้ว”

            “ไม่เป็นไรๆ ไปเถอะรีบไปอาบน้ำเสียก่อน”

            ย่าหยาก้าวเข้าไปด้านใน สายตาสะดุดที่เตียงสี่เสาแบบโบราณมีม่านมุ้งสีขาวเข้ากับผ้าปูที่นอนลูกไม้นั้น เธอเดินเลยไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านใน มีผ้าขนหนูและเครื่องใช้ทุกอย่างครบครันราวกับห้องนี้มีคนอยู่ประจำ  เจ้าของบ้านอาจมีแขกมาบ่อยจึงเตรียมไว้พร้อมสรรพเช่นนี้  หญิงสาวถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกหมดแล้วเปิดน้ำอุ่นรินรดร่างที่หนาวสั่น เธอไม่ชอบอากาศเย็นชื้นนักพาลจะทำให้ภูมิแพ้กำเริบ น้ำอุ่นช่วยขับไล่ไอเย็นออกไปทำให้เธอรู้สึกสบายมากขึ้น เธอหยิบผ้าขนหนูมาพันรอบกายเปลือยเปล่าแล้วเดินออกมาก็พบว่าบนเตียงมีชุดเสื้อผ้าฝ้ายวางอยู่ เป็นเสื้อแขนกุดกับผ้านุ่งสำเร็จ เธอหยิบออกมาดูอย่างขัดเขินเพราะไม่คุ้นกับการใส่ผ้าถุงนัก

            “เรามาทำให้คุณยายลำบากเลย”  ย่าหยาพึมพำเมื่อเห็นว่าที่โต๊ะข้างเตียงมีถาดวางถ้วยน้ำชาอุ่นๆ เธอยกขึ้นมาดมได้กลิ่นหอมของดอกไม้ “ชาดอกมะลิแน่ๆ”

            หญิงสาวยกถ้วยน้ำชาดอกไม้ขึ้นมาดื่ม น้ำอุ่นร้อนกำลังพอดีและกลิ่นหอมละมุ่นทำให้ร่างกายผ่อนคลายลงไปมาก นอกจากไล่ไอเย็นแล้วเธอยังรู้สึกว่าความเคร่งเครียดที่สะสมมาหลายเดือนเบาบางลงไป มือเรียววางถ้วยน้ำลงที่โต๊ะข้างเตียง  เธอเดินกลับไปที่เตียงเพื่อหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาจะสวมใส่

จู่ๆ ก็รู้สึกร่างกายเบาหวิวจนต้องนั่งลงบนเตียงหนานุ่ม ความง่วงงุนจู่โจมจนดวงตาแทบลืมไม่ขึ้น ร่างทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงจนทิ้งตัวลงบนที่นอน กลิ่นหอมหวานของดอกไม้อบอวลไปทั่วไป ขณะที่เข้าสู่ห้วงนิทรา เธอรู้สึกถึงปลายนิ้วแตะที่แก้มเบาๆ แม้พยายามฝืนลืมตาขึ้นมองก็เห็นเพียงเงารางๆ ของผู้ชายคนหนึ่ง.

            ปลายนิ้วที่สัมผัสใบหน้ารบกวนการหลับใหลทำให้หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งจึงรู้ว่ามีดวงตาคมปลาบคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ ลมหายใจอุ่นร้อนที่ปะทะผิวแก้มทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน  ย่าหยาตื่นตกใจพยายามขยับตัวหนีแต่แขนสองข้างถูกกดลงข้างตัว

            “จะดิ้นหนีไปทำไมเล่า อุตส่าห์ปีนขึ้นเตียงฉันได้แล้วนี่”

            “!”

            ดวงตากลมเบิกกว้าง เธออ้าปากจะปฏิเสธแต่กลับไม่มีเสียงออกมา ทำไมจู่ๆ เธอเปล่งเสียงไม่ได้!

            บุรุษหนุ่มเห็นหญิงสาวตื่นกลัวแต่เขากลับกระตุกยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มของเขายิ่งทำให้หญิงสาวยิ่งพยายามขยับตัวให้ดิ้นหลุดจากพันธนาการ  เขาก้มมองร่างเล็กที่ดิ้นไปมาพลางโน้มหน้าลงหมายจะหยอกล้อแต่ใบหน้าหวานเบือนหน้าหลบทำให้ปลายจมูกของเขาสัมผัสแก้มเนียนนุ่ม กลิ่นหอมละมุนชวนให้ดอมดมทำให้ชายหนุ่มไม่อาจยั้งใจได้

            “ปะ...ปล่อย...”

            “หือ?” เขาได้ยินเสียงไม่ชัดนัก มันแผ่วเบาจนเหมือนเสียงครางเสียมากกว่า

            “ปล่อย...ฉัน”

            ย่าหยาเค้นเสียงออกมาจนได้ แต่มันเบาเสียงจนเธอเองก็แทบไม่ได้ยิน แต่กระนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายหยุดชะงักไป หญิงสาวอาศัยจังหวะนี้หันมากัดใบหูอีกฝ่ายเต็มแรง

            “โอ๊ย!”

            เพราะโดนจู่โจมไม่ทันตั้งตัวทำให้บุรุษร่างใหญ่ถึงกับผงะปล่อยมือจากข้อมือเรียวเล็ก ย่าหยารีบพลิกตัวหนีแต่เพราะรีบร้อนจนเกินไปทำให้เธอตกเตียงดังตุ๊บ! พร้อมกับเสียงร้องเจ็บปวด

            “นี่ เธอ!”  ชายหนุ่มยันกายขึ้นแล้วลงจากเตียงหวังจะไปช่วยหญิง  แต่ภาพที่เห็นคือผ้าแถบที่รัดรอบอกคลายออกจนเห็นปลายถันสีหวานชูชันท้าทายสายตา

            “!” 

ย่าหยามองตามสายตาตกตะลึงก็พบว่าตนเองแทบจะเปลือยหน้าอกให้เขาดูแล้ว เธอหันซ้ายหันขวาเห็นชายผ้าห่มแพรห้อยอยู่ข้างเตียงจึงรีบคว้ามันมาคลุมร่าง  

            “ย่าหยา! ย่าหยาอยู่ไหน! ย่าหยา!”

            เธอได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเธอ แม้จะไม่คุ้นกับเสียงเรียกนั้นแต่ก็ทำให้ย่าหยาตัดสินใจวิ่งออกไปจากห้องนี้ทันที  ทว่าเมื่อก้าวพ้นธรณีประตูก็ต้องตกใจ เธอไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน หรือว่าเธอถูกลักพาตัวมา

            “นี่! จะออกไปแบบนั้นไม่ได้นะ”

            ย่าหยาสะดุ้งสุดตัว เธอหันไปเห็นผู้ชายคนนั้นเต็มตา ตัวเขาสูงใหญ่ผิวสีเข้มและเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพราะเขาไม่ได้สวมเสื้อ! ทำให้เธอตัดสินใจวิ่งไปตามเสียงเรียกที่ได้ยิน  เท้าเปลือยเปล่าวิ่งออกมาจากบ้านทรงไทย พื้นหญ้าอ่อนนุ่มและชุ่มชื้นทำให้รู้ได้ว่านี่เป็นของจริง ไม่ใช่ความฝัน

            “ย่าหยา!”   

หญิงสาวในชุดผ้าแถบคาดอกและนุ่งผ้าโจงกระเบนเมื่อเห็นร่างเล็กถลาออกมาจากเรือนไม้ก็ยื่นมือไปโอบร่างนั้นไว้ในอกอย่างปกป้อง โดยไม่ทันสังเกตว่าคนในอ้อมกอดมีสีหน้าเช่นไร

            “น้องไปไหนมา พี่ตามหาเสียทั่ว” หญิงสาววัยประมาณยี่สิบสองบ่นแล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้าของอีกฝ่าย “เหตุใดซุกซนถึงเพียงนี้  เอาผ้าห่มมาคลุมกายทำไมเล่า”

            หญิงสาวมึนงงสับสนไปหมด ผู้หญิงคนนี้เรียกเธอว่า ‘ย่าหยา’ แต่เธอกลับไม่รู้จัก ซ้ำยังทำเหมือนเป็นพี่สาวเธอด้วยซ้ำ แต่เธอเป็นลูกคนเดียว พลันจู่ๆ หัวสมองเหมือนมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากถาโถมเข้าใส่ เธอปวดศีรษะจนต้องยกมือขึ้นกุม

            “ย่าหยา! น้องเป็นอะไร! ไม่สบายตรงไหนบอกพี่สิ”

            “ปะ...ปวด...หัว...”

            น้ำเสียงแห้บแห้งพยายามเปล่งเสียงออกมา ย่าหยาปวดศีรษะจนแทบจะเป็นลม สองขาไร้เรี่ยวแรงทรุดฮวบลงไป

            “ว้าย!”  หญิงสาวผู้นั้นร้องเสียงร้องรีบประคองร่างน้อยไว้แต่ไม่อาจมีเรียวแรงพอจะอุ้มได้ เธอเงยหน้าขึ้นหมายจะส่งเสียงขอความช่วยเหลือ แต่ร่างสูงใหญ่ก้าวพรวดเข้ามาช้อนร่างของย่าหยาขึ้นอุ้มอย่างรวดเร็วและทำเหมือนกับว่าอุ้มแมวน้อยตัวหนึ่ง

            “คุณสินธุ์”

            “หล่อนเป็นน้องสาวของเธอรึ”  

            “เจ้าค่ะ ย่าหยาน้องสาวของอิชั้นเอง”

            “เช่นนั้นฉันจะพาไปส่งที่เรือน”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status