“คุณพี่ คุณพี่เจ้าขา”
“ชอบหรือไม่”
“เบาหน่อยเจ้าคะ อื้อ คุณพี่...อิชั้น...ไม่ไหว”
“ทนอีกหน่อย พี่ใกล้แล้ว โอ้ววว”
นั้นเป็นเสียงที่ดังมาจากห้องข้างๆ ซึ่งย่าหยาเข้าใจดีว่าเกิดกิจกรรมอะไรในห้องนั้น แต่ไม่คิดว่าหลวงพิชัยที่ดูเงียบขรึมและใจดีจะร้อนแรงขนาดทำให้พี่สาวร้องครวญครางเกือบทั้งคืน ซ้ำรุ่งเช้ายังได้ยินอีกรอบด้วย ยังดีที่คุณหลวงมาหาพี่ยี่สุ่นวันเว้นสองวันเพราะเกรงใจคุณช้อย ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ได้หลับสนิทเป็นแน่ แต่พี่สาวของเธอตื่นมาหน้าตาแช่มชื่นในขณะที่เธอนอนหลับไม่สนิทเพราะได้ยินเสียงครวญครางรบกวนทั้งคืน แต่พี่แจ่มดูไม่ทุกข์ร้อนสักนิด คงมีแต่เธอที่ยังไม่ชินสินะ แม้ยังไม่เคยมีคนรักแต่รู้เรื่องระหว่างชายหญิงดี และพอเข้าใจได้ว่าผู้หญิงในยุคนี้ต้องพึ่งพาสามี ถ้าไม่ได้รับความรักความโปรดปรานก็จะใช้ชีวิตอยู่ยาก
แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังอยากกลับบ้านอยู่ดี
มาอยู่ที่นี่ครบสัปดาห์แล้ว เธอยังหาวิธีกลับบ้านไม่ได้ เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่าอะไรทำให้เธอมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ นับว่าเธอยังโชคดีที่มาอยู่ในร่างที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินๆทองๆ มีที่ซุกหัวนอน อาหารกินอิ่มทั้งสามมื้อ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ที่สำคัญมีพี่สาวที่รักใคร่เอ็นดูเธอมาก ส่วนคุณช้อยภรรยาเอกของคุณหลวงก็มีเมตตากับพี่สาวและเธอไม่น้อย ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลใจว่าจะมีปัญหา ‘เมียหลวง-เมียน้อย’ อย่างที่เคยอ่านในนิยายหรือดูซีรีย์มา จะว่าไปก็มีอีกวิธีหนึ่งที่เธอคิดมาหลายตลบแต่ยังไม่เคยลองทำ หลายวันมานี้เธอไม่เห็นหน้าผู้ชายที่ชื่อสินธุ์คนนั้น เธอได้ยินพวกบ่าวสาวๆ พูดคุยกัน คุณสินธุ์เป็นมหาดเล็กหลวง ทำงานรับใช้พระองค์ท่านตามแต่จะบัญชา ไม่ค่อยได้กลับเรือนนัก พวกบ่าวรับใช้ก็หวังจะได้เป็น ‘เมียบ่าว’ อย่างน้อยฐานะความเป็นอยู่ก็ดีกว่าเป็นบ่าวรับใช้เช่นนี้
‘ไม่เห็นหล่อตรงไหน’
ย่าหยาแอบเบ้ปากใส่เวลาได้ยินบรรดาบ่าวรับใช้พูดถึงคุณสินธุ์แถมยังพร่ำพรรณนาถึงความหล่อเหลาองอาจ เอาเถอะ รสนิยมของแต่ละยุคไม่เหมือนกัน เธอจะไปดูแคลนความคิดใครไม่ได้หรอก ว่าแต่...ไม่เห็นคนนั้นกลับเรือนมาหลายวันแล้ว หลายคนพูดว่าบางครั้งบางคราวก็หายหน้าไปเดือนสองเดือนก็มี เธอฉวยโอกาสที่เขาไม่อยู่ไปที่เรือนของเขาคงไม่เป็นไรนะ
“คุณย่าหยาจะไปไหนเจ้าคะ” แจ่มที่กำลังปักผ้าเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำท่าจะลุกไปนอกเรือน
“ปะ..ไป...ไป กะ...เก็บ..ดอกไม้...” ระยะนี้เธอฝึกพูดบ่อยๆ ทำให้น้ำเสียงดังขึ้นมาอีกนิด แม้จะพูดได้ไม่เป็นประโยคดีนักแต่ก็นับว่าดีกว่าวันแรกๆ อยู่มาก
“เก็บดอกไม้ตอนนี้รึเจ้าคะ” แจ่มแปลกใจอยู่บ้าง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็นับว่าอาการของย่าหยาดีขึ้นมาก แต่ก็มีบางอย่างที่รู้สึกว่าเปลี่ยนไป ไม่ชอบให้เธอคอยช่วยอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือไม่ชอบให้ใส่น้ำมันทาผม อาหารการกินก็เปลี่ยนไป ไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไรดี
“อืม” ย่าหยาพยักหน้ารับ ไม่ว่าจะทำอะไรยี่สุ่นจะให้แจ่มคอยตามประกบเธอตลอด ก็เข้าใจได้ว่าเป็นห่วง แต่เธอเคยชินกับการใช้ชีวิคคนเดียวมาตั้งนานนี่
“รอสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ แจ่มชุนผ้าใกล้เสร็จแล้ว”
“ไม่ ...ไม่” เธอโบกมือไปมา “จะ..ไป..เอง”
“ไปคนเดียวไม่ได้นะเจ้าคะ เกิดเป็นลมเหมือนครั้งก่อนจะทำอย่างไร”
“ไม่..ไม่เป็นลม”
“มีเรื่องอะไรรึ” ยี่สุ่นก้าวออกจากในห้องพร้อมผ้าไหมในอ้อมแขนเอ่ยถามบ่าวคนสนิท
“คุณย่าหยาสิเจ้าค่ะ อยากไปเก็บดอกไม้ อิชั้นบอกให้รอก่อน เพราะชุนผ้าใกล้เสร็จแล้ว แต่ก็อยากไปคนเดียว”
“อยู่แต่ในเรือนคงเบื่อแย่” ยี่สุ่นหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นผ้าส่งให้แจ่ม “น่าจะพอตัดเสื้อกับผ้านุ่งให้ย่าหยานะ เป็นสาวแล้วแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดี จะได้ไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงไปถึงคุณหลวง ผู้อื่นจะดูแคลนเอาว่าคุณหลวงกับคุณช้อยเลี้ยงดูคนไม่ดี”
“เจ้าค่ะ” แจ่มรับผ้าพับนั้นมาไว้
ยี่สุ่นหันมาคุยกับน้องสาว “เก็บดอกไม้อยู่บริเวณเรือนของเราได้ อย่าไปไหนไกล พี่จะเตรียมของว่างไว้ให้”
“อื้ม” ย่าหยาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแล้วถลาลงจากเรือนราวกับผีเสื้อตัวน้อย
“อย่าวิ่ง ประเดี๋ยวหกล้ม”
“คุณย่าหยาดูดีขึ้นมากเลยนะเจ้าค่ะ พยายามพูด พยายามดูแลตัวเองไม่อยากให้อิชั้นช่วยแล้ว”
“เห็นแบบนี้แล้ว ฉันก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี”
“แต่วันข้างหน้าถ้าคุณย่าหยาได้ออกเรือน คุณยี่สุ่นก็ตามไปดูแลไม่ได้แล้ว อย่างไรให้คุณย่าหยาฝึกทำอะไรๆ ด้วยตนเองอย่างนี้ก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”
“คิดเรื่องออกเรือนก็กลัวเหลือเกิน ฉันยังโชดดีได้เข้าเรือนคุณหลวง แม้จะเป็นเมียรองแต่คุณช้อยก็ใจกว้างมีเมตตาต่อฉัน พ่อแม่ของคุณหลวงก็ลาลับไปแล้ว ฉันไม่ต้องเจอปัญหากับแม่ผัว กลัวแต่ว่าถ้าย่าหยาออกเรือนไปจะเจอคนรังแกเอา”
“อย่าเพิ่งกังวลกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงเลยเจ้าค่ะ ถ้าคุณย่าหยาออกเรือนจริงๆ อิชั้นจะขอตามไปปรนนิบัติดูแลคุณย่าหยาเอง”
“ขอบใจนะพี่แจ่ม ฉันไม่เคยเห็นพี่เป็นบ่าวเลย พี่ดูแลฉันกับน้องและยังตามมาที่นี่อีก”
“อย่าพูดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ชีวิตอิชั้นมีวันนี้ได้ก็เพราะกำนันไม้ที่เมตตาช่วยเหลือมา และคุณทั้งสองก็ดูแลอิชั้นดีมากเหลือเกิน ไม่ได้ลำบากเช่นคนอื่นเขา แค่นี้อิชั้นก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรแล้วเจ้าค่ะ”
“พอแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว แจ่มชุนผ้าผืนนั้นเสร็จแล้วตามฉันไปที่ครัวใหญ่นะ ฉันจะไปดูเสียหน่อยว่าจะทำอะไรให้ย่าหยากินเป็นมื้อเที่ยง”
“เจ้าค่ะ”
มือเรียวเล็กคว้าตะกร้าติดมือมาด้วย เพราะเกรงว่าผู้อื่นจะรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจมาเด็ดดอกไม้ อาศัยว่าใครต่อใครคิดว่าเธอสติไม่ดีทำให้ไม่มีใครสนใจว่าเธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่เรือนสินธุ์ หญิงสาวกวาดตามองจนแน่ใจว่าไม่มีใครจึงทำตัวเป็นแมวขโมยเดินย่องๆ ขึ้นไปบนเรือน ได้ยินว่าคนผู้นี้รักสันโดษไม่ชอบให้มีบ่าวไพร่มารบกวน ในเรือนจึงไม่มีใครเฝ้า แต่คุณช้อยสั่งคนมาทำความสะอาดทุกเช้าเพราะไม่รู้ว่าเจ้าของเรือนจะอยู่หรือไปตอนไหน เธอเปิดประตูเข้าห้องนอนของเขา เตียงสี่เสาหลังใหญ่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง ข้าวของเครื่องใช้อยู่ครบครัน เธอวางตะกร้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง
ย่าหยานักเขียนสาวที่ขับรถออกมาหาแรงบันดาลให้งานเขียนชิ้นใหม่ หลังจากที่สมองตันคิดอะไรไม่ออกมาเป็นเดือนแล้ว เธอมีรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่อยู่หนึ่งคันที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง ปกติเธอทำงานอยู่ที่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปเจอผู้คนเท่าไหร่ ชีวิตเธอมีแค่งานกับงาน พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังเล็ก ย่าหยาอาศัยอยู่กับแม่จนเมื่อสองปีก่อนแม่พบรักใหม่กับหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติและย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศ เธออยากใช้ชีวิตที่เมืองไทยจึงไม่ได้ตามแม่ไปด้วย แท้ที่จริง เธอรู้สึกเหมือนเฝ้ารออะไรบ้างอย่าง หรือมีใครสักคนรอเธออยู่ “ว้าว บ้านหลังนี้สวยจัง อยู่ริมน้ำด้วย ขอถ่ายรูปเก็บไว้เขียนนิยายหน่อยนะ” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปบ้านไม้ทรงไทยริมแม่น้ำหลังหนึ่ง วันนี้ย่าหยารู้สึกเบื่อหน่ายจึงขับรถเล่นชานเมืองกรุงเทพฯ ปีนี้เธออายุยี่สิบสองปีแล้ว เธอเป็นนักเขียนอิสระทำงานด้านนี้มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนมีรายได้พอเลี้ยงตัวเองได้ ที่ สำคัญคือไม่มีภาระเหมือนคนอื่น พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังเล็ก ย่าหยามาอยู่กับแม่มาตลอด แต่เมื่อสองปีก่อนแม่พบรักใหม่กับชายชาวอเมริกาและย้ายไปอยู่ด้ว
“ให้หนูช่วยนะคะ” ย่าหยารีบเดินตามยายละเอียด บ้านทรงไทยของภาคกลางจะมีหน้าต่างหลายบาน กว่าจะเสร็จเธอก็โดนน้ำฝนสาดใส่จนเสื้อผ้าเปียกชื้นไปหมด “แย่แล้วๆ หนูไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า อยู่แบบนี้จะเป็นหวัดเอา” “หนู...” เธอกอดอกยกมือขึ้นถูกแขนไปมาเพราะเริ่มหนาว “ถ้าไม่รังเกียจเอาเสื้อผ้าของยายไปใส่ก่อนนะ อย่าใส่เสื้อเปียกๆเลย จะไม่สบายเอา” ย่าหยาพยักหน้ารับ ปากเริ่มสั่นเพราะความหนาว หญิงสาวเดินตามร่างของหญิงชรา แม้ภายนอกมองเห็นเป็นบ้านทรงไทยโบราณ แต่ด้านในทันสมัยครบครันด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จัดวางอย่างลงตัว ยายละเอียดเดินนำไปที่ห้องหนึ่ง “นี่เป็นห้องรับรองแขก มีห้องน้ำในตัว หนูใช้ห้องนี้ได้ เดี๋ยวยายจะเอาเสื้อผ้ามาวางไว้ให้” “ลำบากคุณยายแล้ว” “ไม่เป็นไรๆ ไปเถอะรีบไปอาบน้ำเสียก่อน” ย่าหยาก้าวเข้าไปด้านใน สายตาสะดุดที่เตียงสี่เสาแบบโบราณมีม่านมุ้งสีขาวเข้ากับผ้าปูที่นอนลูกไม้นั้น เธอเดินเลยไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านใน มีผ้าขนหนูและเครื่องใช้ทุกอย่างครบครันราวกับห้องนี้มีคนอ
‘คุณสินธุ์’ อุ้มร่างที่เบาหวิวตรงดิ่งไปที่เรือนจรุงจิตซึ่งเป็นเรือนที่ ‘หลวงพิชัย’ ยกให้เมียรองได้อยู่อาศัยนั้นก็คือ ‘ยี่สุ่น’ ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ราวๆ สิบวันแล้ว โดยมีบ่าวรับใช้ชื่อแจ่มและน้องสาวที่ได้ยินว่าสติไม่ค่อยดีชื่อย่าหยามาอยู่ด้วย ชายหนุ่มร่างกำยำอุ้มร่างเล็กที่ไม่มีแรงดิ้นรนขัดขืนมาถึงเรือนจรุงจิต บรรดาบ่าวรับใช้แตกตื่นแต่ไม่กล้าส่งเสียงพูดอันใด ได้แต่ก้มหน้าหลุบตาลงไม่กล้ามอง ‘เจ้านาย’ ยี่สุ่นที่วิ่งตามมารีบเดินไปเปิดประตูห้องเล็กซึ่งเป็นห้องของย่าหยาให้เขาเข้าไปเพื่อว่างร่างที่ไร้เรี่ยวแรงลงบนเตียง “ย่าหยา! เหตุใดเป็นเช่นนี้”ยี่สุ่นบีบมือน้องสาวที่รักราวกับเป็นลูกก็ว่าได้ เพราะมารดาตายจากไปตอนที่ย่าหยาอายุเพียงแปดขวบ นางเป็นพี่จึงเลี้ยงดูน้องคนนี้แทนมารดาทุกสิ่ง และเมื่อตนต้องแต่งงานออกเรือนมาเป็นเมียรองของหลวงพิชัย นางก็ขออนุญาตให้พาย่าหยามาด้วย เพราะที่บ้านไม่เหลือใครแล้ว หากนางไม่อยู่ก็ไม่มีใครดูแลย่าหยา ซึ่งหลวงพิชัยก็เมตตารับน้องสาวของนางมาอยู่ด้วย “แจ่มไปละลายยาหอมมาเร็วๆ แล้วให้คนไปตามหมอมาด้วย” “เจ้าค่ะคุณยี่สุ่น”
ย่าหยาอ้าปากแต่ไม่มีเสียง ยี่สุ่นที่นั่งอยู่ใกล้น้องจึงพูดแทน “ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ขอบพระคุณคุณช้อยที่ให้หมอมาตรวจอาการน้องสาวอิชั้นเจ้าค่ะ” “เห็นสองคนคอยดูแลกันเช่นนี้ ฉันก็สบายใจ” หลวงพิชัยพูดแล้วอดมองมาทางย่าหยาไม่ได้ ได้ยินว่าแม่เป็นคนจีนทั้งสองพี่น้องจึงผิวขาวผุดผ่อง แต่กลับมีดวงตากลมโตราวกับหยดน้ำวาวใส ท่าทีขี้อายปนประหม่าชวนมองยิ่งนัก “แล้วนี่พ่อสินธุ์ล่ะ กลับมาแล้วไม่ใช่รึ ไม่มากินข้าวกินปลาพร้อมหน้าพร้อมตากันบ้างหรือไร” หลวงพิชัยพูดขึ้นอย่างเพิ่งนึกได้ “มาแล้วขอรับ” เสียงดังขึ้นจากด้านหลังก่อนที่เจ้าของร่างกำยำจะเดินเข้ามานั่งรวมวงรับประทานอาหารเย็น “ฉันซ้อมดาบกับทิดจ้อยเหงื่อท่วมตัวเลยไปอาบน้ำก่อนมาที่นี่ก็เลยมาช้าไปสักหน่อย” สายตาคมปลาบจับจ้องมายังย่าหยา หญิงสาวหดคอด้วยความเคยชิน แต่นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนใจร้ายที่แกล้งเธอ จึงฝืนทำใจกล้ายืดแผ่นหลังตั้งตรงแล้วเชิดปลายคางขึ้น ชายหนุ่มมองแล้วกลั้นยิ้มขำ นึกถึงตอนที่หญิงสาวกลัวจนตัวสั่นแต่พยายามดิ้นรนสุดชีวิต ตอนนี้ก็ยังทำตัวเหมือนแมวน้อยขู่ฟ่อๆ ทั้งที่กล