มือเรียวเล็กคลำหากระเป๋าสตางค์อย่างลืมตัว แล้วก็นึกได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในปีพ.ศ.2567 ไม่มีทั้งกระเป๋าสตางค์และสมาร์ทโฟนสำหรับแสกนจ่าย ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ย่อมมองเห็นทุกอย่างเขาเป็นฝ่ายชิงจ่ายเงินค่าขนมน้ำตาลปั้นให้เธอเสียเอง
“ขอบคุณค่ะ” อย่างไรเขาก็เป็นคนจ่ายจะไม่ขอบคุณก็ไม่ได้ ประเดี๋ยวจะถูกตำหนิไปถึงพี่ยี่สุ่น ย่าหยาได้ขนมน้ำตาลปั้นรูปกระต่ายน้อยมาก็อ้าปากกัดส่วนใบหูเรียวยาวของกระต่ายน้อย
“อื้ม อร่อยจัง”
“อร่อยมากหรือเจ้าคะ” แจ่มอดถามไม่ได้
“อ๊ะ! ลืมซื้อให้พี่แจ่ม” ย่าหยาพูดอย่างเพิ่งนึกได้ แต่แจ่มโบกมือไปมา เมื่อครู่กำลังจะจ่ายเงินให้เพราะคุณยี่สุ่นฝากเงินให้นางเป็นคนถือเพราะเกรงว่าคุณย่าหยาจะทำหล่นหายหรือถูกล้วงกระเป๋า แต่คุณสินธุ์กลับเร็วกว่าจ่ายเงินให้ก่อน ช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ แค่เห็นคุณย่าหยากินก็อิ่มแล้ว”
“จะอิ่มได้อย่างไร” ย่าหย่าย่นจมูกแล้วก็พูดขึ้น “ประเดี๋ยวถ้าเจอขนมฝรั่งเราซื้อไปฝากคุณช้อยกับพี่ยี่สุ่นกันนะ”
ขนมไทยฝีมือแม่ครัวที่เรือนทำได้อร่อยเลิศรสอยู่แล้ว แต่ขนมฝรั่งคงไม่เคยได้กินกันมั้ง? หาพวกขนมปังขนมอบไปฝากดีกว่า
“ดีเจ้าค่ะ”
เพราะคนเริ่มหนาตาและหญิงสาวเอาแต่มองสิ่งของตามร้านรวงต่างๆ สินธุ์จึงต้องคอยเดินประกบกันไม่ให้ใครมาชนร่างเล็กได้ เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเธอพูดจาฉะฉานไม่ตะกุกตะกัก แม้ประโยคการพูดจะฟังแปร่งหูอยู่บ้างแต่ก็สื่อสารกันเข้าใจ ดูเหมือนเธอจะสนใจทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไม่กลัวที่จะถาม ผิดกับยามที่อยู่บ้านลิบลับ เขาก้มมองริมฝีปากช่างเจรจาที่อ้าปากกัดขนมน้ำตาลปั้นซึ่งทำให้ริมฝีปากของเธอเป็นมันวาว จู่ๆ เขาก็นึกถึงรสชาติหวานล้ำจากริมฝีปากสาวทำให้เขาเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ย่าหยาเผอิญหันมาเห็นเข้าก็เอ่ยปากถาม
“หิวน้ำเหรอ? เรา..เราหาร้านน้ำชาหรือร้านน้ำดื่มดีไหม” ย่าหยาไม่แน่ใจว่ายุคนนี้เรียก ‘คาเฟ่’ ว่าอะไร
พอได้ยินว่า ‘น้ำชา’ แจ่มก็ผลันคิดถึง ‘โรงน้ำชา’ ทำให้สีหน้ากระอักกระอ่วน เห็นทีว่ากลับเรือนแล้วคงต้องสอนเรื่องที่ไม่ควรพูดอย่างนี้
“มีร้านน้ำชาไม่ไกลนี่” ผู้คนพลุกพล่านเขาเกรงว่าจะผลัดหลงจึงคว้ามือเรียวเล็กมาจับไว้ “ประเดี๋ยวหลงทางกันจะหาลำบาก”
“เช่นนั้นก็จับมือพี่แจ่มด้วย เดี๋ยวพี่แจ่มหลงทาง”
“แจ่มไม่หลงทางเจ้าค่ะ อิชั้นจะเดินตามติดไม่ห่างเจ้าค่ะ” แจ่มรีบพูดขึ้นแอบยิ้มในใจ ออกมาข้างนอกอย่างนี้ดีเหลือเกิน คุณย่าหยาก็พูดจาคล่องขึ้นซ้ำคุณสินธุ์ยังดูแลใกล้ชิดทะนุถนอมอีกด้วย
สินธุ์พาย่าหยาและแจ่มมาที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง เขามาที่บ่อยครั้งเพื่อดื่มชาและสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดกับสหาย ในร้านเปิดเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง เขาเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่งซึ่งย่าหยาก็นั่งด้วยท่าทีเรียบร้อยสำรวมกิริยาในขณะที่แจ่ม กลายเป็นฝ่ายเงอะงะเสียเอง
“ไม่ต้องเกร็งพี่แจ่ม คิดว่ามากินขนมนอกบ้าน” เธอตบหลังมืออีกฝ่ายแล้วส่งยิ้มกว้างให้สินธุ์ “มาบ่อยเหรอคะ”
“อืม” เขาพยักหน้ารับแล้วนั่งลง
“ที่นี่บรรยากาศดีนะคะ พาสาวมาออกเดตเหรอ”
“เหลวไหล” สินธุ์ทำตาดุใส่ “ไปจำเรื่องพรรค์นี้มาจากที่ใด”
ย่าหยายิ้มทะเล้นใส่ “อ่านเจอในหนังสือ”
เขาส่ายหน้าไปมา “มาดื่มน้ำชาแล้วก็คุยกับสหายที่นี่บ่อยๆ”
“ดีจัง” เธอยิ้ม “อ้อ!ที่นี่มีน้ำมะเน็ดหรือLemonadeไหมคะ ฉันอยากลองชิมสักครั้ง”
“น้ำอะไรนะเจ้าคะ” แจ่มถาม
“น้ำมะเน็ด น้ำมะนาวโซดา แต่ไม่ใช่มะนาวจริงๆหรอก”
สินธุ์เลิกคิ้วเล็กน้อยแต่สั่งเครื่องดื่มให้เธอมาลองชิม ส่วนเขาสั่งน้ำชามาดื่มเหมือนเคย ขวดแก้วรูปร่างแปลกตาสำหรับแจ่ม แต่ย่าหยามองด้วยรอยยิ้มนึกถึงน้ำอัดลมแบบขวดแก้วซึ่งไม่ค่อยเห็นแล้ว เธอลองจิบคำเล็กๆ ก่อนจะดื่มอีกหลายอึก ได้ดื่มน้ำอัดลมก็ช่วยคลายความคิดถึงบ้านในปีพ.ศ.2567ได้บ้าง แต่แจ่มกลับทำหน้าเหย่เก น้ำอะไรไม่รู้ ไม่เห็นอร่อยเลยสักนิด
“หิวไหม ฉันสั่งแซนวิชให้แล้วนะ”
“สั่งแล้วจะถามทำไม” เธอยิ้มขำ แล้วกวาดตามองไปรอบๆ ต่างคนต่างพูดคุยกันไม่ดังนักและแต่งกายทันสมัย เธอเพิ่งสังเกตว่าคุณสินธุ์ตัดผมสั้นรองทรงตามแบบฉบับนักเรียนนอก เขาดูง่ายๆ สบายๆ ไม่เหมือนคุณหลวงพิชัยที่เนี้ยบทุกตารางนิ้ว
“หน้าฉันมีอะไรติดรึ” เขาถามเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยจ้องมองอย่างไม่เกรงมารยาท
“คุณสินธุ์ก็หน้าตาไม่เลว ไม่มีแฟนเอ่อ...คนรักหรือคะ”
“แค่กๆ” สินธุ์สำลักน้ำชากะทันหัน “ไปจำคำพูดพวกนี้มาจากไหน อะ อย่าบอกว่าอ่านมาจากในหนังสืออีกนะ”
“ก็ต้องจากในหนังสืออยู่แล้ว” ช่วยไม่ได้นะ เธอไม่มีข้ออ้างอะไรอีกแล้ว
“แก่แดด”
เขาต่อว่าไม่จริงจังนัก บางครั้งก็ดูไร้เดียงสา บางคราวคล้ายซ่อนเล่ห์พรายที่เขาไม่อาจคาดเดา พูดจาเหมือนรู้ดีเรื่องระหว่างชายหญิงแต่รสจูบไม่ประสีประสานั้นก็ย้ำว่าอ่อนด้อยเรื่องพรรค์นี้นัก.
ย่าหยากินขนมเค้กรสชาติคุ้นลิ้น วัฒนธรรมช่วงนี้ส่งต่อถึงยุคปัจจุบันทำให้เธอรู้สึกราวกลับได้กลับบ้านอีกครั้ง แต่ก็นั้นแหละ ความจริงก็คือความจริง เธอยังติดอยู่ในช่วงปี ร.ศ.117 ห่างกันประมาณร้อยกว่าปี หญิงสาวยังอยากเดินเที่ยวต่อแต่ดูท่าทางแจ่มจะไม่ไหว ยังดีที่พกยาหม่องมาแก้วิงเวียน วันนี้ถือว่าได้มาเปิดหูเปิดตา วันหน้าต้องมาใหม่แน่นอน
“ฉันจะไปห้องสุขา ประเดี๋ยวเราก็กลับกันเลยนะคะ” ย่าหยาพูดหลังจากจัดการขนมตรงแล้วและสั่งขนนฝรั่งกลับบ้านด้วย
“ไม่อยากไปเที่ยวที่อื่นอีกหรือ?”
“อยากไปค่ะ แต่...วันหลังดีกว่า หรือว่าคุณสินธุ์ไม่อยากพาฉันมาแล้ว”
“ได้สิ เอาไว้วันหยุดของฉัน ฉันจะพาเธอไปเที่ยวเอง”
“สัญญานะ!” เธอยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้า อีกฝ่ายยิ้มขำไม่ยอมเกี่ยวก้อยด้วย
“ไม่ใช่เด็กไม่ต้องเกี่ยวก้อยก็ได้”
“แต่ว่า...ถ้าไม่เกี่ยวก้อยสัญญาก็แสดงว่าไม่รับคำสัญญาสิ”
“ไม่เชื่อใจฉันรึ”
เขาจ้องหน้าเธอนิ่งๆ ครู่หนึ่งย่าหยาพลันนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ใบหน้าหวานก็เห่อร้อนขึ้นมา เธอชักมือกลับแต่เขาเร็วกว่ายื่นมือไปเกี่ยวนิ้วก้อยของเธอ
“ฉันสัญญา” ปลายนิ้วก้อยเกี่ยวกันเล็กน้อยแต่ราวกับเส้นด้ายที่มองไม่เห็นพันเกี่ยวเหนียวแน่น แม้เป็นระยะเวลาแสนสั้นแต่ราวกับทุกอย่างเหนี่ยวรั้งหัวใจสองดวงไว้ เขาปล่อยมือและเธอดังมือกลับพลางยกมือขึ้นแตะเรือนผมแก้เขินก่อนจะพยักหน้ากับแจ่มชวนกันไปห้องสุขา เมื่อสองสาวต่างวัยจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ แจ่มก็อดหยอกเจ้านายไม่ได้ “ไม่ยักรู้ว่าคุณย่าหยาสนิทกับคุณสินธุ์” หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยแล้ว “มะ..ไม่..ไม่ได้สนิท เอ่อทุกคนก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” “ไม่นะเจ้าค่ะ นอกจากคุณหลวงพิชัยกับคุณช้อยแล้ว แจ่มก็ไม่เคยเห็นคุณสินธุ์คุยเล่นหยอกล้อกับใคร “เขาคงเอ็นดูฉันมั้ง?” ถ้าอยู่ในยุคของเธอ เธอจัดว่าเขาเป็นเพลย์บอยตัวพ่อได้เลยล่ะ มือไว จูบเร็ว ตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว แจ่มได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไรอีกเพราะเกรงเจ้านายจะเขินอาย ให้เป็นแบบนี้นั้นแหละ ดีแล้ว เมื่อย่าหยาเดินกลับมาก็เห็นมีคนมานั่งเพิ่ม เป็นชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับคุณสินธุ์ ราวกับรู้ว่าถูกมองจึงย้ายสายตามาทางเธอแล้วลุกขึ้นยืนก้มศีรษะให้เล็กน้อย แต่เธอย
สัมผัสแผ่วเบาจะปลุกให้คนที่หลับใหลลืมตา ดวงตากลมปรับสายตาครู่หนึ่ง เธออยู่บนเตียงสี่เสาแบบโบราณ ร่างอ่อนเปลี้ยค่อยๆ ยันกายขึ้นจากเตียงนอน นี่แหละนะ ที่คนโบราณบอกว่าอย่านอนทับตะวัน ทว่าเมื่อตั้งสติได้เธอกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป หญิงสาวกวาดตามองรอบตัว คราวนี้เธอเห็นเงาร่างของผู้ชายคนหนึ่งยืนกอดอกพิงกรอบหน้าต่างอยู่ ย่าหยาจ้องชายคนนั้นรู้สึกคุ้นตาแต่กลับนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร “ตื่นแล้วเหรอครับ” “คะ?” ย่าหยายังงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก ทว่าเมื่อเขาขยับตัวสาวเท้าเข้ามาช้าๆ เธอก็เผลอก้มมองตัวเองพบว่าสวมเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ นี่มันชุดคลุมอาบน้ำ “คุณ...คุณเป็นใครคะ” เธอกระถดตัวถอยหนีแต่จู่ๆ ก็รู้สึกมึนศีรษะจึงหลับตาลง คล้ายได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ “ขอโทษที่ทำให้ตกใจ แต่ผมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ แล้ว เอ่อ...รถคุณสตาร์ทไม่ติดแถมฝนก็ตกหนักด้วย ยายละเอียดเลยเปิดห้องรับรองแขกให้คุณมาใช้ชั่วคราวแล้วคุณก็หลับไป” “คะ?” ย่าหยาฟังที่เขาพูดแล้วก็คิดต
เขารู้ว่าเอาแต่มองอีกฝ่ายจะทำให้เธอหวาดระแวงจึงก้มกินข้าวต้มในชามของตัวเอง แล้วพูดเรื่องอื่นให้เธอผ่อนคลาย“รถของคุณ พรุ่งนี้เช้าผมจะดูให้นะครับ”“ขอบคุณค่ะ ฉันมาสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของบ้านแท้ๆเลย” เพราะความหิวและความอร่อยทำให้เธอกินข้าวได้มาก อย่างไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน เธอเป็นคนไม่ชอบทำอาหารแต่มีความสุขกับการได้กินของอร่อยนี่แหละ“คงมีอะไรดลใจให้เราได้เจอกัน”“คะ?” มัวแต่ชื่นชมของอร่อยจึงไม่ทันฟังที่เขาพูด“ผมบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ” เขายิ้ม “คุณ...”“อ้อ! ฉันลืมแนะนำตัวไป ฉันชื่อย่าหยาค่ะ เป็นชื่อดอกไม้” เธอพูดแล้วยกแก้วน้ำขึ้นจิบเล็กน้อย “ข้าวต้มปลาอร่อยมากเลยค่ะ ไม่คาวเลยสักนิด ใส่กระเทียมเจียวแบบนี้ด้วย อร่อยมากๆเลย”‘ย่าหยา...ชาตินี้ก็ชื่อเดียวกับชาติก่อนหรือ?’“ป้าละเอียดทำกับข้าวเก่งครับ ผมก็โตมาเพราะอาหารฝีมือป้าละเอียด”“ฉันชอบกินของอร่อยๆค่ะ แต่ไม่ชอบเข้าครัว” เธอยิ้มทะเล้นเขาพยักหน้ายิ้มๆ ชาติก่อนเธอก็ชอบกินของอร่อย ถ้าได้กินของถูกปากก็จะยิ้มอย่างมีความสุขเสมอ และเรื่องเข้าครัวต้องบอกเลยว่า เธอเคยเกือบทำไฟไหม้ห้องครัวมาแล้ว ทุกคนจึงขอร้องไม่ให้เธอเข้าไปทำอาหารอีกหลั
สินธุ์เห็นไม่มีใครแล้วจึงเดินเข้ามาใกล้แล้วนั่งลงริมเตียง พิศมองใบหน้าหญิงสาวที่ยังซีดเซียวอยู่ “จำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ รึ” “อืม” เธอพยักหน้ารับ “ทำไมฉันเป็นไข้ได้ล่ะ แล้วพี่แจ่มบอกว่าฉันตากฝน” “เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ เธอจำไม่ได้ก็ดีแล้ว “แล้วจำได้หรือไม่ว่าไปเรียนหนังสือที่เรือนฉันทุกวัน” ย่าหยานิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ คล้ายความทรงจำค่อยๆ หวนคืน ถ้า...ถ้าไม่ได้ฝันล่ะ เธอหลับและตื่นไปในปีพ.ศ.2567จริงๆล่ะ “คุณสินธุ์บอกว่าฉันไปเรียนหนังสือกับคุณสินธุ์หรือคะ” เธอถามเพื่อความแน่ใจ “ใช่...” เขาตอบแล้วเม้มปากจนเรียบตึงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เธอไม่ได้สติเพราะพิษไข้ รู้ตัวหรือไม่ว่าพูดจาแปลกประหลาดชอบกล” “แปลกยังไงคะ?” เขาจ้องหน้าเธอนิ่งๆ ก่อนตัดสินใจพูดออกไป “เธอพูดถึงเรื่องในอีกร้อยปีข้างหน้า” “หา!” ย่าหยาตกใจ ตอนที่ยังมีสติครบถ้วนเธอจะระวังไม่พูดเรื่องเหล่านี้เพราะเกรงว่าคนอื่นจะมองว่าเธอวิปลาสเอานะสิ เส
เธอไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ แค่เค้นสมองพยายามนึกถึงในหนังสือเรียนเอ่ยถึงเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างก็ปวดหัวแทบแย่แล้ว เธอก็ไม่ใช่นักเขียนแนวพีเรียดเสียด้วย คลังข้อมูลก็น้อยไปอีก เธอมันสายฟิลกู๊ด สุขนิยมจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งตลอด ว่าแล้วเจ้าของร่างอรชนก็ทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนเตียงของผู้อื่น เธอปิดเปลือกตาพลางระบายลมหายใจออกทางปาก เรื่องราวในโลกนี้มีมากมายที่ไม่อาจหาเหตุผลมาอธิบายได้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยเหตุใด สายลมพัดผ่านแผ่วเบาหอมเอากลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆ เข้ามาในห้อง คล้ายกึ่งหลับกึ่งตื่น จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่ริมฝีปากจนต้องลืมตาขึ้น ยกมือขึ้นปัดปายไปมาแต่ข้อมือสองข้างกลับถูกรวบขึ้นไว้เหนือศีรษะ หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก ลมหายใจร้อนระอุเจือกลิ่นสุราเป่ารดผิวแก้ม ดวงตาคมวาวจ้องมองราวกับจะกลืนกินเธอทั้งเป็น ร่างเล็กตื่นตระหนกพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่มือใหญ่เพียงข้างเดียวที่ตรึงข้อมือเธอไว้นั้นก็แสนแข็งแกร่งและผ่าวร้อนราวกับคีมเหล็กที่นาบไฟย่าหยาพยายามเพ่งตามอง เจ้าของดวงตาดุจลูกไฟนี้คือใบหน้าของสินธุ์ แต่ชายตรงหน้ากลับมีแววตาดุดันน่ากลัว
คุณาสินยิ้มเล็กน้อย “เพราะสมุดบันทึกของคุณ กลายเป็นของขวัญที่แสนพิเศษ ผมไม่ได้ให้คนอื่นเห็นเพราะเกรงว่าพวกเขาไม่เข้าใจจะคิดว่าคุณเป็นแม่มดหมอผี ผมจึงเก็บไว้และใช้เป็นแนวทางในการสร้างความมั่นคงของตระกูล ผมเชื่อว่าตัวผมต้องมาเกิดใหม่วนเวียนในสกุลเดิม ผมหวังว่าวันหนึ่งเราจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ เสียที” ย่าหยาพยักหน้ารับ ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ พยาบาลก็เข้ามาในห้องเช็กอาการต่างๆ หญิงสาวจึงเอ่ยถาม “ฉันต้องนอนโรงพยาบาลอีกนานแค่ไหนคะ” “อาการโดยรวมดีขึ้นมากแล้ว ยังไงรอให้คุณหมอมาตรวจซ้ำอีกครั้งนะคะ” คุณพยาบาลส่งยิ้มให้ “แฟนคุณดูแลดีขนาดนี้ ได้ยาดีแบบนี้ต้องหายเร็วแน่นอนค่ะ”“แฟน...” “ขอบคุณครับ” ย่าหยารอจนพยาบาลสาวออกไปแล้วก็หันไปทำตาดุใส่ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเตียงคนป่วย “คุณบอกคนอื่นว่าเราเป็นแฟนกัน?” “ก็ผมเป็นคนพาคุณมาโรงพยาบาล แล้วผมคิดไปเองว่าคุณไม่มีญาติที่ไหนและคงไม่อยากให้คุณแม่ของคุณกังวลใจ ผมเลยแจ้งกับทางโรงพยาบาลว่าผมเป็นแฟนคุณ” ย่าหยาอยากจะต่อว่าแต่พอคิดว่าพูดไปก็คงเท่านั้น เธอกวาดตามองโดย
คุณาสิน... ชื่อของเขาทำให้เธอพลิกตัวขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปหยิบโน้ตบุ๊กมาเปิดแล้วค้นหาประวัติของผู้ชายคนนั้น แล้วเธอก็อ้าปากค้าง เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด ไม่ใช่เจ้าของบ่อน้ำมันแต่ทำธุรกิจด้านพลังงานทางเลือกอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งที่อายุเพิ่งจะยี่สิบแปดเท่านั้น นามสกุลของเขายังเป็นนามสกุลเดิม เขายังคงเวียนว่ายในห้วงกรรมของตนละมั้ง? ส่วนเธอที่จำอะไรไม่ได้และบอกตัวเองเสมอว่าอยู่กับปัจจุบันมีเพียงความรู้สึกเดียวก็คือเหมือนรอใครสักคน ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธออยู่นี่ไม่ได้ตามแม่ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่ต่างประเทศ หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา ตอนนี้เธอควรจัดการเรื่องของตัวเองดีกว่า หยุดงานเขียนไปหลายวัน รายได้ก็หดหาย มีเรื่องให้สะสางอีกมาก เธอไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเขานี่ยังไงก็ต้องทำงานหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเหมือนเดิมนั้นแหละ ชีวิตปกติของย่าหยาคือเขียนนิยายอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมของตัวเอง นานๆ จึงจะออกจากบ้านไปเปลี่ยนบรรยากาศสักครั้ง หรือไม่ก็ไปซื้อของใช้เข้าบ้านสัปดาห์ละหน ส่วนอาหารการกิน เธอกินง่ายอยู่ง่าย ถ้าไม่สั่งแบบเดริเวอรี่ก็ซื้ออาหารแช่แข็งมาใส่ตู้เย็น
“ไหวหรือเปล่า” น้ำเสียงคุ้นเคยเจือความห่วงใยทำให้ย่าหยาเอี้ยวใบหน้าไปมอง แต่ริมฝีปากปัดปลายคางของชายหนุ่มที่โน้มหน้าลงมาพอดี “คะ...คุณ...คุณสิน” “เมาหรือไม่สบาย” “ไม่ได้เมาเสียหน่อย” คุณาสินหัวเราะในลำคอ “คนเมาที่ไหนบอกว่าตัวเองเมา” “นี่คุณ!” “เอ่อ...” เจ้าของงานวันเกิดเอ่ยขึ้น “ย่าหยาจะไม่แนะนำหน่อยเหรอว่า...” ตอนนี้สายตาของเพื่อนสนิททุกคู่จ้องมองที่ย่าหยาและคุณาสิน เพื่อนสาวไม่ได้ขี้เหร่สมัยเรียนก็มีหนุ่มๆมาจีบเยอะแยะแต่ย่าหยาไม่สนใจ แล้วนี่ใครกัน เบ้าหน้าฟ้าประธานแบบนี้เพื่อนสาวไม่เคยปริปากพูดเลยสักคำ “เอ่อ...นี่คุณสิน...คุณาสินเป็น...” “เป็นคนตามจีบย่าหยาครับ” คุณาสินชิงพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ “กรี๊ด!” เพื่อนๆที่เมาได้ที่ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างตื่นเต้น “ตายแล้วยัยย่าหยา มีหนุ่มหล่อมาจีบไม่เห็นเล่าให้เพื่อนฟังเลย” ย่าหยาอายจนหน้าแดงจัด เธอหันไปกวาดตามองเขาที่สวมเสื้อเชิ้ตผูกเนคไทหลวมๆ เข้ากับกางเกงสแล็คสีเข้ม ไม่เห็นเขาหลายวั
เธอมองเขาอย่างประหลาดใจ ชายหนุ่มยิ้มเศร้าแล้วกอดร่างเล็กแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าจะเป็นแค่ความฝันไป ไออุ่นจากกายแกร่งตอกย้ำว่าเขาคือคนที่หัวใจเธอเพรียกหา หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาแล้วขยับตัวยื่นหน้าไปจูบมุมปากของชายหนุ่ม “หยารักพี่สินค่ะ หยาจะไม่หายไปไหนอีก ครั้งนี้เรามาทำให้มันไม่เหมือนเดิมนะคะ” แววตาของเธอคือคำตอบที่เขารอคอย มีหลายร้อยหลายพันคำที่เขาอยากพูด แต่กลับพูดไม่ออก อับจนถ้อยคำอย่างน่าสงสาร ความรู้สึกที่มีทั้งหลายทั้งปวงหลอมรวมเป็นอ้อมกอดแนบแน่น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครแต่หัวใจของเขายังเป็นดวงเดิมที่รักเพียงหญิงเดียวเสมอมาและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป รักครั้งนี้กับหัวใจดวงเดิมที่จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วบทส่งท้าย ข่าวโฮโซสาวชื่อดังและครอบครัวถูกจับข้อหาฉ้อโกงและคดีแชร์ลูกโซ่เป็นที่พูดถึงกับไปทั่ว ช่องข่าวทุกช่องรวมทั้งโลกโซเซียลให้ความสนใจกันมาก แต่นั้นทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวพอใจมาก เพราะพวกเขาไม่ต้องเป็นเป้าสายตาของใครนัก มารดาของย่าหยาและสามีใหม่บินตรงกลับเมืองไทยตามคำเชิญของว่าที่ลูกเขยเพื่อที่ทั้งสองครอบครัวจะ
คุณาสินวางร่างของย่าหยาลงบนเตียง เขาปรายตามองไปทางประตูเห็นลูกน้องปิดให้เรียบร้อยก็ถอนหายใจเบาๆ คนตัวเล็กยื่นมาคล้องคอเขาไว้ “พี่สิน” เสียงหวานครางแผ่ว “หยาอยากอาบน้ำ” เธอต้องการเขาเหลือเกิน แต่สภาพนี้มันก็เกินกว่าตัวเธอเองจะรับได้ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ อุ้มคนตัวเล็กเดินไปที่ห้องน้ำ “เด็กดี...ให้พี่ช่วยนะครับ” เขาพูดขณะปล่อยให้เธอลงยืน หญิงสาวพยักหน้ารับให้เขาช่วยถอดเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นออกจากร่าง น้ำอุ่นไหลผ่านฝักบัวรินรดร่างเปลือยเปล่า มือใหญ่ค่อยๆ เช็ดใบหน้าสวยอย่างเบามือพลางสำรวจดูว่าเธอบาดเจ็บที่ไหนบ้าง เสียงหวานครางแผ่วยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อของเขาออกอย่างร้อนรน ปลายนิ้วสัมผัสแผ่นอกกว้างที่คุ้นเคยแล้วยื่นหน้าไปจูบอกซ้ายของเขา ชายหนุ่มถึงกับหลุดเสียงครางออกมา มือเรียวเล็กพยายามปลดเข็มขัดของเขาออก เขาจึงเลื่อนมือลงไปจัดการด้วยตัวเอง ปล่อยให้ร่างกายกำยำเปลือยเปล่าต่อหน้าคนรัก ผ่านมากี่ร้อยปี เธอก็ยังเป็นคนเดียวที่เขารัก แม้เคยคิดหันหลังให้ความรู้สึกที่มีแต่หัวใจมันไม่ยอมหยุดรักเธอได้เลย มือใหญ่กุมมือเล็กให้กอบกุมท
ชายผู้นั้นหน้าซีดมองร่างที่หลับใหลสลับกับหน้าถมึงทึงของวาด มือหยาบกร้านสั่นเทายื่นไปหมายแตะต้องเรือนร่างนวลละออ แต่มีเสียงคนพูดด้านนอกว่า ‘องค์วรสินเสด็จกลับมาแล้ว’ ทั้งสองจึงรีบออกไปราวกับภูติผีวิญญาณร้าย คราวนั้นองค์วรสินกลับมาได้เวลา แต่เธอกลับถูกเข้าใจผิดเพราะองค์วรสินเองก็ถูกปั่นศีรษะเป่าหูว่าเธอเป็นหญิงแพศยาคบชู้ ทำให้เรื่องราวจบลงด้วยตายจากของเธอและลูกในครรภ์ แรงรักแรงอาฆาตทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นเช่นนี้หลายชาติภพ เธอปล่อยวางตั้งแต่ชาตินั้นแต่คนผู้นี้ไม่อาจปล่อยเธอไป มือใหญ่กระชากเสื้อเธออย่างแรงทำให้ย่าหยาได้สติ หญิงสาวส่งเสียงหวีดร้องแล้วยกเท้าขึ้นถีบเปะปะไปทั่วแต่มือที่น่าขยะแขยงพวกนั้นจับเรียวขาเธอแล้วลูบไล้หยาบคาย คนหนึ่งถือสมาร์ทโฟนบันทึกภาพไว้ราวกับเธอคือนางเอกหนังAV ที่รับบทสาวสวยถูกขื่นใจ แต่นี่คือชีวิตจริงที่เธอกำลังจะถูกชายแปลกหน้ายำยี ‘พี่สิน’ ย่าหยาได้แต่พร่ำเรียกชื่อคนรักในใจ ใช่ เธอรักเขา ไม่ว่าผ่านมากี่ร้อยปีหรือกี่ชาติภพ เธอก็ยังคงรักผู้ชายคนนี้ โครม! เสียงถีบประตูดังสนั่นท
“เอ่อ...เจ้านายครับ ผมไม่เห็นคุณย่าหยาเลยครับ” “อะไรนะ?” “ผมเข้ามารับเอกสารตามที่เจ้านายสั่ง ผมมาถึงคอนโดแล้วแต่ไม่พบคุณย่าหยาเลยครับ เอ่อ...โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ผมถามนิติกรคอนโดก็บอกว่าเห็นคุณย่าหยาเดินออกไปหน้าคอนโดแล้วยังไม่กลับเข้ามาครับ” “เป็นไปได้ยังไง” “ผมว่าแปลกๆนะครับ” “รอที่นั้นก่อน เดี๋ยวฉันลองติดต่อย่าหยาอีกที” คุณาสินวางสายจากลูกน้องแล้วโทรหาย่าหยา ใจของร้อนรุ่มไม่สนใจว่าแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดในห้องทำงานแล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปที่ผนังกระจกที่มองเห็นวิวด้านนอก ตอนนี้เขาอยู่บนตึกสูงระฟ้าแต่หัวใจของเขากำลังดำดิ่งอย่างหวาดวิตก หญิงสาวไม่รับสายและครู่ต่อมาก็เหมือนทโทรศัพท์ดับไปเสียเฉยๆ เขาสบถหัวเสียแล้วเปลี่ยนเป็นโทรตามลูกน้องคนสนิทให้เข้ามาพบเขาทันที และโทรสั่งให้คนของเขาอีกคนไปขอดูกล้องวงจรปิดที่คอนโด เขาสูดลมหายใจลึกพยายามตั้งสติให้มั่น หากเป็นเรื่องอื่นเขาคงรับมือด้วยความใจเย็น แต่นี่เป็นเรื่องของย่าหยา ผู้หญิงที่ครอบครองพื้นที่ทุกตารางนิ้วในหัวใจของเขา ผ่านมาหลายชาติภพ เขาไม่
“โทษหยาเหรอคะ แต่พี่สินเริ่มก่อนนะ” เธออายจนหน้าแดงเรื่อ ไม่รู้ทำไมตอนเช้าเขาถึงมี ‘อารมณ์’ จนต้องจัดหนักก่อนไปทำงานทุกที เธอทำงานที่บ้าน ตื่นสายก็ไม่เป็นไรแต่เขานี่สิ “พี่เป็นเจ้าของบริษัท ไปถึงช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอก” เขายื่นหน้าไปแล้วกระซิบข้างหู “ต่ออีกรอบได้นะครับ” “คนบ้า! ไปทำงานเลย” “ครับๆ รับคำสั่งคุณภรรยาครับ” ย่าหยาไม่อยากจะโต้ตอบอีก ดูเหมือนพูดอะไรไปก็จะเข้าทางเขาเสียหมด คุณาสินยิ้มกว้างแล้วจูบหน้าผากคนรักเบาๆ ก่อนออกไปทำงานเช่นทุกวัน แต่ความรู้สึกนั้นแตกต่างไปจากเดิม เหมือนได้ของหายที่หาไปนานกลับมา 2-3คืนแรก เขานอนหลับไม่สนิทนักเพราะกังวลและกลัวว่าเธอจะหายไป และกลัวว่าเธอจะหวนกลับไประลึกถึงเรื่องราวในอดีต คุณาสินเดินออกมาจากห้องของคนรัก เขาไม่อยากเร่งรัดเธอเกินไป แต่อีกใจก็กลัวจะเสียเธอไปอีก ตอนนี้เขากลายเป็นคนขี้กลัวไปเสียทุกอย่าง บางทีเขาก็นึกขำตัวเอง ตอนที่ยังหาเธอไม่เจอมันก็เป็นความรู้สึกเหงาและเคว้งคว้าง แต่เมื่อได้พบเธอ ได้โอบกอดอีกครั้ง กลับกลัวว่าจะเสียเธอไป เขาอยากใช้ชีวิตกับเธอเ
ทันที่ริมฝีปากร้อนของคนทั้งสองประกบกันอีกครั้ง ร่างกายผ่าวร้อนทาบทับลงมาบดเบียดแนบชิด สิ่งที่ใหญ่โตนั้นร้อนระอุคลอเคลียกลีบเนื้ออ่อนบางที่ยามนี้ฉ่ำชื้นเพราะถูกปลุกเร้าด้วยนิ้วมือร้ายกาจ คุณาสินผละจากริมฝีปากสวยแล้วพรมจูบลำคอขาวผ่องจนเป็นแดงเรื่อ ซุกไซและโลมเลียลำคอระเรื่อลงมาที่เนินอกสวยอีกครั้ง ขบเม้มดูดดึงที่ปลายถันจนเปียกชุ่มทำให้หญิงสาวเผลอใช้ปลายนิ้วจิกลงที่ต้นแขนกำยำอย่างลืมตัว “อื้อ พี่สิน...” ความต้องการของหญิงสาวทวีคูณ ขยับบดเบียดร่างแนบชิดพร้อมกับแยกเรียวขาออก ความปรารถนาจะถูกเติบเต็มทำให้เรียกร้องอย่างไม่เคยทำมาก่อน เขาส่งนิ้วไปสำรวจเบื้องล่างอีกครั้งขยับนิ้วในร่องสาวจนมั่นใจว่าน้ำรักของเธอมากพอจึงประคองแก่นกายของตนส่งเข้าไปที่น้อย “อ๊ะ!” “อย่าเกร็ง” เขาพูดเสียงพร่าและเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานที่แดงเรื่อ ดวงตาของเธอปรือฉ่ำไม่ใช่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ แต่เพราะถูกปรนเปรอสวาทแทบขาดใจ เขาขยับเอวสอบดุนดันเข้าไปที่ละน้อย ขยับออกถอยเข้าเพิ่มความลึกไปที่ละนิดจนปลายหัวบากมุดเข้าไปในร่องสาว ย่าหยาตัวสั่นระริกในขณะที่อีกฝ
“ถ้า...ถ้าฉันไม่ใช่คนในอดีตชาติที่คุณตามหา คุณจะชอบฉันไหม?” มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้ม เขามองเธอนิ่งนานจนเธอรู้สึกเห็นตัวเองในแววตาของเขา “ถ้าคุณเป็นผู้หญิงร้ายๆ หรือมีคนรักแล้ว ผมคงคอยให้ความช่วยเหลือคุณอยู่ห่างๆ แต่นี่คุณเป็นคนอ่อนโยน จริงใจ ถึงคุณจะเลี้ยงหมาแมวเองไม่ได้แต่ก็ช่วยสนับสนุนโอนเงินช่วยเหลือหมาแมวจรอยู่ตลอด นี่ยังไม่รวมที่คุณตรงสเป็คผมอีกด้วยนะ” “คุณรู้ได้ไง...เราเพิ่งเจอกันไม่ใช่เหรอ” เธอมองเขาอย่างไม่เชื่อนัก “ก็คุณเป็นคนที่ผมสนใจ ผมถึงอยากรู้ทุกเรื่องของคุณ” เขายิ้มแววตากรุ้มกริ่ม“แล้วฉันไปตรงสเป็คคุณตรงไหน”“สเป็คผมก็ตัวเล็กซ่อนรูป อะไรที่ผมควรเห็นคนเดียวก็ให้ผมมองคนเดียวก็พอ” ดวงตาฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์ค็อกเทลที่ดื่มไปหลายแก้ว เธอก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขาอีก ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปล้างมือแล้วรินน้ำอุ่นใส่แก้วเซรามิกสีเทาแล้วถือกลับมาให้หญิงสาว “ดื่มน้ำอุ่นๆ แก้แฮงค์ได้บ้าง” มือเรียวเล็กรับน้ำมาดื่มอย่างว่าง่าย เธอจิบไปไม่กี่คำก็ส่งแก้วคืนให้เขา ปลายนิ้วสัมผัสกันเล็กน้อย ทว่าราวกั
“ไหวหรือเปล่า” น้ำเสียงคุ้นเคยเจือความห่วงใยทำให้ย่าหยาเอี้ยวใบหน้าไปมอง แต่ริมฝีปากปัดปลายคางของชายหนุ่มที่โน้มหน้าลงมาพอดี “คะ...คุณ...คุณสิน” “เมาหรือไม่สบาย” “ไม่ได้เมาเสียหน่อย” คุณาสินหัวเราะในลำคอ “คนเมาที่ไหนบอกว่าตัวเองเมา” “นี่คุณ!” “เอ่อ...” เจ้าของงานวันเกิดเอ่ยขึ้น “ย่าหยาจะไม่แนะนำหน่อยเหรอว่า...” ตอนนี้สายตาของเพื่อนสนิททุกคู่จ้องมองที่ย่าหยาและคุณาสิน เพื่อนสาวไม่ได้ขี้เหร่สมัยเรียนก็มีหนุ่มๆมาจีบเยอะแยะแต่ย่าหยาไม่สนใจ แล้วนี่ใครกัน เบ้าหน้าฟ้าประธานแบบนี้เพื่อนสาวไม่เคยปริปากพูดเลยสักคำ “เอ่อ...นี่คุณสิน...คุณาสินเป็น...” “เป็นคนตามจีบย่าหยาครับ” คุณาสินชิงพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ “กรี๊ด!” เพื่อนๆที่เมาได้ที่ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างตื่นเต้น “ตายแล้วยัยย่าหยา มีหนุ่มหล่อมาจีบไม่เห็นเล่าให้เพื่อนฟังเลย” ย่าหยาอายจนหน้าแดงจัด เธอหันไปกวาดตามองเขาที่สวมเสื้อเชิ้ตผูกเนคไทหลวมๆ เข้ากับกางเกงสแล็คสีเข้ม ไม่เห็นเขาหลายวั
คุณาสิน... ชื่อของเขาทำให้เธอพลิกตัวขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปหยิบโน้ตบุ๊กมาเปิดแล้วค้นหาประวัติของผู้ชายคนนั้น แล้วเธอก็อ้าปากค้าง เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด ไม่ใช่เจ้าของบ่อน้ำมันแต่ทำธุรกิจด้านพลังงานทางเลือกอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งที่อายุเพิ่งจะยี่สิบแปดเท่านั้น นามสกุลของเขายังเป็นนามสกุลเดิม เขายังคงเวียนว่ายในห้วงกรรมของตนละมั้ง? ส่วนเธอที่จำอะไรไม่ได้และบอกตัวเองเสมอว่าอยู่กับปัจจุบันมีเพียงความรู้สึกเดียวก็คือเหมือนรอใครสักคน ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธออยู่นี่ไม่ได้ตามแม่ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่ต่างประเทศ หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา ตอนนี้เธอควรจัดการเรื่องของตัวเองดีกว่า หยุดงานเขียนไปหลายวัน รายได้ก็หดหาย มีเรื่องให้สะสางอีกมาก เธอไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเขานี่ยังไงก็ต้องทำงานหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเหมือนเดิมนั้นแหละ ชีวิตปกติของย่าหยาคือเขียนนิยายอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมของตัวเอง นานๆ จึงจะออกจากบ้านไปเปลี่ยนบรรยากาศสักครั้ง หรือไม่ก็ไปซื้อของใช้เข้าบ้านสัปดาห์ละหน ส่วนอาหารการกิน เธอกินง่ายอยู่ง่าย ถ้าไม่สั่งแบบเดริเวอรี่ก็ซื้ออาหารแช่แข็งมาใส่ตู้เย็น