เขารู้ว่าเอาแต่มองอีกฝ่ายจะทำให้เธอหวาดระแวงจึงก้มกินข้าวต้มในชามของตัวเอง แล้วพูดเรื่องอื่นให้เธอผ่อนคลาย
“รถของคุณ พรุ่งนี้เช้าผมจะดูให้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ ฉันมาสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของบ้านแท้ๆเลย”
เพราะความหิวและความอร่อยทำให้เธอกินข้าวได้มาก อย่างไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน เธอเป็นคนไม่ชอบทำอาหารแต่มีความสุขกับการได้กินของอร่อยนี่แหละ
“คงมีอะไรดลใจให้เราได้เจอกัน”
“คะ?” มัวแต่ชื่นชมของอร่อยจึงไม่ทันฟังที่เขาพูด
“ผมบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ” เขายิ้ม “คุณ...”
“อ้อ! ฉันลืมแนะนำตัวไป ฉันชื่อย่าหยาค่ะ เป็นชื่อดอกไม้” เธอพูดแล้วยกแก้วน้ำขึ้นจิบเล็กน้อย “ข้าวต้มปลาอร่อยมากเลยค่ะ ไม่คาวเลยสักนิด ใส่กระเทียมเจียวแบบนี้ด้วย อร่อยมากๆเลย”
‘ย่าหยา...ชาตินี้ก็ชื่อเดียวกับชาติก่อนหรือ?’
“ป้าละเอียดทำกับข้าวเก่งครับ ผมก็โตมาเพราะอาหารฝีมือป้าละเอียด”
“ฉันชอบกินของอร่อยๆค่ะ แต่ไม่ชอบเข้าครัว” เธอยิ้มทะเล้น
เขาพยักหน้ายิ้มๆ ชาติก่อนเธอก็ชอบกินของอร่อย ถ้าได้กินของถูกปากก็จะยิ้มอย่างมีความสุขเสมอ และเรื่องเข้าครัวต้องบอกเลยว่า เธอเคยเกือบทำไฟไหม้ห้องครัวมาแล้ว ทุกคนจึงขอร้องไม่ให้เธอเข้าไปทำอาหารอีก
หลังจากกินข้าวต้มเสร็จ ย่าหยาอาสาล้างจานเอง แต่แค่ลุกขึ้นยืนร่างบอบบางก็เซไปเล็กน้อยยังดีที่อีกฝ่ายตาไวยื่นมือมาประคองไหล่ได้ทัน สัมผัสที่มั่นคงเจือความห่วงใยทำให้เธอประหลาดใจ ทำไมเธอรู้สึกคุ้นเคยกับเขาเหลือเกิน
“คุณนั่งนิ่งๆก่อน เดี๋ยวผมหยิบยาลดไข้ให้” เขาพูดเหมือนสั่งแล้วกดไหล่ให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิม ร่างสูงโปร่งเดินไปที่ตู้เย็นซึ่งมีตะกร้าใบเล็กๆ วางอยู่บนนั้น มียาหอม ยาดม ยาหม่อง ยาแก้ปวดท้องปวดหัวอยู่พร้อมสรรพ เขาค้นๆ อยู่ครู่หนึ่งก็ได้พาราเซ็ตตามอนมาหนึ่งเม็ดแล้วยื่นให้เธอ
“ร่างกายคุณโดนความเย็น กินข้าวแล้วก็ไปนอนพักสักหน่อยเถอะ นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว เอ่อ คุณต้องโทรบอกคนที่บ้านไหม?”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันอยู่คนเดียว” ย่าหยาอยากกัดลิ้นตัวเองนัก ไปบอกคนที่เพิ่งเจอกันว่าอยู่คนเดียวได้ยังไง แม้เขาจะใจดีและดูอ่อนโยนมากก็ตาม เธอสบตากับเขาแวบหนึ่งแล้วหลุบตาลงมองยาเม็ดเล็กในมือของเขา โชคดีที่เขาไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรอีก เธอจึงตัดสินใจกินยาที่เขาส่งให้
“มาเถอะ คุณต้องพักผ่อน ผมจะเดินไปส่ง”
“ค่ะ”
ย่าหยายอมทำตามเขาอย่างว่าง่าย ทั้งที่เธอเองก็แปลกใจไม่น้อย ปกติเธอเป็นคนค่อนข้างระวังตัว แต่กับผู้ชายตรงหน้า ทำไมเธอจึงรู้สึกว่าเขาไว้ใจได้
เดินไม่กี่นาทีก็ถึงห้องนอนที่หญิงสาวเข้ามาในครั้งแรก เขายืนส่งเธอแค่หน้าประตูไม่มีท่าทีจะเข้ามาถึงข้างในก็ทำให้เธอสบายใจ
“ตอนเช้าผมจะให้ป้าละเอียดมาดูคุณก็แล้วกัน เผื่อว่าคุณลุกไม่ไหว”
“ขอบคุณค่ะแล้วก็ขอโทษที่ทำให้ลำบากขนาดนี้”
“เรื่องเล็กน้อย”
เขายิ้มแล้วยกมือล้วงกระเป๋ากางเกง รอจนเธอปิดประตูแล้วจึงถอยหลังออกมาแล้วชักมือกลับออกมา เขามองฝ่ามือตัวเองแล้วถอนหายใจเบาๆ หากไม่ห้ามใจตัวเองเขาคงคว้าเธอมากอดให้สมกับที่คิดถึงและรอคอยมาแสนนาน.
สัมผัสแผ่วเบาจะปลุกให้คนที่หลับใหลลืมตา ดวงตากลมปรับสายตาครู่หนึ่ง เธออยู่บนเตียงสี่เสาแบบโบราณ ร่างอ่อนเปลี้ยค่อยๆ ยันกายขึ้นจากเตียงนอน นี่แหละนะ ที่คนโบราณบอกว่าอย่านอนทับตะวัน ทว่าเมื่อตั้งสติได้เธอกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป หญิงสาวกวาดตามองรอบตัว คราวนี้เธอเห็นเงาร่างของผู้ชายคนหนึ่งยืนกอดอกพิงกรอบหน้าต่างอยู่ ย่าหยาจ้องชายคนนั้นรู้สึกคุ้นตาแต่กลับนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร
“ตื่นแล้วหรือ” น้ำเสียงเจือความห่วงใยดังขึ้นก่อนที่จะสาวเท้าเข้ามาข้างเตียงแล้วยื่นมือมาอังหน้าผาก “ไข้ลดแล้ว”
“คะ?” เธอยกมือขึ้นแตะหน้าผากตัวเอง รู้สึกว่าตัวรุมๆ อยู่ไม่น้อย และยังอ่อนเพลียอีกต่างหาก เธอจ้องหน้าชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ ความไม่มั่นใจทำให้ยื่นมือไปแตะแก้มของเขา ชายหนุ่มชะงักไป ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย
“ทำอันใด?”
“คุณ...คุณสินธุ์”
“ใช่...ฉันเอง” เขาพยักหน้ารับหางตารับรู้การเคลื่อนไหวจึงปลดมือเล็กออกอย่างระวังและถอยห่างออกไปครึ่งก้าว
“ฟื้นแล้ว! คุณย่าหยาฟื้นแล้ว!”
เป็นเสียงแจ่มที่ดังขึ้นด้วยความตื่นเต้นยินดี สองมือประคองอ่างน้ำใบน้อยเข้ามาอย่างรีบเร่ง สินธุ์เบี่ยงตัวหลบให้แจ่มเอาอ่างน้ำมาวางบนโต๊ะตัวเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ข้างเตียง แจ่มจับมือหญิงสาวบนเตียงมาแนบแก้ม ดวงตาคลอดด้วยหยาดน้ำตา
“ในที่สุดก็ฟื้นเสียที ยาฝรั่งของคุณสินธุ์ช่วยไว้โดยแท้เชียว”
“ยาฝรั่ง ...ฉันเป็นอะไรไปเหรอ”
“ย่าหยาฟื้นแล้ว!” ครั้งนี้เป็นเสียงของยี่สุ่นที่เดินตามา เมื่อเห็นน้องสาวคนเดียวได้สติก็รีบปราดเข้ามาลูบใบหน้าน้องสาวอย่างเป็นห่วง “ขวัญเอยขวัญมา ฟื้นเสียที ล้มป่วยคราวนี้พี่ใจคอไม่ดีเลย”
“ป่วย?” ย่าหยาทำหน้ามึนงงแล้วพยายามยันกายขึ้นนั่ง ยี่สุ่นจึงช่วยประคองน้องสาวให้นั่งเอนหลังพิงหัวเตียง “ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”
ได้ยินเสียงแห้บแห้งเอ่ยวาจาเช่นนั้น ชายหนุ่มคนเดียวในห้องเลิกคิ้วประหลาดใจ
“คุณย่าหยาเปียกฝนไม่สบายไข้ขึ้นไม่ได้สติมาหลายวัน กินยาหม้อยาต้มยังไงไข้ก็ไม่ลด พูดจาเลอะเลือนฟังจับใจความไม่ได้ ทั้งคุณหลวงคุณช้อยเป็นห่วงมากเจ้าค่ะ คุณสินธุ์เห็นท่าทางไม่ดีขึ้นจึงเชิญหมอฝรั่งมารักษา ได้ยาหมอฝรั่งไปไข้จึงลดลงและฟื้นนี่แหละเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นเองเหรอ”
หญิงสาวยังงุนงงอยู่ ก็...เธอเหมือน...เหมือนได้กลับไปในยุคปัจจุบันและเจอเจ้าของบ้านเรือนไทยคนนั้น...เขาชื่อ...ชื่ออะไรนะ ทำไมเหมือนชื่อติดที่ปากยังไงไม่รู้
“ขอโทษที่ทำให้ทุกคนลำบากนะคะ”
“พูดอะไรเช่นนั้นนล่ะเจ้าคะ” แจ่มยิ้มทั้งน้ำตา
“พี่แจ่ม พี่ยี่สุ่น ...ฉันหิวจังเลย”
“หลับไปหลายวัน ไม่ได้กินอะไรเลย ประเดี๋ยวพี่กับแจ่มจะเข้าครัวเอง เพิ่งฟื้นไข้แบบนี้กินข้าวต้มร้อนๆ ก่อนแล้วกัน เอาข้าวต้มปลานะ”
“จ๊ะ”
ด้วยความเป็นห่วงกลัวน้องสาวจะหิวและเกรงว่าคนอื่นทำจะไม่ถูกปากน้องจึงรีบร้อนจูงมือแจ่ม ออกมาพร้อมกัน โดยลืมไปว่ายังมีชายหนุ่มยืนอยู่ในห้อง
สินธุ์เห็นไม่มีใครแล้วจึงเดินเข้ามาใกล้แล้วนั่งลงริมเตียง พิศมองใบหน้าหญิงสาวที่ยังซีดเซียวอยู่ “จำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ รึ” “อืม” เธอพยักหน้ารับ “ทำไมฉันเป็นไข้ได้ล่ะ แล้วพี่แจ่มบอกว่าฉันตากฝน” “เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ เธอจำไม่ได้ก็ดีแล้ว “แล้วจำได้หรือไม่ว่าไปเรียนหนังสือที่เรือนฉันทุกวัน” ย่าหยานิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ คล้ายความทรงจำค่อยๆ หวนคืน ถ้า...ถ้าไม่ได้ฝันล่ะ เธอหลับและตื่นไปในปีพ.ศ.2567จริงๆล่ะ “คุณสินธุ์บอกว่าฉันไปเรียนหนังสือกับคุณสินธุ์หรือคะ” เธอถามเพื่อความแน่ใจ “ใช่...” เขาตอบแล้วเม้มปากจนเรียบตึงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เธอไม่ได้สติเพราะพิษไข้ รู้ตัวหรือไม่ว่าพูดจาแปลกประหลาดชอบกล” “แปลกยังไงคะ?” เขาจ้องหน้าเธอนิ่งๆ ก่อนตัดสินใจพูดออกไป “เธอพูดถึงเรื่องในอีกร้อยปีข้างหน้า” “หา!” ย่าหยาตกใจ ตอนที่ยังมีสติครบถ้วนเธอจะระวังไม่พูดเรื่องเหล่านี้เพราะเกรงว่าคนอื่นจะมองว่าเธอวิปลาสเอานะสิ เส
เธอไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ แค่เค้นสมองพยายามนึกถึงในหนังสือเรียนเอ่ยถึงเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างก็ปวดหัวแทบแย่แล้ว เธอก็ไม่ใช่นักเขียนแนวพีเรียดเสียด้วย คลังข้อมูลก็น้อยไปอีก เธอมันสายฟิลกู๊ด สุขนิยมจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งตลอด ว่าแล้วเจ้าของร่างอรชนก็ทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนเตียงของผู้อื่น เธอปิดเปลือกตาพลางระบายลมหายใจออกทางปาก เรื่องราวในโลกนี้มีมากมายที่ไม่อาจหาเหตุผลมาอธิบายได้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยเหตุใด สายลมพัดผ่านแผ่วเบาหอมเอากลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆ เข้ามาในห้อง คล้ายกึ่งหลับกึ่งตื่น จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่ริมฝีปากจนต้องลืมตาขึ้น ยกมือขึ้นปัดปายไปมาแต่ข้อมือสองข้างกลับถูกรวบขึ้นไว้เหนือศีรษะ หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก ลมหายใจร้อนระอุเจือกลิ่นสุราเป่ารดผิวแก้ม ดวงตาคมวาวจ้องมองราวกับจะกลืนกินเธอทั้งเป็น ร่างเล็กตื่นตระหนกพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่มือใหญ่เพียงข้างเดียวที่ตรึงข้อมือเธอไว้นั้นก็แสนแข็งแกร่งและผ่าวร้อนราวกับคีมเหล็กที่นาบไฟย่าหยาพยายามเพ่งตามอง เจ้าของดวงตาดุจลูกไฟนี้คือใบหน้าของสินธุ์ แต่ชายตรงหน้ากลับมีแววตาดุดันน่ากลัว
คุณาสินยิ้มเล็กน้อย “เพราะสมุดบันทึกของคุณ กลายเป็นของขวัญที่แสนพิเศษ ผมไม่ได้ให้คนอื่นเห็นเพราะเกรงว่าพวกเขาไม่เข้าใจจะคิดว่าคุณเป็นแม่มดหมอผี ผมจึงเก็บไว้และใช้เป็นแนวทางในการสร้างความมั่นคงของตระกูล ผมเชื่อว่าตัวผมต้องมาเกิดใหม่วนเวียนในสกุลเดิม ผมหวังว่าวันหนึ่งเราจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ เสียที” ย่าหยาพยักหน้ารับ ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ พยาบาลก็เข้ามาในห้องเช็กอาการต่างๆ หญิงสาวจึงเอ่ยถาม “ฉันต้องนอนโรงพยาบาลอีกนานแค่ไหนคะ” “อาการโดยรวมดีขึ้นมากแล้ว ยังไงรอให้คุณหมอมาตรวจซ้ำอีกครั้งนะคะ” คุณพยาบาลส่งยิ้มให้ “แฟนคุณดูแลดีขนาดนี้ ได้ยาดีแบบนี้ต้องหายเร็วแน่นอนค่ะ”“แฟน...” “ขอบคุณครับ” ย่าหยารอจนพยาบาลสาวออกไปแล้วก็หันไปทำตาดุใส่ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเตียงคนป่วย “คุณบอกคนอื่นว่าเราเป็นแฟนกัน?” “ก็ผมเป็นคนพาคุณมาโรงพยาบาล แล้วผมคิดไปเองว่าคุณไม่มีญาติที่ไหนและคงไม่อยากให้คุณแม่ของคุณกังวลใจ ผมเลยแจ้งกับทางโรงพยาบาลว่าผมเป็นแฟนคุณ” ย่าหยาอยากจะต่อว่าแต่พอคิดว่าพูดไปก็คงเท่านั้น เธอกวาดตามองโดย
คุณาสิน... ชื่อของเขาทำให้เธอพลิกตัวขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปหยิบโน้ตบุ๊กมาเปิดแล้วค้นหาประวัติของผู้ชายคนนั้น แล้วเธอก็อ้าปากค้าง เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด ไม่ใช่เจ้าของบ่อน้ำมันแต่ทำธุรกิจด้านพลังงานทางเลือกอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งที่อายุเพิ่งจะยี่สิบแปดเท่านั้น นามสกุลของเขายังเป็นนามสกุลเดิม เขายังคงเวียนว่ายในห้วงกรรมของตนละมั้ง? ส่วนเธอที่จำอะไรไม่ได้และบอกตัวเองเสมอว่าอยู่กับปัจจุบันมีเพียงความรู้สึกเดียวก็คือเหมือนรอใครสักคน ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธออยู่นี่ไม่ได้ตามแม่ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่ต่างประเทศ หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา ตอนนี้เธอควรจัดการเรื่องของตัวเองดีกว่า หยุดงานเขียนไปหลายวัน รายได้ก็หดหาย มีเรื่องให้สะสางอีกมาก เธอไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเขานี่ยังไงก็ต้องทำงานหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเหมือนเดิมนั้นแหละ ชีวิตปกติของย่าหยาคือเขียนนิยายอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมของตัวเอง นานๆ จึงจะออกจากบ้านไปเปลี่ยนบรรยากาศสักครั้ง หรือไม่ก็ไปซื้อของใช้เข้าบ้านสัปดาห์ละหน ส่วนอาหารการกิน เธอกินง่ายอยู่ง่าย ถ้าไม่สั่งแบบเดริเวอรี่ก็ซื้ออาหารแช่แข็งมาใส่ตู้เย็น
“ไหวหรือเปล่า” น้ำเสียงคุ้นเคยเจือความห่วงใยทำให้ย่าหยาเอี้ยวใบหน้าไปมอง แต่ริมฝีปากปัดปลายคางของชายหนุ่มที่โน้มหน้าลงมาพอดี “คะ...คุณ...คุณสิน” “เมาหรือไม่สบาย” “ไม่ได้เมาเสียหน่อย” คุณาสินหัวเราะในลำคอ “คนเมาที่ไหนบอกว่าตัวเองเมา” “นี่คุณ!” “เอ่อ...” เจ้าของงานวันเกิดเอ่ยขึ้น “ย่าหยาจะไม่แนะนำหน่อยเหรอว่า...” ตอนนี้สายตาของเพื่อนสนิททุกคู่จ้องมองที่ย่าหยาและคุณาสิน เพื่อนสาวไม่ได้ขี้เหร่สมัยเรียนก็มีหนุ่มๆมาจีบเยอะแยะแต่ย่าหยาไม่สนใจ แล้วนี่ใครกัน เบ้าหน้าฟ้าประธานแบบนี้เพื่อนสาวไม่เคยปริปากพูดเลยสักคำ “เอ่อ...นี่คุณสิน...คุณาสินเป็น...” “เป็นคนตามจีบย่าหยาครับ” คุณาสินชิงพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ “กรี๊ด!” เพื่อนๆที่เมาได้ที่ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างตื่นเต้น “ตายแล้วยัยย่าหยา มีหนุ่มหล่อมาจีบไม่เห็นเล่าให้เพื่อนฟังเลย” ย่าหยาอายจนหน้าแดงจัด เธอหันไปกวาดตามองเขาที่สวมเสื้อเชิ้ตผูกเนคไทหลวมๆ เข้ากับกางเกงสแล็คสีเข้ม ไม่เห็นเขาหลายวั
“ถ้า...ถ้าฉันไม่ใช่คนในอดีตชาติที่คุณตามหา คุณจะชอบฉันไหม?” มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้ม เขามองเธอนิ่งนานจนเธอรู้สึกเห็นตัวเองในแววตาของเขา “ถ้าคุณเป็นผู้หญิงร้ายๆ หรือมีคนรักแล้ว ผมคงคอยให้ความช่วยเหลือคุณอยู่ห่างๆ แต่นี่คุณเป็นคนอ่อนโยน จริงใจ ถึงคุณจะเลี้ยงหมาแมวเองไม่ได้แต่ก็ช่วยสนับสนุนโอนเงินช่วยเหลือหมาแมวจรอยู่ตลอด นี่ยังไม่รวมที่คุณตรงสเป็คผมอีกด้วยนะ” “คุณรู้ได้ไง...เราเพิ่งเจอกันไม่ใช่เหรอ” เธอมองเขาอย่างไม่เชื่อนัก “ก็คุณเป็นคนที่ผมสนใจ ผมถึงอยากรู้ทุกเรื่องของคุณ” เขายิ้มแววตากรุ้มกริ่ม“แล้วฉันไปตรงสเป็คคุณตรงไหน”“สเป็คผมก็ตัวเล็กซ่อนรูป อะไรที่ผมควรเห็นคนเดียวก็ให้ผมมองคนเดียวก็พอ” ดวงตาฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์ค็อกเทลที่ดื่มไปหลายแก้ว เธอก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขาอีก ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปล้างมือแล้วรินน้ำอุ่นใส่แก้วเซรามิกสีเทาแล้วถือกลับมาให้หญิงสาว “ดื่มน้ำอุ่นๆ แก้แฮงค์ได้บ้าง” มือเรียวเล็กรับน้ำมาดื่มอย่างว่าง่าย เธอจิบไปไม่กี่คำก็ส่งแก้วคืนให้เขา ปลายนิ้วสัมผัสกันเล็กน้อย ทว่าราวกั
ทันที่ริมฝีปากร้อนของคนทั้งสองประกบกันอีกครั้ง ร่างกายผ่าวร้อนทาบทับลงมาบดเบียดแนบชิด สิ่งที่ใหญ่โตนั้นร้อนระอุคลอเคลียกลีบเนื้ออ่อนบางที่ยามนี้ฉ่ำชื้นเพราะถูกปลุกเร้าด้วยนิ้วมือร้ายกาจ คุณาสินผละจากริมฝีปากสวยแล้วพรมจูบลำคอขาวผ่องจนเป็นแดงเรื่อ ซุกไซและโลมเลียลำคอระเรื่อลงมาที่เนินอกสวยอีกครั้ง ขบเม้มดูดดึงที่ปลายถันจนเปียกชุ่มทำให้หญิงสาวเผลอใช้ปลายนิ้วจิกลงที่ต้นแขนกำยำอย่างลืมตัว “อื้อ พี่สิน...” ความต้องการของหญิงสาวทวีคูณ ขยับบดเบียดร่างแนบชิดพร้อมกับแยกเรียวขาออก ความปรารถนาจะถูกเติบเต็มทำให้เรียกร้องอย่างไม่เคยทำมาก่อน เขาส่งนิ้วไปสำรวจเบื้องล่างอีกครั้งขยับนิ้วในร่องสาวจนมั่นใจว่าน้ำรักของเธอมากพอจึงประคองแก่นกายของตนส่งเข้าไปที่น้อย “อ๊ะ!” “อย่าเกร็ง” เขาพูดเสียงพร่าและเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานที่แดงเรื่อ ดวงตาของเธอปรือฉ่ำไม่ใช่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ แต่เพราะถูกปรนเปรอสวาทแทบขาดใจ เขาขยับเอวสอบดุนดันเข้าไปที่ละน้อย ขยับออกถอยเข้าเพิ่มความลึกไปที่ละนิดจนปลายหัวบากมุดเข้าไปในร่องสาว ย่าหยาตัวสั่นระริกในขณะที่อีกฝ
“โทษหยาเหรอคะ แต่พี่สินเริ่มก่อนนะ” เธออายจนหน้าแดงเรื่อ ไม่รู้ทำไมตอนเช้าเขาถึงมี ‘อารมณ์’ จนต้องจัดหนักก่อนไปทำงานทุกที เธอทำงานที่บ้าน ตื่นสายก็ไม่เป็นไรแต่เขานี่สิ “พี่เป็นเจ้าของบริษัท ไปถึงช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอก” เขายื่นหน้าไปแล้วกระซิบข้างหู “ต่ออีกรอบได้นะครับ” “คนบ้า! ไปทำงานเลย” “ครับๆ รับคำสั่งคุณภรรยาครับ” ย่าหยาไม่อยากจะโต้ตอบอีก ดูเหมือนพูดอะไรไปก็จะเข้าทางเขาเสียหมด คุณาสินยิ้มกว้างแล้วจูบหน้าผากคนรักเบาๆ ก่อนออกไปทำงานเช่นทุกวัน แต่ความรู้สึกนั้นแตกต่างไปจากเดิม เหมือนได้ของหายที่หาไปนานกลับมา 2-3คืนแรก เขานอนหลับไม่สนิทนักเพราะกังวลและกลัวว่าเธอจะหายไป และกลัวว่าเธอจะหวนกลับไประลึกถึงเรื่องราวในอดีต คุณาสินเดินออกมาจากห้องของคนรัก เขาไม่อยากเร่งรัดเธอเกินไป แต่อีกใจก็กลัวจะเสียเธอไปอีก ตอนนี้เขากลายเป็นคนขี้กลัวไปเสียทุกอย่าง บางทีเขาก็นึกขำตัวเอง ตอนที่ยังหาเธอไม่เจอมันก็เป็นความรู้สึกเหงาและเคว้งคว้าง แต่เมื่อได้พบเธอ ได้โอบกอดอีกครั้ง กลับกลัวว่าจะเสียเธอไป เขาอยากใช้ชีวิตกับเธอเ
เธอมองเขาอย่างประหลาดใจ ชายหนุ่มยิ้มเศร้าแล้วกอดร่างเล็กแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าจะเป็นแค่ความฝันไป ไออุ่นจากกายแกร่งตอกย้ำว่าเขาคือคนที่หัวใจเธอเพรียกหา หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาแล้วขยับตัวยื่นหน้าไปจูบมุมปากของชายหนุ่ม “หยารักพี่สินค่ะ หยาจะไม่หายไปไหนอีก ครั้งนี้เรามาทำให้มันไม่เหมือนเดิมนะคะ” แววตาของเธอคือคำตอบที่เขารอคอย มีหลายร้อยหลายพันคำที่เขาอยากพูด แต่กลับพูดไม่ออก อับจนถ้อยคำอย่างน่าสงสาร ความรู้สึกที่มีทั้งหลายทั้งปวงหลอมรวมเป็นอ้อมกอดแนบแน่น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครแต่หัวใจของเขายังเป็นดวงเดิมที่รักเพียงหญิงเดียวเสมอมาและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป รักครั้งนี้กับหัวใจดวงเดิมที่จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วบทส่งท้าย ข่าวโฮโซสาวชื่อดังและครอบครัวถูกจับข้อหาฉ้อโกงและคดีแชร์ลูกโซ่เป็นที่พูดถึงกับไปทั่ว ช่องข่าวทุกช่องรวมทั้งโลกโซเซียลให้ความสนใจกันมาก แต่นั้นทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวพอใจมาก เพราะพวกเขาไม่ต้องเป็นเป้าสายตาของใครนัก มารดาของย่าหยาและสามีใหม่บินตรงกลับเมืองไทยตามคำเชิญของว่าที่ลูกเขยเพื่อที่ทั้งสองครอบครัวจะ
คุณาสินวางร่างของย่าหยาลงบนเตียง เขาปรายตามองไปทางประตูเห็นลูกน้องปิดให้เรียบร้อยก็ถอนหายใจเบาๆ คนตัวเล็กยื่นมาคล้องคอเขาไว้ “พี่สิน” เสียงหวานครางแผ่ว “หยาอยากอาบน้ำ” เธอต้องการเขาเหลือเกิน แต่สภาพนี้มันก็เกินกว่าตัวเธอเองจะรับได้ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ อุ้มคนตัวเล็กเดินไปที่ห้องน้ำ “เด็กดี...ให้พี่ช่วยนะครับ” เขาพูดขณะปล่อยให้เธอลงยืน หญิงสาวพยักหน้ารับให้เขาช่วยถอดเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นออกจากร่าง น้ำอุ่นไหลผ่านฝักบัวรินรดร่างเปลือยเปล่า มือใหญ่ค่อยๆ เช็ดใบหน้าสวยอย่างเบามือพลางสำรวจดูว่าเธอบาดเจ็บที่ไหนบ้าง เสียงหวานครางแผ่วยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อของเขาออกอย่างร้อนรน ปลายนิ้วสัมผัสแผ่นอกกว้างที่คุ้นเคยแล้วยื่นหน้าไปจูบอกซ้ายของเขา ชายหนุ่มถึงกับหลุดเสียงครางออกมา มือเรียวเล็กพยายามปลดเข็มขัดของเขาออก เขาจึงเลื่อนมือลงไปจัดการด้วยตัวเอง ปล่อยให้ร่างกายกำยำเปลือยเปล่าต่อหน้าคนรัก ผ่านมากี่ร้อยปี เธอก็ยังเป็นคนเดียวที่เขารัก แม้เคยคิดหันหลังให้ความรู้สึกที่มีแต่หัวใจมันไม่ยอมหยุดรักเธอได้เลย มือใหญ่กุมมือเล็กให้กอบกุมท
ชายผู้นั้นหน้าซีดมองร่างที่หลับใหลสลับกับหน้าถมึงทึงของวาด มือหยาบกร้านสั่นเทายื่นไปหมายแตะต้องเรือนร่างนวลละออ แต่มีเสียงคนพูดด้านนอกว่า ‘องค์วรสินเสด็จกลับมาแล้ว’ ทั้งสองจึงรีบออกไปราวกับภูติผีวิญญาณร้าย คราวนั้นองค์วรสินกลับมาได้เวลา แต่เธอกลับถูกเข้าใจผิดเพราะองค์วรสินเองก็ถูกปั่นศีรษะเป่าหูว่าเธอเป็นหญิงแพศยาคบชู้ ทำให้เรื่องราวจบลงด้วยตายจากของเธอและลูกในครรภ์ แรงรักแรงอาฆาตทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นเช่นนี้หลายชาติภพ เธอปล่อยวางตั้งแต่ชาตินั้นแต่คนผู้นี้ไม่อาจปล่อยเธอไป มือใหญ่กระชากเสื้อเธออย่างแรงทำให้ย่าหยาได้สติ หญิงสาวส่งเสียงหวีดร้องแล้วยกเท้าขึ้นถีบเปะปะไปทั่วแต่มือที่น่าขยะแขยงพวกนั้นจับเรียวขาเธอแล้วลูบไล้หยาบคาย คนหนึ่งถือสมาร์ทโฟนบันทึกภาพไว้ราวกับเธอคือนางเอกหนังAV ที่รับบทสาวสวยถูกขื่นใจ แต่นี่คือชีวิตจริงที่เธอกำลังจะถูกชายแปลกหน้ายำยี ‘พี่สิน’ ย่าหยาได้แต่พร่ำเรียกชื่อคนรักในใจ ใช่ เธอรักเขา ไม่ว่าผ่านมากี่ร้อยปีหรือกี่ชาติภพ เธอก็ยังคงรักผู้ชายคนนี้ โครม! เสียงถีบประตูดังสนั่นท
“เอ่อ...เจ้านายครับ ผมไม่เห็นคุณย่าหยาเลยครับ” “อะไรนะ?” “ผมเข้ามารับเอกสารตามที่เจ้านายสั่ง ผมมาถึงคอนโดแล้วแต่ไม่พบคุณย่าหยาเลยครับ เอ่อ...โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ผมถามนิติกรคอนโดก็บอกว่าเห็นคุณย่าหยาเดินออกไปหน้าคอนโดแล้วยังไม่กลับเข้ามาครับ” “เป็นไปได้ยังไง” “ผมว่าแปลกๆนะครับ” “รอที่นั้นก่อน เดี๋ยวฉันลองติดต่อย่าหยาอีกที” คุณาสินวางสายจากลูกน้องแล้วโทรหาย่าหยา ใจของร้อนรุ่มไม่สนใจว่าแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดในห้องทำงานแล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปที่ผนังกระจกที่มองเห็นวิวด้านนอก ตอนนี้เขาอยู่บนตึกสูงระฟ้าแต่หัวใจของเขากำลังดำดิ่งอย่างหวาดวิตก หญิงสาวไม่รับสายและครู่ต่อมาก็เหมือนทโทรศัพท์ดับไปเสียเฉยๆ เขาสบถหัวเสียแล้วเปลี่ยนเป็นโทรตามลูกน้องคนสนิทให้เข้ามาพบเขาทันที และโทรสั่งให้คนของเขาอีกคนไปขอดูกล้องวงจรปิดที่คอนโด เขาสูดลมหายใจลึกพยายามตั้งสติให้มั่น หากเป็นเรื่องอื่นเขาคงรับมือด้วยความใจเย็น แต่นี่เป็นเรื่องของย่าหยา ผู้หญิงที่ครอบครองพื้นที่ทุกตารางนิ้วในหัวใจของเขา ผ่านมาหลายชาติภพ เขาไม่
“โทษหยาเหรอคะ แต่พี่สินเริ่มก่อนนะ” เธออายจนหน้าแดงเรื่อ ไม่รู้ทำไมตอนเช้าเขาถึงมี ‘อารมณ์’ จนต้องจัดหนักก่อนไปทำงานทุกที เธอทำงานที่บ้าน ตื่นสายก็ไม่เป็นไรแต่เขานี่สิ “พี่เป็นเจ้าของบริษัท ไปถึงช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอก” เขายื่นหน้าไปแล้วกระซิบข้างหู “ต่ออีกรอบได้นะครับ” “คนบ้า! ไปทำงานเลย” “ครับๆ รับคำสั่งคุณภรรยาครับ” ย่าหยาไม่อยากจะโต้ตอบอีก ดูเหมือนพูดอะไรไปก็จะเข้าทางเขาเสียหมด คุณาสินยิ้มกว้างแล้วจูบหน้าผากคนรักเบาๆ ก่อนออกไปทำงานเช่นทุกวัน แต่ความรู้สึกนั้นแตกต่างไปจากเดิม เหมือนได้ของหายที่หาไปนานกลับมา 2-3คืนแรก เขานอนหลับไม่สนิทนักเพราะกังวลและกลัวว่าเธอจะหายไป และกลัวว่าเธอจะหวนกลับไประลึกถึงเรื่องราวในอดีต คุณาสินเดินออกมาจากห้องของคนรัก เขาไม่อยากเร่งรัดเธอเกินไป แต่อีกใจก็กลัวจะเสียเธอไปอีก ตอนนี้เขากลายเป็นคนขี้กลัวไปเสียทุกอย่าง บางทีเขาก็นึกขำตัวเอง ตอนที่ยังหาเธอไม่เจอมันก็เป็นความรู้สึกเหงาและเคว้งคว้าง แต่เมื่อได้พบเธอ ได้โอบกอดอีกครั้ง กลับกลัวว่าจะเสียเธอไป เขาอยากใช้ชีวิตกับเธอเ
ทันที่ริมฝีปากร้อนของคนทั้งสองประกบกันอีกครั้ง ร่างกายผ่าวร้อนทาบทับลงมาบดเบียดแนบชิด สิ่งที่ใหญ่โตนั้นร้อนระอุคลอเคลียกลีบเนื้ออ่อนบางที่ยามนี้ฉ่ำชื้นเพราะถูกปลุกเร้าด้วยนิ้วมือร้ายกาจ คุณาสินผละจากริมฝีปากสวยแล้วพรมจูบลำคอขาวผ่องจนเป็นแดงเรื่อ ซุกไซและโลมเลียลำคอระเรื่อลงมาที่เนินอกสวยอีกครั้ง ขบเม้มดูดดึงที่ปลายถันจนเปียกชุ่มทำให้หญิงสาวเผลอใช้ปลายนิ้วจิกลงที่ต้นแขนกำยำอย่างลืมตัว “อื้อ พี่สิน...” ความต้องการของหญิงสาวทวีคูณ ขยับบดเบียดร่างแนบชิดพร้อมกับแยกเรียวขาออก ความปรารถนาจะถูกเติบเต็มทำให้เรียกร้องอย่างไม่เคยทำมาก่อน เขาส่งนิ้วไปสำรวจเบื้องล่างอีกครั้งขยับนิ้วในร่องสาวจนมั่นใจว่าน้ำรักของเธอมากพอจึงประคองแก่นกายของตนส่งเข้าไปที่น้อย “อ๊ะ!” “อย่าเกร็ง” เขาพูดเสียงพร่าและเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานที่แดงเรื่อ ดวงตาของเธอปรือฉ่ำไม่ใช่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ แต่เพราะถูกปรนเปรอสวาทแทบขาดใจ เขาขยับเอวสอบดุนดันเข้าไปที่ละน้อย ขยับออกถอยเข้าเพิ่มความลึกไปที่ละนิดจนปลายหัวบากมุดเข้าไปในร่องสาว ย่าหยาตัวสั่นระริกในขณะที่อีกฝ
“ถ้า...ถ้าฉันไม่ใช่คนในอดีตชาติที่คุณตามหา คุณจะชอบฉันไหม?” มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้ม เขามองเธอนิ่งนานจนเธอรู้สึกเห็นตัวเองในแววตาของเขา “ถ้าคุณเป็นผู้หญิงร้ายๆ หรือมีคนรักแล้ว ผมคงคอยให้ความช่วยเหลือคุณอยู่ห่างๆ แต่นี่คุณเป็นคนอ่อนโยน จริงใจ ถึงคุณจะเลี้ยงหมาแมวเองไม่ได้แต่ก็ช่วยสนับสนุนโอนเงินช่วยเหลือหมาแมวจรอยู่ตลอด นี่ยังไม่รวมที่คุณตรงสเป็คผมอีกด้วยนะ” “คุณรู้ได้ไง...เราเพิ่งเจอกันไม่ใช่เหรอ” เธอมองเขาอย่างไม่เชื่อนัก “ก็คุณเป็นคนที่ผมสนใจ ผมถึงอยากรู้ทุกเรื่องของคุณ” เขายิ้มแววตากรุ้มกริ่ม“แล้วฉันไปตรงสเป็คคุณตรงไหน”“สเป็คผมก็ตัวเล็กซ่อนรูป อะไรที่ผมควรเห็นคนเดียวก็ให้ผมมองคนเดียวก็พอ” ดวงตาฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์ค็อกเทลที่ดื่มไปหลายแก้ว เธอก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขาอีก ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปล้างมือแล้วรินน้ำอุ่นใส่แก้วเซรามิกสีเทาแล้วถือกลับมาให้หญิงสาว “ดื่มน้ำอุ่นๆ แก้แฮงค์ได้บ้าง” มือเรียวเล็กรับน้ำมาดื่มอย่างว่าง่าย เธอจิบไปไม่กี่คำก็ส่งแก้วคืนให้เขา ปลายนิ้วสัมผัสกันเล็กน้อย ทว่าราวกั
“ไหวหรือเปล่า” น้ำเสียงคุ้นเคยเจือความห่วงใยทำให้ย่าหยาเอี้ยวใบหน้าไปมอง แต่ริมฝีปากปัดปลายคางของชายหนุ่มที่โน้มหน้าลงมาพอดี “คะ...คุณ...คุณสิน” “เมาหรือไม่สบาย” “ไม่ได้เมาเสียหน่อย” คุณาสินหัวเราะในลำคอ “คนเมาที่ไหนบอกว่าตัวเองเมา” “นี่คุณ!” “เอ่อ...” เจ้าของงานวันเกิดเอ่ยขึ้น “ย่าหยาจะไม่แนะนำหน่อยเหรอว่า...” ตอนนี้สายตาของเพื่อนสนิททุกคู่จ้องมองที่ย่าหยาและคุณาสิน เพื่อนสาวไม่ได้ขี้เหร่สมัยเรียนก็มีหนุ่มๆมาจีบเยอะแยะแต่ย่าหยาไม่สนใจ แล้วนี่ใครกัน เบ้าหน้าฟ้าประธานแบบนี้เพื่อนสาวไม่เคยปริปากพูดเลยสักคำ “เอ่อ...นี่คุณสิน...คุณาสินเป็น...” “เป็นคนตามจีบย่าหยาครับ” คุณาสินชิงพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ “กรี๊ด!” เพื่อนๆที่เมาได้ที่ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างตื่นเต้น “ตายแล้วยัยย่าหยา มีหนุ่มหล่อมาจีบไม่เห็นเล่าให้เพื่อนฟังเลย” ย่าหยาอายจนหน้าแดงจัด เธอหันไปกวาดตามองเขาที่สวมเสื้อเชิ้ตผูกเนคไทหลวมๆ เข้ากับกางเกงสแล็คสีเข้ม ไม่เห็นเขาหลายวั
คุณาสิน... ชื่อของเขาทำให้เธอพลิกตัวขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปหยิบโน้ตบุ๊กมาเปิดแล้วค้นหาประวัติของผู้ชายคนนั้น แล้วเธอก็อ้าปากค้าง เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด ไม่ใช่เจ้าของบ่อน้ำมันแต่ทำธุรกิจด้านพลังงานทางเลือกอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งที่อายุเพิ่งจะยี่สิบแปดเท่านั้น นามสกุลของเขายังเป็นนามสกุลเดิม เขายังคงเวียนว่ายในห้วงกรรมของตนละมั้ง? ส่วนเธอที่จำอะไรไม่ได้และบอกตัวเองเสมอว่าอยู่กับปัจจุบันมีเพียงความรู้สึกเดียวก็คือเหมือนรอใครสักคน ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธออยู่นี่ไม่ได้ตามแม่ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่ต่างประเทศ หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา ตอนนี้เธอควรจัดการเรื่องของตัวเองดีกว่า หยุดงานเขียนไปหลายวัน รายได้ก็หดหาย มีเรื่องให้สะสางอีกมาก เธอไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเขานี่ยังไงก็ต้องทำงานหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเหมือนเดิมนั้นแหละ ชีวิตปกติของย่าหยาคือเขียนนิยายอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมของตัวเอง นานๆ จึงจะออกจากบ้านไปเปลี่ยนบรรยากาศสักครั้ง หรือไม่ก็ไปซื้อของใช้เข้าบ้านสัปดาห์ละหน ส่วนอาหารการกิน เธอกินง่ายอยู่ง่าย ถ้าไม่สั่งแบบเดริเวอรี่ก็ซื้ออาหารแช่แข็งมาใส่ตู้เย็น