ตั้งแต่วันนั้น...ที่โรงเรียน ฉันก็ไม่ได้เจอพี่ราเรซอีกเลย แล้วก็เหมือนว่าพอเฮียโต้งไม่อยู่ พวกพี่ๆ เขาก็ไม่มาเตะบอลกันอย่างเคย ฉันเลยไม่รู้ว่าแต่ล่ะคนเป็นอย่างไรกันบ้าง
ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะเงยขึ้นไปมองหน้าเขา ฉันก้มหน้ามองเพียงแค่รองเท้า Converse ของเขาสลับกับรองเท้าผ้าใบของตัวเอง “ไปไหนมาค่ะ” เสียงหวานใสพูดขึ้น รองเท้าส้นสูงสีแดงเดินมาหยุดอยู่ข้างรองเท้า Converse ของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ เจ้าของรองเท้าสีแดงคู่นี้คือ พี่ซินดี้ ฉันขยับตัวเดินเลี่ยงๆ พวกเขาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ ใจฉันมันอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแทบตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายมันไม่ยอมทำตามที่ใจต้องการ “เอาล่ะครับ เมื่อน้องปีหนึ่งลงชื่อกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินต่อแถวกันไปยังหอประชุมเลยครับ จะได้เริ่มกิจกรรมต่อไป” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมที่ถือไมค์อยู่ประกาศบอก ฉันชำเลืองไปมองที่ป้ายชื่อของพี่เขาเขียนว่า P’ บาส หอประชุม... “เอาล่ะครับน้องๆ ให้น้องปีหนึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะหกคนนะครับ ขาดเกินอย่างไรเดี๋ยวพี่ดูให้ เริ่มครับ” เมื่อสิ้นคำพูดของพี่บาส ฉันกับเพื่อนๆ ก็ต่างจับกลุ่มกันยกใหญ่ ฉันกับแก้มใสดึงมือแพรวกับน้ำมาเข้ากลุ่ม “อีกสองคนใครดี” แพรวถามขึ้น “แต่ล่ะกลุ่มให้มีชายหญิงด้วยนะครับ อย่าชายล้วนหญิงล้วน” เสียงพี่บาสประกาศบอกอีกครั้ง “แพรวแกถนัด ไปดึงผู้ชายมาสิ” น้ำกระซิบบอกแพรว “ดั้ยค่ะ คริๆ ๆ” แพรวหัวเราะอย่างชอบใจ และแล้วแพรวก็ไปดึงเพื่อนผู้ชายมาสองคน ซึ่งก็ถือว่าน่ารักทั้งคู่เลยล่ะ ตอนที่แพรวไปดึงเขามาเหมือนทั้งสองคนจะไม่ค่อยพอใจ แต่พอมาเจอฉันกับแก้มใส สองคนนี้กลับยิ้มแป้นอย่างเห็นได้ชัด “เอาล่ะ กลุ่มไหนคนครบแล้วนั่งลงนะครับ พี่จะได้ดูว่าเหลือใครบ้าง” ฉันกับเพื่อนนั่งลงเป็นวงกลมทันทีที่คนในกลุ่มครบแล้ว “ต่อไปก็แนะนำตัวเองกับเพื่อนๆ ในกลุ่มเลยนะครับ” พี่บาสบอก “เราชื่อธามนะ” เพื่อนผู้ชายคนแรกแนะนำตัว “เราชื่อเฟรมนะ” เพื่อนผู้ชายคนที่สองบอก “คนที่ขาวๆ หมวยๆ ชื่อต้าหนิง คนที่น่ารักๆ ชื่อแก้มใส ชื่อแพรวและนี้ก็ชื่อน้ำ” แพรวแนะนำแทนฉันกับเพื่อนๆ เสร็จสับ “มาจากโรงเรียนเดียวกันเหรอ” ธามถาม “ใช่” ฉันตอบ “ต่อไปเรามาเล่นเกมกัน เพื่อทดสอบความสามัคคีกันนะ แต่ล่ะกลุ่มส่งตัวแทนมาหนึ่งคน เพื่อมารับแผ่นกระดาษกับพี่แป้งกลุ่มล่ะหนึ่งใบ” ฉันกับเพื่อนมองหน้ากันเริกรัก แล้วก็เป็นแพรวที่เดินออกไปรับแทนเพื่อนๆ ในกลุ่ม “ได้แผ่นกระดาษครบทุกกลุ่มแล้วนะ ทีนี้ให้น้องปีหนึ่งยืนบนแผ่นกระดาษ ต้องยืนให้ครบทุกคนในกลุ่ม โดยห้ามแยกออกจากกันแล้วพี่จะจับเวลา เอาล่ะ เริ่ม!” สิ้นคำสั่งจากพี่บาส ฉันและเพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็ยืนขึ้นพยายามอยู่บนแผ่นกระดาษให้ครบทุกคน “แก้มกับต้าแกตัวเล็กเข้ามาอยู่ตรงกลางเร็ว” แพรวบอก ฉันกับแก้มใสรีบทำตามอย่างว่าง่าย ฉันกับแก้มยืนกอดกันอยู่ตรงกลาง แล้วแพรว น้ำ ธาม เฟรม อยู่โอบกอดฉันสองคนแน่น รู้สึกว่าธามจะกอดฉันแน่นเหลือเกินนะ... “เริ่มจับเวลา” พี่บาสบอก ฉันกับแก้มใสกอดกันแน่นที่สุดในชีวิตล่ะ และเพื่อนๆ ในกลุ่มด้วยรัดแน่นเกิ๊น... “นิ่งไว้นะ กลุ่มไหนล้มก่อนโดนทำโทษ” พี่บาสบอก ฉันเริ่มไม่ไหวแล้วนะ ทำไมกลุ่มอื่นดูชิวกันจังเลยล่ะ แขนก็เริ่มสั่นหน่อยๆ แล้ว “ต้า แก้มเริ่มจะไม่ไหวแล้ว” แก้มใสบอก ตุบ! และแล้ว...กลุ่มฉันก็แตกจากกัน แต่ที่น่าตกใจก็คือฉันล้มลงไปทับร่างธาม มองเผิ่นๆ เหมือนกับว่าธามกำลังโอบกอดฉันก็ไม่ปาน ฉันหันไปหาแก้มใส นั่นยิ่งหนักกว่าฉันอีก เพราะแก้มใสอยู่ใต้ร่างเฟรม ดูเหมือนว่าเฟรมจะเอามือของตัวเองรองหัวแก้มใสไว้ แพรวเข้ามาพยุงฉันลุกขึ้น น้ำก็เข้าไปดึงเฟรมขึ้นก่อนแล้วค่อยไปดึงแก้มใสตาม “เราจะทำโทษเพื่อนกลุ่มนี้ยังไงดีครับ” พี่บาสหันไปถามเพื่อนกลุ่มอื่นๆ “เดี๋ยวกูพาไปทำโทษเอง” พี่บิ๊กไบค์พูดขึ้น ถ้าเป็นพี่บิ๊กไบค์ค่อยชื่นใจหน่อย หวังว่าพี่บิ๊กไบค์คงไม่ทำโทษพวกฉันหนักหรอกนะ “เดินตามพี่มาครับ” พี่บิ๊กไบค์เดินมาบอกพวกฉัน “ป่ะ ไอ้เรซ” ฉันแทบกัดลิ้นตัวเอง เมื่อได้ยินอีกชื่อคนที่จะมาร่วมทำโทษฉันกับเพื่อนๆ ฉันก้มหน้างุด เมื่อพี่ราเรซเดินเข้ามาใกล้กลิ่นหอมจางๆ แตะจมูกฉันอย่างจัง มันเป็นกลิ่นเดียวกันกับที่ฉันเคยได้กลิ่น..เมื่อตอนนั้น ตอนที่ฉันกอดเขาจากด้านหลัง เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือเฮียโต้ง พี่บิ๊กไบค์เดินนำพวกฉันมายังห้องหนึ่ง มองดูแล้วน่าจะเป็นห้องสัมมนาหรือห้องประชุมย่อย “น้องต้าหนิงกับน้องแก้มใสทำความสะอาดห้องนี้นะครับ” พี่บิ๊กไบค์บอก ฉันมองดูแล้วห้องก็ไม่ได้สกปรกอะไรนะ แต่ว่าเก้าอี้ไม่ค่อยเป็นระเบียบสักเท่าไร “อีกสี่คนตามพี่มานี่” แล้วพี่บิ๊กไบค์ก็พาอีกสี่คนไปยังห้องอื่น ฉันกับแก้มใสช่วยกันจัดเก้าอี้ให้เข้าที่ ก็คงทำได้แค่นี้แหละ เพราะไม่มีอุปกรณ์ในการทำความสะอาดเลยสักชิ้น “น้องแก้มใสครับ ช่วยไปเอาผ้ากับน้ำยาเช็ดกระจกมาให้หน่อยสิ” เสียงพี่ราเรซบอกแก้มใส ถ้าแก้มใสไปฉันก็อยู่กับเขาสองคนนะสิ “เดี๋ยวต้าไปด้วย” ฉันหันไปบอกแก้มใส “นี่พี่ทำโทษน้องอยู่นะครับ น้องปีหนึ่ง” พี่ราเรซพูดขัดขึ้นมาซะก่อน และนั่นทำให้ฉันต้องหันไปมองหน้าเขา ทำไมเขาถึง...ดูดีจัง เขาดูเป็นผู้ใหญ่ เหมือนจะดูดีกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ เพียงแค่นี้ก็ทำให้ใจของฉันเต้นแรง พร้อมทั้งสั่นไหว “ไม่เป็นไรหรอกต้า เดี๋ยวแก้มมา” แก้มใสหันมาบอกฉัน “แล้วต้องไปเอาที่ไหนเหรอคะ” แก้มใสเดินไปถามพี่ราเรซ “อยู่ที่ห้องคณะของเรานะ เดินออกไปเลี้ยวซ้ายถัดจากห้องนี้ไปสองห้อง” พี่ราเรซบอก แก้มใสพยักหน้าเข้าใจแล้วก็เปิดประตูเดินออกไปจากห้อง แล้วฉันจะทำไงล่ะ ทีนี้ ในห้องนี้ก็เหลือแค่ฉันกับพี่ราเรซสองคน “เดี๋ยวต้าไปรอแก้มที่หน้าห้องก็แล้วกัน” ฉันเดินตรงไปยังประตู หวังจะเอื้อมมือไปเปิดประตู แต่ก็โดนมือหนาจับไว้ก่อน ฉันรีบชักมือกลับอย่างตกใจ “ทำไม รังเกียจพี่มากเหรอ” พี่ราเรซถามขึ้น “เปล่าค่ะ ต้าแค่ตกใจ” ฉันบอกตามความจริง พี่ราเรซเดินเข้ามาใกล้ ฉันก้าวถอยหลังอย่างระแวง “กลัวพี่เหรอ” ปากถาม แต่ร่างหนาก็ไม่ยอมหยุด ยังเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ “เปล่านิ” ฉันเดินถอยหลังมาจนชนเข้ากับโต๊ะตัวยาวในห้อง “แล้วถอยหนีทำไม” พี่ราเรซจ้องมองสบตาฉันนิ่ง แววตาของเขาดูราบเรียบ ฉันเดาไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเขาคิดอะไรอยู่ “ก็พี่เดินเข้ามาใกล้ทำไมล่ะ” ฉันมองเขาอย่างระแวง แขนหนาสองข้างยื่นเข้ามากังตัวฉันไว้กับโต๊ะ ฉันรีบยกแขนของตัวเองขึ้นมาดันอกแกร่งไว้ไม่ให้เขาเข้ามาชิดกว่านี้ พี่ราเรซโน้มหน้ามาใกล้ ปลายจมูกโด่งเฉียนแก้มฉันไปนิดเดียว “คิดถึงมั้ง..” เขากระซิบตอบที่ข้างหู ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จะเต้นแรงอะไรหนักหนา ไอ้หัวใจบ้า เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหมดหรอก “คิดถึงทำไมค่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ฉันเผลอสบตากับตาคมเข้าอย่างจัง กลิ่นตัวหอมแตะจมูกชวนหลงใหล “ต้องเป็น...ก่อนใช่ไหม ถึงจะคิดถึงได้” พี่ราเรซยังจ้องมองสบตาฉันไม่ห่าง “งะ..งั้นมั้ง...” ฉันตอบอย่างตะกุกตะกัก “พี่คิดถึงต้านะ..” ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆฉันเบิกตาโตอย่างตกใจ เมื่อริมฝีปากหนาของพี่ราเรซโฉบลงมาทาบทับริมฝีปากบางของฉันอย่างรวดเร็ว สัมผัสนุ่มนิ่มดุจปุยเมฆทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มอย่างหลงใหล ลิ้นชื้นแทรกผ่านกีบปากบางเข้ามาตวัดดูดดึงลิ้นเล็กอย่างช่ำชอง พี่ราเรซแม้มริมฝีปากบนล่างสลับกันเล่นอย่างหยอกล้อ ฉันกำเสื้อนักศึกษาบริเวณอกแกร่งแน่นจนมันเริ่มยับยู้ยี้ ไม่เรียบเหมือนก่อนหน้านี้พี่ราเรซอุ้มฉันขึ้นไปนั่งบนโต๊ะโดยที่ยังไม่ล่ะริมฝีปากออกจากกัน เขาแทรกร่างหนาของตัวเองเข้ามาตรงกลาง ฉันเผลอขยับเรียวขาอ้าออกโอบรอบเอวหน้าไว้อย่างลืมตัวมือหนาข้างหนึ่งลูบไล้เรียวขางามขึ้นมายังขาอ่อนด้านใน ทำให้กระโปรงพีทของฉันเลิกขึ้นสูงแทบจะเห็นกางเกงชั้นในอยู่แล้ว มือหนาลากไล่วนไปมาสร้างความสยิวไม่หยุดย่อน ไม่นานมือหนาข้างนั่นก็หายฟุบเข้าไปภายในกางเกงชั้นใน“อื้อ...อ๊ะ!”ฉันร้องเสียงหลง เมื่อนิ้วเรียวยาวกรีดแทรกเข้ามายังรอยแยกกลางกาย ริมฝีปากของพี่ราเรซลากไล้มายังลำคอระหง เขาแม้มดูดเสียงดัง จ๊วบ.. มันยิ่งทำให้สติของฉันแตกกระเจิงไปอีก“อื้อ... อ๊ะ! อ๊ะ!”ฉันไม่สามา
“พี่ราเรซค่ะ หน้าตาพี่ก็ดีแถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก แต่ทำไมเรื่องผู้หญิงพี่ถึงได้โง่จัง”เสียงเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งพูดขึ้น“พี่โง่ยังไง” ผมยกคิ้วขมวดเป็นปมอย่างสงสัย“แฟนพี่เขานอกใจ แต่พี่ก็ยังคบกับเขาอยู่อีก ไม่ให้เรียกว่าโง่แล้วจะให้เรียกว่าอะไรคะ”สิ่งที่เด็กนี้พูดมา ไม่ได้ทำให้ผมโกรธเธอเลยสักนิดแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย เพราะผมรู้อยู่แล้ว“แล้วจะให้พี่ทำยังไง” ผมยื่นหน้าเข้าไปถามเธอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวและก็ถอยได้แค่นั้นแหละ เพราะด้านหลังมันคือกำแพง“ก็...ไม่รู้สิ คิดเอาเอง” พูดจบ เธอก็ตั้งท่าจะวิ่งหนีผมรีบยกแขนยาวสองข้างกักตัวเธอไว้ที่กำแพง“ถ้าต้าหนิงบอก พี่จะทำตามทุกอย่างเลย” ตากลมโตจ้องมองหน้าผมอย่าง งงๆผมยกยิ้มแสนกระชากใจส่งไปให้เธอ แล้วก็ได้เห็นแก้มเนียนๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ“คือ...ต้า...” เธอยืนพูดอ้ำอึ้งผมจึงขยับตัวเข้าไปใกล้อีก มือเล็กรีบยกขึ้นมาดันอกแกร่งของผมไว้“พี่ฟังอยู่” ผมก้มหน้าลงสบตากับดวงตากลมโตของเธอที่ห่างกันไม่ถึงเซนต์“ราเรซ!” เสียงเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างมากดังขัดขึ้นซะก่อน“ทำอะไรกัน” เธอเดินเข้ามาควงแขนผมอย่างแสดงความเป็นเ
จากนั้นผมก็คบกับฝ้ายมาเรื่อยๆ จนถึง ม.5 เธอก็เริ่มเบื่อผม เพราะผมไม่ค่อยสนใจเธอ เรียนเสร็จผมก็ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนซะส่วนใหญ่ หลังๆ ก็เริ่มมีข่าวมาเข้าหูผมว่าฝ้ายไปกับผู้ชายคนนั้นคนนี้อยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหวงเธอเลยสักนิด“ถ้าเธออยากเลิก ก็ได้นะ”ผมพูดกับฝ้าย เมื่อเห็นเธอไปกินข้าวกับรุ่นพี่คนหนึ่ง“ก็ราเรซไม่ยอมไปไหนกับฝ้ายเลยอ่ะ ฝ้ายก็แค่เหงา คุยเล่นๆไปงั้นเอง ไม่ได้ชอบสักนิด” ฝ้ายตอบ“งั้นก็แล้วแต่เธอแล้วกัน”ผมก็รู้สึกเฉยๆนะ การที่คบกับเธอมันทำให้ไม่มีผู้หญิงมาวุ่นวายกับผมดีผมรู้ตัวเองดีว่าผมทำให้เธอมีความสุขไม่ได้หรอก เธออยากจะไปไหนกับใครมันก็เรื่องของเธอ“ไปเตะบอลบ้านไอ้โต้งกัน” ธามพูดขึ้น เมื่อได้เวลาเลิกเรียนที่บ้านของโต้งมีสนามหญ้าเทียมให้เช่าเล่นฟุตบอลครบวงจร ซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร เพราะมันมีตั้งห้าสนาม แล้วที่บ้านมันยังทำธรุกิจขายส่งอุปกรณ์กีฬาอีกด้วย“ฟรีไหมว่ะ” เลโอถามขึ้น“มึงไปคุยกับป๊ากูเองก็แล้วกัน” โต้งตอบทีทีคลับบ้านของโต้งเป็นตึกคูหาสามชั้น ซึ่งก็ตั้งติดกับสนามฟุตบอล ด้านหน้าตึกเป็นร้านกาแฟและอาหาร ห้องอาบน้ำก็ทำซะหรูหราแทบไม่กล้าอาบกันเลยทีเดียวเมื่
กลับมาปัจจุบัน....ต้าหนิงมาเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเดียวกันกับพวกผม เพราะม๊าของโต้งแกคิดถึงลูกสาวอยากเห็นหน้าทุกวัน“ไอ้พวกเหี้ย อยากตายรึไงว่ะ” นั้นคือสิ่งที่พวกผมได้ยินทุกวันจากปากไอ้โต้งก็น้องสาวคนสวยของมันนะสิ ฮอตไปทั่วโรงเรียนแล้ว ทำให้ไอ้โต้งคันตีนเป็นระยะๆ“เป็นไรว่ะ” เลโอถาม ทั้งที่มันก็รู้สาเหตุอยู่แล้ว“รู้งี้ กูให้เรียนที่โรงเรียนหญิงล้วนต่อดีกว่า” โต้งบ่น“ก็น้องมึงน่ารักขนาดนั้นใครจะไปอดใจไหวว่ะ ใช่ไหมไอ้เรซ”ผมสะดุ้งตัวนิดหน่อยที่ไอ้บิ๊กไบค์มันพูดเหมือนพลาดพิงผม“ก็น่ารักจริงแหละ” ผมตอบไอ้บิ๊กไบค์ไป แบบยิ้มๆ“เป็นเพื่อน กูก็ไม่เว้นโว๊ย เตรียมแดกตีนกูได้เลย”“กลัวแล้วคร๊าบ... อย่าดุนักเลยพี่โต้ง” เลโอพูดอย่างล้อเลียนบิ๊กไบค์กับเลโอพวกมันสองคนนั่งทะเลาะกับไอ้โต้งอย่างเมามัน แต่ว่า..เสียงของพวกมันไม่ได้เข้าหูผมแล้วในตอนนี้ เพราะผมกำลังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามสิบนาทีที่ผ่านมา นึกถึงแก้มเนียนๆ ที่เปล่งเป็นสีแดงอมชมพูของน้องต้าหนิง“มึงยิ้มเชี้ยไร ไอ้เรซ” เสียงไอ้โต้งตะโกนใส่หูผม“กูนั่งยิ้มเฉยๆ ก็ผิดเหรอวะ” ผมหันไปมองหน้าเพื่อน อยากจะขำให้ฟันร่วงกับความพาลไปทั่วของมัน“สงสั
“เป็นไงบ้านแก” แก้มใสถามขึ้น เมื่อฉันเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ“ขอน้ำหน่อย” ฉันยื่นมือไปขอน้ำหวานจากแก้วของเพื่อนพอได้ดื่มน้ำแล้วค่อยยังชั่วหน่อย“ได้คุยกับพี่เขารึเปล่า” แก้มใสถามต่อ“อื้ม..ได้คุย แต่พี่ฝ้ายดันมาเห็นพอดี ก็เลยรีบชิ่งมาก่อน”“เหรอ แกจะโดนพี่ฝ้ายเล่นงานไหม” แก้มใสถามอย่างป็นห่วง“ไม่รู้ดิ”ที่แก้มใสถามอย่างนั้นก็เพราะเวลามีผู้หญิงคนไหนไปยุ่งกับพี่ราเรซก็จะโดนพี่ฝ้ายกลั่นแกล้ง จนไม่กล้าไปยุ่งกับพี่ราเรซอีกเลย ล่าสุดก็เพื่อนร่วมห้องของฉันเอง นางก็แค่ทำขนมไปให้พี่ราเรซเฉยๆ พอพี่ฝ้ายรู้ก็ตามมาด่านางถึงในห้องเรียน พร้อมกับถุงขนมที่ทำไปให้พี่ราเรซ พี่ฝ้ายเอามาระเรงเต็มหน้าเต็มผมเพื่อนร่วมห้องคนนั้นอย่างซะใจ ทำให้เพื่อนร่วมห้องของฉันอับอายจนไม่กล้ามาโรงเรียนหลายวัน“แต่แกมีเฮียโต้งอยู่ ไม่ต้องกลัวไปหรอก” แก้มใสบอก“ต้าไม่ได้กลัวหรอกนะ ต้ากำลังสงสัยพี่ราเรซอยู่”เรื่องพี่ฝ้ายจะมาหาเรื่องฉันหรือเปล่านั้น ไม่ได้คิดมากเลย“สงสัยอะไร” แก้มใสถามอย่างใคร่รู้“ก็ตอนที่บอกเรื่องแฟนของพี่เขาไป พี่ราเรซกลับทำเฉยเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่โกรธ ไม่หึง แถมยังยิ้มหน้าระรื่นอีก” นั่นแฟนเขานะ
ฉันกำลังจะยื่นมือไปรับโทรศัพท์พี่ไผ่เพื่อกดเบอร์โทรของตัวเองให้ ก็มีมือปริศนามาแย่งโทรศัพท์ไปซะก่อน“45”ฉันหันไปมองคนที่แย่งโทรศัพท์ตัดหน้าฉันไป พี่ราเรซ.. เขามาตั้งแต่เมื่อไรเนี้ย แล้วอะไรคือ 45 พี่ราเรซยืนจ้องหน้าพี่ไผ่นิ่ง พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้พี่ไผ่คืน“อะไรของมึงวะ!” พี่ไผ่ถามอย่างหงุดหงิด พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองคืน“ก็เบอร์ไง” พี่ราเรซยืนล้วงกระเป๋ากางเกงตอบอย่างกวนๆ“เบอร์ไรของมึง” พี่ไผ่ถามอย่าง งงๆ“เบอร์รองเท้ากูเนี้ย”“ไอ้สัสนี่ กวนเหรอ!” พี่ไผ่ผลักอกพี่ราเรซอย่างแรง แต่พี่ราเรซก็แค่เซเอง เขาแข็งแรงจะตาย“อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ” ฉันรีบห้ามก่อนที่จะวุ่นวายไปกว่านี้“นี่แฟนน้องต้าหนิงเหรอ” พี่ไผ่หันมาถามฉันฉันมองหน้าพี่ราเรซ แล้วก็ได้รับสายตาดุๆ จากพี่เขากลับมา ทำไมต้องดุกันด้วย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย“เปล่าค่ะ” ฉันตอบตามความจริง“แล้วมึงหวง ทำไมว่ะ” พี่ไผ่หันไปจ้องหน้าพี่ราเรซอย่างเอาเรื่อง“เรื่องของกู” พี่ราเรซตอบอะไรของเขานะ ฉันไม่เข้าใจพี่ราเรซเลยจริงๆ เขาทำตัวไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ทำอย่างกับว่า หึง งั้นแหละ หรือว่าพี่ราเรซหึงฉันงั้นเหรอ บ้าไปแล้ว...“ไอ้เร
ห้องอาบน้ำของสนามสาม....“เฮีย ทำไมไปรับคำท้าเขาแบบนั้น” ฉันเดินตามเฮียโต้งมายังห้องน้ำที่พวกพี่ๆเข้ามาเปลี่ยนชุดกัน“แกไม่ต้องกลัวหรอกต้า เฮียจะไม่รุนแรงกับมัน โอเคร..”“เครบ้าไรล่ะเฮีย ถ้าเฮียแพ้ล่ะ” นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันกังวล“เชื่อมือพวกพี่เถอะ ต้าหนิง” พี่บิ๊กไบค์พูดขึ้น แล้วก็เดินมานั่งข้างเฮียโต้งเพื่อใส่รองเท้าสตั๊ดยี่ห้อดัง“พวกพี่ไม่ใช่ไก่อ่อนให้พวกมันเชือดเล่นนะครับ” พี่เลโอพูดก่อนที่ฉันจะมาหาพวกพี่ๆ ฉันเดินไปหาป๊ามาก่อน ป๊าบอกว่าสามคนนั้นเขามาเช่ารายเดือน เพราะต้องการฝึกทักษะของตัวเอง แล้วพวกเขาก็เป็นนักกีฬาทีมชาติด้วย“ค่ะ ต้ารู้ว่าพวกพี่นะเก่ง แต่เฮียรู้อะไรไหม เพื่อนพี่ไผ่สามคนนั้นนะ เขาเป็นนักกีฬาระดับทีมชาติรุ่นเยาวชนเลยนะ”“ห๊ะ! ห๊ะ! ห๊ะ!” ทั้งสามคนประสานเสียงกัน“แล้วไง พวกพี่ต้องกลัวเหรอ” พี่ราเรซพูดขึ้นเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ใส่เสื้อ ไม่รู้จะโชว์อะไรนักหนา“ก็แค่บอกไว้ค่ะ จะกลัวหรือไม่..ก็เรื่องของพวกพี่”“เอาน่า มันจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว” พี่บิ๊กไบค์พูดแล้วพี่เลโอ พี่บิ๊กไบค์กับเฮียโต้งก็เดินออกไปยังสนามเพื่อวอมร่างกายฉันกำลังจะเดินตามออกไปก็ถูกมือ
ฉันเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องอาบน้ำ สักพักเฮียโต้งกับพี่บิ๊กไบค์ พี่เลโอก็เดินออกมา พวกเขาอยู่ในชุดนักเรียนกันเรียบร้อยแล้ว“อ้าว น้องต้าหนิงมาทำอะไรหน้าห้องอาบน้ำครับ” พี่เลโอถาม“พวกพี่โอเครใช่ไหม” ฉันกลัวว่าพวกพี่ๆ เขาจะคิดมากที่ทีมแพ้ และอาจจะพากันไปด่าคนที่อยู่ในห้องอาบน้ำที่ตอนนี้ยังไม่ยอมออกมา“พวกพี่ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ไอ้เรซนี่ดิ..”ฉันเงยหน้าขึ้นมองพี่บิ๊กไบค์อย่างตกใจ พูดแบบนี้รู้สึกใจคอไม่ดีเลยเหะ.. เขาคงไม่ได้เสียใจขนาดนั้นหรอกมั้ง“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไอ้เรซมันรับปากว่าจะเลี้ยงเหล้าพวกเฮีย เพื่อเป็นการไถ่โทษ” เฮียโต้งเดินเข้ามายี่ผมฉันเล่นอย่างที่เคยทำเป็นประจำ“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วค่ะ แล้วเรื่องที่ท้ากันไว้ล่ะ”ฉันจับมือเฮียโต้งออกจากผม แล้วใช้สองมือสางผมให้เข้าทรงเหมือนเดิม“มันก็แค่ขอจีบ ส่วนจะจีบติดไม่ติดมันก็ขึ้นอยู่กับต้า ถ้าไม่อยากให้เฮียของขึ้นก็อย่าให้มันจีบติดล่ะ” นั้นไง พี่ชายของฉัน เจ้าเล่ห์จริงๆฉันพยักหน้าให้เฮียโต้งอย่างเข้าใจ แล้วพวกพี่ๆ ทั้งสามก็เดินไปที่ร้านกาแฟของมาม๊าทำไมยังไม่ออกมาอีกนะ หลับรึเปล่านั่น ฉันหันซ้ายขวามองดูว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้แล้ว ก็รีบแทรกต
ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆฉันเบิกตาโตอย่างตกใจ เมื่อริมฝีปากหนาของพี่ราเรซโฉบลงมาทาบทับริมฝีปากบางของฉันอย่างรวดเร็ว สัมผัสนุ่มนิ่มดุจปุยเมฆทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มอย่างหลงใหล ลิ้นชื้นแทรกผ่านกีบปากบางเข้ามาตวัดดูดดึงลิ้นเล็กอย่างช่ำชอง พี่ราเรซแม้มริมฝีปากบนล่างสลับกันเล่นอย่างหยอกล้อ ฉันกำเสื้อนักศึกษาบริเวณอกแกร่งแน่นจนมันเริ่มยับยู้ยี้ ไม่เรียบเหมือนก่อนหน้านี้พี่ราเรซอุ้มฉันขึ้นไปนั่งบนโต๊ะโดยที่ยังไม่ล่ะริมฝีปากออกจากกัน เขาแทรกร่างหนาของตัวเองเข้ามาตรงกลาง ฉันเผลอขยับเรียวขาอ้าออกโอบรอบเอวหน้าไว้อย่างลืมตัวมือหนาข้างหนึ่งลูบไล้เรียวขางามขึ้นมายังขาอ่อนด้านใน ทำให้กระโปรงพีทของฉันเลิกขึ้นสูงแทบจะเห็นกางเกงชั้นในอยู่แล้ว มือหนาลากไล่วนไปมาสร้างความสยิวไม่หยุดย่อน ไม่นานมือหนาข้างนั่นก็หายฟุบเข้าไปภายในกางเกงชั้นใน“อื้อ...อ๊ะ!”ฉันร้องเสียงหลง เมื่อนิ้วเรียวยาวกรีดแทรกเข้ามายังรอยแยกกลางกาย ริมฝีปากของพี่ราเรซลากไล้มายังลำคอระหง เขาแม้มดูดเสียงดัง จ๊วบ.. มันยิ่งทำให้สติของฉันแตกกระเจิงไปอีก“อื้อ... อ๊ะ! อ๊ะ!”ฉันไม่สามา
ตั้งแต่วันนั้น...ที่โรงเรียน ฉันก็ไม่ได้เจอพี่ราเรซอีกเลย แล้วก็เหมือนว่าพอเฮียโต้งไม่อยู่ พวกพี่ๆ เขาก็ไม่มาเตะบอลกันอย่างเคย ฉันเลยไม่รู้ว่าแต่ล่ะคนเป็นอย่างไรกันบ้างฉันไม่มีความกล้าพอที่จะเงยขึ้นไปมองหน้าเขา ฉันก้มหน้ามองเพียงแค่รองเท้า Converse ของเขาสลับกับรองเท้าผ้าใบของตัวเอง“ไปไหนมาค่ะ” เสียงหวานใสพูดขึ้นรองเท้าส้นสูงสีแดงเดินมาหยุดอยู่ข้างรองเท้า Converse ของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ เจ้าของรองเท้าสีแดงคู่นี้คือ พี่ซินดี้ฉันขยับตัวเดินเลี่ยงๆ พวกเขาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ ใจฉันมันอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแทบตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายมันไม่ยอมทำตามที่ใจต้องการ“เอาล่ะครับ เมื่อน้องปีหนึ่งลงชื่อกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินต่อแถวกันไปยังหอประชุมเลยครับ จะได้เริ่มกิจกรรมต่อไป” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมที่ถือไมค์อยู่ประกาศบอก ฉันชำเลืองไปมองที่ป้ายชื่อของพี่เขาเขียนว่า P’ บาสหอประชุม...“เอาล่ะครับน้องๆ ให้น้องปีหนึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะหกคนนะครับ ขาดเกินอย่างไรเดี๋ยวพี่ดูให้ เริ่ม
สามปีผ่านไป...06:00 AMต้าหนิงฉันยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ข้างสนามหลังจากวิ่งรอบสนามฟุตบอลครบสามรอบ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของการก้าวเข้าสู่รัวมหาลัยของฉัน ฉันสอบติดคณะเดียวกับเฮียโต้ง คณะบริหารธรุกิจฉันไม่ได้เจอเฮียโต้งหลายเดือนแล้ว เฮียไม่ค่อยกลับบ้านเลยช่วงสามปีที่ผ่านมา โทรไปหาก็ไม่ค่อยว่างเฮียโต้งย้ายไปอยู่ที่คอนโดหลังจากที่เรียนจบมัธยมปลาย ตอนแรกป๊ากับม๊าก็ไม่ยอมหรอก แต่เฮียให้เหตุผลว่ามันสะดวกต่อการไปเรียน เพราะจากบ้านไปมหาลัยก็ไกลพอสมควรพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินลงมายังชั้นล่างเพื่อมาทานอาหารเช้าที่ม๊าเตรียมไว้ให้“สวัสดีครับม๊า”เสียงคนขับรถประจำตัวฉันมาแล้ว พี่ไผ่ ฉันคบกับพี่ไผ่มาสามปีแล้ว เราคบกันแบบเรียบง่าย พี่ไผ่เขาเป็นสุภาพบุรุษมากไม่เคยล่วงเกินฉันเลยสักครั้ง ช่วงหลังๆ มานี้ พี่ไผ่ค่อนข้างจะยุ่งๆ เพราะพี่เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเหมือนกับเพื่อนๆ ของเขา ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา แต่ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แบบนี้มันก็โอเครดี.. และวันนี้พี่เขาว่างพอดีก็เลยอาสาจะไปส่งฉันที่มหาลัย“ทานข้าวเช้ามาหรือยังล่ะลูก ทานกับน้องไหม” เสียงมาม๊าชวนพี่ไผ่อย่างใจดี“เรียบร้อยแล้วค
ST ผับDraw me my picture I’ ll draw your picture And we’ ll move the furnitures in the motel room Sing me a lullaby And kiss me goodnight Like everything’ s still fine in that motel roomวาดภาพฉันสิ และฉันจะวาดภาพเธอ แล้วเราจะย้ายเฟอร์นิเจอร์ในห้องโมเต็ลนี้ ร้องเพลงกล่อมให้ฉัน และจูบราตรีสวัสดิ์ฉัน เหมือนทุกๆ อย่างยังปกติดีในห้องโมเต็ลนั้นWe knew this has to end And we could only pretend Cause our love only leads to dead endเรารู้ว่าเรื่องนี้มันต้องจบลง และเราทำได้แต่แสร้งทำว่ามันยังดีอยู่ เพราะความรักของเรามันมุ่งสู่ทางตันLet’ s just drive out of town Let’ s runaway Let’ s get high Forget the world Forget everythingมาขับรถออกไปจากเมืองนี้กันเถอะ มาวิ่งหนีไปด้วยกัน มามีความสุขด้วยกัน ลืมโลกนี้ไป ลืมทุกๆ อย่าง ไปให้หมดDon’ t worry about this crowd No one you know is around We can do anything we wantไม่ต้องกังวลเรื่องผู้คนเหล่านี้หรอก ไม่มีคนที่เธอรู้จักอยู่หรอกนะ เราอยากทำอะไร
บิ๊กไบค์ผมเดินนำหน้าแก้มใสมายังตันไม้ใหญ่ข้างๆ อาคารเรียน ผมพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นาน กว่าจะกล้าเอ่ยปากบอกกับแก้มใส ยังไงวันนี้ผมก็ต้องบอกกับแก้มใสให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร“มีอะไรคะ” แก้มใสถามขึ้น“คือว่า...พี่..”น่าขายหน้าที่สุดเลย พอถึงเวลาจริงๆ กลับพูดไม่ออกซะงั้น“ไม่มีอะไรแก้มไปนะคะ” แก้มใสหันหลังเตรียมจะเดินกลับ“พี่ชอบแก้มใส..” พูดออกไปแล้ว“อะไรนะคะ..”แก้มใสหันหน้ากลับมาถามด้วยสีหน้างุนงง“พี่ชอบแก้มใส ชอบตั้งแต่วันแรกที่เรามาเรียนที่นี่แล้ว” ผมสารภาพออกไป“แต่แก้มไม่ได้ชอบพี่ค่ะ..” แก้มใสตอบอย่างไร้เยื่อใยผมก้มหน้าลงอย่างสลด ที่ต้องมาผิดหวังตั้งแต่ครั้งแรกยังไม่ได้เริ่มอะไรด้วยซ้ำ“พี่ก็ดีนะ แต่ว่าแก้มมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”ผมเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเรียวได้รูป“มันเป็นใคร” ผมถามด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิดๆ“พี่อยากรู้จริงๆ เหรอ...” แก้มใสยืนกอดอกจ้องหน้าผม“ใช่..”“แก้มชอบพี่โต้งค่ะ”นี่แก้มใสชอบไอ้โต
ต้าหนิงหลังจากวันนั้นที่ฉันไปดูหนังกับพี่ไผ่ ความสัมพันธ์ของเราก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น อันที่จริงพี่ไผ่เขาก็ขอคบกับฉันแล้วล่ะ แต่ฉันยังไม่ทันตอบตกลง ขอเวลามาคิดดูอีกสักหน่อย ซึ่งพี่ไผ่ก็เข้าใจไม่ได้เร่งรัดอะไรฉัน เฮียโต้งก็ชั่งรักษาคำพูดดีจริง เพราะเฮียไม่เคยเข้ามาขัดขว้างหรือวุ่นวายเลย แต่เวลาฉันจะออกไปไหน เฮียมักจะระแวงแล้วก็พูดว่า “ไปกับไอ้หน้าตี๋ใช่ไหม” ทั้งที่ฉันเดินไปแค่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ บ้านนี่เองวันนี้เป็นวันปัจฉิมของพี่มอหก ซึ่งมอสี่อย่างพวกฉันก็ต้องมาดูคอยศึกษางานและช่วยจัดงานให้กับพวกพี่ๆ เพราะปีหน้าพอฉันขึ้นมอห้า พวกฉันก็ต้องมาจัดงานให้กับพวกพี่ๆ มอหกรุ่นต่อไป“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”พี่บิ๊กไบค์เดินมาเรียกฉันกับแก้มให้ไปถ่ายรูปกับพวกพี่ๆ เขา ฉันกับแก้มใสเดินตามพี่บิ๊กไบค์ไปยังซุ่มถ่ายรูป ที่ยอมมาง่ายๆ ก็เพราะฉันเห็นว่าพี่ชายฉันก็อยู่ด้วยหรอกนะ ฉันเดินไปยืนตรงกลางระหว่างพวกเขาเพื่อถ่ายรูป และฉันก็รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันนั้นพยายามเข้าใกล้ฉันเหลือเกิน จนฉันต้องหัน
สามเดือนต่อมา....วันนี้เป็นวันปัจฉิมของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่หก น้องๆ มอสี่และมอห้าได้เตรียมจัดงานให้แก่รุ่นพี่มอหกที่จบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นซุ้มต่างๆ เพื่อให้รุ่นพี่ที่เรียนจบได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และยังมีสิ่งของมอบให้แทนใจและคำพูดว่ามิตรภาพนี้ไม่มีวันจางหายหลังจากเสร็จพิธีรับประกาศนียบัตรของนักเรียนชั้นมอหกแล้ว ผมกับสหายทั้งสามก็พากันมาถ่ายรูปที่หน้าซุ้มต่างๆ ตามแรงจู่จากสาวๆ ทั้งหลายที่ต่างก็มารอถ่ายรูปกับพวกผม“ไอ้ไบค์ มึงไปเรียกสองคนนั้นมาถ่ายรูปดิ” ผมหันไปกระซิบบอกบิ๊กไบค์บิ๊กไบค์ไม่รอช้า มันเดินเข้าไปหาต้าหนิงกับแก้มใสอย่างรู้งาน“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”แล้วสองสาวก็เดินตามบิ๊กไบค์มาอย่างว่าง่าย ต้าหนิงกับแก้มใสเดินมายืนตรงกลางผมรีบเดินไปยืนที่ด้านหลังของต้าหนิงส่วนบิ๊กไบค์ก็เดินไปยืนด้านหลังแก้มใส ผมกับบิ๊กไบค์มองตากันอย่างเข้าใจ ไอ้โต้งก็ยืนอยู่ข้างผมแหละ เลโอก็ยืนอยู่ข้างบิ๊กไบค์ ผมแกล้งเดินเข้าไปให้อกแกร่งชิดที่หลังของต้าหนิงทำให้เธอหันหน้ามาทำตาดุใส่ ผมยืนอมยิ้มอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้แก้มเนียนๆ ของ
ราเรซผมกำลังยืนมองดูคู่รักคู่หนึ่ง ซึ่งกำลังพลอดรักกันอยู่ในรถหรูอย่างไม่อายฟ้าอายดิน นี่กลางวันแดดจ้าแบบนี้ก็ยังไม่มีความละอายแก่ใจกันบ้างเลยผมเดินกลับเข้าในห้องนอนของโต้ง ก็เจอกับบิ๊กไบค์กำลังนั่งสะบัดหัวไปมาอยู่ที่ปลายเตียง“ตื่นนานแล้วเหรอ” บิ๊กไบค์ถามผม“อือ กูจะกลับล่ะ” ผมตอบเพื่อน ซึ่งบิ๊กไบค์ก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจแล้วมันก็ล้มตัวลงนอนต่อ แล้วมันจะตื่นมาเพื่อ...ผมเดินลงมายังชั้นล่างก็เจอกับมาม๊าของเพื่อน“สวัสดีครับม๊า”“อ้าว เมื่อคืนนอนนี้เหรอลูก” มาม๊าถาม พร้อมกับยิ้มให้อย่างใจดี“ครับ”“แล้วโต้งล่ะ ตื่นหรือยัง” ม๊าถามต่อ“ยังครับ นอนอยู่กับบิ๊กไบค์แล้วก็เลโอแหละครับ”“แล้วเรซจะกลับแล้วเหรอ ทานข้าวเช้าก่อนไหม” ม๊าถามอย่างใจดีเพราะแบบนี้ไง ถึงบอกว่า...ถ้าได้เป็นลูกเขยบ้านนี้...มันจะดีนะ“ไม่เป็นไรครับม๊า ขอบคุณครับ”ผมยกมือไหว้มาม๊าอีกครั้ง แล้วท่านก็ยิ้มให้อย่างใจดีเหมือนเคยLay Musicพอผมเดินเข้ามาในตึก ผู้คนที่เดินผ
ต้าหนิงฉันรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง ดีนะ ระหว่างทางที่วิ่งมาไม่มีใครเห็นไม่งั้นคงได้ตอบคำถามยาวเป็นหางว่าวแน่ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับเตียงนุ่มนิ่มอย่างอ่อนแรง ภายในใจของฉันตอนนี้มันว้าวุ่นไปหมด ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงกล้าทำแบบนั้นกับฉันทั้งที่เราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้แล้ว...ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆใจก็เต้นแรงไม่หยุด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นี่ฉันคงไม่ได้หวั่นไหวไปหรอกนะ ที่ใจเต้นแรงแบบนี้ต้องเป็นเพราะ...ฉันตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้แน่ๆ เลย ใช่..มันต้องเป็นแบบนั้น ฉันจะรู้สึกหวั่นไหวกับคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วไม่ได้ เพราะพี่เขา..มีแฟนอยู่แล้วคลื่น......คลื่น......(098765xxxx)เอ๊ะ! เบอร์ใครนะ ไม่เห็นจะคุ้นเลยฉันกำลังลังเลอยู่ ว่าจะรับสายหรือไม่รับสายดี... รับดีกว่า เผื่อเป็นเพื่อนของฉันที่อาจจะเอาเบอร์คนอื่นโทรมา เพราะไม่มีใครมีเบอร์ของฉันนอกจากเพื่อนแล้วก็คนในครอบครัว“ฮัลโลค่ะ”ฉันกดรับสายกรอกเสียงพูดลงไป“ใช่เบอร์ของน้องต้าหนิงหรือเปล่าครับ”เสียงผู้ชายด้วย แถมยังรู้ชื่อฉันอีกต่างหาก“ใครคะ แล้วเอาเบอร์นี้มาได้ยังไง”ฉันถามกลับ โดยที่ไม่ตอบคำถามเขา“