ราเรซ
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงนอน เช้าแล้วเหรอ... ผมหันกลับมามองความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของผมทั้งคืน ยังไม่ตื่นเลย... สงสัยจะเพลียมาก เพราะโดนผมจัดหนักไปหลายรอบ ก็ไม่อยากจะหักโหมมากหรอก ผมแค่กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอต้าหนิงอีก กลัวเธอจะหนีไปเหมือนเมื่อวันก่อน ก็เลยต้องจัดหนักให้หมดแรงกันไปข้าง จะได้ไม่มีแรงลุกหนีผมไปไหนได้อีก ผมเลื่อนจมูกโด่งชิดแก้มเนียนถูวนไปมา แล้วมือน้อยๆ ของต้าหนิงก็ยกขึ้นมาผลักหน้าผมออก ทำให้ผ้าห่มที่คลุมช่วงบนอยู่เปิดออก เผยให้เห็นดอกบัวคู่งามที่มีรอยแดงเป็นจ้ำเต็มไปหมด ผมรู้ว่าวันนี้ต้าหนิงมีเรียนก็เลยไม่ทำรอยที่ลำคอ เดี๋ยวผมจะโดนไอ้โต้งลากไปกระทืบอีก ผมก็เลยมาทำใต้ร่มผ้าแทน พอยกมือขึ้นมาปัดหน้าผม ต้าหนิงก็หลับต่อ ยังไม่รู้ตัวอีก... เล่นล่อตากันแต่เช้าแบบนี้ พี่ก็อดไม่ไหวนะ ผมเลือนริมฝีปากลงไปครอบครองยอดอกของต้าหนิง ซึ่งตอนแรกมันก็สงบนิ่งดีอยู่หรอก แต่พอโดนปลายลิ้นเขี่ยเข้าให้ก็ชูชันขึ้นมาทันที พร้อมกันเจ้าของที่ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมด้วยความตกใจ “พี่เรซ.. เล่นอะไรเนี้ย หยุดนะ” ต้าหนิงพยายามดันไหล่ของผมออก แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรสักนิด รู้สึกเหมือนแมลงบินผ่าน “อือ...พี่เรซ..” เรื่องอะไรจะหยุดล่ะ ได้กินแล้วมันก็ต้องกินให้อิ่ม ผมยังใช้ปากครอบครองยอดอกของต้าหนิงอยู่อย่างนั้น ร่างบางดิ้นเร้าไปมาแลดูน่ากินเข้าไปอีก ตอนนี้เริ่มรู้สึกตึ่งหน่อยๆ ที่ช่วงล่างล่ะ เล่นเองเสียวเอง... “พะ..อือออ” ผมเลือนริมฝีปากขึ้นไปประกบปิดปากของต้าหนิงทันที ตอนแรกก็แค่จะแกล้งเฉยๆ แต่ว่าตอนนี้คงแค่นั้นไม่ได้แล้วล่ะ ผมเลื่อนมือไปที่โต๊ะข้างเตียงเพื่อหยิบเครื่องป้องกันออกมาจากลิ้นชัก โดยที่ไม่ล่ะริมฝีปากออกจากริมฝีปากบางของต้าหนิง ผมพละตัวออกอย่างรวดเร็วเพื่อใส่เครื่องป้องกัน ร่างบางกำลังจะพลิกตัวหนี ผมก็เลยสอดเข้าทางด้านหลังซะเลย ชอบหนีดีนัก “อ๊ะ...” ผมยกขาข้างหนึ่งของต้าหนิงขึ้นในท่านอนตะแคง ถาโถมแรงทั้งหมดที่มีใส่เข้าไปเต็มเหนี่ยว ร่างบางสั่นไหวไปตามแรงส่งจากสะโพก “ต้าไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊ะ” ผมเร่งจังหวะให้เร็วและถี่กว่าเดิมเพื่อที่จะตามคนตัวเล็กไห้ทัน “ซี๊ดดดด” ผมสูดปากอย่างสุขสมเมื่อถึงที่หมาย ผมพละตัวออกจากร่างบางมานั่งจัดการตัวเองที่ปลายเตียง ผมรู้สึกถึงแรงยุบของเตียงนอนที่ด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นต้าหนิงกำลังหอบผ้าห่มวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ พอเข้าห้องน้ำได้ก็โพล่หัวออกมาตะโกนว่าผม “คนบ้า..” ผมทำท่าจะลุกขึ้นเดินไปหา ต้าหนิงรีบปิดประตูห้องน้ำทันที แล้วผมก็มานั่งยิ้มอยู่คนเดียว จะน่ารักไปถึงไหน... หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวและทานข้าวเช้าเสร็จ ผมก็ขับรถพาต้าหนิงมาที่หอพักเพื่อนของเธอ เพื่อมาเปลี่ยนชุด เพราะวันนี้ต้าหนิงมีเรียน “ให้พี่ไปช่วยเปลี่ยนไหม” ผมถามขึ้นเมื่อรถจอดสนิทที่หน้าหอพัก “ไม่ต้องเลยค่ะ” ต้าหนิงหันหน้ามาส่งสายตาดุให้ผม “แต่พี่น่ะ ถอดชุดเร็วนะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทำให้ต้าหนิงผละถอยหลังไปเล็กน้อย “คนเจ้าเล่ห์” “ชอบชมพี่จัง ให้รางวัลดีไหม” ผมยื่นหน้าเข้าไปอีกครั้ง ต้าหนิงรีบยกมือบางขึ้นมาปิดปากผมไว้ “ไม่ต้องเลยค่ะ ไม่อยากได้” จุ๊บ... “พี่เรซ..” จุ๊บปากไม่ได้ผมก็เลยจุ๊บที่ฝ่ามือแทน ต้าหนิงรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว “รออยู่นี่แหละค่ะ” ต้าหนิงเปิดประตูลงไปยืนที่ข้างรถแล้วหันมาสั่งผม ผมจึงส่งยิ้มหวานไปให้ และก็ได้เห็นแก้มเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อตอบกลับมา ผมนั่งรออยู่สักพักก็เห็นต้าหนิงกับเพื่อนอีกสามคนเดินตามมาด้วย ต้าหนิงเอื้อมมือมาเปิดประตูรถแล้วถามผม “ให้เพื่อนต้าไปด้วยนะคะ” “ได้สิ ขึ้นมาเลย” ผมยิ้มให้กับเพื่อนๆ ของต้าหนิง มหาลัย.... “เลิกเรียนกี่โมง” ผมหันไปถามต้าหนิง เมื่อจอดรถสนิทพร้อมกับดับเครื่องยนต์ “บ่ายสองค่ะ” “เลิกเรียนแล้วก็มารอตรงนั้น ห้ามเบี้ยวอีกนะ” ผมแอบขู่ไปเล็กน้อย “รู้แล้วน๊า..” ต้าหนิงหันมาทำหน้าง้อใส่ ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนอยู่ด้วยนะ อยากจะเอื้อมมือไปล็อกหน้าเข้ามาบดขยี้ที่ริมฝีปากเชิดๆ นั่นซะหน่อย ใจเย็นราเรซ.. ผมเตือนตัวเองอยู่ในใจ พอสี่สาวเดินหายลับเข้าไปในตึกคณะ ผมก็เดินเข้ามาในห้องเรียนของตัวเอง เมื่อเดินเข้ามาในห้องก็เจอกับ บิ๊กไบค์และเลโอ ส่วนไอ้โต้งไม่เห็น สงสัยยังไม่มา เพราะที่จอดรถประจำของมันก็ยังว่างอยู่ “ยิ้มหน้าระรื่นมาเลยนะมึง มีอะไรดีเหรอว่ะ วันนี้” เสียงทักทายจากเลโอ “มันก็คงได้กินอาหารเช้าที่ถูกปากมาแหละ” บิ๊กไบค์พูดขึ้น พร้อมกับมองหน้าผมแบบยิ้มๆ เมื่อผมเดินไปนั่งลงข้างมัน “กินอะไรมาว่ะ กูจะได้ไปหากินบ้าง” เลโอยังสงสัยอยู่ “กินตีนกูไง” แล้วก็เป็นไอ้โต้งที่ตอบแทน มันเดินมานั่งข้างผม ไอ้นี่มันตัวทำลายบรรยากาศจริงๆ “ไอ้นี่ มาถึงก็แจกหมาเลยนะมึง” เลโอแขวะโต้ง “กูพูดจริง ไม่เชื่อมึงก็ถามมันดูดิ” ไอ้เหี้ยโต้ง...ผมแอบด่าเพื่อนอยู่ในใจ “แสดงว่ามึงเคลียร์กันแล้วดิ ถึงว่า... ไอ้ห่านี่เลยดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ” ไอ้บิ๊กไบค์ก็แสนรู้ไปซะทุกเรื่องจริงๆ ผมไม่เคยปิดบังอะไรมันได้เลย “พวกมึงคุยอะไรที่กูพอจะเข้าใจหน่อยดิ สัส” หนูน้อยเลโอผู้น้อยใจเพื่อนๆ “ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ” แล้วเพื่อนสามคนก็พากันขำให้กับเลโอ ผู้ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขา “ขำอะไรกันค่ะหนุ่มๆ” ซินดี้เดินเข้ามาทักทาย และเธอก็จงใจหยุดอยู่ตรงหน้าผมด้วย “ไงจ๊ะ ซินดี้ วันนี้เสื้อเธอดูหดลงอีกแล้วนะ” เลโอหันมาส่งยิ้มหวานให้ซินดี้ ไอ้นี่ พอเห็นหญิงแล้วระริกระรี้เลย “ก็เสื้อตัวที่เคยใส่โดนคนแถวนี้กระชากขาดไปนะ” เธอจงใจส่งยิ้มยั่วยวนมาให้ผม “ใครเหรอ” เลโอถามต่อ “ก็...” ซินดี้ส่งสายตามาที่ผม “ไอ้เพื่อนเวร ปาดหน้ากูตลอด” แล้วผมก็โดนไอ้เลโอด่าจนได้ เริ่มทำตัวน่ารำคาญล่ะ อย่าให้ผมได้ใจร้ายนะ เพราะพูดดีด้วยแล้วไม่ฟังเอง “เธอไม่ต้องกลัวว่าเสื้อจะขาดอีกแล้วล่ะ” ผมมองเธอด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง ใบหน้าไม่ได้มีรอยยิ้มให้ เพราะผมเก็บมันไว้ให้ต้าหนิงคนเดียว “ทำไมล่ะ” ซินดี้แสดงสีหน้ากังวลออกมา “เพราะถ้ามันทำแบบนั้นอีก มันจะโดนตีนฉันไง” และก็เป็นไอ้โต้งที่ตอบแทนผม “หมายความว่าไง” ซินดี้จ้องหน้าผมสลับกับโต้งไปมา “ตามนั้น” ผมหันไปพูดกับไอ้โต้ง ซึ่งเหมือนกับเป็นการรับปากมันอย่างอ้อมๆ ว่าผมจะไม่ไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีก “ไปนั่งที่ได้แล้วครับคนสวย พวกเราจะตั้งใจเรียนกันครับ” คำพูดไล่ซินดี้อย่างสุภาพเป็นใครไปไม่ได้ บิ๊กไบค์ นั่นเอง ซินดี้เดินฟึดฟัดไปนั่งที่โต๊ะ พอดีกับที่อาจารย์เดินเข้ามาสอน 14:20 PM พอเรียนเสร็จผมก็เดินมาที่รถทันทีหวังจะได้เห็นใบหน้าหวานๆ นั่งรออยู่ แต่พอมาถึงกลับพบกับความว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงา ไม่ฟังกันเลยใช่ไหม ชอบให้ผมของขึ้นอยู่เรื่อยเลย ยัยเด็กดื้อ.. ผมยืนบ่นต้าหนิงอยู่ในใจอย่างหัวเสีย “พี่ราเรซค่ะ” ผมหันไปตามเสียงเรียกก็เจอกับแก้มใสเพื่อนของต้าหนิง สีหน้าเธอดูอึดอัดและเป็นกังวลอยู่หน่อยๆ “มีอะไรรึเปล่า” ผมยิ้มให้อย่างใจดี แล้วแก้มใสก็ดูผ่อนคลายลงนิดหน่อย “คือว่า ต้ามันไม่ได้ตั้งใจจะเบี้ยวพี่ราเรซหรอกนะคะ” “แล้วต้าหนิงไปไหน” ผมยังยิ้มให้แก้มใสอยู่ เพราะเธอแสดงสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร แก้มใสถือว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของต้าหนิงเลยล่ะมั้ง และอาการกังวลของแก้มใสในตอนนี้มันต้องมีความเกี่ยวข้องกับต้าหนิงแน่นอน “พี่ไผ่มารับกลับบ้านไปแล้วค่ะ”“พี่ไผ่มารับกลับบ้านไปแล้วค่ะ”ทันทีที่ได้ยินคำตอบ มันก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าผมหายวับไปในพริบตา ทำไมมันต้องมีมารมาขัดขว้างตลอดเลยว่ะ แก้มใสยืนมองหน้าผมอย่างหวาดหวั่น สงสัยกลัวผมจะอารมณ์เสียใส่ล่ะมั้ง“ขอบคุณครับ ที่มาบอกพี่” ผมยิ้มให้แก้มใสอีกครั้ง“ค่ะ พี่ราเรซอย่างโกรธต้าหนิงเลยนะคะ ที่จริงต้ามันก็มานั่งรอตามที่พี่ราเรซบอก แต่ว่า...”“ไม่เป็นไรครับ แล้วเรากลับยังไงล่ะ”“กลับรถเมล์ค่ะ”“เดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามปฏิเสธ”ผมแค่อยากตอบแทนที่แก้มใสเดินมาบอก ไม่งั้นผมคงจะโกรธคนตัวเล็กไปแล้ว เพราะคิดว่าเธอไม่มารอตามนัด และการที่แก้มใสเดินมาบอกผมแบบนี้แสดงว่าเธอกำลังเชียร์ผมอยู่“แก้มใสกับต้าหนิงสนิทกันมากเลยเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากมหาลัยได้สักพัก“ค่ะ ตั้งแต่อนุบาลเลย แก้มไม่ค่อยมีเพื่อนนะคะ ตอนเด็กๆ แก้มมักจะโดนเพื่อนแกล้งและก็โดนล้อว่าไม่มีพ่ออยู่เป็นประจำ ต่างกับต้าหนิงรายนั้นนะเพื่อนเยอะ มีแต่คนรุมรอบ คริๆ เพราะต้าหนิงน่ารักและสดใสอยู่ตลอดเวลา” เธอเล่าไปขำไป“ฮอตตั้งแต่เด็กเลยเหรอ ยัยเด
“เราเป็น..” พี่ซินดี้กำลังจะตอบ“เพื่อนสมัยมัธยมพี่นะ” แต่พี่ไผ่กลับชิ่งตอบซะก่อน แล้วพี่ซินดี้ก็หันมามองหน้าพี่ไผ่แปลกๆ“แล้วสองคนรู้จักกันได้ไง” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน“เราเป็นแฟนกัน” พี่ไผ่ตอบแทน“จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้” พี่ซินดี้หันไปคุยกับพี่ไผ่“ทำไมล่ะ ฉันจะมีแฟนน่ารักๆ ไม่ได้หรือไง”“งั้นก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเอาใจใส่”“ต้าหนิงไม่ใช่คนเรื่องมาก และฉันก็เอาใจใส่แฟนฉันอยู่แล้ว”ทำไมฉันรู้สึกเหมือนสองคนนี้กำลังเถียงกันโดยทางอ้อมนะ ใบหน้าที่กำลังปั้นยิ้มใส่กันนั่นอีก“ต้าอิ่มแล้วค่ะ” ฉันพูดโพล่ขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกจิกกัดกันด้วยสายตาสักที“กลับบ้านกัน เพื่อนพี่น่าจะไปรอที่สนามแล้วล่ะ” พี่ไผ่บอก“จะไปไหนกันต่อเหรอ” พี่ซินดี้ถามขึ้น“ออ ที่บ้านต้ามีสนามหญ้าเทียมให้เช่านะคะ พี่ไผ่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลกัน” ฉันพูดกระจายต่อมความอยากรู้ให้พี่ซินดี้ฟัง“ขอไปด้วยสิ คือซินดี้อยากไปเที่ยวบ้านน้องต้าหนิงอ่ะ ไปได้ไ
“ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้“อ๊ะ..ไผ่”“แรงอีก อ๊ะ..” เสียงเก้าอี้นั่งดัง เอี๊ยด อ๊าด ทำให้ฉันแสบแก้วหู“อ่า..ซินดี้..” เสียงพี่ไผ่ครางต่ำฉันถึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่ พวกเขาทำอะไรกัน แสลงหูที่สุดเลย แต่ที่หนักกว่าด้านนอกก็คงจะเป็นพี่ราเรซในตอนนี้ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง ฉันรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขึงกำลังจ่ออยู่ที่หน้าท้องของฉัน“พี่ไม่ไหวแล้วต้า..” เสียงพี่ราเรซกระซิบแหบพร่าชิดริมหู เรียกขนในกายให้รุกชันอย่างซาบซ่านพี่ราเรซจับเสื้อยืดฉันถอดขึ้นออกทางศีรษะ มือหนาปลดตะขอบราออกในทันที แขนแกร่งข้างหนึ่งรั้งเอวบางฉันเข้าไปชิดตัว ริมฝีปากหนาก้มลงมาครอบครองยอดอกดูดเม้มอย่างรุนแรง มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงเข้าไปในกางเกงชั้นใน ส่งนิ้วเรียวเข้าไปสะกิดกับจุดอ่อนไหวกลางกาย พี่ราเรซง้อข้อมือเข้าออกอย่างรัวเร็ว เรียวขางามเริ่มสั่นนิดๆ ทรงตัวไม่อยู่ เพราะโดนพี่ราเรซเล้าโลมทั้งบนและล่างอย่างจาบจ้วง เมื่อพี่ราเรซถอด
“พวกเพื่อนพี่ชายของต้ามานอนที่บ้านบ่อยเหรอ” พี่ไผ่ถามขึ้นหลังจากที่พวกเฮียโต้งไปกันหมดแล้ว“เมื่อก่อนก็บ่อยล่ะคะ แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ค่อยมาเท่าไร”“แล้วในบรรดาพวกเพื่อนของพี่ชายต้า มีใครทำอะไรไม่ดีกับต้าหรือเปล่า..” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ไผ่อย่าง งงๆ นี่เขาอยากจะถามอะไรฉัน“พี่หมายถึง แบบว่า มีใครที่นิสัยไม่ดี ชอบมาวุ่นวายกับต้า อะไรประมาณนี้”ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“ไม่นี่ค่ะ พวกเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายกับต้าหรอก” ฉันจำต้องตอบพี่ไผ่ไปแบบนั้น“ถ้ามีอะไร ก็บอกพี่ได้นะ” พี่ไผ่ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี“ค่ะ”“น้องต้าครับ พี่ขอน้ำแข็งสักสองถังหน่อยสิ พวกพี่จะตั้งวงกันบนดานฟ้า” พี่บิ๊กไบค์โผล่หน้าจากทางขึ้นบันไดบ้านมาบอกกับฉัน“จะดื่มกันแต่ตั้งหัววันเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่บิ๊กไบค์“ครับ พอดีว่าไอ้เรซมันกำลังเฮิร์ทนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นหมาหงอยซะงั้น”คำพูดของพี่บิ๊กไบค์ มันทำให้ฉันใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงไม่ได้เป็นเพราะฉันหรอกนะ“ป่ะ ไอ้ไบค์ ไ
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“พี่ราเรซค่ะ หน้าตาพี่ก็ดีแถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก แต่ทำไมเรื่องผู้หญิงพี่ถึงได้โง่จัง”เสียงเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งพูดขึ้น“พี่โง่ยังไง” ผมยกคิ้วขมวดเป็นปมอย่างสงสัย“แฟนพี่เขานอกใจ แต่พี่ก็ยังคบกับเขาอยู่อีก ไม่ให้เรียกว่าโง่แล้วจะให้เรียกว่าอะไรคะ”สิ่งที่เด็กนี้พูดมา ไม่ได้ทำให้ผมโกรธเธอเลยสักนิดแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย เพราะผมรู้อยู่แล้ว“แล้วจะให้พี่ทำยังไง” ผมยื่นหน้าเข้าไปถามเธอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวและก็ถอยได้แค่นั้นแหละ เพราะด้านหลังมันคือกำแพง“ก็...ไม่รู้สิ คิดเอาเอง” พูดจบ เธอก็ตั้งท่าจะวิ่งหนีผมรีบยกแขนยาวสองข้างกักตัวเธอไว้ที่กำแพง“ถ้าต้าหนิงบอก พี่จะทำตามทุกอย่างเลย” ตากลมโตจ้องมองหน้าผมอย่าง งงๆผมยกยิ้มแสนกระชากใจส่งไปให้เธอ แล้วก็ได้เห็นแก้มเนียนๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ“คือ...ต้า...” เธอยืนพูดอ้ำอึ้งผมจึงขยับตัวเข้าไปใกล้อีก มือเล็กรีบยกขึ้นมาดันอกแกร่งของผมไว้“พี่ฟังอยู่” ผมก้มหน้าลงสบตากับดวงตากลมโตของเธอที่ห่างกันไม่ถึงเซนต์“ราเรซ!” เสียงเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างมากดังขัดขึ้นซะก่อน“ทำอะไรกัน” เธอเดินเข้ามาควงแขนผมอย่างแสดงความเป็นเ
จากนั้นผมก็คบกับฝ้ายมาเรื่อยๆ จนถึง ม.5 เธอก็เริ่มเบื่อผม เพราะผมไม่ค่อยสนใจเธอ เรียนเสร็จผมก็ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนซะส่วนใหญ่ หลังๆ ก็เริ่มมีข่าวมาเข้าหูผมว่าฝ้ายไปกับผู้ชายคนนั้นคนนี้อยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหวงเธอเลยสักนิด“ถ้าเธออยากเลิก ก็ได้นะ”ผมพูดกับฝ้าย เมื่อเห็นเธอไปกินข้าวกับรุ่นพี่คนหนึ่ง“ก็ราเรซไม่ยอมไปไหนกับฝ้ายเลยอ่ะ ฝ้ายก็แค่เหงา คุยเล่นๆไปงั้นเอง ไม่ได้ชอบสักนิด” ฝ้ายตอบ“งั้นก็แล้วแต่เธอแล้วกัน”ผมก็รู้สึกเฉยๆนะ การที่คบกับเธอมันทำให้ไม่มีผู้หญิงมาวุ่นวายกับผมดีผมรู้ตัวเองดีว่าผมทำให้เธอมีความสุขไม่ได้หรอก เธออยากจะไปไหนกับใครมันก็เรื่องของเธอ“ไปเตะบอลบ้านไอ้โต้งกัน” ธามพูดขึ้น เมื่อได้เวลาเลิกเรียนที่บ้านของโต้งมีสนามหญ้าเทียมให้เช่าเล่นฟุตบอลครบวงจร ซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร เพราะมันมีตั้งห้าสนาม แล้วที่บ้านมันยังทำธรุกิจขายส่งอุปกรณ์กีฬาอีกด้วย“ฟรีไหมว่ะ” เลโอถามขึ้น“มึงไปคุยกับป๊ากูเองก็แล้วกัน” โต้งตอบทีทีคลับบ้านของโต้งเป็นตึกคูหาสามชั้น ซึ่งก็ตั้งติดกับสนามฟุตบอล ด้านหน้าตึกเป็นร้านกาแฟและอาหาร ห้องอาบน้ำก็ทำซะหรูหราแทบไม่กล้าอาบกันเลยทีเดียวเมื่
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ
“พวกเพื่อนพี่ชายของต้ามานอนที่บ้านบ่อยเหรอ” พี่ไผ่ถามขึ้นหลังจากที่พวกเฮียโต้งไปกันหมดแล้ว“เมื่อก่อนก็บ่อยล่ะคะ แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ค่อยมาเท่าไร”“แล้วในบรรดาพวกเพื่อนของพี่ชายต้า มีใครทำอะไรไม่ดีกับต้าหรือเปล่า..” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ไผ่อย่าง งงๆ นี่เขาอยากจะถามอะไรฉัน“พี่หมายถึง แบบว่า มีใครที่นิสัยไม่ดี ชอบมาวุ่นวายกับต้า อะไรประมาณนี้”ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“ไม่นี่ค่ะ พวกเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายกับต้าหรอก” ฉันจำต้องตอบพี่ไผ่ไปแบบนั้น“ถ้ามีอะไร ก็บอกพี่ได้นะ” พี่ไผ่ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี“ค่ะ”“น้องต้าครับ พี่ขอน้ำแข็งสักสองถังหน่อยสิ พวกพี่จะตั้งวงกันบนดานฟ้า” พี่บิ๊กไบค์โผล่หน้าจากทางขึ้นบันไดบ้านมาบอกกับฉัน“จะดื่มกันแต่ตั้งหัววันเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่บิ๊กไบค์“ครับ พอดีว่าไอ้เรซมันกำลังเฮิร์ทนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นหมาหงอยซะงั้น”คำพูดของพี่บิ๊กไบค์ มันทำให้ฉันใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงไม่ได้เป็นเพราะฉันหรอกนะ“ป่ะ ไอ้ไบค์ ไ
“ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้“อ๊ะ..ไผ่”“แรงอีก อ๊ะ..” เสียงเก้าอี้นั่งดัง เอี๊ยด อ๊าด ทำให้ฉันแสบแก้วหู“อ่า..ซินดี้..” เสียงพี่ไผ่ครางต่ำฉันถึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่ พวกเขาทำอะไรกัน แสลงหูที่สุดเลย แต่ที่หนักกว่าด้านนอกก็คงจะเป็นพี่ราเรซในตอนนี้ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง ฉันรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขึงกำลังจ่ออยู่ที่หน้าท้องของฉัน“พี่ไม่ไหวแล้วต้า..” เสียงพี่ราเรซกระซิบแหบพร่าชิดริมหู เรียกขนในกายให้รุกชันอย่างซาบซ่านพี่ราเรซจับเสื้อยืดฉันถอดขึ้นออกทางศีรษะ มือหนาปลดตะขอบราออกในทันที แขนแกร่งข้างหนึ่งรั้งเอวบางฉันเข้าไปชิดตัว ริมฝีปากหนาก้มลงมาครอบครองยอดอกดูดเม้มอย่างรุนแรง มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงเข้าไปในกางเกงชั้นใน ส่งนิ้วเรียวเข้าไปสะกิดกับจุดอ่อนไหวกลางกาย พี่ราเรซง้อข้อมือเข้าออกอย่างรัวเร็ว เรียวขางามเริ่มสั่นนิดๆ ทรงตัวไม่อยู่ เพราะโดนพี่ราเรซเล้าโลมทั้งบนและล่างอย่างจาบจ้วง เมื่อพี่ราเรซถอด
“เราเป็น..” พี่ซินดี้กำลังจะตอบ“เพื่อนสมัยมัธยมพี่นะ” แต่พี่ไผ่กลับชิ่งตอบซะก่อน แล้วพี่ซินดี้ก็หันมามองหน้าพี่ไผ่แปลกๆ“แล้วสองคนรู้จักกันได้ไง” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน“เราเป็นแฟนกัน” พี่ไผ่ตอบแทน“จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้” พี่ซินดี้หันไปคุยกับพี่ไผ่“ทำไมล่ะ ฉันจะมีแฟนน่ารักๆ ไม่ได้หรือไง”“งั้นก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเอาใจใส่”“ต้าหนิงไม่ใช่คนเรื่องมาก และฉันก็เอาใจใส่แฟนฉันอยู่แล้ว”ทำไมฉันรู้สึกเหมือนสองคนนี้กำลังเถียงกันโดยทางอ้อมนะ ใบหน้าที่กำลังปั้นยิ้มใส่กันนั่นอีก“ต้าอิ่มแล้วค่ะ” ฉันพูดโพล่ขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกจิกกัดกันด้วยสายตาสักที“กลับบ้านกัน เพื่อนพี่น่าจะไปรอที่สนามแล้วล่ะ” พี่ไผ่บอก“จะไปไหนกันต่อเหรอ” พี่ซินดี้ถามขึ้น“ออ ที่บ้านต้ามีสนามหญ้าเทียมให้เช่านะคะ พี่ไผ่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลกัน” ฉันพูดกระจายต่อมความอยากรู้ให้พี่ซินดี้ฟัง“ขอไปด้วยสิ คือซินดี้อยากไปเที่ยวบ้านน้องต้าหนิงอ่ะ ไปได้ไ
“พี่ไผ่มารับกลับบ้านไปแล้วค่ะ”ทันทีที่ได้ยินคำตอบ มันก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าผมหายวับไปในพริบตา ทำไมมันต้องมีมารมาขัดขว้างตลอดเลยว่ะ แก้มใสยืนมองหน้าผมอย่างหวาดหวั่น สงสัยกลัวผมจะอารมณ์เสียใส่ล่ะมั้ง“ขอบคุณครับ ที่มาบอกพี่” ผมยิ้มให้แก้มใสอีกครั้ง“ค่ะ พี่ราเรซอย่างโกรธต้าหนิงเลยนะคะ ที่จริงต้ามันก็มานั่งรอตามที่พี่ราเรซบอก แต่ว่า...”“ไม่เป็นไรครับ แล้วเรากลับยังไงล่ะ”“กลับรถเมล์ค่ะ”“เดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามปฏิเสธ”ผมแค่อยากตอบแทนที่แก้มใสเดินมาบอก ไม่งั้นผมคงจะโกรธคนตัวเล็กไปแล้ว เพราะคิดว่าเธอไม่มารอตามนัด และการที่แก้มใสเดินมาบอกผมแบบนี้แสดงว่าเธอกำลังเชียร์ผมอยู่“แก้มใสกับต้าหนิงสนิทกันมากเลยเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากมหาลัยได้สักพัก“ค่ะ ตั้งแต่อนุบาลเลย แก้มไม่ค่อยมีเพื่อนนะคะ ตอนเด็กๆ แก้มมักจะโดนเพื่อนแกล้งและก็โดนล้อว่าไม่มีพ่ออยู่เป็นประจำ ต่างกับต้าหนิงรายนั้นนะเพื่อนเยอะ มีแต่คนรุมรอบ คริๆ เพราะต้าหนิงน่ารักและสดใสอยู่ตลอดเวลา” เธอเล่าไปขำไป“ฮอตตั้งแต่เด็กเลยเหรอ ยัยเด
ราเรซผมลืมตาตื่นขึ้นมาหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงนอน เช้าแล้วเหรอ... ผมหันกลับมามองความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของผมทั้งคืน ยังไม่ตื่นเลย... สงสัยจะเพลียมาก เพราะโดนผมจัดหนักไปหลายรอบ ก็ไม่อยากจะหักโหมมากหรอก ผมแค่กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอต้าหนิงอีก กลัวเธอจะหนีไปเหมือนเมื่อวันก่อน ก็เลยต้องจัดหนักให้หมดแรงกันไปข้าง จะได้ไม่มีแรงลุกหนีผมไปไหนได้อีกผมเลื่อนจมูกโด่งชิดแก้มเนียนถูวนไปมา แล้วมือน้อยๆ ของต้าหนิงก็ยกขึ้นมาผลักหน้าผมออก ทำให้ผ้าห่มที่คลุมช่วงบนอยู่เปิดออก เผยให้เห็นดอกบัวคู่งามที่มีรอยแดงเป็นจ้ำเต็มไปหมด ผมรู้ว่าวันนี้ต้าหนิงมีเรียนก็เลยไม่ทำรอยที่ลำคอ เดี๋ยวผมจะโดนไอ้โต้งลากไปกระทืบอีก ผมก็เลยมาทำใต้ร่มผ้าแทนพอยกมือขึ้นมาปัดหน้าผม ต้าหนิงก็หลับต่อ ยังไม่รู้ตัวอีก... เล่นล่อตากันแต่เช้าแบบนี้ พี่ก็อดไม่ไหวนะผมเลือนริมฝีปากลงไปครอบครองยอดอกของต้าหนิง ซึ่งตอนแรกมันก็สงบนิ่งดีอยู่หรอก แต่พอโดนปลายลิ้นเขี่ยเข้าให้ก็ชูชันขึ้นมาทันที พร้อมกันเจ้าของที่ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมด้วยความตกใจ“พี่เรซ.. เล่นอะไรเนี้ย หยุดนะ”
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ