“พี่ไผ่มารับกลับบ้านไปแล้วค่ะ”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบ มันก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าผมหายวับไปในพริบตา ทำไมมันต้องมีมารมาขัดขว้างตลอดเลยว่ะ แก้มใสยืนมองหน้าผมอย่างหวาดหวั่น สงสัยกลัวผมจะอารมณ์เสียใส่ล่ะมั้ง “ขอบคุณครับ ที่มาบอกพี่” ผมยิ้มให้แก้มใสอีกครั้ง “ค่ะ พี่ราเรซอย่างโกรธต้าหนิงเลยนะคะ ที่จริงต้ามันก็มานั่งรอตามที่พี่ราเรซบอก แต่ว่า...” “ไม่เป็นไรครับ แล้วเรากลับยังไงล่ะ” “กลับรถเมล์ค่ะ” “เดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามปฏิเสธ” ผมแค่อยากตอบแทนที่แก้มใสเดินมาบอก ไม่งั้นผมคงจะโกรธคนตัวเล็กไปแล้ว เพราะคิดว่าเธอไม่มารอตามนัด และการที่แก้มใสเดินมาบอกผมแบบนี้แสดงว่าเธอกำลังเชียร์ผมอยู่ “แก้มใสกับต้าหนิงสนิทกันมากเลยเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากมหาลัยได้สักพัก “ค่ะ ตั้งแต่อนุบาลเลย แก้มไม่ค่อยมีเพื่อนนะคะ ตอนเด็กๆ แก้มมักจะโดนเพื่อนแกล้งและก็โดนล้อว่าไม่มีพ่ออยู่เป็นประจำ ต่างกับต้าหนิงรายนั้นนะเพื่อนเยอะ มีแต่คนรุมรอบ คริๆ เพราะต้าหนิงน่ารักและสดใสอยู่ตลอดเวลา” เธอเล่าไปขำไป “ฮอตตั้งแต่เด็กเลยเหรอ ยัยเด็กดื้อ” ผมพึงพำกับตัวเอง “วันหนึ่งแก้มโดนเพื่อนขังไว้ในห้องน้ำ ต้าหนิงจะเข้ามาช่วย เธอก็โดนเพื่อนขู่ว่า ถ้าต้าช่วยแก้ม พวกเขาจะเลิกคบกับต้า พี่ราเรซคิดว่าต้าจะฟังเพื่อนๆ ไหม” แก้มใสหันมาถามผม “ยัยเด็กดื้อนั้นเคยฟังใครที่ไหน” “ใช่ค่ะ แถมยังประกาศบอกกับพวกเพื่อนๆ ไปอีกว่า มีแก้มเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวยังดีกว่ามีเพื่อนแบบพวกนั้นที่ชอบรังแกคนอื่น” “เราก็เลยแคร์ต้าหนิงมากเลยสินะ ถึงยอมเดินมาบอกเพราะกลัวพี่จะโกรธต้าหนิง” “นั้นก็ส่วนหนึ่งค่ะ แต่ก็ไม่หมดซะทีเดียว” “ยังมีเหตุผลอย่างอื่นอีกเหรอ” ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างสงสัย “แก้มไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม แต่แก้มก็อยากให้เพื่อนสมหวังสักที เลี้ยวซ้ายข้างหน้าเลยค่ะ” ผมพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ เมื่อแก้มใสบอกให้เลี้ยวรถ “หลังนี้แหละค่ะ” ผมจอดรถอยู่หน้าบ้านไม้หลังหนึ่ง ซึ่งหน้าบ้านมีร้านขนมไทยอยู่ “เดี๋ยว! แก้มใส” ผมรั้งข้อมือแก้มใสไว้ก่อนที่เธอจะเปิดประตูรถ “ค่ะ” “ที่บอกเมื่อกี้อ่ะ ยังไม่จบเลย” “ออ.. งั้นแก้มขอถามพี่ราเรซก่อนนะคะ แล้วก็ต้องตามมาตามความจริงด้วย” แก้มใสยื่นข้อเสนอ “ครับ” “พี่ราเรซรักต้าหนิงหรือเปล่าคะ” เป็นคำถามที่ตอบไม่ยาก แต่มันกับพูดยากซะงั้น เพราะมันรู้สึกเขินหน่อยๆ “เออ.. คือ” “ตอบได้เมื่อไรแก้มค่อยบอกแล้วกัน” แก้มใสทำท่าจะลงจากรถอีกครั้ง “พี่รักต้าหนิง” แก้มใสหันหน้ากลับมายิ้มให้ “แล้วได้บอกต้าหนิงหรือยังค่ะ ถ้ายัง ต้องรีบบอกนะคะ เพราะถ้าพี่ไม่พูดอะไรเลย ต้าหนิงก็จะคิดเอาเองเหมือนที่ผ่านๆ อีก” “หมายความว่าไง” “ต้าหนิงแอบชอบพี่ราเรซมานานแล้วค่ะ ตั้งแต่วันนั้น วันที่ต้าหนิงเสียจูบแรกให้พี่ราเรซไปที่ห้องของเฮียโต้ง ใช่ค่ะ ต้าหนิงเล่าให้แก้มฟัง” แก้มใสหันมาตอบผม เมื่อเห็นผมทำหน้าสงสัย ถึงตอนนั้นมันจะเป็นอุบัติเหตุแต่มันก็ยังเป็นความรู้สึกที่ดีมากสำหรับผม เพราะว่า นั้นคือจูบแรกของผมเหมือนกัน ^_^ “และพอได้ย้ายมาเรียนที่เดียวกันกับพี่ราเรซ ต้าหนิงก็ดีใจมาก แต่ก็ต้องมาผิดหวังเพราะพี่ราเรซมีแฟนอยู่แล้ว” “จริงเหรอ” ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ายัยตัวเล็กแอบชอบผม พอได้รู้แล้วมันก็รู้สึกดีเป็นบ้าเลย ผมนี่นั่งยิ้มไม่หุบเลยตอนนี้ “วันนั้นที่พี่ราเรซเข้าไปช่วยต้าหนิงตอนที่โดนพี่ฝ้ายทำร้าย ต้าหนิงมันดีใจมากเลยนะ เพราะคิดว่าพี่ราเรซต้องรู้สึกเหมือนกัน พอออกจากห้องพยาบาลแก้มก็เห็นต้าหนิงเดินขึ้นไปบนอาคารเรียนตามพี่ราเรซไป แก้มนึกว่าต้าหนิงไปสารภาพกับพี่ราเรซซะอีก แต่พอแก้มถามว่าบอกพี่ราเรซไปหรือยัง ต้าหนิงก็ตอบมาแค่ว่า ต้าคบกับพี่ไผ่แล้ว” ต้าหนิงตามผมขึ้นไปบนอาคารงั้นเหรอ แสดงว่าต้าหนิงก็ต้องเห็นตอนที่ผม... อะไรวะ อย่างบอกนะว่าที่ยอมคบกับไอ้ไผ่เพราะประชดผมอ่ะ ไอ้เรซเอ๊ย... “ขอบคุณนะ ที่บอกพี่ มันช่วยได้เยอะมากเลย” ผมยิ้มให้แก้มใสอย่างรู้สึกขอบคุณจริงๆ “ค่ะ แก้มเชียร์พี่ราเรซนะคะ” แก้มใสหันมายิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนที่เธอจะเปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินเข้าบ้านไป ในตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่า ยังไงต้าหนิงก็ต้องเลือกผม หมดเวลาของตัวสำรองแล้วครับ เพราะตัวจริงกำลังมาท้วงคืน ต้าหนิง เลิกเรียนเสร็จฉันก็เดินมานั่งรอตามที่คนบางคนสั่งไว้ ไม่ได้กลัวหรอกนะ แค่ไม่อยากมีปัญหา “จะกลับบ้านหรือยังวันนี้” ฉันหันไปถามแก้มใส เธอกำลังนั่งส่องกระจกดูรอยซ้ำที่ซอกคอของตัวเอง ซึ่งมันก็เริ่มเลือนหายไปแล้วล่ะ “ไม่อยู่บ้านหลายวัน แม่เหนื่อยแย่เลย” “เดี๋ยววันนี้ลูกสาวคนสวยก็กลับไปช่วยแล้วนิ” ฉันเอื้อมมือไปโอบกอดแก้มใสอย่างหยอกล้อ แก้มใสหันมายิ้มให้ฉันอย่างสดใส ฉันล่ะ..นับถือสองแม่ลูกคู่นี้จริงๆ ไม่ยอมย่อท้อต่อโชคชะตา “ต้าหนิง..” ฉันรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ฉันค่อยๆ หันไปมองก็เจอกับพี่ไผ่ กำลังเดินเข้ามาหาฉัน “พี่ไผ่ มาได้ไงคะ ไม่เห็นโทรบอกกันก่อน” ฉันส่งยิ้มไปให้ “ก็อยากมาเซอร์ไพสแฟนไง” พี่ไผ่ก็ส่งยิ้มหวานกลับมา "เรียนเสร็จแล้วใช้ไหม" พี่ไผ่ถาม "ค่ะ" "ป่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง" “งั้นต้ากลับก่อนนะแก้ม เจอกันพรุ่งนี้” ฉันส่งสายตาละห้อยไปให้แก้มใส แก้มใสก็พยักหน้าให้ฉันอย่างเห็นใจ ถ้าพี่ราเรซออกมาไม่เจอ ฉันต้องโดนเขาเล่นงานอีกแน่เลย “หิวไหม หาอะไรทานก่อนเนอะ ยังไม่อยากไปส่งบ้านเลย พึ่งเห็นหน้าแป๊บเดียวเอง” พี่ไผ่ถามขึ้น เมื่อรถวิ่งอยู่บนถนนได้สักพัก “ค่ะ กำลังหิวพอดีเลย” “อีกอย่าง วันนี้ เพื่อนพี่มันจะไปเล่นฟุตบอลที่บ้านต้าด้วย เราเดินเล่นรอมันมาก่อนเนอะ” “ยังไงก็ได้ค่ะ” ฉันหันไปส่งยิ้มให้พี่ไผ่ ห้างสรรพสินค้า... “กินไรดี” พี่ไผ่หันมาถามฉัน เมื่อเราเดินมาที่โซนอาหารในห้าง ตั้งแต่ลงรถมาพี่ไผ่ก็จับมือฉันตลอดไม่ยอมปล่อย ทำไมฉันถึงได้รู้สึกอึดอัดนะ ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองเข้าไปทุกที “ราดหน้าหมูค่ะ” ฉันตอบพี่ไผ่ “ไปนั่งรอที่โต๊ะ เดี๋ยวพี่ถือไปให้” “เออ..คือ” ฉันจะเดินไปได้ไง ในเมื่อพี่ไผ่ยังกุมมือฉันไว้อยู่เลย “อะไรเหรอ” พี่ไผ่หันมาถาม ฉันก็เลยยกมือที่พี่ไผ่กุมอยู่ชูขึ้นมาให้เขาดู พี่ไผ่ยืนขำพร้อมกับเกาหัวอย่างเขินๆ แล้วเขาก็ยอมปล่อยมือ ฉันจึงเดินมานั่งที่โต๊ะรอเขาถืออาหารมาให้ พอทานราดหน้าเสร็จ ฉันก็เดินไปซื้อผลไม้มานั่งทานต่อ แล้วพี่ไผ่ก็นั่งมองฉันอย่างยิ้มๆ “ยิ้มอะไรคะ” “ไม่เจอกันนาน น่ารักขึ้นนะเนี้ย” พี่ไผ่ชม “ก็เหมือนเดิมนิค่ะ” ฉันกินไปด้วยขำไปด้วย “ไผ่..” มีเสียงผู้หญิงเรียกพี่ไผ่ดังมาจากด้านหลังของฉัน “ใช่ไผ่จริงๆ ด้วย” ทำไมเสียงมันฟังดูคุ้นๆ จัง “ซินดี้” พี่ไผ่เอ่ยชื่อเธอ ฉันหันขวับกลับไปมอง และก็เป็นพี่ซินดี้จริงๆ ด้วย นี่พวกเขารู้จักกันด้วยกันเหรอ “อ้าว ต้าหนิง นึกว่าใคร” “รู้จักกันด้วยเหรอ” พี่ไผ่ถามพี่ซินดี้ “รู้จักสิ ก็ต้าหนิงเป็นรุ่นน้องที่คณะแล้วก็เป็นน้องสาวของโต้งเพื่อนราเรซด้วย” พี่ซินดี้พูด พร้อมกับเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ระหว่างฉันกับพี่ไผ่ “รู้จักไอ้เรซด้วยเหรอ” พี่ไผ่ถามพี่ซินดี้ “รู้จักสิ คือว่าเรากำลังดูใจกันอยู่น่ะ” พี่ซินดี้พูด ฉันแทบกลืนมะม่วงทั้งที่ยังไม่ได้เคี้ยว เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ซินดี้พูด ในเมื่อมีคนดูใจกันอยู่ แล้วเขามาวุ่นวายกับฉันทำไม แถมบอกให้ฉันมาเคลียร์กับพี่ไผ่อีก ทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่เคลียร์กับพี่ซินดี้เลย มันน่าโมโหนัก.. ฉันพยายามเก็บอารมณ์ขุ่นเอาไว้ในใจก่อน “พวกพี่รู้จักกันด้วยเหรอคะ” ฉันอดสงสัยไม่ได้จึงถามออกไป “ออ เราเป็น...”“เราเป็น..” พี่ซินดี้กำลังจะตอบ“เพื่อนสมัยมัธยมพี่นะ” แต่พี่ไผ่กลับชิ่งตอบซะก่อน แล้วพี่ซินดี้ก็หันมามองหน้าพี่ไผ่แปลกๆ“แล้วสองคนรู้จักกันได้ไง” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน“เราเป็นแฟนกัน” พี่ไผ่ตอบแทน“จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้” พี่ซินดี้หันไปคุยกับพี่ไผ่“ทำไมล่ะ ฉันจะมีแฟนน่ารักๆ ไม่ได้หรือไง”“งั้นก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเอาใจใส่”“ต้าหนิงไม่ใช่คนเรื่องมาก และฉันก็เอาใจใส่แฟนฉันอยู่แล้ว”ทำไมฉันรู้สึกเหมือนสองคนนี้กำลังเถียงกันโดยทางอ้อมนะ ใบหน้าที่กำลังปั้นยิ้มใส่กันนั่นอีก“ต้าอิ่มแล้วค่ะ” ฉันพูดโพล่ขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกจิกกัดกันด้วยสายตาสักที“กลับบ้านกัน เพื่อนพี่น่าจะไปรอที่สนามแล้วล่ะ” พี่ไผ่บอก“จะไปไหนกันต่อเหรอ” พี่ซินดี้ถามขึ้น“ออ ที่บ้านต้ามีสนามหญ้าเทียมให้เช่านะคะ พี่ไผ่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลกัน” ฉันพูดกระจายต่อมความอยากรู้ให้พี่ซินดี้ฟัง“ขอไปด้วยสิ คือซินดี้อยากไปเที่ยวบ้านน้องต้าหนิงอ่ะ ไปได้ไ
“ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้“อ๊ะ..ไผ่”“แรงอีก อ๊ะ..” เสียงเก้าอี้นั่งดัง เอี๊ยด อ๊าด ทำให้ฉันแสบแก้วหู“อ่า..ซินดี้..” เสียงพี่ไผ่ครางต่ำฉันถึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่ พวกเขาทำอะไรกัน แสลงหูที่สุดเลย แต่ที่หนักกว่าด้านนอกก็คงจะเป็นพี่ราเรซในตอนนี้ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง ฉันรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขึงกำลังจ่ออยู่ที่หน้าท้องของฉัน“พี่ไม่ไหวแล้วต้า..” เสียงพี่ราเรซกระซิบแหบพร่าชิดริมหู เรียกขนในกายให้รุกชันอย่างซาบซ่านพี่ราเรซจับเสื้อยืดฉันถอดขึ้นออกทางศีรษะ มือหนาปลดตะขอบราออกในทันที แขนแกร่งข้างหนึ่งรั้งเอวบางฉันเข้าไปชิดตัว ริมฝีปากหนาก้มลงมาครอบครองยอดอกดูดเม้มอย่างรุนแรง มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงเข้าไปในกางเกงชั้นใน ส่งนิ้วเรียวเข้าไปสะกิดกับจุดอ่อนไหวกลางกาย พี่ราเรซง้อข้อมือเข้าออกอย่างรัวเร็ว เรียวขางามเริ่มสั่นนิดๆ ทรงตัวไม่อยู่ เพราะโดนพี่ราเรซเล้าโลมทั้งบนและล่างอย่างจาบจ้วง เมื่อพี่ราเรซถอด
“พวกเพื่อนพี่ชายของต้ามานอนที่บ้านบ่อยเหรอ” พี่ไผ่ถามขึ้นหลังจากที่พวกเฮียโต้งไปกันหมดแล้ว“เมื่อก่อนก็บ่อยล่ะคะ แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ค่อยมาเท่าไร”“แล้วในบรรดาพวกเพื่อนของพี่ชายต้า มีใครทำอะไรไม่ดีกับต้าหรือเปล่า..” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ไผ่อย่าง งงๆ นี่เขาอยากจะถามอะไรฉัน“พี่หมายถึง แบบว่า มีใครที่นิสัยไม่ดี ชอบมาวุ่นวายกับต้า อะไรประมาณนี้”ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“ไม่นี่ค่ะ พวกเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายกับต้าหรอก” ฉันจำต้องตอบพี่ไผ่ไปแบบนั้น“ถ้ามีอะไร ก็บอกพี่ได้นะ” พี่ไผ่ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี“ค่ะ”“น้องต้าครับ พี่ขอน้ำแข็งสักสองถังหน่อยสิ พวกพี่จะตั้งวงกันบนดานฟ้า” พี่บิ๊กไบค์โผล่หน้าจากทางขึ้นบันไดบ้านมาบอกกับฉัน“จะดื่มกันแต่ตั้งหัววันเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่บิ๊กไบค์“ครับ พอดีว่าไอ้เรซมันกำลังเฮิร์ทนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นหมาหงอยซะงั้น”คำพูดของพี่บิ๊กไบค์ มันทำให้ฉันใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงไม่ได้เป็นเพราะฉันหรอกนะ“ป่ะ ไอ้ไบค์ ไ
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“พี่ราเรซค่ะ หน้าตาพี่ก็ดีแถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก แต่ทำไมเรื่องผู้หญิงพี่ถึงได้โง่จัง”เสียงเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งพูดขึ้น“พี่โง่ยังไง” ผมยกคิ้วขมวดเป็นปมอย่างสงสัย“แฟนพี่เขานอกใจ แต่พี่ก็ยังคบกับเขาอยู่อีก ไม่ให้เรียกว่าโง่แล้วจะให้เรียกว่าอะไรคะ”สิ่งที่เด็กนี้พูดมา ไม่ได้ทำให้ผมโกรธเธอเลยสักนิดแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย เพราะผมรู้อยู่แล้ว“แล้วจะให้พี่ทำยังไง” ผมยื่นหน้าเข้าไปถามเธอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวและก็ถอยได้แค่นั้นแหละ เพราะด้านหลังมันคือกำแพง“ก็...ไม่รู้สิ คิดเอาเอง” พูดจบ เธอก็ตั้งท่าจะวิ่งหนีผมรีบยกแขนยาวสองข้างกักตัวเธอไว้ที่กำแพง“ถ้าต้าหนิงบอก พี่จะทำตามทุกอย่างเลย” ตากลมโตจ้องมองหน้าผมอย่าง งงๆผมยกยิ้มแสนกระชากใจส่งไปให้เธอ แล้วก็ได้เห็นแก้มเนียนๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ“คือ...ต้า...” เธอยืนพูดอ้ำอึ้งผมจึงขยับตัวเข้าไปใกล้อีก มือเล็กรีบยกขึ้นมาดันอกแกร่งของผมไว้“พี่ฟังอยู่” ผมก้มหน้าลงสบตากับดวงตากลมโตของเธอที่ห่างกันไม่ถึงเซนต์“ราเรซ!” เสียงเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างมากดังขัดขึ้นซะก่อน“ทำอะไรกัน” เธอเดินเข้ามาควงแขนผมอย่างแสดงความเป็นเ
จากนั้นผมก็คบกับฝ้ายมาเรื่อยๆ จนถึง ม.5 เธอก็เริ่มเบื่อผม เพราะผมไม่ค่อยสนใจเธอ เรียนเสร็จผมก็ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนซะส่วนใหญ่ หลังๆ ก็เริ่มมีข่าวมาเข้าหูผมว่าฝ้ายไปกับผู้ชายคนนั้นคนนี้อยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหวงเธอเลยสักนิด“ถ้าเธออยากเลิก ก็ได้นะ”ผมพูดกับฝ้าย เมื่อเห็นเธอไปกินข้าวกับรุ่นพี่คนหนึ่ง“ก็ราเรซไม่ยอมไปไหนกับฝ้ายเลยอ่ะ ฝ้ายก็แค่เหงา คุยเล่นๆไปงั้นเอง ไม่ได้ชอบสักนิด” ฝ้ายตอบ“งั้นก็แล้วแต่เธอแล้วกัน”ผมก็รู้สึกเฉยๆนะ การที่คบกับเธอมันทำให้ไม่มีผู้หญิงมาวุ่นวายกับผมดีผมรู้ตัวเองดีว่าผมทำให้เธอมีความสุขไม่ได้หรอก เธออยากจะไปไหนกับใครมันก็เรื่องของเธอ“ไปเตะบอลบ้านไอ้โต้งกัน” ธามพูดขึ้น เมื่อได้เวลาเลิกเรียนที่บ้านของโต้งมีสนามหญ้าเทียมให้เช่าเล่นฟุตบอลครบวงจร ซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร เพราะมันมีตั้งห้าสนาม แล้วที่บ้านมันยังทำธรุกิจขายส่งอุปกรณ์กีฬาอีกด้วย“ฟรีไหมว่ะ” เลโอถามขึ้น“มึงไปคุยกับป๊ากูเองก็แล้วกัน” โต้งตอบทีทีคลับบ้านของโต้งเป็นตึกคูหาสามชั้น ซึ่งก็ตั้งติดกับสนามฟุตบอล ด้านหน้าตึกเป็นร้านกาแฟและอาหาร ห้องอาบน้ำก็ทำซะหรูหราแทบไม่กล้าอาบกันเลยทีเดียวเมื่
กลับมาปัจจุบัน....ต้าหนิงมาเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเดียวกันกับพวกผม เพราะม๊าของโต้งแกคิดถึงลูกสาวอยากเห็นหน้าทุกวัน“ไอ้พวกเหี้ย อยากตายรึไงว่ะ” นั้นคือสิ่งที่พวกผมได้ยินทุกวันจากปากไอ้โต้งก็น้องสาวคนสวยของมันนะสิ ฮอตไปทั่วโรงเรียนแล้ว ทำให้ไอ้โต้งคันตีนเป็นระยะๆ“เป็นไรว่ะ” เลโอถาม ทั้งที่มันก็รู้สาเหตุอยู่แล้ว“รู้งี้ กูให้เรียนที่โรงเรียนหญิงล้วนต่อดีกว่า” โต้งบ่น“ก็น้องมึงน่ารักขนาดนั้นใครจะไปอดใจไหวว่ะ ใช่ไหมไอ้เรซ”ผมสะดุ้งตัวนิดหน่อยที่ไอ้บิ๊กไบค์มันพูดเหมือนพลาดพิงผม“ก็น่ารักจริงแหละ” ผมตอบไอ้บิ๊กไบค์ไป แบบยิ้มๆ“เป็นเพื่อน กูก็ไม่เว้นโว๊ย เตรียมแดกตีนกูได้เลย”“กลัวแล้วคร๊าบ... อย่าดุนักเลยพี่โต้ง” เลโอพูดอย่างล้อเลียนบิ๊กไบค์กับเลโอพวกมันสองคนนั่งทะเลาะกับไอ้โต้งอย่างเมามัน แต่ว่า..เสียงของพวกมันไม่ได้เข้าหูผมแล้วในตอนนี้ เพราะผมกำลังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามสิบนาทีที่ผ่านมา นึกถึงแก้มเนียนๆ ที่เปล่งเป็นสีแดงอมชมพูของน้องต้าหนิง“มึงยิ้มเชี้ยไร ไอ้เรซ” เสียงไอ้โต้งตะโกนใส่หูผม“กูนั่งยิ้มเฉยๆ ก็ผิดเหรอวะ” ผมหันไปมองหน้าเพื่อน อยากจะขำให้ฟันร่วงกับความพาลไปทั่วของมัน“สงสั
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ
“พวกเพื่อนพี่ชายของต้ามานอนที่บ้านบ่อยเหรอ” พี่ไผ่ถามขึ้นหลังจากที่พวกเฮียโต้งไปกันหมดแล้ว“เมื่อก่อนก็บ่อยล่ะคะ แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ค่อยมาเท่าไร”“แล้วในบรรดาพวกเพื่อนของพี่ชายต้า มีใครทำอะไรไม่ดีกับต้าหรือเปล่า..” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ไผ่อย่าง งงๆ นี่เขาอยากจะถามอะไรฉัน“พี่หมายถึง แบบว่า มีใครที่นิสัยไม่ดี ชอบมาวุ่นวายกับต้า อะไรประมาณนี้”ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“ไม่นี่ค่ะ พวกเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายกับต้าหรอก” ฉันจำต้องตอบพี่ไผ่ไปแบบนั้น“ถ้ามีอะไร ก็บอกพี่ได้นะ” พี่ไผ่ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี“ค่ะ”“น้องต้าครับ พี่ขอน้ำแข็งสักสองถังหน่อยสิ พวกพี่จะตั้งวงกันบนดานฟ้า” พี่บิ๊กไบค์โผล่หน้าจากทางขึ้นบันไดบ้านมาบอกกับฉัน“จะดื่มกันแต่ตั้งหัววันเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่บิ๊กไบค์“ครับ พอดีว่าไอ้เรซมันกำลังเฮิร์ทนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นหมาหงอยซะงั้น”คำพูดของพี่บิ๊กไบค์ มันทำให้ฉันใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงไม่ได้เป็นเพราะฉันหรอกนะ“ป่ะ ไอ้ไบค์ ไ
“ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้“อ๊ะ..ไผ่”“แรงอีก อ๊ะ..” เสียงเก้าอี้นั่งดัง เอี๊ยด อ๊าด ทำให้ฉันแสบแก้วหู“อ่า..ซินดี้..” เสียงพี่ไผ่ครางต่ำฉันถึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่ พวกเขาทำอะไรกัน แสลงหูที่สุดเลย แต่ที่หนักกว่าด้านนอกก็คงจะเป็นพี่ราเรซในตอนนี้ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง ฉันรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขึงกำลังจ่ออยู่ที่หน้าท้องของฉัน“พี่ไม่ไหวแล้วต้า..” เสียงพี่ราเรซกระซิบแหบพร่าชิดริมหู เรียกขนในกายให้รุกชันอย่างซาบซ่านพี่ราเรซจับเสื้อยืดฉันถอดขึ้นออกทางศีรษะ มือหนาปลดตะขอบราออกในทันที แขนแกร่งข้างหนึ่งรั้งเอวบางฉันเข้าไปชิดตัว ริมฝีปากหนาก้มลงมาครอบครองยอดอกดูดเม้มอย่างรุนแรง มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงเข้าไปในกางเกงชั้นใน ส่งนิ้วเรียวเข้าไปสะกิดกับจุดอ่อนไหวกลางกาย พี่ราเรซง้อข้อมือเข้าออกอย่างรัวเร็ว เรียวขางามเริ่มสั่นนิดๆ ทรงตัวไม่อยู่ เพราะโดนพี่ราเรซเล้าโลมทั้งบนและล่างอย่างจาบจ้วง เมื่อพี่ราเรซถอด
“เราเป็น..” พี่ซินดี้กำลังจะตอบ“เพื่อนสมัยมัธยมพี่นะ” แต่พี่ไผ่กลับชิ่งตอบซะก่อน แล้วพี่ซินดี้ก็หันมามองหน้าพี่ไผ่แปลกๆ“แล้วสองคนรู้จักกันได้ไง” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน“เราเป็นแฟนกัน” พี่ไผ่ตอบแทน“จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้” พี่ซินดี้หันไปคุยกับพี่ไผ่“ทำไมล่ะ ฉันจะมีแฟนน่ารักๆ ไม่ได้หรือไง”“งั้นก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเอาใจใส่”“ต้าหนิงไม่ใช่คนเรื่องมาก และฉันก็เอาใจใส่แฟนฉันอยู่แล้ว”ทำไมฉันรู้สึกเหมือนสองคนนี้กำลังเถียงกันโดยทางอ้อมนะ ใบหน้าที่กำลังปั้นยิ้มใส่กันนั่นอีก“ต้าอิ่มแล้วค่ะ” ฉันพูดโพล่ขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกจิกกัดกันด้วยสายตาสักที“กลับบ้านกัน เพื่อนพี่น่าจะไปรอที่สนามแล้วล่ะ” พี่ไผ่บอก“จะไปไหนกันต่อเหรอ” พี่ซินดี้ถามขึ้น“ออ ที่บ้านต้ามีสนามหญ้าเทียมให้เช่านะคะ พี่ไผ่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลกัน” ฉันพูดกระจายต่อมความอยากรู้ให้พี่ซินดี้ฟัง“ขอไปด้วยสิ คือซินดี้อยากไปเที่ยวบ้านน้องต้าหนิงอ่ะ ไปได้ไ
“พี่ไผ่มารับกลับบ้านไปแล้วค่ะ”ทันทีที่ได้ยินคำตอบ มันก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าผมหายวับไปในพริบตา ทำไมมันต้องมีมารมาขัดขว้างตลอดเลยว่ะ แก้มใสยืนมองหน้าผมอย่างหวาดหวั่น สงสัยกลัวผมจะอารมณ์เสียใส่ล่ะมั้ง“ขอบคุณครับ ที่มาบอกพี่” ผมยิ้มให้แก้มใสอีกครั้ง“ค่ะ พี่ราเรซอย่างโกรธต้าหนิงเลยนะคะ ที่จริงต้ามันก็มานั่งรอตามที่พี่ราเรซบอก แต่ว่า...”“ไม่เป็นไรครับ แล้วเรากลับยังไงล่ะ”“กลับรถเมล์ค่ะ”“เดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามปฏิเสธ”ผมแค่อยากตอบแทนที่แก้มใสเดินมาบอก ไม่งั้นผมคงจะโกรธคนตัวเล็กไปแล้ว เพราะคิดว่าเธอไม่มารอตามนัด และการที่แก้มใสเดินมาบอกผมแบบนี้แสดงว่าเธอกำลังเชียร์ผมอยู่“แก้มใสกับต้าหนิงสนิทกันมากเลยเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากมหาลัยได้สักพัก“ค่ะ ตั้งแต่อนุบาลเลย แก้มไม่ค่อยมีเพื่อนนะคะ ตอนเด็กๆ แก้มมักจะโดนเพื่อนแกล้งและก็โดนล้อว่าไม่มีพ่ออยู่เป็นประจำ ต่างกับต้าหนิงรายนั้นนะเพื่อนเยอะ มีแต่คนรุมรอบ คริๆ เพราะต้าหนิงน่ารักและสดใสอยู่ตลอดเวลา” เธอเล่าไปขำไป“ฮอตตั้งแต่เด็กเลยเหรอ ยัยเด
ราเรซผมลืมตาตื่นขึ้นมาหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงนอน เช้าแล้วเหรอ... ผมหันกลับมามองความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของผมทั้งคืน ยังไม่ตื่นเลย... สงสัยจะเพลียมาก เพราะโดนผมจัดหนักไปหลายรอบ ก็ไม่อยากจะหักโหมมากหรอก ผมแค่กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอต้าหนิงอีก กลัวเธอจะหนีไปเหมือนเมื่อวันก่อน ก็เลยต้องจัดหนักให้หมดแรงกันไปข้าง จะได้ไม่มีแรงลุกหนีผมไปไหนได้อีกผมเลื่อนจมูกโด่งชิดแก้มเนียนถูวนไปมา แล้วมือน้อยๆ ของต้าหนิงก็ยกขึ้นมาผลักหน้าผมออก ทำให้ผ้าห่มที่คลุมช่วงบนอยู่เปิดออก เผยให้เห็นดอกบัวคู่งามที่มีรอยแดงเป็นจ้ำเต็มไปหมด ผมรู้ว่าวันนี้ต้าหนิงมีเรียนก็เลยไม่ทำรอยที่ลำคอ เดี๋ยวผมจะโดนไอ้โต้งลากไปกระทืบอีก ผมก็เลยมาทำใต้ร่มผ้าแทนพอยกมือขึ้นมาปัดหน้าผม ต้าหนิงก็หลับต่อ ยังไม่รู้ตัวอีก... เล่นล่อตากันแต่เช้าแบบนี้ พี่ก็อดไม่ไหวนะผมเลือนริมฝีปากลงไปครอบครองยอดอกของต้าหนิง ซึ่งตอนแรกมันก็สงบนิ่งดีอยู่หรอก แต่พอโดนปลายลิ้นเขี่ยเข้าให้ก็ชูชันขึ้นมาทันที พร้อมกันเจ้าของที่ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมด้วยความตกใจ“พี่เรซ.. เล่นอะไรเนี้ย หยุดนะ”
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ