“เราเป็น..” พี่ซินดี้กำลังจะตอบ
“เพื่อนสมัยมัธยมพี่นะ” แต่พี่ไผ่กลับชิ่งตอบซะก่อน แล้วพี่ซินดี้ก็หันมามองหน้าพี่ไผ่แปลกๆ “แล้วสองคนรู้จักกันได้ไง” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน “เราเป็นแฟนกัน” พี่ไผ่ตอบแทน “จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้” พี่ซินดี้หันไปคุยกับพี่ไผ่ “ทำไมล่ะ ฉันจะมีแฟนน่ารักๆ ไม่ได้หรือไง” “งั้นก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเอาใจใส่” “ต้าหนิงไม่ใช่คนเรื่องมาก และฉันก็เอาใจใส่แฟนฉันอยู่แล้ว” ทำไมฉันรู้สึกเหมือนสองคนนี้กำลังเถียงกันโดยทางอ้อมนะ ใบหน้าที่กำลังปั้นยิ้มใส่กันนั่นอีก “ต้าอิ่มแล้วค่ะ” ฉันพูดโพล่ขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกจิกกัดกันด้วยสายตาสักที “กลับบ้านกัน เพื่อนพี่น่าจะไปรอที่สนามแล้วล่ะ” พี่ไผ่บอก “จะไปไหนกันต่อเหรอ” พี่ซินดี้ถามขึ้น “ออ ที่บ้านต้ามีสนามหญ้าเทียมให้เช่านะคะ พี่ไผ่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลกัน” ฉันพูดกระจายต่อมความอยากรู้ให้พี่ซินดี้ฟัง “ขอไปด้วยสิ คือซินดี้อยากไปเที่ยวบ้านน้องต้าหนิงอ่ะ ไปได้ไหม” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน “ได้ค่ะ” ฉันก็ต้องตอบตกลงอยู่แล้ว ใครมันจะกล้าปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าพี่ไผ่จะไม่ค่อยพอใจอยู่นะ บนรถ... “คบกันมากี่ปีแล้ว” พี่ซินดี้ถามขึ้น เธอนั่งอยู่ที่เบาะหลัง “สามปี” พี่ไผ่ตอบ “นานเหมือนกันนะเนี้ย แล้วนายทำอะไรอยู่ตอนนี้” พี่ซินดี้หันไปถามพี่ไผ่ “เล่นฟุตบอล” “นี่เอาจริงเหรอ ฉันนึกว่านายแค่เล่นๆ ซะอีก” ฉันเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจกับคำพูดเมื่อกี้ของพี่ซินดี้ มันเหมือนกับว่าพวกเขาเคยรู้จักและสนิทกันมากกว่านั้น เหมือนจะรู้ใจกันด้วยซ้ำไป “พี่ไผ่เขาเป็นนักกีฬาทีมชาติค่ะ เล่นแก่งมากๆ ด้วย” ฉันหันไปบอกพี่ซินดี้ “ว๊าว.. เก่งขนาดนั้นเชี่ยว” ทีที คลับ เมื่อถึงบ้านของฉันพี่ไผ่ก็แยกตัวไปหาเพื่อนที่สนาม พี่ซินดี้ก็เดินตามพี่ไผ่ไปด้วย ฉันเดินเข้ามาในร้านกาแฟเพื่อสวัสดีม๊า แต่พอก้าวเท้าเข้ามาเท่านั้นแหละ ฉันก็ต้องชะงัก นิ่ง ลืมหายใจไปชั่วขณะ เพราะมีสายตาอาฆาตส่งมาให้นะสิ พี่ราเรซ... เฮียโต้งกับพี่บิ๊กไบค์ พี่เลโอ กำลังนั่งเล่นเกมมือถือกันอยู่ที่โต๊ะในร้านกาแฟ ฉันเดินก้มหน้าก้มตามองพื้นกระเบื้องรีบเดินขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็วไม่กล้าสบตาเขา พอก้าวเท้าเข้ามาในห้องได้ฉันก็ยืนถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งอก เขาโกรธฉันจริงๆด้วย... เฮ้ออออออออ ฉันเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนเข้าห้องน้ำ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็เดินลงมายังชั้นล่าง และก็เจอม๊าอยู่หลังร้านกำลังจัดของอยู่ “คิดถึงจังเลย” ฉันเดินเข้าไปสวมกอดม๊าจากด้านหลัง “อ้าว กลับบ้านได้แล้วเหรอ นึกว่าจะติดเพื่อนจนลืมม๊าซะแล้ว” มาม๊าแกล้งทำน้อยใจ “ไม่ลืมหรอกค๊า..” ฉันหอมแก้มม๊าไปหนึ่งที “มาก็ดีล่ะ ไปเฝ้าหน้าร้านให้หน่อย เดี๋ยวม๊าเช็กของตรงนี้แป๊บหนึ่ง” “รับทราบค่ะ” พอเดินออกมาหน้าร้านฉันก็ไม่เจอพวกพี่ชายและเพื่อนๆ ของเขาแล้ว สงสัยจะอยู่ที่สนามกันหมด ลูกค้าในร้านก็มีไม่กี่คน ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นไปพลางๆ “กลับมาแล้วเหรอต้า” เสียงป๊าทักขึ้น “ค่ะป๊า” “งั้นก็ดีเลย ไปทำความสะอาดห้องอาบน้ำที่สนามสามให้หน่อย วันนี้แม่บ้านเขาลาครึ้งวัน” “เนะ ทำไมเป็นต้าล่ะ ห้องอาบน้ำมีน้อยห้องซะที่ไหน ใครจะไปทำคนเดียวไหวล่ะค่ะ” ฉันแอบโวยนิดหน่อย อะไรกันกลับมาบ้านทั้งทีก็ใช้ไปทำความสะอาดห้องอาบน้ำซะล่ะ “ไปๆ อย่าบ่น ช่วยป๊าหน่อย” “แล้วใครจะเฝ้าร้านล่ะ” “ก็ป๊าไง” แล้วป๊าของฉันก็ฉีกยิ้มมาให้ “ป๊าอ่ะ!” ป๊านะป๊า ใช้มาได้.. ให้มาทำความสะอาดห้องอาบน้ำ มือฉันซีดพอดี ก็ได้แต่ทำไปบ่นไปแหละ จะว่าไปห้องอาบน้ำก็ไม่ได้สกปรกอะไรมากทำแป๊บเดียวก็เสร็จล่ะ ซ่า..... มีคนใช้อยู่เหรอ ฉันทำความสะอาดจนมาถึงห้องอาบห้องสุดท้าย ซึ่งยังมีคนใช้อยู่ เดี๋ยวให้เขาใช้เสร็จแล้วค่อยกลับมาทำใหม่ดีกว่า ฉันกำลังจะหันตัวกลับ ถังใส่อุปกรณ์ทำความสะอาดดันลื่นหลุดมือซะงั้น.. ตุบ!! ซวยแล้ว... “ใครอยู่ข้างนอก” หึ.. ทำไมเสียงคุ้นหูจัง เขาตะโกนออกมาจากห้องอาบน้ำ “อย่าพึงออกไปนะ ช่วยหยิบผ้าขนหนูมาให้หน่อยว่างอยู่บนม้านั่งอ่ะ” ชัดเลย.. พี่ราเรซ ฉันบีบจมูกแกล้งดัดเสียงเล็กเสียงน้อยไม่ให้เขาจำเสียงได้ “ตรงไหนค๊า... (เสียงดัด) ” “ต้าหนิง!!” “ห๊ะ!! รู้ได้ไงอ่ะ” ฉันว่าฉันดัดเสียงเนียนๆ แล้วนะ “ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าห้องอาบน้ำผู้ชายหรอกนะ ถ้าไม่ใช้เจ้าของสถานที่” นั่นสินะ ก็นี่มันบ้านฉันนิ “แสนรู้..” ฉันเลยแขวะเข้าให้ “ชมพี่บ่อยแบบนี้ เดียวก็ให้รางวัลซะเลยนิ” พี่ราเรซตะโกนตอบมา “ไม่อยากได้” “แต่อยากให้” “ไม่เอา” “จะเอา” แล้วฉันจะมายืนตะโกนเถียงข้ามประตูกับเขาทำไมเนี้ย ตึก ตึก เสียงเท้าหนักๆ เดินเข้ามาให้ห้องอาบน้ำ “มีคนมา ต้าไปก่อนนะ” ฉันกำลังจะหมุนตัววิ่งออกไปจากห้องอาบน้ำ ปึก!! แกร็ก!! แล้วร่างของฉันก็ถูกร่างหนารั้งเข้ามาอยู่ในห้องอาบน้ำกับเขาเรียบร้อยแล้ว ฉันได้แต่ยืนนิ่ง ไม่กล้าขยับ ความอุ่นร้อนจากอกแกร่งแผ่ซ่านมาสู่ผิวด้านหลังของฉันพร้อมกับหยดน้ำที่เกาะตามตัวเขาไหลซึมผ่านเสื้อยืดฉันเข้ามา เพราะร่างกายกำยำที่อยู่ด้านหลังของฉัน ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น ความร้อนรุ่มในร่างกายของฉันเริ่มก่อตัวขึ้นมากองอยู่บนใบหน้า ฉันยืนหลับตาปี๋ ไม่กล้ามองอะไรทั้งสิ้น “วันนี้เล่นดีมากเลยมึง ไอ้ไผ่” “แบบนี้ครองตำแหน่งตัวจริงแน่นอน” “สมพรปากเถอะครับ” เสียงพี่ไผ่ตอบเพื่อนของเขา สักพักก็มีเสียงฝีเท้าหนักเดินออกไป ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตู “ไผ่” เสียงพี่ซินดี้ “เธอจะตามฉันไปถึงไหนซินดี้” เสียงพี่ไผ่เหมือนจะรำคาญ “ฉันก็ไม่ได้อยากจะตามนายหรอก ฉันแค่มีเรื่องจะคุยด้วย” “เรื่องอะไร” “ก็เรื่องแฟนนายไง” “ทำไม” “นายควรจะดูแลต้าหนิงให้ดีๆ หน่อย ไม่ใช่ปล่อยให้มายุ่งกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้” แอบนินทาฉันเหรอ ยัยซินดี้ “ต้าหนิงไม่ใช่คนแบบนั้น” “เหรอ ไม่ใช่แบบนั้น แบบที่ว่ามาจูบกับผู้ชายของฉันหน้าตาเฉยนะเหรอ” “หมายความว่าไง” “ก็หมายความอย่างที่พูดแหละ ต้าหนิงจูบกับราเรซของฉัน ต่อหน้าต่อตาฉันด้วย” คำว่า..ราเรซของฉัน.. ทำให้ฉันหันตัวมามองหน้าพี่ราเรซอย่างโกรธเคือง โดยลืมไปว่าในตอนนี้พี่ราเรซยังเปลือยกายอยู่ ซึ่งพี่ราเรซก็ส่ายหน้าจ้าละหวั่นปฏิเสธในคำพูดของพี่ซินดี้ “ต้าหนิงไม่ทำแบบนั้นแน่นอน มีแต่ไอ้เรซนั่นแหละ ที่เป็นคนทำซะมากกว่า” พี่ไผ่เถียงพี่ซินดี้กลับ พี่ราเรซก็ขยับปากพูดแบบไม่มีเสียง ซึ่งอ่านปากได้ว่า “แสน..รู้...” เขาแอบว่าพี่ไผ่ “ดูนายจะเชื่อใจแฟนนายมากเลยนะ” “แน่นอน” “และถ้าฉันเดาไม่ผิด นายก็ยังไม่ได้เธอด้วยงั้นสิ” ฉันถึงกับตาโตอย่างตกใจกับคำถาม เพื่อนกันเขาถามกันแบบนี้เหรอ “แล้วเธอล่ะ ได้มันรึยัง ไอ้เรซนั่น” “ครั้งสองครั้ง” เหมือนร่างฉันโดนชัตเตอร์รัวๆ กับคำว่า ครั้งสองครั้ง ฉันเงยหน้าจ้องมองหน้าพี่ราเรซตาเขม็ง จิกเล็บลงกับแขนหนาแล้วก็ลากเป็นทางยาว พี่ราเรซนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแต่ก็ไม่ยอมปริปากร้องออกมา เลือดไหลซิบเป็นทางยาวจากการโดนฉันข่วน “เอามันไม่อยู่สินะ” “ก็เพราะแฟนนายมาสร้างความวุ่นวายไง ไม่งั้นเขาก็สนใจแค่ฉันแล้ว” “ยอมรับเถอะว่าเธอมันไม่ได้เรื่อง ไม่ถึงใจมัน” เสียงพี่ไผ่พูดเยาะเย้ย “ไม่ถึงใจเหรอ ลองดูหน่อยไหมล่ะ เมื่อก่อนนะฉันทำให้นายถึงใจแค่ไหน ลืมไปแล้วเหรอ ที่รัก” “เรื่องมันผ่านไปแล้ว อือ..จะพูดขึ้นมาอีกทำไม” เสียงพี่ไผ่เริ่มแผ่วเบาเหมือนกำลังทำอะไรสักอย่าง ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก “ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้” แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้...“ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้“อ๊ะ..ไผ่”“แรงอีก อ๊ะ..” เสียงเก้าอี้นั่งดัง เอี๊ยด อ๊าด ทำให้ฉันแสบแก้วหู“อ่า..ซินดี้..” เสียงพี่ไผ่ครางต่ำฉันถึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่ พวกเขาทำอะไรกัน แสลงหูที่สุดเลย แต่ที่หนักกว่าด้านนอกก็คงจะเป็นพี่ราเรซในตอนนี้ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง ฉันรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขึงกำลังจ่ออยู่ที่หน้าท้องของฉัน“พี่ไม่ไหวแล้วต้า..” เสียงพี่ราเรซกระซิบแหบพร่าชิดริมหู เรียกขนในกายให้รุกชันอย่างซาบซ่านพี่ราเรซจับเสื้อยืดฉันถอดขึ้นออกทางศีรษะ มือหนาปลดตะขอบราออกในทันที แขนแกร่งข้างหนึ่งรั้งเอวบางฉันเข้าไปชิดตัว ริมฝีปากหนาก้มลงมาครอบครองยอดอกดูดเม้มอย่างรุนแรง มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงเข้าไปในกางเกงชั้นใน ส่งนิ้วเรียวเข้าไปสะกิดกับจุดอ่อนไหวกลางกาย พี่ราเรซง้อข้อมือเข้าออกอย่างรัวเร็ว เรียวขางามเริ่มสั่นนิดๆ ทรงตัวไม่อยู่ เพราะโดนพี่ราเรซเล้าโลมทั้งบนและล่างอย่างจาบจ้วง เมื่อพี่ราเรซถอด
“พวกเพื่อนพี่ชายของต้ามานอนที่บ้านบ่อยเหรอ” พี่ไผ่ถามขึ้นหลังจากที่พวกเฮียโต้งไปกันหมดแล้ว“เมื่อก่อนก็บ่อยล่ะคะ แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ค่อยมาเท่าไร”“แล้วในบรรดาพวกเพื่อนของพี่ชายต้า มีใครทำอะไรไม่ดีกับต้าหรือเปล่า..” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ไผ่อย่าง งงๆ นี่เขาอยากจะถามอะไรฉัน“พี่หมายถึง แบบว่า มีใครที่นิสัยไม่ดี ชอบมาวุ่นวายกับต้า อะไรประมาณนี้”ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“ไม่นี่ค่ะ พวกเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายกับต้าหรอก” ฉันจำต้องตอบพี่ไผ่ไปแบบนั้น“ถ้ามีอะไร ก็บอกพี่ได้นะ” พี่ไผ่ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี“ค่ะ”“น้องต้าครับ พี่ขอน้ำแข็งสักสองถังหน่อยสิ พวกพี่จะตั้งวงกันบนดานฟ้า” พี่บิ๊กไบค์โผล่หน้าจากทางขึ้นบันไดบ้านมาบอกกับฉัน“จะดื่มกันแต่ตั้งหัววันเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่บิ๊กไบค์“ครับ พอดีว่าไอ้เรซมันกำลังเฮิร์ทนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นหมาหงอยซะงั้น”คำพูดของพี่บิ๊กไบค์ มันทำให้ฉันใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงไม่ได้เป็นเพราะฉันหรอกนะ“ป่ะ ไอ้ไบค์ ไ
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“พี่ราเรซค่ะ หน้าตาพี่ก็ดีแถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก แต่ทำไมเรื่องผู้หญิงพี่ถึงได้โง่จัง”เสียงเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งพูดขึ้น“พี่โง่ยังไง” ผมยกคิ้วขมวดเป็นปมอย่างสงสัย“แฟนพี่เขานอกใจ แต่พี่ก็ยังคบกับเขาอยู่อีก ไม่ให้เรียกว่าโง่แล้วจะให้เรียกว่าอะไรคะ”สิ่งที่เด็กนี้พูดมา ไม่ได้ทำให้ผมโกรธเธอเลยสักนิดแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย เพราะผมรู้อยู่แล้ว“แล้วจะให้พี่ทำยังไง” ผมยื่นหน้าเข้าไปถามเธอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวและก็ถอยได้แค่นั้นแหละ เพราะด้านหลังมันคือกำแพง“ก็...ไม่รู้สิ คิดเอาเอง” พูดจบ เธอก็ตั้งท่าจะวิ่งหนีผมรีบยกแขนยาวสองข้างกักตัวเธอไว้ที่กำแพง“ถ้าต้าหนิงบอก พี่จะทำตามทุกอย่างเลย” ตากลมโตจ้องมองหน้าผมอย่าง งงๆผมยกยิ้มแสนกระชากใจส่งไปให้เธอ แล้วก็ได้เห็นแก้มเนียนๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ“คือ...ต้า...” เธอยืนพูดอ้ำอึ้งผมจึงขยับตัวเข้าไปใกล้อีก มือเล็กรีบยกขึ้นมาดันอกแกร่งของผมไว้“พี่ฟังอยู่” ผมก้มหน้าลงสบตากับดวงตากลมโตของเธอที่ห่างกันไม่ถึงเซนต์“ราเรซ!” เสียงเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างมากดังขัดขึ้นซะก่อน“ทำอะไรกัน” เธอเดินเข้ามาควงแขนผมอย่างแสดงความเป็นเ
จากนั้นผมก็คบกับฝ้ายมาเรื่อยๆ จนถึง ม.5 เธอก็เริ่มเบื่อผม เพราะผมไม่ค่อยสนใจเธอ เรียนเสร็จผมก็ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนซะส่วนใหญ่ หลังๆ ก็เริ่มมีข่าวมาเข้าหูผมว่าฝ้ายไปกับผู้ชายคนนั้นคนนี้อยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหวงเธอเลยสักนิด“ถ้าเธออยากเลิก ก็ได้นะ”ผมพูดกับฝ้าย เมื่อเห็นเธอไปกินข้าวกับรุ่นพี่คนหนึ่ง“ก็ราเรซไม่ยอมไปไหนกับฝ้ายเลยอ่ะ ฝ้ายก็แค่เหงา คุยเล่นๆไปงั้นเอง ไม่ได้ชอบสักนิด” ฝ้ายตอบ“งั้นก็แล้วแต่เธอแล้วกัน”ผมก็รู้สึกเฉยๆนะ การที่คบกับเธอมันทำให้ไม่มีผู้หญิงมาวุ่นวายกับผมดีผมรู้ตัวเองดีว่าผมทำให้เธอมีความสุขไม่ได้หรอก เธออยากจะไปไหนกับใครมันก็เรื่องของเธอ“ไปเตะบอลบ้านไอ้โต้งกัน” ธามพูดขึ้น เมื่อได้เวลาเลิกเรียนที่บ้านของโต้งมีสนามหญ้าเทียมให้เช่าเล่นฟุตบอลครบวงจร ซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร เพราะมันมีตั้งห้าสนาม แล้วที่บ้านมันยังทำธรุกิจขายส่งอุปกรณ์กีฬาอีกด้วย“ฟรีไหมว่ะ” เลโอถามขึ้น“มึงไปคุยกับป๊ากูเองก็แล้วกัน” โต้งตอบทีทีคลับบ้านของโต้งเป็นตึกคูหาสามชั้น ซึ่งก็ตั้งติดกับสนามฟุตบอล ด้านหน้าตึกเป็นร้านกาแฟและอาหาร ห้องอาบน้ำก็ทำซะหรูหราแทบไม่กล้าอาบกันเลยทีเดียวเมื่
กลับมาปัจจุบัน....ต้าหนิงมาเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเดียวกันกับพวกผม เพราะม๊าของโต้งแกคิดถึงลูกสาวอยากเห็นหน้าทุกวัน“ไอ้พวกเหี้ย อยากตายรึไงว่ะ” นั้นคือสิ่งที่พวกผมได้ยินทุกวันจากปากไอ้โต้งก็น้องสาวคนสวยของมันนะสิ ฮอตไปทั่วโรงเรียนแล้ว ทำให้ไอ้โต้งคันตีนเป็นระยะๆ“เป็นไรว่ะ” เลโอถาม ทั้งที่มันก็รู้สาเหตุอยู่แล้ว“รู้งี้ กูให้เรียนที่โรงเรียนหญิงล้วนต่อดีกว่า” โต้งบ่น“ก็น้องมึงน่ารักขนาดนั้นใครจะไปอดใจไหวว่ะ ใช่ไหมไอ้เรซ”ผมสะดุ้งตัวนิดหน่อยที่ไอ้บิ๊กไบค์มันพูดเหมือนพลาดพิงผม“ก็น่ารักจริงแหละ” ผมตอบไอ้บิ๊กไบค์ไป แบบยิ้มๆ“เป็นเพื่อน กูก็ไม่เว้นโว๊ย เตรียมแดกตีนกูได้เลย”“กลัวแล้วคร๊าบ... อย่าดุนักเลยพี่โต้ง” เลโอพูดอย่างล้อเลียนบิ๊กไบค์กับเลโอพวกมันสองคนนั่งทะเลาะกับไอ้โต้งอย่างเมามัน แต่ว่า..เสียงของพวกมันไม่ได้เข้าหูผมแล้วในตอนนี้ เพราะผมกำลังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามสิบนาทีที่ผ่านมา นึกถึงแก้มเนียนๆ ที่เปล่งเป็นสีแดงอมชมพูของน้องต้าหนิง“มึงยิ้มเชี้ยไร ไอ้เรซ” เสียงไอ้โต้งตะโกนใส่หูผม“กูนั่งยิ้มเฉยๆ ก็ผิดเหรอวะ” ผมหันไปมองหน้าเพื่อน อยากจะขำให้ฟันร่วงกับความพาลไปทั่วของมัน“สงสั
“เป็นไงบ้านแก” แก้มใสถามขึ้น เมื่อฉันเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ“ขอน้ำหน่อย” ฉันยื่นมือไปขอน้ำหวานจากแก้วของเพื่อนพอได้ดื่มน้ำแล้วค่อยยังชั่วหน่อย“ได้คุยกับพี่เขารึเปล่า” แก้มใสถามต่อ“อื้ม..ได้คุย แต่พี่ฝ้ายดันมาเห็นพอดี ก็เลยรีบชิ่งมาก่อน”“เหรอ แกจะโดนพี่ฝ้ายเล่นงานไหม” แก้มใสถามอย่างป็นห่วง“ไม่รู้ดิ”ที่แก้มใสถามอย่างนั้นก็เพราะเวลามีผู้หญิงคนไหนไปยุ่งกับพี่ราเรซก็จะโดนพี่ฝ้ายกลั่นแกล้ง จนไม่กล้าไปยุ่งกับพี่ราเรซอีกเลย ล่าสุดก็เพื่อนร่วมห้องของฉันเอง นางก็แค่ทำขนมไปให้พี่ราเรซเฉยๆ พอพี่ฝ้ายรู้ก็ตามมาด่านางถึงในห้องเรียน พร้อมกับถุงขนมที่ทำไปให้พี่ราเรซ พี่ฝ้ายเอามาระเรงเต็มหน้าเต็มผมเพื่อนร่วมห้องคนนั้นอย่างซะใจ ทำให้เพื่อนร่วมห้องของฉันอับอายจนไม่กล้ามาโรงเรียนหลายวัน“แต่แกมีเฮียโต้งอยู่ ไม่ต้องกลัวไปหรอก” แก้มใสบอก“ต้าไม่ได้กลัวหรอกนะ ต้ากำลังสงสัยพี่ราเรซอยู่”เรื่องพี่ฝ้ายจะมาหาเรื่องฉันหรือเปล่านั้น ไม่ได้คิดมากเลย“สงสัยอะไร” แก้มใสถามอย่างใคร่รู้“ก็ตอนที่บอกเรื่องแฟนของพี่เขาไป พี่ราเรซกลับทำเฉยเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่โกรธ ไม่หึง แถมยังยิ้มหน้าระรื่นอีก” นั่นแฟนเขานะ
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ
“พวกเพื่อนพี่ชายของต้ามานอนที่บ้านบ่อยเหรอ” พี่ไผ่ถามขึ้นหลังจากที่พวกเฮียโต้งไปกันหมดแล้ว“เมื่อก่อนก็บ่อยล่ะคะ แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ค่อยมาเท่าไร”“แล้วในบรรดาพวกเพื่อนของพี่ชายต้า มีใครทำอะไรไม่ดีกับต้าหรือเปล่า..” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ไผ่อย่าง งงๆ นี่เขาอยากจะถามอะไรฉัน“พี่หมายถึง แบบว่า มีใครที่นิสัยไม่ดี ชอบมาวุ่นวายกับต้า อะไรประมาณนี้”ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“ไม่นี่ค่ะ พวกเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายกับต้าหรอก” ฉันจำต้องตอบพี่ไผ่ไปแบบนั้น“ถ้ามีอะไร ก็บอกพี่ได้นะ” พี่ไผ่ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี“ค่ะ”“น้องต้าครับ พี่ขอน้ำแข็งสักสองถังหน่อยสิ พวกพี่จะตั้งวงกันบนดานฟ้า” พี่บิ๊กไบค์โผล่หน้าจากทางขึ้นบันไดบ้านมาบอกกับฉัน“จะดื่มกันแต่ตั้งหัววันเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่บิ๊กไบค์“ครับ พอดีว่าไอ้เรซมันกำลังเฮิร์ทนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นหมาหงอยซะงั้น”คำพูดของพี่บิ๊กไบค์ มันทำให้ฉันใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงไม่ได้เป็นเพราะฉันหรอกนะ“ป่ะ ไอ้ไบค์ ไ
“ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้“อ๊ะ..ไผ่”“แรงอีก อ๊ะ..” เสียงเก้าอี้นั่งดัง เอี๊ยด อ๊าด ทำให้ฉันแสบแก้วหู“อ่า..ซินดี้..” เสียงพี่ไผ่ครางต่ำฉันถึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่ พวกเขาทำอะไรกัน แสลงหูที่สุดเลย แต่ที่หนักกว่าด้านนอกก็คงจะเป็นพี่ราเรซในตอนนี้ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง ฉันรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขึงกำลังจ่ออยู่ที่หน้าท้องของฉัน“พี่ไม่ไหวแล้วต้า..” เสียงพี่ราเรซกระซิบแหบพร่าชิดริมหู เรียกขนในกายให้รุกชันอย่างซาบซ่านพี่ราเรซจับเสื้อยืดฉันถอดขึ้นออกทางศีรษะ มือหนาปลดตะขอบราออกในทันที แขนแกร่งข้างหนึ่งรั้งเอวบางฉันเข้าไปชิดตัว ริมฝีปากหนาก้มลงมาครอบครองยอดอกดูดเม้มอย่างรุนแรง มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงเข้าไปในกางเกงชั้นใน ส่งนิ้วเรียวเข้าไปสะกิดกับจุดอ่อนไหวกลางกาย พี่ราเรซง้อข้อมือเข้าออกอย่างรัวเร็ว เรียวขางามเริ่มสั่นนิดๆ ทรงตัวไม่อยู่ เพราะโดนพี่ราเรซเล้าโลมทั้งบนและล่างอย่างจาบจ้วง เมื่อพี่ราเรซถอด
“เราเป็น..” พี่ซินดี้กำลังจะตอบ“เพื่อนสมัยมัธยมพี่นะ” แต่พี่ไผ่กลับชิ่งตอบซะก่อน แล้วพี่ซินดี้ก็หันมามองหน้าพี่ไผ่แปลกๆ“แล้วสองคนรู้จักกันได้ไง” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน“เราเป็นแฟนกัน” พี่ไผ่ตอบแทน“จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้” พี่ซินดี้หันไปคุยกับพี่ไผ่“ทำไมล่ะ ฉันจะมีแฟนน่ารักๆ ไม่ได้หรือไง”“งั้นก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเอาใจใส่”“ต้าหนิงไม่ใช่คนเรื่องมาก และฉันก็เอาใจใส่แฟนฉันอยู่แล้ว”ทำไมฉันรู้สึกเหมือนสองคนนี้กำลังเถียงกันโดยทางอ้อมนะ ใบหน้าที่กำลังปั้นยิ้มใส่กันนั่นอีก“ต้าอิ่มแล้วค่ะ” ฉันพูดโพล่ขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกจิกกัดกันด้วยสายตาสักที“กลับบ้านกัน เพื่อนพี่น่าจะไปรอที่สนามแล้วล่ะ” พี่ไผ่บอก“จะไปไหนกันต่อเหรอ” พี่ซินดี้ถามขึ้น“ออ ที่บ้านต้ามีสนามหญ้าเทียมให้เช่านะคะ พี่ไผ่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลกัน” ฉันพูดกระจายต่อมความอยากรู้ให้พี่ซินดี้ฟัง“ขอไปด้วยสิ คือซินดี้อยากไปเที่ยวบ้านน้องต้าหนิงอ่ะ ไปได้ไ
“พี่ไผ่มารับกลับบ้านไปแล้วค่ะ”ทันทีที่ได้ยินคำตอบ มันก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าผมหายวับไปในพริบตา ทำไมมันต้องมีมารมาขัดขว้างตลอดเลยว่ะ แก้มใสยืนมองหน้าผมอย่างหวาดหวั่น สงสัยกลัวผมจะอารมณ์เสียใส่ล่ะมั้ง“ขอบคุณครับ ที่มาบอกพี่” ผมยิ้มให้แก้มใสอีกครั้ง“ค่ะ พี่ราเรซอย่างโกรธต้าหนิงเลยนะคะ ที่จริงต้ามันก็มานั่งรอตามที่พี่ราเรซบอก แต่ว่า...”“ไม่เป็นไรครับ แล้วเรากลับยังไงล่ะ”“กลับรถเมล์ค่ะ”“เดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามปฏิเสธ”ผมแค่อยากตอบแทนที่แก้มใสเดินมาบอก ไม่งั้นผมคงจะโกรธคนตัวเล็กไปแล้ว เพราะคิดว่าเธอไม่มารอตามนัด และการที่แก้มใสเดินมาบอกผมแบบนี้แสดงว่าเธอกำลังเชียร์ผมอยู่“แก้มใสกับต้าหนิงสนิทกันมากเลยเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากมหาลัยได้สักพัก“ค่ะ ตั้งแต่อนุบาลเลย แก้มไม่ค่อยมีเพื่อนนะคะ ตอนเด็กๆ แก้มมักจะโดนเพื่อนแกล้งและก็โดนล้อว่าไม่มีพ่ออยู่เป็นประจำ ต่างกับต้าหนิงรายนั้นนะเพื่อนเยอะ มีแต่คนรุมรอบ คริๆ เพราะต้าหนิงน่ารักและสดใสอยู่ตลอดเวลา” เธอเล่าไปขำไป“ฮอตตั้งแต่เด็กเลยเหรอ ยัยเด
ราเรซผมลืมตาตื่นขึ้นมาหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงนอน เช้าแล้วเหรอ... ผมหันกลับมามองความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของผมทั้งคืน ยังไม่ตื่นเลย... สงสัยจะเพลียมาก เพราะโดนผมจัดหนักไปหลายรอบ ก็ไม่อยากจะหักโหมมากหรอก ผมแค่กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอต้าหนิงอีก กลัวเธอจะหนีไปเหมือนเมื่อวันก่อน ก็เลยต้องจัดหนักให้หมดแรงกันไปข้าง จะได้ไม่มีแรงลุกหนีผมไปไหนได้อีกผมเลื่อนจมูกโด่งชิดแก้มเนียนถูวนไปมา แล้วมือน้อยๆ ของต้าหนิงก็ยกขึ้นมาผลักหน้าผมออก ทำให้ผ้าห่มที่คลุมช่วงบนอยู่เปิดออก เผยให้เห็นดอกบัวคู่งามที่มีรอยแดงเป็นจ้ำเต็มไปหมด ผมรู้ว่าวันนี้ต้าหนิงมีเรียนก็เลยไม่ทำรอยที่ลำคอ เดี๋ยวผมจะโดนไอ้โต้งลากไปกระทืบอีก ผมก็เลยมาทำใต้ร่มผ้าแทนพอยกมือขึ้นมาปัดหน้าผม ต้าหนิงก็หลับต่อ ยังไม่รู้ตัวอีก... เล่นล่อตากันแต่เช้าแบบนี้ พี่ก็อดไม่ไหวนะผมเลือนริมฝีปากลงไปครอบครองยอดอกของต้าหนิง ซึ่งตอนแรกมันก็สงบนิ่งดีอยู่หรอก แต่พอโดนปลายลิ้นเขี่ยเข้าให้ก็ชูชันขึ้นมาทันที พร้อมกันเจ้าของที่ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมด้วยความตกใจ“พี่เรซ.. เล่นอะไรเนี้ย หยุดนะ”
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ