“ทั้งสองอย่างล่ะมั้ง อยากจะลองดูหน่อยไหมล่ะ”
พี่ราเรซก้มหน้าลงมาซุกไซ้ซอกคอของฉันอย่างบ้าคลั่ง แขนเล็กก็ดันเขาไว้ไม่อยู่ ฉันจึงใช้กำปั้นทุบที่ไหล่หนาแทน มือหนายึดมือบางของฉันทั้งสองข้างไปตรึงไว้กับเตียงนอน ทำให้ฉันไม่สามารถประทุษร้ายเขาได้อีก ลิ้นชื้นลากไล้ไปมาตามไหล่ปลาร้าและลำคอ ทำให้ขนกายลุกชันด้วยความสยิวปนเสียว ปากหนาพรมจูบดูดแม้มที่ซอกคอขาวเนียนอย่างแรงจนร่างกายของฉันสะดุ้งโหยงด้วยความเจ็บ ปานว่าเขาตั้งใจจะดูดดึงผิวเนื้อหลุดออกมาซะให้ได้ พยายามเตะก็แล้วถีบก็แล้ว แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ยิ่งฉันดิ้นเท่าไร ร่างหนาก็ยิ่งแนบชิดกับร่างบางของฉันมากขึ้นเท่านั้น ฉันแทบจะจมหายไปกับเตียงนอนได้แล้วมั้ง “ปล่อยต้านะ พี่เรซ!!” ฉันร้องตะโกนสุดเสียง เขาจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ใช่แฟนของเขา อีกอย่างฉันก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย “ทำไมต้องปล่อย...” พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่นพยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้สุดๆ ยังมีหน้ามาถามอีก..ว่าทำไมต้องปล่อย “ต้ามีแฟนแล้ว พี่ไม่ควรทำแบบนี้กับต้า” ฉันตอบโดยที่ไม่หลบสายตาของเขาแม้แต่น้อย เขาคงคิดว่าฉันง่ายสินะ ถึงได้ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ “แล้วไง.. พี่เอา..ต้า พี่ไม่ได้เอาแฟนต้าสักหน่อย..” “พี่เรซ!!” ฉันเรียกชื่อเขาเสียงดัง เผื่อมันจะทำให้เขาได้สติขึ้นมาบ้าง ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาเมื่อกี้มันไม่สมควร “ครับ กลัวลืมชื่อพี่เหรอ” พี่ราเรซยื่นหน้าเข้ามาถาม ฉันรีบเบือนหน้าหนีทันทีที่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ถ้าชื่อพี่มันจำยาก จะเรียก..ผัวขา ก็ได้นะ” ฉันหันขวับกลับมามองหน้าพี่ราเรซอย่างตกใจ นี่เขาเป็นบ้าอะไรเนี้ย ใครมันจะกล้าไปเรียกเขาแบบนั้นกัน “เก็บไว้ให้พี่ซินดี้เรียกเถอะค่ะ” “แต่พี่อยากให้ต้าเรียก” “ไม่!!” ฉันปฏิเสธทันควันที่พี่ราเรซพูดจบ แล้วนั่น..มันยิ่งทำให้คนตรงหน้าแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด พี่ราเรซผละตัวออกเล็กน้อย แต่ก็ยังนั่งคร่อมร่างบางของฉันไว้อยู่ เขาถอดเสื้อยืดของตัวเองออกเผยให้เห็นซิกแพคที่เรียงตัวเป็นลอนคลื่นอย่างสวยงาม จากนั้นพี่ราเรซก็ปลดเข็มขัดออกพร้อมเกะเม็ดกระดุมกางเกงยีนที่เขาสวมอยู่ออกสามเม็ดเผยให้เห็นขอบกางเกงชั้นในแลดูเซ็กซี่ไปอีก นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่..ต้าหนิง สติอยู่ไหนกลับมาด่วน “งั้นก็หยุดพี่ให้สิ เพราะพี่ไม่ปล่อยต้าไปง่ายๆ แน่” มือหนาเอื้อมมือมาแกะกระดุมเสื้อของฉันออกอย่างรวดเร็ว ฉันรีบคว้ามือพี่ราเรซไว้แต่มันก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ “อย่านะ พี่เรซ!!” ฉันจิเล็บลงที่หลังมือหนาทั้งหยิกทั้งข่วน เพื่อให้เขาหยุดแต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะเขาสามารถถอดชุดพร้อมบราปีกนกของฉันออกไปได้เหลือไว้เพียงกางเกงชั้นในที่ยังพอช่วยปกปิดช่วงล่างได้นิดหน่อย พี่ราเรซใช้สายตาจ้องมองร่างกายของฉันตั้งแต่เนินอกลงมายังช่วงล่างด้วยสายตาแทะโลมสุดๆ ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันทีด้วยความอาย ฉันยกแขนขึ้นมากอดตัวเองไว้แน่น ถึงมันจะไม่สามารถปิดได้หมดแต่มันก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว ทำได้แค่กอดตัวเองไว้ “สวยจัง...” พี่ราเรซชม “อย่ามองนะ...” ฉันบอกเขาเสียงสั่นพร้อมกับหลับตาลงไม่กล้าสบตากับเขา ความรู้สึกในตอนนี้ มันทั้งอายทั้งกลัว ไม่เคยมีใครได้เห็นร่างกายของฉันมาก่อน แม้แต่พี่ไผ่เอง ถึงเราจะเป็นแฟนกันแต่ฉันก็ไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ใครสัมผัสหรือเห็นได้ง่ายๆ แต่ดูตอนนี้สิ เขาได้เห็นได้สัมผัสมันทำให้ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองเข้าไปทุกทีที่ปล่อยให้เขาสัมผัสได้ง่ายๆ “ลืมตา..” ฉันหลับตาแน่นส่ายหน้าไปมาจนหัวสั่นตาม ทำให้ผมยาวสลวยกระจายไปทั่วเตียงนอน ไม่รู้ตัวเลยว่า มันยิ่งทำให้ตัวเองดูน่ามองเข้าไปอีก ฉันไม่อยากเห็นสภาพของตัวเองในตอนนี้ มันน่าอายที่สุด ร่างกายแทบจะเปลือยเปล่าต่อหน้าเขาอยู่แล้ว ฉันกระชับอ้อมกอดตัวเองแน่นขึ้น “ต้าหนิง..” พี่ราเรซพูดเสียงอ่อนลง ฉันไม่รู้หรอกว่าเขามีสีหน้ายังไงเพราะยังหลับตาอยู่ “อย่าทำกับต้าแบบนี้ ต้ากลัว..” ฉันบอกเขาเสียงสั่นเครือ “ลืมตาก่อนสิ พี่ไม่ทำอะไรหรอก...” คำพูดของเขาเชื่อได้ใช่ไหม ฉันยังลังเลอยู่ในใจแต่ก็ยอมลืมตาขึ้น แล้วฉันก็ตกหลุมพรางเขาอีกครั้ง ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็สบเข้ากับตาคมพอดี นัยน์ตาของพี่ราเรซที่มองมายังฉันแลดูอ่อนโยนซะจนใจสั่น แววตาของพี่เขาดูโหยหาฉันเหลือเกิน มันทำให้ฉันหวั่นไหว “กลัวพี่เหรอ” พี่ราเรซโน้มตัวลงมาใช้แขนหนาทั้งสองข้างของเขาสอดผ่านหลังของฉันอย่างช้าๆ ขึ้นมาประคองหัวทุ่ย พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน เขาทำให้ฉันเคลบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มแสนหวานที่สาวคนไหนได้เห็นเป็นต้องอ่อนระทวยให้แก่เขา “กลัวพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” พี่ราเรซถามอีกครั้งใบหน้าเต็มไปรอยยิ้มแสนหวาน ฉันพยักหน้าหงักสองครั้งแทนคำตอบ พี่ราเรซยิ้มกรุ้มกริ่มส่งมาให้ ฉันถึงกับร้อนวาบไปทั่วไปหน้า ใจก็เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ทำไมจู่ๆ เขาถึงเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้ เขาทำให้ฉันหวั่นไหวจนน่าใจหาย อาการต่อต้านก่อนหน้านี้มันได้มลายหายไปแล้ว เพียงแค่พี่ราเรซส่งยิ้มหวานมาให้ นี่ฉันใจง่ายเกินไปหรือเปล่านะ... “บอกมาสิ ว่าพี่น่ากลัวยังไง..” พี่ราเรซขยิบตาให้หนึ่งที เขายังยิ้มหวานไม่เลิก นี่กะจะทำฉันละลายให้ได้เลยใช่ไหม “พี่เรซใจร้าย..” ฉันจิ้มนิ้วชี้ไปที่อกแกร่งข้างซ้ายที่ไร้ซึ่งอาภรปกปิดใดใดเพราะเขาถอดมันออกไปแล้ว พร้อมกับจ้องมองใบหน้าคมเข้มอย่างหวาดหวั่น “ถ้าไม่อยากให้พี่ใจร้ายก็อย่าดื้อกับพี่สิ” “ต้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย จะดื้อได้ไง” “ก็แล้วทำไมเลิกเรียนแล้วไม่รอพี่ล่ะ หนีไปทำไม” น้ำเสียงเหมือนจะดุนิดหน่อยแต่ใบหน้าคมก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่มันทำให้ฉันเริ่มคายความกลัวลง นี่ไม่ใช่กับดักใช่ไหม.. “ก็ต้า... อายนิ” ฉันเบือนหน้าหนีไปอีกทางไม่กล้าสบตากับเขา พี่ราเรซก็ยิ้มอยู่ได้ ฉันเริ่มจะอ่อนไหวแล้วนะ “อายอะไรครับ” เนะ! ยังจะมาถามอีก.. ดูแต่ล่ะอย่างที่เขาทำกับฉันสิ ฉันไม่หน้าด้านพอที่จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรไปได้หรอกนะ.. “พี่เรซชอบรังแกต้า” ฉันบอกเขาโดยที่ไม่มองหน้า เพราะฉันกลัวใจตัวเองเหลือเกิน กลัวว่ามันจะละลายไปกับรอยยิ้มแสนอ่อนโยนนั่น “พี่มีวิธีที่จะทำให้ต้าไม่รู้สึกอาย ได้นะ..” ฉันหันหน้ากลับมามองเขาด้วยสีหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ มีวิธีแบบนั้นด้วยเหรอ ไม่เห็นจะเคยรู้มาก่อนเลย “มองตาพี่สิ..” ฉันทำตามอย่างว่าง่ายเพราะคิดว่ามันคือวิธีที่จะทำให้ฉันไม่ต้องรู้สึกอายเขาได้อีก แต่แล้ว..เมื่อได้สบตากับเขาหัวใจของฉันมันก็เต้นโครมครามแทบจะทะลุออกมา ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ เป่ารดผิวแก้มสร้างความปั่นป่วนให้ฉันไม่น้อย ดวงตาของเรายังสานเข้ากันอยู่ไม่ห่างมันเหมือนต้องมนต์สะกดให้ฉันมองแค่เขาเพียงคนเดียว ริมฝีปากหนาเลื่อนมาสัมผัสริมฝีปากบางของฉันอย่างแผ่วเบา เพียงแค่สัมผัสเบาๆ มันก็ทำให้ร่างกายของฉันอ่อนปวกเปียกโรยแรงไปอย่างน่าอัศจรรย์ สมองไม่สั่งการอะไรนอกจากให้ยอมเขาและตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เขาเป็นคนสร้างขึ้น มือเล็กที่กอดตัวเองอยู่ค่อยๆ คายออกเปลี่ยนไปโอบกอดร่างหนาแล้วลูบไล้แผ่นหลังกว้างอย่างเผลอไผล ทำให้ร่างกายของเราแนบชิดกันมากขึ้น ฉันเผลอแอ่นอกขึ้นให้เม็ดทับทิมที่แข็งเป็นไตเสียดสีกับอกแกร่งให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “อื้อ....” พี่ราเรซพึมพำอย่างพอใจ ฉันอยากเอาใจเขาบ้างด้วยการจูบตอบ แต่มันค่อนข้างสะเป๊ะสะแป๊ะไม่รู้ว่าควรจะจูบตอบยังไง และเหมือนพี่ราเรซจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันกำลังทำ เขาค่อยๆ ชักนำพาฉันไปทีล่ะนิดสอนรสจูบแสนหวานนี้ให้แก่ฉัน เขาทำให้ฉันลุ่มหลงจนถอนตัวไม่ขึ้น ริมฝีปากหนาละจากริมฝีปากบางเลื่อนลงมาครอบครองเม็ดทับทิบที่แข็งเป็นไตกำลังแอ่นรอริมฝีปากหนาอย่างลืมอาย ริมฝีปากหนาเริ่มดูดเม้มเบาๆ อย่างเอาใจ มือหนาข้างหนึ่งเลื่อนลงไปลูบไล้วนหน้าท้องแบนราบเล่นแล้วค่อยๆ เลื่อนลงต่ำไปเรื่อยๆ จนถึงขอบกางเกงชั้นใน นิ้วเรียวรั้งกางเกงชั้นในออกไปพ้นทาง มือหนาเลื่อนมาสัมผัสเข้ากับเนินเนื้อสาวอวบอิ่มที่เขาเคยได้สัมผัสมันไปแล้วก่อนหน้านี้ “อื้อออ พี่เรซ..” นิ้วเรียวแวกวนเล่นอย่างหยอกล้อกับเส้นไหมอ่อนนุ่ม อาศัยจังหวะที่ฉันกำลังลุ่มหลงอยู่นั้น “อ๊ะ..อื้มมม” นิ้วเรียวก็แทรกเข้ามายังร่องฉ้ำแฉะถึงสองนิ้วมันทำให้ส่วนนั้นของฉันบีบรัดแน่นพร้อมกระตุกเป็นระยะ นิ้วหัวมือขยี้แรงกับจุดอ่อนไหวของร่างกาย ร่างกายช่วงร่างบิดเกร็งอย่างเร่าร้อนทันทีที่นิ้วเรียวขยับเข้าออกอย่างรวดเร็วและแรง ฉันจิกเล็บลงที่แผ่นหลังกว้างอย่างต้องการระบายความรู้สึกหวาบหวาม ร่างกายฉันกระตุกเกร็งไปสองสามทีรู้สึกฉ่ำแฉะไปทั่วหน้าขา พี่ราเรซถอดนิ้วออกจากตัวของฉันแล้ววนเล่นอยู่บริเวณขาอ่อนด้านในสร้างความปั่นป่วนให้แก่ร่างกายฉันไม่หยุด พี่ราเรซผละตัวออกถอยไปนั่งพิงหัวเตียง นั่งจ้องมองฉันอย่างมีเลศนัย แล้วรอยยิ้มกุ้มกริ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของพี่ราเรซ “ช่วยอะไรพี่หน่อยสิ” “อะไรคะ..”พี่ราเรซยกตัวฉันให้ขยับไปนั่งตรงกลางหว่างขา สายตาของฉันก็เลือบไปเห็นความเป็นชายที่กำลังแข็งขึง ด้วยขนาดของมันทำให้ฉันเผลอจ้องมองแล้วรอบกลื้นน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว พี่ราเรซจ้องหน้าฉันพร้อมกับยิ้มล้อเลียน ฉันรีบเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอายที่โดนเขาจับได้ที่แอบมองส่วนนั้นของเขา “ขยับมาอีก..” เสียงกระซิบของพี่ราเรซแหบพร่าอย่างเซ็กซี่ ชวนให้หลงใหลและทำตามอย่างว่าง่ายเหมือนโดนพี่ราเรซร่ายมนตร์ใส่ พี่ราเรซจับมือของฉันขึ้นจากข้างลำตัว เขาวางฝ่ามือของฉันลงบนอกแกร่ง ก่อนจะกดมันให้ลูบลงต่ำลงไปเรื่อยๆ เข้ากับแก่นกายของเขาที่กำลังชูชันเพื่อรับให้มือบางของฉันสัมผัส หัวใจสั่นระรัวเมื่อได้มองสิ่งนั้นชัดๆ มือหนานำพามือของฉันสัมผัสกับแก่นกายของเขา ไล่มือขึ้นลงอย่างเชืองช้า ฉันจ้องการกระทำของตัวเองและเขาอย่างตื่นเต้น เพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน “ชิมสิ ต้าหนิง...” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่ราเรซ ก่อนจะก้มหน้าลงมาสัมผัสกับแก่นกายของเขาด้วยการแลบลิ้นออกมาแตะส่วนปลายเบาๆ ทำเอาร่างหน
ต้าหนิง ทันทีที่รู้สึกตัวขึ้น อาการปวดหัวก็แล่นปี๊ดขึ้นที่สมองย่างเฉียบพลัน นี่สินะ.. ที่เขาเรียกว่าอาการแฮงค์นะ ยังมึนๆ งงๆ อยู่เลย ไอ้เตกีลานี่มันหนักหัวดีแท้ ไม่เอาแล้ว ฉันจะไม่ดื่มมันอีกแล้ว ฉันกำลังจะเอี้ยวตัวลุกออกจากเตียงนอน แต่ก็รุกไม่ได้ เพราะเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างรั้งเอวบางของฉันไว้อยู่ ฉันชำเลืองไปมองที่เอวของตัวเองก็เจอกับแขนแกร่งรัดแน่นที่เอวบาง เห็นแค่นั้น.. ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร เพราะสมองเริ่มกลับมาทำงานเป็นปกติแล้ว มันกำลังประมวลภาพเหตุการณ์เมื่อคืนมาฉายให้ฉันดู แล้วความร้อนรุ่มก็ขึ้นมากองร่วมกันอยู่ที่หน้า ฉันทำอะไรลงไป... ยัยต้าหนิงเอ๊ยยยย ฉันพยายามยกแขนของพี่ราเรซ ออกจากเอวบางของตัวเอง เหมือนพี่ราเรซจะเหนื่อยมากถึงได้หลับลึกขนาดนี้ เหนื่อยเหรอ.. พอนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เขาเหนื่อย ใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมากอีกครั้ง พอหลุดออกจากแขนแกร่งของพี่ราเรซได้แล้ว ฉันรีบกวาดสายตามองไปรอบห้องเพื่อหาเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งมันกองอยู่กับพื้นข้างเตียงนอนนี่เอง ฉันรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว ฉันแอ
ราเรซ ความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดทั้งคืนได้หายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า ผมลืมตาแล้วหันมามองยังอ้อมกอดของตัวเอง ซึ่งในตอนนี้ไร้วี่แววร่างบางแสนนุ่มนิ่มของต้าหนิง ไปไหนวะ หรือว่าจะอยู่ในห้องน้ำ ผมลุกขึ้นจากเตียงนอนกำลังจะเดินตรงไปยังห้องน้ำ แล้วสายตาก็พลันมองไปยังประตูห้องนอนที่ปิดไม่สนิท แสดงว่ามีคนเปิดมันออก ผมรีบก้าวยาวๆ ออกจากห้องนอน มองไปรอบๆ ห้องสูทแสนหรูหรานี้ก็ยังไร้วี่แววของต้าหนิงอยู่ กลับไปแล้วเหรอ ทำไมไม่ปลุกกันก่อนนะ แล้วหูของผมก็เหมือนจะได้ยินเสียงคนพูดคุยกันแว่วๆ มาจากประตูหน้าห้อง พอเปิดประตูออกก็เห็นต้าหนิงกำลังยืนคุยอยู่กับแก้มใส และเมื่อต้าหนิงหันหน้ามาเจอผม เธอกับเพื่อนก็วิ่งหนีเข้าไปในลิฟต์ทันที “ต้าหนิง!” คิดว่าจะหนีไปได้สักเท่าไรกันเชียว เด็กน้อยเอ๊ย... แต่ก็เอาเถอะ! ให้เวลาเธอสักหน่อย ไม่อยากทำให้ต้าหนิงรู้สึกกดดันมาก “ทำไม มึงออกมาสภาพนี้” ผมหันไปถามบิ๊กไบค์ เพราะมันนุ่งเพียงผ้าขนหนูผื่นเดียว สงสัยพึ่งอาบน้ำมา “มึงก็ไม่ได้ต่างจากกูหรอก” แล้วมั
“พี่เรซโมโหใครมาเหรอคะ หน้าบึ้งจัง”พอเข้ามานั่งในรถ เสียงใสๆ ของน้องสาวตัวน้อยก็ถามขึ้น ผมได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้ไดน่า เพราะไม่รู้จะตอบน้องยังไงเหมือนกัน แล้วความคิดชั่วๆ ก็แล่นเข้าหัวเมื่อหันมามองหน้าน้องสาว ผมรู้แล้ว ว่าจะพาต้าหนิงกลับไปด้วยยังไง หึๆ ๆห้านาทีต่อมา....“คุณลุงยามขา... ช่วยพาไดน่าไปหาพี่สาวหน่อยสิคะ ไดน่าจำห้องพี่สาวไม่ได้”ผมซุ่มดูไดน่าอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ นี่แหละครับ แผนของผม ให้ไดน่าไปพาเธอออกมา“แล้วพี่สาวชื่ออะไรล่ะครับ”“พี่ต้าหนิงค่ะ คนที่ขาวๆ สวยๆ หน้าหมวยๆ หน่อย”“ออ... ลุงพอจะนึกออกล่ะ ว่าคนไหน เดี๋ยวลุงพาไปนะ”แล้วลุงยามก็จูงมือไดน่าขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของหอพัก ทีนี้ก็แค่รอให้เธอเดินลงมาหาอย่าง งงๆ ฮ่าๆ ๆต้าหนิงพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแพรวกับน้ำก็โทรมาบอกให้ลงไปเอาอาหารที่เพื่อนซื้อมา พวกเธอจะกลับไปที่ร้านอาหารอีกรอบเพราะดันสั่งของแล้วลืมเอามาด้วยพอลงมารับของจากเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ฉันหันหลังกำลังจะเดินขึ้นบันได ก็มีมือใครบางคนมารั้งข้อมื
“นี่เธอ..”“พี่ซินดี้”พอฉันปัดเนื้อตัวให้ไดน่าเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ที่แท้ก็พี่ซินดี้นี่เอง“นี่น้องเธอเหรอ”“ค่ะ”“หัดดูแลน้องให้ดีๆ หน่อย ไม่ใช่ปล่อยให้มาวิ่งเผ่นผ้านไปทั่วแบบนี้ ที่นี่มันห้างนะไม่ใช่สนามเด็กเล่น แล้วนี่ ดูสิ กระเป๋าของฉันเปื้อนหมดแล้ว รู้ไหมว่ากระเป๋าใบนี้ราคาเท่าไร บนโลกนี้มีแค่ห้าใบเท่านั้นนะ เธอจะรับผิดชอบยังไง ห๊ะ!!”แล้วฉันก็โดนพี่ซินดี้เทศมาเป็นชุด หูนี่แทบหลุดออกมาเลยทีเดียว ฉันก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนรับฟังพี่ซินดี้ด่าอย่างเลี่ยงไม่ได้“เดี๋ยวไดน่าไปขอแม่ขวัญให้ก็ได้ค่ะ กระเป๋าแบบนี้แม่ขวัญเหลืออยู่สามใบ เพราะว่าแม่ขวัญให้ป้าไลลาไปสองใบเมื่องานวันเกิดของป้าไลลา”ฉันมองหน้าสาวน้อยไดน่าอย่างอึ้งๆ กับคำพูดของเธอ แสดงว่ากระเป๋าห้าใบที่ว่านั่น อยู่กับแม่ขวัญของไดน่าหมดเลยนะสิ แล้วที่พี่ซินดี้ถือล่ะ ของปลอมใช่มะ... พี่ซินดี้บอกว่ามีแค่ห้าใบนิ เด็กโกหกไม่เป็น...จริงไหม“ยัยเด็กบ้า แกเอาอะไรมาพูด แม่แกจะมีกระเป๋าทั้งหมดได้ไง ยัยเด็กขี้โกหก!”“ไดน่าเปล่าโกหกนะ! พ่อมอนด์เป็
ผมหันกลับมาที่ต้าหนิงหยักหน้าไปทางประตูบอกให้เธอเปิดออก พอประตูห้องของผมเปิดออก ผมก็เดินตรงดิ่งไปยังห้องนอน ค่อยๆ วางไดน่าลงกับเตียงนอนอย่างเบามือ พร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้น้องสาวตัวน้อย“เดี๋ยวพี่มา ฝากดูไดน่าให้หน่อยนะ” ผมลุกจากเตียงนอนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของต้าหนิง“ให้ต้าไปด้วยไหม” เธอเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล“ไม่เป็นไร รอพี่อยู่นี่แหละ เดี๋ยวพี่มา นะครับ” ผมส่งยิ้มไปให้ต้าหนิง เพื่อให้เธอคลายความกังวล พร้อมกับดึงร่างบางเข้ามากอดอย่างต้องการกำลังใจ เรียวแขนเล็กก็ยกขึ้นกอดตอบผมเหมือนกัน เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมชื่นใจแล้วผมรวบรวมความอยู่สักพักก็เดินเข้าไปในห้องของไอ้โต้ง ผมเอื้อมมือไปปิดประตูลง แต่พอหันตัวกลับมาเท่านั้นแหละ...พลัว!! พลัว!! พลัว!!หมัดหนักๆ จากไอ้โต้งใส่เข้าเต็มหน้าหล่อๆ ของผมมาเป็นชุดเลย ถึงกับเซนิดหน่อย ได้รสเลือดปะแล่มๆ อยู่ในปาก“หมัดมึงห่วยลงนะ ไอ้โต้ง”ผมหันมาเผชิญหน้าคุยกับมันตรงๆ เมื่อทรงตัวยืนนิ่งได้เหมือนเดิม ผมปล่อยให้ไอ้โต้งต่อยได้อย่างตามใจ โดยท
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ
“ต้าเจ็บ อึก...อือ..” ในที่สุดฉันก็ร้องไห้ออกมาจนได้พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วหันมาจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ พยายามไม่สนใจหยดน้ำใสที่ไหลออกมาตามหางตาราเรซ“ต้าเจ็บ อึก...อือ..”ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากริมฝีปากหวาน มันก็ทำให้ผมได้สติขึ้นมา ผมเผลอทำรุนแรงกับต้าหนิงเพราะความโมโหที่เห็นต้าหนิงอยู่กับผู้ชายคนอื่น และโมโหที่เธอดื้อกับผม“เจ็บมากไหม...” ผมจ้องมองใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา พอได้เห็นน้ำตาของต้าหนิงทีไร มันก็ทำให้ผมปวดหัวใจทุกที“คนใจร้าย”“ก็อยากดื้อกับพี่ทำไมล่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“มายุ่งกับต้าทำไม ทำแบบนี้กับต้าทำไม ผู้หญิงของพี่ก็มีตั้งเยอะ ไปทำกับผู้หญิงของพี่สิ” คำพูดเหมือนน้อยใจเลยแฮะ“พี่อยากทำกับต้านิ” ต้าหนิงมองค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น“พี่ขอโทษ ที่รุนแรงกับต้า ก็พี่โมโหอ่ะ” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนสุดๆ“โมโหอะไรคะ ต้าต่างหากที่ต้องโมโห” ต้าหนิงหันกลับมามองหน้าผมอย่างโกรธเคือง“แล้วต
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ
“พวกเพื่อนพี่ชายของต้ามานอนที่บ้านบ่อยเหรอ” พี่ไผ่ถามขึ้นหลังจากที่พวกเฮียโต้งไปกันหมดแล้ว“เมื่อก่อนก็บ่อยล่ะคะ แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ค่อยมาเท่าไร”“แล้วในบรรดาพวกเพื่อนของพี่ชายต้า มีใครทำอะไรไม่ดีกับต้าหรือเปล่า..” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ไผ่อย่าง งงๆ นี่เขาอยากจะถามอะไรฉัน“พี่หมายถึง แบบว่า มีใครที่นิสัยไม่ดี ชอบมาวุ่นวายกับต้า อะไรประมาณนี้”ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“ไม่นี่ค่ะ พวกเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายกับต้าหรอก” ฉันจำต้องตอบพี่ไผ่ไปแบบนั้น“ถ้ามีอะไร ก็บอกพี่ได้นะ” พี่ไผ่ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี“ค่ะ”“น้องต้าครับ พี่ขอน้ำแข็งสักสองถังหน่อยสิ พวกพี่จะตั้งวงกันบนดานฟ้า” พี่บิ๊กไบค์โผล่หน้าจากทางขึ้นบันไดบ้านมาบอกกับฉัน“จะดื่มกันแต่ตั้งหัววันเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่บิ๊กไบค์“ครับ พอดีว่าไอ้เรซมันกำลังเฮิร์ทนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นหมาหงอยซะงั้น”คำพูดของพี่บิ๊กไบค์ มันทำให้ฉันใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงไม่ได้เป็นเพราะฉันหรอกนะ“ป่ะ ไอ้ไบค์ ไ
“ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้“อ๊ะ..ไผ่”“แรงอีก อ๊ะ..” เสียงเก้าอี้นั่งดัง เอี๊ยด อ๊าด ทำให้ฉันแสบแก้วหู“อ่า..ซินดี้..” เสียงพี่ไผ่ครางต่ำฉันถึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่ พวกเขาทำอะไรกัน แสลงหูที่สุดเลย แต่ที่หนักกว่าด้านนอกก็คงจะเป็นพี่ราเรซในตอนนี้ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง ฉันรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขึงกำลังจ่ออยู่ที่หน้าท้องของฉัน“พี่ไม่ไหวแล้วต้า..” เสียงพี่ราเรซกระซิบแหบพร่าชิดริมหู เรียกขนในกายให้รุกชันอย่างซาบซ่านพี่ราเรซจับเสื้อยืดฉันถอดขึ้นออกทางศีรษะ มือหนาปลดตะขอบราออกในทันที แขนแกร่งข้างหนึ่งรั้งเอวบางฉันเข้าไปชิดตัว ริมฝีปากหนาก้มลงมาครอบครองยอดอกดูดเม้มอย่างรุนแรง มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงเข้าไปในกางเกงชั้นใน ส่งนิ้วเรียวเข้าไปสะกิดกับจุดอ่อนไหวกลางกาย พี่ราเรซง้อข้อมือเข้าออกอย่างรัวเร็ว เรียวขางามเริ่มสั่นนิดๆ ทรงตัวไม่อยู่ เพราะโดนพี่ราเรซเล้าโลมทั้งบนและล่างอย่างจาบจ้วง เมื่อพี่ราเรซถอด
“เราเป็น..” พี่ซินดี้กำลังจะตอบ“เพื่อนสมัยมัธยมพี่นะ” แต่พี่ไผ่กลับชิ่งตอบซะก่อน แล้วพี่ซินดี้ก็หันมามองหน้าพี่ไผ่แปลกๆ“แล้วสองคนรู้จักกันได้ไง” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน“เราเป็นแฟนกัน” พี่ไผ่ตอบแทน“จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้” พี่ซินดี้หันไปคุยกับพี่ไผ่“ทำไมล่ะ ฉันจะมีแฟนน่ารักๆ ไม่ได้หรือไง”“งั้นก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเอาใจใส่”“ต้าหนิงไม่ใช่คนเรื่องมาก และฉันก็เอาใจใส่แฟนฉันอยู่แล้ว”ทำไมฉันรู้สึกเหมือนสองคนนี้กำลังเถียงกันโดยทางอ้อมนะ ใบหน้าที่กำลังปั้นยิ้มใส่กันนั่นอีก“ต้าอิ่มแล้วค่ะ” ฉันพูดโพล่ขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกจิกกัดกันด้วยสายตาสักที“กลับบ้านกัน เพื่อนพี่น่าจะไปรอที่สนามแล้วล่ะ” พี่ไผ่บอก“จะไปไหนกันต่อเหรอ” พี่ซินดี้ถามขึ้น“ออ ที่บ้านต้ามีสนามหญ้าเทียมให้เช่านะคะ พี่ไผ่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลกัน” ฉันพูดกระจายต่อมความอยากรู้ให้พี่ซินดี้ฟัง“ขอไปด้วยสิ คือซินดี้อยากไปเที่ยวบ้านน้องต้าหนิงอ่ะ ไปได้ไ
“พี่ไผ่มารับกลับบ้านไปแล้วค่ะ”ทันทีที่ได้ยินคำตอบ มันก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าผมหายวับไปในพริบตา ทำไมมันต้องมีมารมาขัดขว้างตลอดเลยว่ะ แก้มใสยืนมองหน้าผมอย่างหวาดหวั่น สงสัยกลัวผมจะอารมณ์เสียใส่ล่ะมั้ง“ขอบคุณครับ ที่มาบอกพี่” ผมยิ้มให้แก้มใสอีกครั้ง“ค่ะ พี่ราเรซอย่างโกรธต้าหนิงเลยนะคะ ที่จริงต้ามันก็มานั่งรอตามที่พี่ราเรซบอก แต่ว่า...”“ไม่เป็นไรครับ แล้วเรากลับยังไงล่ะ”“กลับรถเมล์ค่ะ”“เดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามปฏิเสธ”ผมแค่อยากตอบแทนที่แก้มใสเดินมาบอก ไม่งั้นผมคงจะโกรธคนตัวเล็กไปแล้ว เพราะคิดว่าเธอไม่มารอตามนัด และการที่แก้มใสเดินมาบอกผมแบบนี้แสดงว่าเธอกำลังเชียร์ผมอยู่“แก้มใสกับต้าหนิงสนิทกันมากเลยเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากมหาลัยได้สักพัก“ค่ะ ตั้งแต่อนุบาลเลย แก้มไม่ค่อยมีเพื่อนนะคะ ตอนเด็กๆ แก้มมักจะโดนเพื่อนแกล้งและก็โดนล้อว่าไม่มีพ่ออยู่เป็นประจำ ต่างกับต้าหนิงรายนั้นนะเพื่อนเยอะ มีแต่คนรุมรอบ คริๆ เพราะต้าหนิงน่ารักและสดใสอยู่ตลอดเวลา” เธอเล่าไปขำไป“ฮอตตั้งแต่เด็กเลยเหรอ ยัยเด
ราเรซผมลืมตาตื่นขึ้นมาหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงนอน เช้าแล้วเหรอ... ผมหันกลับมามองความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของผมทั้งคืน ยังไม่ตื่นเลย... สงสัยจะเพลียมาก เพราะโดนผมจัดหนักไปหลายรอบ ก็ไม่อยากจะหักโหมมากหรอก ผมแค่กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอต้าหนิงอีก กลัวเธอจะหนีไปเหมือนเมื่อวันก่อน ก็เลยต้องจัดหนักให้หมดแรงกันไปข้าง จะได้ไม่มีแรงลุกหนีผมไปไหนได้อีกผมเลื่อนจมูกโด่งชิดแก้มเนียนถูวนไปมา แล้วมือน้อยๆ ของต้าหนิงก็ยกขึ้นมาผลักหน้าผมออก ทำให้ผ้าห่มที่คลุมช่วงบนอยู่เปิดออก เผยให้เห็นดอกบัวคู่งามที่มีรอยแดงเป็นจ้ำเต็มไปหมด ผมรู้ว่าวันนี้ต้าหนิงมีเรียนก็เลยไม่ทำรอยที่ลำคอ เดี๋ยวผมจะโดนไอ้โต้งลากไปกระทืบอีก ผมก็เลยมาทำใต้ร่มผ้าแทนพอยกมือขึ้นมาปัดหน้าผม ต้าหนิงก็หลับต่อ ยังไม่รู้ตัวอีก... เล่นล่อตากันแต่เช้าแบบนี้ พี่ก็อดไม่ไหวนะผมเลือนริมฝีปากลงไปครอบครองยอดอกของต้าหนิง ซึ่งตอนแรกมันก็สงบนิ่งดีอยู่หรอก แต่พอโดนปลายลิ้นเขี่ยเข้าให้ก็ชูชันขึ้นมาทันที พร้อมกันเจ้าของที่ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมด้วยความตกใจ“พี่เรซ.. เล่นอะไรเนี้ย หยุดนะ”
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ