ต้าหนิง
เช้าวันนี้ฉันไม่อยากจะทำอะไรเลยแม้แต่วิ่งก็ไม่อยาก ไปเรียนก็ยิ่งแล้วใหญ่ ฉันอาย.. อายที่จะเจอหน้าใครบางคน ต้องคอยระแวงเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าจะโดนแกล้งอะไรอีก วันนี้พี่ไผ่ไม่ได้ไปส่งฉันเหมือนเมื่อวาน เพราะพี่เขาต้องไปเก็บตัวฝึกซ้อมกับทีม มีตาราง การแข่งขันเร็วๆ นี้แหละ เขาต้องเต็มที่กับการซ้อมเพื่อที่จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงของทีม ตั้งแต่เมื่อวานฉันก็ไม่ได้เจอแก้มใสไม่ได้คุยกันด้วย ฉันหยิบจึงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อน “ว่าไง ต้า” เสียงแก้มใสรับสายฟังดูเหนื่อยๆ “เป็นไรรึเปล่าแก้ม ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น” ฉันถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง “ออ ไม่เป็นไรจ้า แก้มช่วยแม่เปิดร้านนะ” เสียงแก้มใสตอบ แม่ของแก้มใสท่านยึดอาชีพทำขนมไทยขาย ท่านเปิดร้านเล็กๆ อยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ม๊าของฉันก็รับขนมไทยจากบ้านของแก้มใสมาขายที่หน้าร้านด้วยนะ ไม่ได้รับเพราะช่วยเหลือกันอย่างเดียวนะ แต่เพราะขนมไทยฝีมือแม่แก้มใสอร่อยมาก... แก้มใสค่อนข้างลำบากเธอทำงานช่วยแม่เพื่อหารายได้เพิ่ม เพราะมีกันอยู่แค่สองคนแม่ลูก ส่วนพ่อของแก้มใสนั้น แก้มใสเล่าว่าท่านไปแต่งงานใหม่กับคนที่มีฐานะเท่าเทียบกัน ซึ่งแม่ของแก้มใสเป็นเพียงลูกสาวชาวบ้านธรรมดาทางครอบครัวของพ่อนั้นไม่ชอบแม่แก้มใสก็เลยขีดกัน แต่เพื่อนของฉันกับแม่ของเธอก็อยู่กันมาได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาคนพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ “ไม่อยากไปมหาลัยเลยอ่ะ” ฉันบ่นกับแก้มใส “อะไรกัน นี่พึ่งเปิดเรียนได้แค่สองวันก็เบื่อแล้วเหรอ” แก้มใสถามเหมือนกั่วขำ “ไม่ได้เบื่อที่จะเรียน แค่เบื่อคน..” พอนึกถึงหน้าใครบางคนแล้วมันก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาบนใบหน้า เหตุการณ์มันยังฝังใจอยู่ “ใครกัน..” แก้มใสถาม “ไม่มีอะไรหรอก เจอกันที่มหาลัยนะ บ๊าย..” แล้วทำไมฉันต้องมานึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้ด้วย.. ก๊อกๆ ๆ ๆ ก๊อกๆ ๆ ๆ “ต้าหนิง แต่งตัวเสร็จหรือยังลูก” เสียงม๊าเรียกดังอยู่หน้าห้อง ฉันเดินไปเปิดประตูให้ม๊า “เสร็จแล้วค่ะ ม๊ามีไรเปล่า” “พี่ราเรซเขามารอรับไปมหาลัยนะ เสร็จแล้วก็ลงไปได้แล้ว พี่เขารอ” พูดจบม๊าก็เดินลงไป แต่ฉันนี้ดิ กลับยืนนิ่งตัวแข็งทื่อเป็นหินไม่ยอมขยับ ยิ่งไม่อยากเห็นหน้าก็ยิ่งมาให้เห็นอีก เขาต้องการอะไรกันแน่... ฉันเดินลงมายังชั้นล่างแอบย่องเดินไปที่ประตูหลังบ้าน เพราะไม่อยากไปมหาลัยพร้อมกับเขา เขามันเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้ใจ ต้องระวังตัวไห้ดีๆ ฉันเปิดประตูออกอย่างระมัดระวังค่อยๆ ก้าวขาออกให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในที่สุดฉันก็ออกมาทางหลังบ้านได้สำเร็จ ชัยโย... “นึกแล้ว..ว่าต้องออกทางนี้” ฉันหันขวับไปมองตามเสียงนั่นด้วยความตกใจ พี่ราเรซ... เขารู้ได้ไงว่าฉันจะออกหลังบ้าน จะแสนรู้เกินไปแล้วนะ.. “ต้าไปเองได้ ไม่เห็นต้องมารับเลย” ฉันยืนบ่นอย่างหัวเสีย “ขึ้นรถ.. เดี๋ยวก็ไปเรียนสายกันพอดี” “ใครอยากไปด้วยไม่ทราบ” ฉันตั้งท่าจะเดินหนี แต่พี่ราเรซก็ไวกว่าเขาเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวฉันอย่างง่ายดาย “จะไปดีๆ หรือจะให้...” ฉันไม่รอให้พี่ราเรซพูดจบรีบเดินไปเปิดประตูรถของเขาแล้วก็เข้าไปนั่งด้วยอารมณ์หงุดหงิด ไม่ว่าจะทำยังไงก็หนีเขามาพ้นอยู่ดี ระหว่างที่อยู่ในรถฉันก็นั่งเงียบไปตลอดทางไม่ยอมพูดยอมจา “เป็นอะไร..” พี่ราเรซถามขึ้น ......เงียบ..... “ต้าหนิง..” ......เงียบ..... “ถ้ายังเงียบอยู่ พี่จับปล้ำในรถเลยนะ จะบอกให้..” ฉันหันขวับไปมองหน้าพี่ราเรซ อย่างเคืองๆ ในรถก็ไม่เว้นเหรอ คงจะทำบ่อยล่ะสิ “โรคจิต..” ฉันใช้สายตาจิกกัดอย่างโกรธเคือง แต่พี่ราเรซกลับยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไร แถมยังผิวปากเป็นเพลงอย่างอารมณ์ดี “เลิกเรียนกี่โมง” พี่ราเรซหันมาถามฉัน เมื่อรถจอดสนิทที่ลาดจอดรถจุดเดิมเหมือนเมื่อวาน “บ่ายสองค่ะ..” ฉันตอบกระแทกเสียงนิดๆ อย่างไม่ค่อยพอใจ ที่จริงก็ไม่อยากจะตอบด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่กล้าดื้อกับเขาเพราะไม่รู้จะโดนอะไรอีก.. เขามันไม่น่าไว้ใจ “เลิกเรียนแล้วก็มารอพี่ตรงนี้นะ” เขาชี้มือไปที่ม้านั่งไม่ไกลจากจุดที่รถจอดเท่าไร “ไม่!!” ฉันหันไปบอกเสร็จก็รีบเปิดประตูรถหวังจะวิ่งหนีไปให้ไกล แต่...ประตูมันล็อก ฉันรอบกลืนน้ำลายเสียงดัง อึก! อย่างลำบาก เพราะรู้ชะตาของตัวเอง ไม่น่าไปลองดีกับเขาเลย.. “ทำไมชอบลองของอยู่เรื่อยเลยนะ ต้าหนิง..” พี่ราเรซพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก เหมือนพวกโจรโรคจิตพยายามข่มขู่เหยื่อด้วยเสียงที่น่าขนลุก “คือ..ต้าจะตอบว่า โอเครต่างหาก..” ฉันพลิกลิ้นกลับคำทันทีหวังว่าจะทันนะ “แต่เมื่อกี้ที่ได้ยินไม่ใช่แบบนี้นิ..” พี่ราเรซใช้สายตามองแทะโลมตั้งแต่หน้าอกลงมายังกระโปรงของฉัน มองแรงไปแล้ว.. ฉันเอื้อมมือไปขยี้ตาของเขาให้เลิกมองฉันแบบนั้น มันน่าขนลุก.. “ทำไมต้องมองแบบนี้ด้วย โรคจิตเหรอ คนบ้า..” “ฮ่าๆ ๆ เล่นอะไรนะ ต้า..” พี่ราเรซนั่งขำอย่างน่ารัก... เดียวนะ น่ารักงั้นเหรอ ฉันคิดว่าเขาน่ารัก ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฉันหยุดยี่หน้าพี่ราเรซ เผลอจ้องมองใบหน้าคมเข้มอย่างลืมตัว มือหนาเลื่อนขึ้นมากุมมือบางของฉันทั้งสองข้างให้แนบลงกับแก้มของเขา ตาคมจ้องมองสบตาฉันอย่างมีความหมาย ฉันไม่รู้ว่า..คิดไปเองอีกหรือเปล่า แต่ในตอนนี้ฉันรับรู้ได้ถึงความห่วงหาและคิดถึงที่มันสะท้อนออกมาจากนัยน์ตาคู่นี้ของพี่ราเรซ ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ลมหายใจอุ่นรดโดนบนผิวแก้มเนียน ฉันไม่อาจล่ะสายตาจากพี่ราเรซได้เลย ทำไมเขาถึงได้น่ามองแบบนี้.... ก๊อกๆ ๆ ๆ ฉันสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงคนเคาะที่กระจกฝั่งคนขับ ฉันชะเง้อไปมองก็เห็นพี่ซินดี้ยืนกอดอก สีหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก “มารจริงๆ ” พี่ราเรซบ่น “มีไร..” พี่ราเรซเลื่อนกระจกรถฝั่งเขาออกเพื่อถามพี่ซินดี้ “ทำอะไรกัน อย่าคิดว่าซินดี้ไม่เห็นนะ” เธอแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน พร้อมกับใช้สายตาจิกกัดส่งมาให้ฉัน “อย่ามาเยอะกับฉัน ซินดี้” พี่ซินดี้ยืนฟึดฟัดอย่างหัวเสีย เมื่อโดนพี่ราเรซดุต่อหน้าฉัน “ต้าเข้าเรียนก่อนนะ” ฉันบอกกับพี่ราเรซ ไม่อยากมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ จังหวะที่ฉันเปิดประตูรถออก พี่ราเรซก็เอื้อมมือหนามาล็อกที่ท้ายทอยบังคับให้ฉันหันหน้ากลับไปหาเขา พี่ราเรซโฉบริมฝีปากของตัวเองบดจูบริมฝีปากบางของฉันอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากหนาแม้มหยอกเย้ากับริมฝีปากล่างของฉันอยู่สองสามครั้งก่อนจะผละออก “ตั้งใจเรียนนะ...” “ราเรซ!!” ฉันนั่งอึ้งไปสามวิ พอได้ยินเสียงของพี่ซินดี้ก็ทำให้ได้สติขึ้นมา รีบเปิดประตูลงจากรถของพี่ราเรซอย่างรวดเร็ว เขาจูบฉันอีกแล้ว แถมต่อหน้าพี่ซินดี้อีกต่างหาก ดูก็รู้ว่าพี่ซินดี้คิดยังไงกับพี่ราเรซ แต่ทำไมเขายังกล้าทำแบบนี้ต่อหน้าพี่ซินดี้อีก อยากให้ฉันมีปัญหาหรือไงกัน... “ต้าหนิง!” ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อแพรวดึงแขนฉันไว้ เกือบจะเดินชนเข้ากับเสาปูนแล้วไหมล่ะ ดีนะที่แพรวดึงไว้ก่อน มัวแต่เหม่อลอยจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง “หนีอะไรมา ทำไมดูเร่งรีบขนาดนั้น” น้ำถาม “ปะ..เปล่า ไม่มีอะไร” ฉันพยายามส่งยิ้มไปให้เพื่อน ให้ดูปกติที่สุด “ไม่มีอะไรแน่นะ ต้า..” แก้มใสเล่ตามองฉันอย่างจับผิด ฉันพยักหน้าให้แก้มใสแทนคำตอบ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างไปให้เพื่อน “เข้าเรียนกัน” แพรวบอก14:14 PM หลังจากที่เรียนคาบสุดท้ายของวันเสร็จ ฉันกับเพื่อนๆ ก็เดินไปซื้อขนมมานั่งทานกันที่ม้าหินอ่อนข้างตึกคณะ ฉันยังไม่อยากกลับบ้านในตอนนี้ พี่ราเรซสั่งไว้ว่าถ้าฉันเรียนเสร็จให้ไปรอเขาที่บริเวณจอดรถ แต่ฉันไม่ได้อยากจะกลับกับเขาสักหน่อย ทำไงดี.. “ตั้งแต่น้ำเกิดเป็นคนมาเนี้ยนะ ยังไม่เคยเข้าผับเข้าบาร์กับเขาเลยสักครั้ง น้ำว่าเราไปกันหน่อยไหม” น้ำชวน ก็น่าสนอยู่นะ ฉันเองก็ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ ก็อยากจะทำอะไรที่ไม่เคยทำดูบ้างเหมือนกัน “แต่เรายังไม่ 20 เลยนะ จะเข้าได้เหรอ” แพรวถาม นั่นสินะ แล้วเราจะเข้าไปยังไง ต้องอายุยี่สิบปีขึ้นไปถึงจะเข้าได้ คงต้องรอขึ้นปีสองก่อนแหละถึงจะเที่ยวได้ เฮ้ออออ เซ็ง.. “อยากไปกันจริงๆ เหรอ” แก้มใสถามพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย ฉันกับแพรวแล้วก็น้ำ พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงแทนคำตอบ “แก้มมีวิธี..” แก้มใสบอก จากนั้นฉันกับเพื่อนก็พากันไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของแพรวกับน้ำ เพื่อนของฉันสองคนนี้อยู่หอพักเพราะบ้านของเพื่อนทั้ง
ราเรซ ตอนนี้ผมกับ บิ๊กไบค์ เลโอ กำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่โต๊ะวีไอพีของชั้นสอง ส่วนไอ้โต้งนั้นมันไม่ได้มาด้วยเพราะมันกำลังอินเลิฟ ติดแฟนแจเลย เห็นแล้วหมั่นไส้มันนัก “เฮ้ยๆ นั้นมันน้องปีหนึ่งนี่ว่า เข้ามาได้ไงวะเนี้ย” เลโอพูดขึ้น ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่เลโอพูดเลยสักนิด เพราะกำลังโมโหยัยตัวเล็กอยู่ เธอไม่ยอมมารอผมตามที่บอกไว้ แอบหนีกลับบ้านไปก่อนเฉยเลย อย่าให้เจอนะ..ต้าหนิง พี่เรซจะทำโทษให้เข็ดเลย.. “ใครสนกันว่ะ มันก็เข้ามาได้ทั้งนั้นแหละ ถ้ามีคนพามา” บิ๊กไบค์พูดจบก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม “นั้นสินะ ไม่น่าสนเลย ถ้าน้องปีหนึ่งคนนั้นไม่ใช่ ต้าหนิงกับแก้มใส” สิ้นสุดคำพูดของเลโอ ผมกับบิ๊กไบค์ก็หันไปมองยังด้านล่างแทบจะพร้อมกัน มาได้ไง.. ต้าหนิงกำลังเต้นยั่วยวนอยู่บนฟอร์ ผู้ชายต่างก็เต้นรอบเธอพร้อมกับผิวปากอย่างชื่นชม ผมไม่ทนนั่งดูอยู่นานหรอก เห็นแค่นั้นผมก็ลุกออกจากโซฟาเดินลงมายังชั้นล่างตรงไปที่ร่างเล็กของต้าหนิง พอผมเดินมาถึงก็เห็นต้าหนิงกำลังมีเรื่องกับผู้ชาย ก๋ากั่นจังเลยนะ ต้าหนิง ตัวเท่
“ทั้งสองอย่างล่ะมั้ง อยากจะลองดูหน่อยไหมล่ะ” พี่ราเรซก้มหน้าลงมาซุกไซ้ซอกคอของฉันอย่างบ้าคลั่ง แขนเล็กก็ดันเขาไว้ไม่อยู่ ฉันจึงใช้กำปั้นทุบที่ไหล่หนาแทน มือหนายึดมือบางของฉันทั้งสองข้างไปตรึงไว้กับเตียงนอน ทำให้ฉันไม่สามารถประทุษร้ายเขาได้อีก ลิ้นชื้นลากไล้ไปมาตามไหล่ปลาร้าและลำคอ ทำให้ขนกายลุกชันด้วยความสยิวปนเสียว ปากหนาพรมจูบดูดแม้มที่ซอกคอขาวเนียนอย่างแรงจนร่างกายของฉันสะดุ้งโหยงด้วยความเจ็บ ปานว่าเขาตั้งใจจะดูดดึงผิวเนื้อหลุดออกมาซะให้ได้ พยายามเตะก็แล้วถีบก็แล้ว แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ยิ่งฉันดิ้นเท่าไร ร่างหนาก็ยิ่งแนบชิดกับร่างบางของฉันมากขึ้นเท่านั้น ฉันแทบจะจมหายไปกับเตียงนอนได้แล้วมั้ง “ปล่อยต้านะ พี่เรซ!!” ฉันร้องตะโกนสุดเสียง เขาจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ใช่แฟนของเขา อีกอย่างฉันก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย “ทำไมต้องปล่อย...” พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่นพยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้สุดๆ ยังมีหน้ามาถามอีก..ว่าทำไมต้องปล
พี่ราเรซยกตัวฉันให้ขยับไปนั่งตรงกลางหว่างขา สายตาของฉันก็เลือบไปเห็นความเป็นชายที่กำลังแข็งขึง ด้วยขนาดของมันทำให้ฉันเผลอจ้องมองแล้วรอบกลื้นน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว พี่ราเรซจ้องหน้าฉันพร้อมกับยิ้มล้อเลียน ฉันรีบเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอายที่โดนเขาจับได้ที่แอบมองส่วนนั้นของเขา “ขยับมาอีก..” เสียงกระซิบของพี่ราเรซแหบพร่าอย่างเซ็กซี่ ชวนให้หลงใหลและทำตามอย่างว่าง่ายเหมือนโดนพี่ราเรซร่ายมนตร์ใส่ พี่ราเรซจับมือของฉันขึ้นจากข้างลำตัว เขาวางฝ่ามือของฉันลงบนอกแกร่ง ก่อนจะกดมันให้ลูบลงต่ำลงไปเรื่อยๆ เข้ากับแก่นกายของเขาที่กำลังชูชันเพื่อรับให้มือบางของฉันสัมผัส หัวใจสั่นระรัวเมื่อได้มองสิ่งนั้นชัดๆ มือหนานำพามือของฉันสัมผัสกับแก่นกายของเขา ไล่มือขึ้นลงอย่างเชืองช้า ฉันจ้องการกระทำของตัวเองและเขาอย่างตื่นเต้น เพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน “ชิมสิ ต้าหนิง...” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่ราเรซ ก่อนจะก้มหน้าลงมาสัมผัสกับแก่นกายของเขาด้วยการแลบลิ้นออกมาแตะส่วนปลายเบาๆ ทำเอาร่างหน
ต้าหนิง ทันทีที่รู้สึกตัวขึ้น อาการปวดหัวก็แล่นปี๊ดขึ้นที่สมองย่างเฉียบพลัน นี่สินะ.. ที่เขาเรียกว่าอาการแฮงค์นะ ยังมึนๆ งงๆ อยู่เลย ไอ้เตกีลานี่มันหนักหัวดีแท้ ไม่เอาแล้ว ฉันจะไม่ดื่มมันอีกแล้ว ฉันกำลังจะเอี้ยวตัวลุกออกจากเตียงนอน แต่ก็รุกไม่ได้ เพราะเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างรั้งเอวบางของฉันไว้อยู่ ฉันชำเลืองไปมองที่เอวของตัวเองก็เจอกับแขนแกร่งรัดแน่นที่เอวบาง เห็นแค่นั้น.. ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร เพราะสมองเริ่มกลับมาทำงานเป็นปกติแล้ว มันกำลังประมวลภาพเหตุการณ์เมื่อคืนมาฉายให้ฉันดู แล้วความร้อนรุ่มก็ขึ้นมากองร่วมกันอยู่ที่หน้า ฉันทำอะไรลงไป... ยัยต้าหนิงเอ๊ยยยย ฉันพยายามยกแขนของพี่ราเรซ ออกจากเอวบางของตัวเอง เหมือนพี่ราเรซจะเหนื่อยมากถึงได้หลับลึกขนาดนี้ เหนื่อยเหรอ.. พอนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เขาเหนื่อย ใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมากอีกครั้ง พอหลุดออกจากแขนแกร่งของพี่ราเรซได้แล้ว ฉันรีบกวาดสายตามองไปรอบห้องเพื่อหาเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งมันกองอยู่กับพื้นข้างเตียงนอนนี่เอง ฉันรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว ฉันแอ
ราเรซ ความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดทั้งคืนได้หายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า ผมลืมตาแล้วหันมามองยังอ้อมกอดของตัวเอง ซึ่งในตอนนี้ไร้วี่แววร่างบางแสนนุ่มนิ่มของต้าหนิง ไปไหนวะ หรือว่าจะอยู่ในห้องน้ำ ผมลุกขึ้นจากเตียงนอนกำลังจะเดินตรงไปยังห้องน้ำ แล้วสายตาก็พลันมองไปยังประตูห้องนอนที่ปิดไม่สนิท แสดงว่ามีคนเปิดมันออก ผมรีบก้าวยาวๆ ออกจากห้องนอน มองไปรอบๆ ห้องสูทแสนหรูหรานี้ก็ยังไร้วี่แววของต้าหนิงอยู่ กลับไปแล้วเหรอ ทำไมไม่ปลุกกันก่อนนะ แล้วหูของผมก็เหมือนจะได้ยินเสียงคนพูดคุยกันแว่วๆ มาจากประตูหน้าห้อง พอเปิดประตูออกก็เห็นต้าหนิงกำลังยืนคุยอยู่กับแก้มใส และเมื่อต้าหนิงหันหน้ามาเจอผม เธอกับเพื่อนก็วิ่งหนีเข้าไปในลิฟต์ทันที “ต้าหนิง!” คิดว่าจะหนีไปได้สักเท่าไรกันเชียว เด็กน้อยเอ๊ย... แต่ก็เอาเถอะ! ให้เวลาเธอสักหน่อย ไม่อยากทำให้ต้าหนิงรู้สึกกดดันมาก “ทำไม มึงออกมาสภาพนี้” ผมหันไปถามบิ๊กไบค์ เพราะมันนุ่งเพียงผ้าขนหนูผื่นเดียว สงสัยพึ่งอาบน้ำมา “มึงก็ไม่ได้ต่างจากกูหรอก” แล้วมั
“พี่เรซโมโหใครมาเหรอคะ หน้าบึ้งจัง”พอเข้ามานั่งในรถ เสียงใสๆ ของน้องสาวตัวน้อยก็ถามขึ้น ผมได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้ไดน่า เพราะไม่รู้จะตอบน้องยังไงเหมือนกัน แล้วความคิดชั่วๆ ก็แล่นเข้าหัวเมื่อหันมามองหน้าน้องสาว ผมรู้แล้ว ว่าจะพาต้าหนิงกลับไปด้วยยังไง หึๆ ๆห้านาทีต่อมา....“คุณลุงยามขา... ช่วยพาไดน่าไปหาพี่สาวหน่อยสิคะ ไดน่าจำห้องพี่สาวไม่ได้”ผมซุ่มดูไดน่าอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ นี่แหละครับ แผนของผม ให้ไดน่าไปพาเธอออกมา“แล้วพี่สาวชื่ออะไรล่ะครับ”“พี่ต้าหนิงค่ะ คนที่ขาวๆ สวยๆ หน้าหมวยๆ หน่อย”“ออ... ลุงพอจะนึกออกล่ะ ว่าคนไหน เดี๋ยวลุงพาไปนะ”แล้วลุงยามก็จูงมือไดน่าขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของหอพัก ทีนี้ก็แค่รอให้เธอเดินลงมาหาอย่าง งงๆ ฮ่าๆ ๆต้าหนิงพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแพรวกับน้ำก็โทรมาบอกให้ลงไปเอาอาหารที่เพื่อนซื้อมา พวกเธอจะกลับไปที่ร้านอาหารอีกรอบเพราะดันสั่งของแล้วลืมเอามาด้วยพอลงมารับของจากเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ฉันหันหลังกำลังจะเดินขึ้นบันได ก็มีมือใครบางคนมารั้งข้อมื
“นี่เธอ..”“พี่ซินดี้”พอฉันปัดเนื้อตัวให้ไดน่าเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ที่แท้ก็พี่ซินดี้นี่เอง“นี่น้องเธอเหรอ”“ค่ะ”“หัดดูแลน้องให้ดีๆ หน่อย ไม่ใช่ปล่อยให้มาวิ่งเผ่นผ้านไปทั่วแบบนี้ ที่นี่มันห้างนะไม่ใช่สนามเด็กเล่น แล้วนี่ ดูสิ กระเป๋าของฉันเปื้อนหมดแล้ว รู้ไหมว่ากระเป๋าใบนี้ราคาเท่าไร บนโลกนี้มีแค่ห้าใบเท่านั้นนะ เธอจะรับผิดชอบยังไง ห๊ะ!!”แล้วฉันก็โดนพี่ซินดี้เทศมาเป็นชุด หูนี่แทบหลุดออกมาเลยทีเดียว ฉันก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนรับฟังพี่ซินดี้ด่าอย่างเลี่ยงไม่ได้“เดี๋ยวไดน่าไปขอแม่ขวัญให้ก็ได้ค่ะ กระเป๋าแบบนี้แม่ขวัญเหลืออยู่สามใบ เพราะว่าแม่ขวัญให้ป้าไลลาไปสองใบเมื่องานวันเกิดของป้าไลลา”ฉันมองหน้าสาวน้อยไดน่าอย่างอึ้งๆ กับคำพูดของเธอ แสดงว่ากระเป๋าห้าใบที่ว่านั่น อยู่กับแม่ขวัญของไดน่าหมดเลยนะสิ แล้วที่พี่ซินดี้ถือล่ะ ของปลอมใช่มะ... พี่ซินดี้บอกว่ามีแค่ห้าใบนิ เด็กโกหกไม่เป็น...จริงไหม“ยัยเด็กบ้า แกเอาอะไรมาพูด แม่แกจะมีกระเป๋าทั้งหมดได้ไง ยัยเด็กขี้โกหก!”“ไดน่าเปล่าโกหกนะ! พ่อมอนด์เป็
“ต้าเจ็บ อึก...อือ..” ในที่สุดฉันก็ร้องไห้ออกมาจนได้พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วหันมาจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ พยายามไม่สนใจหยดน้ำใสที่ไหลออกมาตามหางตาราเรซ“ต้าเจ็บ อึก...อือ..”ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากริมฝีปากหวาน มันก็ทำให้ผมได้สติขึ้นมา ผมเผลอทำรุนแรงกับต้าหนิงเพราะความโมโหที่เห็นต้าหนิงอยู่กับผู้ชายคนอื่น และโมโหที่เธอดื้อกับผม“เจ็บมากไหม...” ผมจ้องมองใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา พอได้เห็นน้ำตาของต้าหนิงทีไร มันก็ทำให้ผมปวดหัวใจทุกที“คนใจร้าย”“ก็อยากดื้อกับพี่ทำไมล่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“มายุ่งกับต้าทำไม ทำแบบนี้กับต้าทำไม ผู้หญิงของพี่ก็มีตั้งเยอะ ไปทำกับผู้หญิงของพี่สิ” คำพูดเหมือนน้อยใจเลยแฮะ“พี่อยากทำกับต้านิ” ต้าหนิงมองค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น“พี่ขอโทษ ที่รุนแรงกับต้า ก็พี่โมโหอ่ะ” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนสุดๆ“โมโหอะไรคะ ต้าต่างหากที่ต้องโมโห” ต้าหนิงหันกลับมามองหน้าผมอย่างโกรธเคือง“แล้วต
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ
“พวกเพื่อนพี่ชายของต้ามานอนที่บ้านบ่อยเหรอ” พี่ไผ่ถามขึ้นหลังจากที่พวกเฮียโต้งไปกันหมดแล้ว“เมื่อก่อนก็บ่อยล่ะคะ แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ค่อยมาเท่าไร”“แล้วในบรรดาพวกเพื่อนของพี่ชายต้า มีใครทำอะไรไม่ดีกับต้าหรือเปล่า..” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ไผ่อย่าง งงๆ นี่เขาอยากจะถามอะไรฉัน“พี่หมายถึง แบบว่า มีใครที่นิสัยไม่ดี ชอบมาวุ่นวายกับต้า อะไรประมาณนี้”ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“ไม่นี่ค่ะ พวกเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายกับต้าหรอก” ฉันจำต้องตอบพี่ไผ่ไปแบบนั้น“ถ้ามีอะไร ก็บอกพี่ได้นะ” พี่ไผ่ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี“ค่ะ”“น้องต้าครับ พี่ขอน้ำแข็งสักสองถังหน่อยสิ พวกพี่จะตั้งวงกันบนดานฟ้า” พี่บิ๊กไบค์โผล่หน้าจากทางขึ้นบันไดบ้านมาบอกกับฉัน“จะดื่มกันแต่ตั้งหัววันเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่บิ๊กไบค์“ครับ พอดีว่าไอ้เรซมันกำลังเฮิร์ทนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นหมาหงอยซะงั้น”คำพูดของพี่บิ๊กไบค์ มันทำให้ฉันใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงไม่ได้เป็นเพราะฉันหรอกนะ“ป่ะ ไอ้ไบค์ ไ
“ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้“อ๊ะ..ไผ่”“แรงอีก อ๊ะ..” เสียงเก้าอี้นั่งดัง เอี๊ยด อ๊าด ทำให้ฉันแสบแก้วหู“อ่า..ซินดี้..” เสียงพี่ไผ่ครางต่ำฉันถึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่ พวกเขาทำอะไรกัน แสลงหูที่สุดเลย แต่ที่หนักกว่าด้านนอกก็คงจะเป็นพี่ราเรซในตอนนี้ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง ฉันรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขึงกำลังจ่ออยู่ที่หน้าท้องของฉัน“พี่ไม่ไหวแล้วต้า..” เสียงพี่ราเรซกระซิบแหบพร่าชิดริมหู เรียกขนในกายให้รุกชันอย่างซาบซ่านพี่ราเรซจับเสื้อยืดฉันถอดขึ้นออกทางศีรษะ มือหนาปลดตะขอบราออกในทันที แขนแกร่งข้างหนึ่งรั้งเอวบางฉันเข้าไปชิดตัว ริมฝีปากหนาก้มลงมาครอบครองยอดอกดูดเม้มอย่างรุนแรง มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงเข้าไปในกางเกงชั้นใน ส่งนิ้วเรียวเข้าไปสะกิดกับจุดอ่อนไหวกลางกาย พี่ราเรซง้อข้อมือเข้าออกอย่างรัวเร็ว เรียวขางามเริ่มสั่นนิดๆ ทรงตัวไม่อยู่ เพราะโดนพี่ราเรซเล้าโลมทั้งบนและล่างอย่างจาบจ้วง เมื่อพี่ราเรซถอด
“เราเป็น..” พี่ซินดี้กำลังจะตอบ“เพื่อนสมัยมัธยมพี่นะ” แต่พี่ไผ่กลับชิ่งตอบซะก่อน แล้วพี่ซินดี้ก็หันมามองหน้าพี่ไผ่แปลกๆ“แล้วสองคนรู้จักกันได้ไง” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน“เราเป็นแฟนกัน” พี่ไผ่ตอบแทน“จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้” พี่ซินดี้หันไปคุยกับพี่ไผ่“ทำไมล่ะ ฉันจะมีแฟนน่ารักๆ ไม่ได้หรือไง”“งั้นก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเอาใจใส่”“ต้าหนิงไม่ใช่คนเรื่องมาก และฉันก็เอาใจใส่แฟนฉันอยู่แล้ว”ทำไมฉันรู้สึกเหมือนสองคนนี้กำลังเถียงกันโดยทางอ้อมนะ ใบหน้าที่กำลังปั้นยิ้มใส่กันนั่นอีก“ต้าอิ่มแล้วค่ะ” ฉันพูดโพล่ขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกจิกกัดกันด้วยสายตาสักที“กลับบ้านกัน เพื่อนพี่น่าจะไปรอที่สนามแล้วล่ะ” พี่ไผ่บอก“จะไปไหนกันต่อเหรอ” พี่ซินดี้ถามขึ้น“ออ ที่บ้านต้ามีสนามหญ้าเทียมให้เช่านะคะ พี่ไผ่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลกัน” ฉันพูดกระจายต่อมความอยากรู้ให้พี่ซินดี้ฟัง“ขอไปด้วยสิ คือซินดี้อยากไปเที่ยวบ้านน้องต้าหนิงอ่ะ ไปได้ไ
“พี่ไผ่มารับกลับบ้านไปแล้วค่ะ”ทันทีที่ได้ยินคำตอบ มันก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าผมหายวับไปในพริบตา ทำไมมันต้องมีมารมาขัดขว้างตลอดเลยว่ะ แก้มใสยืนมองหน้าผมอย่างหวาดหวั่น สงสัยกลัวผมจะอารมณ์เสียใส่ล่ะมั้ง“ขอบคุณครับ ที่มาบอกพี่” ผมยิ้มให้แก้มใสอีกครั้ง“ค่ะ พี่ราเรซอย่างโกรธต้าหนิงเลยนะคะ ที่จริงต้ามันก็มานั่งรอตามที่พี่ราเรซบอก แต่ว่า...”“ไม่เป็นไรครับ แล้วเรากลับยังไงล่ะ”“กลับรถเมล์ค่ะ”“เดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามปฏิเสธ”ผมแค่อยากตอบแทนที่แก้มใสเดินมาบอก ไม่งั้นผมคงจะโกรธคนตัวเล็กไปแล้ว เพราะคิดว่าเธอไม่มารอตามนัด และการที่แก้มใสเดินมาบอกผมแบบนี้แสดงว่าเธอกำลังเชียร์ผมอยู่“แก้มใสกับต้าหนิงสนิทกันมากเลยเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากมหาลัยได้สักพัก“ค่ะ ตั้งแต่อนุบาลเลย แก้มไม่ค่อยมีเพื่อนนะคะ ตอนเด็กๆ แก้มมักจะโดนเพื่อนแกล้งและก็โดนล้อว่าไม่มีพ่ออยู่เป็นประจำ ต่างกับต้าหนิงรายนั้นนะเพื่อนเยอะ มีแต่คนรุมรอบ คริๆ เพราะต้าหนิงน่ารักและสดใสอยู่ตลอดเวลา” เธอเล่าไปขำไป“ฮอตตั้งแต่เด็กเลยเหรอ ยัยเด
ราเรซผมลืมตาตื่นขึ้นมาหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงนอน เช้าแล้วเหรอ... ผมหันกลับมามองความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของผมทั้งคืน ยังไม่ตื่นเลย... สงสัยจะเพลียมาก เพราะโดนผมจัดหนักไปหลายรอบ ก็ไม่อยากจะหักโหมมากหรอก ผมแค่กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอต้าหนิงอีก กลัวเธอจะหนีไปเหมือนเมื่อวันก่อน ก็เลยต้องจัดหนักให้หมดแรงกันไปข้าง จะได้ไม่มีแรงลุกหนีผมไปไหนได้อีกผมเลื่อนจมูกโด่งชิดแก้มเนียนถูวนไปมา แล้วมือน้อยๆ ของต้าหนิงก็ยกขึ้นมาผลักหน้าผมออก ทำให้ผ้าห่มที่คลุมช่วงบนอยู่เปิดออก เผยให้เห็นดอกบัวคู่งามที่มีรอยแดงเป็นจ้ำเต็มไปหมด ผมรู้ว่าวันนี้ต้าหนิงมีเรียนก็เลยไม่ทำรอยที่ลำคอ เดี๋ยวผมจะโดนไอ้โต้งลากไปกระทืบอีก ผมก็เลยมาทำใต้ร่มผ้าแทนพอยกมือขึ้นมาปัดหน้าผม ต้าหนิงก็หลับต่อ ยังไม่รู้ตัวอีก... เล่นล่อตากันแต่เช้าแบบนี้ พี่ก็อดไม่ไหวนะผมเลือนริมฝีปากลงไปครอบครองยอดอกของต้าหนิง ซึ่งตอนแรกมันก็สงบนิ่งดีอยู่หรอก แต่พอโดนปลายลิ้นเขี่ยเข้าให้ก็ชูชันขึ้นมาทันที พร้อมกันเจ้าของที่ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมด้วยความตกใจ“พี่เรซ.. เล่นอะไรเนี้ย หยุดนะ”
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ