สามปีผ่านไป...
06:00 AM ต้าหนิง ฉันยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ข้างสนามหลังจากวิ่งรอบสนามฟุตบอลครบสามรอบ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของการก้าวเข้าสู่รัวมหาลัยของฉัน ฉันสอบติดคณะเดียวกับเฮียโต้ง คณะบริหารธรุกิจ ฉันไม่ได้เจอเฮียโต้งหลายเดือนแล้ว เฮียไม่ค่อยกลับบ้านเลยช่วงสามปีที่ผ่านมา โทรไปหาก็ไม่ค่อยว่าง เฮียโต้งย้ายไปอยู่ที่คอนโดหลังจากที่เรียนจบมัธยมปลาย ตอนแรกป๊ากับม๊าก็ไม่ยอมหรอก แต่เฮียให้เหตุผลว่ามันสะดวกต่อการไปเรียน เพราะจากบ้านไปมหาลัยก็ไกลพอสมควร พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินลงมายังชั้นล่างเพื่อมาทานอาหารเช้าที่ม๊าเตรียมไว้ให้ “สวัสดีครับม๊า” เสียงคนขับรถประจำตัวฉันมาแล้ว พี่ไผ่ ฉันคบกับพี่ไผ่มาสามปีแล้ว เราคบกันแบบเรียบง่าย พี่ไผ่เขาเป็นสุภาพบุรุษมากไม่เคยล่วงเกินฉันเลยสักครั้ง ช่วงหลังๆ มานี้ พี่ไผ่ค่อนข้างจะยุ่งๆ เพราะพี่เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเหมือนกับเพื่อนๆ ของเขา ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา แต่ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แบบนี้มันก็โอเครดี.. และวันนี้พี่เขาว่างพอดีก็เลยอาสาจะไปส่งฉันที่มหาลัย “ทานข้าวเช้ามาหรือยังล่ะลูก ทานกับน้องไหม” เสียงมาม๊าชวนพี่ไผ่อย่างใจดี “เรียบร้อยแล้วครับ” พี่ไผ่ตอบ “ม๊า ต้าไปเรียนก่อนนะ” ฉันเดินเข้าไปกอดม๊า พร้อมกับหอมแก้มม๊าหนึ่งที “จ๊ะ ขับรถดีๆ นะลูก” ม๊าหันไปบอกพี่ไผ่ “ครับ” “พี่มารับเร็วไปหรือเปล่า ทานข้าวอิ่มไหมนั่น” พี่ไผ่ถามมาเป็นชุด เมื่อฉันเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว พี่ไผ่ก็ขับรถออกสู่ถนนทันที “ต้าไม่ได้กินจุขนาดนั้นสักหน่อย” ฉันหันไปทำหน้าง้อใส่พี่ไผ่ “ก็อยากให้กินเยอะๆ นิ ผอมเกินไปแล้วนะ” พี่ไผ่บ่น “ถ้าอ้วนเป็นหมูก็ไม่มีใครชอบนะสิ” “พี่นี้ไง ไม่ว่าจะเป็นลูกหมูหรือหมาน้อยพี่ก็รักเหมือนเดิม” พี่ไผ่หันมาสบตากับฉัน พอดีกับที่รถติดไฟแดง “หมาน้อยเลยเหรอ” ฉันแกล้งทำตาโตใส่ เมื่อโดนเขาเปรียบเทียบ “น่ารักดีออก” พี่ไผ่หันมาส่งยิ้มหวานให้กับฉัน “ค่า.....” ฉันแกล้งตอบลากเสียงยาวพร้อมกับยิ้มหวานไปให้ พี่ไผ่เลี้ยวรถเข้ามาในมหาลัย เขาจอดที่บริเวณให้จอดพอดี “เดินไปคนเดียวเหรอให้พี่เดินไปส่งไหม” พี่ไผ่ถาม “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวต้าโทรหาแก้มใสก่อนว่ามาถึงรึยัง” ตุ๊ด......ตู๊ด....... “ฮัลโลต้า แก้มกำลังจะเดินเข้ามหาลัยแล้ว ต้าอยู่ไหน” เสียงแก้มใสตอบมาอย่างรีบเร่ง “อยู่แถวหน้ามหาลัยเหมือนกัน โอ๊ะ! ต้าเห็นแก้มแล้ว ยืนรอตรงนั้นแหละเดี๋ยวต้าเดินไปหา” ฉันกดวางสายจากแก้ม เมื่อมองเห็นแล้วว่าเพื่อนอยู่ตรงไหน “ต้าหนิง” พี่ไผ่รั้งแขนฉันไว้ “ค่ะ” ฉันหันหน้ากลับมาหาพี่ไผ่ จังหวะนั้น พี่ไผ่ก็โน้มหน้าลงมาจูบที่ริมฝีปากบางของฉันอย่างรวดเร็ว ฉันนั่งอึ้งตัวแข็งทือ ตาโต ด้วยความตกใจ “ตั้งใจเรียนนะครับ” พี่ไผ่พูดพร้อมกับอมยิ้ม “ค่ะ ต้าไปก่อนนะ” ฉันรีบเปิดประตูเดินลงจากรถอย่างรวดเร็ว เขาทำอะไรของเขาเนี้ย... แต่เขาก็มีสิทธิ์แหละ เพราะเขาคือแฟนของฉัน... “อะไร ยังไง แก...” เมื่อฉันเดินมาถึงตัวเพื่อน แก้มใสก็เริ่มพูดแซวฉัน “ไม่ต้องมาแซวฉัน รีบไปได้แล้ว วันนี้มีรับน้องด้วยนิ รีบไปเหอะ” ฉันดันหลังให้แก้มใสเดินไปข้างหน้า เพราะไม่อย่างนั้น มันก็เอาแต่แซวฉันอยู่นี้แหละ หน้าคณะบริหารธุรกิจ “น้องๆ นักศึกษาใหม่ทั้งหลายมาลงชื่อกันตรงนี้นะครับ แล้วก็มารับป้ายชื่อของตัวเอง พี่จะได้รู้ว่าใครไม่มาบ้าง” เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งประกาศออกไมค์ลอย “ต้าหนิง แก้มใส” ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกนั่น แพรวกับน้ำนี่ ฉันเดินไปกอดเพื่อนอย่างดีใจไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือนเนะ “อ้าวๆ อย่ามัวแต่ดีใจที่เจอกันครับ รีบมาลงชื่อกันก่อนเลย” เสียงรุ่นพี่คนเมื่อกี้ประกาศบอกอีกครั้ง ฉันกับเพื่อนเดินไปลงชื่อที่โต๊ะด้านหน้าตามที่พวกพี่เขาบอก มีรุ่นพี่ผู้หญิงสองคนนั่งรอประจำอยู่ที่โต๊ะ ฉันมองหาชื่อของตัวเองบนแผ่นกระดาษสีขาว พอหาเจอฉันก็จดปากกาเซ็นชื่อของตัวเอง “ชื่อเล่นอะไรคะ” รุ่นพี่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ กันถามขึ้น ฉันมองดูป้ายชื่อที่พี่เข้าฆ้องคอไว้อยู่ ซินดี้ นั่นคือชื่อพี่เขาสินะ “ต้าหนิงค่ะ” แล้วพี่ซินดี้ก็ยื่นป้ายชื่อมาให้ฉัน “ทำไม นามสกุลเหมือนโต้งเลยล่ะ” พี่ผู้หญิงที่คอยรับลงชื่อถามขึ้น พี่เขาชื่อพี่แป้งสินะ ฉันมองดูที่ป้ายชื่อของพี่เขา “ก็น้องฉันนิ..” ฉันหันไปตามเสียงนั่น “เฮีย...” ฉันเดินเข้าไปกอดเฮียโต้งอย่างดีใจ เพราะไม่ได้เจอกันหลายเดือน “อ้าว โต้งมีน้องสาวด้วยเหรอ น่ารักซะด้วย” พี่แป้งบอก ฉันส่งยิ้มบางๆ ไปให้พี่แป้ง “น้องมึงเหรอโต้ง น่ารักวะ.. มีแฟนยังครับ” เสียงเพื่อนผู้ชายของเฮียที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดขึ้น “ตีนกูก่อนไหม” เฮียโต้งหันไปพูดกับเพื่อน นั่นไง แซวไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็โดนเฮียโต้งกวนเข้าให้ “แล้วน้องชื่ออะไร” เสียงพี่ซินดี้ถามแก้มใส “แก้มใสค่ะ” “เรียนคณะนี้ด้วยเหรอ...” ฉันหันไปมองเพื่อนก็เห็นพี่บิ๊กไบค์เดินเข้าไปถามแก้มใส แต่ดูเหมือนเพื่อนฉันไม่อยากจะเจอพี่บิ๊กไบค์เลยเหะ แก้มใสดูตื่นๆ ยังไงก็ไม่รู้ “ค่ะ” แก้มใสก้มหน้าตอบ “แล้วเจอกัน..” พี่บิ๊กไบค์บอกกับแก้มใส พร้อมกับเดินชนไหล่แก้มใสอย่างเฉียดๆ สองคนนี้มันยังไงกันนะ... จังหวะที่กำลังจะหันหลังไปนั่งรวมกับเพื่อนๆ ก็ชนเข้ากับใครบางคน “ขอโทษค่ะ” ฉันกุมหน้าพูดขอโทษ “ไม่เป็นไร” พอได้ยินเสียงที่ตอบกลับมามันก็ทำให้ใจของฉันที่เคยเต้นเป็นปกติมาตลอดสามปี ตอนนี้เหมือนเลือดในร่างกายของฉันสูบฉีดอีกครั้ง ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเริ่มเร็วขึ้น เหมือนเมื่อก่อน..เมื่อสามปีที่แล้วไม่มีผิด พี่ราเรซ..ตั้งแต่วันนั้น...ที่โรงเรียน ฉันก็ไม่ได้เจอพี่ราเรซอีกเลย แล้วก็เหมือนว่าพอเฮียโต้งไม่อยู่ พวกพี่ๆ เขาก็ไม่มาเตะบอลกันอย่างเคย ฉันเลยไม่รู้ว่าแต่ล่ะคนเป็นอย่างไรกันบ้างฉันไม่มีความกล้าพอที่จะเงยขึ้นไปมองหน้าเขา ฉันก้มหน้ามองเพียงแค่รองเท้า Converse ของเขาสลับกับรองเท้าผ้าใบของตัวเอง“ไปไหนมาค่ะ” เสียงหวานใสพูดขึ้นรองเท้าส้นสูงสีแดงเดินมาหยุดอยู่ข้างรองเท้า Converse ของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ เจ้าของรองเท้าสีแดงคู่นี้คือ พี่ซินดี้ฉันขยับตัวเดินเลี่ยงๆ พวกเขาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ ใจฉันมันอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแทบตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายมันไม่ยอมทำตามที่ใจต้องการ“เอาล่ะครับ เมื่อน้องปีหนึ่งลงชื่อกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินต่อแถวกันไปยังหอประชุมเลยครับ จะได้เริ่มกิจกรรมต่อไป” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมที่ถือไมค์อยู่ประกาศบอก ฉันชำเลืองไปมองที่ป้ายชื่อของพี่เขาเขียนว่า P’ บาสหอประชุม...“เอาล่ะครับน้องๆ ให้น้องปีหนึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะหกคนนะครับ ขาดเกินอย่างไรเดี๋ยวพี่ดูให้ เริ่ม
ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆฉันเบิกตาโตอย่างตกใจ เมื่อริมฝีปากหนาของพี่ราเรซโฉบลงมาทาบทับริมฝีปากบางของฉันอย่างรวดเร็ว สัมผัสนุ่มนิ่มดุจปุยเมฆทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มอย่างหลงใหล ลิ้นชื้นแทรกผ่านกีบปากบางเข้ามาตวัดดูดดึงลิ้นเล็กอย่างช่ำชอง พี่ราเรซแม้มริมฝีปากบนล่างสลับกันเล่นอย่างหยอกล้อ ฉันกำเสื้อนักศึกษาบริเวณอกแกร่งแน่นจนมันเริ่มยับยู้ยี้ ไม่เรียบเหมือนก่อนหน้านี้พี่ราเรซอุ้มฉันขึ้นไปนั่งบนโต๊ะโดยที่ยังไม่ล่ะริมฝีปากออกจากกัน เขาแทรกร่างหนาของตัวเองเข้ามาตรงกลาง ฉันเผลอขยับเรียวขาอ้าออกโอบรอบเอวหน้าไว้อย่างลืมตัวมือหนาข้างหนึ่งลูบไล้เรียวขางามขึ้นมายังขาอ่อนด้านใน ทำให้กระโปรงพีทของฉันเลิกขึ้นสูงแทบจะเห็นกางเกงชั้นในอยู่แล้ว มือหนาลากไล่วนไปมาสร้างความสยิวไม่หยุดย่อน ไม่นานมือหนาข้างนั่นก็หายฟุบเข้าไปภายในกางเกงชั้นใน“อื้อ...อ๊ะ!”ฉันร้องเสียงหลง เมื่อนิ้วเรียวยาวกรีดแทรกเข้ามายังรอยแยกกลางกาย ริมฝีปากของพี่ราเรซลากไล้มายังลำคอระหง เขาแม้มดูดเสียงดัง จ๊วบ.. มันยิ่งทำให้สติของฉันแตกกระเจิงไปอีก“อื้อ... อ๊ะ! อ๊ะ!”ฉันไม่สามา
ฉันเดินมายังลาดจอดรถของมหาลัย ตลอดทางเดินนี่มันชั่งเย็นวูบวาบดีเหลือเกิน คนบ้าเอ๊ย... เดินมาได้สักพักฉันก็เจอรถยี่ห้อเดียวกันจอดเรียงกันอยู่สี่คนแต่คนล่ะสี สีแดงของเฮียโต้ง ถัดมาคือสีดำ สีส้ม สีขาว แล้วรถพี่ราเรซสีอะไรล่ะ..ฉันลองกดปุ่มรีโมทที่กุญแจ สัญญาณปลดล็อกสว่างวาบขึ้นที่รถคันสีดำ นี่รถเขาสินะ.. ฉันมองหันซ้ายหันขวาดูว่ามีใครเห็นฉันหรือเปล่า พอแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นแล้ว ฉันก็รีบเปิดประตูรถคันสีดำเข้าไปนั่งข้างในอย่างรวดเร็ว ฉันสตาร์ทเครื่องรออย่างที่พี่ราเรซบอกพร้อมกับล็อกประตูด้วยนั่งรออยู่สักพักเขาก็เดินมา ฉันเอื้อมมือไปปลดล็อกประตูฝั่งคนขับ เพื่อให้เขาเปิดประตูเข้ามาได้“เอาคืนมาได้แล้วค่ะ ต้าจะได้กลับบ้าน”ฉันแบมือยื่นไปตรงหน้า เหมือนเด็กแบมือขอเงินจากผู้ใหญ่“เดี๋ยวไปส่ง”หันมาบอกฉันเสร็จ พี่ราเรซก็ถอยรถขับออกจากมหาลัยทันที“แล้วเขารับน้องเสร็จแล้วเหรอ” ฉันเอ่ยถาม เมื่อรถวิ่งอยู่บนถนนได้สักพัก“ยัง” พี่ราเรซตอบโดยที่ตายังมองถนนอยู่“แล้วต้าหายมาแบบนี้จะโดนรุ่นพี่ทำโทษไหม”แอบหนีมาแบบนี
ไอ้บาสประกาศให้น้องปีหนึ่งจับกลุ่มโดยที่ให้แต่ล่ะกลุ่มมีชายหญิงปนกันด้วย ผมนี้อารมณ์ขุ่นขึ้นมาเลยครับ“ไอ้ไบค์ ไปลากไอ้บาสมานี่ดิ”พอบาสพูดจบบิ๊กไบค์ก็เดินเข้าไปจับคอเสื้อนักศึกษาของบาสแล้วก็ลากมันมาหาผม“อะไรของมึงครับ” บาสโวยนิดหน่อยที่ถูกบิ๊กไบค์เชิญตัวมาอย่างมีมารยาทผู้ดี..ป้าบ!ผมตบหัวไอ้บาสไปหนึ่งที แต่ก็ไม่ได้แรงอะไรมาก แค่มันเกือบหัวทิ่มนิดหน่อย“มึงประกาศ เหี้ยไร ทำไมให้จับกลุ่มปนกันมัวแบบนั้น” ผมโวยไอ้บาส“เอ้า! ไอ้นิ ก็กูต้องการให้น้องๆ ทำความรู้จักกัน และก็สามัคคีกัน พวกมึงไม่ช่วยเหี้ยไร ก็อยู่เฉยๆ ควายยยยย” แล้วผมก็โดนไอ้บาสด่ากลับเกมที่พวกน้องปีหนึ่งเล่นอยู่นี้มันขัดหูขัดตาชิบ... ทำไมต้าหนิงต้องไปอยู่กลางด้วยว่ะ ดูไอ้เหี้ยสองตัวนั้นดิ ยิ้มหน้าระรื่นอยู่ได้“กูอยากเอาส้นตีนยันหน้าไอ้สองตัวนั่นจัง” บิ๊กไบค์หันมาพูดกับผมให้ได้ยินแค่สองคน“กูก็ด้วย สัสเอ๊ย...”ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีล่ะครับ ได้แต่นั่งดูไปอย่างเซ็งๆตุบ!“เฮ้ย!! /เฮ้ย!!”ผมกับบิ๊กไบค์ร้
ไผ่วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของต้าหนิง แฟนคนสวยของผมเองครับ เราคบกันมาได้สามปีแล้ว เธอน่ารัก สดใส เธอทำให้โลกที่เคยเงียบเหงาของผมกลับมาสดใสและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผมเคยมีแฟนมาก่อนที่จะคบกับต้าหนิง เราคบกันตั้งแต่มอต้นจนถึงปลาย วันหนึ่งเราทะเลาะกันมันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากสำหรับผมนะ แต่กลับกลายเป็นว่ามันทำให้เธอบอกเลิกผม เพียงแค่ว่าเธออยากให้ผมไปเรียนที่เดียวกับเธอ เรียนบริหารธุรกิจ ซึ่งผมก็ให้เหตุผลว่า ผมไม่ชอบทางนั้น ผมไม่ถนัด ผมชอบเล่นกีฬา ผมชอบฟุตบอล ผมอยากติดทีมชาติเหมือนเพื่อนของผม เพราะมันคือความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กที่ผมอยากจะทำมันให้สำเร็จ แต่เธอกลับไม่เข้าใจ เธอมองว่ามันดูไม่มีอนาคต ดูไม่มีความเจริญก้าวหน้า เธอต้องการสังคมที่ใส่สูทผูกไท ซึ่งผมทำให้เธอไม่ได้... มีสิ่งหนึ่งหลุดออกมาจากปากเธอก่อนที่เราจะเลิกกันอย่างถาวร“เห็นว่าบ้านรวยก็นึกว่าจะทำให้ฉันมีหน้ามีตาได้ แทนที่จะเดินตามรอยพ่อแม่กลับอยากเริ่มต้นใหม่ให้ตัวเองลำบากไปทำไมก็ไม่รู้ ฉันไม่น่ามาเสียเวลาด้วยเลย”ตลอดระยะเวลาสี่ห้าปีที่คบกันมา ผมพึ่งรู้ว่า เธอคิดกับผมแบบนี้เองเหรอ เธอสนแค่เงินในกระเป
ต้าหนิงเช้าวันนี้ฉันไม่อยากจะทำอะไรเลยแม้แต่วิ่งก็ไม่อยาก ไปเรียนก็ยิ่งแล้วใหญ่ ฉันอาย.. อายที่จะเจอหน้าใครบางคน ต้องคอยระแวงเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าจะโดนแกล้งอะไรอีก วันนี้พี่ไผ่ไม่ได้ไปส่งฉันเหมือนเมื่อวาน เพราะพี่เขาต้องไปเก็บตัวฝึกซ้อมกับทีม มีตาราง การแข่งขันเร็วๆ นี้แหละ เขาต้องเต็มที่กับการซ้อมเพื่อที่จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงของทีมตั้งแต่เมื่อวานฉันก็ไม่ได้เจอแก้มใสไม่ได้คุยกันด้วย ฉันหยิบจึงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อน“ว่าไง ต้า” เสียงแก้มใสรับสายฟังดูเหนื่อยๆ“เป็นไรรึเปล่าแก้ม ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น” ฉันถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ออ ไม่เป็นไรจ้า แก้มช่วยแม่เปิดร้านนะ” เสียงแก้มใสตอบแม่ของแก้มใสท่านยึดอาชีพทำขนมไทยขาย ท่านเปิดร้านเล็กๆ อยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ม๊าของฉันก็รับขนมไทยจากบ้านของแก้มใสมาขายที่หน้าร้านด้วยนะ ไม่ได้รับเพราะช่วยเหลือกันอย่างเดียวนะ แต่เพราะขนมไทยฝีมือแม่แก้มใสอร่อยมาก...แก้มใสค่อนข้างลำบากเธอทำงานช่วยแม่เพื่อหารายได้เพิ่ม เพราะมีกันอยู่แค่สองคนแม่ลูก ส่วนพ่อของแก้มใสนั้น แก้มใสเล่าว่าท่
14:14 PM หลังจากที่เรียนคาบสุดท้ายของวันเสร็จ ฉันกับเพื่อนๆ ก็เดินไปซื้อขนมมานั่งทานกันที่ม้าหินอ่อนข้างตึกคณะ ฉันยังไม่อยากกลับบ้านในตอนนี้ พี่ราเรซสั่งไว้ว่าถ้าฉันเรียนเสร็จให้ไปรอเขาที่บริเวณจอดรถ แต่ฉันไม่ได้อยากจะกลับกับเขาสักหน่อย ทำไงดี.. “ตั้งแต่น้ำเกิดเป็นคนมาเนี้ยนะ ยังไม่เคยเข้าผับเข้าบาร์กับเขาเลยสักครั้ง น้ำว่าเราไปกันหน่อยไหม” น้ำชวน ก็น่าสนอยู่นะ ฉันเองก็ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ ก็อยากจะทำอะไรที่ไม่เคยทำดูบ้างเหมือนกัน “แต่เรายังไม่ 20 เลยนะ จะเข้าได้เหรอ” แพรวถาม นั่นสินะ แล้วเราจะเข้าไปยังไง ต้องอายุยี่สิบปีขึ้นไปถึงจะเข้าได้ คงต้องรอขึ้นปีสองก่อนแหละถึงจะเที่ยวได้ เฮ้ออออ เซ็ง.. “อยากไปกันจริงๆ เหรอ” แก้มใสถามพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย ฉันกับแพรวแล้วก็น้ำ พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงแทนคำตอบ “แก้มมีวิธี..” แก้มใสบอก จากนั้นฉันกับเพื่อนก็พากันไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของแพรวกับน้ำ เพื่อนของฉันสองคนนี้อยู่หอพักเพราะบ้านของเพื่อนทั้ง
ราเรซ ตอนนี้ผมกับ บิ๊กไบค์ เลโอ กำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่โต๊ะวีไอพีของชั้นสอง ส่วนไอ้โต้งนั้นมันไม่ได้มาด้วยเพราะมันกำลังอินเลิฟ ติดแฟนแจเลย เห็นแล้วหมั่นไส้มันนัก “เฮ้ยๆ นั้นมันน้องปีหนึ่งนี่ว่า เข้ามาได้ไงวะเนี้ย” เลโอพูดขึ้น ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่เลโอพูดเลยสักนิด เพราะกำลังโมโหยัยตัวเล็กอยู่ เธอไม่ยอมมารอผมตามที่บอกไว้ แอบหนีกลับบ้านไปก่อนเฉยเลย อย่าให้เจอนะ..ต้าหนิง พี่เรซจะทำโทษให้เข็ดเลย.. “ใครสนกันว่ะ มันก็เข้ามาได้ทั้งนั้นแหละ ถ้ามีคนพามา” บิ๊กไบค์พูดจบก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม “นั้นสินะ ไม่น่าสนเลย ถ้าน้องปีหนึ่งคนนั้นไม่ใช่ ต้าหนิงกับแก้มใส” สิ้นสุดคำพูดของเลโอ ผมกับบิ๊กไบค์ก็หันไปมองยังด้านล่างแทบจะพร้อมกัน มาได้ไง.. ต้าหนิงกำลังเต้นยั่วยวนอยู่บนฟอร์ ผู้ชายต่างก็เต้นรอบเธอพร้อมกับผิวปากอย่างชื่นชม ผมไม่ทนนั่งดูอยู่นานหรอก เห็นแค่นั้นผมก็ลุกออกจากโซฟาเดินลงมายังชั้นล่างตรงไปที่ร่างเล็กของต้าหนิง พอผมเดินมาถึงก็เห็นต้าหนิงกำลังมีเรื่องกับผู้ชาย ก๋ากั่นจังเลยนะ ต้าหนิง ตัวเท่
“ต้าเจ็บ อึก...อือ..” ในที่สุดฉันก็ร้องไห้ออกมาจนได้พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วหันมาจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ พยายามไม่สนใจหยดน้ำใสที่ไหลออกมาตามหางตาราเรซ“ต้าเจ็บ อึก...อือ..”ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากริมฝีปากหวาน มันก็ทำให้ผมได้สติขึ้นมา ผมเผลอทำรุนแรงกับต้าหนิงเพราะความโมโหที่เห็นต้าหนิงอยู่กับผู้ชายคนอื่น และโมโหที่เธอดื้อกับผม“เจ็บมากไหม...” ผมจ้องมองใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา พอได้เห็นน้ำตาของต้าหนิงทีไร มันก็ทำให้ผมปวดหัวใจทุกที“คนใจร้าย”“ก็อยากดื้อกับพี่ทำไมล่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“มายุ่งกับต้าทำไม ทำแบบนี้กับต้าทำไม ผู้หญิงของพี่ก็มีตั้งเยอะ ไปทำกับผู้หญิงของพี่สิ” คำพูดเหมือนน้อยใจเลยแฮะ“พี่อยากทำกับต้านิ” ต้าหนิงมองค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น“พี่ขอโทษ ที่รุนแรงกับต้า ก็พี่โมโหอ่ะ” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนสุดๆ“โมโหอะไรคะ ต้าต่างหากที่ต้องโมโห” ต้าหนิงหันกลับมามองหน้าผมอย่างโกรธเคือง“แล้วต
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ
“พวกเพื่อนพี่ชายของต้ามานอนที่บ้านบ่อยเหรอ” พี่ไผ่ถามขึ้นหลังจากที่พวกเฮียโต้งไปกันหมดแล้ว“เมื่อก่อนก็บ่อยล่ะคะ แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ค่อยมาเท่าไร”“แล้วในบรรดาพวกเพื่อนของพี่ชายต้า มีใครทำอะไรไม่ดีกับต้าหรือเปล่า..” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ไผ่อย่าง งงๆ นี่เขาอยากจะถามอะไรฉัน“พี่หมายถึง แบบว่า มีใครที่นิสัยไม่ดี ชอบมาวุ่นวายกับต้า อะไรประมาณนี้”ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“ไม่นี่ค่ะ พวกเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายกับต้าหรอก” ฉันจำต้องตอบพี่ไผ่ไปแบบนั้น“ถ้ามีอะไร ก็บอกพี่ได้นะ” พี่ไผ่ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี“ค่ะ”“น้องต้าครับ พี่ขอน้ำแข็งสักสองถังหน่อยสิ พวกพี่จะตั้งวงกันบนดานฟ้า” พี่บิ๊กไบค์โผล่หน้าจากทางขึ้นบันไดบ้านมาบอกกับฉัน“จะดื่มกันแต่ตั้งหัววันเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่บิ๊กไบค์“ครับ พอดีว่าไอ้เรซมันกำลังเฮิร์ทนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นหมาหงอยซะงั้น”คำพูดของพี่บิ๊กไบค์ มันทำให้ฉันใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงไม่ได้เป็นเพราะฉันหรอกนะ“ป่ะ ไอ้ไบค์ ไ
“ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้“อ๊ะ..ไผ่”“แรงอีก อ๊ะ..” เสียงเก้าอี้นั่งดัง เอี๊ยด อ๊าด ทำให้ฉันแสบแก้วหู“อ่า..ซินดี้..” เสียงพี่ไผ่ครางต่ำฉันถึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่ พวกเขาทำอะไรกัน แสลงหูที่สุดเลย แต่ที่หนักกว่าด้านนอกก็คงจะเป็นพี่ราเรซในตอนนี้ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง ฉันรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขึงกำลังจ่ออยู่ที่หน้าท้องของฉัน“พี่ไม่ไหวแล้วต้า..” เสียงพี่ราเรซกระซิบแหบพร่าชิดริมหู เรียกขนในกายให้รุกชันอย่างซาบซ่านพี่ราเรซจับเสื้อยืดฉันถอดขึ้นออกทางศีรษะ มือหนาปลดตะขอบราออกในทันที แขนแกร่งข้างหนึ่งรั้งเอวบางฉันเข้าไปชิดตัว ริมฝีปากหนาก้มลงมาครอบครองยอดอกดูดเม้มอย่างรุนแรง มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงเข้าไปในกางเกงชั้นใน ส่งนิ้วเรียวเข้าไปสะกิดกับจุดอ่อนไหวกลางกาย พี่ราเรซง้อข้อมือเข้าออกอย่างรัวเร็ว เรียวขางามเริ่มสั่นนิดๆ ทรงตัวไม่อยู่ เพราะโดนพี่ราเรซเล้าโลมทั้งบนและล่างอย่างจาบจ้วง เมื่อพี่ราเรซถอด
“เราเป็น..” พี่ซินดี้กำลังจะตอบ“เพื่อนสมัยมัธยมพี่นะ” แต่พี่ไผ่กลับชิ่งตอบซะก่อน แล้วพี่ซินดี้ก็หันมามองหน้าพี่ไผ่แปลกๆ“แล้วสองคนรู้จักกันได้ไง” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน“เราเป็นแฟนกัน” พี่ไผ่ตอบแทน“จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้” พี่ซินดี้หันไปคุยกับพี่ไผ่“ทำไมล่ะ ฉันจะมีแฟนน่ารักๆ ไม่ได้หรือไง”“งั้นก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเอาใจใส่”“ต้าหนิงไม่ใช่คนเรื่องมาก และฉันก็เอาใจใส่แฟนฉันอยู่แล้ว”ทำไมฉันรู้สึกเหมือนสองคนนี้กำลังเถียงกันโดยทางอ้อมนะ ใบหน้าที่กำลังปั้นยิ้มใส่กันนั่นอีก“ต้าอิ่มแล้วค่ะ” ฉันพูดโพล่ขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกจิกกัดกันด้วยสายตาสักที“กลับบ้านกัน เพื่อนพี่น่าจะไปรอที่สนามแล้วล่ะ” พี่ไผ่บอก“จะไปไหนกันต่อเหรอ” พี่ซินดี้ถามขึ้น“ออ ที่บ้านต้ามีสนามหญ้าเทียมให้เช่านะคะ พี่ไผ่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลกัน” ฉันพูดกระจายต่อมความอยากรู้ให้พี่ซินดี้ฟัง“ขอไปด้วยสิ คือซินดี้อยากไปเที่ยวบ้านน้องต้าหนิงอ่ะ ไปได้ไ
“พี่ไผ่มารับกลับบ้านไปแล้วค่ะ”ทันทีที่ได้ยินคำตอบ มันก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าผมหายวับไปในพริบตา ทำไมมันต้องมีมารมาขัดขว้างตลอดเลยว่ะ แก้มใสยืนมองหน้าผมอย่างหวาดหวั่น สงสัยกลัวผมจะอารมณ์เสียใส่ล่ะมั้ง“ขอบคุณครับ ที่มาบอกพี่” ผมยิ้มให้แก้มใสอีกครั้ง“ค่ะ พี่ราเรซอย่างโกรธต้าหนิงเลยนะคะ ที่จริงต้ามันก็มานั่งรอตามที่พี่ราเรซบอก แต่ว่า...”“ไม่เป็นไรครับ แล้วเรากลับยังไงล่ะ”“กลับรถเมล์ค่ะ”“เดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามปฏิเสธ”ผมแค่อยากตอบแทนที่แก้มใสเดินมาบอก ไม่งั้นผมคงจะโกรธคนตัวเล็กไปแล้ว เพราะคิดว่าเธอไม่มารอตามนัด และการที่แก้มใสเดินมาบอกผมแบบนี้แสดงว่าเธอกำลังเชียร์ผมอยู่“แก้มใสกับต้าหนิงสนิทกันมากเลยเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากมหาลัยได้สักพัก“ค่ะ ตั้งแต่อนุบาลเลย แก้มไม่ค่อยมีเพื่อนนะคะ ตอนเด็กๆ แก้มมักจะโดนเพื่อนแกล้งและก็โดนล้อว่าไม่มีพ่ออยู่เป็นประจำ ต่างกับต้าหนิงรายนั้นนะเพื่อนเยอะ มีแต่คนรุมรอบ คริๆ เพราะต้าหนิงน่ารักและสดใสอยู่ตลอดเวลา” เธอเล่าไปขำไป“ฮอตตั้งแต่เด็กเลยเหรอ ยัยเด
ราเรซผมลืมตาตื่นขึ้นมาหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงนอน เช้าแล้วเหรอ... ผมหันกลับมามองความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของผมทั้งคืน ยังไม่ตื่นเลย... สงสัยจะเพลียมาก เพราะโดนผมจัดหนักไปหลายรอบ ก็ไม่อยากจะหักโหมมากหรอก ผมแค่กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอต้าหนิงอีก กลัวเธอจะหนีไปเหมือนเมื่อวันก่อน ก็เลยต้องจัดหนักให้หมดแรงกันไปข้าง จะได้ไม่มีแรงลุกหนีผมไปไหนได้อีกผมเลื่อนจมูกโด่งชิดแก้มเนียนถูวนไปมา แล้วมือน้อยๆ ของต้าหนิงก็ยกขึ้นมาผลักหน้าผมออก ทำให้ผ้าห่มที่คลุมช่วงบนอยู่เปิดออก เผยให้เห็นดอกบัวคู่งามที่มีรอยแดงเป็นจ้ำเต็มไปหมด ผมรู้ว่าวันนี้ต้าหนิงมีเรียนก็เลยไม่ทำรอยที่ลำคอ เดี๋ยวผมจะโดนไอ้โต้งลากไปกระทืบอีก ผมก็เลยมาทำใต้ร่มผ้าแทนพอยกมือขึ้นมาปัดหน้าผม ต้าหนิงก็หลับต่อ ยังไม่รู้ตัวอีก... เล่นล่อตากันแต่เช้าแบบนี้ พี่ก็อดไม่ไหวนะผมเลือนริมฝีปากลงไปครอบครองยอดอกของต้าหนิง ซึ่งตอนแรกมันก็สงบนิ่งดีอยู่หรอก แต่พอโดนปลายลิ้นเขี่ยเข้าให้ก็ชูชันขึ้นมาทันที พร้อมกันเจ้าของที่ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมด้วยความตกใจ“พี่เรซ.. เล่นอะไรเนี้ย หยุดนะ”
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ