ความตายของเจ้ามีเพียงข้าเท่านั้นที่จะบันดานให้ ต่อให้เจ้าอยากตายก็มิอาจจะตายได้เพราะข้าไม่อนุญาตไม่ว่าจะเป็นวิญญาณหรือร่างกายของเจ้าทุกอย่างล้วนอยู่ที่ข้ากำหนด
Lihat lebih banyakบทนำ
ชีวิตชาติที่แล้วข้าก็เลือกที่จะฆ่าตัวตายเพราะชีวิตที่ล้มเหลวจากคนที่รักหักหลัง คิดว่าตัวเองได้ชดใช้ความผิดพลาดต่อคุณพ่อจนหมดสิ้น ใครจะคิดว่าเมื่อลืมตาอีกครั้งต้องมาอยู่ในอีกยุคหนึ่งแถมชีวิตไม่ได้ดีไปกว่าเดิมเลย ข้าจึงเลือกที่จะตายอีกครั้ง ชีวิตมืดมนหมดหนทางไม่อยากมีวิตอยู่ แต่ไฉนบุรุษที่น่าเกรงขามกลับไม่อยากให้ข้าตาย และข้าก็ไม่สามารถตายได้หากเขาไม่สั่งการ ตอนนี้ข้าเป็นเชลย เชลยที่เขาทุกข์ทรมานจิตใจของข้าจนมอดไหม้ไม่เหลือชิ้นดี ไม่มีหนทางหนีจากเขาได้เลยแม้ตายไปเขายังปลุกให้ฟื้น ชีวิตของข้าดิ่งลงไปเรื่อย ๆ จนด้านชาไร้ชีวิตเสียงหัวเราะเป็นเช่นไรข้าจำมันไม่ได้เสียแล้ว…
นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการของนักเขียนเท่านั้นไม่ได้อ้างอิงตามประวัติศาสตร์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
#สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
บทที่ 1 แม้แต่วิญญาณของเจ้าล้วนเป็นของข้า
แสงโคมกระเพื่อมไหวตามสายลมยามราตรี บางคราวสว่างบางคราวรุบหรู่ราวระลอกคลื่นน้ำ ยิ่งตกดึกทั่วทั้งเมืองสวัดเงียบ มีเพียงเสียงกลองตีบอกเวลาดังแว่วมาจากไกล ๆ
ครานั้นเสียงฝีเท้าวิ่งกรู่มายังห้องเจ้าของเรือนอย่างรีบร้อน เสียงเหนื่อยหอบที่เปล่งออกมาตะโกนเรียกทันทีที่ถึงห้องของนายท่านเพื่อแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้น
“ท่านแม่ทัพเจ้าคะเกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงกระเส่าของสาวใช้ดังอยู่หน้าห้องของบุรุษที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมไม่เกรงกลัวและไม่มีจิตใจเมตตาต่อคู่ต่อสู้ ตอนนี้ร่างใหญ่ยังไม่ได้นอนกำลังอ่านฎีกาจากฝ่าบาทลุกขึ้นค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องของตนพร้อมเอ่ยปากถามเรื่องที่สาวใช้เข้ามาแจ้ง
“หากไม่ใหญ่พอแต่เจ้ากล้ามาส่งเสียงดังรบกวนเวลาของข้า ข้าจะบั่นคอเจ้าทิ้งเสีย” น้ำเสียงแข็งกร้าวเอ่ยออกมาดวงหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิดวาบผ่านบนใบหน้า สาวใช้มิกล้าแม้จะเงยหน้ามอง ก้มหน้าต่ำลงพร้อมพูดเรื่องที่นางต้องการแจ้งในตอนนี้
“ยามนี้สตรีที่ท่านนำตัวกลับมากระโดดน้ำที่บึงบัวเจ้าค่ะ” พลันได้ยินว่าเป็นเชลยที่เขาพาตัวมาตอนนี้นางกระทำในสิ่งที่เขาไม่ต้องการรีบแจ้งต่อทหารหน้าเรือนทันที
“ข้าไม่ได้อนุญาตให้นางตายหรือต่อให้นางตายก็ต้องทำให้นางฟื้นขึ้นมาให้ได้ ทหารไปลากตัวของนางมาหาข้าหากนางตายพวกเจ้าจะโดนรับโทษไปด้วย” ดวงตาดำขลับเว้าลึกมีความไม่แยแสต่อโลกเจืออยู่ในนั้น กวาดสายตามองไปด้านนอกกัดฟันดังกรอด
“ขอรับท่านแม่ทัพ” ทหารรีบตามหลังสาวใช้ไปที่บึงบัวทำตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ
ร่างบางถูกทหารพาร่างขึ้นมาและทำการช่วยเหลือจนตอนนี้นางสำลักน้ำออกมา
“แค่ก แค่ก!” สาวใช้เห็นว่าตอนนี้นางฟื้นจากความตายรีบเข้าไปประคองนางด้วยความดีใจ
“เจ้าฟื้นแล้วทำไมต้องทำเช่นนี้ด้วยรู้หรือไม่ว่าข้าร้อนใจคิดว่าเจ้าจะตายไปแล้วเสียอีก” สตรีเงยหน้าจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าน้ำตาใส ๆ ไหลรินออกมาอาบแก้ม เอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาสั่นเครือ
“ข้ามิได้อยากมีชีวิตอยู่ เจ้าน่าจะปล่อยให้ข้าตายไปเสีย” ทันทีที่ได้ยินสาวใช้บังเกิดความเวทนาต่อนางเหลือทนขยับกายเข้าไปโอบกอดนางเอาไว้เพื่อปลอบประโลม
“ชีวิตของเจ้ามีค่ามากกว่านี้อย่าด้วยค่าตนเองอีกเลย”
“ชีวิตของข้าหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ไม่เหลือแม้แต่ความเป็นคน” ลำคอตีบตันในใจขมขื่นปวดร้าววนเวียน ดวงตาหมองคล่ำบวมเป่งผ่านการร่ำไห้มานักต่อนัก
“เมื่อเจ้าฟื้นแล้วรีบไปหาท่านแม่ทัพบัดเดี๋ยวนี้” ทหารนายหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะจับกายของนางกระชากให้เดินตามเขาไปที่ห้องของท่านแม่ทัพ ร่างบางอิดโรยผอมแห้งซูบเซียวประหนึ่งต้นหญ้าขาดน้ำพร้อมจะล้มลงทุกเมื่อ ขาแทบก้าวไม่ออกถูกลากตัวจนมาถึงหน้าห้องของแม่ทัพ
ครานั้นเขายืนอยู่หน้าห้องเฝ้ารอให้พาตัวนางมาที่นี่เมื่อเห็นอีกฝ่ายถูกทหารลากตัวมาร่างเล็กเปียกปอนไปหมด ใบหน้าซีดเผือกไร้เลือดฝาด คล้ายมีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาบีบรัดหัวใจ ความวิตกเล็กน้อยสลายหายไปจนสิ้นเมื่อเห็นว่านางยังมีชีวิตอยู่ ทหารผลักนางลงต่อหน้าท่านแม่ทัพพร้อมรายงาน
“ท่านแม่ทัพข้าน้อยนำตัวเชลยมาแล้วขอรับ” เขาเดินมาหยุดตรงหน้านางก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“เจ้าช่างกล้าที่ทำเช่นนี้ ข้าไม่ได้สั่งให้เจ้าทำเช่นนั้นนี่ข้าใจดีกับเจ้าไม่กักขังหรือมัดเจ้าไว้ทำให้เจ้ากล้าขัดคำสั่งของข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ทำไมเจ้าคะ ทำไมไม่ปล่อยให้ข้าตายไปเสียหรือไม่ก็ฆ่าข้าทิ้งไปเสียสิจะรั้งข้าไว้ทำไมกัน” ร่างเล็กเงยหน้ามองชายร่างสูงโพล่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไร้ชีวิตชีวาชีวิตคลายหมดสิ้นหนทาง เขาค่อย ๆ นั่งลงยื่นมือข้างขวาไปจับปลายคางของนางบีบจนอีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ
“หากข้าทำเช่นนั้นมันไม่สาสมและสะใจของข้านะสิ ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานเหมือนที่ท่านพ่อของเจ้าทำกับท่านแม่ของข้าเจ้าจะได้รู้ว่าท่านแม่ของข้าเจ็บปวดเพียงใด ที่เจ้าได้รับอยู่นี่ช่างเล็กน้อยนักความแค้นในใจของข้าอย่างไม่สาสมหากเจ้าตายไปง่าย ๆ เช่นนี้ ต่อจากนี้แม้แต่ความตายของเจ้าก็มีเพียงข้าเท่านั้นที่ดลบันดาลให้ไม่ว่าจะเป็นร่างกายชีวิตหรือแม้แต่วิญญาณล้วนเป็นของข้าทั้งหมด หากข้าไม่อนุญาตเจ้าห้ามตาย ไป๋หนิงซินต่อจากนี้ข้าขอสั่งให้เจ้าคอยจับตาดูนางเชลยผู้นี้อย่าให้ทำทำเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกและขอสั่งให้เจ้าตามติดนางทุกฝีก้าว” เสียงดังดึกก้องป่าวประกาศให้รู้ว่าตอนนี้ชีวิตของเชลยอย่างนางไร้สิ้นหนทางแค่เพียงต้องการจะจากโลกนี้ไปแม่ทัพทมิฬอย่างเขายังร้ายกาจไม่ยอมปล่อยให้นางตายไปง่าย ๆ
“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ”
ดวงตาของสตรีที่เป็นเชลยยามนี้ล้วนมืดมัวโลกทั้งใบแตกสลาย นางถูกพาตัวกลับมาที่ห้องพักของสาวใช้โดยมีไป๋หนิงซินคอยตามติดตลอด
“เจ้าเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเถอะนะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าต้องพบเจออะไรมา ข้าก็สงสารเจ้าจับใจเป็นสตรีที่งดงามแต่ต้องถูกจับมาเป็นเชลยของท่านแม่ทัพ อีกอย่างเขายังดูเหมือนมีความอาฆาตแค้นเต็มอก เอาเถอะระหว่างเจ้าอยู่ที่นี่ข้าจะคอยดูแลเจ้าเอง” ไป๋หนิงซินพูดพร้อมดึงเสื้อผ้าของสตรีร่างบางออก แต่นางปัดมือของนางทันที
“ไม่ต้องข้าทำเองได้ เจ้าไม่ต้องเห็นใจข้าและเวทนาข้าหรอกเพียงเท่านี้ข้าก็เวทนาตนเองมากพอแล้วแค่อยากตายข้ายังทำไม่ได้เลย” ดวงตาฉายแววหมองหม่นกระแสเสียงแผ่วเบาราวกับเทียนจะมอดดับ ไป๋หนิงซินจึงค่อย ๆ วางมือปล่อยให้นางอยู่ผู้เดียว
“เช่นนั้นข้าจะไปหยิบชุดใหม่มาให้ เจ้าอย่าคิดที่จะทำร้ายตัวเองอีก หากเป็นเช่นนั้นข้าเองก็อาจจะถูกกล่าวโทษไปด้วย”
‘ดูท่าแม้แต่สวรรค์ก็ยังเลอะเลือน ให้ข้ามาเกิดใหม่อีกกี่ครั้งทำไมถึงได้มีโชคชะตาเช่นนี้’ นางค่อย ๆ เปลื้องผ้าที่เปียกออกจนหมดไม่นานไป๋หนิงซินกลับเข้าพร้อมอาภรณ์ชุดใหม่ให้นางได้สวมใส่
บทที่ 20 หิมะแรกท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีลมหนาวเริ่มพัดผ่านร่างบางหนาวสั่น หลังจากที่กินอาหารร่วมโต๊ะกับไท่หยางเขายังคงไม่ปล่อยให้นางกลับไปที่ห้องที่เคยพักแต่ทว่ากลับพานางมาอีกห้องที่อยู่ใกล้ห้องเขามากกว่าเดิม สองเท้าก้าวเข้าไปในห้องตามหลังเขาไปติด ๆ ภายในห้องเสมือนถูกจัดแต่งไว้สำหรับสตรี ในห้องอบอุ่นเหมือนมีไอความร้อนทำให้อุ่น สายตาของอวิ๋นหลิงกวาดสายตามองเตียงนอนที่ตั้งอยู่ต่อหน้ากว้างใหญ่และมีฟูกหนานุ่ม ผ้านวมผืนหน้าต่างจากที่นางเคยใช้อยู่กับไป๋หนิงซิน อีกทั้งยังมีโต๊ะเครื่องแป้งและคันฉ่องบานใหญ่ ในห้องมีไป๋หนิงซินกับหลวนฮวานยืนคอยอยู่ก่อนหน้านี้แล้วผ้าไหมกองใหญ่ถูกวางอยู่บนโต๊ะกลางห้องนั่นคงเป็นผ้าที่ไท่หยางสั่งให้หลวนฮวานไปจัดเตรียมมา‘คิดจะทำอันใดกันแน่ ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด’“ของพวกนี้และห้องนี้จะเป็นที่อยู่ของเจ้าต่อจากนี้ ห้ามปฏิเสธและขัดคำสั่งข้า มิเช่นนั้นข้าจะสั่งโบยแม่บ้านซูที่เลือกและจัดห้องให้เจ้าไม่ดี”“ท่านมันมิใช่คน แต่เป็นหมาบ้าสัตว์ร้ายที่พร้อมจะกัดผู้อื่นอย่างไม่เลือกหน้า ในเมื่อท่านแค้นข้าแล้วจะไปทำผู้อื่นทำไมกัน ในเมื่อข้าเลือกอันใดไม่ได้แม้กระทั่งความตายข้าก็จะทำ
บทที่19 มีรอยยิ้มอีกคราอากาศแจ่มใสท้องฟ้าเต็มไปด้วยก้อนเมฆลอยไปมา ตั้งแต่วันนั้นไป๋หนิงซินถูกสั่งให้จับตามองอวิ๋นหลิงไม่ให้ห่างสายตาไม่ว่านางจะไปที่ใดทำอะไรต้องมีไป๋หนิงซินไปด้วยเสมอ อวิ๋นหลิงเงียบซึมกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าตัว นางตั้งใจทำงานเพื่อไม่คิดถึงค่ำคืนที่เลวร้าย แม้จะมีสาวใช้จับจ้องนินทาแต่นางก็มิได้สนใจ“วันนี้ท้องฟ้างดงามจริง ๆ อวิ๋นหลิงเจ้าอยากออกไปเที่ยวนอกจวนหรือไม่ ? ข้าถูกแม่บ้านซูใช้ให้ไปซื้อผักและของสดที่ตลาด เจ้าจะได้เปิดหูเปิดตาด้วย”“ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากไปที่ใด”“หากเจ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร ไป๋หนิงซินเจ้าไปเถอะข้าจะดูแลนางเอง” เสียงขององค์ชายสามดังขึ้น ไป๋หนิงซินยอบตัวลงถวายบังคมทันที อวิ๋นหลิงเองก็เช่นเดียวกัน“ถวายบังคมองค์ชายสาม”“ไม่ต้องมากพิธีหรอกเจ้าไปทำงานของเจ้าเถิดระหว่างนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนนาง” “เพคะองค์ชาย”“ไม่เจอกันคราเดียวใบหน้าเจ้าซูบโทรมไปอีกแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าข้ารู้ทุกอย่างแล้ว”“ท่านคงผิดหวังในตัวหม่อมฉันมากสินะเพคะ ทั้งที่หม่อมฉันให้สัญญากับพระองค์ว่าจะรอวันที่องค์ชายพาออกไปจากที่นี่” เหลียงอวี้ดึงกายนางโอบกอดแนบชิด“เจ้าอย่าได้โทษตนเอ
บทที่ 18 ข้าไม่ได้ต้องการเช่นนี้ครั้นนั้นไท่หยางเดินมาถึงห้องของนางพอดีเห็นเงาที่ดิ้นทุรนทุรายผ่านแสงเทียนในห้อง ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านจากปลายเท้าถึงศีรษะประหนึ่งถูกสายฟ้าฟาดผ่านร่าง เปล่งเสียงดังเพื่อให้ไป๋หนิงซินรีบเปิดประตูอย่างเร่งด่วน“ไป๋หนิงซินรีบเปิดประตูเดี๋ยวนี้ ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้นางอยู่เพียงลำพัง” ไป๋หนิงซินนั่งหันหลังให้ห้องจึงไม่ได้สังเกตที่เงาดำของอวิ๋นหลิง นางตกใจใบหน้าพลันเปลี่ยนสีเมื่อเห็นเงาของอวิ๋นหลิงที่ห้อยอยู่ที่ขื่อรีบเปิดประตูทว่าประตูกลับเปิดไม่ออก“ท่านแม่ทัพประตูถูกปิดจากด้านในเจ้าค่ะ ” น้ำเสียงแตกตื่นเอ่ยออกมาด้วยความตกใจมือไม้สั่นเทาทำอะไรไม่ถูก ยามนั้นไท่หยางจะชักช้าไม่ได้มิเช่นนั้นเขาจะเสียนางไปตลอดกาล“หลีกไป”ปัง !! เขากระโดดถีบประตูเพียงไม่กี่ครั้งประตูก็ถูกเปิดออก ยามนั้นหลวนฮวานก็รีบเดินตามหลังมาพอดี ทั้งสามที่เห็นภาพที่อยู่ต่อหน้าต่างพากันตกใจ หลิวไท่หยางหัวใจหนักอึ้งราวถูกถ่วงด้วยหินก้อนใหญ่ ไป๋หนิงซินรีบเข้าไปกอดตัวของอวิ๋นหลิงไม่ให้นางขาดอากาศหายใจ ก่อนจะเรียกสติของนายท่านที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ให้ได้สติ“ท่านแม่ทัพรีบช่วยนางสิเจ้าคะ ” เสมือนสติท
บทที่ 17 อับอายก่อนจะออกไปส่งใต้เท้าจื่อเหมาไท่หยางหันหน้าไปมองพร้อมกระพริบตาให้แก่หลวนฮวานพาอวิ๋นหลิงกลับไปที่ห้องพักของนาง หลวนฮวานพยักหน้าน้อมรับคำสั่งของนายท่านอุ้มร่างอวิ๋นหลิงไปที่ห้องของนางฝั่งด้านไป๋หนิงซินนางเป็นห่วงอวิ๋นหลิงจนนั่งไม่ติดพื้นเดินไปเดินมาทั่วห้องครานั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมา นางรีบเปิดประตูออกไปดูเห็นสภาพของอวิ๋นหลิงรีบเอ่ยถามทันที“เกิดอะไรขึ้นทำไมนางถึงอยู่ในสภาพนี้”“เจ้าอย่าพึ่งเอ่ยถาม รีบเปิดประตูเถิดและช่วยหาอาภรณ์ของนางมาสวมให้นางเร็วเข้า” ไป๋หนิงซินพยักหน้ารีบเดินเข้าไปยามนั้นเองอวิ๋นหลิงตั้งสติได้นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแผ่วเบา“มิต้องไป๋หนิงซินข้าทำเองได้ หลวนฮวานปล่อยข้าลงเถิดมิต้องเป็นห่วงข้า ข้ามิได้เป็นอันใด”“หากเจ้าประสงค์เช่นนั้นข้าจะปล่อยเจ้าลง อย่างไรก็ให้ไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ เจ้าเถิด” หลวนฮวานก้มมองสตรีในอ้อมแขนรีบวางนางลงให้ก้าวเดินเอาเอง“ยามนี้ข้าตัดสินใจเลือกอันใดเองได้ด้วยหรือ ? เพราะไม่ว่าอย่างไรการกระทำของข้าก็ถูกนายของพวกเจ้าควบคุมบงการทุกอย่างเสมือนลูกไก่ในกำมืออยู่แล้ว” ความเจ็บปวดคล้ายมีมีดเฉือนเนื้อหนังบางส่วนออกจากร
บทที่ 16 แหลกสลายยามซวี (19.00)ที่ห้องโถงยังคงมีเสียงดังเอะอะเสียงหัวเราะของเสนาบดีที่พูดถูกคอกับท่านแม่ทัพไท่หยาง จนท้องฟ้ามืดสลัวสาวใช้ในห้องครัวเริ่มยกสำรับอาหารมาจัดแจงเพื่อต้อนรับแขกของท่านแม่ทัพ อาหารมากมายอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมดทว่ายามนี้ฟางหลานซือกลับเรือนไปก่อนหน้าแล้วเพราะสิ่งที่นางต้องการคือการพาท่านอามาที่จวนของไท่หยางและต้องการให้ท่านอาได้พบเจอกับอวิ๋นหลิงต่อจากนี้นางคงต้องให้ท่านอาจัดการต่อ ส่วนตัวนางแสร้งทำเป็นสตรีที่ดีกลับเรือนก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด“ท่านใต้เท้าเชิญดื่มด่ำกับอาหารของจวนข้าเต็มที่นะขอรับ ข้าจะไปแจ้งให้ทหารของข้าพาตัวนางเชลยไปรอท่านอยู่ที่ห้อง กินเยอะ ๆ นะขอรับจะได้มีแรงไว้เล่นกับนางทั้งคืน”“ฮ่า ฮ่า ท่านแม่ทัพนี่ร้ายไม่เบาจริง ๆ รู้ใจข้ายิ่งนักข้าละชอบท่านจริง ๆ ไม่ปิดบังความรู้สึก รู้สึกอะไรเอ่ยมาเช่นนั้น นี่สินะที่ปกครองทหารนับพันนาย ข้านับถือท่านจริงๆ ”เสนาบดีอ้วนท้วนรีบคว้าตะเกียบคีบกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างเร่งรีบเพราะเขารอเวลาที่จะเชยชมหญิงงามไม่ไหวแล้วฝั่งด้านอวิ๋นหลิงยามนี้นางอาบน้ำล้างกายสวมอาภรณ์เตรียมตัวนอนเพราะงานของนางเสร็จสิ้นแล้วทว่าเมื่อเข
บทที่ 15 เสนาบดีจื่อเหมาเสียงหัวเราะคิกคักในห้องโถงเสียงดังมาถึงข้างนอกราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นไท่หยางก้าวเท้าเข้าไปด้านในเห็นเสนาบดีจื่อเหมาผู้ที่อ้วนถ้วนใบหน้าแก่ชราเครารุงรังเต็มใบหน้านี่หรือบุรุษที่มากรักไม่มีส่วนใดที่น่าหลงไหลเลยมีเพียงอำนาจเงินเท่านั้นที่ทำให้ผู้หญิงวิ่งเข้าหาเขาเพราะหวังสุขสบาย“ท่านใต้เท้าจื่อเหมาท่านมาที่นี่ไม่บอกไม่กล่าวข้าล่วงหน้าทำให้ข้าไม่ได้ต้อนรับเป็นอย่างดีข้าต้องขออภัยด้วยขอรับ” ไท่หยางประสานมือไปข้างหน้าโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย ใต้เท้าเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่มก่อนจะผายมือให้ไท่หยางมานั่งที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ ราวกับที่นี่คือเรือนของตน“มิต้องมากพิธีข้าเดินทางผ่านมาเท่านั้นจึงแวะทักทายท่านแม่ทัพ ฟางหลานซือหลานสาวข้านะสิคะยั้นคะยออยากมาหาท่านเพราะความคิดถึง” ฟางหลานซือยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะลุกขึ้นยอบตัวลงคารวะไท่หยาง“ข้าคิดถึงท่านแม่ทัพมากเพียงแค่ผ่านจวนของท่านหากไม่ได้แวะข้าคงนอนไม่หลับ เรื่องนี้ทำให้ท่านแม่ทัพที่มีงานจนล้นมือต้องลำบากต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ”“เรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ข้าเสียเวลาหรอก นั่งลงเถิดอีกไม่นานสาวใช้คงนำน้ำชาพร้อมกับขนม
บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลยดวงตาฟางหลานซือแข็งกร้าวด้วยความโมโหเมื่อถูกอวิ๋นหลิงดูถูกเหยียดหยาม เดินไปกระชากผมของอวิ๋นหลิงตบนางที่ใบหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนเลือดที่ปากของนางไหลซึมออกมา“เจ้าสามหาวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวของท่านเจ้าแคว้นหรือ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่ายามนี้เจ้าเป็นเพียงเชลยไม่มีสิทธิ์มาต่อปากต่อคำกับข้า” เท่านั้นนางยังไม่พอใจเรียกสาวใช้ของตนเองมาจับตัวของอวิ๋นหลิงเอาไว้“โจวลี่อิงเจ้ามาจับตัวของนางเอาไว้และจับมือของนางไว้บนโต๊ะนี่ ดูสิว่าไม่มีมือคอยทำงานเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร” ฟางหลานซือหันไปเจอมีดทำครัวอยู่ตรงนั้นพอดีนางรีบเดินไปคว้ามาฟันที่มือของอวิ๋นหลิง สาวใช้ที่เคยถูกตัดมือยิ้มกริ่มออกมาเมื่ออีกฝ่ายจะโดนเหมือนตนไป๋หนิงซินคุกเข่าลงอ้อนวอนไม่ให้ฟางหลานซือลงมือทำร้ายอวิ๋นหลิง“คุณหนูอย่าทำอย่างนั้นเลย ข้าขอร้องนะเจ้าคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้าไม่ต้องมายุ่ง” ฟางหลานซือหันขวับจ้องมองไป๋หนิงซินดวงตาราวกับปีศาจจนนางต้องหันหน้าหนีด้วยความกลัว อวิ๋นหลิงพยายามปัดป้องไม่ให้ตัวเองโดนทำร้ายแต่ก็ถูกสาวใช้ของฟางหลานซือจับเอาไว้ ยากนักที่นางจะต่อต้านสายตาข
บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือเรือนตระกูลฟางสตรีที่งดงามอีกนางที่มีใจรักมั่นคงต่อแม่ทัพหลิวไท่หยาง เฝ้าฝันหาเขาอยู่ทุกวัน วันนี้เป็นวันอากาศดีนางจึงจะเดินทางไปหาแม่ทัพไท่หยางที่จวน ตั้งสองตระกูลเป็นญาติห่าง ๆ แต่ทว่านางไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ ต้องการเป็นสตรีที่ยืนเคียงข้างเขา“คุณหนูฟางหลานซือจะออกเดินทางไปที่จวนท่านแม่ทัพหลิวหรือขอรับ ข้าน้อยจะเตรียมเกี้ยวให้ขอรับ”“ใช่แล้วรีบไปเตรียมก่อนที่แดดจะร้อนไปมากกว่านี้ ” สตรีรูปคิ้วโค้งราวคันศรธนูถือพัดในมือพัดไปพัดมาพร้อมสั่งการบ่าวในเรือนให้ไปเตรียมเกี้ยว“คุณหนูเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้แม่ทัพหลิวพาตัวนางเชลยมาที่จวนด้วยเจ้าค่ะ”“แค่เชลยทำไมข้าต้องใส่ใจด้วย”“มิใช่เช่นนั้นสิเจ้าคะ นางเป็นเชลยก็จริงแต่ก็เคยเป็นสตรีทีท่านแม่ทัพหลิวรักหมดหัวใจ ทั้งสองเคยพูดคุยหารือกันเรื่องงานมงคลด้วย แต่ข้าได้ยินมาว่าครั้นนั้นนางมิได้แสดงตัวตนว่าเป็นบุตรสาวเรือนใดทำให้ท่านแม่ทัพไม่รู้ว่านางเป็นบุตรสาวของศัตรูเจ้าค่ะ” โจวลี่อิงสาวใช้ประจำกายของฟานหลานซือเอ่ยขึ้นเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนายหญิงของตน“อะไรนะ ! แล้วท่านแม่ทัพพานางกลับมาที่จวนทำไมกันหรือว่ายังพิศวาสมัน
บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอร่างบางที่เคยมีใบหน้าอมชมพูผิวขาวราวหยวก บัดนี้ใบหน้าของนางขาวซีดเผือกริมฝีบางแห้งผากซีดจนแทบไม่เหลือความเป็นคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม โดยมีไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ คอยเช็ดตัวให้นางอยู่ไม่ห่าง“นางเป็นเช่นไรบ้าง”“ท่านหมอบอกว่านางทนไม่ได้ที่ร่างกายถูกแดดแล้วมาถูกสายฝนเจ้าค่ะ ทำให้นางรับไม่ไหวจนจับไข้และเอ่อ...ท่านหมอบอกว่าร่างกายของนางด้านในรวมถึงชีพจรอ่อนเหลือเกินเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพไม่ยอมให้นางพักและสั่งลงโทษนางอีกบัดนี้ข้าเกรงว่านางจะลาโลกจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เจ้าเองก็ไม่ต่างจากเหลียงอวี้กล่าวหาว่าข้าเป็นคนผิดสินะที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นหากนางมิใช่บุตรสาวของจางชินหลง เป็นเพราะนางทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนาง ”ไท่หยางเอ่ยจบเดินหันหลังออกจากห้องและยัดกระดาษเทียบยาให้แก่หลวนฮวานไปซื้อที่โรงยา“ช่วยไปจัดการให้ข้าที”“ขอรับ”จิตใจของไท่หยางเริ่มว้าวุ่น เขาทั้งโมโหทั้งเกรี้ยวโกรธแต่เมื่อได้ยินว่านางจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อเขากลับรู้สึกเจ็บลึกที่หัวใจ เขาต้องดีใจมิใช่หรือที่แก้แค้นให้ท่านแม่ได้และทำให้นางเจ็บปวดแต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกใจหายเช่นนี้ได้ ความคิดของเขาเริ่มสับสน
Komen