Beranda / รักโบราณ / เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ / บทที่ 1 แม้แต่วิญญาณของเจ้าล้วนเป็นของข้า

Share

เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ
เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ
Penulis: วริษา

บทที่ 1 แม้แต่วิญญาณของเจ้าล้วนเป็นของข้า

Penulis: วริษา
last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-17 09:13:32

บทนำ

ชีวิตชาติที่แล้วข้าก็เลือกที่จะฆ่าตัวตายเพราะชีวิตที่ล้มเหลวจากคนที่รักหักหลัง คิดว่าตัวเองได้ชดใช้ความผิดพลาดต่อคุณพ่อจนหมดสิ้น ใครจะคิดว่าเมื่อลืมตาอีกครั้งต้องมาอยู่ในอีกยุคหนึ่งแถมชีวิตไม่ได้ดีไปกว่าเดิมเลย ข้าจึงเลือกที่จะตายอีกครั้ง ชีวิตมืดมนหมดหนทางไม่อยากมีวิตอยู่ แต่ไฉนบุรุษที่น่าเกรงขามกลับไม่อยากให้ข้าตาย และข้าก็ไม่สามารถตายได้หากเขาไม่สั่งการ ตอนนี้ข้าเป็นเชลย เชลยที่เขาทุกข์ทรมานจิตใจของข้าจนมอดไหม้ไม่เหลือชิ้นดี ไม่มีหนทางหนีจากเขาได้เลยแม้ตายไปเขายังปลุกให้ฟื้น ชีวิตของข้าดิ่งลงไปเรื่อย ๆ จนด้านชาไร้ชีวิตเสียงหัวเราะเป็นเช่นไรข้าจำมันไม่ได้เสียแล้ว…

นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการของนักเขียนเท่านั้นไม่ได้อ้างอิงตามประวัติศาสตร์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

#สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

บทที่ 1 แม้แต่วิญญาณของเจ้าล้วนเป็นของข้า

แสงโคมกระเพื่อมไหวตามสายลมยามราตรี บางคราวสว่างบางคราวรุบหรู่ราวระลอกคลื่นน้ำ ยิ่งตกดึกทั่วทั้งเมืองสวัดเงียบ มีเพียงเสียงกลองตีบอกเวลาดังแว่วมาจากไกล ๆ

ครานั้นเสียงฝีเท้าวิ่งกรู่มายังห้องเจ้าของเรือนอย่างรีบร้อน เสียงเหนื่อยหอบที่เปล่งออกมาตะโกนเรียกทันทีที่ถึงห้องของนายท่านเพื่อแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้น

“ท่านแม่ทัพเจ้าคะเกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” เสียงกระเส่าของสาวใช้ดังอยู่หน้าห้องของบุรุษที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมไม่เกรงกลัวและไม่มีจิตใจเมตตาต่อคู่ต่อสู้ ตอนนี้ร่างใหญ่ยังไม่ได้นอนกำลังอ่านฎีกาจากฝ่าบาทลุกขึ้นค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องของตนพร้อมเอ่ยปากถามเรื่องที่สาวใช้เข้ามาแจ้ง

“หากไม่ใหญ่พอแต่เจ้ากล้ามาส่งเสียงดังรบกวนเวลาของข้า ข้าจะบั่นคอเจ้าทิ้งเสีย” น้ำเสียงแข็งกร้าวเอ่ยออกมาดวงหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิดวาบผ่านบนใบหน้า สาวใช้มิกล้าแม้จะเงยหน้ามอง ก้มหน้าต่ำลงพร้อมพูดเรื่องที่นางต้องการแจ้งในตอนนี้

“ยามนี้สตรีที่ท่านนำตัวกลับมากระโดดน้ำที่บึงบัวเจ้าค่ะ” พลันได้ยินว่าเป็นเชลยที่เขาพาตัวมาตอนนี้นางกระทำในสิ่งที่เขาไม่ต้องการรีบแจ้งต่อทหารหน้าเรือนทันที

“ข้าไม่ได้อนุญาตให้นางตายหรือต่อให้นางตายก็ต้องทำให้นางฟื้นขึ้นมาให้ได้ ทหารไปลากตัวของนางมาหาข้าหากนางตายพวกเจ้าจะโดนรับโทษไปด้วย” ดวงตาดำขลับเว้าลึกมีความไม่แยแสต่อโลกเจืออยู่ในนั้น กวาดสายตามองไปด้านนอกกัดฟันดังกรอด

“ขอรับท่านแม่ทัพ” ทหารรีบตามหลังสาวใช้ไปที่บึงบัวทำตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ

ร่างบางถูกทหารพาร่างขึ้นมาและทำการช่วยเหลือจนตอนนี้นางสำลักน้ำออกมา

“แค่ก แค่ก!” สาวใช้เห็นว่าตอนนี้นางฟื้นจากความตายรีบเข้าไปประคองนางด้วยความดีใจ

“เจ้าฟื้นแล้วทำไมต้องทำเช่นนี้ด้วยรู้หรือไม่ว่าข้าร้อนใจคิดว่าเจ้าจะตายไปแล้วเสียอีก” สตรีเงยหน้าจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าน้ำตาใส ๆ ไหลรินออกมาอาบแก้ม เอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาสั่นเครือ

“ข้ามิได้อยากมีชีวิตอยู่ เจ้าน่าจะปล่อยให้ข้าตายไปเสีย” ทันทีที่ได้ยินสาวใช้บังเกิดความเวทนาต่อนางเหลือทนขยับกายเข้าไปโอบกอดนางเอาไว้เพื่อปลอบประโลม

“ชีวิตของเจ้ามีค่ามากกว่านี้อย่าด้วยค่าตนเองอีกเลย”

“ชีวิตของข้าหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ไม่เหลือแม้แต่ความเป็นคน” ลำคอตีบตันในใจขมขื่นปวดร้าววนเวียน ดวงตาหมองคล่ำบวมเป่งผ่านการร่ำไห้มานักต่อนัก

“เมื่อเจ้าฟื้นแล้วรีบไปหาท่านแม่ทัพบัดเดี๋ยวนี้” ทหารนายหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะจับกายของนางกระชากให้เดินตามเขาไปที่ห้องของท่านแม่ทัพ ร่างบางอิดโรยผอมแห้งซูบเซียวประหนึ่งต้นหญ้าขาดน้ำพร้อมจะล้มลงทุกเมื่อ ขาแทบก้าวไม่ออกถูกลากตัวจนมาถึงหน้าห้องของแม่ทัพ

ครานั้นเขายืนอยู่หน้าห้องเฝ้ารอให้พาตัวนางมาที่นี่เมื่อเห็นอีกฝ่ายถูกทหารลากตัวมาร่างเล็กเปียกปอนไปหมด ใบหน้าซีดเผือกไร้เลือดฝาด คล้ายมีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาบีบรัดหัวใจ ความวิตกเล็กน้อยสลายหายไปจนสิ้นเมื่อเห็นว่านางยังมีชีวิตอยู่ ทหารผลักนางลงต่อหน้าท่านแม่ทัพพร้อมรายงาน

“ท่านแม่ทัพข้าน้อยนำตัวเชลยมาแล้วขอรับ” เขาเดินมาหยุดตรงหน้านางก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

“เจ้าช่างกล้าที่ทำเช่นนี้ ข้าไม่ได้สั่งให้เจ้าทำเช่นนั้นนี่ข้าใจดีกับเจ้าไม่กักขังหรือมัดเจ้าไว้ทำให้เจ้ากล้าขัดคำสั่งของข้าอย่างนั้นหรือ?”

“ทำไมเจ้าคะ ทำไมไม่ปล่อยให้ข้าตายไปเสียหรือไม่ก็ฆ่าข้าทิ้งไปเสียสิจะรั้งข้าไว้ทำไมกัน” ร่างเล็กเงยหน้ามองชายร่างสูงโพล่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไร้ชีวิตชีวาชีวิตคลายหมดสิ้นหนทาง เขาค่อย ๆ นั่งลงยื่นมือข้างขวาไปจับปลายคางของนางบีบจนอีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ

“หากข้าทำเช่นนั้นมันไม่สาสมและสะใจของข้านะสิ ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานเหมือนที่ท่านพ่อของเจ้าทำกับท่านแม่ของข้าเจ้าจะได้รู้ว่าท่านแม่ของข้าเจ็บปวดเพียงใด ที่เจ้าได้รับอยู่นี่ช่างเล็กน้อยนักความแค้นในใจของข้าอย่างไม่สาสมหากเจ้าตายไปง่าย ๆ เช่นนี้ ต่อจากนี้แม้แต่ความตายของเจ้าก็มีเพียงข้าเท่านั้นที่ดลบันดาลให้ไม่ว่าจะเป็นร่างกายชีวิตหรือแม้แต่วิญญาณล้วนเป็นของข้าทั้งหมด หากข้าไม่อนุญาตเจ้าห้ามตาย ไป๋หนิงซินต่อจากนี้ข้าขอสั่งให้เจ้าคอยจับตาดูนางเชลยผู้นี้อย่าให้ทำทำเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกและขอสั่งให้เจ้าตามติดนางทุกฝีก้าว” เสียงดังดึกก้องป่าวประกาศให้รู้ว่าตอนนี้ชีวิตของเชลยอย่างนางไร้สิ้นหนทางแค่เพียงต้องการจะจากโลกนี้ไปแม่ทัพทมิฬอย่างเขายังร้ายกาจไม่ยอมปล่อยให้นางตายไปง่าย ๆ

“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ”

ดวงตาของสตรีที่เป็นเชลยยามนี้ล้วนมืดมัวโลกทั้งใบแตกสลาย นางถูกพาตัวกลับมาที่ห้องพักของสาวใช้โดยมีไป๋หนิงซินคอยตามติดตลอด

“เจ้าเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเถอะนะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าต้องพบเจออะไรมา ข้าก็สงสารเจ้าจับใจเป็นสตรีที่งดงามแต่ต้องถูกจับมาเป็นเชลยของท่านแม่ทัพ อีกอย่างเขายังดูเหมือนมีความอาฆาตแค้นเต็มอก เอาเถอะระหว่างเจ้าอยู่ที่นี่ข้าจะคอยดูแลเจ้าเอง” ไป๋หนิงซินพูดพร้อมดึงเสื้อผ้าของสตรีร่างบางออก แต่นางปัดมือของนางทันที

“ไม่ต้องข้าทำเองได้ เจ้าไม่ต้องเห็นใจข้าและเวทนาข้าหรอกเพียงเท่านี้ข้าก็เวทนาตนเองมากพอแล้วแค่อยากตายข้ายังทำไม่ได้เลย” ดวงตาฉายแววหมองหม่นกระแสเสียงแผ่วเบาราวกับเทียนจะมอดดับ ไป๋หนิงซินจึงค่อย ๆ วางมือปล่อยให้นางอยู่ผู้เดียว

“เช่นนั้นข้าจะไปหยิบชุดใหม่มาให้ เจ้าอย่าคิดที่จะทำร้ายตัวเองอีก หากเป็นเช่นนั้นข้าเองก็อาจจะถูกกล่าวโทษไปด้วย”

‘ดูท่าแม้แต่สวรรค์ก็ยังเลอะเลือน ให้ข้ามาเกิดใหม่อีกกี่ครั้งทำไมถึงได้มีโชคชะตาเช่นนี้’ นางค่อย ๆ เปลื้องผ้าที่เปียกออกจนหมดไม่นานไป๋หนิงซินกลับเข้าพร้อมอาภรณ์ชุดใหม่ให้นางได้สวมใส่

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 2 เชลยแค้น

    บทที่ 2 เชลยแค้นแต่เดิมมาแล้วสตรีที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยนางคือหญิงสาวในยุคปัจจุบัน ชีวิตของนางเหมือนจะดีมาโดยตลอดมีชายหนุ่มเข้ามาพัวพันจนได้แต่งงานแต่การแต่งงานของนางนั้นผู้เป็นพ่อขัดขวางมาตลอดเพราะไม่ชอบฝ่ายชาย แต่นางก็ดื้อรั้นที่จะแต่งกับเขา เขาเป็นรักแรกรักเดียวของนางทำกับนางเปรียบเสมือนนางเป็นนางฟ้า แต่เมื่อแต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านของนางทำให้นางรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วชายที่นางรักคือลูกชายของบริษัทคู่แข่ง ปลอมตัวหลอกลวงเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะต้องการทำลายบริษัทของนางจนเป็นอย่างที่เขาตั้งใจหวัง บริษัทที่คุณพ่อตั้งใจสร้างมาด้วยความรักล้มละลาย คุณพ่อยากจะรับไหวตัดสินใจฆ่าตัวตาย นางยังคิดเข้าข้างตัวเองคิดว่าเขายังรักนางอยู่ แต่เมื่อไปหาเขาอีกครั้งกลับพบว่าเขานั้นมีคนรักอยู่ก่อนหน้าแล้ว ที่ผ่านมาเขาเพียงแสดงละครเท่านั้น นางกลับมาบ้านที่เงียบเชียบไร้เสียงผู้คนย้อนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเป็นเพราะนางทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ล้มละลายหรือแม้แต่พ่อที่ต้องจบชีวิตตัวเองลง ความปวดร้าวถาโถมทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลง สองเท้าเดินตรงไปที่สะพานแม่น้ำใหญ่ในตัวเมือง นางจ้องมองไปยังท้องฟ้ายามราตรีก่อนจะจ้องมอง

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-17
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 3 คอยปรนนิบัติข้า

    บทที่ 3 คอยปรนนิบัติข้าจวนแม่ทัพกว้างใหญ่ระยะเวลาเดินก็ใช้เวลาสักพักกว่าจะถึงห้องโถง เมื่อนางเดินเข้ามาด้านในเห็นแม่ทัพนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายใจอยู่ที่โต๊ะ ทำราบกับว่าเมื่อคืนไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น“มาแล้วสินะ ไป๋หนิงซินเจ้าไปทำหน้าที่ของเจ้าเถิด ต่อจากนี้นางจะอยู่ที่นี่เพื่อปรนนิบัติข้า ตะวันคล้อยต่ำลงเจ้าค่อยมารับนางกลับ” ไป๋หนิงซินจ้องเหลือบมองใบหน้าของจางอวิ๋นหลิงชั่วครู่ก่อนจะยอบตัวลงและเดินออกไปอย่างช้า ๆ“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ”ภายในห้องโถงใหญ่ตอนนี้จึงมีเพียงนางที่เป็นสตรี และมีทหารเคียงข้างกายที่คอยอารักขาความปลอดภัยยืนอยู่ห่าง ๆ“เข้ามานี่สิ”“นั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามข้าและกินอาหารซ่ะ เจ้าไม่ต้องกลัวว่าข้าจะใส่ยาพิษลงไปเพื่อปลิดชีพเจ้าเพราะข้าต้องการให้เจ้ามีชีวิตอยู่อีกนาน รอรับความเจ็บปวดที่ข้ากำลังจะแก้แค้นต่อจากนี้”“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่นั่งร่วมโต๊ะกับท่านหากแค้นข้านักช่วยเอาดาบมาฟันคอข้าทิ้งเสียเพียงเท่านั้นมันจบสิ้นแล้ว”“ฮึ ฮึ เจ้าลืมตัวไปแล้วอย่างนั้นหรือเจ้ามันเป็นเพียงเชลยไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากออกเสียง นั่งลงก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน” เสียงเข้มขรึมเปล่งออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-17
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 4 เจ้าลืมเรื่องของเราได้ยังไง

    บทที่ 4 เจ้าลืมเรื่องของเราได้ยังไงแต่ทว่าเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปนางกลับยังยืนอยู่ท่านกลางแสงแดดจ้าช่วงเวลากลางที่ดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลางหัว ริมฝีปากเริ่มแห้งเหือดใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อเหงื่อผุดเต็มร่างกายกระนั้นนางยังคงยืนอยู่ไม่ไหวติงหลิวไท่หยางนั่งมองความอดทนของนางพลางแสยะยิ้มออกมา“ฮึ ไม่คิดว่านางจะทนได้ขนาดนี้ ดี ๆ ข้าจะปล่อยให้นางอยู่เช่นนี้เจ้าช่วยจับตามองนางเอาไว้อย่าให้นางไปที่ใดต่อให้สลบลงก็ไม่ต้องพานางเข้าร่มจนกว่านางจะฟื้น” ร่างสูงลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่พึงพอใจเพราะเขาต้องการให้นางอ้อนวอนเขาแต่นางกลับปิดปากนิ่งไม่เอ่ยอะไรเลยเวลาล่วงเลยจวบจนดวงอาทิตย์เริ่มตกดินจางอวิ๋นหลิงเริ่มขาสั่นกวาดสายตามองไปด้านหน้าเริ่มเห็นภาพเบลอ ใจเริ่มเบาหวิวก่อนที่ทุกอย่างด้านหน้าจะมืดสนิท ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของไป๋หนิงซินสะท้อนกึกก้องในหู“นางสลบไปแล้วพวกเจ้าไม่โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยหรืออีกอย่างตอนนี้ตะวันตกดินตามคำสั่งของท่านแม่ทัพปล่อยนางได้แล้ว”“ข้าไม่ได้ใจร้ายเพียงแต่ทำตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ ในเมื่อตอนนี้ตะวันตกดินแล้วเจ้าก็พานางกลับห้องเสียสิ”“ข้าจะพานางไปยังไงในเมื่อนางหมดสติเช่นนี้ แถมยังต

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-17
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 5 ความทรงจำ

    บทที่ 5 ความทรงจำเรื่องราวทั้งหมดของจางอวิ๋นหลิงเริ่มไหลเวียนเข้ามาผ่านความทรงจำ ทั้งสองเคยเป็นคู่รักที่แสนรักใคร่ทำราวกับว่าจะไม่มีทางเลิกลากันได้ ครั้นเมื่อที่จางอวิ๋นหลิงแอบท่านพ่อออกมาเที่ยวเล่นที่แคว้นหยางอันได้พบเข้ากับบุรุษรูปงามที่ช่วยเหลือนางจากโจรลักขโมย ยามนั้นไท่หยางมิได้แต่งตัวและบอกถึงตัวตนของเขา ทั้งสองปลูกดอกรักด้วยกันจนเติบโต อวิ๋นหลิงเองก็มิกล้าแม้จะบอกถึงตัวตนของนางว่านางมิใช่คนแคว้นนี้กลัวเขาจะชิงชังรังเกียจ แอบมาหานัดพบกันอยู่บ่อยครั้งจนไท่หยางพูดเรื่องแต่งงานกับนาง ถามถึงตระกูลของนางว่าเป็นบุตรสาวเรือนใดเมื่อไหร่ที่เขากลับมาจากการทำงานในครั้งนี้เขาจะให้ท่านพ่อท่านแม่ไปสู่ขอนางที่เรือน แต่อวิ๋นหลิงมิได้เอ่ยความจริงโป้ปดเขาไปเพื่อให้เขาไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริง ๆ แม้จะรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างใจหวัง เมื่อครั้นนั้นเกิดสงครามต่อสู้กันระหว่างแคว้นทำให้อวิ๋นหลิงไม่ได้ออกมาจากเรือนเลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไท่หยางคือแม่ทัพที่สู้รบกับท่านพ่อของนาง จนเรื่องมาถึงตอนนี้วิณญาณของหญิงสาวที่เข้ามาอยู่ในร่างรับรู้และรู้สึกถึงความเจ็บปวดของอวิ๋นหลิงทั

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-19
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 6 ถูกกลั่นแกล้ง

    บทที่ 6 ถูกกลั่นแกล้งค่ำคืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกินเมื่อความทรงจำปะทุราวกับสายน้ำ ซ้ำเติมหัวใจที่ว่างเปล่าของอวิ๋นหลิงนางร่ำไห้หลับไปทั้งน้ำตาเช้าวันต่อมาเปลือกตาของอวิ๋นหลิงหนักอึ้งแต่เหมือนว่านางเคยชินเพราะไม่มีวันไหนที่นางไม่หลับไปทั้งน้ำตา มีสิ่งที่เปลี่ยนไปคือคำสั่งของไท่หยางที่สั่งการลงมาต่อจากนี้เขาไม่ให้นางไปปรนนิบัติเช่นเคยแต่ให้นางไปทำงานที่หลังจวนแทนนั่นคือการซักผ้า เหมือนจะเป็นงานสบายแต่ก็หนักหนาสำหรับนางอยู่มากจางอวิ๋นหลิงมิได้เอ่ยปากบ่นแต่อย่างไร อย่างน้อยก็ดีกว่าการให้นางไปพบเจอไท่หยางนางเดินตามแม่บ้านซูเป็นผู้ดูแลหลังจวนและคอยสั่งงานให้สาวใช้แต่ละคนได้ทำ ทว่าไป๋หนิงซินมิได้มาทำงานเช่นเดียวกันนางเพราะงานของนางคืออยู่ในโรงครัว แม้จะห่วงอวิ๋นหลิงแต่ก็ขัดคำสั่งของท่านแม่ทัพมิได้ แม่บ้านซูพาอวิ๋นหลิงเดินมาถึงธารน้ำหลังจวนเป็นสถานที่ไว้สำหรับซักผ้า น้ำใสจนเห็นแผ่นหินเสียงน้ำไหลผ่านเมื่อได้ยินทำให้จิตใจของนางเริ่มสงบไม่ขุ่นมัวหัวใจ“งานของเจ้าคือการซักผ้าพวกนี้ รีบทำเสียก่อนที่แสงแดดของวันจะหมดลง ข้าขอกำชับเจ้าอีกอย่างอย่าคิดแม้แต่จะกระโดดน้ำหนีเพื่อปลิดชีพตนเองเพราะสิ่งนั้น

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-19
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 7 ผู้เดียวที่รังแกนางได้คือข้า

    บทที่ 7 ผู้เดียวที่รังแกนางได้คือข้า“ข้ามากกว่าที่ต้องเป็นผู้ที่ถามเกิดอะไรขึ้น” สายตาของเขาเหลือบไปมองร่างกายและใบหน้าของจางอวิ๋นหลิงนัยน์ตาเริ่มเข็งกราวกัดฟันกรามเอ่ยถามสาวใช้ที่กล้าใช้มือสกปรกทำร้ายนาง“เอ่อ.. นางเชลยผู้นี้ไม่ตั้งใจทำงานเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่สอนงานให้นางเท่านั้นนางเคยเป็นคุณหนูสตรีผู้สูงส่งคงไม่เก่งเรื่องงานเช่นนี้ แต่ผู้ใดจะคิดว่านางจะกล้าโต้เถียงและไม่ยอมทำตามที่ข้าสอนเจ้าค่ะ ดูผ้าพวกนี้สิเจ้าคะนางบอกว่านางจัดการเสร็จแล้วแต่ยังมีเศษดินหลงเหลืออยู่ ข้าจึงให้นางซักใหม่แต่ใครจะคิดว่านางจะโมโหจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกับข้าเจ้าค่ะ”“เป็นเช่นนั้นหรือ? หลวนฮวานจัดการจับตัวนางและจับมือของนางวางลงบนท่อนไม้นี้” หลวนฮวานพยักหน้าเดินมาด้านหลังของอวิ๋นหลิง ไป๋หนิงซินรีบพูดขึ้นมากลัวว่าท่านแม่ทัพจะลงโทษผิดคน“ท่านแม่ทัพมิใช่อย่างที่นางเอ่ยออกมานะเจ้าคะ นางโกหก”“ไป๋หนิงซินข้ามิได้ขอความเห็นเจ้าและไม่ได้ให้เจ้าเอ่ยอันใดหุบปากไปเสีย” ไป๋หนิงซินจ้องมองอวิ๋นหลิงใบหน้าเริ่มเศร้าหมองที่ตนช่วยอันใดนางมิได้เลย แต่ทว่าอวิ๋นหลิงกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลย จ้องมองประสานตากับไท่หยางอย่างแน่วแน่ครา

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-20
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 8 นางเพียงเสแสร้ง

    บทที่ 8 นางเพียงเสแสร้งครานั้นอวิ๋นหลิงเดินตามหลังของหลวนฮวานจนมาถึงศาลารับลม เหลียงอวี้สายตาจ้องมองไปยังนางตอนนี้ไม่มีเค้าสตรีบุตรสาวขุนนางเสียแล้ว ใบหน้าที่เคยงดงามแจ่มใสเต็มไปด้วยเครื่องประทิ่นบนใบหน้าให้ชวนมอง บัดนี้มีเพียงใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากแห้งแตก ดวงตาหมองคล้ำคล้ายคนที่ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ไร้ชีวิตชีวาเสมือนร่างไร้จิตวิญญาณ“นางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ เจ้าไม่เจ็บปวดบ้างหรือที่จ้องมองใบหน้าของนาง”“ข้านะหรือจะเจ็บปวด ไม่! ข้ามีเพียงแต่ความแค้นเท่าที่รอวันสะสางไปทีละนิด”“ท่านแม่ทัพข้าพาอวิ๋นหลิงมาแล้วขอรับ”“มาแล้วหรือ ? เจ้ามานี่สิคิดว่าสองวันมานี้ข้าไม่สั่งงานเจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าใช้ชีวิตสุขสบายหรอกนะ ! นั่นเห็นดอกบัวในบึงนั่นหรือไม่ ? ข้าอยากได้มันเพื่อไปไหว้ป้ายชื่อท่านแม่ลงไปเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้” ปลายนิ้วของเขาชี้ไปที่ดอกบัวที่ออกดอกอยู่กลางบึงทันที่ที่อวิ๋นหลิงเห็นนางเริ่มใจสั่นเพราะนางว่ายน้ำไม่เป็นแต่หากเป็นเช่นนี้ก็ดีเช่นกันมิใช่หรือ ? นางจะได้ตายสมใจหวังและเป็นเขาเองที่เป็นคนสั่งให้นางทำ“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบลงไปเอามาให้เดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเบาหวิวคล้ายคนหมดแรงจนเหลี

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-20
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อย

    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อยพื้นไม้แข็งเย็นยะเยือกแต่ไม่เยือกเย็นเท่ากับสวรรค์ที่ไม่มีความเมตตาต่อความต้องการของนางสักนิด ร่างบางลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนี่มิใช่ศาลารับลมหรือแม้แต่ในแม่น้ำแต่เป็นห้องที่นางอาศัยอยู่ทุกวัน ครานี้ทุกสิ่งอย่างที่นางกวาดตามองมืดสลัวนางนอนไปนานเท่าไหร่กัน นางพยายามนึกคิดว่าตนเองขึ้นจากแม่น้ำมาได้อย่างไร เพียงตอนนั้นสมองยังอื้ออึงได้ยินเพียงเสียงแว่ว ๆ ที่ประโคมต่อว่าปะทะฝีปากต่อเถียงกันเรื่องของนาง“ฟื้นแล้วหรือ” น้ำเสียงที่ดังขึ้นอยู่มุมห้องทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งรีบร้อนลุกขึ้น“ท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร นี่มันห้องนอนของสาวใช้มิใช่หรือ ? ”“ไม่ว่าจะที่ใดที่อยู่ในจวนของข้า ข้าย่อมไปได้ทุกที่” ร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้นางมากกว่า แสงโคมไฟด้านนอกสะท้อนเข้ามาเห็นเงาและแววตาของเขาเพียงชั่วขณะแต่นางสามารถรับรู้สึกรังสีอำมหิตที่ส่งผ่านมายังนาง เขานั่งลงคว้าแขนของนางบีบเต็มแรงจนร่างบางสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดจนส่งเสียงร้องออกมา“โอ้ย !!”“เจ้าเจ็บหรือ ? ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากตายหรือไงกัน... เจ้าว่ายน้ำเป็นแท้ ๆ แต่กลับไม่ว่ายขึ้นมาข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่ให้เจ้าตายง่าย ๆ จนกว่าข้าจะ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-21

Bab terbaru

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 17 อับอาย

    บทที่ 17 อับอายก่อนจะออกไปส่งใต้เท้าจื่อเหมาไท่หยางหันหน้าไปมองพร้อมกระพริบตาให้แก่หลวนฮวานพาอวิ๋นหลิงกลับไปที่ห้องพักของนาง หลวนฮวานพยักหน้าน้อมรับคำสั่งของนายท่านอุ้มร่างอวิ๋นหลิงไปที่ห้องของนางฝั่งด้านไป๋หนิงซินนางเป็นห่วงอวิ๋นหลิงจนนั่งไม่ติดพื้นเดินไปเดินมาทั่วห้องครานั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมา นางรีบเปิดประตูออกไปดูเห็นสภาพของอวิ๋นหลิงรีบเอ่ยถามทันที“เกิดอะไรขึ้นทำไมนางถึงอยู่ในสภาพนี้”“เจ้าอย่าพึ่งเอ่ยถาม รีบเปิดประตูเถิดและช่วยหาอาภรณ์ของนางมาสวมให้นางเร็วเข้า” ไป๋หนิงซินพยักหน้ารีบเดินเข้าไปยามนั้นเองอวิ๋นหลิงตั้งสติได้นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแผ่วเบา“มิต้องไป๋หนิงซินข้าทำเองได้ หลวนฮวานปล่อยข้าลงเถิดมิต้องเป็นห่วงข้า ข้ามิได้เป็นอันใด”“หากเจ้าประสงค์เช่นนั้นข้าจะปล่อยเจ้าลง อย่างไรก็ให้ไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ เจ้าเถิด” หลวนฮวานก้มมองสตรีในอ้อมแขนรีบวางนางลงให้ก้าวเดินเอาเอง“ยามนี้ข้าตัดสินใจเลือกอันใดเองได้ด้วยหรือ ? เพราะไม่ว่าอย่างไรการกระทำของข้าก็ถูกนายของพวกเจ้าควบคุมบงการทุกอย่างเสมือนลูกไก่ในกำมืออยู่แล้ว” ความเจ็บปวดคล้ายมีมีดเฉือนเนื้อหนังบางส่วนออกจากร

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 16 แหลกสลาย

    บทที่ 16 แหลกสลายยามซวี (19.00)ที่ห้องโถงยังคงมีเสียงดังเอะอะเสียงหัวเราะของเสนาบดีที่พูดถูกคอกับท่านแม่ทัพไท่หยาง จนท้องฟ้ามืดสลัวสาวใช้ในห้องครัวเริ่มยกสำรับอาหารมาจัดแจงเพื่อต้อนรับแขกของท่านแม่ทัพ อาหารมากมายอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมดทว่ายามนี้ฟางหลานซือกลับเรือนไปก่อนหน้าแล้วเพราะสิ่งที่นางต้องการคือการพาท่านอามาที่จวนของไท่หยางและต้องการให้ท่านอาได้พบเจอกับอวิ๋นหลิงต่อจากนี้นางคงต้องให้ท่านอาจัดการต่อ ส่วนตัวนางแสร้งทำเป็นสตรีที่ดีกลับเรือนก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด“ท่านใต้เท้าเชิญดื่มด่ำกับอาหารของจวนข้าเต็มที่นะขอรับ ข้าจะไปแจ้งให้ทหารของข้าพาตัวนางเชลยไปรอท่านอยู่ที่ห้อง กินเยอะ ๆ นะขอรับจะได้มีแรงไว้เล่นกับนางทั้งคืน”“ฮ่า ฮ่า ท่านแม่ทัพนี่ร้ายไม่เบาจริง ๆ รู้ใจข้ายิ่งนักข้าละชอบท่านจริง ๆ ไม่ปิดบังความรู้สึก รู้สึกอะไรเอ่ยมาเช่นนั้น นี่สินะที่ปกครองทหารนับพันนาย ข้านับถือท่านจริงๆ ”เสนาบดีอ้วนท้วนรีบคว้าตะเกียบคีบกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างเร่งรีบเพราะเขารอเวลาที่จะเชยชมหญิงงามไม่ไหวแล้วฝั่งด้านอวิ๋นหลิงยามนี้นางอาบน้ำล้างกายสวมอาภรณ์เตรียมตัวนอนเพราะงานของนางเสร็จสิ้นแล้วทว่าเมื่อเข

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 15 เสนาบดีจื่อเหมา

    บทที่ 15 เสนาบดีจื่อเหมาเสียงหัวเราะคิกคักในห้องโถงเสียงดังมาถึงข้างนอกราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นไท่หยางก้าวเท้าเข้าไปด้านในเห็นเสนาบดีจื่อเหมาผู้ที่อ้วนถ้วนใบหน้าแก่ชราเครารุงรังเต็มใบหน้านี่หรือบุรุษที่มากรักไม่มีส่วนใดที่น่าหลงไหลเลยมีเพียงอำนาจเงินเท่านั้นที่ทำให้ผู้หญิงวิ่งเข้าหาเขาเพราะหวังสุขสบาย“ท่านใต้เท้าจื่อเหมาท่านมาที่นี่ไม่บอกไม่กล่าวข้าล่วงหน้าทำให้ข้าไม่ได้ต้อนรับเป็นอย่างดีข้าต้องขออภัยด้วยขอรับ” ไท่หยางประสานมือไปข้างหน้าโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย ใต้เท้าเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่มก่อนจะผายมือให้ไท่หยางมานั่งที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ ราวกับที่นี่คือเรือนของตน“มิต้องมากพิธีข้าเดินทางผ่านมาเท่านั้นจึงแวะทักทายท่านแม่ทัพ ฟางหลานซือหลานสาวข้านะสิคะยั้นคะยออยากมาหาท่านเพราะความคิดถึง” ฟางหลานซือยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะลุกขึ้นยอบตัวลงคารวะไท่หยาง“ข้าคิดถึงท่านแม่ทัพมากเพียงแค่ผ่านจวนของท่านหากไม่ได้แวะข้าคงนอนไม่หลับ เรื่องนี้ทำให้ท่านแม่ทัพที่มีงานจนล้นมือต้องลำบากต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ”“เรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ข้าเสียเวลาหรอก นั่งลงเถิดอีกไม่นานสาวใช้คงนำน้ำชาพร้อมกับขนม

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลย

    บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลยดวงตาฟางหลานซือแข็งกร้าวด้วยความโมโหเมื่อถูกอวิ๋นหลิงดูถูกเหยียดหยาม เดินไปกระชากผมของอวิ๋นหลิงตบนางที่ใบหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนเลือดที่ปากของนางไหลซึมออกมา“เจ้าสามหาวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวของท่านเจ้าแคว้นหรือ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่ายามนี้เจ้าเป็นเพียงเชลยไม่มีสิทธิ์มาต่อปากต่อคำกับข้า” เท่านั้นนางยังไม่พอใจเรียกสาวใช้ของตนเองมาจับตัวของอวิ๋นหลิงเอาไว้“โจวลี่อิงเจ้ามาจับตัวของนางเอาไว้และจับมือของนางไว้บนโต๊ะนี่ ดูสิว่าไม่มีมือคอยทำงานเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร” ฟางหลานซือหันไปเจอมีดทำครัวอยู่ตรงนั้นพอดีนางรีบเดินไปคว้ามาฟันที่มือของอวิ๋นหลิง สาวใช้ที่เคยถูกตัดมือยิ้มกริ่มออกมาเมื่ออีกฝ่ายจะโดนเหมือนตนไป๋หนิงซินคุกเข่าลงอ้อนวอนไม่ให้ฟางหลานซือลงมือทำร้ายอวิ๋นหลิง“คุณหนูอย่าทำอย่างนั้นเลย ข้าขอร้องนะเจ้าคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้าไม่ต้องมายุ่ง” ฟางหลานซือหันขวับจ้องมองไป๋หนิงซินดวงตาราวกับปีศาจจนนางต้องหันหน้าหนีด้วยความกลัว อวิ๋นหลิงพยายามปัดป้องไม่ให้ตัวเองโดนทำร้ายแต่ก็ถูกสาวใช้ของฟางหลานซือจับเอาไว้ ยากนักที่นางจะต่อต้านสายตาข

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือ

    บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือเรือนตระกูลฟางสตรีที่งดงามอีกนางที่มีใจรักมั่นคงต่อแม่ทัพหลิวไท่หยาง เฝ้าฝันหาเขาอยู่ทุกวัน วันนี้เป็นวันอากาศดีนางจึงจะเดินทางไปหาแม่ทัพไท่หยางที่จวน ตั้งสองตระกูลเป็นญาติห่าง ๆ แต่ทว่านางไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ ต้องการเป็นสตรีที่ยืนเคียงข้างเขา“คุณหนูฟางหลานซือจะออกเดินทางไปที่จวนท่านแม่ทัพหลิวหรือขอรับ ข้าน้อยจะเตรียมเกี้ยวให้ขอรับ”“ใช่แล้วรีบไปเตรียมก่อนที่แดดจะร้อนไปมากกว่านี้ ” สตรีรูปคิ้วโค้งราวคันศรธนูถือพัดในมือพัดไปพัดมาพร้อมสั่งการบ่าวในเรือนให้ไปเตรียมเกี้ยว“คุณหนูเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้แม่ทัพหลิวพาตัวนางเชลยมาที่จวนด้วยเจ้าค่ะ”“แค่เชลยทำไมข้าต้องใส่ใจด้วย”“มิใช่เช่นนั้นสิเจ้าคะ นางเป็นเชลยก็จริงแต่ก็เคยเป็นสตรีทีท่านแม่ทัพหลิวรักหมดหัวใจ ทั้งสองเคยพูดคุยหารือกันเรื่องงานมงคลด้วย แต่ข้าได้ยินมาว่าครั้นนั้นนางมิได้แสดงตัวตนว่าเป็นบุตรสาวเรือนใดทำให้ท่านแม่ทัพไม่รู้ว่านางเป็นบุตรสาวของศัตรูเจ้าค่ะ” โจวลี่อิงสาวใช้ประจำกายของฟานหลานซือเอ่ยขึ้นเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนายหญิงของตน“อะไรนะ ! แล้วท่านแม่ทัพพานางกลับมาที่จวนทำไมกันหรือว่ายังพิศวาสมัน

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอ

    บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอร่างบางที่เคยมีใบหน้าอมชมพูผิวขาวราวหยวก บัดนี้ใบหน้าของนางขาวซีดเผือกริมฝีบางแห้งผากซีดจนแทบไม่เหลือความเป็นคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม โดยมีไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ คอยเช็ดตัวให้นางอยู่ไม่ห่าง“นางเป็นเช่นไรบ้าง”“ท่านหมอบอกว่านางทนไม่ได้ที่ร่างกายถูกแดดแล้วมาถูกสายฝนเจ้าค่ะ ทำให้นางรับไม่ไหวจนจับไข้และเอ่อ...ท่านหมอบอกว่าร่างกายของนางด้านในรวมถึงชีพจรอ่อนเหลือเกินเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพไม่ยอมให้นางพักและสั่งลงโทษนางอีกบัดนี้ข้าเกรงว่านางจะลาโลกจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เจ้าเองก็ไม่ต่างจากเหลียงอวี้กล่าวหาว่าข้าเป็นคนผิดสินะที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นหากนางมิใช่บุตรสาวของจางชินหลง เป็นเพราะนางทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนาง ”ไท่หยางเอ่ยจบเดินหันหลังออกจากห้องและยัดกระดาษเทียบยาให้แก่หลวนฮวานไปซื้อที่โรงยา“ช่วยไปจัดการให้ข้าที”“ขอรับ”จิตใจของไท่หยางเริ่มว้าวุ่น เขาทั้งโมโหทั้งเกรี้ยวโกรธแต่เมื่อได้ยินว่านางจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อเขากลับรู้สึกเจ็บลึกที่หัวใจ เขาต้องดีใจมิใช่หรือที่แก้แค้นให้ท่านแม่ได้และทำให้นางเจ็บปวดแต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกใจหายเช่นนี้ได้ ความคิดของเขาเริ่มสับสน

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 11 จับไข้

    บทที่ 11 จับไข้เหลียงอวี้เดินเข้ามาในห้องของไท่หยางเห็นเขายืนอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งทำให้เขาไม่ชอบใจเลยที่สหายเปลี่ยนไปเป็นคนที่เลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้“เรื่องนี้เจ้าทำเกินกว่าเหตุไปแล้ว ทำไมถึงต้องทำกับนางเช่นนี้ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าไม่รักนางหมดใจแล้ว จงปลดปล่อยนางไปเถิดตอนนี้นางเป็นเพียงเชลยอย่างเจ้าว่าไร้ท่านพ่อไร้คนหนุนหลัง นางเปรียบสตรีไร้แขนไร้ขาปล่อยนางไปเสียไม่ดีกว่าหรือ ? แค่มองแววตาของนางยังไงนางก็ไม่คิดหาทางแก้แค้นเจ้าแน่ ดวงตาของนางว่างเปล่าเหมือนคนไร้วิญญาณนางคงแตกสลายไปหมด เจ้าช่วยปลดปล่อยนางหรือส่งตัวนางขายนางให้เป็นทาสเสีย และมีอีกทางหากเจ้าบอกว่าเจ้าแค้นตระกูลนางข้ามีทางเลือกให้เจ้าคือบั่นคอนางเสีย อย่าทำร้ายจิตใจของนางไปมากกว่านี้”“เฮอะ ! องค์ชายท่านช่างรู้ดีจริง ๆ ยังไงข้าก็ไม่ยอมยกนางให้ผู้ใดทั้งนั้น คำพูดของข้าพูดออกไปแล้วไม่คืนคำมิเช่นนั้นข้าจะปกครองทหารหลายพันนายได้ยังไง ที่ข้ายอมปล่อยนางไปวันนี้เพราะเห็นว่าท่านยอมแลกกับยศของท่านแถมยังไม่กลัวแปดเปื้อนไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าองค์ชายสามเหลียงอวี้ปกป้องเชลยศึกของแคว้นหยางอัน ข้าขอให้ท่านรับ

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง

    บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่งฝั่งด้านเหลียงอวี้หลังจากที่เขากลับมาจากจวนหลิวไท่หยางเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องของจางอวิ๋นหลิง ดวงตาของนางว่างเปล่าใบหน้าอมทุกข์ไร้ชีวิตชีวายิ่งทำให้เขาเป็นห่วงนางจับใจ หากจะคิดหาหนทางช่วยเหลือนางออกมาก็กลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏพาบุตรสาวของศัตรูหลบหนี แต่ก็อดเป็นห่วงนางไม่ไหวตัดสินใจไปหานางที่จวนของแม่ทัพไท่หยาง เขาไม่เชื่อว่าสหายของเขาจะหมดรักนางรวดเร็วป่านนี้เพียงเพราะยามนี้ใจของไท่หยางมีความแค้นต่อพ่อของนางมากกว่าแดดเริ่มแรงเมื่อถึงยามอู่ (11.00) วันนี้อากาศแปรปรวนลมพัดแรงอีกทั้งยังมีเมฆครึ้มจับตัวเป็นก้อน ๆ คล้ายจะมีพายุฝน“ท่านแม่ทัพจะปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นหรือขอรับ ข้าว่าอากาศเริ่มไม่ดีแล้ว”“เจ้าจะไปห่วงนางทำไมกัน ในเมื่อนางปากแข็งไม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเองรู้อยู่แก่ใจแถมยังเสแสร้งอีก ในเมื่อนางอวดดีก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นต่อไป ไม่ว่าจะเกิดพายุโหมกระหน่ำหรือหิมะตกลงมาอย่างบ้าคลั่งก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่หน้าห้องจนกว่าข้าจะได้ยินคำอ้อนวอนยอมแพ้ของนางถึงจะยอมสั่งให้นางเข้าร่ม”ไท่หยางเหลือบตามองไปด้านนอกเห็นสตรีที่ดื้อด้านไม่ยอมเอ่ยคำยอมแพ้ออกมาย

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อย

    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อยพื้นไม้แข็งเย็นยะเยือกแต่ไม่เยือกเย็นเท่ากับสวรรค์ที่ไม่มีความเมตตาต่อความต้องการของนางสักนิด ร่างบางลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนี่มิใช่ศาลารับลมหรือแม้แต่ในแม่น้ำแต่เป็นห้องที่นางอาศัยอยู่ทุกวัน ครานี้ทุกสิ่งอย่างที่นางกวาดตามองมืดสลัวนางนอนไปนานเท่าไหร่กัน นางพยายามนึกคิดว่าตนเองขึ้นจากแม่น้ำมาได้อย่างไร เพียงตอนนั้นสมองยังอื้ออึงได้ยินเพียงเสียงแว่ว ๆ ที่ประโคมต่อว่าปะทะฝีปากต่อเถียงกันเรื่องของนาง“ฟื้นแล้วหรือ” น้ำเสียงที่ดังขึ้นอยู่มุมห้องทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งรีบร้อนลุกขึ้น“ท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร นี่มันห้องนอนของสาวใช้มิใช่หรือ ? ”“ไม่ว่าจะที่ใดที่อยู่ในจวนของข้า ข้าย่อมไปได้ทุกที่” ร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้นางมากกว่า แสงโคมไฟด้านนอกสะท้อนเข้ามาเห็นเงาและแววตาของเขาเพียงชั่วขณะแต่นางสามารถรับรู้สึกรังสีอำมหิตที่ส่งผ่านมายังนาง เขานั่งลงคว้าแขนของนางบีบเต็มแรงจนร่างบางสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดจนส่งเสียงร้องออกมา“โอ้ย !!”“เจ้าเจ็บหรือ ? ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากตายหรือไงกัน... เจ้าว่ายน้ำเป็นแท้ ๆ แต่กลับไม่ว่ายขึ้นมาข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่ให้เจ้าตายง่าย ๆ จนกว่าข้าจะ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status