Home / รักโบราณ / เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ / บทที่ 8 นางเพียงเสแสร้ง

Share

บทที่ 8 นางเพียงเสแสร้ง

last update Last Updated: 2025-04-20 10:07:33

บทที่ 8 นางเพียงเสแสร้ง

ครานั้นอวิ๋นหลิงเดินตามหลังของหลวนฮวานจนมาถึงศาลารับลม เหลียงอวี้สายตาจ้องมองไปยังนางตอนนี้ไม่มีเค้าสตรีบุตรสาวขุนนางเสียแล้ว ใบหน้าที่เคยงดงามแจ่มใสเต็มไปด้วยเครื่องประทิ่นบนใบหน้าให้ชวนมอง บัดนี้มีเพียงใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากแห้งแตก ดวงตาหมองคล้ำคล้ายคนที่ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ไร้ชีวิตชีวาเสมือนร่างไร้จิตวิญญาณ

“นางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ เจ้าไม่เจ็บปวดบ้างหรือที่จ้องมองใบหน้าของนาง”

“ข้านะหรือจะเจ็บปวด ไม่! ข้ามีเพียงแต่ความแค้นเท่าที่รอวันสะสางไปทีละนิด”

“ท่านแม่ทัพข้าพาอวิ๋นหลิงมาแล้วขอรับ”

“มาแล้วหรือ ? เจ้ามานี่สิคิดว่าสองวันมานี้ข้าไม่สั่งงานเจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าใช้ชีวิตสุขสบายหรอกนะ ! นั่นเห็นดอกบัวในบึงนั่นหรือไม่ ? ข้าอยากได้มันเพื่อไปไหว้ป้ายชื่อท่านแม่ลงไปเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้” ปลายนิ้วของเขาชี้ไปที่ดอกบัวที่ออกดอกอยู่กลางบึงทันที่ที่อวิ๋นหลิงเห็นนางเริ่มใจสั่นเพราะนางว่ายน้ำไม่เป็นแต่หากเป็นเช่นนี้ก็ดีเช่นกันมิใช่หรือ ? นางจะได้ตายสมใจหวังและเป็นเขาเองที่เป็นคนสั่งให้นางทำ

“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบลงไปเอามาให้เดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเบาหวิวคล้ายคนหมดแรงจนเหลียงอวี้เริ่มเป็นห่วงและเห็นท่าไม่ดีจึงเอ่ยทักขึ้น

“ไท่หยางเพียงดอกบัวเจ้าให้ผู้อื่นหรือทหารที่แข็งแกร่งเอามาให้เจ้าไม่ดีกว่าหรือ ? ”

“ไม่หากข้าต้องการเช่นนั้นคงไม่ตามนางมาหรอก เจ้าไม่ต้องห่วงจางอวิ๋นหลิงนะนางว่ายน้ำเก่งเจ้าเองก็เคยเห็นมิใช่หรือ” น้ำเสียงเย็นยะเยือนเอ่ยออกมาไม่รู้ร้อนรู้หนาวเพราะเขาทั้งสามเคยเที่ยวเล่นด้วยกัน เหลียงอวี้คอยลอบมองอวิ๋นหลิงบ่อย ๆ และแอบชอบนางมาตลอดแต่เขาก็หักห้ามใจเมื่อรู้ว่าสหายของตนเองรักนางมากเพียงใด จึงยอมเป็นสหายอยู่ข้าง ๆ ทั้งสองมาโดยตลอด

ตู้ม !! เสียงน้ำที่ถูกร่างของอวิ๋นหลิงกระโดดลงกระเด็นเซ็นซ่าน ค่อย ๆ เดินลงไปที่กลางบึงบัว ตอนนี้จิตใจของนางเริ่มสงบเย็นเมื่อเดินไปกลางบึงระดับน้ำเริ่มถึงปลายคาง

‘ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะได้ทำอย่างที่ข้าหวังมาตลอดความปรารถนาหนึ่งเดียวของข้า ใต้น้ำนี้คงเป็นที่ที่สงบเงียบและเย็นข้าชอบเหลือเกินที่จะหลุดพ้นจากชายโหดเหี้ยมอย่างเขา ไม่ว่าจะมีอีกกี่ภพกี่ชาติข้ามิขอเกิดอีกแล้ว สวรรค์โปรดเมตตาข้าด้วย’ นางครุ่นคิดในใจหลับตาลงใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะจมดิ่งลงใต้แม่น้ำที่ไหลเวียนไปเรื่อย ๆ สายตาเลือนลางหูได้ยินเสียงเพียงของกระแสน้ำที่ไหลวนและร่างกายของสตรีกำลังดิ่งลงใต้น้ำอย่างเชื่องช้าสองมือมิได้ตะเกียกตะกาย คว้าอะไรรอบๆ ขาของนางไม่พยายามถีบให้ตนเองลอยปล่อยให้เคลื่อนต่ำลงสู่ก้นบ่อ เมื่อจมูกอยู่ต่ำกว่าผิวน้ำทำให้ร่างกายกลั้นหายใจอย่างอัตโนมัติ ตอนนี้ร่างกายของนางเริ่มเหนื่อยหัวใจเต้นแรงขึ้น ชั่วพริบตาเดียวนางรู้สึกเหนื่อยมากจนกลั้นหายใจไม่ไหวอีกต่อไปจนทำให้น้ำเข้าสู่ลำคอจนนางสำลักออกมา

นางรู้สึกถึงความเงียบสงบภายในน้ำตอนนี้ร่างกายของนางเริ่มแสบจมูกแสบคอและแสบในศีรษะดวงตาเบิกโพลง นางไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้น รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้นางได้หายใจเอาของเหลววิ่งผ่านหลอดลมเข้าไป ร่างกายของนางจมลงไปเรื่อย ๆ จนใกล้จะถึงก้นบ่อสมองตัดการรับรู้ สติเลือนรางก่อนที่นางจะหลับไป..

ความปรารถนาของนางได้สมหวังแล้ว

ทว่าบนบกกลับร้อนใจเมื่อเห็นนางเงียบหายไปในแม่น้ำ จึงเอ่ยถามสหายด้วยความมั่นใจอีกครา

“ไท่หยางเจ้าไม่ผิดสังเกตเลยหรือทำไมสายตาของข้ามองไม่เห็นอวิ๋นหลิงเลยหรือว่านางจะจมน้ำ”

“ฮึ สตรีที่ว่ายน้ำเก่งเช่นนางนะหรือจะจมน้ำ นางเพียงแค่แสร้งทำเท่านั้น” แม้วาจาจะเอ่ยไปเช่นนั้นทว่าใจของไท่หยางกลับร้อนรุ่มไม่ต่างกัน เขายืนขึ้นมองไปยังบึงบัวแม้แต่ฟองอากาศก็ไม่มีโผล่เหนือน้ำ ร่างของนางไม่มีแม้เงาครั้นนั้นเขาก็ฉุดคิดขึ้นมานางเคยคิดฆ่าตัวตายจากน้ำมาแล้วครั้งหนึ่งนี่คงมิใช่ว่านางจะตั้งใจจมดิ่งลงแม่น้ำเพื่อหนีจากเขาอีกหรอกหรือ? ใจของชายเหี้ยมโหดเริ่มกระวนกระวายกำลังออกคำสั่งให้ทหารลงไปนำนางขึ้นมา แต่ก็ไม่ทันการแล้วเพราะตอนนั้นเหลียงอวี้ที่อดทนดูความร้ายกาจและใจร้ายของสหายไม่ไหวและกลัวว่าอวิ๋นหลิงจะเกิดอันตรายเขากระโดดน้ำไปหาร่างของนางทันที

ตู้ม ! เขาพยายามลืมตาจ้องมองหาร่างของนางในน้ำอย่างทุลักทุเลแต่ไม่นานเขาได้เห็นร่างของอวิ๋นหลิงอยู่ไม่ไกล รีบแวกว่ายผ่านสายบัวไปโอบอุ้มร่างของอวิ๋นหลิงขึ้นบนฝั่ง

“อวิ๋นหลิง เจ้าฟื้นสิทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้” เหลียงอวี้อุ้มร่างของนางวางบนพื้นไม้ของศาลาก่อนจะใช้มือทั้งสองประสานกันดันที่อกของนางเพื่อช่วยชีวิต กดลงด้วยแรงทั้งหมดที่มีครั้งแล้วครั้งเล่าในใจภาวนาให้นางฟื้นขึ้นมาเขาไม่ชอบเลยที่นางต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้ ไม่ยุติธรรมต่อนางสักนิด

“นางเพียงสำออยเท่านั้นเจ้ามิเห็นต้องทำเป็นตื่นตระหนก”

“หากเจ้าไม่ช่วยนางสมควรหุบปากเสีย ๆ ของเจ้าไปซะคอยดูเอาไว้เถิดวันหนึ่งเจ้าจะเจ็บปวดยิ่งกว่านางร้อยเท่าพันเท่า” เหลียงอวี้หันขวับไปมองไท่หยางครู่หนึ่งก่อนที่จะจับจ้องสตรีที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าอย่างไรเขาจะช่วยให้นางรอดให้ได้และก็เป็นอย่างที่เขาหวังเมื่อร่างบางสำลักน้ำออกมา เขารีบประคองร่างของนางขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนทันที

“แค่ก ๆ เฮือก”

“เจ้าฟื้นแล้ว อวิ๋นหลิงเจ้าฟื้นแล้ว” อวิ๋นหลิงได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนต่างจากอีกคนที่มีน้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นด้วย

“ฮึ นางแค่เสแสร้งแกล้งทำให้เจ้าเห็นใจเท่านั้น อวิ๋นหลิงเจ้าช่างเป็นสตรีที่มารยาแพศยาเสียจริง ทั้ง ๆ ที่เจ้าว่ายน้ำเก่งกว่าพวกข้าทั้งสองแต่เจ้ากล้าปล่อยให้ตนเองดิ่งลงก้นบ่อหรือเจ้าตั้งใจทำเช่นนั้นเพื่อหนีข้ากัน” นางลืมตาจ้องมองดวงตาเริ่มคลอนี่นางทำไม่สำเร็จอีกแล้วเช่นนั้นหรือ ? ทว่ายามนี้นางเหนื่อยเหลือเกินที่จะต่อปากต่อคำถกเถียงกับเขา นางทำได้เพียงหลับตาลงอีกครั้งกับลมหายใจที่โรยริน

“ไท่หยางเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ หากเจ้าไม่ช่วยนางก็โปรดอย่าต่อว่ายามนี้ร่างกายของนางมิอาจจะต่อต้านหรือแม้แต่โต้เถียงกับเจ้าที่ไร้สติมีเพียงความเคียดแค้นบดบัง ห้องของนางอยู่ที่ใดข้าจะไปส่งนางเอง”

“ไม่ใช่หน้าที่ของท่านองค์ชายสาม นางเป็นเชลยในจวนข้าข้าจัดการเองได้ หลวนฮวานอุ้มนางไปที่ห้องและเรียกให้ไป๋หนิงซินช่วยจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ให้นางเสีย ” ไท่หยางหงุดหงิดใจเหลือทนจ้องมองไปที่เหลียงอวี้เขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับนางไฉนถึงทำตัวใกล้ชิดปานนางเป็นสตรีที่รักของเขาเช่นนี้ รีบสั่งการให้ลูกน้องพาร่างของอวิ๋นหลิงไปที่ห้องทันที เหลียงอวี้มองแผ่นหลังของหลวนฮวานที่อุ้มร่างอวิ๋นหลิงไปด้วยความเป็นห่วงและนึกโมโหสหายของเขา

“ครั้งนี้ข้าว่าเจ้าทำเกินไป ไม่ว่านางจะเป็นเชลยของเจ้าแต่อย่างน้อยนางก็เคยเป็นคนที่เจ้ารัก หากเจ้าหมดรักนางอย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ ก็จัดการนางให้นางตามท่านพ่อของนางไปเสียที” เหลียงอวี้เดินชนแผ่นอกของไท่หยางเต็มแรงก่อนจะเดินไปยังคอกม้าและสั่งให้ทหารนำม้าออกมา เขาไม่อยากจะมองและเสวนากับแม่ทัพไร้ใจเช่นนี้อีกแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อย

    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อยพื้นไม้แข็งเย็นยะเยือกแต่ไม่เยือกเย็นเท่ากับสวรรค์ที่ไม่มีความเมตตาต่อความต้องการของนางสักนิด ร่างบางลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนี่มิใช่ศาลารับลมหรือแม้แต่ในแม่น้ำแต่เป็นห้องที่นางอาศัยอยู่ทุกวัน ครานี้ทุกสิ่งอย่างที่นางกวาดตามองมืดสลัวนางนอนไปนานเท่าไหร่กัน นางพยายามนึกคิดว่าตนเองขึ้นจากแม่น้ำมาได้อย่างไร เพียงตอนนั้นสมองยังอื้ออึงได้ยินเพียงเสียงแว่ว ๆ ที่ประโคมต่อว่าปะทะฝีปากต่อเถียงกันเรื่องของนาง“ฟื้นแล้วหรือ” น้ำเสียงที่ดังขึ้นอยู่มุมห้องทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งรีบร้อนลุกขึ้น“ท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร นี่มันห้องนอนของสาวใช้มิใช่หรือ ? ”“ไม่ว่าจะที่ใดที่อยู่ในจวนของข้า ข้าย่อมไปได้ทุกที่” ร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้นางมากกว่า แสงโคมไฟด้านนอกสะท้อนเข้ามาเห็นเงาและแววตาของเขาเพียงชั่วขณะแต่นางสามารถรับรู้สึกรังสีอำมหิตที่ส่งผ่านมายังนาง เขานั่งลงคว้าแขนของนางบีบเต็มแรงจนร่างบางสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดจนส่งเสียงร้องออกมา“โอ้ย !!”“เจ้าเจ็บหรือ ? ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากตายหรือไงกัน... เจ้าว่ายน้ำเป็นแท้ ๆ แต่กลับไม่ว่ายขึ้นมาข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่ให้เจ้าตายง่าย ๆ จนกว่าข้าจะ

    Last Updated : 2025-04-21
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง

    บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่งฝั่งด้านเหลียงอวี้หลังจากที่เขากลับมาจากจวนหลิวไท่หยางเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องของจางอวิ๋นหลิง ดวงตาของนางว่างเปล่าใบหน้าอมทุกข์ไร้ชีวิตชีวายิ่งทำให้เขาเป็นห่วงนางจับใจ หากจะคิดหาหนทางช่วยเหลือนางออกมาก็กลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏพาบุตรสาวของศัตรูหลบหนี แต่ก็อดเป็นห่วงนางไม่ไหวตัดสินใจไปหานางที่จวนของแม่ทัพไท่หยาง เขาไม่เชื่อว่าสหายของเขาจะหมดรักนางรวดเร็วป่านนี้เพียงเพราะยามนี้ใจของไท่หยางมีความแค้นต่อพ่อของนางมากกว่าแดดเริ่มแรงเมื่อถึงยามอู่ (11.00) วันนี้อากาศแปรปรวนลมพัดแรงอีกทั้งยังมีเมฆครึ้มจับตัวเป็นก้อน ๆ คล้ายจะมีพายุฝน“ท่านแม่ทัพจะปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นหรือขอรับ ข้าว่าอากาศเริ่มไม่ดีแล้ว”“เจ้าจะไปห่วงนางทำไมกัน ในเมื่อนางปากแข็งไม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเองรู้อยู่แก่ใจแถมยังเสแสร้งอีก ในเมื่อนางอวดดีก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นต่อไป ไม่ว่าจะเกิดพายุโหมกระหน่ำหรือหิมะตกลงมาอย่างบ้าคลั่งก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่หน้าห้องจนกว่าข้าจะได้ยินคำอ้อนวอนยอมแพ้ของนางถึงจะยอมสั่งให้นางเข้าร่ม”ไท่หยางเหลือบตามองไปด้านนอกเห็นสตรีที่ดื้อด้านไม่ยอมเอ่ยคำยอมแพ้ออกมาย

    Last Updated : 2025-04-21
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 11 จับไข้

    บทที่ 11 จับไข้เหลียงอวี้เดินเข้ามาในห้องของไท่หยางเห็นเขายืนอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งทำให้เขาไม่ชอบใจเลยที่สหายเปลี่ยนไปเป็นคนที่เลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้“เรื่องนี้เจ้าทำเกินกว่าเหตุไปแล้ว ทำไมถึงต้องทำกับนางเช่นนี้ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าไม่รักนางหมดใจแล้ว จงปลดปล่อยนางไปเถิดตอนนี้นางเป็นเพียงเชลยอย่างเจ้าว่าไร้ท่านพ่อไร้คนหนุนหลัง นางเปรียบสตรีไร้แขนไร้ขาปล่อยนางไปเสียไม่ดีกว่าหรือ ? แค่มองแววตาของนางยังไงนางก็ไม่คิดหาทางแก้แค้นเจ้าแน่ ดวงตาของนางว่างเปล่าเหมือนคนไร้วิญญาณนางคงแตกสลายไปหมด เจ้าช่วยปลดปล่อยนางหรือส่งตัวนางขายนางให้เป็นทาสเสีย และมีอีกทางหากเจ้าบอกว่าเจ้าแค้นตระกูลนางข้ามีทางเลือกให้เจ้าคือบั่นคอนางเสีย อย่าทำร้ายจิตใจของนางไปมากกว่านี้”“เฮอะ ! องค์ชายท่านช่างรู้ดีจริง ๆ ยังไงข้าก็ไม่ยอมยกนางให้ผู้ใดทั้งนั้น คำพูดของข้าพูดออกไปแล้วไม่คืนคำมิเช่นนั้นข้าจะปกครองทหารหลายพันนายได้ยังไง ที่ข้ายอมปล่อยนางไปวันนี้เพราะเห็นว่าท่านยอมแลกกับยศของท่านแถมยังไม่กลัวแปดเปื้อนไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าองค์ชายสามเหลียงอวี้ปกป้องเชลยศึกของแคว้นหยางอัน ข้าขอให้ท่านรับ

    Last Updated : 2025-04-22
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอ

    บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอร่างบางที่เคยมีใบหน้าอมชมพูผิวขาวราวหยวก บัดนี้ใบหน้าของนางขาวซีดเผือกริมฝีบางแห้งผากซีดจนแทบไม่เหลือความเป็นคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม โดยมีไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ คอยเช็ดตัวให้นางอยู่ไม่ห่าง“นางเป็นเช่นไรบ้าง”“ท่านหมอบอกว่านางทนไม่ได้ที่ร่างกายถูกแดดแล้วมาถูกสายฝนเจ้าค่ะ ทำให้นางรับไม่ไหวจนจับไข้และเอ่อ...ท่านหมอบอกว่าร่างกายของนางด้านในรวมถึงชีพจรอ่อนเหลือเกินเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพไม่ยอมให้นางพักและสั่งลงโทษนางอีกบัดนี้ข้าเกรงว่านางจะลาโลกจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เจ้าเองก็ไม่ต่างจากเหลียงอวี้กล่าวหาว่าข้าเป็นคนผิดสินะที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นหากนางมิใช่บุตรสาวของจางชินหลง เป็นเพราะนางทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนาง ”ไท่หยางเอ่ยจบเดินหันหลังออกจากห้องและยัดกระดาษเทียบยาให้แก่หลวนฮวานไปซื้อที่โรงยา“ช่วยไปจัดการให้ข้าที”“ขอรับ”จิตใจของไท่หยางเริ่มว้าวุ่น เขาทั้งโมโหทั้งเกรี้ยวโกรธแต่เมื่อได้ยินว่านางจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อเขากลับรู้สึกเจ็บลึกที่หัวใจ เขาต้องดีใจมิใช่หรือที่แก้แค้นให้ท่านแม่ได้และทำให้นางเจ็บปวดแต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกใจหายเช่นนี้ได้ ความคิดของเขาเริ่มสับสน

    Last Updated : 2025-04-22
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือ

    บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือเรือนตระกูลฟางสตรีที่งดงามอีกนางที่มีใจรักมั่นคงต่อแม่ทัพหลิวไท่หยาง เฝ้าฝันหาเขาอยู่ทุกวัน วันนี้เป็นวันอากาศดีนางจึงจะเดินทางไปหาแม่ทัพไท่หยางที่จวน ตั้งสองตระกูลเป็นญาติห่าง ๆ แต่ทว่านางไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ ต้องการเป็นสตรีที่ยืนเคียงข้างเขา“คุณหนูฟางหลานซือจะออกเดินทางไปที่จวนท่านแม่ทัพหลิวหรือขอรับ ข้าน้อยจะเตรียมเกี้ยวให้ขอรับ”“ใช่แล้วรีบไปเตรียมก่อนที่แดดจะร้อนไปมากกว่านี้ ” สตรีรูปคิ้วโค้งราวคันศรธนูถือพัดในมือพัดไปพัดมาพร้อมสั่งการบ่าวในเรือนให้ไปเตรียมเกี้ยว“คุณหนูเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้แม่ทัพหลิวพาตัวนางเชลยมาที่จวนด้วยเจ้าค่ะ”“แค่เชลยทำไมข้าต้องใส่ใจด้วย”“มิใช่เช่นนั้นสิเจ้าคะ นางเป็นเชลยก็จริงแต่ก็เคยเป็นสตรีทีท่านแม่ทัพหลิวรักหมดหัวใจ ทั้งสองเคยพูดคุยหารือกันเรื่องงานมงคลด้วย แต่ข้าได้ยินมาว่าครั้นนั้นนางมิได้แสดงตัวตนว่าเป็นบุตรสาวเรือนใดทำให้ท่านแม่ทัพไม่รู้ว่านางเป็นบุตรสาวของศัตรูเจ้าค่ะ” โจวลี่อิงสาวใช้ประจำกายของฟานหลานซือเอ่ยขึ้นเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนายหญิงของตน“อะไรนะ ! แล้วท่านแม่ทัพพานางกลับมาที่จวนทำไมกันหรือว่ายังพิศวาสมัน

    Last Updated : 2025-04-24
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลย

    บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลยดวงตาฟางหลานซือแข็งกร้าวด้วยความโมโหเมื่อถูกอวิ๋นหลิงดูถูกเหยียดหยาม เดินไปกระชากผมของอวิ๋นหลิงตบนางที่ใบหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนเลือดที่ปากของนางไหลซึมออกมา“เจ้าสามหาวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวของท่านเจ้าแคว้นหรือ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่ายามนี้เจ้าเป็นเพียงเชลยไม่มีสิทธิ์มาต่อปากต่อคำกับข้า” เท่านั้นนางยังไม่พอใจเรียกสาวใช้ของตนเองมาจับตัวของอวิ๋นหลิงเอาไว้“โจวลี่อิงเจ้ามาจับตัวของนางเอาไว้และจับมือของนางไว้บนโต๊ะนี่ ดูสิว่าไม่มีมือคอยทำงานเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร” ฟางหลานซือหันไปเจอมีดทำครัวอยู่ตรงนั้นพอดีนางรีบเดินไปคว้ามาฟันที่มือของอวิ๋นหลิง สาวใช้ที่เคยถูกตัดมือยิ้มกริ่มออกมาเมื่ออีกฝ่ายจะโดนเหมือนตนไป๋หนิงซินคุกเข่าลงอ้อนวอนไม่ให้ฟางหลานซือลงมือทำร้ายอวิ๋นหลิง“คุณหนูอย่าทำอย่างนั้นเลย ข้าขอร้องนะเจ้าคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้าไม่ต้องมายุ่ง” ฟางหลานซือหันขวับจ้องมองไป๋หนิงซินดวงตาราวกับปีศาจจนนางต้องหันหน้าหนีด้วยความกลัว อวิ๋นหลิงพยายามปัดป้องไม่ให้ตัวเองโดนทำร้ายแต่ก็ถูกสาวใช้ของฟางหลานซือจับเอาไว้ ยากนักที่นางจะต่อต้านสายตาข

    Last Updated : 2025-04-24
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ    บทที่ 1 แม้แต่วิญญาณของเจ้าล้วนเป็นของข้า

    บทนำชีวิตชาติที่แล้วข้าก็เลือกที่จะฆ่าตัวตายเพราะชีวิตที่ล้มเหลวจากคนที่รักหักหลัง คิดว่าตัวเองได้ชดใช้ความผิดพลาดต่อคุณพ่อจนหมดสิ้น ใครจะคิดว่าเมื่อลืมตาอีกครั้งต้องมาอยู่ในอีกยุคหนึ่งแถมชีวิตไม่ได้ดีไปกว่าเดิมเลย ข้าจึงเลือกที่จะตายอีกครั้ง ชีวิตมืดมนหมดหนทางไม่อยากมีวิตอยู่ แต่ไฉนบุรุษที่น่าเกรงขามกลับไม่อยากให้ข้าตาย และข้าก็ไม่สามารถตายได้หากเขาไม่สั่งการ ตอนนี้ข้าเป็นเชลย เชลยที่เขาทุกข์ทรมานจิตใจของข้าจนมอดไหม้ไม่เหลือชิ้นดี ไม่มีหนทางหนีจากเขาได้เลยแม้ตายไปเขายังปลุกให้ฟื้น ชีวิตของข้าดิ่งลงไปเรื่อย ๆ จนด้านชาไร้ชีวิตเสียงหัวเราะเป็นเช่นไรข้าจำมันไม่ได้เสียแล้ว…นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการของนักเขียนเท่านั้นไม่ได้อ้างอิงตามประวัติศาสตร์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน#สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537บทที่ 1 แม้แต่วิญญาณของเจ้าล้วนเป็นของข้าแสงโคมกระเพื่อมไหวตามสายลมยามราตรี บางคราวสว่างบางคราวรุบหรู่ราวระลอกคลื่นน้ำ ยิ่งตกดึกทั่วทั้งเมืองสวัดเงียบ มีเพียงเสียงกลองตีบอกเวลาดังแว่วมาจากไกล ๆครานั้นเสียงฝีเท้าวิ่งกรู่มายังห้องเจ้าของเรือนอย่างรีบร้อน เสียงเหนื่อ

    Last Updated : 2025-04-17
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 2 เชลยแค้น

    บทที่ 2 เชลยแค้นแต่เดิมมาแล้วสตรีที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยนางคือหญิงสาวในยุคปัจจุบัน ชีวิตของนางเหมือนจะดีมาโดยตลอดมีชายหนุ่มเข้ามาพัวพันจนได้แต่งงานแต่การแต่งงานของนางนั้นผู้เป็นพ่อขัดขวางมาตลอดเพราะไม่ชอบฝ่ายชาย แต่นางก็ดื้อรั้นที่จะแต่งกับเขา เขาเป็นรักแรกรักเดียวของนางทำกับนางเปรียบเสมือนนางเป็นนางฟ้า แต่เมื่อแต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านของนางทำให้นางรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วชายที่นางรักคือลูกชายของบริษัทคู่แข่ง ปลอมตัวหลอกลวงเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะต้องการทำลายบริษัทของนางจนเป็นอย่างที่เขาตั้งใจหวัง บริษัทที่คุณพ่อตั้งใจสร้างมาด้วยความรักล้มละลาย คุณพ่อยากจะรับไหวตัดสินใจฆ่าตัวตาย นางยังคิดเข้าข้างตัวเองคิดว่าเขายังรักนางอยู่ แต่เมื่อไปหาเขาอีกครั้งกลับพบว่าเขานั้นมีคนรักอยู่ก่อนหน้าแล้ว ที่ผ่านมาเขาเพียงแสดงละครเท่านั้น นางกลับมาบ้านที่เงียบเชียบไร้เสียงผู้คนย้อนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเป็นเพราะนางทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ล้มละลายหรือแม้แต่พ่อที่ต้องจบชีวิตตัวเองลง ความปวดร้าวถาโถมทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลง สองเท้าเดินตรงไปที่สะพานแม่น้ำใหญ่ในตัวเมือง นางจ้องมองไปยังท้องฟ้ายามราตรีก่อนจะจ้องมอง

    Last Updated : 2025-04-17

Latest chapter

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลย

    บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลยดวงตาฟางหลานซือแข็งกร้าวด้วยความโมโหเมื่อถูกอวิ๋นหลิงดูถูกเหยียดหยาม เดินไปกระชากผมของอวิ๋นหลิงตบนางที่ใบหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนเลือดที่ปากของนางไหลซึมออกมา“เจ้าสามหาวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวของท่านเจ้าแคว้นหรือ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่ายามนี้เจ้าเป็นเพียงเชลยไม่มีสิทธิ์มาต่อปากต่อคำกับข้า” เท่านั้นนางยังไม่พอใจเรียกสาวใช้ของตนเองมาจับตัวของอวิ๋นหลิงเอาไว้“โจวลี่อิงเจ้ามาจับตัวของนางเอาไว้และจับมือของนางไว้บนโต๊ะนี่ ดูสิว่าไม่มีมือคอยทำงานเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร” ฟางหลานซือหันไปเจอมีดทำครัวอยู่ตรงนั้นพอดีนางรีบเดินไปคว้ามาฟันที่มือของอวิ๋นหลิง สาวใช้ที่เคยถูกตัดมือยิ้มกริ่มออกมาเมื่ออีกฝ่ายจะโดนเหมือนตนไป๋หนิงซินคุกเข่าลงอ้อนวอนไม่ให้ฟางหลานซือลงมือทำร้ายอวิ๋นหลิง“คุณหนูอย่าทำอย่างนั้นเลย ข้าขอร้องนะเจ้าคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้าไม่ต้องมายุ่ง” ฟางหลานซือหันขวับจ้องมองไป๋หนิงซินดวงตาราวกับปีศาจจนนางต้องหันหน้าหนีด้วยความกลัว อวิ๋นหลิงพยายามปัดป้องไม่ให้ตัวเองโดนทำร้ายแต่ก็ถูกสาวใช้ของฟางหลานซือจับเอาไว้ ยากนักที่นางจะต่อต้านสายตาข

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือ

    บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือเรือนตระกูลฟางสตรีที่งดงามอีกนางที่มีใจรักมั่นคงต่อแม่ทัพหลิวไท่หยาง เฝ้าฝันหาเขาอยู่ทุกวัน วันนี้เป็นวันอากาศดีนางจึงจะเดินทางไปหาแม่ทัพไท่หยางที่จวน ตั้งสองตระกูลเป็นญาติห่าง ๆ แต่ทว่านางไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ ต้องการเป็นสตรีที่ยืนเคียงข้างเขา“คุณหนูฟางหลานซือจะออกเดินทางไปที่จวนท่านแม่ทัพหลิวหรือขอรับ ข้าน้อยจะเตรียมเกี้ยวให้ขอรับ”“ใช่แล้วรีบไปเตรียมก่อนที่แดดจะร้อนไปมากกว่านี้ ” สตรีรูปคิ้วโค้งราวคันศรธนูถือพัดในมือพัดไปพัดมาพร้อมสั่งการบ่าวในเรือนให้ไปเตรียมเกี้ยว“คุณหนูเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้แม่ทัพหลิวพาตัวนางเชลยมาที่จวนด้วยเจ้าค่ะ”“แค่เชลยทำไมข้าต้องใส่ใจด้วย”“มิใช่เช่นนั้นสิเจ้าคะ นางเป็นเชลยก็จริงแต่ก็เคยเป็นสตรีทีท่านแม่ทัพหลิวรักหมดหัวใจ ทั้งสองเคยพูดคุยหารือกันเรื่องงานมงคลด้วย แต่ข้าได้ยินมาว่าครั้นนั้นนางมิได้แสดงตัวตนว่าเป็นบุตรสาวเรือนใดทำให้ท่านแม่ทัพไม่รู้ว่านางเป็นบุตรสาวของศัตรูเจ้าค่ะ” โจวลี่อิงสาวใช้ประจำกายของฟานหลานซือเอ่ยขึ้นเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนายหญิงของตน“อะไรนะ ! แล้วท่านแม่ทัพพานางกลับมาที่จวนทำไมกันหรือว่ายังพิศวาสมัน

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอ

    บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอร่างบางที่เคยมีใบหน้าอมชมพูผิวขาวราวหยวก บัดนี้ใบหน้าของนางขาวซีดเผือกริมฝีบางแห้งผากซีดจนแทบไม่เหลือความเป็นคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม โดยมีไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ คอยเช็ดตัวให้นางอยู่ไม่ห่าง“นางเป็นเช่นไรบ้าง”“ท่านหมอบอกว่านางทนไม่ได้ที่ร่างกายถูกแดดแล้วมาถูกสายฝนเจ้าค่ะ ทำให้นางรับไม่ไหวจนจับไข้และเอ่อ...ท่านหมอบอกว่าร่างกายของนางด้านในรวมถึงชีพจรอ่อนเหลือเกินเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพไม่ยอมให้นางพักและสั่งลงโทษนางอีกบัดนี้ข้าเกรงว่านางจะลาโลกจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เจ้าเองก็ไม่ต่างจากเหลียงอวี้กล่าวหาว่าข้าเป็นคนผิดสินะที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นหากนางมิใช่บุตรสาวของจางชินหลง เป็นเพราะนางทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนาง ”ไท่หยางเอ่ยจบเดินหันหลังออกจากห้องและยัดกระดาษเทียบยาให้แก่หลวนฮวานไปซื้อที่โรงยา“ช่วยไปจัดการให้ข้าที”“ขอรับ”จิตใจของไท่หยางเริ่มว้าวุ่น เขาทั้งโมโหทั้งเกรี้ยวโกรธแต่เมื่อได้ยินว่านางจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อเขากลับรู้สึกเจ็บลึกที่หัวใจ เขาต้องดีใจมิใช่หรือที่แก้แค้นให้ท่านแม่ได้และทำให้นางเจ็บปวดแต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกใจหายเช่นนี้ได้ ความคิดของเขาเริ่มสับสน

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 11 จับไข้

    บทที่ 11 จับไข้เหลียงอวี้เดินเข้ามาในห้องของไท่หยางเห็นเขายืนอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งทำให้เขาไม่ชอบใจเลยที่สหายเปลี่ยนไปเป็นคนที่เลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้“เรื่องนี้เจ้าทำเกินกว่าเหตุไปแล้ว ทำไมถึงต้องทำกับนางเช่นนี้ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าไม่รักนางหมดใจแล้ว จงปลดปล่อยนางไปเถิดตอนนี้นางเป็นเพียงเชลยอย่างเจ้าว่าไร้ท่านพ่อไร้คนหนุนหลัง นางเปรียบสตรีไร้แขนไร้ขาปล่อยนางไปเสียไม่ดีกว่าหรือ ? แค่มองแววตาของนางยังไงนางก็ไม่คิดหาทางแก้แค้นเจ้าแน่ ดวงตาของนางว่างเปล่าเหมือนคนไร้วิญญาณนางคงแตกสลายไปหมด เจ้าช่วยปลดปล่อยนางหรือส่งตัวนางขายนางให้เป็นทาสเสีย และมีอีกทางหากเจ้าบอกว่าเจ้าแค้นตระกูลนางข้ามีทางเลือกให้เจ้าคือบั่นคอนางเสีย อย่าทำร้ายจิตใจของนางไปมากกว่านี้”“เฮอะ ! องค์ชายท่านช่างรู้ดีจริง ๆ ยังไงข้าก็ไม่ยอมยกนางให้ผู้ใดทั้งนั้น คำพูดของข้าพูดออกไปแล้วไม่คืนคำมิเช่นนั้นข้าจะปกครองทหารหลายพันนายได้ยังไง ที่ข้ายอมปล่อยนางไปวันนี้เพราะเห็นว่าท่านยอมแลกกับยศของท่านแถมยังไม่กลัวแปดเปื้อนไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าองค์ชายสามเหลียงอวี้ปกป้องเชลยศึกของแคว้นหยางอัน ข้าขอให้ท่านรับ

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง

    บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่งฝั่งด้านเหลียงอวี้หลังจากที่เขากลับมาจากจวนหลิวไท่หยางเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องของจางอวิ๋นหลิง ดวงตาของนางว่างเปล่าใบหน้าอมทุกข์ไร้ชีวิตชีวายิ่งทำให้เขาเป็นห่วงนางจับใจ หากจะคิดหาหนทางช่วยเหลือนางออกมาก็กลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏพาบุตรสาวของศัตรูหลบหนี แต่ก็อดเป็นห่วงนางไม่ไหวตัดสินใจไปหานางที่จวนของแม่ทัพไท่หยาง เขาไม่เชื่อว่าสหายของเขาจะหมดรักนางรวดเร็วป่านนี้เพียงเพราะยามนี้ใจของไท่หยางมีความแค้นต่อพ่อของนางมากกว่าแดดเริ่มแรงเมื่อถึงยามอู่ (11.00) วันนี้อากาศแปรปรวนลมพัดแรงอีกทั้งยังมีเมฆครึ้มจับตัวเป็นก้อน ๆ คล้ายจะมีพายุฝน“ท่านแม่ทัพจะปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นหรือขอรับ ข้าว่าอากาศเริ่มไม่ดีแล้ว”“เจ้าจะไปห่วงนางทำไมกัน ในเมื่อนางปากแข็งไม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเองรู้อยู่แก่ใจแถมยังเสแสร้งอีก ในเมื่อนางอวดดีก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นต่อไป ไม่ว่าจะเกิดพายุโหมกระหน่ำหรือหิมะตกลงมาอย่างบ้าคลั่งก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่หน้าห้องจนกว่าข้าจะได้ยินคำอ้อนวอนยอมแพ้ของนางถึงจะยอมสั่งให้นางเข้าร่ม”ไท่หยางเหลือบตามองไปด้านนอกเห็นสตรีที่ดื้อด้านไม่ยอมเอ่ยคำยอมแพ้ออกมาย

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อย

    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อยพื้นไม้แข็งเย็นยะเยือกแต่ไม่เยือกเย็นเท่ากับสวรรค์ที่ไม่มีความเมตตาต่อความต้องการของนางสักนิด ร่างบางลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนี่มิใช่ศาลารับลมหรือแม้แต่ในแม่น้ำแต่เป็นห้องที่นางอาศัยอยู่ทุกวัน ครานี้ทุกสิ่งอย่างที่นางกวาดตามองมืดสลัวนางนอนไปนานเท่าไหร่กัน นางพยายามนึกคิดว่าตนเองขึ้นจากแม่น้ำมาได้อย่างไร เพียงตอนนั้นสมองยังอื้ออึงได้ยินเพียงเสียงแว่ว ๆ ที่ประโคมต่อว่าปะทะฝีปากต่อเถียงกันเรื่องของนาง“ฟื้นแล้วหรือ” น้ำเสียงที่ดังขึ้นอยู่มุมห้องทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งรีบร้อนลุกขึ้น“ท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร นี่มันห้องนอนของสาวใช้มิใช่หรือ ? ”“ไม่ว่าจะที่ใดที่อยู่ในจวนของข้า ข้าย่อมไปได้ทุกที่” ร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้นางมากกว่า แสงโคมไฟด้านนอกสะท้อนเข้ามาเห็นเงาและแววตาของเขาเพียงชั่วขณะแต่นางสามารถรับรู้สึกรังสีอำมหิตที่ส่งผ่านมายังนาง เขานั่งลงคว้าแขนของนางบีบเต็มแรงจนร่างบางสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดจนส่งเสียงร้องออกมา“โอ้ย !!”“เจ้าเจ็บหรือ ? ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากตายหรือไงกัน... เจ้าว่ายน้ำเป็นแท้ ๆ แต่กลับไม่ว่ายขึ้นมาข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่ให้เจ้าตายง่าย ๆ จนกว่าข้าจะ

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 8 นางเพียงเสแสร้ง

    บทที่ 8 นางเพียงเสแสร้งครานั้นอวิ๋นหลิงเดินตามหลังของหลวนฮวานจนมาถึงศาลารับลม เหลียงอวี้สายตาจ้องมองไปยังนางตอนนี้ไม่มีเค้าสตรีบุตรสาวขุนนางเสียแล้ว ใบหน้าที่เคยงดงามแจ่มใสเต็มไปด้วยเครื่องประทิ่นบนใบหน้าให้ชวนมอง บัดนี้มีเพียงใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากแห้งแตก ดวงตาหมองคล้ำคล้ายคนที่ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ไร้ชีวิตชีวาเสมือนร่างไร้จิตวิญญาณ“นางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ เจ้าไม่เจ็บปวดบ้างหรือที่จ้องมองใบหน้าของนาง”“ข้านะหรือจะเจ็บปวด ไม่! ข้ามีเพียงแต่ความแค้นเท่าที่รอวันสะสางไปทีละนิด”“ท่านแม่ทัพข้าพาอวิ๋นหลิงมาแล้วขอรับ”“มาแล้วหรือ ? เจ้ามานี่สิคิดว่าสองวันมานี้ข้าไม่สั่งงานเจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าใช้ชีวิตสุขสบายหรอกนะ ! นั่นเห็นดอกบัวในบึงนั่นหรือไม่ ? ข้าอยากได้มันเพื่อไปไหว้ป้ายชื่อท่านแม่ลงไปเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้” ปลายนิ้วของเขาชี้ไปที่ดอกบัวที่ออกดอกอยู่กลางบึงทันที่ที่อวิ๋นหลิงเห็นนางเริ่มใจสั่นเพราะนางว่ายน้ำไม่เป็นแต่หากเป็นเช่นนี้ก็ดีเช่นกันมิใช่หรือ ? นางจะได้ตายสมใจหวังและเป็นเขาเองที่เป็นคนสั่งให้นางทำ“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบลงไปเอามาให้เดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเบาหวิวคล้ายคนหมดแรงจนเหลี

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 7 ผู้เดียวที่รังแกนางได้คือข้า

    บทที่ 7 ผู้เดียวที่รังแกนางได้คือข้า“ข้ามากกว่าที่ต้องเป็นผู้ที่ถามเกิดอะไรขึ้น” สายตาของเขาเหลือบไปมองร่างกายและใบหน้าของจางอวิ๋นหลิงนัยน์ตาเริ่มเข็งกราวกัดฟันกรามเอ่ยถามสาวใช้ที่กล้าใช้มือสกปรกทำร้ายนาง“เอ่อ.. นางเชลยผู้นี้ไม่ตั้งใจทำงานเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่สอนงานให้นางเท่านั้นนางเคยเป็นคุณหนูสตรีผู้สูงส่งคงไม่เก่งเรื่องงานเช่นนี้ แต่ผู้ใดจะคิดว่านางจะกล้าโต้เถียงและไม่ยอมทำตามที่ข้าสอนเจ้าค่ะ ดูผ้าพวกนี้สิเจ้าคะนางบอกว่านางจัดการเสร็จแล้วแต่ยังมีเศษดินหลงเหลืออยู่ ข้าจึงให้นางซักใหม่แต่ใครจะคิดว่านางจะโมโหจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกับข้าเจ้าค่ะ”“เป็นเช่นนั้นหรือ? หลวนฮวานจัดการจับตัวนางและจับมือของนางวางลงบนท่อนไม้นี้” หลวนฮวานพยักหน้าเดินมาด้านหลังของอวิ๋นหลิง ไป๋หนิงซินรีบพูดขึ้นมากลัวว่าท่านแม่ทัพจะลงโทษผิดคน“ท่านแม่ทัพมิใช่อย่างที่นางเอ่ยออกมานะเจ้าคะ นางโกหก”“ไป๋หนิงซินข้ามิได้ขอความเห็นเจ้าและไม่ได้ให้เจ้าเอ่ยอันใดหุบปากไปเสีย” ไป๋หนิงซินจ้องมองอวิ๋นหลิงใบหน้าเริ่มเศร้าหมองที่ตนช่วยอันใดนางมิได้เลย แต่ทว่าอวิ๋นหลิงกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลย จ้องมองประสานตากับไท่หยางอย่างแน่วแน่ครา

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 6 ถูกกลั่นแกล้ง

    บทที่ 6 ถูกกลั่นแกล้งค่ำคืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกินเมื่อความทรงจำปะทุราวกับสายน้ำ ซ้ำเติมหัวใจที่ว่างเปล่าของอวิ๋นหลิงนางร่ำไห้หลับไปทั้งน้ำตาเช้าวันต่อมาเปลือกตาของอวิ๋นหลิงหนักอึ้งแต่เหมือนว่านางเคยชินเพราะไม่มีวันไหนที่นางไม่หลับไปทั้งน้ำตา มีสิ่งที่เปลี่ยนไปคือคำสั่งของไท่หยางที่สั่งการลงมาต่อจากนี้เขาไม่ให้นางไปปรนนิบัติเช่นเคยแต่ให้นางไปทำงานที่หลังจวนแทนนั่นคือการซักผ้า เหมือนจะเป็นงานสบายแต่ก็หนักหนาสำหรับนางอยู่มากจางอวิ๋นหลิงมิได้เอ่ยปากบ่นแต่อย่างไร อย่างน้อยก็ดีกว่าการให้นางไปพบเจอไท่หยางนางเดินตามแม่บ้านซูเป็นผู้ดูแลหลังจวนและคอยสั่งงานให้สาวใช้แต่ละคนได้ทำ ทว่าไป๋หนิงซินมิได้มาทำงานเช่นเดียวกันนางเพราะงานของนางคืออยู่ในโรงครัว แม้จะห่วงอวิ๋นหลิงแต่ก็ขัดคำสั่งของท่านแม่ทัพมิได้ แม่บ้านซูพาอวิ๋นหลิงเดินมาถึงธารน้ำหลังจวนเป็นสถานที่ไว้สำหรับซักผ้า น้ำใสจนเห็นแผ่นหินเสียงน้ำไหลผ่านเมื่อได้ยินทำให้จิตใจของนางเริ่มสงบไม่ขุ่นมัวหัวใจ“งานของเจ้าคือการซักผ้าพวกนี้ รีบทำเสียก่อนที่แสงแดดของวันจะหมดลง ข้าขอกำชับเจ้าอีกอย่างอย่าคิดแม้แต่จะกระโดดน้ำหนีเพื่อปลิดชีพตนเองเพราะสิ่งนั้น

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status