Beranda / รักโบราณ / เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ / บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง

Share

บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง

Penulis: วริษา
last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-21 20:18:46

บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง

ฝั่งด้านเหลียงอวี้หลังจากที่เขากลับมาจากจวนหลิวไท่หยางเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องของจางอวิ๋นหลิง ดวงตาของนางว่างเปล่าใบหน้าอมทุกข์ไร้ชีวิตชีวายิ่งทำให้เขาเป็นห่วงนางจับใจ หากจะคิดหาหนทางช่วยเหลือนางออกมาก็กลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏพาบุตรสาวของศัตรูหลบหนี แต่ก็อดเป็นห่วงนางไม่ไหวตัดสินใจไปหานางที่จวนของแม่ทัพไท่หยาง เขาไม่เชื่อว่าสหายของเขาจะหมดรักนางรวดเร็วป่านนี้เพียงเพราะยามนี้ใจของไท่หยางมีความแค้นต่อพ่อของนางมากกว่า

แดดเริ่มแรงเมื่อถึงยามอู่ (11.00) วันนี้อากาศแปรปรวนลมพัดแรงอีกทั้งยังมีเมฆครึ้มจับตัวเป็นก้อน ๆ คล้ายจะมีพายุฝน

“ท่านแม่ทัพจะปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นหรือขอรับ ข้าว่าอากาศเริ่มไม่ดีแล้ว”

“เจ้าจะไปห่วงนางทำไมกัน ในเมื่อนางปากแข็งไม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเองรู้อยู่แก่ใจแถมยังเสแสร้งอีก ในเมื่อนางอวดดีก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นต่อไป ไม่ว่าจะเกิดพายุโหมกระหน่ำหรือหิมะตกลงมาอย่างบ้าคลั่งก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่หน้าห้องจนกว่าข้าจะได้ยินคำอ้อนวอนยอมแพ้ของนางถึงจะยอมสั่งให้นางเข้าร่ม”

ไท่หยางเหลือบตามองไปด้านนอกเห็นสตรีที่ดื้อด้านไม่ยอมเอ่ยคำยอมแพ้ออกมายิ่งทำให้เขาโมโหมากกว่าเดิม เพียงแค่คำเดียวนางยังทำไม่ได้จะรักศักดิ์ศรีไปถึงไหน

‘เพียงศักดิ์ศรีจะรักไปทำไมในเมื่อชีวิตของเจ้าเจ้ายังไม่รักอยากตายหนีข้าในทุกเมื่อที่มีโอกาส’ ไท่หยางคิดในใจก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีไปที่ห้องอ่านตำราเขาจะรอจนกว่าได้ยินคำอ้อนวอนของอวิ๋นหลิงถึงจะพอใจ

เวลาผ่านไปไม่นานจู่ ๆ ลมพัดกระโชกแรงฝุ่นฟุ้งกระจายท้องฟ้ามืดครึมที่แต่อวิ๋นหลิงไม่แม้แต่จะรู้สึกกลัว

“วันนี้อากาศคงจะช่วยข้าไม่ให้ข้าได้ตากแสงแดดทั้งวัน หากเป็นเช่นนี้วันนี้ข้าคงไม่สลบไปเช่นดั่งวันนั้น” นางเอ่ยพึมพำก่อนจะก้มหน้าลงต่ำเช่นเดิม

ทว่า 2 ยามผ่านไปท้องฟ้าไร้แสงแดดมีเพียงก้อนเมฆปกคลุมท้องฟ้าเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาไม่แรงนัก หลวนฮวานเห็นอาการไม่ดีจึงได้รีบเดินไปแจ้งท่านแม่ทัพไท่หยางอีกครั้ง ใบหน้าของอวิ๋นหลิงแดงออกไหม้จากแสงแดดหากสตรีนางนี้ถูกน้ำฝนตกใส่นางอาจจะจับไข้ได้

“ท่านแม่ทัพยามนี้ท้องฟ้าเริ่มมีฝนโปรยปราย ได้โปรดสั่งการให้นางกลับไปพักเถอะขอรับข้าเกรงว่านางจะจับไข้เอาได้ยิ่งร่างกายของนางอ่อนแออยู่ด้วย” ไท่หยางวางตำราลงจ้องมองไปนอกหน้าต่างแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

“เจ้าจะสนใจไปใยนางเป็นเพียงเชลยไม่มีความสำคัญต่อข้า ข้าบอกแล้วอย่างไรต่อให้ฟ้าจะทล่มลงมาหากนางยังไม่เอ่ยปากออกมาแม้แต่คำเดียวก็ปล่อยให้นางอยู่เช่นนั้น” หลวนฮวานประสานมือก้มหัวลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปที่หน้าตำหนักครานั้นเห็นไป๋หนิงซินกำลังเดินไปหาอวิ๋นหลิงและเกลี้ยกล่อมให้นางยอมรับและเอ่ยปากอ้อนวอนต่อท่านแม่ทัพ

“อวิ๋นหลิงยามนี้ฝนเริ่มลงเม็ดมาแล้วเจ้ารีบขอโทษและอ้อนวอนต่อท่านแม่ทัพเสียเถอะ อย่าได้ปากแข็งและรักศักดิ์ศรีเลย ”

“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมข้าต้องขอโทษด้วยเล่า ในเมื่อเขาต้องการให้ข้านั่งอยู่เช่นนี้ข้าจะไม่ยอมลุกจนกว่าเขาจะพึงพอใจ เจ้าก็รู้นี่ยังไงนายท่านของเจ้าไม่ยอมปล่อยข้าไปง่าย ๆ เขาไม่ยอมให้ข้าตายง่าย ๆ หรอกเจ้ามิต้องเป็นห่วงกลับไปที่ห้องเถิดเดี๋ยวเจ้าจะเปียกเอา” ริมฝีปากแห้งผากตอบกลับไป๋หนิงซินด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ไป๋หนิงซินส่ายหัวไปมาไม่เข้าใจทั้งสองคนนี่เลย ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางจะทำอะไรได้นอกจากลุกขึ้นและเดินจากไปก่อนจะเดินจากไปนางได้หันมาพูดกับอวิ๋นหลิงหนึ่งประโยค

“ข้าหวังว่าสิ่งที่เจ้าต้องการจะมาถึงในเร็ววัน ข้าไม่อยากเห็นเจ้าต้องเจ็บปวดอีกต่อไปในเมื่อสิ่งนั้นคือความปรารถนาของเจ้า แต่ใจจริงของข้าไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนี้เลยแม้แต่น้อย” อวิ๋นหลิงยิ้มจาง ๆ ให้ไป๋หลินซินพลางจ้องมองแผ่นหลังของนางจนกระทั่งฝนเริ่มลงเม็ดใหญ่กว่าเดิมอีกทั้งยังมีลมแรงกระหน่ำมา ทำให้ร่างกายที่ถูกแดดมาครึ่งวันเริ่มหนาวสั่นถึงกระดูก นางเงยหน้ามองท้องฟ้าน้ำฝนหล่นลงบนใบหน้า นางมีหรือจะกลั่นอารมณ์ยามนั้นไหว ขนาดท้องฟ้ายังร่ำไห้อวิ๋นหลิงสะอึกสะอื้นน้อยใจโชคชะตาและเจ็บปวดในสิ่งที่กำลังถูกกระทำอยู่เช่นนี้

ครั้นนั้นสายฝนใกล้ตัวนางกลับหยุดลงนางคิดว่าฝนหยุดตกแต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ฝนยังคงตกและตกมากกว่าแรงด้วยซ้ำ

“เกิดอะไรขึ้นทำไมเจ้าถึงได้มานั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องของไท่หยางทั้ง ๆ ที่ฝนตกเช่นนี้ เจ้าไม่รักตนเองเลยหรือไง หรือเพราะว่าไท่หยางลงโทษเจ้าอีกแล้วสินะ ข้ารู้ว่าเจ้าเจ็บปวดแต่อย่างทำเช่นนี้เลยลุกขึ้นเถิด ข้าจะช่วยพูดกับไท่หยางเอง” เส้นเลือดปูดบวมในมือกำร่มคันเล็กยื่นมาปิดบังน้ำฝนไม่ให้โดนตัวของอวิ๋นหลิง น้ำเสียงเกรี้ยวกราดจ้องมองลงมายังนางที่นั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางสายฝน ตอนที่เขามาถึงหน้าจวนของไท่หยางเริ่มเห็นว่าท้องฟ้าอึกครึ้ม

เขาเดินมาเรื่อย ๆ ได้ยินเสียงพูดคุยของสาวใช้กำลังพูดถึงเรื่องของเชลย เขารีบเข้าไปถามและได้รู้ว่าตอนนี้นางถูกลงโทษให้นั่งคุกเข่าตั้งแต่ช่วงเช้ามืด จนถึงตอนนี้แม้แต่น้ำหยดเดียวก็ไม่ให้นางได้กิน ทำให้เขาโมโหเพราะเมื่อวานนางพึ่งผ่านความเป็นความตายมา แม้จะรู้ว่าสหายจะเสียใจและเจ็บแค้นเพียงใด แต่ทำถึงเพียงนี้มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยหรือ ? ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ แน่ต่อให้ต้องตัดขาดกับสหายรักเขาก็จะยอม

“อย่าเลยเพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้องค์ชายต้องผิดใจกับสหายของท่าน ความหนาวเหน็บหรือแม้แต่ความทุกข์ทรมานที่หม่อมฉันพบเจอคงยังไม่สาสมแก่ใจของท่านแม่ทัพ อีกอย่างหม่อมฉันเป็นเชลยต่อให้ต้องนั่งตากแดดตากฝนอยู่เช่นนี้สามวันสามคืนหม่อมฉันก็มิอาจขดคำสั่งได้ อีกอย่างหม่อมลำบากมามากพอแล้วหากจะเป็นการดีถ้าสวรรค์ได้ยินคำอ้อนวอนให้หม่อมฉันและให้ร่างกายรับไม่ไหวจับไข้จนหมดลมหายใจท่ามกลางสายฝนในครั้งนี้ หม่อมฉันเหนื่อยเหลือเกินเพคะ” เสียงสั่นสะอื้นนัยน์ตาคลอแดงความเจ็บปวดของนางและความขมขื่นที่นางพบเจอส่งผ่านคำพูดและแววตาของนางจนหมด ทำให้เหลียงอวี้มิอาจจะทนดูได้ตะโกนออกมาเสียงดัง

“ข้าองค์ชายสามเหลียงอวี้ขอสั่งให้เชลยนางนี้ลุกขึ้นกลับห้องพัก ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งของผู้ใดที่สั่งลงโทษนางหากผู้ใดขัดคำสั่งข้าเท่ากับดูหมิ่นไม่ฟังคำพูดของเชื้อพระวงศ์ถือว่าตั้งตนเป็นกบฏกับข้าทันที ” เสียงน่าเกรงขามดังขึ้นทหารที่อยู่แถวนั้นเริ่มมองหน้ากันไปมา ไม่ว่าจะทางไหนเขาก็ไม่อยากจะขัดคำสั่งเพราะกลัวถูกลงโทษ

ครานั้นไท่หยางได้ยินเสียงดังเอะอะแข่งกับเสียงของสายฝนเขาเดินออกมาเห็นเหลียงอวี้ยืนถือร่มให้อวิ๋นหลิงและคำพูดของเขาเมื่อครู่ เขาได้ยินชัดเจนพยักหน้าให้ทหารยอมทำตามคำสั่งขององค์ชายสาม เขาจ้องมองไปยังร่างกายที่เปียกโชกราวกับไก่ต้มใบหน้าแดงจากแดดไหม้แต่ก็ซีดขาวไร้เลือดฝาดตัวสั่นเทาในร่มใต้เงาของเหลียงอวี้

“ผู้ใดจะกล้าขัดคำสั่งขององค์ชายสามกันเล่า ข้าจะยอมยกโทษครั้งนี้ให้แก่นางเพราะเห็นแก่องค์ชายก็แล้วกัน เชิญท่านเข้ามาด้านในก่อนเถอะส่วนเจ้าคงยังมีเรี่ยวแรงเดินกลับห้องอย่ามาโอดครวญทำเป็นไร้เรี่ยวแรงให้ผู้ใดสงสารอีก ” อวิ๋นหลิงเงยหน้าไปสบตากับไท่หยางใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทำให้ใจของเขาสั่นไหวและเจ็บจี้ดที่กลางหน้าอกรีบหันหน้าหนีนางและเดินเข้าห้อทันที

“กลับไปที่ห้องอย่าลืมกินยาด้วยล่ะ เปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ของเจ้าและนอนพักเรื่องวันนี้เจ้ามิต้องคิดมากและกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้แก่ข้า ข้าเต็มใจช่วยเหลือเจ้าเสมอ” น้ำเสียงอ่อนนุ่มแววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเอ่ยกับอวิ๋นหลิงทำให้นางอบอุ่นหัวใจอย่างน้อยในชีวิตครั้งนี้มีคนที่ใจดีกับนางอยู่บ้าง นางพยักหน้าลุกขึ้นยอบตัวลงเพื่อขอบคุณน้ำใจไมตรีของเขาในครั้งนี้และครั้งที่แล้ว

“ไม่ว่าจะเป็นเมื่อวานหรือวันนี้ล้วนเป็นท่านที่ยื่นมือช่วยเหลือหม่อมฉัน หม่อมฉันจะจดจำใส่ใจเอาไว้มิขอลืมเพคะ”

“ตอนนี้เจ้าติดหนี้บุญคุณข้าแล้ว หากเจ้าอยากตอบแทนข้าอยากให้เจ้าเลิกมีแววตาที่หมองหม่นโศกเศร้าและชีวิตต่อจากนี้ให้มีความสุขแม้ว่าเจ้าจะเป็นเชลยก็ตาม ข้าสัญญาข้าจะหาทางช่วยเหลือเจ้าออกจากจวนแห่งนี้เอง ” เพียงได้ยินคำปลอบโยนราวกับว่าเขามอบชีวิตใหม่ให้แก่นาง หากเขาทำเช่นนั้นได้นางจะเปลี่ยนความคิดใหม่ และพยายามรักษาชีวิตให้อยู่รอดจนกว่าองค์ชายสามจะช่วยนางออกไปจากที่นี่ หากออกไปได้เมื่อไหร่นางจะขอใช้ชีวิตอยู่เงียบ ๆ ทำราวไม่มีตัวตนอีกเลย ในเมื่อการตายมันยากนักต่อจากนี้นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไป

“หากทำได้ชั่วชีวิตนี้ข้าก็ไม่ต้องการอะไรแล้วเพคะ หม่อมฉันหวังว่าวันนั้นจะมาถึงในเร็ววัน และข้าจะรักษาชีวิตรอวันที่ท่านช่วยปลดปล่อยข้าออกไปได้นะเพคะ” นางยอบตัวลงก่อนจะเดินจากเหลียงอวี้นางยิ้มจาง ๆ ให้เขารู้ว่านางเริ่มเปลี่ยนใจและอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ทำให้เขาเริ่มรู้สึกดีใจและมีกำลังใจที่จะทำให้นางต่อจากนี้ไม่ว่าจะวิธีใดเขาจะช่วยนางสุดกำลัง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 11 จับไข้

    บทที่ 11 จับไข้เหลียงอวี้เดินเข้ามาในห้องของไท่หยางเห็นเขายืนอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งทำให้เขาไม่ชอบใจเลยที่สหายเปลี่ยนไปเป็นคนที่เลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้“เรื่องนี้เจ้าทำเกินกว่าเหตุไปแล้ว ทำไมถึงต้องทำกับนางเช่นนี้ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าไม่รักนางหมดใจแล้ว จงปลดปล่อยนางไปเถิดตอนนี้นางเป็นเพียงเชลยอย่างเจ้าว่าไร้ท่านพ่อไร้คนหนุนหลัง นางเปรียบสตรีไร้แขนไร้ขาปล่อยนางไปเสียไม่ดีกว่าหรือ ? แค่มองแววตาของนางยังไงนางก็ไม่คิดหาทางแก้แค้นเจ้าแน่ ดวงตาของนางว่างเปล่าเหมือนคนไร้วิญญาณนางคงแตกสลายไปหมด เจ้าช่วยปลดปล่อยนางหรือส่งตัวนางขายนางให้เป็นทาสเสีย และมีอีกทางหากเจ้าบอกว่าเจ้าแค้นตระกูลนางข้ามีทางเลือกให้เจ้าคือบั่นคอนางเสีย อย่าทำร้ายจิตใจของนางไปมากกว่านี้”“เฮอะ ! องค์ชายท่านช่างรู้ดีจริง ๆ ยังไงข้าก็ไม่ยอมยกนางให้ผู้ใดทั้งนั้น คำพูดของข้าพูดออกไปแล้วไม่คืนคำมิเช่นนั้นข้าจะปกครองทหารหลายพันนายได้ยังไง ที่ข้ายอมปล่อยนางไปวันนี้เพราะเห็นว่าท่านยอมแลกกับยศของท่านแถมยังไม่กลัวแปดเปื้อนไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าองค์ชายสามเหลียงอวี้ปกป้องเชลยศึกของแคว้นหยางอัน ข้าขอให้ท่านรับ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-22
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอ

    บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอร่างบางที่เคยมีใบหน้าอมชมพูผิวขาวราวหยวก บัดนี้ใบหน้าของนางขาวซีดเผือกริมฝีบางแห้งผากซีดจนแทบไม่เหลือความเป็นคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม โดยมีไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ คอยเช็ดตัวให้นางอยู่ไม่ห่าง“นางเป็นเช่นไรบ้าง”“ท่านหมอบอกว่านางทนไม่ได้ที่ร่างกายถูกแดดแล้วมาถูกสายฝนเจ้าค่ะ ทำให้นางรับไม่ไหวจนจับไข้และเอ่อ...ท่านหมอบอกว่าร่างกายของนางด้านในรวมถึงชีพจรอ่อนเหลือเกินเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพไม่ยอมให้นางพักและสั่งลงโทษนางอีกบัดนี้ข้าเกรงว่านางจะลาโลกจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เจ้าเองก็ไม่ต่างจากเหลียงอวี้กล่าวหาว่าข้าเป็นคนผิดสินะที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นหากนางมิใช่บุตรสาวของจางชินหลง เป็นเพราะนางทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนาง ”ไท่หยางเอ่ยจบเดินหันหลังออกจากห้องและยัดกระดาษเทียบยาให้แก่หลวนฮวานไปซื้อที่โรงยา“ช่วยไปจัดการให้ข้าที”“ขอรับ”จิตใจของไท่หยางเริ่มว้าวุ่น เขาทั้งโมโหทั้งเกรี้ยวโกรธแต่เมื่อได้ยินว่านางจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อเขากลับรู้สึกเจ็บลึกที่หัวใจ เขาต้องดีใจมิใช่หรือที่แก้แค้นให้ท่านแม่ได้และทำให้นางเจ็บปวดแต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกใจหายเช่นนี้ได้ ความคิดของเขาเริ่มสับสน

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-22
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือ

    บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือเรือนตระกูลฟางสตรีที่งดงามอีกนางที่มีใจรักมั่นคงต่อแม่ทัพหลิวไท่หยาง เฝ้าฝันหาเขาอยู่ทุกวัน วันนี้เป็นวันอากาศดีนางจึงจะเดินทางไปหาแม่ทัพไท่หยางที่จวน ตั้งสองตระกูลเป็นญาติห่าง ๆ แต่ทว่านางไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ ต้องการเป็นสตรีที่ยืนเคียงข้างเขา“คุณหนูฟางหลานซือจะออกเดินทางไปที่จวนท่านแม่ทัพหลิวหรือขอรับ ข้าน้อยจะเตรียมเกี้ยวให้ขอรับ”“ใช่แล้วรีบไปเตรียมก่อนที่แดดจะร้อนไปมากกว่านี้ ” สตรีรูปคิ้วโค้งราวคันศรธนูถือพัดในมือพัดไปพัดมาพร้อมสั่งการบ่าวในเรือนให้ไปเตรียมเกี้ยว“คุณหนูเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้แม่ทัพหลิวพาตัวนางเชลยมาที่จวนด้วยเจ้าค่ะ”“แค่เชลยทำไมข้าต้องใส่ใจด้วย”“มิใช่เช่นนั้นสิเจ้าคะ นางเป็นเชลยก็จริงแต่ก็เคยเป็นสตรีทีท่านแม่ทัพหลิวรักหมดหัวใจ ทั้งสองเคยพูดคุยหารือกันเรื่องงานมงคลด้วย แต่ข้าได้ยินมาว่าครั้นนั้นนางมิได้แสดงตัวตนว่าเป็นบุตรสาวเรือนใดทำให้ท่านแม่ทัพไม่รู้ว่านางเป็นบุตรสาวของศัตรูเจ้าค่ะ” โจวลี่อิงสาวใช้ประจำกายของฟานหลานซือเอ่ยขึ้นเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนายหญิงของตน“อะไรนะ ! แล้วท่านแม่ทัพพานางกลับมาที่จวนทำไมกันหรือว่ายังพิศวาสมัน

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-24
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลย

    บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลยดวงตาฟางหลานซือแข็งกร้าวด้วยความโมโหเมื่อถูกอวิ๋นหลิงดูถูกเหยียดหยาม เดินไปกระชากผมของอวิ๋นหลิงตบนางที่ใบหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนเลือดที่ปากของนางไหลซึมออกมา“เจ้าสามหาวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวของท่านเจ้าแคว้นหรือ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่ายามนี้เจ้าเป็นเพียงเชลยไม่มีสิทธิ์มาต่อปากต่อคำกับข้า” เท่านั้นนางยังไม่พอใจเรียกสาวใช้ของตนเองมาจับตัวของอวิ๋นหลิงเอาไว้“โจวลี่อิงเจ้ามาจับตัวของนางเอาไว้และจับมือของนางไว้บนโต๊ะนี่ ดูสิว่าไม่มีมือคอยทำงานเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร” ฟางหลานซือหันไปเจอมีดทำครัวอยู่ตรงนั้นพอดีนางรีบเดินไปคว้ามาฟันที่มือของอวิ๋นหลิง สาวใช้ที่เคยถูกตัดมือยิ้มกริ่มออกมาเมื่ออีกฝ่ายจะโดนเหมือนตนไป๋หนิงซินคุกเข่าลงอ้อนวอนไม่ให้ฟางหลานซือลงมือทำร้ายอวิ๋นหลิง“คุณหนูอย่าทำอย่างนั้นเลย ข้าขอร้องนะเจ้าคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้าไม่ต้องมายุ่ง” ฟางหลานซือหันขวับจ้องมองไป๋หนิงซินดวงตาราวกับปีศาจจนนางต้องหันหน้าหนีด้วยความกลัว อวิ๋นหลิงพยายามปัดป้องไม่ให้ตัวเองโดนทำร้ายแต่ก็ถูกสาวใช้ของฟางหลานซือจับเอาไว้ ยากนักที่นางจะต่อต้านสายตาข

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-24
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 15 เสนาบดีจื่อเหมา

    บทที่ 15 เสนาบดีจื่อเหมาเสียงหัวเราะคิกคักในห้องโถงเสียงดังมาถึงข้างนอกราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นไท่หยางก้าวเท้าเข้าไปด้านในเห็นเสนาบดีจื่อเหมาผู้ที่อ้วนถ้วนใบหน้าแก่ชราเครารุงรังเต็มใบหน้านี่หรือบุรุษที่มากรักไม่มีส่วนใดที่น่าหลงไหลเลยมีเพียงอำนาจเงินเท่านั้นที่ทำให้ผู้หญิงวิ่งเข้าหาเขาเพราะหวังสุขสบาย“ท่านใต้เท้าจื่อเหมาท่านมาที่นี่ไม่บอกไม่กล่าวข้าล่วงหน้าทำให้ข้าไม่ได้ต้อนรับเป็นอย่างดีข้าต้องขออภัยด้วยขอรับ” ไท่หยางประสานมือไปข้างหน้าโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย ใต้เท้าเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่มก่อนจะผายมือให้ไท่หยางมานั่งที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ ราวกับที่นี่คือเรือนของตน“มิต้องมากพิธีข้าเดินทางผ่านมาเท่านั้นจึงแวะทักทายท่านแม่ทัพ ฟางหลานซือหลานสาวข้านะสิคะยั้นคะยออยากมาหาท่านเพราะความคิดถึง” ฟางหลานซือยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะลุกขึ้นยอบตัวลงคารวะไท่หยาง“ข้าคิดถึงท่านแม่ทัพมากเพียงแค่ผ่านจวนของท่านหากไม่ได้แวะข้าคงนอนไม่หลับ เรื่องนี้ทำให้ท่านแม่ทัพที่มีงานจนล้นมือต้องลำบากต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ”“เรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ข้าเสียเวลาหรอก นั่งลงเถิดอีกไม่นานสาวใช้คงนำน้ำชาพร้อมกับขนม

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-25
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 16 แหลกสลาย

    บทที่ 16 แหลกสลายยามซวี (19.00)ที่ห้องโถงยังคงมีเสียงดังเอะอะเสียงหัวเราะของเสนาบดีที่พูดถูกคอกับท่านแม่ทัพไท่หยาง จนท้องฟ้ามืดสลัวสาวใช้ในห้องครัวเริ่มยกสำรับอาหารมาจัดแจงเพื่อต้อนรับแขกของท่านแม่ทัพ อาหารมากมายอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมดทว่ายามนี้ฟางหลานซือกลับเรือนไปก่อนหน้าแล้วเพราะสิ่งที่นางต้องการคือการพาท่านอามาที่จวนของไท่หยางและต้องการให้ท่านอาได้พบเจอกับอวิ๋นหลิงต่อจากนี้นางคงต้องให้ท่านอาจัดการต่อ ส่วนตัวนางแสร้งทำเป็นสตรีที่ดีกลับเรือนก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด“ท่านใต้เท้าเชิญดื่มด่ำกับอาหารของจวนข้าเต็มที่นะขอรับ ข้าจะไปแจ้งให้ทหารของข้าพาตัวนางเชลยไปรอท่านอยู่ที่ห้อง กินเยอะ ๆ นะขอรับจะได้มีแรงไว้เล่นกับนางทั้งคืน”“ฮ่า ฮ่า ท่านแม่ทัพนี่ร้ายไม่เบาจริง ๆ รู้ใจข้ายิ่งนักข้าละชอบท่านจริง ๆ ไม่ปิดบังความรู้สึก รู้สึกอะไรเอ่ยมาเช่นนั้น นี่สินะที่ปกครองทหารนับพันนาย ข้านับถือท่านจริงๆ ”เสนาบดีอ้วนท้วนรีบคว้าตะเกียบคีบกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างเร่งรีบเพราะเขารอเวลาที่จะเชยชมหญิงงามไม่ไหวแล้วฝั่งด้านอวิ๋นหลิงยามนี้นางอาบน้ำล้างกายสวมอาภรณ์เตรียมตัวนอนเพราะงานของนางเสร็จสิ้นแล้วทว่าเมื่อเข

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-25
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 17 อับอาย

    บทที่ 17 อับอายก่อนจะออกไปส่งใต้เท้าจื่อเหมาไท่หยางหันหน้าไปมองพร้อมกระพริบตาให้แก่หลวนฮวานพาอวิ๋นหลิงกลับไปที่ห้องพักของนาง หลวนฮวานพยักหน้าน้อมรับคำสั่งของนายท่านอุ้มร่างอวิ๋นหลิงไปที่ห้องของนางฝั่งด้านไป๋หนิงซินนางเป็นห่วงอวิ๋นหลิงจนนั่งไม่ติดพื้นเดินไปเดินมาทั่วห้องครานั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมา นางรีบเปิดประตูออกไปดูเห็นสภาพของอวิ๋นหลิงรีบเอ่ยถามทันที“เกิดอะไรขึ้นทำไมนางถึงอยู่ในสภาพนี้”“เจ้าอย่าพึ่งเอ่ยถาม รีบเปิดประตูเถิดและช่วยหาอาภรณ์ของนางมาสวมให้นางเร็วเข้า” ไป๋หนิงซินพยักหน้ารีบเดินเข้าไปยามนั้นเองอวิ๋นหลิงตั้งสติได้นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแผ่วเบา“มิต้องไป๋หนิงซินข้าทำเองได้ หลวนฮวานปล่อยข้าลงเถิดมิต้องเป็นห่วงข้า ข้ามิได้เป็นอันใด”“หากเจ้าประสงค์เช่นนั้นข้าจะปล่อยเจ้าลง อย่างไรก็ให้ไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ เจ้าเถิด” หลวนฮวานก้มมองสตรีในอ้อมแขนรีบวางนางลงให้ก้าวเดินเอาเอง“ยามนี้ข้าตัดสินใจเลือกอันใดเองได้ด้วยหรือ ? เพราะไม่ว่าอย่างไรการกระทำของข้าก็ถูกนายของพวกเจ้าควบคุมบงการทุกอย่างเสมือนลูกไก่ในกำมืออยู่แล้ว” ความเจ็บปวดคล้ายมีมีดเฉือนเนื้อหนังบางส่วนออกจากร

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-25
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ    บทที่ 1 แม้แต่วิญญาณของเจ้าล้วนเป็นของข้า

    บทนำชีวิตชาติที่แล้วข้าก็เลือกที่จะฆ่าตัวตายเพราะชีวิตที่ล้มเหลวจากคนที่รักหักหลัง คิดว่าตัวเองได้ชดใช้ความผิดพลาดต่อคุณพ่อจนหมดสิ้น ใครจะคิดว่าเมื่อลืมตาอีกครั้งต้องมาอยู่ในอีกยุคหนึ่งแถมชีวิตไม่ได้ดีไปกว่าเดิมเลย ข้าจึงเลือกที่จะตายอีกครั้ง ชีวิตมืดมนหมดหนทางไม่อยากมีวิตอยู่ แต่ไฉนบุรุษที่น่าเกรงขามกลับไม่อยากให้ข้าตาย และข้าก็ไม่สามารถตายได้หากเขาไม่สั่งการ ตอนนี้ข้าเป็นเชลย เชลยที่เขาทุกข์ทรมานจิตใจของข้าจนมอดไหม้ไม่เหลือชิ้นดี ไม่มีหนทางหนีจากเขาได้เลยแม้ตายไปเขายังปลุกให้ฟื้น ชีวิตของข้าดิ่งลงไปเรื่อย ๆ จนด้านชาไร้ชีวิตเสียงหัวเราะเป็นเช่นไรข้าจำมันไม่ได้เสียแล้ว…นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการของนักเขียนเท่านั้นไม่ได้อ้างอิงตามประวัติศาสตร์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน#สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537บทที่ 1 แม้แต่วิญญาณของเจ้าล้วนเป็นของข้าแสงโคมกระเพื่อมไหวตามสายลมยามราตรี บางคราวสว่างบางคราวรุบหรู่ราวระลอกคลื่นน้ำ ยิ่งตกดึกทั่วทั้งเมืองสวัดเงียบ มีเพียงเสียงกลองตีบอกเวลาดังแว่วมาจากไกล ๆครานั้นเสียงฝีเท้าวิ่งกรู่มายังห้องเจ้าของเรือนอย่างรีบร้อน เสียงเหนื่อ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-17

Bab terbaru

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 17 อับอาย

    บทที่ 17 อับอายก่อนจะออกไปส่งใต้เท้าจื่อเหมาไท่หยางหันหน้าไปมองพร้อมกระพริบตาให้แก่หลวนฮวานพาอวิ๋นหลิงกลับไปที่ห้องพักของนาง หลวนฮวานพยักหน้าน้อมรับคำสั่งของนายท่านอุ้มร่างอวิ๋นหลิงไปที่ห้องของนางฝั่งด้านไป๋หนิงซินนางเป็นห่วงอวิ๋นหลิงจนนั่งไม่ติดพื้นเดินไปเดินมาทั่วห้องครานั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมา นางรีบเปิดประตูออกไปดูเห็นสภาพของอวิ๋นหลิงรีบเอ่ยถามทันที“เกิดอะไรขึ้นทำไมนางถึงอยู่ในสภาพนี้”“เจ้าอย่าพึ่งเอ่ยถาม รีบเปิดประตูเถิดและช่วยหาอาภรณ์ของนางมาสวมให้นางเร็วเข้า” ไป๋หนิงซินพยักหน้ารีบเดินเข้าไปยามนั้นเองอวิ๋นหลิงตั้งสติได้นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแผ่วเบา“มิต้องไป๋หนิงซินข้าทำเองได้ หลวนฮวานปล่อยข้าลงเถิดมิต้องเป็นห่วงข้า ข้ามิได้เป็นอันใด”“หากเจ้าประสงค์เช่นนั้นข้าจะปล่อยเจ้าลง อย่างไรก็ให้ไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ เจ้าเถิด” หลวนฮวานก้มมองสตรีในอ้อมแขนรีบวางนางลงให้ก้าวเดินเอาเอง“ยามนี้ข้าตัดสินใจเลือกอันใดเองได้ด้วยหรือ ? เพราะไม่ว่าอย่างไรการกระทำของข้าก็ถูกนายของพวกเจ้าควบคุมบงการทุกอย่างเสมือนลูกไก่ในกำมืออยู่แล้ว” ความเจ็บปวดคล้ายมีมีดเฉือนเนื้อหนังบางส่วนออกจากร

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 16 แหลกสลาย

    บทที่ 16 แหลกสลายยามซวี (19.00)ที่ห้องโถงยังคงมีเสียงดังเอะอะเสียงหัวเราะของเสนาบดีที่พูดถูกคอกับท่านแม่ทัพไท่หยาง จนท้องฟ้ามืดสลัวสาวใช้ในห้องครัวเริ่มยกสำรับอาหารมาจัดแจงเพื่อต้อนรับแขกของท่านแม่ทัพ อาหารมากมายอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมดทว่ายามนี้ฟางหลานซือกลับเรือนไปก่อนหน้าแล้วเพราะสิ่งที่นางต้องการคือการพาท่านอามาที่จวนของไท่หยางและต้องการให้ท่านอาได้พบเจอกับอวิ๋นหลิงต่อจากนี้นางคงต้องให้ท่านอาจัดการต่อ ส่วนตัวนางแสร้งทำเป็นสตรีที่ดีกลับเรือนก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด“ท่านใต้เท้าเชิญดื่มด่ำกับอาหารของจวนข้าเต็มที่นะขอรับ ข้าจะไปแจ้งให้ทหารของข้าพาตัวนางเชลยไปรอท่านอยู่ที่ห้อง กินเยอะ ๆ นะขอรับจะได้มีแรงไว้เล่นกับนางทั้งคืน”“ฮ่า ฮ่า ท่านแม่ทัพนี่ร้ายไม่เบาจริง ๆ รู้ใจข้ายิ่งนักข้าละชอบท่านจริง ๆ ไม่ปิดบังความรู้สึก รู้สึกอะไรเอ่ยมาเช่นนั้น นี่สินะที่ปกครองทหารนับพันนาย ข้านับถือท่านจริงๆ ”เสนาบดีอ้วนท้วนรีบคว้าตะเกียบคีบกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างเร่งรีบเพราะเขารอเวลาที่จะเชยชมหญิงงามไม่ไหวแล้วฝั่งด้านอวิ๋นหลิงยามนี้นางอาบน้ำล้างกายสวมอาภรณ์เตรียมตัวนอนเพราะงานของนางเสร็จสิ้นแล้วทว่าเมื่อเข

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 15 เสนาบดีจื่อเหมา

    บทที่ 15 เสนาบดีจื่อเหมาเสียงหัวเราะคิกคักในห้องโถงเสียงดังมาถึงข้างนอกราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นไท่หยางก้าวเท้าเข้าไปด้านในเห็นเสนาบดีจื่อเหมาผู้ที่อ้วนถ้วนใบหน้าแก่ชราเครารุงรังเต็มใบหน้านี่หรือบุรุษที่มากรักไม่มีส่วนใดที่น่าหลงไหลเลยมีเพียงอำนาจเงินเท่านั้นที่ทำให้ผู้หญิงวิ่งเข้าหาเขาเพราะหวังสุขสบาย“ท่านใต้เท้าจื่อเหมาท่านมาที่นี่ไม่บอกไม่กล่าวข้าล่วงหน้าทำให้ข้าไม่ได้ต้อนรับเป็นอย่างดีข้าต้องขออภัยด้วยขอรับ” ไท่หยางประสานมือไปข้างหน้าโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย ใต้เท้าเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่มก่อนจะผายมือให้ไท่หยางมานั่งที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ ราวกับที่นี่คือเรือนของตน“มิต้องมากพิธีข้าเดินทางผ่านมาเท่านั้นจึงแวะทักทายท่านแม่ทัพ ฟางหลานซือหลานสาวข้านะสิคะยั้นคะยออยากมาหาท่านเพราะความคิดถึง” ฟางหลานซือยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะลุกขึ้นยอบตัวลงคารวะไท่หยาง“ข้าคิดถึงท่านแม่ทัพมากเพียงแค่ผ่านจวนของท่านหากไม่ได้แวะข้าคงนอนไม่หลับ เรื่องนี้ทำให้ท่านแม่ทัพที่มีงานจนล้นมือต้องลำบากต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ”“เรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ข้าเสียเวลาหรอก นั่งลงเถิดอีกไม่นานสาวใช้คงนำน้ำชาพร้อมกับขนม

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลย

    บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลยดวงตาฟางหลานซือแข็งกร้าวด้วยความโมโหเมื่อถูกอวิ๋นหลิงดูถูกเหยียดหยาม เดินไปกระชากผมของอวิ๋นหลิงตบนางที่ใบหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนเลือดที่ปากของนางไหลซึมออกมา“เจ้าสามหาวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวของท่านเจ้าแคว้นหรือ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่ายามนี้เจ้าเป็นเพียงเชลยไม่มีสิทธิ์มาต่อปากต่อคำกับข้า” เท่านั้นนางยังไม่พอใจเรียกสาวใช้ของตนเองมาจับตัวของอวิ๋นหลิงเอาไว้“โจวลี่อิงเจ้ามาจับตัวของนางเอาไว้และจับมือของนางไว้บนโต๊ะนี่ ดูสิว่าไม่มีมือคอยทำงานเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร” ฟางหลานซือหันไปเจอมีดทำครัวอยู่ตรงนั้นพอดีนางรีบเดินไปคว้ามาฟันที่มือของอวิ๋นหลิง สาวใช้ที่เคยถูกตัดมือยิ้มกริ่มออกมาเมื่ออีกฝ่ายจะโดนเหมือนตนไป๋หนิงซินคุกเข่าลงอ้อนวอนไม่ให้ฟางหลานซือลงมือทำร้ายอวิ๋นหลิง“คุณหนูอย่าทำอย่างนั้นเลย ข้าขอร้องนะเจ้าคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้าไม่ต้องมายุ่ง” ฟางหลานซือหันขวับจ้องมองไป๋หนิงซินดวงตาราวกับปีศาจจนนางต้องหันหน้าหนีด้วยความกลัว อวิ๋นหลิงพยายามปัดป้องไม่ให้ตัวเองโดนทำร้ายแต่ก็ถูกสาวใช้ของฟางหลานซือจับเอาไว้ ยากนักที่นางจะต่อต้านสายตาข

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือ

    บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือเรือนตระกูลฟางสตรีที่งดงามอีกนางที่มีใจรักมั่นคงต่อแม่ทัพหลิวไท่หยาง เฝ้าฝันหาเขาอยู่ทุกวัน วันนี้เป็นวันอากาศดีนางจึงจะเดินทางไปหาแม่ทัพไท่หยางที่จวน ตั้งสองตระกูลเป็นญาติห่าง ๆ แต่ทว่านางไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ ต้องการเป็นสตรีที่ยืนเคียงข้างเขา“คุณหนูฟางหลานซือจะออกเดินทางไปที่จวนท่านแม่ทัพหลิวหรือขอรับ ข้าน้อยจะเตรียมเกี้ยวให้ขอรับ”“ใช่แล้วรีบไปเตรียมก่อนที่แดดจะร้อนไปมากกว่านี้ ” สตรีรูปคิ้วโค้งราวคันศรธนูถือพัดในมือพัดไปพัดมาพร้อมสั่งการบ่าวในเรือนให้ไปเตรียมเกี้ยว“คุณหนูเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้แม่ทัพหลิวพาตัวนางเชลยมาที่จวนด้วยเจ้าค่ะ”“แค่เชลยทำไมข้าต้องใส่ใจด้วย”“มิใช่เช่นนั้นสิเจ้าคะ นางเป็นเชลยก็จริงแต่ก็เคยเป็นสตรีทีท่านแม่ทัพหลิวรักหมดหัวใจ ทั้งสองเคยพูดคุยหารือกันเรื่องงานมงคลด้วย แต่ข้าได้ยินมาว่าครั้นนั้นนางมิได้แสดงตัวตนว่าเป็นบุตรสาวเรือนใดทำให้ท่านแม่ทัพไม่รู้ว่านางเป็นบุตรสาวของศัตรูเจ้าค่ะ” โจวลี่อิงสาวใช้ประจำกายของฟานหลานซือเอ่ยขึ้นเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนายหญิงของตน“อะไรนะ ! แล้วท่านแม่ทัพพานางกลับมาที่จวนทำไมกันหรือว่ายังพิศวาสมัน

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอ

    บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอร่างบางที่เคยมีใบหน้าอมชมพูผิวขาวราวหยวก บัดนี้ใบหน้าของนางขาวซีดเผือกริมฝีบางแห้งผากซีดจนแทบไม่เหลือความเป็นคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม โดยมีไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ คอยเช็ดตัวให้นางอยู่ไม่ห่าง“นางเป็นเช่นไรบ้าง”“ท่านหมอบอกว่านางทนไม่ได้ที่ร่างกายถูกแดดแล้วมาถูกสายฝนเจ้าค่ะ ทำให้นางรับไม่ไหวจนจับไข้และเอ่อ...ท่านหมอบอกว่าร่างกายของนางด้านในรวมถึงชีพจรอ่อนเหลือเกินเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพไม่ยอมให้นางพักและสั่งลงโทษนางอีกบัดนี้ข้าเกรงว่านางจะลาโลกจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เจ้าเองก็ไม่ต่างจากเหลียงอวี้กล่าวหาว่าข้าเป็นคนผิดสินะที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นหากนางมิใช่บุตรสาวของจางชินหลง เป็นเพราะนางทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนาง ”ไท่หยางเอ่ยจบเดินหันหลังออกจากห้องและยัดกระดาษเทียบยาให้แก่หลวนฮวานไปซื้อที่โรงยา“ช่วยไปจัดการให้ข้าที”“ขอรับ”จิตใจของไท่หยางเริ่มว้าวุ่น เขาทั้งโมโหทั้งเกรี้ยวโกรธแต่เมื่อได้ยินว่านางจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อเขากลับรู้สึกเจ็บลึกที่หัวใจ เขาต้องดีใจมิใช่หรือที่แก้แค้นให้ท่านแม่ได้และทำให้นางเจ็บปวดแต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกใจหายเช่นนี้ได้ ความคิดของเขาเริ่มสับสน

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 11 จับไข้

    บทที่ 11 จับไข้เหลียงอวี้เดินเข้ามาในห้องของไท่หยางเห็นเขายืนอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งทำให้เขาไม่ชอบใจเลยที่สหายเปลี่ยนไปเป็นคนที่เลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้“เรื่องนี้เจ้าทำเกินกว่าเหตุไปแล้ว ทำไมถึงต้องทำกับนางเช่นนี้ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าไม่รักนางหมดใจแล้ว จงปลดปล่อยนางไปเถิดตอนนี้นางเป็นเพียงเชลยอย่างเจ้าว่าไร้ท่านพ่อไร้คนหนุนหลัง นางเปรียบสตรีไร้แขนไร้ขาปล่อยนางไปเสียไม่ดีกว่าหรือ ? แค่มองแววตาของนางยังไงนางก็ไม่คิดหาทางแก้แค้นเจ้าแน่ ดวงตาของนางว่างเปล่าเหมือนคนไร้วิญญาณนางคงแตกสลายไปหมด เจ้าช่วยปลดปล่อยนางหรือส่งตัวนางขายนางให้เป็นทาสเสีย และมีอีกทางหากเจ้าบอกว่าเจ้าแค้นตระกูลนางข้ามีทางเลือกให้เจ้าคือบั่นคอนางเสีย อย่าทำร้ายจิตใจของนางไปมากกว่านี้”“เฮอะ ! องค์ชายท่านช่างรู้ดีจริง ๆ ยังไงข้าก็ไม่ยอมยกนางให้ผู้ใดทั้งนั้น คำพูดของข้าพูดออกไปแล้วไม่คืนคำมิเช่นนั้นข้าจะปกครองทหารหลายพันนายได้ยังไง ที่ข้ายอมปล่อยนางไปวันนี้เพราะเห็นว่าท่านยอมแลกกับยศของท่านแถมยังไม่กลัวแปดเปื้อนไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าองค์ชายสามเหลียงอวี้ปกป้องเชลยศึกของแคว้นหยางอัน ข้าขอให้ท่านรับ

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง

    บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่งฝั่งด้านเหลียงอวี้หลังจากที่เขากลับมาจากจวนหลิวไท่หยางเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องของจางอวิ๋นหลิง ดวงตาของนางว่างเปล่าใบหน้าอมทุกข์ไร้ชีวิตชีวายิ่งทำให้เขาเป็นห่วงนางจับใจ หากจะคิดหาหนทางช่วยเหลือนางออกมาก็กลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏพาบุตรสาวของศัตรูหลบหนี แต่ก็อดเป็นห่วงนางไม่ไหวตัดสินใจไปหานางที่จวนของแม่ทัพไท่หยาง เขาไม่เชื่อว่าสหายของเขาจะหมดรักนางรวดเร็วป่านนี้เพียงเพราะยามนี้ใจของไท่หยางมีความแค้นต่อพ่อของนางมากกว่าแดดเริ่มแรงเมื่อถึงยามอู่ (11.00) วันนี้อากาศแปรปรวนลมพัดแรงอีกทั้งยังมีเมฆครึ้มจับตัวเป็นก้อน ๆ คล้ายจะมีพายุฝน“ท่านแม่ทัพจะปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นหรือขอรับ ข้าว่าอากาศเริ่มไม่ดีแล้ว”“เจ้าจะไปห่วงนางทำไมกัน ในเมื่อนางปากแข็งไม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเองรู้อยู่แก่ใจแถมยังเสแสร้งอีก ในเมื่อนางอวดดีก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นต่อไป ไม่ว่าจะเกิดพายุโหมกระหน่ำหรือหิมะตกลงมาอย่างบ้าคลั่งก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่หน้าห้องจนกว่าข้าจะได้ยินคำอ้อนวอนยอมแพ้ของนางถึงจะยอมสั่งให้นางเข้าร่ม”ไท่หยางเหลือบตามองไปด้านนอกเห็นสตรีที่ดื้อด้านไม่ยอมเอ่ยคำยอมแพ้ออกมาย

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อย

    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อยพื้นไม้แข็งเย็นยะเยือกแต่ไม่เยือกเย็นเท่ากับสวรรค์ที่ไม่มีความเมตตาต่อความต้องการของนางสักนิด ร่างบางลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนี่มิใช่ศาลารับลมหรือแม้แต่ในแม่น้ำแต่เป็นห้องที่นางอาศัยอยู่ทุกวัน ครานี้ทุกสิ่งอย่างที่นางกวาดตามองมืดสลัวนางนอนไปนานเท่าไหร่กัน นางพยายามนึกคิดว่าตนเองขึ้นจากแม่น้ำมาได้อย่างไร เพียงตอนนั้นสมองยังอื้ออึงได้ยินเพียงเสียงแว่ว ๆ ที่ประโคมต่อว่าปะทะฝีปากต่อเถียงกันเรื่องของนาง“ฟื้นแล้วหรือ” น้ำเสียงที่ดังขึ้นอยู่มุมห้องทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งรีบร้อนลุกขึ้น“ท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร นี่มันห้องนอนของสาวใช้มิใช่หรือ ? ”“ไม่ว่าจะที่ใดที่อยู่ในจวนของข้า ข้าย่อมไปได้ทุกที่” ร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้นางมากกว่า แสงโคมไฟด้านนอกสะท้อนเข้ามาเห็นเงาและแววตาของเขาเพียงชั่วขณะแต่นางสามารถรับรู้สึกรังสีอำมหิตที่ส่งผ่านมายังนาง เขานั่งลงคว้าแขนของนางบีบเต็มแรงจนร่างบางสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดจนส่งเสียงร้องออกมา“โอ้ย !!”“เจ้าเจ็บหรือ ? ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากตายหรือไงกัน... เจ้าว่ายน้ำเป็นแท้ ๆ แต่กลับไม่ว่ายขึ้นมาข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่ให้เจ้าตายง่าย ๆ จนกว่าข้าจะ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status