Beranda / รักโบราณ / เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ / บทที่ 4 เจ้าลืมเรื่องของเราได้ยังไง

Share

บทที่ 4 เจ้าลืมเรื่องของเราได้ยังไง

Penulis: วริษา
last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-17 09:15:49

บทที่ 4 เจ้าลืมเรื่องของเราได้ยังไง

แต่ทว่าเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปนางกลับยังยืนอยู่ท่านกลางแสงแดดจ้าช่วงเวลากลางที่ดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลางหัว ริมฝีปากเริ่มแห้งเหือดใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อเหงื่อผุดเต็มร่างกายกระนั้นนางยังคงยืนอยู่ไม่ไหวติง

หลิวไท่หยางนั่งมองความอดทนของนางพลางแสยะยิ้มออกมา

“ฮึ ไม่คิดว่านางจะทนได้ขนาดนี้ ดี ๆ ข้าจะปล่อยให้นางอยู่เช่นนี้เจ้าช่วยจับตามองนางเอาไว้อย่าให้นางไปที่ใดต่อให้สลบลงก็ไม่ต้องพานางเข้าร่มจนกว่านางจะฟื้น” ร่างสูงลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่พึงพอใจเพราะเขาต้องการให้นางอ้อนวอนเขาแต่นางกลับปิดปากนิ่งไม่เอ่ยอะไรเลย

เวลาล่วงเลยจวบจนดวงอาทิตย์เริ่มตกดินจางอวิ๋นหลิงเริ่มขาสั่นกวาดสายตามองไปด้านหน้าเริ่มเห็นภาพเบลอ ใจเริ่มเบาหวิวก่อนที่ทุกอย่างด้านหน้าจะมืดสนิท ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของไป๋หนิงซินสะท้อนกึกก้องในหู

“นางสลบไปแล้วพวกเจ้าไม่โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยหรืออีกอย่างตอนนี้ตะวันตกดินตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ

ปล่อยนางได้แล้ว”

“ข้าไม่ได้ใจร้ายเพียงแต่ทำตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ ในเมื่อตอนนี้ตะวันตกดินแล้วเจ้าก็พานางกลับห้องเสียสิ”

“ข้าจะพานางไปยังไงในเมื่อนางหมดสติเช่นนี้ แถมยังตัวร้อนปานไฟเช่นนี้นางจับไข้แน่ ๆ ”

“แล้วทำไมเจ้าต้องเห็นอกเห็นใจนางเชลยผู้นี้ด้วยเล่า ”ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ถกเถียงกับไป๋หนิงซินมองดูสตรีเชลยที่นอนหายใจโรยรินอยู่ที่พื้น ครานั้นนั่นเองทหารอีกคนที่เป็นมือขวาคนสนิทของท่านแม่ทัพเดินมาช้อนร่างของจางอวิ๋นหลิงขึ้นและพานางไปที่ห้องทันที ทำให้ทั้งทหารที่เฝ้าอยู่และไป๋หนิงซินงงงวยแต่ก็ยอมเดินตามไปติด ๆ

ยามฉวี (19.00)

ร่างบางหนาวสั่นครั่นเนื้อครั่นตัวราวจะเกิดไข้ค่อย ๆ ลืมตาเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาจ้องมองไปรอบ ๆ นางคิดว่าตนเองจะตายไปแล้วเสียอีกแต่ทำไมสวรรค์ไม่เมตตาต่อความต้องการของนางเสียที

“เจ้าฟื้นแล้วสินะ กินน้ำหน่อยสิตอนนี้ข้าเช็ดตัวให้เจ้าแต่อาการตัวร้อนไม่แม้แต่จะลดลงเลย ในเมื่อเจ้าฟื้นแล้วก็กินยาลูกกลอนนี้เสียจะได้หายปวดหัว ” ไป๋หนิงซินรีบอธิบายบอกนางพร้อมพยุงให้นางลุกขึ้นนั่ง

“ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามแผ่บเบา

“เจ้าสลบไปและเป็นเวลาที่ท้องฟ้าหมดแสงสว่างพอดีทหารมือขวาของท่านแม่ทัพอุ้มเจ้ามาที่ห้องนะ อย่าพึ่งถามมากกินยาก่อนเถิด” ไป๋หนิงซินยกอาหารมาให้นางกินก่อนที่จะให้กินยาลูกกลอนที่หลวนฮวานทหารมือขวาของท่านแม่ทัพมอบให้

“เจ้าทำดีกับข้าเช่นนี้เพราะอะไรกัน ตั้งแต่ข้าเข้ามาที่จวนนี้ข้าได้ยินทุกคนเอ่ยเรื่องของข้าทั้งยังรังเกียจเหยียดหยามข้าเพราะข้าเป็นเชลยเป็นศัตรูของแคว้นหยางอัน เจ้าคงเวทนาข้ามากเลยสินะ”

“เฮ้อ ! ข้าไม่ได้รู้สึกเคียดแค้นกับเจ้าเสียหน่อย อีกอย่างเป็นเรื่องของทั้งสองแคว้น ข้ามิได้ข้องเกี่ยวอันใดที่ข้าช่วยเหลือเจ้าเพราะสงสารและข้าเคยมีน้องสาว ข้ารู้สึกเสียใจทุกครั้งที่ช่วยเหลือนางไม่ได้ เมื่อเห็นเจ้าก็คิดถึงน้องสาวขึ้นมา ” แววตาของไป๋หนิงซินจ้องมองไปด้านหน้าอย่างเหม่อลอย เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา น้องสาวของนางเป็นคนที่อ่อนแอและขี้โรค ท่านพ่อท่านแม่ส่งนางเข้ามาเป็นสาวรับใช้จวนท่านแม่ทัพเพื่อหาเงินไปรักษาน้อง เงินตำลึงแรกที่นางได้นางดีใจเหลือเกินแต่เมื่อนำกลับไปให้ท่านพ่อท่านแม่กลับพบว่าตอนนี้น้องสาวของตนนั้นจากโลกใบนี้ไปแล้ว เมื่อเห็นจางอวิ๋นหลิงที่มีใบหน้าซีดเผือกไร้เลือดฝาดไม่ว่าจะเป็นแววตาที่อมทุกข์เศร้าหมองของนางจึงเกิดความเห็นใจเวทนาต่อสตรีที่เป็นเครื่องมือของการล้างแค้นที่ตัวนางไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ

อวิ๋นหลิงฝืนกินข้าวที่ไป๋หนิงซินเตรียมมาให้ไม่อยากให้นางเสียน้ำใจ กินไปได้เพียงนิดเสียงบุรุษได้ดังเข้ามาจากด้านนอก

“จางอวิ๋นหลิงท่านแม่ทัพให้ข้ามาพาเจ้าไปเข้าพบ ”

“อะไรกัน.. นี่นางไม่สบายจับไข้ตัวสั่นเทาเช่นนี้ท่านแม่ทัพเหตุใดต้องเรียกนางเข้าพบยามนี้ด้วย ไม่คิดจะให้นางได้พักบ้างหรือไง ! ข้าไม่เข้าใจท่านแม่ทัพเลยสักนิดโกรธแค้นพ่อนางเพียงใดทำไมไม่ฆ่านางทิ้งพร้อมท่านพ่อของนางเสียจะเก็บนางไว้ทุกข์ทรมานนางเช่นนี้ไปถึงเมื่อไหร่” ไป๋หนิงซินพูดจาเบา ๆ ตำหนินายท่านของตนเบา ๆ แต่ก็ถูกอวิ๋นหลิงคว้ามือแตะลงที่แขนของนางให้นางหยุดพูด หากเรื่องนี้ถึงหูของท่านแม่ทัพนางอาจจะถูกเฆี่ยนจนหลังลายดีไม่ดี อาจจะถูกประหารเอาได้

“ไป๋หนิงซินพอเถิด อย่าเอ่ยเช่นนี้เลยเดี๋ยวเจ้าอาจจะถูกลงโทษได้ ข้าซึ้งน้ำใจของเจ้าที่มีต่อข้าและข้าเสียใจด้วยเรื่องน้องสาวของเจ้า ไม่ว่าข้าเจียนตายเพียงใดแค่เขาเอ่ยปากข้าก็มิอาจขัดขืนคำสั่งได้ ” เอ่ยจบร่างบางพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรงเดินออกไปข้างนอกตามหลังทหารที่รับคำสั่งมทาตามนางออกไป

เวลาค่ำคืนที่มืดมิด แสงจากโคมไฟลางๆ ส่องแสงผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ภายในห้องหรูหราของแม่ทัพหลิวไท่หยาง เสียงฝีเท้าของจางอวิ๋นหลิงดังขึ้นตามทางเดินหินเย็นๆ ของจวน ความเงียบงันรอบตัวทำให้จิตใจของนางยิ่งรู้สึกหนักอึ้ง ทุกก้าวที่เดินรู้สึกเหมือนการเดินไปสู่ความมืดที่ไม่มีวันออกจากไป

เมื่อถึงหน้าห้องแม่ทัพหลิวไท่หยางนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แข็ง แสงไฟจากโคมไฟสาดส่องใบหน้าของเขา ทำให้ดวงตาที่เย็นชาและหงุดหงิดนั้นดูเหมือนจะมีความลึกลับแฝงอยู่

"เจ้ามาแล้วสินะ อดทนเก่งนี่จางอวิ๋นหลิง" เสียงของเขาดังแหบพร่าราวกับเสียงของคนที่ไม่มีความเมตตา

จางอวิ๋นหลิงไม่พูดอะไร ตรงเข้าไปยืนอยู่ตรงกลางห้อง หัวใจของนางถูกทิ้งไว้ในห้วงความเจ็บปวดที่ไม่อาจลืมได้ แม้แต่เสียงหัวใจที่เต้นยังแทบจะไม่เหลืออยู่ในตัว เหลือบมองชายที่โหดเหี้ยมอย่างเขาครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ ภายในห้องมิได้มีแต่เขาเพียงผู้เดียวกระนั้นยังมีสตรีที่งดงามแต่งตัวเจนจัดเพียงแค่ปลายตามองก็รู้ว่านางคือหญิงคณิกา นั่งอยู่ในอ้อมอกของบุรุษที่เอ่ยปากต่อนางเมื่อครู่ แววตาเย้ยหยันนางจนน่าแปลกใจเขาต้องการสิ่งใดกันแน่ถึงเรียกนางมาในยามนี้ 

“ท่านเรียกข้ามาเพราะสิ่งใดกัน หรือเรียกข้ามาเพราะคิดว่าข้าจะทนบทลงโทษของท่านมิได้ ท่านกลัวข้าตายและไม่ได้ทรมานข้าต่อเช่นนั้นหรือ”

“หึ ปากดีเสียจริง เจ้ารู้ดีนี่ว่านั่นคือคำสั่งของข้าไม่ให้เจ้าตายจนกว่าความแค้นของข้าหมดไป เจ้าลืมหน้าที่เจ้าแล้วหรือปรนนิบัติข้านะ ค่ำคืนนี้แสนยาวนานข้าจะให้เจ้าคอยรินสุราและคอยเรียกใช้ในยามที่ข้าหยอกเย้าอยู่กับนางคณิกาผู้นี้” เขาก้มลงมาเชยชมนางคณิกา ลอบมองสีหน้าของอวิ๋นหลิงครู่หนึ่ง

แม่ทัพไท่หยางมองไปที่นางอย่างไม่พอใจ เห็นนางยืนอย่างไร้แรงและไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาทำอยู่ จึงยิ้มเหยียด "จะยืนอยู่เช่นนั้นหรือมารินสุราให้ข้ากับหญิงงามผู้นี้เร็วเข้า ทำตัวไร้ประโยชน์เสียจริง ”

คำพูดของเขาทำให้จางอวิ๋นหลิงรู้สึกเหมือนมีดคมๆ แทงทะลุใจ แต่นางกลับไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย ดวงตาของนางว่างเปล่าราวกับไม่มีชีวิต เหมือนกับวิญญาณที่หลุดออกจากร่างกาย

‘ตั้งแต่เข้าจวนมาเป็นเชลยข้าไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำเลยด้วยซ้ำเพราะเหตุอันใดกัน เสมือนว่าข้ามิใช่เชลยที่เขาพากลับมารังแกแต่เหมือนเขาต้องการให้ข้าเจ็บปวดในการกระทำของเขา จะให้ข้าเจ็บปวดอย่างไรในเมื่อข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาสักนิด หรือว่าสตรีที่ข้าอยู่ในร่างนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันนะ แต่คงมิใช่หรอก จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรในเมื่อทั้งสองแคว้นเป็นศัตรูคู่แค้นกัน’ นางครุ่นคิดในใจอย่างนึกสงสัยค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้ามารินสุราใส่จอกให้ทั้งสองที่แทบจะแนบชิดไม่อายนางแม้แต่น้อย

“ท่านแม่ทัพร่างกายของท่านแข็งแกร่งบึกบึนเช่นนี้ คืนนี้ข้าจะได้นอนหรือไม่เจ้าคะ เป็นวาสนาของนางโลมอย่างข้าเสียจริงที่จะได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของท่าน” นางโลมใช้มือลูบไล้ทั่วแผ่นอกของเขา ก่อนแสยะยิ้มเบา ๆ วางจอกสุราลงก่อนจะจับปลายคางมนของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย

“นั่นสินะเป็นวาสนาของเจ้าจริง ๆ ข้านะเก่งแต่ออกศึกรบไม่หวั่นแต่ข้านะไม่เคยร่วมหลับนอนกับสตรีใด ข้าจะให้เจ้าเป็นสตรีคนแรกของข้า”เขาพูดเอาอกเอาใจเพื่อทำให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำ เขามองอวิ๋นหลิงด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจางอวิ๋นหลิงถึงไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาทำกับนางโลมผู้นี้ เขามั่นใจแท้ ๆ หากทำเช่นนี้นางต้องทุกข์ทรมาน เขาต้องการเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของนาง แต่ทุกสิ่งที่เขาทำกลับไม่สามารถทำให้นางสั่นคลอน นางค่อย ๆ ขยับกายหันหลังหนีเพื่อให้ทั้งสองใช้เวลาร่วมกัน แต่กระนั้นการกระทำของนางกลับทำให้เขาโมโหมากกว่าเดิม

"ทำไมไม่รู้สึกอะไรเลย... ข้าทำขนาดนี้เจ้ายังไม่เจ็บปวดบ้างเหรอ?" เขาตะโกนอย่างโกรธแค้น ก่อนที่จะหันไปขับไล่นางโลมที่ยืนอยู่ข้างๆ "ออกไป!"

นางโลมมองหน้าท่านแม่ทัพสักพัก ก่อนจะก้มหัวและออกไปจากห้องอย่างฉงนใจที่จู่ ๆ เขาพลันอารมณ์เปลี่ยนไปจนนางมองตามสายตาของของท่านแม่ทัพทำให้นางได้รู้ว่าที่เขาพานางมามิได้ต้องการให้นางมาร่วมหลับนอนแต่พานางมาเพื่อทำร้ายจิตใจของสตรีที่ยืนอยู่ด้านหน้านั่น

หลิวไท่หยางลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาเดินเข้าหาจางอวิ๋นหลิงอย่างรวดเร็ว และจับแขนนางอย่างแรง "ทำไม...ทำไมเจ้าถึงไม่รู้สึกอะไรเลย?"

จางอวิ๋นหลิงหายใจช้าๆ มือที่จับแขนเขากลับไม่สะทกสะท้าน แค่ดวงตาของนางที่ทอดมองไปที่อะไรบางอย่างที่อยู่ไกลๆ ท่าทางของนางเหมือนกับว่ากำลังอยู่ในโลกของตัวเอง จิตใจของนางแหลกสลายจนไม่สามารถรับรู้ความเจ็บปวดจากภายนอกได้

"ทำไมข้าต้องรู้สึกอะไรด้วยเล่าในเมื่อข้าเป็นเพียงเชลยศึกของท่านเท่านั้น ท่านต้องการสิ่งใดกันแน่ สิ่งเดียวที่ข้ารู้แค่ว่า...ข้าจะไม่มีวันหลุดพ้นจากท่านได้" เสียงของนางแผ่วเบา แต่มันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ไท่หยางยืนมองจางอวิ๋นหลิงอย่างโกรธจัด เขาพยายามจะทำลายความแข็งแกร่งที่นางซ่อนไว้ในใจ แต่เขากลับพบว่ามันยากเกินไป นางยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับไม่สามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เขาพยายามจะส่งมาถึงได้

“เฮอะ ! เจ้าทำเป็นลืมเรื่องของเราอย่างนั้นหรือทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเจ้ารักข้าเพียงใด ข้านำตัวเจ้ากลับมาเพื่อแก้แค้นให้เจ้าตรอมใจไปทีละน้อย แต่เจ้ากลับทำให้ข้าโมโหมากกว่าเดิมที่ทำเหมือนเจ้าไร้ความรู้สึกต่อข้า?" เสียงของเขาตะโกนด้วยความโมโห แต่จางอวิ๋นหลิงยังคงยืนเหมือนหุ่นไม้ ไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น ครานั้นตัวนางถ่องแท้ว่าทำไมเขาต้องการให้นางเจ็บปวดและไม่ให้นางตาย ความรู้สึกของเจ้าของร่างเริ่มประสานในจิตวิญญาณของนาง ทำให้ใจเริ่มสั่นคลอนความรู้สึกในใจของนางบอกให้รู้ว่า นางอาจจะมีเพียงความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนได้อีกต่อไป...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 5 ความทรงจำ

    บทที่ 5 ความทรงจำเรื่องราวทั้งหมดของจางอวิ๋นหลิงเริ่มไหลเวียนเข้ามาผ่านความทรงจำ ทั้งสองเคยเป็นคู่รักที่แสนรักใคร่ทำราวกับว่าจะไม่มีทางเลิกลากันได้ ครั้นเมื่อที่จางอวิ๋นหลิงแอบท่านพ่อออกมาเที่ยวเล่นที่แคว้นหยางอันได้พบเข้ากับบุรุษรูปงามที่ช่วยเหลือนางจากโจรลักขโมย ยามนั้นไท่หยางมิได้แต่งตัวและบอกถึงตัวตนของเขา ทั้งสองปลูกดอกรักด้วยกันจนเติบโต อวิ๋นหลิงเองก็มิกล้าแม้จะบอกถึงตัวตนของนางว่านางมิใช่คนแคว้นนี้กลัวเขาจะชิงชังรังเกียจ แอบมาหานัดพบกันอยู่บ่อยครั้งจนไท่หยางพูดเรื่องแต่งงานกับนาง ถามถึงตระกูลของนางว่าเป็นบุตรสาวเรือนใดเมื่อไหร่ที่เขากลับมาจากการทำงานในครั้งนี้เขาจะให้ท่านพ่อท่านแม่ไปสู่ขอนางที่เรือน แต่อวิ๋นหลิงมิได้เอ่ยความจริงโป้ปดเขาไปเพื่อให้เขาไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริง ๆ แม้จะรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างใจหวัง เมื่อครั้นนั้นเกิดสงครามต่อสู้กันระหว่างแคว้นทำให้อวิ๋นหลิงไม่ได้ออกมาจากเรือนเลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไท่หยางคือแม่ทัพที่สู้รบกับท่านพ่อของนาง จนเรื่องมาถึงตอนนี้วิณญาณของหญิงสาวที่เข้ามาอยู่ในร่างรับรู้และรู้สึกถึงความเจ็บปวดของอวิ๋นหลิงทั

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-19
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 6 ถูกกลั่นแกล้ง

    บทที่ 6 ถูกกลั่นแกล้งค่ำคืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกินเมื่อความทรงจำปะทุราวกับสายน้ำ ซ้ำเติมหัวใจที่ว่างเปล่าของอวิ๋นหลิงนางร่ำไห้หลับไปทั้งน้ำตาเช้าวันต่อมาเปลือกตาของอวิ๋นหลิงหนักอึ้งแต่เหมือนว่านางเคยชินเพราะไม่มีวันไหนที่นางไม่หลับไปทั้งน้ำตา มีสิ่งที่เปลี่ยนไปคือคำสั่งของไท่หยางที่สั่งการลงมาต่อจากนี้เขาไม่ให้นางไปปรนนิบัติเช่นเคยแต่ให้นางไปทำงานที่หลังจวนแทนนั่นคือการซักผ้า เหมือนจะเป็นงานสบายแต่ก็หนักหนาสำหรับนางอยู่มากจางอวิ๋นหลิงมิได้เอ่ยปากบ่นแต่อย่างไร อย่างน้อยก็ดีกว่าการให้นางไปพบเจอไท่หยางนางเดินตามแม่บ้านซูเป็นผู้ดูแลหลังจวนและคอยสั่งงานให้สาวใช้แต่ละคนได้ทำ ทว่าไป๋หนิงซินมิได้มาทำงานเช่นเดียวกันนางเพราะงานของนางคืออยู่ในโรงครัว แม้จะห่วงอวิ๋นหลิงแต่ก็ขัดคำสั่งของท่านแม่ทัพมิได้ แม่บ้านซูพาอวิ๋นหลิงเดินมาถึงธารน้ำหลังจวนเป็นสถานที่ไว้สำหรับซักผ้า น้ำใสจนเห็นแผ่นหินเสียงน้ำไหลผ่านเมื่อได้ยินทำให้จิตใจของนางเริ่มสงบไม่ขุ่นมัวหัวใจ“งานของเจ้าคือการซักผ้าพวกนี้ รีบทำเสียก่อนที่แสงแดดของวันจะหมดลง ข้าขอกำชับเจ้าอีกอย่างอย่าคิดแม้แต่จะกระโดดน้ำหนีเพื่อปลิดชีพตนเองเพราะสิ่งนั้น

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-19
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 7 ผู้เดียวที่รังแกนางได้คือข้า

    บทที่ 7 ผู้เดียวที่รังแกนางได้คือข้า“ข้ามากกว่าที่ต้องเป็นผู้ที่ถามเกิดอะไรขึ้น” สายตาของเขาเหลือบไปมองร่างกายและใบหน้าของจางอวิ๋นหลิงนัยน์ตาเริ่มเข็งกราวกัดฟันกรามเอ่ยถามสาวใช้ที่กล้าใช้มือสกปรกทำร้ายนาง“เอ่อ.. นางเชลยผู้นี้ไม่ตั้งใจทำงานเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่สอนงานให้นางเท่านั้นนางเคยเป็นคุณหนูสตรีผู้สูงส่งคงไม่เก่งเรื่องงานเช่นนี้ แต่ผู้ใดจะคิดว่านางจะกล้าโต้เถียงและไม่ยอมทำตามที่ข้าสอนเจ้าค่ะ ดูผ้าพวกนี้สิเจ้าคะนางบอกว่านางจัดการเสร็จแล้วแต่ยังมีเศษดินหลงเหลืออยู่ ข้าจึงให้นางซักใหม่แต่ใครจะคิดว่านางจะโมโหจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกับข้าเจ้าค่ะ”“เป็นเช่นนั้นหรือ? หลวนฮวานจัดการจับตัวนางและจับมือของนางวางลงบนท่อนไม้นี้” หลวนฮวานพยักหน้าเดินมาด้านหลังของอวิ๋นหลิง ไป๋หนิงซินรีบพูดขึ้นมากลัวว่าท่านแม่ทัพจะลงโทษผิดคน“ท่านแม่ทัพมิใช่อย่างที่นางเอ่ยออกมานะเจ้าคะ นางโกหก”“ไป๋หนิงซินข้ามิได้ขอความเห็นเจ้าและไม่ได้ให้เจ้าเอ่ยอันใดหุบปากไปเสีย” ไป๋หนิงซินจ้องมองอวิ๋นหลิงใบหน้าเริ่มเศร้าหมองที่ตนช่วยอันใดนางมิได้เลย แต่ทว่าอวิ๋นหลิงกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลย จ้องมองประสานตากับไท่หยางอย่างแน่วแน่ครา

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-20
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 8 นางเพียงเสแสร้ง

    บทที่ 8 นางเพียงเสแสร้งครานั้นอวิ๋นหลิงเดินตามหลังของหลวนฮวานจนมาถึงศาลารับลม เหลียงอวี้สายตาจ้องมองไปยังนางตอนนี้ไม่มีเค้าสตรีบุตรสาวขุนนางเสียแล้ว ใบหน้าที่เคยงดงามแจ่มใสเต็มไปด้วยเครื่องประทิ่นบนใบหน้าให้ชวนมอง บัดนี้มีเพียงใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากแห้งแตก ดวงตาหมองคล้ำคล้ายคนที่ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ไร้ชีวิตชีวาเสมือนร่างไร้จิตวิญญาณ“นางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ เจ้าไม่เจ็บปวดบ้างหรือที่จ้องมองใบหน้าของนาง”“ข้านะหรือจะเจ็บปวด ไม่! ข้ามีเพียงแต่ความแค้นเท่าที่รอวันสะสางไปทีละนิด”“ท่านแม่ทัพข้าพาอวิ๋นหลิงมาแล้วขอรับ”“มาแล้วหรือ ? เจ้ามานี่สิคิดว่าสองวันมานี้ข้าไม่สั่งงานเจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าใช้ชีวิตสุขสบายหรอกนะ ! นั่นเห็นดอกบัวในบึงนั่นหรือไม่ ? ข้าอยากได้มันเพื่อไปไหว้ป้ายชื่อท่านแม่ลงไปเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้” ปลายนิ้วของเขาชี้ไปที่ดอกบัวที่ออกดอกอยู่กลางบึงทันที่ที่อวิ๋นหลิงเห็นนางเริ่มใจสั่นเพราะนางว่ายน้ำไม่เป็นแต่หากเป็นเช่นนี้ก็ดีเช่นกันมิใช่หรือ ? นางจะได้ตายสมใจหวังและเป็นเขาเองที่เป็นคนสั่งให้นางทำ“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบลงไปเอามาให้เดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเบาหวิวคล้ายคนหมดแรงจนเหลี

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-20
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อย

    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อยพื้นไม้แข็งเย็นยะเยือกแต่ไม่เยือกเย็นเท่ากับสวรรค์ที่ไม่มีความเมตตาต่อความต้องการของนางสักนิด ร่างบางลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนี่มิใช่ศาลารับลมหรือแม้แต่ในแม่น้ำแต่เป็นห้องที่นางอาศัยอยู่ทุกวัน ครานี้ทุกสิ่งอย่างที่นางกวาดตามองมืดสลัวนางนอนไปนานเท่าไหร่กัน นางพยายามนึกคิดว่าตนเองขึ้นจากแม่น้ำมาได้อย่างไร เพียงตอนนั้นสมองยังอื้ออึงได้ยินเพียงเสียงแว่ว ๆ ที่ประโคมต่อว่าปะทะฝีปากต่อเถียงกันเรื่องของนาง“ฟื้นแล้วหรือ” น้ำเสียงที่ดังขึ้นอยู่มุมห้องทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งรีบร้อนลุกขึ้น“ท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร นี่มันห้องนอนของสาวใช้มิใช่หรือ ? ”“ไม่ว่าจะที่ใดที่อยู่ในจวนของข้า ข้าย่อมไปได้ทุกที่” ร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้นางมากกว่า แสงโคมไฟด้านนอกสะท้อนเข้ามาเห็นเงาและแววตาของเขาเพียงชั่วขณะแต่นางสามารถรับรู้สึกรังสีอำมหิตที่ส่งผ่านมายังนาง เขานั่งลงคว้าแขนของนางบีบเต็มแรงจนร่างบางสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดจนส่งเสียงร้องออกมา“โอ้ย !!”“เจ้าเจ็บหรือ ? ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากตายหรือไงกัน... เจ้าว่ายน้ำเป็นแท้ ๆ แต่กลับไม่ว่ายขึ้นมาข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่ให้เจ้าตายง่าย ๆ จนกว่าข้าจะ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-21
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง

    บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่งฝั่งด้านเหลียงอวี้หลังจากที่เขากลับมาจากจวนหลิวไท่หยางเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องของจางอวิ๋นหลิง ดวงตาของนางว่างเปล่าใบหน้าอมทุกข์ไร้ชีวิตชีวายิ่งทำให้เขาเป็นห่วงนางจับใจ หากจะคิดหาหนทางช่วยเหลือนางออกมาก็กลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏพาบุตรสาวของศัตรูหลบหนี แต่ก็อดเป็นห่วงนางไม่ไหวตัดสินใจไปหานางที่จวนของแม่ทัพไท่หยาง เขาไม่เชื่อว่าสหายของเขาจะหมดรักนางรวดเร็วป่านนี้เพียงเพราะยามนี้ใจของไท่หยางมีความแค้นต่อพ่อของนางมากกว่าแดดเริ่มแรงเมื่อถึงยามอู่ (11.00) วันนี้อากาศแปรปรวนลมพัดแรงอีกทั้งยังมีเมฆครึ้มจับตัวเป็นก้อน ๆ คล้ายจะมีพายุฝน“ท่านแม่ทัพจะปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นหรือขอรับ ข้าว่าอากาศเริ่มไม่ดีแล้ว”“เจ้าจะไปห่วงนางทำไมกัน ในเมื่อนางปากแข็งไม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเองรู้อยู่แก่ใจแถมยังเสแสร้งอีก ในเมื่อนางอวดดีก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นต่อไป ไม่ว่าจะเกิดพายุโหมกระหน่ำหรือหิมะตกลงมาอย่างบ้าคลั่งก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่หน้าห้องจนกว่าข้าจะได้ยินคำอ้อนวอนยอมแพ้ของนางถึงจะยอมสั่งให้นางเข้าร่ม”ไท่หยางเหลือบตามองไปด้านนอกเห็นสตรีที่ดื้อด้านไม่ยอมเอ่ยคำยอมแพ้ออกมาย

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-21
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 11 จับไข้

    บทที่ 11 จับไข้เหลียงอวี้เดินเข้ามาในห้องของไท่หยางเห็นเขายืนอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งทำให้เขาไม่ชอบใจเลยที่สหายเปลี่ยนไปเป็นคนที่เลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้“เรื่องนี้เจ้าทำเกินกว่าเหตุไปแล้ว ทำไมถึงต้องทำกับนางเช่นนี้ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าไม่รักนางหมดใจแล้ว จงปลดปล่อยนางไปเถิดตอนนี้นางเป็นเพียงเชลยอย่างเจ้าว่าไร้ท่านพ่อไร้คนหนุนหลัง นางเปรียบสตรีไร้แขนไร้ขาปล่อยนางไปเสียไม่ดีกว่าหรือ ? แค่มองแววตาของนางยังไงนางก็ไม่คิดหาทางแก้แค้นเจ้าแน่ ดวงตาของนางว่างเปล่าเหมือนคนไร้วิญญาณนางคงแตกสลายไปหมด เจ้าช่วยปลดปล่อยนางหรือส่งตัวนางขายนางให้เป็นทาสเสีย และมีอีกทางหากเจ้าบอกว่าเจ้าแค้นตระกูลนางข้ามีทางเลือกให้เจ้าคือบั่นคอนางเสีย อย่าทำร้ายจิตใจของนางไปมากกว่านี้”“เฮอะ ! องค์ชายท่านช่างรู้ดีจริง ๆ ยังไงข้าก็ไม่ยอมยกนางให้ผู้ใดทั้งนั้น คำพูดของข้าพูดออกไปแล้วไม่คืนคำมิเช่นนั้นข้าจะปกครองทหารหลายพันนายได้ยังไง ที่ข้ายอมปล่อยนางไปวันนี้เพราะเห็นว่าท่านยอมแลกกับยศของท่านแถมยังไม่กลัวแปดเปื้อนไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าองค์ชายสามเหลียงอวี้ปกป้องเชลยศึกของแคว้นหยางอัน ข้าขอให้ท่านรับ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-22
  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอ

    บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอร่างบางที่เคยมีใบหน้าอมชมพูผิวขาวราวหยวก บัดนี้ใบหน้าของนางขาวซีดเผือกริมฝีบางแห้งผากซีดจนแทบไม่เหลือความเป็นคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม โดยมีไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ คอยเช็ดตัวให้นางอยู่ไม่ห่าง“นางเป็นเช่นไรบ้าง”“ท่านหมอบอกว่านางทนไม่ได้ที่ร่างกายถูกแดดแล้วมาถูกสายฝนเจ้าค่ะ ทำให้นางรับไม่ไหวจนจับไข้และเอ่อ...ท่านหมอบอกว่าร่างกายของนางด้านในรวมถึงชีพจรอ่อนเหลือเกินเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพไม่ยอมให้นางพักและสั่งลงโทษนางอีกบัดนี้ข้าเกรงว่านางจะลาโลกจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เจ้าเองก็ไม่ต่างจากเหลียงอวี้กล่าวหาว่าข้าเป็นคนผิดสินะที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นหากนางมิใช่บุตรสาวของจางชินหลง เป็นเพราะนางทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนาง ”ไท่หยางเอ่ยจบเดินหันหลังออกจากห้องและยัดกระดาษเทียบยาให้แก่หลวนฮวานไปซื้อที่โรงยา“ช่วยไปจัดการให้ข้าที”“ขอรับ”จิตใจของไท่หยางเริ่มว้าวุ่น เขาทั้งโมโหทั้งเกรี้ยวโกรธแต่เมื่อได้ยินว่านางจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อเขากลับรู้สึกเจ็บลึกที่หัวใจ เขาต้องดีใจมิใช่หรือที่แก้แค้นให้ท่านแม่ได้และทำให้นางเจ็บปวดแต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกใจหายเช่นนี้ได้ ความคิดของเขาเริ่มสับสน

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-22

Bab terbaru

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 17 อับอาย

    บทที่ 17 อับอายก่อนจะออกไปส่งใต้เท้าจื่อเหมาไท่หยางหันหน้าไปมองพร้อมกระพริบตาให้แก่หลวนฮวานพาอวิ๋นหลิงกลับไปที่ห้องพักของนาง หลวนฮวานพยักหน้าน้อมรับคำสั่งของนายท่านอุ้มร่างอวิ๋นหลิงไปที่ห้องของนางฝั่งด้านไป๋หนิงซินนางเป็นห่วงอวิ๋นหลิงจนนั่งไม่ติดพื้นเดินไปเดินมาทั่วห้องครานั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมา นางรีบเปิดประตูออกไปดูเห็นสภาพของอวิ๋นหลิงรีบเอ่ยถามทันที“เกิดอะไรขึ้นทำไมนางถึงอยู่ในสภาพนี้”“เจ้าอย่าพึ่งเอ่ยถาม รีบเปิดประตูเถิดและช่วยหาอาภรณ์ของนางมาสวมให้นางเร็วเข้า” ไป๋หนิงซินพยักหน้ารีบเดินเข้าไปยามนั้นเองอวิ๋นหลิงตั้งสติได้นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแผ่วเบา“มิต้องไป๋หนิงซินข้าทำเองได้ หลวนฮวานปล่อยข้าลงเถิดมิต้องเป็นห่วงข้า ข้ามิได้เป็นอันใด”“หากเจ้าประสงค์เช่นนั้นข้าจะปล่อยเจ้าลง อย่างไรก็ให้ไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ เจ้าเถิด” หลวนฮวานก้มมองสตรีในอ้อมแขนรีบวางนางลงให้ก้าวเดินเอาเอง“ยามนี้ข้าตัดสินใจเลือกอันใดเองได้ด้วยหรือ ? เพราะไม่ว่าอย่างไรการกระทำของข้าก็ถูกนายของพวกเจ้าควบคุมบงการทุกอย่างเสมือนลูกไก่ในกำมืออยู่แล้ว” ความเจ็บปวดคล้ายมีมีดเฉือนเนื้อหนังบางส่วนออกจากร

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 16 แหลกสลาย

    บทที่ 16 แหลกสลายยามซวี (19.00)ที่ห้องโถงยังคงมีเสียงดังเอะอะเสียงหัวเราะของเสนาบดีที่พูดถูกคอกับท่านแม่ทัพไท่หยาง จนท้องฟ้ามืดสลัวสาวใช้ในห้องครัวเริ่มยกสำรับอาหารมาจัดแจงเพื่อต้อนรับแขกของท่านแม่ทัพ อาหารมากมายอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมดทว่ายามนี้ฟางหลานซือกลับเรือนไปก่อนหน้าแล้วเพราะสิ่งที่นางต้องการคือการพาท่านอามาที่จวนของไท่หยางและต้องการให้ท่านอาได้พบเจอกับอวิ๋นหลิงต่อจากนี้นางคงต้องให้ท่านอาจัดการต่อ ส่วนตัวนางแสร้งทำเป็นสตรีที่ดีกลับเรือนก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด“ท่านใต้เท้าเชิญดื่มด่ำกับอาหารของจวนข้าเต็มที่นะขอรับ ข้าจะไปแจ้งให้ทหารของข้าพาตัวนางเชลยไปรอท่านอยู่ที่ห้อง กินเยอะ ๆ นะขอรับจะได้มีแรงไว้เล่นกับนางทั้งคืน”“ฮ่า ฮ่า ท่านแม่ทัพนี่ร้ายไม่เบาจริง ๆ รู้ใจข้ายิ่งนักข้าละชอบท่านจริง ๆ ไม่ปิดบังความรู้สึก รู้สึกอะไรเอ่ยมาเช่นนั้น นี่สินะที่ปกครองทหารนับพันนาย ข้านับถือท่านจริงๆ ”เสนาบดีอ้วนท้วนรีบคว้าตะเกียบคีบกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างเร่งรีบเพราะเขารอเวลาที่จะเชยชมหญิงงามไม่ไหวแล้วฝั่งด้านอวิ๋นหลิงยามนี้นางอาบน้ำล้างกายสวมอาภรณ์เตรียมตัวนอนเพราะงานของนางเสร็จสิ้นแล้วทว่าเมื่อเข

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 15 เสนาบดีจื่อเหมา

    บทที่ 15 เสนาบดีจื่อเหมาเสียงหัวเราะคิกคักในห้องโถงเสียงดังมาถึงข้างนอกราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นไท่หยางก้าวเท้าเข้าไปด้านในเห็นเสนาบดีจื่อเหมาผู้ที่อ้วนถ้วนใบหน้าแก่ชราเครารุงรังเต็มใบหน้านี่หรือบุรุษที่มากรักไม่มีส่วนใดที่น่าหลงไหลเลยมีเพียงอำนาจเงินเท่านั้นที่ทำให้ผู้หญิงวิ่งเข้าหาเขาเพราะหวังสุขสบาย“ท่านใต้เท้าจื่อเหมาท่านมาที่นี่ไม่บอกไม่กล่าวข้าล่วงหน้าทำให้ข้าไม่ได้ต้อนรับเป็นอย่างดีข้าต้องขออภัยด้วยขอรับ” ไท่หยางประสานมือไปข้างหน้าโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย ใต้เท้าเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่มก่อนจะผายมือให้ไท่หยางมานั่งที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ ราวกับที่นี่คือเรือนของตน“มิต้องมากพิธีข้าเดินทางผ่านมาเท่านั้นจึงแวะทักทายท่านแม่ทัพ ฟางหลานซือหลานสาวข้านะสิคะยั้นคะยออยากมาหาท่านเพราะความคิดถึง” ฟางหลานซือยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะลุกขึ้นยอบตัวลงคารวะไท่หยาง“ข้าคิดถึงท่านแม่ทัพมากเพียงแค่ผ่านจวนของท่านหากไม่ได้แวะข้าคงนอนไม่หลับ เรื่องนี้ทำให้ท่านแม่ทัพที่มีงานจนล้นมือต้องลำบากต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ”“เรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ข้าเสียเวลาหรอก นั่งลงเถิดอีกไม่นานสาวใช้คงนำน้ำชาพร้อมกับขนม

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลย

    บทที่ 14 อย่าให้มือเจ้าแปดเปื้อนเลยดวงตาฟางหลานซือแข็งกร้าวด้วยความโมโหเมื่อถูกอวิ๋นหลิงดูถูกเหยียดหยาม เดินไปกระชากผมของอวิ๋นหลิงตบนางที่ใบหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนเลือดที่ปากของนางไหลซึมออกมา“เจ้าสามหาวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวของท่านเจ้าแคว้นหรือ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่ายามนี้เจ้าเป็นเพียงเชลยไม่มีสิทธิ์มาต่อปากต่อคำกับข้า” เท่านั้นนางยังไม่พอใจเรียกสาวใช้ของตนเองมาจับตัวของอวิ๋นหลิงเอาไว้“โจวลี่อิงเจ้ามาจับตัวของนางเอาไว้และจับมือของนางไว้บนโต๊ะนี่ ดูสิว่าไม่มีมือคอยทำงานเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร” ฟางหลานซือหันไปเจอมีดทำครัวอยู่ตรงนั้นพอดีนางรีบเดินไปคว้ามาฟันที่มือของอวิ๋นหลิง สาวใช้ที่เคยถูกตัดมือยิ้มกริ่มออกมาเมื่ออีกฝ่ายจะโดนเหมือนตนไป๋หนิงซินคุกเข่าลงอ้อนวอนไม่ให้ฟางหลานซือลงมือทำร้ายอวิ๋นหลิง“คุณหนูอย่าทำอย่างนั้นเลย ข้าขอร้องนะเจ้าคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้าไม่ต้องมายุ่ง” ฟางหลานซือหันขวับจ้องมองไป๋หนิงซินดวงตาราวกับปีศาจจนนางต้องหันหน้าหนีด้วยความกลัว อวิ๋นหลิงพยายามปัดป้องไม่ให้ตัวเองโดนทำร้ายแต่ก็ถูกสาวใช้ของฟางหลานซือจับเอาไว้ ยากนักที่นางจะต่อต้านสายตาข

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือ

    บทที่ 13 คุณหนูฟางหลานซือเรือนตระกูลฟางสตรีที่งดงามอีกนางที่มีใจรักมั่นคงต่อแม่ทัพหลิวไท่หยาง เฝ้าฝันหาเขาอยู่ทุกวัน วันนี้เป็นวันอากาศดีนางจึงจะเดินทางไปหาแม่ทัพไท่หยางที่จวน ตั้งสองตระกูลเป็นญาติห่าง ๆ แต่ทว่านางไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ ต้องการเป็นสตรีที่ยืนเคียงข้างเขา“คุณหนูฟางหลานซือจะออกเดินทางไปที่จวนท่านแม่ทัพหลิวหรือขอรับ ข้าน้อยจะเตรียมเกี้ยวให้ขอรับ”“ใช่แล้วรีบไปเตรียมก่อนที่แดดจะร้อนไปมากกว่านี้ ” สตรีรูปคิ้วโค้งราวคันศรธนูถือพัดในมือพัดไปพัดมาพร้อมสั่งการบ่าวในเรือนให้ไปเตรียมเกี้ยว“คุณหนูเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้แม่ทัพหลิวพาตัวนางเชลยมาที่จวนด้วยเจ้าค่ะ”“แค่เชลยทำไมข้าต้องใส่ใจด้วย”“มิใช่เช่นนั้นสิเจ้าคะ นางเป็นเชลยก็จริงแต่ก็เคยเป็นสตรีทีท่านแม่ทัพหลิวรักหมดหัวใจ ทั้งสองเคยพูดคุยหารือกันเรื่องงานมงคลด้วย แต่ข้าได้ยินมาว่าครั้นนั้นนางมิได้แสดงตัวตนว่าเป็นบุตรสาวเรือนใดทำให้ท่านแม่ทัพไม่รู้ว่านางเป็นบุตรสาวของศัตรูเจ้าค่ะ” โจวลี่อิงสาวใช้ประจำกายของฟานหลานซือเอ่ยขึ้นเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนายหญิงของตน“อะไรนะ ! แล้วท่านแม่ทัพพานางกลับมาที่จวนทำไมกันหรือว่ายังพิศวาสมัน

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอ

    บทที่ 12 หม่อมฉันจะรอร่างบางที่เคยมีใบหน้าอมชมพูผิวขาวราวหยวก บัดนี้ใบหน้าของนางขาวซีดเผือกริมฝีบางแห้งผากซีดจนแทบไม่เหลือความเป็นคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม โดยมีไป๋หนิงซินอยู่ข้าง ๆ คอยเช็ดตัวให้นางอยู่ไม่ห่าง“นางเป็นเช่นไรบ้าง”“ท่านหมอบอกว่านางทนไม่ได้ที่ร่างกายถูกแดดแล้วมาถูกสายฝนเจ้าค่ะ ทำให้นางรับไม่ไหวจนจับไข้และเอ่อ...ท่านหมอบอกว่าร่างกายของนางด้านในรวมถึงชีพจรอ่อนเหลือเกินเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพไม่ยอมให้นางพักและสั่งลงโทษนางอีกบัดนี้ข้าเกรงว่านางจะลาโลกจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เจ้าเองก็ไม่ต่างจากเหลียงอวี้กล่าวหาว่าข้าเป็นคนผิดสินะที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นหากนางมิใช่บุตรสาวของจางชินหลง เป็นเพราะนางทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนาง ”ไท่หยางเอ่ยจบเดินหันหลังออกจากห้องและยัดกระดาษเทียบยาให้แก่หลวนฮวานไปซื้อที่โรงยา“ช่วยไปจัดการให้ข้าที”“ขอรับ”จิตใจของไท่หยางเริ่มว้าวุ่น เขาทั้งโมโหทั้งเกรี้ยวโกรธแต่เมื่อได้ยินว่านางจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อเขากลับรู้สึกเจ็บลึกที่หัวใจ เขาต้องดีใจมิใช่หรือที่แก้แค้นให้ท่านแม่ได้และทำให้นางเจ็บปวดแต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกใจหายเช่นนี้ได้ ความคิดของเขาเริ่มสับสน

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 11 จับไข้

    บทที่ 11 จับไข้เหลียงอวี้เดินเข้ามาในห้องของไท่หยางเห็นเขายืนอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งทำให้เขาไม่ชอบใจเลยที่สหายเปลี่ยนไปเป็นคนที่เลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้“เรื่องนี้เจ้าทำเกินกว่าเหตุไปแล้ว ทำไมถึงต้องทำกับนางเช่นนี้ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าไม่รักนางหมดใจแล้ว จงปลดปล่อยนางไปเถิดตอนนี้นางเป็นเพียงเชลยอย่างเจ้าว่าไร้ท่านพ่อไร้คนหนุนหลัง นางเปรียบสตรีไร้แขนไร้ขาปล่อยนางไปเสียไม่ดีกว่าหรือ ? แค่มองแววตาของนางยังไงนางก็ไม่คิดหาทางแก้แค้นเจ้าแน่ ดวงตาของนางว่างเปล่าเหมือนคนไร้วิญญาณนางคงแตกสลายไปหมด เจ้าช่วยปลดปล่อยนางหรือส่งตัวนางขายนางให้เป็นทาสเสีย และมีอีกทางหากเจ้าบอกว่าเจ้าแค้นตระกูลนางข้ามีทางเลือกให้เจ้าคือบั่นคอนางเสีย อย่าทำร้ายจิตใจของนางไปมากกว่านี้”“เฮอะ ! องค์ชายท่านช่างรู้ดีจริง ๆ ยังไงข้าก็ไม่ยอมยกนางให้ผู้ใดทั้งนั้น คำพูดของข้าพูดออกไปแล้วไม่คืนคำมิเช่นนั้นข้าจะปกครองทหารหลายพันนายได้ยังไง ที่ข้ายอมปล่อยนางไปวันนี้เพราะเห็นว่าท่านยอมแลกกับยศของท่านแถมยังไม่กลัวแปดเปื้อนไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าองค์ชายสามเหลียงอวี้ปกป้องเชลยศึกของแคว้นหยางอัน ข้าขอให้ท่านรับ

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง

    บทที่ 10 ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดคำสั่งฝั่งด้านเหลียงอวี้หลังจากที่เขากลับมาจากจวนหลิวไท่หยางเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องของจางอวิ๋นหลิง ดวงตาของนางว่างเปล่าใบหน้าอมทุกข์ไร้ชีวิตชีวายิ่งทำให้เขาเป็นห่วงนางจับใจ หากจะคิดหาหนทางช่วยเหลือนางออกมาก็กลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏพาบุตรสาวของศัตรูหลบหนี แต่ก็อดเป็นห่วงนางไม่ไหวตัดสินใจไปหานางที่จวนของแม่ทัพไท่หยาง เขาไม่เชื่อว่าสหายของเขาจะหมดรักนางรวดเร็วป่านนี้เพียงเพราะยามนี้ใจของไท่หยางมีความแค้นต่อพ่อของนางมากกว่าแดดเริ่มแรงเมื่อถึงยามอู่ (11.00) วันนี้อากาศแปรปรวนลมพัดแรงอีกทั้งยังมีเมฆครึ้มจับตัวเป็นก้อน ๆ คล้ายจะมีพายุฝน“ท่านแม่ทัพจะปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นหรือขอรับ ข้าว่าอากาศเริ่มไม่ดีแล้ว”“เจ้าจะไปห่วงนางทำไมกัน ในเมื่อนางปากแข็งไม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเองรู้อยู่แก่ใจแถมยังเสแสร้งอีก ในเมื่อนางอวดดีก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่เช่นนั้นต่อไป ไม่ว่าจะเกิดพายุโหมกระหน่ำหรือหิมะตกลงมาอย่างบ้าคลั่งก็ปล่อยให้นางนั่งอยู่หน้าห้องจนกว่าข้าจะได้ยินคำอ้อนวอนยอมแพ้ของนางถึงจะยอมสั่งให้นางเข้าร่ม”ไท่หยางเหลือบตามองไปด้านนอกเห็นสตรีที่ดื้อด้านไม่ยอมเอ่ยคำยอมแพ้ออกมาย

  • เชลยแค้นแม่ทัพทมิฬ    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อย

    บทที่ 9 ไม่มีทางปล่อยพื้นไม้แข็งเย็นยะเยือกแต่ไม่เยือกเย็นเท่ากับสวรรค์ที่ไม่มีความเมตตาต่อความต้องการของนางสักนิด ร่างบางลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนี่มิใช่ศาลารับลมหรือแม้แต่ในแม่น้ำแต่เป็นห้องที่นางอาศัยอยู่ทุกวัน ครานี้ทุกสิ่งอย่างที่นางกวาดตามองมืดสลัวนางนอนไปนานเท่าไหร่กัน นางพยายามนึกคิดว่าตนเองขึ้นจากแม่น้ำมาได้อย่างไร เพียงตอนนั้นสมองยังอื้ออึงได้ยินเพียงเสียงแว่ว ๆ ที่ประโคมต่อว่าปะทะฝีปากต่อเถียงกันเรื่องของนาง“ฟื้นแล้วหรือ” น้ำเสียงที่ดังขึ้นอยู่มุมห้องทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งรีบร้อนลุกขึ้น“ท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร นี่มันห้องนอนของสาวใช้มิใช่หรือ ? ”“ไม่ว่าจะที่ใดที่อยู่ในจวนของข้า ข้าย่อมไปได้ทุกที่” ร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้นางมากกว่า แสงโคมไฟด้านนอกสะท้อนเข้ามาเห็นเงาและแววตาของเขาเพียงชั่วขณะแต่นางสามารถรับรู้สึกรังสีอำมหิตที่ส่งผ่านมายังนาง เขานั่งลงคว้าแขนของนางบีบเต็มแรงจนร่างบางสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดจนส่งเสียงร้องออกมา“โอ้ย !!”“เจ้าเจ็บหรือ ? ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากตายหรือไงกัน... เจ้าว่ายน้ำเป็นแท้ ๆ แต่กลับไม่ว่ายขึ้นมาข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่ให้เจ้าตายง่าย ๆ จนกว่าข้าจะ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status