บททั้งหมดของ สัญญารักผูกหัวใจท่านประธานปากแข็ง: บทที่ 631 - บทที่ 640

945

บทที่ 631

“เราก็หน้าหนาไปด้วยกัน”“คุณหน้าหนากับผีไปเถอะ”ฟู่เจิงได้แต่ยิ้มทว่าไม่ได้พูดอะไรผ่านไปไม่กี่นาที ก็มีผู้ปกครองอีกสองสามคนพาลูกมานั่งรถไฟหลังรวบรวมจนได้จำนวนคนพอแล้ว รถไฟขบวนน้อยก็ออกเดินทางได้หลังเวินเหลียงกับฟู่เจิงเข้าไปนั่งในรถ รถไฟขบวนน้อยออกเดินทางแล่นวนรอบห้างสรรพสินค้ารอบหนึ่งเมื่อบรรดาผู้คนสัญจรไปมาที่เดินช็อปปิงอยู่ด้านหน้าได้ยินเสียงรถไฟขบวนน้อย ต่างก็พากันหลีกทางให้ พร้อมทอดสายตามองมาโดยไม่คิดอะไรทีหนึ่งขณะที่พวกเขาชำเลืองมาเห็นเวินเหลียงและฟู่เจิง ก็มักจะหันกลับมามองเพิ่มอีกทีหนึ่งเด็ก ๆ ประหลาดใจกับรูปร่างหน้าตาของพวกเขา อยากจะลองเล่นรถไฟขบวนน้อยดูผู้ใหญ่ประหลาดใจที่พวกเขาอายุอานามขนาดนี้แล้วยังมานั่งรถไฟขบวนน้อยนี่อยู่อีกโดยเฉพาะคนรุ่นผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่มีความคิดว่าผู้ชายควรจะเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกเป็นสามีที่ดี มีความเป็นผู้ใหญ่ มั่นคงและมีความรับผิดชอบ เมื่อเห็นว่าฟู่เจิงอายุก็ไม่น้อยแล้ว ทำไมถึงยังมานั่งรถไฟขบวนน้อยแสนไร้เดียงสาขนาดนั้น อย่างกับเด็กน้อย?หน้าตาก็ดูหล่อเหลา คงเป็นคนหน้าหนาคนหนึ่งแน่เวินเหลียงชำเลืองมองฟู่เจิงด้วยสีหน้าคงเดิมทีหนึ่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 632

หลังกลายเป็นแฟนของฟู่เซิง เธอก็ไปทำความเข้าใจสถานการณ์ของตระกูลฟู่มา เคยเห็นรูปของฟู่เจิงในอินเทอร์เน็ตเพียงแต่ไม่นึกว่าพวกเขายังมาเดินช็อปปิงที่ห้างด้วยกันแม้จะหย่ากันไปแล้ว คงคิดจะกลับมาแต่งงานกันใหม่อีกครั้ง?“อืม ฟู่เจิง” เวินเหลียงพูดแนะนำฟู่เจิง “นี่เซี่ยหมิ่น แฟนของพี่สาม”ฟู่เจิงมองเซี่ยหมิ่นชืด ๆ ทีหนึ่ง ไม่ได้โต้ตอบหรือพูดต่อบนหน้าของเซี่ยหมิ่นเผยความอิหลักอิเหลื่อออกมาสายหนึ่ง เธอมองเวินเหลียงเวินเหลียงพูดแก้สถานการณ์ให้ “นิสัยเขาเป็นแบบนี้น่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบคุณหรอกนะคะ”เซี่ยหมิ่นพยักหน้าอย่างแข็งทื่อ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “คุณเวินคะ อยากจะเข้าไปช็อปปิงไหมคะ? ร้านเราเพิ่งมีแบบใหม่เข้ามาล็อตหนึ่งพอดีเลย”“งั้นเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกันค่ะ” เวินเหลียงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบเซี่ยหมิ่นเดินนำพวกเขาเข้าไปทั้งยิ้มแย้ม เธอแนะนำสินค้าใหม่ประจำฤดูใบหไม้ผลิให้เวินเหลียงฟู่เจิงหอบเหล่าตุ๊กตาเดินตามอยู่ด้านหลังเวินเหลียงอากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ และถึงเวลาต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของฤดูใบไม้ผลิพอดี เวินเหลียงเลือกกระโปรงยาวแฟชันประจำฤดูใบไม้ผลิไปลองในห้องลองเสื้อผ้า ฟู่เจิงรอเธอ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 633

“งั้นก็ได้ค่ะ” เซี่ยหมิ่นเดินออกไปส่งพวกเขา “กลับดี ๆ นะคะ”พอพวกเวินเหลียงเขาออกไป เซี่ยหมิ่นก็กลับมาที่ร้าน เพื่อนร่วมงานที่ว่างงานอยู่คนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ๆ “หมินหมิ่น สองคนเมื่อกี้นั่นเหมือนจะเป็น...”เซี่ยหมิ่นพยักหน้าด้วยสีหน้าดังเดิม พร้อมทำท่าอย่างเห็นจนชินตาแล้ว “เป็นพวกเขา พี่สะใภ้กับพี่ชายของแฟนฉัน”“น่าอิจฉาเธอจริง ๆ เลย ได้แฟนดีขนาดนี้”เซี่ยหมิ่นยิ้มพร้อมเอ่ยขึ้นอย่างถ่อมตน “ไม่มีอะไรให้น่าอิจฉาซะหน่อย สะใภ้ไฮโซก็ไม่ได้เป็นกันได้ง่าย ๆ”“ก็ไม่ได้ง่ายไปกว่าตระกูลคนธรรมดาทั่วไปเลย”หลังพูดจบทั้งสองคนก็แยกจากกัน เพื่อนร่วมงานลอบกลอกตาขาวใส่ทีหนึ่งนี่เพิ่งจะคบกันได้ไม่นานเท่าไร ก็โอ้อวดตัวเองว่าเป็น ‘สะใภ้ไฮโซ’ แล้วยังไม่แน่เลยว่าจะได้เข้าตระกูลไฮโซหรือเปล่า!ออกมาจากร้าน เวินเหลียงเห็นว่าฟู่เจิงยังคงมีท่าทีเย็นชาอยู่จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณเป็นอะไรไป?”ฟู่เจิงตอบ “สายตาฟู่เซิงไม่ได้เรื่องได้ราวเท่าไรเลย”เวินเหลียง “...”เธอนึกไปถึงที่อาสะใภ้รองบ่นก่อนหน้านี้สองวันนั้นเป็นเพราะฟู่เซิงงานยุ่ง แต่ก็ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว อาสะใภ้รองคงบอกเรื่องในวันนั้นกับฟู่เซิงแล้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 634

หลังเพลงร็อกจบลง ชายหญิงที่อยู่ในฟลอร์เต้นรำยังคงทยอยเข้าไปอย่างต่อเนื่องนักร้องที่อยู่บนเวทีลงจากเวที เบื้องหลังตัดเพลงที่อินโทรฟังสบาย ๆ ขึ้นมาเพลงหนึ่ง ก่อนจะส่งไมโครโฟนให้ฟู่เจิงฟู่เจิงเดินขึ้นเวทีไป เงาร่างที่สูงตระหง่านยืนอยู่ภายใต้แสงไฟ ใบหน้าอันหล่อเหลาทำเอาผู้คนละสายตาไม่ได้“เมื่อดวงดาวที่อยู่ตรงเส้นขอบฟ้าปรากฏขึ้น...”เสียงผู้ชายประสานเข้ามาตามจังหวะ เย็นชาและเหินห่าง เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งเป็นเพลงความรักที่สวรรค์ลิขิตของคุณหลี่เจี้ยน“เธอรู้ไหมฉันเริ่มคิดถึงเธออีกแล้ว แม้จะรักมากแค่ไหนก็ทำได้เพียงมองอยู่ห่าง ๆ ดั่งเช่นแสงจันทร์สาดส่องไปบนผืนทะเล...”เวินเหลียงมองเงาร่างที่อยู่บนเวทีพลางเลิกคิ้ว เธอถือโทรศัพท์ขึ้นมาเริ่มกดอัดบันทึกก่อนหน้านี้เธอไม่เคยฟังฟู่เจิงร้องเพลงมาก่อนเลยเธอรู้แค่ว่าเขาเล่นเปียโนเป็น แต่นึกไม่ถึงว่าจะร้องเพลงเพราะขนาดนั้นด้วยตอนแรกเธอยังมีเจตนาเย้ยหยันอยู่สองสามส่วน ทว่ายิ่งฟังก็ยิ่งจมดิ่งสู่ความลุ่มหลง“พวกเราที่ยังเยาว์วัยเคยคิดว่า คนที่รักกันจะไปถึงนิรันดร เมื่อเราเชื่อว่าความรักลึกซึ้งจนมาคบกัน ไม่ได้ยินเสียงลมหายใจในสายลม ใคร
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 635

ไหนจะเอสเอไร้มารยาทที่ร้านเสื้อผ้านั่นอีก!เจียงเฉิงนี่มันเมืองเฮงซวยอะไรกัน ทำไมถึงมีแต่พนักงานแปลก ๆ!?ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งโกรธ เธอเอ่ยขึ้นอย่างเดือดพล่านว่า “เธอเดินยังไงของเธอเนี่ย? ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือบ้างหรือไง?! ชุดของฉันชุดนี้ราคาสี่แสนเชียวนะ เธอชดใช้ไหวเหรอ?”พนักงานเสิร์ฟรีบเอ่ยขอโทษ “ขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ คุณส่งชุดไปร้านซักรีดได้เลยค่ะ ฉันจะชดใช้ค่าซักรีดให้คุณเองค่ะ...”“ค่าซักรีด? ฉันขาดแคลนค่าซักรีดแค่ไม่กี่สตางค์นั่นหรือไง? ชดใช้เงินมาสี่แสน ห้ามขาดไปแม้แต่บาทเดียว!”พนักงานหน้าซีดเผือด “คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ...”“ฉันใจเย็นมาก ฉันมีข้อเรียกร้องเพียงข้อเดียวคือชดใช้เงินมาซะ!”“ขอโทษด้วยนะคะ ต้องข้ออภัยด้วยค่ะข้อนี้ฉันทำไม่ได้จริง ๆ”“ผู้จัดการของพวกเธอล่ะ?!”“ฉันจะไปเรียกเขามาให้คุณเดี๋ยวนี้ค่ะ ถึงยังไงเดิมทีฉันก็จะลาออกอยู่แล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่มาทำงานแล้ว”ใครจะไปรู้ได้ว่าจะซวยขนาดนี้ ที่ต้องมาเจอคนตรงหน้าคนนี้ ตัวเองเดินมาชนเองแท้ ๆ ยังมาเรียกร้องเยอะแยะอีก“เธอ...ฉันจะแจ้งตำรวจ!”“แจ้งตำรวจให้มาจับตัวคุณเองเหรอ?” เวินเหลียงเดินเข้าไปหญิงสาวหันหน้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 636

เหมือนว่าเซี่ยมู่จะมองอะไรบางอย่างออก เวินเหลียงรู้จักกับผู้หญิงที่ไร้เหตุผลที่ชื่อหลินอี้หน่วนตรงหน้าคนนี้ฉวยโอกาสในตอนที่ทั้งสองคนมีปากเสียงกัน เวินเหลียงส่งสายตาให้เธอ บอกเป็นนัยว่าให้เธอออกไปก่อนเซี่ยมู่ไม่ไป ถ้าเธอออกไปหลินอี้หน่วนได้ไปคิดบัญชีเวินเหลียงแทนแน่หลินอี้หน่วนคงไม่คิดจะแจ้งตำรวจจริง ๆ เธอจ้องมองเวินเหลียงเขม็งทีหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปเห็นเงาเบื้องหลังของเธอหายไปตรงมุมโค้ง เวินเหลียงก็ชักสายตากลับมาแล้วหันไปยิ้มให้เซี่ยมู่ “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะคุณเวิน”“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณบอกว่า วันนี้จะมาทำงานที่นี่เป็นวันสุดท้าย?”“อืม” เซี่ยมู่อธิบาย “ก่อนหน้านี้พ่อฉันสุขภาพไม่ค่อยดี ฉันเลยดรอปเรียนเอาไว้ ตอนนี้สุขภาพพ่อฉันดีขึ้นมากแล้ว ฉันเลยอยากไปทำเรื่องเข้าเรียนใหม่น่ะค่ะ”“ดีใจด้วยนะคะที่คุณลุงหายแล้ว”“ขอบคุณค่ะ ฉันไปเอาไม้กวาดมากวาดตรงนี้ก่อนนะคะ”“ไปเถอะค่ะ”เวินเหลียงเองก็จะไปห้องน้ำเช่นกันหลังกลับมาจากห้องน้ำ เธอก็เห็นว่าที่นั่งตรงหน้าฟู่เจิงที่เดิมที่ตนเคยนั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่พอเข้าไปมองใกล้ ๆ เป็นหลินอี้หน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 637

ฟู่เจิงมองหูและแก้มที่ค่อย ๆ แดงระเรื่อไปด้วยเลือดฝาดของเธอ นัยน์ตาพลันประกายรอยยิ้ม เขาคว้ามือน้อย ๆ ที่อ่อนนุ่มและขาวผ่องของเธอเอาไว้ “อาเหลียง ตอนนี้เรา...”เวินเหลียงชะงักไปพร้อมหันหน้ามามองเขา “ตอนนี้เราทำไม?”“ตอนนี้เรานับว่าคืนดีกันหรือยัง?”เวินเหลียงกระตุกยิ้มมุมปากที่แฝงไปด้วยความสดใสและพราวเสน่ห์ “ฟู่เจิง คุณคิดมากเกินไปแล้ว”“ไม่ต้องพูดว่าเมื่อคืนระหว่างเราไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ต่อให้เกิดขึ้นแล้วนั่นก็ไม่มีอะไร โต ๆ เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ใครยังจะฝังใจกับคนคนเดียวจนไม่ยอมแต่งงานกับคนอื่นเพราะความสุขสำราญเพียงแค่คืนเดียวกันล่ะ? แถมสถานการณ์เมื่อวานคุณก็เป็นคนบังคับขืนใจฉันด้วย”“คุณควรเปลี่ยนความคิดได้แล้ว อย่าทำตัวอย่างกับคนแก่คร่ำครึ”“ฉันจะพูดกับคุณให้ชัดเจนนะ ฉันไม่มีความคิดที่จะกลับไปแต่งงานใหม่กับคุณอีก ฉันคิดว่าอยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้ว”เวินเหลียงพอใจกับสถานะของตัวเองในตอนนี้เป็นอย่างมากอยู่ตัวคนเดียวอยากทำอะไรก็ทำถึงจะชอบฟู่เจิง แต่จะให้ชีวิตของตัวเองหมุนรอบฟู่เจิงไม่ได้ถ้าฟู่เจิงมาหาเธอ เธอก็จะรับมือ แต่ถ้าเขาไม่มาหาเธอ เธอก็ทำเรื่องของตัวเองไปคำว่าแฟน คำว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 638

แม้เวินเหลียงจะบอกว่าไม่มีความคิดจะกลับไปแต่งงานใหม่กับเขา แต่ฟู่เจิงยังสัมผัสได้เช่นเดิมว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวินเหลียงดูแน่นแฟ้นขึ้นมากดูสนิทกว่าตอนยังไม่หย่าเสียด้วยซ้ำตอนนั้นโดยพื้นฐานแล้วเธอจะไม่โต้เถียงเขา หรือปฏิเสธเขาเรียกได้ว่าเชื่อฟัง และเรียกได้ว่าห่างเหิน ขี้เกรงใจ มีมารยาททว่าตอนนี้เธอเริ่มสนิทสนมกับเขามากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเผยอารมณ์ขี้หงุดหงิด นิสัยเอาแต่ใจของตัวเองต่อหน้าเขา มันยิ่งทำให้เขาชอบ และไม่จงใจใช้คนอย่างเมิ่งเซ่อ เฮ่อหมิงมายั่วให้เขาโกรธอีกบางทีถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ต้องมีสักวันที่เวินเหลียงจะคืนดีกับเขาทว่าตอนนี้เขาจำเป็นต้องจัดการสิ่งกีดขวางระหว่างพวกเขาอย่างหนึ่งก่อนขณะที่ฟู่เจิงเยื้องย่างเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย ฟู่ชิงเยว่กำลังกินข้าวเที่ยงอยู่เธอยิ้มพลางมองฟู่เจิงทีหนึ่ง “อาเจิงมาแล้วเหรอ? กินข้าวเที่ยงหรือยัง ไม่งั้นมากินด้วยกันไหม?”ฟู่เจิงมองเธอลงไปจากเบื้องบน “ไม่ละครับ คุณอา ผมมาพูดไม่กี่ประโยคเดี๋ยวก็ไปแล้ว”ฟู่ชิงเยว่สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่อยู่ในน้ำเสียงของฟู่เจิง เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยทีท่าจริงจัง “เธอจะพูดอะไร?”ฟู่เจิงโ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 639

“ใช่ครับ ในคำสารภาพของเขาพูดถึงฉู่ซืออี๋อยู่สองสามครั้ง ล้วนปรากฏตัวขึ้นมาในฐานะของเหยื่อ แถมยังอธิบายการทรมานที่ฉู่ซืออี๋เผชิญหลังถูกลักพาตัวอย่างละเอียดอีกด้วย”ส่วนวัตถุประสงค์ที่ฟู่เยว่บงการให้พวกเขาลักพาตัวฉู่ซืออี๋ จางกั๋วอันก็สารภาพออกมาว่า โปรเจกต์ที่ฟู่เจิงเข้าร่วมตอนนั้นอยู่ในช่วงเวลาสำคัญพอดี ฟู่เยว่ไม่อยากให้ฟู่เจิงได้สร้างความดีความชอบเวินเหลียงเงียบไปในด้านความรู้สึก เธอยอมเชื่อฟู่เจิงกับฟู่เยว่มากกว่า เชื่อว่าฟู่เยว่ไม่ใช่คนบงการเธอจินตนาการไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าหลังจากที่ฟู่เยว่ทำให้พ่อเธอตายแล้วเขายังปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ทว่าหากคิดในแง่มุมของเหตุและผล มาถึงขั้นนี้แล้วจางกั๋วอันยังมีเหตุผลอะไรให้ต้องโกหกอีก?เขาสารภาพเรื่องทั้งหมดแล้ว ตัวเองก็หนีไม่พ้น แล้วยังจะไปปกป้องฉู่ซืออี๋อีกเหรอ?ฉู่ซืออี๋มีอะไรที่ควรค่าให้เขาปกป้องกัน?แต่ฉู่ซืออี๋เคยลอบส่งข่าวให้เมิ่งจินถังจริง ๆ เรื่องนี้จะอธิบายยังไง?เธอถามขึ้นว่า “คุณอาคะ ทางคุณอาสืบเจออะไรบ้างไหมคะ? มีแนวโน้มว่าจะสรุปไปในทิศทางไหนคะ?”ผู้กำกับครุ่นคิดพลางตอบ “ฟู่เยว่กับฉู
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 640

จู่ ๆ เวินเหลียงก็นึกถึงวันที่เธอตามฟู่เจิงไปบริษัทวันนั้น ฟู่เจิงเสร็จจากการประชุมกลับมาก็รีบออกไปหลังได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง ตอนกลับมาบนหน้าเต็มไปด้วยรอยแผล สะบักสะบอมไปทั้งตัว เอาแต่กอดเธอไม่พูดไม่จา อารมณ์ดูเปลี่ยนไปแปลก ๆ ไม่ว่าถามยังไงเขาก็ไม่ยอมปริปาก...เขาต้องรู้เรื่องในตอนนั้นแน่ฝั่งหนึ่งก็พี่ชายคนโตของเขา ฝั่งหนึ่งก็พ่อของเธอ ฉะนั้นหลังฟู่เจิงรู้เรื่องจึงไม่ได้บอกเธอทันที แต่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยผ่านไปสองสามวัน ถึงพาฟู่เยว่มามอบตัวก่อนจางกั๋วอันจะมาถึงเจียงเฉิงถ้าฟู่เยว่เป็นคนบงการ อย่างนั้นเป็นไปได้มากว่าความคิดที่ว่าโยนทุกอย่างไปให้ฉู่ซืออี๋ ฟู่เจิงจะเป็นคนต้นคิดออกมา บางทีในสองสามวันมานี้ อาจพอให้เขาไปเช็ดล้างหลักฐานบางส่วน และสร้างหลักฐานบางอย่างขึ้นมาก็ได้แต่ว่าฟู่เจิงจะใช้วิธีพรรค์นี้ช่วยให้ฟู่เยว่พ้นโทษเหรอ?เวินเหลียงไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่ารู้จักฟู่เจิงดี แต่เธอรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น...ตอนแปดโมงเช้า ฮั่วตงเฉิงผลักประตูเดินเข้าไปในห้องรับรอง ฟู่ชิงเยว่นั่งดื่มชาด้วยท่าทางสุขุมอยู่ตรงหน้าโซฟาอยู่ก่อนแล้วเขาปิดประตูก่อนเดินเข้าไป ภายใต้สีหน้าเย็นชาแฝงค
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
6263646566
...
95
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status