หลังเพลงร็อกจบลง ชายหญิงที่อยู่ในฟลอร์เต้นรำยังคงทยอยเข้าไปอย่างต่อเนื่องนักร้องที่อยู่บนเวทีลงจากเวที เบื้องหลังตัดเพลงที่อินโทรฟังสบาย ๆ ขึ้นมาเพลงหนึ่ง ก่อนจะส่งไมโครโฟนให้ฟู่เจิงฟู่เจิงเดินขึ้นเวทีไป เงาร่างที่สูงตระหง่านยืนอยู่ภายใต้แสงไฟ ใบหน้าอันหล่อเหลาทำเอาผู้คนละสายตาไม่ได้“เมื่อดวงดาวที่อยู่ตรงเส้นขอบฟ้าปรากฏขึ้น...”เสียงผู้ชายประสานเข้ามาตามจังหวะ เย็นชาและเหินห่าง เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งเป็นเพลงความรักที่สวรรค์ลิขิตของคุณหลี่เจี้ยน“เธอรู้ไหมฉันเริ่มคิดถึงเธออีกแล้ว แม้จะรักมากแค่ไหนก็ทำได้เพียงมองอยู่ห่าง ๆ ดั่งเช่นแสงจันทร์สาดส่องไปบนผืนทะเล...”เวินเหลียงมองเงาร่างที่อยู่บนเวทีพลางเลิกคิ้ว เธอถือโทรศัพท์ขึ้นมาเริ่มกดอัดบันทึกก่อนหน้านี้เธอไม่เคยฟังฟู่เจิงร้องเพลงมาก่อนเลยเธอรู้แค่ว่าเขาเล่นเปียโนเป็น แต่นึกไม่ถึงว่าจะร้องเพลงเพราะขนาดนั้นด้วยตอนแรกเธอยังมีเจตนาเย้ยหยันอยู่สองสามส่วน ทว่ายิ่งฟังก็ยิ่งจมดิ่งสู่ความลุ่มหลง“พวกเราที่ยังเยาว์วัยเคยคิดว่า คนที่รักกันจะไปถึงนิรันดร เมื่อเราเชื่อว่าความรักลึกซึ้งจนมาคบกัน ไม่ได้ยินเสียงลมหายใจในสายลม ใคร
ไหนจะเอสเอไร้มารยาทที่ร้านเสื้อผ้านั่นอีก!เจียงเฉิงนี่มันเมืองเฮงซวยอะไรกัน ทำไมถึงมีแต่พนักงานแปลก ๆ!?ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งโกรธ เธอเอ่ยขึ้นอย่างเดือดพล่านว่า “เธอเดินยังไงของเธอเนี่ย? ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือบ้างหรือไง?! ชุดของฉันชุดนี้ราคาสี่แสนเชียวนะ เธอชดใช้ไหวเหรอ?”พนักงานเสิร์ฟรีบเอ่ยขอโทษ “ขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ คุณส่งชุดไปร้านซักรีดได้เลยค่ะ ฉันจะชดใช้ค่าซักรีดให้คุณเองค่ะ...”“ค่าซักรีด? ฉันขาดแคลนค่าซักรีดแค่ไม่กี่สตางค์นั่นหรือไง? ชดใช้เงินมาสี่แสน ห้ามขาดไปแม้แต่บาทเดียว!”พนักงานหน้าซีดเผือด “คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ...”“ฉันใจเย็นมาก ฉันมีข้อเรียกร้องเพียงข้อเดียวคือชดใช้เงินมาซะ!”“ขอโทษด้วยนะคะ ต้องข้ออภัยด้วยค่ะข้อนี้ฉันทำไม่ได้จริง ๆ”“ผู้จัดการของพวกเธอล่ะ?!”“ฉันจะไปเรียกเขามาให้คุณเดี๋ยวนี้ค่ะ ถึงยังไงเดิมทีฉันก็จะลาออกอยู่แล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่มาทำงานแล้ว”ใครจะไปรู้ได้ว่าจะซวยขนาดนี้ ที่ต้องมาเจอคนตรงหน้าคนนี้ ตัวเองเดินมาชนเองแท้ ๆ ยังมาเรียกร้องเยอะแยะอีก“เธอ...ฉันจะแจ้งตำรวจ!”“แจ้งตำรวจให้มาจับตัวคุณเองเหรอ?” เวินเหลียงเดินเข้าไปหญิงสาวหันหน้
เหมือนว่าเซี่ยมู่จะมองอะไรบางอย่างออก เวินเหลียงรู้จักกับผู้หญิงที่ไร้เหตุผลที่ชื่อหลินอี้หน่วนตรงหน้าคนนี้ฉวยโอกาสในตอนที่ทั้งสองคนมีปากเสียงกัน เวินเหลียงส่งสายตาให้เธอ บอกเป็นนัยว่าให้เธอออกไปก่อนเซี่ยมู่ไม่ไป ถ้าเธอออกไปหลินอี้หน่วนได้ไปคิดบัญชีเวินเหลียงแทนแน่หลินอี้หน่วนคงไม่คิดจะแจ้งตำรวจจริง ๆ เธอจ้องมองเวินเหลียงเขม็งทีหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปเห็นเงาเบื้องหลังของเธอหายไปตรงมุมโค้ง เวินเหลียงก็ชักสายตากลับมาแล้วหันไปยิ้มให้เซี่ยมู่ “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะคุณเวิน”“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณบอกว่า วันนี้จะมาทำงานที่นี่เป็นวันสุดท้าย?”“อืม” เซี่ยมู่อธิบาย “ก่อนหน้านี้พ่อฉันสุขภาพไม่ค่อยดี ฉันเลยดรอปเรียนเอาไว้ ตอนนี้สุขภาพพ่อฉันดีขึ้นมากแล้ว ฉันเลยอยากไปทำเรื่องเข้าเรียนใหม่น่ะค่ะ”“ดีใจด้วยนะคะที่คุณลุงหายแล้ว”“ขอบคุณค่ะ ฉันไปเอาไม้กวาดมากวาดตรงนี้ก่อนนะคะ”“ไปเถอะค่ะ”เวินเหลียงเองก็จะไปห้องน้ำเช่นกันหลังกลับมาจากห้องน้ำ เธอก็เห็นว่าที่นั่งตรงหน้าฟู่เจิงที่เดิมที่ตนเคยนั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่พอเข้าไปมองใกล้ ๆ เป็นหลินอี้หน
ฟู่เจิงมองหูและแก้มที่ค่อย ๆ แดงระเรื่อไปด้วยเลือดฝาดของเธอ นัยน์ตาพลันประกายรอยยิ้ม เขาคว้ามือน้อย ๆ ที่อ่อนนุ่มและขาวผ่องของเธอเอาไว้ “อาเหลียง ตอนนี้เรา...”เวินเหลียงชะงักไปพร้อมหันหน้ามามองเขา “ตอนนี้เราทำไม?”“ตอนนี้เรานับว่าคืนดีกันหรือยัง?”เวินเหลียงกระตุกยิ้มมุมปากที่แฝงไปด้วยความสดใสและพราวเสน่ห์ “ฟู่เจิง คุณคิดมากเกินไปแล้ว”“ไม่ต้องพูดว่าเมื่อคืนระหว่างเราไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ต่อให้เกิดขึ้นแล้วนั่นก็ไม่มีอะไร โต ๆ เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ใครยังจะฝังใจกับคนคนเดียวจนไม่ยอมแต่งงานกับคนอื่นเพราะความสุขสำราญเพียงแค่คืนเดียวกันล่ะ? แถมสถานการณ์เมื่อวานคุณก็เป็นคนบังคับขืนใจฉันด้วย”“คุณควรเปลี่ยนความคิดได้แล้ว อย่าทำตัวอย่างกับคนแก่คร่ำครึ”“ฉันจะพูดกับคุณให้ชัดเจนนะ ฉันไม่มีความคิดที่จะกลับไปแต่งงานใหม่กับคุณอีก ฉันคิดว่าอยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้ว”เวินเหลียงพอใจกับสถานะของตัวเองในตอนนี้เป็นอย่างมากอยู่ตัวคนเดียวอยากทำอะไรก็ทำถึงจะชอบฟู่เจิง แต่จะให้ชีวิตของตัวเองหมุนรอบฟู่เจิงไม่ได้ถ้าฟู่เจิงมาหาเธอ เธอก็จะรับมือ แต่ถ้าเขาไม่มาหาเธอ เธอก็ทำเรื่องของตัวเองไปคำว่าแฟน คำว
แม้เวินเหลียงจะบอกว่าไม่มีความคิดจะกลับไปแต่งงานใหม่กับเขา แต่ฟู่เจิงยังสัมผัสได้เช่นเดิมว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวินเหลียงดูแน่นแฟ้นขึ้นมากดูสนิทกว่าตอนยังไม่หย่าเสียด้วยซ้ำตอนนั้นโดยพื้นฐานแล้วเธอจะไม่โต้เถียงเขา หรือปฏิเสธเขาเรียกได้ว่าเชื่อฟัง และเรียกได้ว่าห่างเหิน ขี้เกรงใจ มีมารยาททว่าตอนนี้เธอเริ่มสนิทสนมกับเขามากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเผยอารมณ์ขี้หงุดหงิด นิสัยเอาแต่ใจของตัวเองต่อหน้าเขา มันยิ่งทำให้เขาชอบ และไม่จงใจใช้คนอย่างเมิ่งเซ่อ เฮ่อหมิงมายั่วให้เขาโกรธอีกบางทีถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ต้องมีสักวันที่เวินเหลียงจะคืนดีกับเขาทว่าตอนนี้เขาจำเป็นต้องจัดการสิ่งกีดขวางระหว่างพวกเขาอย่างหนึ่งก่อนขณะที่ฟู่เจิงเยื้องย่างเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย ฟู่ชิงเยว่กำลังกินข้าวเที่ยงอยู่เธอยิ้มพลางมองฟู่เจิงทีหนึ่ง “อาเจิงมาแล้วเหรอ? กินข้าวเที่ยงหรือยัง ไม่งั้นมากินด้วยกันไหม?”ฟู่เจิงมองเธอลงไปจากเบื้องบน “ไม่ละครับ คุณอา ผมมาพูดไม่กี่ประโยคเดี๋ยวก็ไปแล้ว”ฟู่ชิงเยว่สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่อยู่ในน้ำเสียงของฟู่เจิง เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยทีท่าจริงจัง “เธอจะพูดอะไร?”ฟู่เจิงโ
“ใช่ครับ ในคำสารภาพของเขาพูดถึงฉู่ซืออี๋อยู่สองสามครั้ง ล้วนปรากฏตัวขึ้นมาในฐานะของเหยื่อ แถมยังอธิบายการทรมานที่ฉู่ซืออี๋เผชิญหลังถูกลักพาตัวอย่างละเอียดอีกด้วย”ส่วนวัตถุประสงค์ที่ฟู่เยว่บงการให้พวกเขาลักพาตัวฉู่ซืออี๋ จางกั๋วอันก็สารภาพออกมาว่า โปรเจกต์ที่ฟู่เจิงเข้าร่วมตอนนั้นอยู่ในช่วงเวลาสำคัญพอดี ฟู่เยว่ไม่อยากให้ฟู่เจิงได้สร้างความดีความชอบเวินเหลียงเงียบไปในด้านความรู้สึก เธอยอมเชื่อฟู่เจิงกับฟู่เยว่มากกว่า เชื่อว่าฟู่เยว่ไม่ใช่คนบงการเธอจินตนาการไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าหลังจากที่ฟู่เยว่ทำให้พ่อเธอตายแล้วเขายังปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ทว่าหากคิดในแง่มุมของเหตุและผล มาถึงขั้นนี้แล้วจางกั๋วอันยังมีเหตุผลอะไรให้ต้องโกหกอีก?เขาสารภาพเรื่องทั้งหมดแล้ว ตัวเองก็หนีไม่พ้น แล้วยังจะไปปกป้องฉู่ซืออี๋อีกเหรอ?ฉู่ซืออี๋มีอะไรที่ควรค่าให้เขาปกป้องกัน?แต่ฉู่ซืออี๋เคยลอบส่งข่าวให้เมิ่งจินถังจริง ๆ เรื่องนี้จะอธิบายยังไง?เธอถามขึ้นว่า “คุณอาคะ ทางคุณอาสืบเจออะไรบ้างไหมคะ? มีแนวโน้มว่าจะสรุปไปในทิศทางไหนคะ?”ผู้กำกับครุ่นคิดพลางตอบ “ฟู่เยว่กับฉู
จู่ ๆ เวินเหลียงก็นึกถึงวันที่เธอตามฟู่เจิงไปบริษัทวันนั้น ฟู่เจิงเสร็จจากการประชุมกลับมาก็รีบออกไปหลังได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง ตอนกลับมาบนหน้าเต็มไปด้วยรอยแผล สะบักสะบอมไปทั้งตัว เอาแต่กอดเธอไม่พูดไม่จา อารมณ์ดูเปลี่ยนไปแปลก ๆ ไม่ว่าถามยังไงเขาก็ไม่ยอมปริปาก...เขาต้องรู้เรื่องในตอนนั้นแน่ฝั่งหนึ่งก็พี่ชายคนโตของเขา ฝั่งหนึ่งก็พ่อของเธอ ฉะนั้นหลังฟู่เจิงรู้เรื่องจึงไม่ได้บอกเธอทันที แต่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยผ่านไปสองสามวัน ถึงพาฟู่เยว่มามอบตัวก่อนจางกั๋วอันจะมาถึงเจียงเฉิงถ้าฟู่เยว่เป็นคนบงการ อย่างนั้นเป็นไปได้มากว่าความคิดที่ว่าโยนทุกอย่างไปให้ฉู่ซืออี๋ ฟู่เจิงจะเป็นคนต้นคิดออกมา บางทีในสองสามวันมานี้ อาจพอให้เขาไปเช็ดล้างหลักฐานบางส่วน และสร้างหลักฐานบางอย่างขึ้นมาก็ได้แต่ว่าฟู่เจิงจะใช้วิธีพรรค์นี้ช่วยให้ฟู่เยว่พ้นโทษเหรอ?เวินเหลียงไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่ารู้จักฟู่เจิงดี แต่เธอรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น...ตอนแปดโมงเช้า ฮั่วตงเฉิงผลักประตูเดินเข้าไปในห้องรับรอง ฟู่ชิงเยว่นั่งดื่มชาด้วยท่าทางสุขุมอยู่ตรงหน้าโซฟาอยู่ก่อนแล้วเขาปิดประตูก่อนเดินเข้าไป ภายใต้สีหน้าเย็นชาแฝงค
นัยน์ตาฟู่ชิงเยว่ประกายความพอใจออกมาสายหนึ่ง “ฉันรู้แล้ว”…เวินเหลียงมาถึงยังสถานีตำรวจเวลาประมาณเก้าโมงเช้าหลังเธอบอกว่าขอเจอฉู่ซืออี๋ เจ้าหน้าที่ที่มารับหน้าเธอก็ลังเลอยู่สองวินาที “ตอนนี้ฉู่ซืออี๋พัวพันอยู่กับคดีอาชญากรรมสองคดี ว่ากันตามเหตุผลแล้วให้เจอไม่ได้ คุณเวินคะ ไม่งั้นคุณไปถามผู้กำกับการก่อนดีไหมคะ? ถ้าผู้กำกับการอนุญาตแล้วถึงจะเจอได้”เวินเหลียงคิดแค่ว่าเมื่อวานผู้กำกับการคงลืมแจ้งลูกน้อง “ตอนนี้คุณอาเขาอยู่ไหมคะ?”ไหน ๆ ก็มาถึงสถานีตำรวจแล้ว โทรไปหาอีกจะเป็นการเสียมารยาทเจ้าหน้าที่พยักหน้า “ผู้กำกับการอยู่ชั้นบนค่ะ”“โอเคค่ะ”เวินเหลียงหมุนตัวเดินขึ้นไปยังชั้นสองประตูห้องทำงานผู้กำกับการไม่ได้ปิดสนิท ประตูถูกเปิดแย้มไว้ช่องหนึ่งยังไม่ทันได้เข้าไปใกล้ เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยแว่วดังออกมา“...ถึงยังไงอาเยว่ก็เป็นหลานชายคนโตของตระกูลฟู่ ยังไงเราก็ทนมองดูเขาล่มจมไร้หนทางฟื้นคืนไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้”“อีกอย่างก็เป็นคดีเก่าที่ปิดคดีไปนานโขแล้ว นอกจากเวินเหลียงก็ไม่มีใครสนใจ อาเจิงต้องลำเอียงไปทางพี่ชายเขาแน่ ๆ เขาต้องเป็นคนออกความคิดนี้อย่างแน่นอน ทุกอย่างไร้ที
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง