“คุณจำคำพูดของตัวเองไม่ได้เหรอคะ ตอนที่พูดกับเพื่อนคุณบอกว่ายังไง ถ้าม่านท้องขึ้นมาคุณจะหย่ากับม่าน และสัญญาของม่านกับคุณมันก็สิ้นสุดลงแล้วด้วย” “ม่าน…” เพียงเขาอ้าปากเรียกชื่อเธอ ม่านทิวาก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่ยอมให้โอกาสคนใจร้ายอย่างเขาได้พูดอธิบายสักคำ “ที่คุณทำไปทั้งหมดก็เพราะต้องการแก้แค้นให้ยัยวิเจ็บใจแล้วก็เอาชนะเดิมพันเพื่อนของคุณ” เธอยอกย้อนเสียงราบเรียบ แต่มันกลับบาดลึกเข้าไปในหัวใจของชายหนุ่มจนเจ็บปวด “ฉัน...” รณพีร์กำลังจะเอ่ยค้าน แต่ก็ถูกม่านทิวาพูดดักคอเอาไว้เสียก่อน “อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกนะคะ เพราะการหลอกลวงให้ ผู้หญิงคนหนึ่งรักคุณจนหมดใจ แต่คุณกลับตอบแทนเขาด้วยความเจ็บช้ำ มันจะทำให้ ผู้หญิงคนนั้นหมดความหวัง ความศรัทธา ความเชื่อใจในความรักจนหมดสิ้น” เสียงสั่นเครือของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มอยากจะกอดปลอบ แต่เธอคงไม่ต้องการ “ม่าน...ฉันขอโทษ”
View Moreหลายวันผ่านไปทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ตามชีวิตประจำวันของแต่ละคนว่าเป็นเช่นไร เช่นเดียวกับนันท์นลินที่ออกไปทำงานเป็นพนักงานร้านกาแฟตั้งแต่เช้า โดยที่ทุกคนในบ้านรู้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กจะออกไปทำงานในตอนเช้า และกลับค่อนข้างจะดึกเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนต่างเข้าใจในการทำงานของหญิงสาว แต่ทว่าอีกสองวันข้างหน้าจะเป็นวันหยุดของเธอ“ลิน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ว่างไหมลูก” นายนนทกรถามลูกสะใภ้หลังจากที่กลับมาจากที่ทำงานแล้ว และมาช่วยแม่บ้านทำงานอย่างไม่อิดออด"ว่างค่ะ"หญิงสาวตอบเพียงสั้น ๆ เท่านั้นโดยที่ไม่แสดงอาการวิตกกังวลใด ๆให้คนตรงหน้าได้รับรู้ในสิ่งที่ตนเองเพิ่งจะพบเจอมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้"เหรอลูก พ่อเห็นย่าเขาอยากจะไปบ้านตาทิวที่ต่างจังหวัด แต่พ่อกับแม่ติดธุระ"เขาอยากจะไหว้วานให้นันท์นลินไปเป็นเพื่อน ลินเต็มใจไปกับคุณ"ได้ค่ะ คุณลุงไม่ต้องขอร้องหรือไหว้วานก็ได้ค่ะ""บอกแล้วให้ให้เรียกว่าพ่อ ไม่ต้องเรียกแล้วคุณลุง""ลินยังไม่ชินน่ะค่ะ ให้เวลาลินหน่อยนะคะ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มพร้อมทั้งส่งยิ้มจาง ๆ ให้กับคนตรงหน้า“หนูมีอะไรในใจหรือเปล่าลิน”“ไม่มีค่ะ วันนี้คุณลุงกับคุณป้าอยากกินอะไรเ
ทยากร ธาราบวรวิชญ์ วัยสามสิบสามปี ที่กำลังนั่งดื่มกาแฟยามเช้าอยู่กับบิดาที่กำลังนั่งอ่านข่าวสารธุรกิจอยู่ในไอแพดเช่นเดิมทุกครั้ง พลันสายตาเหลือบมองบุตรชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม แววตาของชายหนุ่มนั้นช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน นับตั้งแต่วันที่ทยากรกลับไปทำงานที่ไร่ของตนและวนเวียนกลับมาเยี่ยมบิดามารดาบ้างบางครั้ง แต่ทั้งสองคนก็คลาดเคลื่อนไม่ได้พบหน้ากันเสียที อีกคนงานยุ่ง ส่วนอีกคนหลบหน้าไม่อยากพบเจอราวกับสวรรค์ไม่เป็นใจให้ทั้งคู่ได้เจอกันเสียอย่างนั้นตั้งแต่วันที่ทั้งสองคนได้จดทะเบียนสมรสกันอย่างเงียบ ๆ เมื่อหลายปีก่อน ตามความต้องการของผู้เป็นย่าและบิดา แต่หากถูกคัดค้านโดยมารดาของชายหนุ่มแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ มันจึงทำให้เขาไม่อยากจะกลับมาที่นี่หรือเจอหน้าภรรยาของตนเองอีกแต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นวันนี้“ทำไมแกถึงไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องบ้างเหอะ” ผู้เป็นพ่อถามทั้ง ๆ ที่พอจะรู้อยู่แล้ว ว่าคำตอบของลูกชายเป็นเช่นไรและสิ่งที่ได้มามันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเมื่อก่อนตอนที่ให้จดทะเบียนเลย“ผมไม่ว่าง งานที่ไร่มันยุ่ง ๆ น่ะครับ”นั่นไง! มันต่างจากที่คิดเสียที่ไหน เหตุผลหนึ่งก็คงไม่อยากเจอผู้หญิง
"ตั้งแต่มึงมาที่นี่ มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องไปอยู่กับเมียบ้างหรือไง" ตุลธรพูดขึ้นท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น แต่มันพอที่จะทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และเพื่อนของเขาได้ยินด้วยทำเอาคนที่กำลังกระดกเหล้าเข้าปากอย่างเพลินใจถึงกับชะงักในสิ่งที่ได้ยิน "พูดอะไรของมึง กูไม่มีเมีย""แน่ใจนะว่ามึงไม่มีเมีย”“เออกูไม่มีเมีย” ทยากรยังคงปากแข็งและยืนยันคำเดิมว่าตนนั้นไม่มีใคร ไม่มีภรรยาหรือแต่งงานแล้วตามที่เพื่อนทั้งสองพูดมา“แล้วผู้หญิงสวย ๆ ที่กูเจอที่บ้านมึงเป็นใครวะ พวกกูไม่เคยเห็นหน้าเลยถึงไปบ้านมึงบ่อย ๆ ก็เถอะ" เตชินท์ถามด้วยความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจเพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาไปเยี่ยมบิดามารดาของทยากรมา และบังเอิญได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย พร้อมกับประโยคหนึ่งที่นนทกรบิดาของทยากรเอ่ยออกมา'ไอทิว...ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ ทิ้งเมียอยู่กรุงเทพฯ ส่วนตัวเองทำงานที่สวนอย่างสบายใจ มันไม่ห่วงเมียมันเลยหรือยังไงนะ' มันทำให้เขาต้องเก็บความสงสัยมาถึงทุกวันนี้วันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้ว นับจากที่ทยากรขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางกลับที่ไร่"กูจะบอกอีกครั้งว่ากูโสด" ทยากรหงุดหงิดไม่
"ตั้งแต่มึงมาที่นี่ มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องไปอยู่กับเมียบ้างหรือไง" ตุลธรพูดขึ้นท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น แต่มันพอที่จะทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และเพื่อนของเขาได้ยินด้วยทำเอาคนที่กำลังกระดกเหล้าเข้าปากอย่างเพลินใจถึงกับชะงักในสิ่งที่ได้ยิน "พูดอะไรของมึง กูไม่มีเมีย""แน่ใจนะว่ามึงไม่มีเมีย”“เออกูไม่มีเมีย” ทยากรยังคงปากแข็งและยืนยันคำเดิมว่าตนนั้นไม่มีใคร ไม่มีภรรยาหรือแต่งงานแล้วตามที่เพื่อนทั้งสองพูดมา“แล้วผู้หญิงสวย ๆ ที่กูเจอที่บ้านมึงเป็นใครวะ พวกกูไม่เคยเห็นหน้าเลยถึงไปบ้านมึงบ่อย ๆ ก็เถอะ" เตชินท์ถามด้วยความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจเพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาไปเยี่ยมบิดามารดาของทยากรมา และบังเอิญได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย พร้อมกับประโยคหนึ่งที่นนทกรบิดาของทยากรเอ่ยออกมา'ไอทิว...ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ ทิ้งเมียอยู่กรุงเทพฯ ส่วนตัวเองทำงานที่สวนอย่างสบายใจ มันไม่ห่วงเมียมันเลยหรือยังไงนะ' มันทำให้เขาต้องเก็บความสงสัยมาถึงทุกวันนี้วันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้ว นับจากที่ทยากรขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางกลับที่ไร่"กูจะบอกอีกครั้งว่ากูโสด" ทยากรหงุดหงิดไม่...
Comments