ตลอดระยะเวลาที่นันท์นลินอยู่ที่ไร่องุ่นทิวทยา นี่ก็จะเข้าสัปดาห์ที่สองแล้วในการมาอยู่และทำงานที่นี่ แน่นอนว่าหญิงสาวใช้เวลาในการปรับตัวระยะหนึ่ง เพราะเจ้าของไร่หนุ่มอย่างทยากร หาเรื่องมากลั่นแกล้งได้ตลอดเวลา หลังจากที่ให้คนตัวเล็กไปล้างคอกวัวแล้วก็ยังคงให้เธอทำแบบนั้นแบบนี้ และครั้งนี้ก็เพิ่มเติมโดยที่ต้องมาช่วยนายจ้อยล้างคอกม้าอีก
ดูเหมือนว่าเขาจะแกล้งเธอหนักขึ้นทุกวัน ๆ เพื่อที่จะให้เธอยอมหย่าและกลับกรุงเทพฯไปให้เร็วที่สุด
“เฮ้อ ร้อนจะแย่”
คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดทำงานที่มีผ้าใบกันเปื้อนจากน้ำที่กระเซ็นเข้ามาบ่นขึ้นเล็กน้อยตามนิสัยของเธอที่ทำงานนาน ๆ บ่นออกมาบ้างคงไม่เป็นอะไร หลังมือขาว ๆ พลาง ซับเหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยบนหน้าผากมนอย่างลวง ๆ ไม่ใส่ใจนัก
“ร้อนหน่อยนะครับคุณลิน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ก็ช่วงนี้ทางพยากรอากาศบอกว่าอุณหภูมิจะเพิ่มสุงขึ้นนิดหน่อยนี่” เธอว่าพลางใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดมูลสัตว์ไปกองไว้อีกมุมหนึ่ง ก่อนที่จะเอาไปทำปุ๋ยหมักไว้ใส่กับพีชผลที่อยู่ในไร่
“ทำไมนายถึงให้คุณลินมาทำความสะอาดคอกวันเลยนะ ผมล่ะไม่เข้าใจ”
“เขาคงอยากจะแกล้งลินมั้งคะ” เธอพูดพลางหัวเราะร่าออกมาราวกับไม่คิดอะไร มองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตลกขบขัน เขามีความสุขที่ได้กลั่นแกล้งเธอ
“คุณลินก็พูดไปนั่น นี่คุณลินไปทำงานมาสองที่เลยเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ตามที่เจ้านายของจ้อยสั่งน่ะ”
“ไปทั้งออฟฟิศแล้วไหนจะมาล้างคอกวัวทุกวันอีก ไหวไหมครับ”
“ไหวค่ะ แค่นี้เอง”
ว่าแล้วทั้งสองคนก็คุยกันไปเรื่อย ๆ นายจ้อยก็เปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือของตนเองในระดับเสียงที่ดังพอสมควร ชนิดที่ว่าไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครเพราะที่นี่มีเพียงตัวของจ้อยกับนันท์นลินเท่านั้น แต่ทว่าบทสนาและเสียงหัวเราของทั้งคู่ที่คุยกันตั้งแต่เริ่มทำจนมาถึงตอนนี้ก็รวม ๆ สองสามชั่วโมงเห็นจะได้ อยู่ในสายตาของทยากรที่เดินมามาดูทั้งหมด เขาเองก็ไม่รู้ว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรเล่าหรือพูดคุยอะไรกันมากขนาดนั้น
“คุยกันขนาดนี้งานที่ให้ทำเสร็จแล้วหรือไง”
เจ้าของเสียงเข้มถามขึ้นทำเอาคนที่กำลังคุยกันสนุกถึงกับต้องสะดุ้งตกใจกับการมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง อีกทั้งนี้ทั้งสองคนไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้านายหนุ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ยังครับนาย เหลืออีกนิดหน่อย” จ้อยบอกแก้เก้อพลางกวากสายตามองไปรอบๆ ที่ยังทไม่เรียบร้อย เพราะทั้งนันท์นลินและจ้อยทำไปเพียงฝั่งเดียวเอง ยังเหลืออีกหนึ่งฝั่งที่ยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยตามที่ทยากรสั่ง
“ยังค่ะ ยังเหลืออีก”
“แล้วทำไมไม่ทำให้เสร็จ มัวแต่เล่นแต่คุยกันอยู่นั่นแหละ แล้วเมื่อไหร่จะเรียบร้อย ยังมีงานอื่นที่ต้องทำอีก”
“โธ่นาย ยังมีอีกเหรอ” นายจ้อยฟังถึงกับอ้าปากค้างปล่อยมือจากไม้กวาดทางมะพร้าวอย่างอ่อนแรง
“ไม่ใช่มึง แต่เป็นนันท์นลิน” เขาว่าพลางมองไปทางคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไม่วางตาราวกับกำลังหาเรื่องที่แกล้งใช้งานเจ้าหล่อนให้หนัก จะได้ถอดใจแล้วกลับกรุงเพทฯ ไป
เขาจะได้เป็นอิสระจากผู้หญิงคนนั้นเสียที อีกอย่างเขาจะทำให้เธอออกไปจากบ้านของเขาด้วย ไม่ว่าจะต้องทำวิธีไหนเขาก็จะไล่ให้นันท์นลินไปให้พ้น
“แต่งานมันยังไม่เสร็จเลยนะคะ”
เธอค้านขึ้นทั้งที่หญิงสาวยังคงจับไม้กวาดอยู่เลย เธอเหนื่อยมากเลยตอนนี้ทำงานหลายอย่างมันไม่หนักหนาสักเท่าใด แต่ทว่าเธอทำมายังไม่ได้พักเลย ออกจากออฟฟิศกินข้าวกับคนงานอื่น ๆ แค่ยี่สิบนาทีแล้วก็ยังต้องมาล้างคอกวัวต่ออีก
จนมาถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้นั่งพักเลย
“นั่นมันเรื่องของเธอ เธอก็รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่จะต้องทำ”
นันท์นลินถึงกับถอนหายใจหนักกับคำสั่งที่เอาแต่ใจของคนตรงหน้าเหลือเกิน “ค่ะ คุณมีอะไรจะใช้งานฉันก็ว่ามาเถอะ”
“หลังจากล้างคอกวัวเสร็จก็ไปให้อาหารม้าที่คอกฝั่งโน้นด้วย”
“ค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะ”
ทยากรไม่ตอบกลับอะไรนอกเสียจากเดินผละออกไปจากพื้นที่ตรงนั้น ทิ้งให้ทั้งสองงวยงงไม่น้อยกับอาการผีเข้าผีออกของเจ้านายหนุ่ม
“เจ้านายของจ้อยเป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ”
“ก็ไม่นะครับคุณลิน ผมเพิ่งจะเคยเห็นนี่แหละครับ”
“แปลกคนเนอะ เรามาทำงานกันต่อเถอะ เดี๋ยวไม่เสร็จจะมาวีนใส่อีก” นายจ้อยเห็นด้วยในสิ่งที่นันท์นลินพูดมาเมื่อสักครู่นี้ เพราะช่วงนี้เจ้านายของเข้านั้นอารมร์แปรปรวนยิ่งกว่าผู้หญิงที่เป็นวันนั้นของเดือนเสียอีก เอาใจยากแถมเดาอารมณ์ไม่ถูกด้วยว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน ทางซ้ายหรือทางขวา
ตอนนี้เขาเอาใจทยากรไม่ถูก
หลังจากที่ช่วยนายจ้อยทำความสะอาดคอกวัวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จัดการไปให้อาหารม้าที่อยู่อีกฝากหนึ่งของฟาร์มตามคำสั่งของทยากร โดยที่หญิงสาวนั้นขอยืมจักรยานของจ้อยปั่นไปแทนการเดินเพราะว่าใช้เวลาค่อนข้างหลายนาที ถึงแม้ว่าภายในไร่ทิวทยาจะสว่างจากแสงไฟโซล่าซ์เซลล์ก็ตามที ในตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มหม่นแสงลงแล้ว
แต่เธอเองก็กลัวอันตรายเหมือนกัน
นันท์นลินจัดการทำตามหน้าที่ของตนเองที่ทยากรสั่งมาโดยการให้อาหารม้าในข่วงเย็น เธอทำตามสิ่งที่นายจ้อยแหละคนงานอื่น ๆ บอกว่าจะต้องทำยังไง ให้ในปริมาณเท่าไหร่ที่จะไม่มากไปและน้อยไป โดยที่คนดูแลม้าพวกนี้ประจำบอกว่า หากให้ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะเสียดท้องได้ ดังนั้นเธอจึงระวังเรื่องพวกนี้เข้าไว้
คนตัวเล็กจัดการให้หญ้าต่าง ๆ ชนิดที่เตรียมเอาไว้แล้วจะมาถึงตัวสุดท้ายที่ทำไมมันดูรู้สึกดีใจเหลือเกินที่ได้อาหาร
สาวเจ้ายิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะวางอาหารจานโปรดให้พร้อมทั้งบอกและลูบหน้าของมาตัวนี้เบา ๆ อย่างอ่อนโยน
“ดูเจ้าตัวนี้จะชอบคุณนะครับ”
“คุณคิดว่าอย่างนั้นเหรอ”
“ครับ ดูจากท่าทางแล้วเจ้าสีหมอกมันชอบคุณมาก ๆ เลยแหละ”
เจ้าของมือนุ่ม ๆ ที่หันหน้าไปมองคนที่พูดด้วยเมื่อครู่ก่อนที่จะหันมาลูบเจ้าม้าสีหมอกที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเอ็นดู ก่อนที่จะปล่อยให้มันกินอาหารของมันไปส่วนเธอนั้น ก็ไปจัดการให้อาหารและน้ำม้าที่เหลือช่วยคนที่อยู่ในนั้นให้เสร็จก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดไปมากกว่านี้
“อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว จะได้ไปนอนพักสักที” เธอบ่นขึ้นพลางยืดแขนขึ้นบิดขี้เกียจให้ให้หายปวดเมื่อยหลังจากที่ทำงานมาทั้งวัน คนตัวเล็กหันไปบอกคุณลุงคนที่มาช่วยให้อาหารม้าและที่ทำเป็นประจำว่าขอตัวกลับก่อนพร้อมส่งยิ้มให้ลุงเขา และเดินกลับไปยังรถจักรยานที่ยืมจ้อยมาปั้นไปทางบ้านหลังใหญ่ ผ่านสวนเล็ก ๆ มีดอกไม้และและน้ำพุขนาดย่อมให้ความรู้สึกดีเหลือเดิน
นันท์นลินจอดจักรยานเอาไว้ริมถนน และเดินไปยังน้ำพุขนาดย่อมที่มีไฟประดับส่องประกายในยามค่ำ สำหรับเธอมันสวยมากจนที่จะไม่ให้หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูป พร้อมทั้งอัพเดตแคปชันลงบนโซเชียลมีเดียด้วย
“เรียบร้อยแล้วก็กลับไปอาบน้ำดีกว่า”
ในจังหวะที่เธอนั้นกำลังจะเก็บเครื่องมือสื่อสารเข้าที่เดิมที่ออกมา พลันสายตาหวานของเธอนั้นเหลือบเข้าไปเห็นเวลาที่อยู่หน้าจอเข้าพอดิบพอดี จนอุทานออกมาก่อนจะตรงดิ่งไปยังรถจักรยานที่จอดเอาไว้เมื่อสิบนาที่ที่แล้ว พร้อมทั้งรีบปั่นตรงกลับบ้านทันที
“ตายแล้วหกโมงครึ่งแล้ว”
“กว่าจะกลับมาได้นะ”
นันท์นลินรีบร้อนเดินเข้ามาในบ้านของทยากรเธอนั้นใช้ประตูทางด้านหลังแทน หญิงสาวเดินก้อมหน้าก้มตาโดยที่ไม่ได้มองเลยว่ามีใครกำลังยืนรออยู่ ทันทีที่คนตัวเล็กได้ยินเสียงถึงกับเงยหน้าขึ้นมามอง
ว่าใช่คนที่เธอคิดเอาไว้หรือไม่
และมันเป็นเขาจริง ๆ ทยากรยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ
“คุณทิวมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไปทำอะไรมาถึงกลับเอาป่านนี้” คำถามของเขาเหมือนจะเป็นห่วงคนตรงหน้า แต่ความรู้สึกของคนฟังไม่ได้ไปในทางนั้นเลย
“ทำงานไงคะ”
“แน่ใจว่าทำงาน ไม่ใช่ไปเถลไถลที่ไหนมา”
ทำเอานันท์นลินถึงขั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนเต็มทน “ลินไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ ที่จะต้องไปไหนมาไหนโดยที่รายงานคุณตลอดเวลา”
คนที่เพิ่งทำงานกลับมาเดินผละออกจากเขาหมายจะเดินไปยังบันได แต่ก็ต้องหยุดชะงักกับเสียงเรียกของเขาอีกครั้ง
“เธอเองควรรู้ตัวนะนันท์นลินว่าอยู่ในฐานนะไหน”
“ลินทราบดีค่ะ ว่าอยู่ในสถานะไหน คุณทิวไม่ต้องกังวลค่ะ ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน มีเรื่องจะพูดกับลินแค่นี้ใช่ไหมคะ”
“อย่างนั้นก็ดี แต่ตอนนี้เธอต้องทำงานของเธอก่อน”
“งานอะไรของคุณอีกคะ ในเมื่อคุณสั่งให้ฉันทำงานในไร่หมดแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ยังมีสิ ทำไมจะไม่มี”
“อะไร?” น้ำเสียงของเธอเริ่มกระชากเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ เพราะตอนนี้เธอเหนื่อยจนอยากจะอาบน้ำและนอนพักเอามาก ๆ เลย
“งานแม่บ้าน ไปทำอาหารเย็นให้ฉัน”
ใบหน้าหวานนงวยงงไม่น้อย เพราะเธอคิดว่าเขารับประทานอาหารมื้อเย็นไปแล้ว เพราะทุกวันป้านงค์กับมะเฟืองเป็นคนจัดการทุกครั้งแล้วไม่ใช่หรือ
“แล้วป้านงค์กับเฟืองไม่ได้เตรียมอะไรไว้เหรอ”
“วันนี้ลา ไม่ต้องถามมาก ฉันให้เวลาเธอยี่สิบนาทีทำอะไรให้ฉันกินซะ” ชายหนุ่มบอกอย่างตัดบทและเดินผ่านหน้าของนันท์นลินออกไปโดนที่ไม่พูดอะไรต่อแม้แต่คำเดียว ทำเอาหญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่
ให้กับคนที่ไม่ค่อยฟังเหตุผลอะไรจากใครเช่นเขาคนนั้น
“อยากกินมากใช่ไหมข้าวน่ะ ได้เดี๋ยวทำให้”
เจ้าของร่างเพรียวยืนมองคนตัวสูงที่เดินหายลับออกไปจากหเองครัว พลอยทำให้เธอบ่นออกมาน้อย ๆ ในเมื่อเขาอยากจะกิน เธอก็จะทำให้กิน ไม่นานหญิงสาวเดินกลับเข้าห้องครัว แล้วคว้าผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่ข้าง ๆ ผนังเข้ามาสวมและตรงไปเปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรพอจะทำเมนูอะไรได้บ้าง
“เอาเมนูนี้แหละง่ายดี”
ว่าแล้วก็ลงมือปรุงอาหารเมนูง่าย ๆ ให้กับทยากร ไม่รู้ว่าเขาจะรับประทานได้หรือไม่ แต่ในเมื่อสั่งให้เธอทำ เธอก็ติ้องทำให้เขาทาน เธอเองก็ทำได้แค่นี้แหละสำหรับคนที่ไม่ค่อยทำอาหาร
หรือทักษะการเข้าครัวแทบจะเป็นศูนย์เลยล่ะ
นันท์นลินเดินไปยังออฟฟิศที่ตั้งอยู่เกือบถึงโซนหน้าไร่ที่ ที่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวทั่วประทศ มาพักผ่อน มาเที่ยวเล่นต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งแวะซื้อของฝากจากที่ไร่ก็ตาม“สวัสดีค่ะ วันนี้มาเข้าจังเลยนะคะคุณลิน”พนักงานทำความสะอาดที่เดินไปเดินมาคอยกวาดใบไม้อยู่ทักทายอย่างเป็นมิตร พร้อมทั้งส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่มาทำงานเช้ากว่าคนงานคนอื่น“ลินก็มาเช้าแบบนี้นี่แหละค่ะ มาก่อนก็ยังดีกว่ามาสายนะคะ”“ก็จริงอย่างที่คุณลินพูดนะคะ”“ใช่ไหมคะ ว่าแต่เช้าขนาดนี้คุณลินกินข้าวเช้ามารึยังคะ”“ลินไม่ค่อยกินข้าวเช้าน่ะ กินนมกล่องเดียวก็อิ่มแล้วค่ะ”เธอตอบไปตามความจริงที่มีเพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ ทยากรใช้งานเธอมากเหลือเกิสนจนแทบไม่มีเวลาได้กินอาหารเช้าเหมือนเมื่อก่อน จะมีก็แค่อาหารกลางวัน และอาหารเย็นที่บางครั้งจะได้กินบ้าง แต่ถ้าเหนื่อยจนไม่ไหวก็จะเดินขึ้นห้องอาบน้ำและพักผ่อนทันที“มาแล้วเหรอครับคุณลิน”“ค่ะคุณภพ วันนี้รับคำสั่งอะไรมาสั่งงานลินคะ” เธอพูดยิ้ม ๆ มองชายหนุ่มร่างสูงแต่งตัวดูดีที่เดินเข้ามาสมทบระหว่างเ
เวลาราว ๆ สามทุ่มนันท์นลินที่เผลองีบหลับไปเมื่อตอนหนึ่งทุ่มหลังจากที่จัดการอะไรต่อมิอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขึ้นมาที่ห้องนอนของตนเองและหลับไป แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะรู้สึกคอแห้งหิวน้ำ โดยปกติแล้วเธอนั้นจะเตรียมน้ำขึ้นมาด้วยอย่างน้อยหนึ่งขวด แต่วันนี้กลับลืมเสียอย่างนั้นนันท์นลินเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออกมาพบว่าชั้นสองยังคงปิดไฟมืดเสนิท จนต้องเปิดไฟฉายจากสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือ เพื่อให้ความสว่างในยามที่เธอเดินลงจากชั้นสอง ทันทีที่ค่อย ๆ ก้าวลงมาอย่างระมัดระวัง แต่ทว่าชั้นล่างกลับสว่างไม่เหมือนทุกวันเสียอย่างนั้น แถมประตูก็ยังไม่ได้ปิดอีก คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนอนสายเดียวยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เดินเข้าไปในครัวหยิบน้ำออกมาหนึ่งขวดก่อนจะเปิดจิบเล็กน้อยแล้วออกมา เพื่อจะปิดประตูหน้าบ้านที่เปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย แต่ในจังหวะที่กำลังจะดึงประตูกลับเข้ามา“กรี๊ด ขโมย”“จะร้องทำไมวะ”กลับทำให้เธอนั้นร้องกรี๊ดออกมาอย่างตกใจ ด้วยความที่เธอคิดว่าเป็นผู้ร้าย โจรที่จะมาปล้นบ้าน แต่กลับไม่ใช่เพราะเสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงของทยากรที่กำลังเมามายพร้อมกับ
เกือบเก้าโมงเช้าของอีกวัน ในยามนี้แสงแดดจ้าสาดส่องเข้าห้องผ่านช่องหน้าต่าง ทำให้คนที่เพิ่งได้นอนพักเมื่อไม่กี่ชั่วโมง แขนแกร่งคลำไปข้าง ๆที่ตนนอนหมายจะคว้าคนที่นอนกอดก่ายเมื่อคืนเข้ามาแนบอิง แต่ก็พบกับความว่างเปล่าที่นอนเย็นเฉียบราวกับคนที่เขาเอาเปรียบเมื่อคืนนั้นลุกออกไปตั้งนานแล้ว“ลุกไปไหนแต่เช้าวะ” ชายหนุ่มยันกายของตนขึ้นเล็กน้อย พลางหวาดสายตามองไปรอบ ๆ จำได้ว่าชุดนอนตัวสวยที่เคยกระจัดกระจายอยู่เมื่อคืนของนันท์นลินหายไปหมดเหลือเพียงแค่เสื้อผ้าของเขาเท่านั้นคนตัวสูงตวัดผ้านวมที่คลุมกลายออกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะไปคว้าผ้าขนหนูที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาพันเอวสอบเอาไว้หมิ่นเหม่อย่างลวก ๆ พลันสายตาคมเหลือบไปรอยเลือดจาง ๆ อยู่กลางเตียง ก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้“มีอะไรดี ๆ เหมือนกันนี่” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบา ๆ อดที่จะภูมิใจไม่ได้ ที่เธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดและเคยต่อว่านันท์นลินไป ก่อนที่จะส่ายหน้าให้กับความคิดอันฟุ้งซ่านของตนให้ออกไปให้หมด แล้วเข้าห้องน้ำจัดการทำธุระส่วนตัวของตนให้เรียบร้อย เพราะในตอนนี้เลยเวลาทำงานของเขามาพอสมควรอนงค์คิดว่ามันช้ากว่าทุก
เช้าวันใหม่นันท์นลินออกบ้านเช้ากว่าปกติดั่งเช่นเมื่อวาน เพราะเธอนั้นไม่อยากเจอหน้าคนที่อยู่ในบ้าน ในยามนี้เขายังไม่ตื่นหรอก หากว่าเธอไปออฟฟิศในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มงาน ทว่าคราแรกจะปั่นจักรยานไปเหมือนทุกครั้งด้วยความที่กลัวว่าจะถึงเร็วจึงตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศในตอนเข้าที่หาไม่ได้จากในกรุงเทพฯคนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของตนขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศ ไปเรื่อย ๆ ไม่วายที่จะถ่ายคลิปวิดิโอสั้นพร้อมทั้งข้อความเล็ก ๆ น้อยลงไปในนั้นด้วย“ตื่นเช้ามันก็ดีเหมือนกันนะ”หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบา ๆ พลางยิ้มขำให้กับคำพูดของตัวเองไม่น้อย หากพูดว่านอนแล้วก็ไม่ใช่ เพราะเธอนั้นนอนไม่หลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อยู่ ๆ ก็หวนคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ใจร้ายกับเธอมาตลอด ไม่รู้ทำไมเธอยังรักเขาอยู่ทุกวันแต่ก็ต้องเอาใบหน้านั้นออกไปจากความคิดที่รบกวนการหลับการนอน มือเล็กเอื้อมไปคว้าสมาท์โฟนคู่ใจของตนขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชันสั่งของออนไลน์ เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเธอขอที่อยู่ของที่นี่กับมะเฟือง ด้วยความที่มีของใช
ตกดึกของวันเดียวกัน หลังจากที่ทยากรพานันท์นลินไปซื้อของเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็กลับไปทำงานต่อ โดยที่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอนั้นพักผ่อนหรือว่างงานแม้แต่น้อย เขาสั่งให้พนักงานในออฟฟิศอีกคนนำเอกสารและรายละเอียดต่าง ๆ มาให้เธออ่านทำความเข้าใจ พร้อมทำให้หาข้อมูลเกี่ยวกับองุ่นพันธุ์ใหม่ว่าเป็นอย่างไรให้กับเขา โดยการสั่งงานผ่านบุลคคลที่สามอีกทีตามเคยแน่นอนว่าคนที่อยากได้หัวใจของเขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าจะงวยงงนในการกระทำอยู่บ้างก็ตาม แต่บางทีเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ใจหนึ่งก็รัก แต่อีกดใจก็ปฎิเสธชายหนุ่ม ทว่าสมาธิที่จดจ่อกับงานกลับหายไปเกือบครึ่งเพราะเธอนั้นรู้สึกเป็นห่วงคนที่ยังไม่กลับบ้านอย่าง ทยากร โดยปกติแล้วเขาไม่กลับดึก ในยามนี้ก็จวนจะเข้าวันใหม่เสียแล้วก็ยังไม่เห็นหรือมีวี่แววว่าจะกลับ“ทำไมยังไม่กลับนะ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นห่วง พลันลุกจากโซฟาที่กำลังทำงานของตนชะเง้อมองทางด้านนอก ไม่วายที่มือเล็กๆ ไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือที่เปิดเพลงฟังเมื่อครู่มาด้วย ในตอนนี้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่นัก ช่วงก
หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่ทยากรเห็นเมียตัวเล็กเศร้าสร้อยจากเรื่องข่าวลือ ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงหากเรื่องเท็จมีเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพราะแน่นอนมันล่วงรู้ไปถึงหูของผู้เป็นย่า ถึงขั้นต่อสายตรงมาหาเขา หากไม่จัดการให้เรียบร้อยจะลงมาเป็นคนพูดเอง หลังจากวันนั้นทุกคนต่างไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย อาจมีบ้างที่บางคนคับข้องใจ ว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงลงเอ่ยซึ่งกันและกันแบบนี้“เมื่อวานไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึก”“เดินเล่นเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบทั้ง ๆ ที่ตัวของเธอนั้นอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว อาหารที่ป้าอนงค์ทำเอาไว้ก็เย็นชืดจึงเอามาอุ่นให้ร้อนเสียหน่อย“แน่ใจ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาไกล้คนตัวเล็กใบหน้าคมคายโน้มเข้าไกล้หญิงสาวอีกทั้งกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ“ค่ะ ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมเวลา”“บอกแล้วไงว่าให้เรียกแทนตัวเองว่ายังไง”หญิงสาวไม่ตอบอะไรได้แต่ปิดเตา แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเข้า ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มห่างเพียงคืบเดียวเท่านั้น เขาเอาลมหายใจของนันท์นลินติดขัดไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเคยแนบชิดมาก
ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของทยากรและนันท์นลินดำเนินการไปด้วยดี โดยที่ไม่มีเรื่องราวอะไรมาให้กวนจิตใจ หรือให้คิดมากไปเอง รวมถึงเรื่องที่ต้องการหย่าขาดจากกันด้วย วันนี้นันท์นลินที่ถูกห้ามไม่ให้ทำงานจากผู้เป็นสามีได้มาที่แปลงองุ่นที่คนงานกำลังเก็บผลผลิตอยู่นั้น หญิงสาวไม่ชอบอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรหากหยิบจับอะไรเพียงนิดเดียวก็ถูกห้ามอยู่ตลอด จนวันหนึ่งเธอตั้งใจที่จะคุยกับทยากรอย่างจริงจังเรื่องการทำงานของเธอ ด้วยความเคยชินจากหลายเดือนมานี้ทำงานทุกวันจนแทบไม่ได้หยุดพักผ่อนอะไร แต่พอมาวันหนึ่งไม่ได้ทำงานชีวิตเหมือนขาดอะไรไปเสียนี่“พี่ทิวจ๋า พาลินไปหาคุณย่าหน่อยสิคะ”ตกค่ำของวันเดียวกันหลังจากที่ทยากรกลับถึงบ้านมีคนตัวเล็กมาคอยต้อนรับเหมือนเช่นทุกวัน เพียงเขาได้เห็นใบหน้าหวาน ๆ ของเธอก็ทำให้หายเหนื่อยแล้ว แล้วยิ้มได้ยินเสียงออดอ้อนหวานอีก“หืม ว่าไงนะ” ทั้งที่ได้ยินเสียงออดอ้อนเต็มสองหูก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากได้ยินเสียงของเธออีก“ลินอยากไปหาคุณย่าค่ะ พาลินไปนะคะ” ว่าแล้วพลางเดินเข้ามาควงแขนออเซอะเอียงใบหน้าสวยหวานซบลงที่ท่อนแขนแกร่งของสามี
"หนูลิน!" บทสนทนาที่ดังขึ้น ณ ขณะนั้นหยุดชะงักขึ้นมาทันที หันมองไปตามต้นเสียงว่าเป็นใคร "คุณลุง...เอ่อคุณพ่อ" ถึงแม้ว่าเวลานานผ่านไปเท่าใดเธอก็ยังไม่ชินกับสรรพนามที่นนทกรให้เรียกเสียที เพราะด้วยความเกรงใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอเองก็พยายามที่จะปรับเปลี่ยน มีบ้างที่จะเผลอเรียกแบบเดิมไป "ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะลูก" นางถามอย่างสงสัยเพราะนี่ไม่ใช่เวลากลับบ้านของบุตรชาย "ประชุมและทำทุกอย่างเรียบร้อยเร็ว ผมเลยกลับมาแวะตลาด ได้ยินคุณแม่บ่นอยากกินมาหลายวันแล้ว ""ขอบใจมากลูก มาเหนื่อย ๆ มานั่งกินอะไรก่อน"“ครับแม่ แต่ผมยังไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ ผมมีงานที่ต้องจัดการอีกเยอะเลยครับ” คนเป็นลูกชายหย่อนกายนั่งตรงข้ามมารดาและลูกสะใภ้ที่กำลังนั่งรับประทานขนมไทยอย่างอเอร็ดอร่อย“แล้วนี้เจ้าทิวไปไหนซะล่ะครับ ทิ้งเมียให้อยู่บ้านแบบนี้ยังไง”“คุณทิวไปเป็นวิทยากรให้กับทางมหาวิทยาลัย สามว
ใครว่าทยากรไม่ร้อนใจที่ติดต่อเมียของตัวเองไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืน เขาเพียรพยายามโทรหาหญิงสาวหลายต่อหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ยอมรับสายเขาแม้แต่ครั้งเดียว ครั้นโทรฯมาก ๆ เข้า หญิงสาวก็เปิดเครื่องหนีเขาเสียอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจไม่น้อย จนต้องรีบตรงดิ่งกลับมาบ้านในคืนนั้น แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้คนที่บ้านแตกตื่นว่าทะเลาะอะไรกัน จนต้องข่มใจอดทนรอให้ถึงเช้าเสียก่อน ค่อยมาหานันท์นลินเพื่อที่จะปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งและอธิบายในสิ่งที่เธอได้ยินว่ามันไม่เป็นความจริง เขาไม่อยากเสียหน้าในยามที่อยู่ต่อหน้าเพื่อน เพราะเขขาเองเป็นคนที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับพวกนั้นว่าจะไม่มีวันชอบนันท์นลินและไม่ยอมรับมาตลอดว่าตนจดทะเบียนสมรสและมีภรรยาแล้ว อีกทั้งเขาไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะอยู่ที่นั่นด้วยและบังเอิญได้ยินเรื่องพวกนั้นทยากรเดินวนไปมาราวกับหนูติดจั่นอยู่หน้าบ้านของย่าดาหลา อันที่จริงเขานอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนเฝ้ารอให้เช้าเร็ว ๆ ชายหนุ่มชะเง้อคอมองหานันท์ลินว่าจะลงมาตอนไหน เขาอยากจะคุยกับเธอเหลือเกิน จนกระทั่งป้าเนียมที่กำลังยกอะไรบางอย่างเข้าไปเ
"หนูลิน!" บทสนทนาที่ดังขึ้น ณ ขณะนั้นหยุดชะงักขึ้นมาทันที หันมองไปตามต้นเสียงว่าเป็นใคร "คุณลุง...เอ่อคุณพ่อ" ถึงแม้ว่าเวลานานผ่านไปเท่าใดเธอก็ยังไม่ชินกับสรรพนามที่นนทกรให้เรียกเสียที เพราะด้วยความเกรงใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอเองก็พยายามที่จะปรับเปลี่ยน มีบ้างที่จะเผลอเรียกแบบเดิมไป "ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะลูก" นางถามอย่างสงสัยเพราะนี่ไม่ใช่เวลากลับบ้านของบุตรชาย "ประชุมและทำทุกอย่างเรียบร้อยเร็ว ผมเลยกลับมาแวะตลาด ได้ยินคุณแม่บ่นอยากกินมาหลายวันแล้ว ""ขอบใจมากลูก มาเหนื่อย ๆ มานั่งกินอะไรก่อน"“ครับแม่ แต่ผมยังไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ ผมมีงานที่ต้องจัดการอีกเยอะเลยครับ” คนเป็นลูกชายหย่อนกายนั่งตรงข้ามมารดาและลูกสะใภ้ที่กำลังนั่งรับประทานขนมไทยอย่างอเอร็ดอร่อย“แล้วนี้เจ้าทิวไปไหนซะล่ะครับ ทิ้งเมียให้อยู่บ้านแบบนี้ยังไง”“คุณทิวไปเป็นวิทยากรให้กับทางมหาวิทยาลัย สามว
ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของทยากรและนันท์นลินดำเนินการไปด้วยดี โดยที่ไม่มีเรื่องราวอะไรมาให้กวนจิตใจ หรือให้คิดมากไปเอง รวมถึงเรื่องที่ต้องการหย่าขาดจากกันด้วย วันนี้นันท์นลินที่ถูกห้ามไม่ให้ทำงานจากผู้เป็นสามีได้มาที่แปลงองุ่นที่คนงานกำลังเก็บผลผลิตอยู่นั้น หญิงสาวไม่ชอบอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรหากหยิบจับอะไรเพียงนิดเดียวก็ถูกห้ามอยู่ตลอด จนวันหนึ่งเธอตั้งใจที่จะคุยกับทยากรอย่างจริงจังเรื่องการทำงานของเธอ ด้วยความเคยชินจากหลายเดือนมานี้ทำงานทุกวันจนแทบไม่ได้หยุดพักผ่อนอะไร แต่พอมาวันหนึ่งไม่ได้ทำงานชีวิตเหมือนขาดอะไรไปเสียนี่“พี่ทิวจ๋า พาลินไปหาคุณย่าหน่อยสิคะ”ตกค่ำของวันเดียวกันหลังจากที่ทยากรกลับถึงบ้านมีคนตัวเล็กมาคอยต้อนรับเหมือนเช่นทุกวัน เพียงเขาได้เห็นใบหน้าหวาน ๆ ของเธอก็ทำให้หายเหนื่อยแล้ว แล้วยิ้มได้ยินเสียงออดอ้อนหวานอีก“หืม ว่าไงนะ” ทั้งที่ได้ยินเสียงออดอ้อนเต็มสองหูก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากได้ยินเสียงของเธออีก“ลินอยากไปหาคุณย่าค่ะ พาลินไปนะคะ” ว่าแล้วพลางเดินเข้ามาควงแขนออเซอะเอียงใบหน้าสวยหวานซบลงที่ท่อนแขนแกร่งของสามี
หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่ทยากรเห็นเมียตัวเล็กเศร้าสร้อยจากเรื่องข่าวลือ ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงหากเรื่องเท็จมีเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพราะแน่นอนมันล่วงรู้ไปถึงหูของผู้เป็นย่า ถึงขั้นต่อสายตรงมาหาเขา หากไม่จัดการให้เรียบร้อยจะลงมาเป็นคนพูดเอง หลังจากวันนั้นทุกคนต่างไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย อาจมีบ้างที่บางคนคับข้องใจ ว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงลงเอ่ยซึ่งกันและกันแบบนี้“เมื่อวานไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึก”“เดินเล่นเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบทั้ง ๆ ที่ตัวของเธอนั้นอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว อาหารที่ป้าอนงค์ทำเอาไว้ก็เย็นชืดจึงเอามาอุ่นให้ร้อนเสียหน่อย“แน่ใจ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาไกล้คนตัวเล็กใบหน้าคมคายโน้มเข้าไกล้หญิงสาวอีกทั้งกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ“ค่ะ ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมเวลา”“บอกแล้วไงว่าให้เรียกแทนตัวเองว่ายังไง”หญิงสาวไม่ตอบอะไรได้แต่ปิดเตา แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเข้า ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มห่างเพียงคืบเดียวเท่านั้น เขาเอาลมหายใจของนันท์นลินติดขัดไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเคยแนบชิดมาก
ตกดึกของวันเดียวกัน หลังจากที่ทยากรพานันท์นลินไปซื้อของเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็กลับไปทำงานต่อ โดยที่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอนั้นพักผ่อนหรือว่างงานแม้แต่น้อย เขาสั่งให้พนักงานในออฟฟิศอีกคนนำเอกสารและรายละเอียดต่าง ๆ มาให้เธออ่านทำความเข้าใจ พร้อมทำให้หาข้อมูลเกี่ยวกับองุ่นพันธุ์ใหม่ว่าเป็นอย่างไรให้กับเขา โดยการสั่งงานผ่านบุลคคลที่สามอีกทีตามเคยแน่นอนว่าคนที่อยากได้หัวใจของเขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าจะงวยงงนในการกระทำอยู่บ้างก็ตาม แต่บางทีเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ใจหนึ่งก็รัก แต่อีกดใจก็ปฎิเสธชายหนุ่ม ทว่าสมาธิที่จดจ่อกับงานกลับหายไปเกือบครึ่งเพราะเธอนั้นรู้สึกเป็นห่วงคนที่ยังไม่กลับบ้านอย่าง ทยากร โดยปกติแล้วเขาไม่กลับดึก ในยามนี้ก็จวนจะเข้าวันใหม่เสียแล้วก็ยังไม่เห็นหรือมีวี่แววว่าจะกลับ“ทำไมยังไม่กลับนะ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นห่วง พลันลุกจากโซฟาที่กำลังทำงานของตนชะเง้อมองทางด้านนอก ไม่วายที่มือเล็กๆ ไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือที่เปิดเพลงฟังเมื่อครู่มาด้วย ในตอนนี้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่นัก ช่วงก
เช้าวันใหม่นันท์นลินออกบ้านเช้ากว่าปกติดั่งเช่นเมื่อวาน เพราะเธอนั้นไม่อยากเจอหน้าคนที่อยู่ในบ้าน ในยามนี้เขายังไม่ตื่นหรอก หากว่าเธอไปออฟฟิศในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มงาน ทว่าคราแรกจะปั่นจักรยานไปเหมือนทุกครั้งด้วยความที่กลัวว่าจะถึงเร็วจึงตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศในตอนเข้าที่หาไม่ได้จากในกรุงเทพฯคนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของตนขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศ ไปเรื่อย ๆ ไม่วายที่จะถ่ายคลิปวิดิโอสั้นพร้อมทั้งข้อความเล็ก ๆ น้อยลงไปในนั้นด้วย“ตื่นเช้ามันก็ดีเหมือนกันนะ”หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบา ๆ พลางยิ้มขำให้กับคำพูดของตัวเองไม่น้อย หากพูดว่านอนแล้วก็ไม่ใช่ เพราะเธอนั้นนอนไม่หลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อยู่ ๆ ก็หวนคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ใจร้ายกับเธอมาตลอด ไม่รู้ทำไมเธอยังรักเขาอยู่ทุกวันแต่ก็ต้องเอาใบหน้านั้นออกไปจากความคิดที่รบกวนการหลับการนอน มือเล็กเอื้อมไปคว้าสมาท์โฟนคู่ใจของตนขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชันสั่งของออนไลน์ เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเธอขอที่อยู่ของที่นี่กับมะเฟือง ด้วยความที่มีของใช
เกือบเก้าโมงเช้าของอีกวัน ในยามนี้แสงแดดจ้าสาดส่องเข้าห้องผ่านช่องหน้าต่าง ทำให้คนที่เพิ่งได้นอนพักเมื่อไม่กี่ชั่วโมง แขนแกร่งคลำไปข้าง ๆที่ตนนอนหมายจะคว้าคนที่นอนกอดก่ายเมื่อคืนเข้ามาแนบอิง แต่ก็พบกับความว่างเปล่าที่นอนเย็นเฉียบราวกับคนที่เขาเอาเปรียบเมื่อคืนนั้นลุกออกไปตั้งนานแล้ว“ลุกไปไหนแต่เช้าวะ” ชายหนุ่มยันกายของตนขึ้นเล็กน้อย พลางหวาดสายตามองไปรอบ ๆ จำได้ว่าชุดนอนตัวสวยที่เคยกระจัดกระจายอยู่เมื่อคืนของนันท์นลินหายไปหมดเหลือเพียงแค่เสื้อผ้าของเขาเท่านั้นคนตัวสูงตวัดผ้านวมที่คลุมกลายออกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะไปคว้าผ้าขนหนูที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาพันเอวสอบเอาไว้หมิ่นเหม่อย่างลวก ๆ พลันสายตาคมเหลือบไปรอยเลือดจาง ๆ อยู่กลางเตียง ก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้“มีอะไรดี ๆ เหมือนกันนี่” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบา ๆ อดที่จะภูมิใจไม่ได้ ที่เธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดและเคยต่อว่านันท์นลินไป ก่อนที่จะส่ายหน้าให้กับความคิดอันฟุ้งซ่านของตนให้ออกไปให้หมด แล้วเข้าห้องน้ำจัดการทำธุระส่วนตัวของตนให้เรียบร้อย เพราะในตอนนี้เลยเวลาทำงานของเขามาพอสมควรอนงค์คิดว่ามันช้ากว่าทุก
เวลาราว ๆ สามทุ่มนันท์นลินที่เผลองีบหลับไปเมื่อตอนหนึ่งทุ่มหลังจากที่จัดการอะไรต่อมิอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขึ้นมาที่ห้องนอนของตนเองและหลับไป แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะรู้สึกคอแห้งหิวน้ำ โดยปกติแล้วเธอนั้นจะเตรียมน้ำขึ้นมาด้วยอย่างน้อยหนึ่งขวด แต่วันนี้กลับลืมเสียอย่างนั้นนันท์นลินเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออกมาพบว่าชั้นสองยังคงปิดไฟมืดเสนิท จนต้องเปิดไฟฉายจากสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือ เพื่อให้ความสว่างในยามที่เธอเดินลงจากชั้นสอง ทันทีที่ค่อย ๆ ก้าวลงมาอย่างระมัดระวัง แต่ทว่าชั้นล่างกลับสว่างไม่เหมือนทุกวันเสียอย่างนั้น แถมประตูก็ยังไม่ได้ปิดอีก คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนอนสายเดียวยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เดินเข้าไปในครัวหยิบน้ำออกมาหนึ่งขวดก่อนจะเปิดจิบเล็กน้อยแล้วออกมา เพื่อจะปิดประตูหน้าบ้านที่เปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย แต่ในจังหวะที่กำลังจะดึงประตูกลับเข้ามา“กรี๊ด ขโมย”“จะร้องทำไมวะ”กลับทำให้เธอนั้นร้องกรี๊ดออกมาอย่างตกใจ ด้วยความที่เธอคิดว่าเป็นผู้ร้าย โจรที่จะมาปล้นบ้าน แต่กลับไม่ใช่เพราะเสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงของทยากรที่กำลังเมามายพร้อมกับ
นันท์นลินเดินไปยังออฟฟิศที่ตั้งอยู่เกือบถึงโซนหน้าไร่ที่ ที่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวทั่วประทศ มาพักผ่อน มาเที่ยวเล่นต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งแวะซื้อของฝากจากที่ไร่ก็ตาม“สวัสดีค่ะ วันนี้มาเข้าจังเลยนะคะคุณลิน”พนักงานทำความสะอาดที่เดินไปเดินมาคอยกวาดใบไม้อยู่ทักทายอย่างเป็นมิตร พร้อมทั้งส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่มาทำงานเช้ากว่าคนงานคนอื่น“ลินก็มาเช้าแบบนี้นี่แหละค่ะ มาก่อนก็ยังดีกว่ามาสายนะคะ”“ก็จริงอย่างที่คุณลินพูดนะคะ”“ใช่ไหมคะ ว่าแต่เช้าขนาดนี้คุณลินกินข้าวเช้ามารึยังคะ”“ลินไม่ค่อยกินข้าวเช้าน่ะ กินนมกล่องเดียวก็อิ่มแล้วค่ะ”เธอตอบไปตามความจริงที่มีเพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ ทยากรใช้งานเธอมากเหลือเกิสนจนแทบไม่มีเวลาได้กินอาหารเช้าเหมือนเมื่อก่อน จะมีก็แค่อาหารกลางวัน และอาหารเย็นที่บางครั้งจะได้กินบ้าง แต่ถ้าเหนื่อยจนไม่ไหวก็จะเดินขึ้นห้องอาบน้ำและพักผ่อนทันที“มาแล้วเหรอครับคุณลิน”“ค่ะคุณภพ วันนี้รับคำสั่งอะไรมาสั่งงานลินคะ” เธอพูดยิ้ม ๆ มองชายหนุ่มร่างสูงแต่งตัวดูดีที่เดินเข้ามาสมทบระหว่างเ