เช้าวันใหม่นันท์นลินออกบ้านเช้ากว่าปกติดั่งเช่นเมื่อวาน เพราะเธอนั้นไม่อยากเจอหน้าคนที่อยู่ในบ้าน ในยามนี้เขายังไม่ตื่นหรอก หากว่าเธอไปออฟฟิศในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มงาน ทว่าคราแรกจะปั่นจักรยานไปเหมือนทุกครั้งด้วยความที่กลัวว่าจะถึงเร็วจึงตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศในตอนเข้าที่หาไม่ได้จากในกรุงเทพฯ
คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของตนขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศ ไปเรื่อย ๆ ไม่วายที่จะถ่ายคลิปวิดิโอสั้นพร้อมทั้งข้อความเล็ก ๆ น้อยลงไปในนั้นด้วย
“ตื่นเช้ามันก็ดีเหมือนกันนะ”
หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบา ๆ พลางยิ้มขำให้กับคำพูดของตัวเองไม่น้อย หากพูดว่านอนแล้วก็ไม่ใช่ เพราะเธอนั้นนอนไม่หลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อยู่ ๆ ก็หวนคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ใจร้ายกับเธอมาตลอด ไม่รู้ทำไมเธอยังรักเขาอยู่ทุกวัน
แต่ก็ต้องเอาใบหน้านั้นออกไปจากความคิดที่รบกวนการหลับการนอน มือเล็กเอื้อมไปคว้าสมาท์โฟนคู่ใจของตนขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชันสั่งของออนไลน์ เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเธอขอที่อยู่ของที่นี่กับมะเฟือง ด้วยความที่มีของใช
ตกดึกของวันเดียวกัน หลังจากที่ทยากรพานันท์นลินไปซื้อของเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็กลับไปทำงานต่อ โดยที่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอนั้นพักผ่อนหรือว่างงานแม้แต่น้อย เขาสั่งให้พนักงานในออฟฟิศอีกคนนำเอกสารและรายละเอียดต่าง ๆ มาให้เธออ่านทำความเข้าใจ พร้อมทำให้หาข้อมูลเกี่ยวกับองุ่นพันธุ์ใหม่ว่าเป็นอย่างไรให้กับเขา โดยการสั่งงานผ่านบุลคคลที่สามอีกทีตามเคยแน่นอนว่าคนที่อยากได้หัวใจของเขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าจะงวยงงนในการกระทำอยู่บ้างก็ตาม แต่บางทีเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ใจหนึ่งก็รัก แต่อีกดใจก็ปฎิเสธชายหนุ่ม ทว่าสมาธิที่จดจ่อกับงานกลับหายไปเกือบครึ่งเพราะเธอนั้นรู้สึกเป็นห่วงคนที่ยังไม่กลับบ้านอย่าง ทยากร โดยปกติแล้วเขาไม่กลับดึก ในยามนี้ก็จวนจะเข้าวันใหม่เสียแล้วก็ยังไม่เห็นหรือมีวี่แววว่าจะกลับ“ทำไมยังไม่กลับนะ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นห่วง พลันลุกจากโซฟาที่กำลังทำงานของตนชะเง้อมองทางด้านนอก ไม่วายที่มือเล็กๆ ไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือที่เปิดเพลงฟังเมื่อครู่มาด้วย ในตอนนี้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่นัก ช่วงก
หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่ทยากรเห็นเมียตัวเล็กเศร้าสร้อยจากเรื่องข่าวลือ ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงหากเรื่องเท็จมีเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพราะแน่นอนมันล่วงรู้ไปถึงหูของผู้เป็นย่า ถึงขั้นต่อสายตรงมาหาเขา หากไม่จัดการให้เรียบร้อยจะลงมาเป็นคนพูดเอง หลังจากวันนั้นทุกคนต่างไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย อาจมีบ้างที่บางคนคับข้องใจ ว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงลงเอ่ยซึ่งกันและกันแบบนี้“เมื่อวานไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึก”“เดินเล่นเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบทั้ง ๆ ที่ตัวของเธอนั้นอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว อาหารที่ป้าอนงค์ทำเอาไว้ก็เย็นชืดจึงเอามาอุ่นให้ร้อนเสียหน่อย“แน่ใจ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาไกล้คนตัวเล็กใบหน้าคมคายโน้มเข้าไกล้หญิงสาวอีกทั้งกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ“ค่ะ ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมเวลา”“บอกแล้วไงว่าให้เรียกแทนตัวเองว่ายังไง”หญิงสาวไม่ตอบอะไรได้แต่ปิดเตา แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเข้า ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มห่างเพียงคืบเดียวเท่านั้น เขาเอาลมหายใจของนันท์นลินติดขัดไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเคยแนบชิดมาก
ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของทยากรและนันท์นลินดำเนินการไปด้วยดี โดยที่ไม่มีเรื่องราวอะไรมาให้กวนจิตใจ หรือให้คิดมากไปเอง รวมถึงเรื่องที่ต้องการหย่าขาดจากกันด้วย วันนี้นันท์นลินที่ถูกห้ามไม่ให้ทำงานจากผู้เป็นสามีได้มาที่แปลงองุ่นที่คนงานกำลังเก็บผลผลิตอยู่นั้น หญิงสาวไม่ชอบอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรหากหยิบจับอะไรเพียงนิดเดียวก็ถูกห้ามอยู่ตลอด จนวันหนึ่งเธอตั้งใจที่จะคุยกับทยากรอย่างจริงจังเรื่องการทำงานของเธอ ด้วยความเคยชินจากหลายเดือนมานี้ทำงานทุกวันจนแทบไม่ได้หยุดพักผ่อนอะไร แต่พอมาวันหนึ่งไม่ได้ทำงานชีวิตเหมือนขาดอะไรไปเสียนี่“พี่ทิวจ๋า พาลินไปหาคุณย่าหน่อยสิคะ”ตกค่ำของวันเดียวกันหลังจากที่ทยากรกลับถึงบ้านมีคนตัวเล็กมาคอยต้อนรับเหมือนเช่นทุกวัน เพียงเขาได้เห็นใบหน้าหวาน ๆ ของเธอก็ทำให้หายเหนื่อยแล้ว แล้วยิ้มได้ยินเสียงออดอ้อนหวานอีก“หืม ว่าไงนะ” ทั้งที่ได้ยินเสียงออดอ้อนเต็มสองหูก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากได้ยินเสียงของเธออีก“ลินอยากไปหาคุณย่าค่ะ พาลินไปนะคะ” ว่าแล้วพลางเดินเข้ามาควงแขนออเซอะเอียงใบหน้าสวยหวานซบลงที่ท่อนแขนแกร่งของสามี
"หนูลิน!" บทสนทนาที่ดังขึ้น ณ ขณะนั้นหยุดชะงักขึ้นมาทันที หันมองไปตามต้นเสียงว่าเป็นใคร "คุณลุง...เอ่อคุณพ่อ" ถึงแม้ว่าเวลานานผ่านไปเท่าใดเธอก็ยังไม่ชินกับสรรพนามที่นนทกรให้เรียกเสียที เพราะด้วยความเกรงใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอเองก็พยายามที่จะปรับเปลี่ยน มีบ้างที่จะเผลอเรียกแบบเดิมไป "ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะลูก" นางถามอย่างสงสัยเพราะนี่ไม่ใช่เวลากลับบ้านของบุตรชาย "ประชุมและทำทุกอย่างเรียบร้อยเร็ว ผมเลยกลับมาแวะตลาด ได้ยินคุณแม่บ่นอยากกินมาหลายวันแล้ว ""ขอบใจมากลูก มาเหนื่อย ๆ มานั่งกินอะไรก่อน"“ครับแม่ แต่ผมยังไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ ผมมีงานที่ต้องจัดการอีกเยอะเลยครับ” คนเป็นลูกชายหย่อนกายนั่งตรงข้ามมารดาและลูกสะใภ้ที่กำลังนั่งรับประทานขนมไทยอย่างอเอร็ดอร่อย“แล้วนี้เจ้าทิวไปไหนซะล่ะครับ ทิ้งเมียให้อยู่บ้านแบบนี้ยังไง”“คุณทิวไปเป็นวิทยากรให้กับทางมหาวิทยาลัย สามว
ใครว่าทยากรไม่ร้อนใจที่ติดต่อเมียของตัวเองไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืน เขาเพียรพยายามโทรหาหญิงสาวหลายต่อหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ยอมรับสายเขาแม้แต่ครั้งเดียว ครั้นโทรฯมาก ๆ เข้า หญิงสาวก็เปิดเครื่องหนีเขาเสียอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจไม่น้อย จนต้องรีบตรงดิ่งกลับมาบ้านในคืนนั้น แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้คนที่บ้านแตกตื่นว่าทะเลาะอะไรกัน จนต้องข่มใจอดทนรอให้ถึงเช้าเสียก่อน ค่อยมาหานันท์นลินเพื่อที่จะปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งและอธิบายในสิ่งที่เธอได้ยินว่ามันไม่เป็นความจริง เขาไม่อยากเสียหน้าในยามที่อยู่ต่อหน้าเพื่อน เพราะเขขาเองเป็นคนที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับพวกนั้นว่าจะไม่มีวันชอบนันท์นลินและไม่ยอมรับมาตลอดว่าตนจดทะเบียนสมรสและมีภรรยาแล้ว อีกทั้งเขาไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะอยู่ที่นั่นด้วยและบังเอิญได้ยินเรื่องพวกนั้นทยากรเดินวนไปมาราวกับหนูติดจั่นอยู่หน้าบ้านของย่าดาหลา อันที่จริงเขานอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนเฝ้ารอให้เช้าเร็ว ๆ ชายหนุ่มชะเง้อคอมองหานันท์ลินว่าจะลงมาตอนไหน เขาอยากจะคุยกับเธอเหลือเกิน จนกระทั่งป้าเนียมที่กำลังยกอะไรบางอย่างเข้าไปเ
"ตั้งแต่มึงมาที่นี่ มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องไปอยู่กับเมียบ้างหรือไง" ตุลธรพูดขึ้นท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น แต่มันพอที่จะทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และเพื่อนของเขาได้ยินด้วยทำเอาคนที่กำลังกระดกเหล้าเข้าปากอย่างเพลินใจถึงกับชะงักในสิ่งที่ได้ยิน "พูดอะไรของมึง กูไม่มีเมีย""แน่ใจนะว่ามึงไม่มีเมีย”“เออกูไม่มีเมีย” ทยากรยังคงปากแข็งและยืนยันคำเดิมว่าตนนั้นไม่มีใคร ไม่มีภรรยาหรือแต่งงานแล้วตามที่เพื่อนทั้งสองพูดมา“แล้วผู้หญิงสวย ๆ ที่กูเจอที่บ้านมึงเป็นใครวะ พวกกูไม่เคยเห็นหน้าเลยถึงไปบ้านมึงบ่อย ๆ ก็เถอะ" เตชินท์ถามด้วยความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจเพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาไปเยี่ยมบิดามารดาของทยากรมา และบังเอิญได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย พร้อมกับประโยคหนึ่งที่นนทกรบิดาของทยากรเอ่ยออกมา'ไอทิว...ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ ทิ้งเมียอยู่กรุงเทพฯ ส่วนตัวเองทำงานที่สวนอย่างสบายใจ มันไม่ห่วงเมียมันเลยหรือยังไงนะ' มันทำให้เขาต้องเก็บความสงสัยมาถึงทุกวันนี้วันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้ว นับจากที่ทยากรขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางกลับที่ไร่"กูจะบอกอีกครั้งว่ากูโสด" ทยากรหงุดหงิดไม่
ทยากร ธาราบวรวิชญ์ วัยสามสิบสามปี ที่กำลังนั่งดื่มกาแฟยามเช้าอยู่กับบิดาที่กำลังนั่งอ่านข่าวสารธุรกิจอยู่ในไอแพดเช่นเดิมทุกครั้ง พลันสายตาเหลือบมองบุตรชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม แววตาของชายหนุ่มนั้นช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน นับตั้งแต่วันที่ทยากรกลับไปทำงานที่ไร่ของตนและวนเวียนกลับมาเยี่ยมบิดามารดาบ้างบางครั้ง แต่ทั้งสองคนก็คลาดเคลื่อนไม่ได้พบหน้ากันเสียที อีกคนงานยุ่ง ส่วนอีกคนหลบหน้าไม่อยากพบเจอราวกับสวรรค์ไม่เป็นใจให้ทั้งคู่ได้เจอกันเสียอย่างนั้นตั้งแต่วันที่ทั้งสองคนได้จดทะเบียนสมรสกันอย่างเงียบ ๆ เมื่อหลายปีก่อน ตามความต้องการของผู้เป็นย่าและบิดา แต่หากถูกคัดค้านโดยมารดาของชายหนุ่มแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ มันจึงทำให้เขาไม่อยากจะกลับมาที่นี่หรือเจอหน้าภรรยาของตนเองอีกแต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นวันนี้“ทำไมแกถึงไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องบ้างเหอะ” ผู้เป็นพ่อถามทั้ง ๆ ที่พอจะรู้อยู่แล้ว ว่าคำตอบของลูกชายเป็นเช่นไรและสิ่งที่ได้มามันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเมื่อก่อนตอนที่ให้จดทะเบียนเลย“ผมไม่ว่าง งานที่ไร่มันยุ่ง ๆ น่ะครับ”นั่นไง! มันต่างจากที่คิดเสียที่ไหน เหตุผลหนึ่งก็คงไม่อยากเจอผู้หญิง
หลายวันผ่านไปทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ตามชีวิตประจำวันของแต่ละคนว่าเป็นเช่นไร เช่นเดียวกับนันท์นลินที่ออกไปทำงานเป็นพนักงานร้านกาแฟตั้งแต่เช้า โดยที่ทุกคนในบ้านรู้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กจะออกไปทำงานในตอนเช้า และกลับค่อนข้างจะดึกเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนต่างเข้าใจในการทำงานของหญิงสาว แต่ทว่าอีกสองวันข้างหน้าจะเป็นวันหยุดของเธอ“ลิน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ว่างไหมลูก” นายนนทกรถามลูกสะใภ้หลังจากที่กลับมาจากที่ทำงานแล้ว และมาช่วยแม่บ้านทำงานอย่างไม่อิดออด"ว่างค่ะ"หญิงสาวตอบเพียงสั้น ๆ เท่านั้นโดยที่ไม่แสดงอาการวิตกกังวลใด ๆให้คนตรงหน้าได้รับรู้ในสิ่งที่ตนเองเพิ่งจะพบเจอมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้"เหรอลูก พ่อเห็นย่าเขาอยากจะไปบ้านตาทิวที่ต่างจังหวัด แต่พ่อกับแม่ติดธุระ"เขาอยากจะไหว้วานให้นันท์นลินไปเป็นเพื่อน ลินเต็มใจไปกับคุณ"ได้ค่ะ คุณลุงไม่ต้องขอร้องหรือไหว้วานก็ได้ค่ะ""บอกแล้วให้ให้เรียกว่าพ่อ ไม่ต้องเรียกแล้วคุณลุง""ลินยังไม่ชินน่ะค่ะ ให้เวลาลินหน่อยนะคะ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มพร้อมทั้งส่งยิ้มจาง ๆ ให้กับคนตรงหน้า“หนูมีอะไรในใจหรือเปล่าลิน”“ไม่มีค่ะ วันนี้คุณลุงกับคุณป้าอยากกินอะไรเ
ใครว่าทยากรไม่ร้อนใจที่ติดต่อเมียของตัวเองไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืน เขาเพียรพยายามโทรหาหญิงสาวหลายต่อหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ยอมรับสายเขาแม้แต่ครั้งเดียว ครั้นโทรฯมาก ๆ เข้า หญิงสาวก็เปิดเครื่องหนีเขาเสียอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจไม่น้อย จนต้องรีบตรงดิ่งกลับมาบ้านในคืนนั้น แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้คนที่บ้านแตกตื่นว่าทะเลาะอะไรกัน จนต้องข่มใจอดทนรอให้ถึงเช้าเสียก่อน ค่อยมาหานันท์นลินเพื่อที่จะปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งและอธิบายในสิ่งที่เธอได้ยินว่ามันไม่เป็นความจริง เขาไม่อยากเสียหน้าในยามที่อยู่ต่อหน้าเพื่อน เพราะเขขาเองเป็นคนที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับพวกนั้นว่าจะไม่มีวันชอบนันท์นลินและไม่ยอมรับมาตลอดว่าตนจดทะเบียนสมรสและมีภรรยาแล้ว อีกทั้งเขาไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะอยู่ที่นั่นด้วยและบังเอิญได้ยินเรื่องพวกนั้นทยากรเดินวนไปมาราวกับหนูติดจั่นอยู่หน้าบ้านของย่าดาหลา อันที่จริงเขานอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนเฝ้ารอให้เช้าเร็ว ๆ ชายหนุ่มชะเง้อคอมองหานันท์ลินว่าจะลงมาตอนไหน เขาอยากจะคุยกับเธอเหลือเกิน จนกระทั่งป้าเนียมที่กำลังยกอะไรบางอย่างเข้าไปเ
"หนูลิน!" บทสนทนาที่ดังขึ้น ณ ขณะนั้นหยุดชะงักขึ้นมาทันที หันมองไปตามต้นเสียงว่าเป็นใคร "คุณลุง...เอ่อคุณพ่อ" ถึงแม้ว่าเวลานานผ่านไปเท่าใดเธอก็ยังไม่ชินกับสรรพนามที่นนทกรให้เรียกเสียที เพราะด้วยความเกรงใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอเองก็พยายามที่จะปรับเปลี่ยน มีบ้างที่จะเผลอเรียกแบบเดิมไป "ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะลูก" นางถามอย่างสงสัยเพราะนี่ไม่ใช่เวลากลับบ้านของบุตรชาย "ประชุมและทำทุกอย่างเรียบร้อยเร็ว ผมเลยกลับมาแวะตลาด ได้ยินคุณแม่บ่นอยากกินมาหลายวันแล้ว ""ขอบใจมากลูก มาเหนื่อย ๆ มานั่งกินอะไรก่อน"“ครับแม่ แต่ผมยังไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ ผมมีงานที่ต้องจัดการอีกเยอะเลยครับ” คนเป็นลูกชายหย่อนกายนั่งตรงข้ามมารดาและลูกสะใภ้ที่กำลังนั่งรับประทานขนมไทยอย่างอเอร็ดอร่อย“แล้วนี้เจ้าทิวไปไหนซะล่ะครับ ทิ้งเมียให้อยู่บ้านแบบนี้ยังไง”“คุณทิวไปเป็นวิทยากรให้กับทางมหาวิทยาลัย สามว
ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของทยากรและนันท์นลินดำเนินการไปด้วยดี โดยที่ไม่มีเรื่องราวอะไรมาให้กวนจิตใจ หรือให้คิดมากไปเอง รวมถึงเรื่องที่ต้องการหย่าขาดจากกันด้วย วันนี้นันท์นลินที่ถูกห้ามไม่ให้ทำงานจากผู้เป็นสามีได้มาที่แปลงองุ่นที่คนงานกำลังเก็บผลผลิตอยู่นั้น หญิงสาวไม่ชอบอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรหากหยิบจับอะไรเพียงนิดเดียวก็ถูกห้ามอยู่ตลอด จนวันหนึ่งเธอตั้งใจที่จะคุยกับทยากรอย่างจริงจังเรื่องการทำงานของเธอ ด้วยความเคยชินจากหลายเดือนมานี้ทำงานทุกวันจนแทบไม่ได้หยุดพักผ่อนอะไร แต่พอมาวันหนึ่งไม่ได้ทำงานชีวิตเหมือนขาดอะไรไปเสียนี่“พี่ทิวจ๋า พาลินไปหาคุณย่าหน่อยสิคะ”ตกค่ำของวันเดียวกันหลังจากที่ทยากรกลับถึงบ้านมีคนตัวเล็กมาคอยต้อนรับเหมือนเช่นทุกวัน เพียงเขาได้เห็นใบหน้าหวาน ๆ ของเธอก็ทำให้หายเหนื่อยแล้ว แล้วยิ้มได้ยินเสียงออดอ้อนหวานอีก“หืม ว่าไงนะ” ทั้งที่ได้ยินเสียงออดอ้อนเต็มสองหูก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากได้ยินเสียงของเธออีก“ลินอยากไปหาคุณย่าค่ะ พาลินไปนะคะ” ว่าแล้วพลางเดินเข้ามาควงแขนออเซอะเอียงใบหน้าสวยหวานซบลงที่ท่อนแขนแกร่งของสามี
หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่ทยากรเห็นเมียตัวเล็กเศร้าสร้อยจากเรื่องข่าวลือ ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงหากเรื่องเท็จมีเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพราะแน่นอนมันล่วงรู้ไปถึงหูของผู้เป็นย่า ถึงขั้นต่อสายตรงมาหาเขา หากไม่จัดการให้เรียบร้อยจะลงมาเป็นคนพูดเอง หลังจากวันนั้นทุกคนต่างไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย อาจมีบ้างที่บางคนคับข้องใจ ว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงลงเอ่ยซึ่งกันและกันแบบนี้“เมื่อวานไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึก”“เดินเล่นเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบทั้ง ๆ ที่ตัวของเธอนั้นอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว อาหารที่ป้าอนงค์ทำเอาไว้ก็เย็นชืดจึงเอามาอุ่นให้ร้อนเสียหน่อย“แน่ใจ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาไกล้คนตัวเล็กใบหน้าคมคายโน้มเข้าไกล้หญิงสาวอีกทั้งกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ“ค่ะ ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมเวลา”“บอกแล้วไงว่าให้เรียกแทนตัวเองว่ายังไง”หญิงสาวไม่ตอบอะไรได้แต่ปิดเตา แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเข้า ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มห่างเพียงคืบเดียวเท่านั้น เขาเอาลมหายใจของนันท์นลินติดขัดไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเคยแนบชิดมาก
ตกดึกของวันเดียวกัน หลังจากที่ทยากรพานันท์นลินไปซื้อของเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็กลับไปทำงานต่อ โดยที่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอนั้นพักผ่อนหรือว่างงานแม้แต่น้อย เขาสั่งให้พนักงานในออฟฟิศอีกคนนำเอกสารและรายละเอียดต่าง ๆ มาให้เธออ่านทำความเข้าใจ พร้อมทำให้หาข้อมูลเกี่ยวกับองุ่นพันธุ์ใหม่ว่าเป็นอย่างไรให้กับเขา โดยการสั่งงานผ่านบุลคคลที่สามอีกทีตามเคยแน่นอนว่าคนที่อยากได้หัวใจของเขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าจะงวยงงนในการกระทำอยู่บ้างก็ตาม แต่บางทีเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ใจหนึ่งก็รัก แต่อีกดใจก็ปฎิเสธชายหนุ่ม ทว่าสมาธิที่จดจ่อกับงานกลับหายไปเกือบครึ่งเพราะเธอนั้นรู้สึกเป็นห่วงคนที่ยังไม่กลับบ้านอย่าง ทยากร โดยปกติแล้วเขาไม่กลับดึก ในยามนี้ก็จวนจะเข้าวันใหม่เสียแล้วก็ยังไม่เห็นหรือมีวี่แววว่าจะกลับ“ทำไมยังไม่กลับนะ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นห่วง พลันลุกจากโซฟาที่กำลังทำงานของตนชะเง้อมองทางด้านนอก ไม่วายที่มือเล็กๆ ไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือที่เปิดเพลงฟังเมื่อครู่มาด้วย ในตอนนี้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่นัก ช่วงก
เช้าวันใหม่นันท์นลินออกบ้านเช้ากว่าปกติดั่งเช่นเมื่อวาน เพราะเธอนั้นไม่อยากเจอหน้าคนที่อยู่ในบ้าน ในยามนี้เขายังไม่ตื่นหรอก หากว่าเธอไปออฟฟิศในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มงาน ทว่าคราแรกจะปั่นจักรยานไปเหมือนทุกครั้งด้วยความที่กลัวว่าจะถึงเร็วจึงตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศในตอนเข้าที่หาไม่ได้จากในกรุงเทพฯคนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของตนขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศ ไปเรื่อย ๆ ไม่วายที่จะถ่ายคลิปวิดิโอสั้นพร้อมทั้งข้อความเล็ก ๆ น้อยลงไปในนั้นด้วย“ตื่นเช้ามันก็ดีเหมือนกันนะ”หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบา ๆ พลางยิ้มขำให้กับคำพูดของตัวเองไม่น้อย หากพูดว่านอนแล้วก็ไม่ใช่ เพราะเธอนั้นนอนไม่หลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อยู่ ๆ ก็หวนคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ใจร้ายกับเธอมาตลอด ไม่รู้ทำไมเธอยังรักเขาอยู่ทุกวันแต่ก็ต้องเอาใบหน้านั้นออกไปจากความคิดที่รบกวนการหลับการนอน มือเล็กเอื้อมไปคว้าสมาท์โฟนคู่ใจของตนขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชันสั่งของออนไลน์ เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเธอขอที่อยู่ของที่นี่กับมะเฟือง ด้วยความที่มีของใช
เกือบเก้าโมงเช้าของอีกวัน ในยามนี้แสงแดดจ้าสาดส่องเข้าห้องผ่านช่องหน้าต่าง ทำให้คนที่เพิ่งได้นอนพักเมื่อไม่กี่ชั่วโมง แขนแกร่งคลำไปข้าง ๆที่ตนนอนหมายจะคว้าคนที่นอนกอดก่ายเมื่อคืนเข้ามาแนบอิง แต่ก็พบกับความว่างเปล่าที่นอนเย็นเฉียบราวกับคนที่เขาเอาเปรียบเมื่อคืนนั้นลุกออกไปตั้งนานแล้ว“ลุกไปไหนแต่เช้าวะ” ชายหนุ่มยันกายของตนขึ้นเล็กน้อย พลางหวาดสายตามองไปรอบ ๆ จำได้ว่าชุดนอนตัวสวยที่เคยกระจัดกระจายอยู่เมื่อคืนของนันท์นลินหายไปหมดเหลือเพียงแค่เสื้อผ้าของเขาเท่านั้นคนตัวสูงตวัดผ้านวมที่คลุมกลายออกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะไปคว้าผ้าขนหนูที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาพันเอวสอบเอาไว้หมิ่นเหม่อย่างลวก ๆ พลันสายตาคมเหลือบไปรอยเลือดจาง ๆ อยู่กลางเตียง ก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้“มีอะไรดี ๆ เหมือนกันนี่” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบา ๆ อดที่จะภูมิใจไม่ได้ ที่เธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดและเคยต่อว่านันท์นลินไป ก่อนที่จะส่ายหน้าให้กับความคิดอันฟุ้งซ่านของตนให้ออกไปให้หมด แล้วเข้าห้องน้ำจัดการทำธุระส่วนตัวของตนให้เรียบร้อย เพราะในตอนนี้เลยเวลาทำงานของเขามาพอสมควรอนงค์คิดว่ามันช้ากว่าทุก
เวลาราว ๆ สามทุ่มนันท์นลินที่เผลองีบหลับไปเมื่อตอนหนึ่งทุ่มหลังจากที่จัดการอะไรต่อมิอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขึ้นมาที่ห้องนอนของตนเองและหลับไป แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะรู้สึกคอแห้งหิวน้ำ โดยปกติแล้วเธอนั้นจะเตรียมน้ำขึ้นมาด้วยอย่างน้อยหนึ่งขวด แต่วันนี้กลับลืมเสียอย่างนั้นนันท์นลินเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออกมาพบว่าชั้นสองยังคงปิดไฟมืดเสนิท จนต้องเปิดไฟฉายจากสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือ เพื่อให้ความสว่างในยามที่เธอเดินลงจากชั้นสอง ทันทีที่ค่อย ๆ ก้าวลงมาอย่างระมัดระวัง แต่ทว่าชั้นล่างกลับสว่างไม่เหมือนทุกวันเสียอย่างนั้น แถมประตูก็ยังไม่ได้ปิดอีก คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนอนสายเดียวยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เดินเข้าไปในครัวหยิบน้ำออกมาหนึ่งขวดก่อนจะเปิดจิบเล็กน้อยแล้วออกมา เพื่อจะปิดประตูหน้าบ้านที่เปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย แต่ในจังหวะที่กำลังจะดึงประตูกลับเข้ามา“กรี๊ด ขโมย”“จะร้องทำไมวะ”กลับทำให้เธอนั้นร้องกรี๊ดออกมาอย่างตกใจ ด้วยความที่เธอคิดว่าเป็นผู้ร้าย โจรที่จะมาปล้นบ้าน แต่กลับไม่ใช่เพราะเสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงของทยากรที่กำลังเมามายพร้อมกับ
นันท์นลินเดินไปยังออฟฟิศที่ตั้งอยู่เกือบถึงโซนหน้าไร่ที่ ที่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวทั่วประทศ มาพักผ่อน มาเที่ยวเล่นต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งแวะซื้อของฝากจากที่ไร่ก็ตาม“สวัสดีค่ะ วันนี้มาเข้าจังเลยนะคะคุณลิน”พนักงานทำความสะอาดที่เดินไปเดินมาคอยกวาดใบไม้อยู่ทักทายอย่างเป็นมิตร พร้อมทั้งส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่มาทำงานเช้ากว่าคนงานคนอื่น“ลินก็มาเช้าแบบนี้นี่แหละค่ะ มาก่อนก็ยังดีกว่ามาสายนะคะ”“ก็จริงอย่างที่คุณลินพูดนะคะ”“ใช่ไหมคะ ว่าแต่เช้าขนาดนี้คุณลินกินข้าวเช้ามารึยังคะ”“ลินไม่ค่อยกินข้าวเช้าน่ะ กินนมกล่องเดียวก็อิ่มแล้วค่ะ”เธอตอบไปตามความจริงที่มีเพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ ทยากรใช้งานเธอมากเหลือเกิสนจนแทบไม่มีเวลาได้กินอาหารเช้าเหมือนเมื่อก่อน จะมีก็แค่อาหารกลางวัน และอาหารเย็นที่บางครั้งจะได้กินบ้าง แต่ถ้าเหนื่อยจนไม่ไหวก็จะเดินขึ้นห้องอาบน้ำและพักผ่อนทันที“มาแล้วเหรอครับคุณลิน”“ค่ะคุณภพ วันนี้รับคำสั่งอะไรมาสั่งงานลินคะ” เธอพูดยิ้ม ๆ มองชายหนุ่มร่างสูงแต่งตัวดูดีที่เดินเข้ามาสมทบระหว่างเ