“ยังไงตาทิว ลองคิดดูว่าจะให้น้องอยู่ที่นี่กับเราไหม แค่สามเดือน”
“แค่สามเดือน” ชายหนุ่มทวนประโยคสุดท้ายของดาหลาราวกับกำลังครุ่นคิดแผ่นการอะไรบางอย่างเสียอย่างนั้น
“ใช่ สามเดือนถ้าหนูลินทำให้แกรักไม่ได้ ย่าจะให้ลินเซ็นต์ใบหย่า”
“จริงนะครับย่า”
“จริง” นางตอบหลานชายเพียงสั้น ๆ ก่อนจะหันมาคุยกับหลานสะใภ้ที่นั่งอยู่ข้างกัน ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อทั้งสองคุยและตกลงกันแล้วเธอจะคัดค้านอะไรได้
ขนาดจดทะเบียนกันก็ยังไม่อาจเอ่ยอะไรได้เลย ถึงแม้ว่าจะดีใจก็ตามที่คนที่เป็นสามีทางนิตินัยจะเป็นเขา แต่อยู่ข้าง ๆ มองหน้าเขาทุกวันมันก็มีความสุขแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตรก็ตาม
“ค่ะคุณย่า” เธอตอบเพียงสั้น ๆ เท่านั้น
“งั้นก็ตกลงตามนี้ แต่ลินมีงานที่ต้องทำอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วจะมาอยู่ที่ไร่นี้ได้ยังไง” นางบ่นขึ้นพลางพึมพรำกับตัวเองเบา ๆ ราวกับตนใช้ความคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดีให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ห่างกันเหมือนเมื่อหลายปีก่อน
“กลับไปลาออกซะ!!!”
ทยากรนั่งเงียบมาอยู่พักใหญ่มองสองย่าหลานที่นั่งอยู่เคียงกันพูดขึ้น มันทำเอาทั้งสองถึงกับหันหน้ามามองเขาอย่างกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ลาออกเหรอคะ”
นันท์นลินมองหน้าเขาก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองและงวยงง ไม่คิดว่าเขาจะพูดมันออกมา
“ใช่ เธอต้องลาออกแล้วย้ายมาอยู่ที่ไร่นี้ งานที่เธอทำมันก็ไม่ได้เงินอะไรเยอะมากมายเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งไม่ใช่เหรอแค่เธอลาออกไปร้านคงไม่เจ็งหรอกมั้ง”
คำพูดเห็นบแนมของเขาทำเอานันท์นลินเจ็บไม่น้อยถึงขั้นกำมือเข้ากับชายเสื้อของตนเอง
“นั่นปากเหรอตาทิว” ดาหลาหันมาเอ็ดหลานชายที่พูดจาไม่ค่อยน่าฟังนัก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สิ่งที่คุณทิวพูดมามันก็เป็นเรื่องจริงนี่คะ”
“หึ” เสียงนั้นออกมาจากลำคอก่อนที่จะยกยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
“งั้นก็ตกลงตามนี้ แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ”
นันท์นลินพยักหน้ารับคำของผู้มากวัยก่อนที่จะค่อย ๆ ประคองและพยุงท่านขึ้นจากโซฟา แล้วพาขึ้นไปยังห้องพักชั้นสองที่แม่บ้านได้เตรียมเอาไว้ให้ตั้งแต่เมื่อกลางวัน หลังจากนั้นเธอก็ขอตัวกลับไปยังห้องพักของตัวเองที่อยู่ห้องถัดมาจากดาหลา แต่เท้าเรียวก็ต้องหยุดชะงักเพราะรู้สึกว่าเหมือนมีสายตาของใครบางคนจ้องมองเธอจากความมืดทำเอาขนลุกไม่น้อย คนตัวเล็กส่ายศีรษะน้อย ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดถึงเรื่องราวลี้ลับที่มองไม่เห็นแล้วรีบเปิดประตูเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว
ตลอดเวลาที่อยู่ไร่ทิวทยาของทยากร ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติไม่มีอะไรผิดแผลกแม้แต่น้อย ระหว่างนั้นเจ้าของไร่หนุ่มให้นันท์นลินไปศึกษาดูงานที่ไร่ โดยให้ผู้จัดการของของที่นี่อย่าง ดรัณภพ คอยให้ความรู้อยู่ตลอดว่าต้องทำอะไรบ้างทั้งในสวนองุ่น ร้านอาหารรวมทั้งฟาร์มวัวนมด้วย
แต่ในส่วนของฟาร์มวัวจะให้จอนคนงานในไร่ที่อยู่กับทยากรมานานคอยแนะนำแทน ในคราแรกนันท์นลันเพียงแค่คอยดูเอกสารของฟาร์มเท่านั้น
“ไหวไหมลิน งานที่พี่เขาพาไปดู”
“ไหวค่ะ ลินว่าลินไหวนะคะ” เธอตอบอย่างยิ้มแย้ม เพื่อไม่ให้ดาหลากังวลใจในระหว่างที่นางกลับกรุงเทพฯ และเธอต้องอยู่ที่นี่กับเขา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธออยู่ต่างที่ต่างถิ่นเป็นเวลาหลายเดือน
“แกก็อย่าแกล้งน้องล่ะตาทิว ดูแลน้องดีทำตามที่รับปากกับย่าไว้ด้วยล่ะ”
“ครับย่า ผมไม่ทำอะไรหลานสาวสุดที่รักของคุณย่าหรอกครับ” ชายหนุ่มขานรับและตอบกลับอย่างขอไปทีก่อนที่จะส่งย่าดาหลาขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ
ในคราแรกนันท์นลินอยากจะกลับไปด้วยเพราะเธอมีของใช้จำเป็นต้องใช้เลยไม่ได้หยิบมาด้วย คนตัวเล็กเองก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นตนต้องมาอยู่ที่นี่เสียอย่างนั้น ใจอยากจะกลับไปเอาวันนี้ แต่เจ้าของไร่หนุ่มที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเธอนั้นบอกว่าอีกไม่กี่วันเขาก็ต้องเข้าไปประชุมการสำคัญที่กรุงเทพฯ สองสามวันค่อยไปตอนนั้นก็ได้ ในเวลานี้นันท์นลินต้องเรียนรู้งานของที่นี่ให้ครบเรียบร้อย
“งั้นย่าไปแล้วนะลูก มีเรื่องอะไรรีบโทรฯ บอกย่าทันนีเลยนะ”
“ได้ค่ะคุณย่า” ว่าแล้วก็สวมกอดย่าดาหลาแล้วส่งนางขึ้นรถตู้คนหรูเดินทางกลับกรุงเทพฯ
“เดินทางดี ๆ นะครับย่า” ทยากรสวมกอดผู้เป็นย่าเช่นเดียวกันกับนันท์นลิน หลังจากผละออกก็หันไปสั่งคุณลุงคนขับรถให้ขับรถดี ๆ พร้อมทั้งกำชับว่าถ้าถึงบ้านแล้วโทรบอกเขาด้วย
ซึ่งคุณลุงคนขับรถก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ไม่นานรถตู้คันหรูประจำบ้านก็ขับออกไปจนลับสายตา พอที่จะรู้ว่าดาหลาไม่ได้สนใจคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาแล้ว
ทุกอย่างก็ทางสะดวกเขาจะทำอะไรกับเธอคนนี้ก็ได้ ในเมื่อเจ้าตัวตกลงเองว่าจะอยู่ที่นี่ตามที่ได้คุยเอาไว้เมื่อวันแรกที่นันท์นลินย่างกายเข้ามาที่นี่
“ไง พร้อมทำงานหรือยัง”
ถึงแม้ว่าทยากรจะพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร แต่ทว่าสายตาของเขากลับมองมาที่เธอ ทำให้หญิงสาวถึงกับต้องชี้นิ้วมาที่ตัวเองราวกับถามว่า เขาพูดกับเธอหรอกหรือ
“หมายลินเหรอคะ”
“ถ้าไม่ใช่เธอจะให้ฉันพูดกับใคร ไอ้จ้อยหรือไง”
ชายหนุ่มพูดอย่างหัวเสียทำให้คนที่ยืนอยู่ห่าง ๆ รอรับคำสั่งว่าเจ้านายจะให้เขาทำอะไรที่ให้คนไปตามมาที่นี่ถึงกับงงไม่น้อย ว่าเจ้านายจะให้ทำอะไรแถมสีหน้าของทยากรนั้นดุขึ้นมากกว่าทุกครั้งเสียอย่างงั้นแหละ
‘งานเข้าไอ้จ้อยแล้วมั้ง’ จ้อยบ่นกับตัวเองเบา ๆ พลางยกมือเกาหัวแกร๊ก ๆ ด้วยความไม่เข้าใจว่าเจ้านายของตนต้องการอะไรกันแน่ และอีกอย่างหนึ่งคือ คุณลิน คนสวยคนนี้ทำไมถึงต้องมาอยู่ที่ไร่นี้ด้วย เพราะเขารู้เพียงผิวเผินเท่านั้นว่าสาวเจ้าเป็นหลานสาวอีกคนที่ย่าดาหลาอุปการะเมื่อหลายปีก่อนเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ เป็นเรื่องของทยากรเจ้านายทั้งนั้น
ส่วนลูกจ้างอย่างเขาไม่เกี่ยว
“ไอ้จ้อย พาผู้หญิงคนนี้ไปล้างคอวัวฝั่งใต้ให้เรียบร้อย แค่สองคอกพอ”
คำสั่งของเจ้านายยิ่งทำให้ต้องอ้าปากค้างไม่น้อย เพรราะไม่คิดว่าจะให้คุณคนสวยไปล้างคอกวัวเนี่ยนะ
“ไปสิ”
“ครับ ๆ ไปแล้วครับคุณทิว” จ้อยพยักหัวรับคำสั่งจากเจ้านายก่อนที่จะผายมือให้นันท์นลินตามเขามา
เพราะถ้าหากนานกว่านี้ ทว่าทยากรจะโกรธขึ้นมาอีกครั้งเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องเอาได้
ตลอดระยะเวลาที่นันท์นลินอยู่ที่ไร่องุ่นทิวทยา นี่ก็จะเข้าสัปดาห์ที่สองแล้วในการมาอยู่และทำงานที่นี่ แน่นอนว่าหญิงสาวใช้เวลาในการปรับตัวระยะหนึ่ง เพราะเจ้าของไร่หนุ่มอย่างทยากร หาเรื่องมากลั่นแกล้งได้ตลอดเวลา หลังจากที่ให้คนตัวเล็กไปล้างคอกวัวแล้วก็ยังคงให้เธอทำแบบนั้นแบบนี้ และครั้งนี้ก็เพิ่มเติมโดยที่ต้องมาช่วยนายจ้อยล้างคอกม้าอีกดูเหมือนว่าเขาจะแกล้งเธอหนักขึ้นทุกวัน ๆ เพื่อที่จะให้เธอยอมหย่าและกลับกรุงเทพฯไปให้เร็วที่สุด“เฮ้อ ร้อนจะแย่”คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดทำงานที่มีผ้าใบกันเปื้อนจากน้ำที่กระเซ็นเข้ามาบ่นขึ้นเล็กน้อยตามนิสัยของเธอที่ทำงานนาน ๆ บ่นออกมาบ้างคงไม่เป็นอะไร หลังมือขาว ๆ พลาง ซับเหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยบนหน้าผากมนอย่างลวง ๆ ไม่ใส่ใจนัก“ร้อนหน่อยนะครับคุณลิน”“ไม่เป็นไรค่ะ ก็ช่วงนี้ทางพยากรอากาศบอกว่าอุณหภูมิจะเพิ่มสุงขึ้นนิดหน่อยนี่” เธอว่าพลางใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดมูลสัตว์ไปกองไว้อีกมุมหนึ่ง ก่อนที่จะเอาไปทำปุ๋ยหมักไว้ใส่กับพีชผลที่อยู่ในไร่“ทำไมนายถึงให้คุณลินมาทำความสะอาดคอกวันเลยนะ ผมล่ะไม่เข้าใจ”“เขาคงอยากจะแก
นันท์นลินเดินไปยังออฟฟิศที่ตั้งอยู่เกือบถึงโซนหน้าไร่ที่ ที่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวทั่วประทศ มาพักผ่อน มาเที่ยวเล่นต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งแวะซื้อของฝากจากที่ไร่ก็ตาม“สวัสดีค่ะ วันนี้มาเข้าจังเลยนะคะคุณลิน”พนักงานทำความสะอาดที่เดินไปเดินมาคอยกวาดใบไม้อยู่ทักทายอย่างเป็นมิตร พร้อมทั้งส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่มาทำงานเช้ากว่าคนงานคนอื่น“ลินก็มาเช้าแบบนี้นี่แหละค่ะ มาก่อนก็ยังดีกว่ามาสายนะคะ”“ก็จริงอย่างที่คุณลินพูดนะคะ”“ใช่ไหมคะ ว่าแต่เช้าขนาดนี้คุณลินกินข้าวเช้ามารึยังคะ”“ลินไม่ค่อยกินข้าวเช้าน่ะ กินนมกล่องเดียวก็อิ่มแล้วค่ะ”เธอตอบไปตามความจริงที่มีเพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ ทยากรใช้งานเธอมากเหลือเกิสนจนแทบไม่มีเวลาได้กินอาหารเช้าเหมือนเมื่อก่อน จะมีก็แค่อาหารกลางวัน และอาหารเย็นที่บางครั้งจะได้กินบ้าง แต่ถ้าเหนื่อยจนไม่ไหวก็จะเดินขึ้นห้องอาบน้ำและพักผ่อนทันที“มาแล้วเหรอครับคุณลิน”“ค่ะคุณภพ วันนี้รับคำสั่งอะไรมาสั่งงานลินคะ” เธอพูดยิ้ม ๆ มองชายหนุ่มร่างสูงแต่งตัวดูดีที่เดินเข้ามาสมทบระหว่างเ
เวลาราว ๆ สามทุ่มนันท์นลินที่เผลองีบหลับไปเมื่อตอนหนึ่งทุ่มหลังจากที่จัดการอะไรต่อมิอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขึ้นมาที่ห้องนอนของตนเองและหลับไป แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะรู้สึกคอแห้งหิวน้ำ โดยปกติแล้วเธอนั้นจะเตรียมน้ำขึ้นมาด้วยอย่างน้อยหนึ่งขวด แต่วันนี้กลับลืมเสียอย่างนั้นนันท์นลินเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออกมาพบว่าชั้นสองยังคงปิดไฟมืดเสนิท จนต้องเปิดไฟฉายจากสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือ เพื่อให้ความสว่างในยามที่เธอเดินลงจากชั้นสอง ทันทีที่ค่อย ๆ ก้าวลงมาอย่างระมัดระวัง แต่ทว่าชั้นล่างกลับสว่างไม่เหมือนทุกวันเสียอย่างนั้น แถมประตูก็ยังไม่ได้ปิดอีก คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนอนสายเดียวยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เดินเข้าไปในครัวหยิบน้ำออกมาหนึ่งขวดก่อนจะเปิดจิบเล็กน้อยแล้วออกมา เพื่อจะปิดประตูหน้าบ้านที่เปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย แต่ในจังหวะที่กำลังจะดึงประตูกลับเข้ามา“กรี๊ด ขโมย”“จะร้องทำไมวะ”กลับทำให้เธอนั้นร้องกรี๊ดออกมาอย่างตกใจ ด้วยความที่เธอคิดว่าเป็นผู้ร้าย โจรที่จะมาปล้นบ้าน แต่กลับไม่ใช่เพราะเสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงของทยากรที่กำลังเมามายพร้อมกับ
เกือบเก้าโมงเช้าของอีกวัน ในยามนี้แสงแดดจ้าสาดส่องเข้าห้องผ่านช่องหน้าต่าง ทำให้คนที่เพิ่งได้นอนพักเมื่อไม่กี่ชั่วโมง แขนแกร่งคลำไปข้าง ๆที่ตนนอนหมายจะคว้าคนที่นอนกอดก่ายเมื่อคืนเข้ามาแนบอิง แต่ก็พบกับความว่างเปล่าที่นอนเย็นเฉียบราวกับคนที่เขาเอาเปรียบเมื่อคืนนั้นลุกออกไปตั้งนานแล้ว“ลุกไปไหนแต่เช้าวะ” ชายหนุ่มยันกายของตนขึ้นเล็กน้อย พลางหวาดสายตามองไปรอบ ๆ จำได้ว่าชุดนอนตัวสวยที่เคยกระจัดกระจายอยู่เมื่อคืนของนันท์นลินหายไปหมดเหลือเพียงแค่เสื้อผ้าของเขาเท่านั้นคนตัวสูงตวัดผ้านวมที่คลุมกลายออกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะไปคว้าผ้าขนหนูที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาพันเอวสอบเอาไว้หมิ่นเหม่อย่างลวก ๆ พลันสายตาคมเหลือบไปรอยเลือดจาง ๆ อยู่กลางเตียง ก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้“มีอะไรดี ๆ เหมือนกันนี่” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบา ๆ อดที่จะภูมิใจไม่ได้ ที่เธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดและเคยต่อว่านันท์นลินไป ก่อนที่จะส่ายหน้าให้กับความคิดอันฟุ้งซ่านของตนให้ออกไปให้หมด แล้วเข้าห้องน้ำจัดการทำธุระส่วนตัวของตนให้เรียบร้อย เพราะในตอนนี้เลยเวลาทำงานของเขามาพอสมควรอนงค์คิดว่ามันช้ากว่าทุก
เช้าวันใหม่นันท์นลินออกบ้านเช้ากว่าปกติดั่งเช่นเมื่อวาน เพราะเธอนั้นไม่อยากเจอหน้าคนที่อยู่ในบ้าน ในยามนี้เขายังไม่ตื่นหรอก หากว่าเธอไปออฟฟิศในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มงาน ทว่าคราแรกจะปั่นจักรยานไปเหมือนทุกครั้งด้วยความที่กลัวว่าจะถึงเร็วจึงตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศในตอนเข้าที่หาไม่ได้จากในกรุงเทพฯคนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของตนขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศ ไปเรื่อย ๆ ไม่วายที่จะถ่ายคลิปวิดิโอสั้นพร้อมทั้งข้อความเล็ก ๆ น้อยลงไปในนั้นด้วย“ตื่นเช้ามันก็ดีเหมือนกันนะ”หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบา ๆ พลางยิ้มขำให้กับคำพูดของตัวเองไม่น้อย หากพูดว่านอนแล้วก็ไม่ใช่ เพราะเธอนั้นนอนไม่หลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อยู่ ๆ ก็หวนคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ใจร้ายกับเธอมาตลอด ไม่รู้ทำไมเธอยังรักเขาอยู่ทุกวันแต่ก็ต้องเอาใบหน้านั้นออกไปจากความคิดที่รบกวนการหลับการนอน มือเล็กเอื้อมไปคว้าสมาท์โฟนคู่ใจของตนขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชันสั่งของออนไลน์ เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเธอขอที่อยู่ของที่นี่กับมะเฟือง ด้วยความที่มีของใช
ตกดึกของวันเดียวกัน หลังจากที่ทยากรพานันท์นลินไปซื้อของเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็กลับไปทำงานต่อ โดยที่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอนั้นพักผ่อนหรือว่างงานแม้แต่น้อย เขาสั่งให้พนักงานในออฟฟิศอีกคนนำเอกสารและรายละเอียดต่าง ๆ มาให้เธออ่านทำความเข้าใจ พร้อมทำให้หาข้อมูลเกี่ยวกับองุ่นพันธุ์ใหม่ว่าเป็นอย่างไรให้กับเขา โดยการสั่งงานผ่านบุลคคลที่สามอีกทีตามเคยแน่นอนว่าคนที่อยากได้หัวใจของเขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าจะงวยงงนในการกระทำอยู่บ้างก็ตาม แต่บางทีเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ใจหนึ่งก็รัก แต่อีกดใจก็ปฎิเสธชายหนุ่ม ทว่าสมาธิที่จดจ่อกับงานกลับหายไปเกือบครึ่งเพราะเธอนั้นรู้สึกเป็นห่วงคนที่ยังไม่กลับบ้านอย่าง ทยากร โดยปกติแล้วเขาไม่กลับดึก ในยามนี้ก็จวนจะเข้าวันใหม่เสียแล้วก็ยังไม่เห็นหรือมีวี่แววว่าจะกลับ“ทำไมยังไม่กลับนะ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นห่วง พลันลุกจากโซฟาที่กำลังทำงานของตนชะเง้อมองทางด้านนอก ไม่วายที่มือเล็กๆ ไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือที่เปิดเพลงฟังเมื่อครู่มาด้วย ในตอนนี้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่นัก ช่วงก
หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่ทยากรเห็นเมียตัวเล็กเศร้าสร้อยจากเรื่องข่าวลือ ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงหากเรื่องเท็จมีเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพราะแน่นอนมันล่วงรู้ไปถึงหูของผู้เป็นย่า ถึงขั้นต่อสายตรงมาหาเขา หากไม่จัดการให้เรียบร้อยจะลงมาเป็นคนพูดเอง หลังจากวันนั้นทุกคนต่างไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย อาจมีบ้างที่บางคนคับข้องใจ ว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงลงเอ่ยซึ่งกันและกันแบบนี้“เมื่อวานไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึก”“เดินเล่นเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบทั้ง ๆ ที่ตัวของเธอนั้นอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว อาหารที่ป้าอนงค์ทำเอาไว้ก็เย็นชืดจึงเอามาอุ่นให้ร้อนเสียหน่อย“แน่ใจ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาไกล้คนตัวเล็กใบหน้าคมคายโน้มเข้าไกล้หญิงสาวอีกทั้งกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ“ค่ะ ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมเวลา”“บอกแล้วไงว่าให้เรียกแทนตัวเองว่ายังไง”หญิงสาวไม่ตอบอะไรได้แต่ปิดเตา แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเข้า ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มห่างเพียงคืบเดียวเท่านั้น เขาเอาลมหายใจของนันท์นลินติดขัดไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเคยแนบชิดมาก
ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของทยากรและนันท์นลินดำเนินการไปด้วยดี โดยที่ไม่มีเรื่องราวอะไรมาให้กวนจิตใจ หรือให้คิดมากไปเอง รวมถึงเรื่องที่ต้องการหย่าขาดจากกันด้วย วันนี้นันท์นลินที่ถูกห้ามไม่ให้ทำงานจากผู้เป็นสามีได้มาที่แปลงองุ่นที่คนงานกำลังเก็บผลผลิตอยู่นั้น หญิงสาวไม่ชอบอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรหากหยิบจับอะไรเพียงนิดเดียวก็ถูกห้ามอยู่ตลอด จนวันหนึ่งเธอตั้งใจที่จะคุยกับทยากรอย่างจริงจังเรื่องการทำงานของเธอ ด้วยความเคยชินจากหลายเดือนมานี้ทำงานทุกวันจนแทบไม่ได้หยุดพักผ่อนอะไร แต่พอมาวันหนึ่งไม่ได้ทำงานชีวิตเหมือนขาดอะไรไปเสียนี่“พี่ทิวจ๋า พาลินไปหาคุณย่าหน่อยสิคะ”ตกค่ำของวันเดียวกันหลังจากที่ทยากรกลับถึงบ้านมีคนตัวเล็กมาคอยต้อนรับเหมือนเช่นทุกวัน เพียงเขาได้เห็นใบหน้าหวาน ๆ ของเธอก็ทำให้หายเหนื่อยแล้ว แล้วยิ้มได้ยินเสียงออดอ้อนหวานอีก“หืม ว่าไงนะ” ทั้งที่ได้ยินเสียงออดอ้อนเต็มสองหูก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากได้ยินเสียงของเธออีก“ลินอยากไปหาคุณย่าค่ะ พาลินไปนะคะ” ว่าแล้วพลางเดินเข้ามาควงแขนออเซอะเอียงใบหน้าสวยหวานซบลงที่ท่อนแขนแกร่งของสามี
ใครว่าทยากรไม่ร้อนใจที่ติดต่อเมียของตัวเองไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืน เขาเพียรพยายามโทรหาหญิงสาวหลายต่อหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ยอมรับสายเขาแม้แต่ครั้งเดียว ครั้นโทรฯมาก ๆ เข้า หญิงสาวก็เปิดเครื่องหนีเขาเสียอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจไม่น้อย จนต้องรีบตรงดิ่งกลับมาบ้านในคืนนั้น แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้คนที่บ้านแตกตื่นว่าทะเลาะอะไรกัน จนต้องข่มใจอดทนรอให้ถึงเช้าเสียก่อน ค่อยมาหานันท์นลินเพื่อที่จะปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งและอธิบายในสิ่งที่เธอได้ยินว่ามันไม่เป็นความจริง เขาไม่อยากเสียหน้าในยามที่อยู่ต่อหน้าเพื่อน เพราะเขขาเองเป็นคนที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับพวกนั้นว่าจะไม่มีวันชอบนันท์นลินและไม่ยอมรับมาตลอดว่าตนจดทะเบียนสมรสและมีภรรยาแล้ว อีกทั้งเขาไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะอยู่ที่นั่นด้วยและบังเอิญได้ยินเรื่องพวกนั้นทยากรเดินวนไปมาราวกับหนูติดจั่นอยู่หน้าบ้านของย่าดาหลา อันที่จริงเขานอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนเฝ้ารอให้เช้าเร็ว ๆ ชายหนุ่มชะเง้อคอมองหานันท์ลินว่าจะลงมาตอนไหน เขาอยากจะคุยกับเธอเหลือเกิน จนกระทั่งป้าเนียมที่กำลังยกอะไรบางอย่างเข้าไปเ
"หนูลิน!" บทสนทนาที่ดังขึ้น ณ ขณะนั้นหยุดชะงักขึ้นมาทันที หันมองไปตามต้นเสียงว่าเป็นใคร "คุณลุง...เอ่อคุณพ่อ" ถึงแม้ว่าเวลานานผ่านไปเท่าใดเธอก็ยังไม่ชินกับสรรพนามที่นนทกรให้เรียกเสียที เพราะด้วยความเกรงใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอเองก็พยายามที่จะปรับเปลี่ยน มีบ้างที่จะเผลอเรียกแบบเดิมไป "ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะลูก" นางถามอย่างสงสัยเพราะนี่ไม่ใช่เวลากลับบ้านของบุตรชาย "ประชุมและทำทุกอย่างเรียบร้อยเร็ว ผมเลยกลับมาแวะตลาด ได้ยินคุณแม่บ่นอยากกินมาหลายวันแล้ว ""ขอบใจมากลูก มาเหนื่อย ๆ มานั่งกินอะไรก่อน"“ครับแม่ แต่ผมยังไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ ผมมีงานที่ต้องจัดการอีกเยอะเลยครับ” คนเป็นลูกชายหย่อนกายนั่งตรงข้ามมารดาและลูกสะใภ้ที่กำลังนั่งรับประทานขนมไทยอย่างอเอร็ดอร่อย“แล้วนี้เจ้าทิวไปไหนซะล่ะครับ ทิ้งเมียให้อยู่บ้านแบบนี้ยังไง”“คุณทิวไปเป็นวิทยากรให้กับทางมหาวิทยาลัย สามว
ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของทยากรและนันท์นลินดำเนินการไปด้วยดี โดยที่ไม่มีเรื่องราวอะไรมาให้กวนจิตใจ หรือให้คิดมากไปเอง รวมถึงเรื่องที่ต้องการหย่าขาดจากกันด้วย วันนี้นันท์นลินที่ถูกห้ามไม่ให้ทำงานจากผู้เป็นสามีได้มาที่แปลงองุ่นที่คนงานกำลังเก็บผลผลิตอยู่นั้น หญิงสาวไม่ชอบอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรหากหยิบจับอะไรเพียงนิดเดียวก็ถูกห้ามอยู่ตลอด จนวันหนึ่งเธอตั้งใจที่จะคุยกับทยากรอย่างจริงจังเรื่องการทำงานของเธอ ด้วยความเคยชินจากหลายเดือนมานี้ทำงานทุกวันจนแทบไม่ได้หยุดพักผ่อนอะไร แต่พอมาวันหนึ่งไม่ได้ทำงานชีวิตเหมือนขาดอะไรไปเสียนี่“พี่ทิวจ๋า พาลินไปหาคุณย่าหน่อยสิคะ”ตกค่ำของวันเดียวกันหลังจากที่ทยากรกลับถึงบ้านมีคนตัวเล็กมาคอยต้อนรับเหมือนเช่นทุกวัน เพียงเขาได้เห็นใบหน้าหวาน ๆ ของเธอก็ทำให้หายเหนื่อยแล้ว แล้วยิ้มได้ยินเสียงออดอ้อนหวานอีก“หืม ว่าไงนะ” ทั้งที่ได้ยินเสียงออดอ้อนเต็มสองหูก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากได้ยินเสียงของเธออีก“ลินอยากไปหาคุณย่าค่ะ พาลินไปนะคะ” ว่าแล้วพลางเดินเข้ามาควงแขนออเซอะเอียงใบหน้าสวยหวานซบลงที่ท่อนแขนแกร่งของสามี
หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่ทยากรเห็นเมียตัวเล็กเศร้าสร้อยจากเรื่องข่าวลือ ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงหากเรื่องเท็จมีเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพราะแน่นอนมันล่วงรู้ไปถึงหูของผู้เป็นย่า ถึงขั้นต่อสายตรงมาหาเขา หากไม่จัดการให้เรียบร้อยจะลงมาเป็นคนพูดเอง หลังจากวันนั้นทุกคนต่างไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย อาจมีบ้างที่บางคนคับข้องใจ ว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงลงเอ่ยซึ่งกันและกันแบบนี้“เมื่อวานไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึก”“เดินเล่นเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบทั้ง ๆ ที่ตัวของเธอนั้นอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว อาหารที่ป้าอนงค์ทำเอาไว้ก็เย็นชืดจึงเอามาอุ่นให้ร้อนเสียหน่อย“แน่ใจ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาไกล้คนตัวเล็กใบหน้าคมคายโน้มเข้าไกล้หญิงสาวอีกทั้งกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ“ค่ะ ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมเวลา”“บอกแล้วไงว่าให้เรียกแทนตัวเองว่ายังไง”หญิงสาวไม่ตอบอะไรได้แต่ปิดเตา แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเข้า ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มห่างเพียงคืบเดียวเท่านั้น เขาเอาลมหายใจของนันท์นลินติดขัดไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเคยแนบชิดมาก
ตกดึกของวันเดียวกัน หลังจากที่ทยากรพานันท์นลินไปซื้อของเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็กลับไปทำงานต่อ โดยที่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอนั้นพักผ่อนหรือว่างงานแม้แต่น้อย เขาสั่งให้พนักงานในออฟฟิศอีกคนนำเอกสารและรายละเอียดต่าง ๆ มาให้เธออ่านทำความเข้าใจ พร้อมทำให้หาข้อมูลเกี่ยวกับองุ่นพันธุ์ใหม่ว่าเป็นอย่างไรให้กับเขา โดยการสั่งงานผ่านบุลคคลที่สามอีกทีตามเคยแน่นอนว่าคนที่อยากได้หัวใจของเขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าจะงวยงงนในการกระทำอยู่บ้างก็ตาม แต่บางทีเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ใจหนึ่งก็รัก แต่อีกดใจก็ปฎิเสธชายหนุ่ม ทว่าสมาธิที่จดจ่อกับงานกลับหายไปเกือบครึ่งเพราะเธอนั้นรู้สึกเป็นห่วงคนที่ยังไม่กลับบ้านอย่าง ทยากร โดยปกติแล้วเขาไม่กลับดึก ในยามนี้ก็จวนจะเข้าวันใหม่เสียแล้วก็ยังไม่เห็นหรือมีวี่แววว่าจะกลับ“ทำไมยังไม่กลับนะ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นห่วง พลันลุกจากโซฟาที่กำลังทำงานของตนชะเง้อมองทางด้านนอก ไม่วายที่มือเล็กๆ ไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือที่เปิดเพลงฟังเมื่อครู่มาด้วย ในตอนนี้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่นัก ช่วงก
เช้าวันใหม่นันท์นลินออกบ้านเช้ากว่าปกติดั่งเช่นเมื่อวาน เพราะเธอนั้นไม่อยากเจอหน้าคนที่อยู่ในบ้าน ในยามนี้เขายังไม่ตื่นหรอก หากว่าเธอไปออฟฟิศในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มงาน ทว่าคราแรกจะปั่นจักรยานไปเหมือนทุกครั้งด้วยความที่กลัวว่าจะถึงเร็วจึงตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศในตอนเข้าที่หาไม่ได้จากในกรุงเทพฯคนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของตนขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศ ไปเรื่อย ๆ ไม่วายที่จะถ่ายคลิปวิดิโอสั้นพร้อมทั้งข้อความเล็ก ๆ น้อยลงไปในนั้นด้วย“ตื่นเช้ามันก็ดีเหมือนกันนะ”หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบา ๆ พลางยิ้มขำให้กับคำพูดของตัวเองไม่น้อย หากพูดว่านอนแล้วก็ไม่ใช่ เพราะเธอนั้นนอนไม่หลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อยู่ ๆ ก็หวนคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ใจร้ายกับเธอมาตลอด ไม่รู้ทำไมเธอยังรักเขาอยู่ทุกวันแต่ก็ต้องเอาใบหน้านั้นออกไปจากความคิดที่รบกวนการหลับการนอน มือเล็กเอื้อมไปคว้าสมาท์โฟนคู่ใจของตนขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชันสั่งของออนไลน์ เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเธอขอที่อยู่ของที่นี่กับมะเฟือง ด้วยความที่มีของใช
เกือบเก้าโมงเช้าของอีกวัน ในยามนี้แสงแดดจ้าสาดส่องเข้าห้องผ่านช่องหน้าต่าง ทำให้คนที่เพิ่งได้นอนพักเมื่อไม่กี่ชั่วโมง แขนแกร่งคลำไปข้าง ๆที่ตนนอนหมายจะคว้าคนที่นอนกอดก่ายเมื่อคืนเข้ามาแนบอิง แต่ก็พบกับความว่างเปล่าที่นอนเย็นเฉียบราวกับคนที่เขาเอาเปรียบเมื่อคืนนั้นลุกออกไปตั้งนานแล้ว“ลุกไปไหนแต่เช้าวะ” ชายหนุ่มยันกายของตนขึ้นเล็กน้อย พลางหวาดสายตามองไปรอบ ๆ จำได้ว่าชุดนอนตัวสวยที่เคยกระจัดกระจายอยู่เมื่อคืนของนันท์นลินหายไปหมดเหลือเพียงแค่เสื้อผ้าของเขาเท่านั้นคนตัวสูงตวัดผ้านวมที่คลุมกลายออกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะไปคว้าผ้าขนหนูที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาพันเอวสอบเอาไว้หมิ่นเหม่อย่างลวก ๆ พลันสายตาคมเหลือบไปรอยเลือดจาง ๆ อยู่กลางเตียง ก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้“มีอะไรดี ๆ เหมือนกันนี่” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบา ๆ อดที่จะภูมิใจไม่ได้ ที่เธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดและเคยต่อว่านันท์นลินไป ก่อนที่จะส่ายหน้าให้กับความคิดอันฟุ้งซ่านของตนให้ออกไปให้หมด แล้วเข้าห้องน้ำจัดการทำธุระส่วนตัวของตนให้เรียบร้อย เพราะในตอนนี้เลยเวลาทำงานของเขามาพอสมควรอนงค์คิดว่ามันช้ากว่าทุก
เวลาราว ๆ สามทุ่มนันท์นลินที่เผลองีบหลับไปเมื่อตอนหนึ่งทุ่มหลังจากที่จัดการอะไรต่อมิอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขึ้นมาที่ห้องนอนของตนเองและหลับไป แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะรู้สึกคอแห้งหิวน้ำ โดยปกติแล้วเธอนั้นจะเตรียมน้ำขึ้นมาด้วยอย่างน้อยหนึ่งขวด แต่วันนี้กลับลืมเสียอย่างนั้นนันท์นลินเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออกมาพบว่าชั้นสองยังคงปิดไฟมืดเสนิท จนต้องเปิดไฟฉายจากสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือ เพื่อให้ความสว่างในยามที่เธอเดินลงจากชั้นสอง ทันทีที่ค่อย ๆ ก้าวลงมาอย่างระมัดระวัง แต่ทว่าชั้นล่างกลับสว่างไม่เหมือนทุกวันเสียอย่างนั้น แถมประตูก็ยังไม่ได้ปิดอีก คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนอนสายเดียวยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เดินเข้าไปในครัวหยิบน้ำออกมาหนึ่งขวดก่อนจะเปิดจิบเล็กน้อยแล้วออกมา เพื่อจะปิดประตูหน้าบ้านที่เปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย แต่ในจังหวะที่กำลังจะดึงประตูกลับเข้ามา“กรี๊ด ขโมย”“จะร้องทำไมวะ”กลับทำให้เธอนั้นร้องกรี๊ดออกมาอย่างตกใจ ด้วยความที่เธอคิดว่าเป็นผู้ร้าย โจรที่จะมาปล้นบ้าน แต่กลับไม่ใช่เพราะเสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงของทยากรที่กำลังเมามายพร้อมกับ
นันท์นลินเดินไปยังออฟฟิศที่ตั้งอยู่เกือบถึงโซนหน้าไร่ที่ ที่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวทั่วประทศ มาพักผ่อน มาเที่ยวเล่นต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งแวะซื้อของฝากจากที่ไร่ก็ตาม“สวัสดีค่ะ วันนี้มาเข้าจังเลยนะคะคุณลิน”พนักงานทำความสะอาดที่เดินไปเดินมาคอยกวาดใบไม้อยู่ทักทายอย่างเป็นมิตร พร้อมทั้งส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่มาทำงานเช้ากว่าคนงานคนอื่น“ลินก็มาเช้าแบบนี้นี่แหละค่ะ มาก่อนก็ยังดีกว่ามาสายนะคะ”“ก็จริงอย่างที่คุณลินพูดนะคะ”“ใช่ไหมคะ ว่าแต่เช้าขนาดนี้คุณลินกินข้าวเช้ามารึยังคะ”“ลินไม่ค่อยกินข้าวเช้าน่ะ กินนมกล่องเดียวก็อิ่มแล้วค่ะ”เธอตอบไปตามความจริงที่มีเพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ ทยากรใช้งานเธอมากเหลือเกิสนจนแทบไม่มีเวลาได้กินอาหารเช้าเหมือนเมื่อก่อน จะมีก็แค่อาหารกลางวัน และอาหารเย็นที่บางครั้งจะได้กินบ้าง แต่ถ้าเหนื่อยจนไม่ไหวก็จะเดินขึ้นห้องอาบน้ำและพักผ่อนทันที“มาแล้วเหรอครับคุณลิน”“ค่ะคุณภพ วันนี้รับคำสั่งอะไรมาสั่งงานลินคะ” เธอพูดยิ้ม ๆ มองชายหนุ่มร่างสูงแต่งตัวดูดีที่เดินเข้ามาสมทบระหว่างเ