แชร์

บทที่ 1

ผู้เขียน: ญาดาพัชร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-20 17:04:56

ทยากร ธาราบวรวิชญ์ วัยสามสิบสามปี ที่กำลังนั่งดื่มกาแฟยามเช้าอยู่กับบิดาที่กำลังนั่งอ่านข่าวสารธุรกิจอยู่ในไอแพดเช่นเดิมทุกครั้ง

พลันสายตาเหลือบมองบุตรชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม แววตาของชายหนุ่มนั้นช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน นับตั้งแต่วันที่ทยากรกลับไปทำงานที่ไร่ของตนและวนเวียนกลับมาเยี่ยมบิดามารดาบ้างบางครั้ง แต่ทั้งสองคนก็คลาดเคลื่อนไม่ได้พบหน้ากันเสียที อีกคนงานยุ่ง ส่วนอีกคนหลบหน้าไม่อยากพบเจอ

ราวกับสวรรค์ไม่เป็นใจให้ทั้งคู่ได้เจอกันเสียอย่างนั้น

ตั้งแต่วันที่ทั้งสองคนได้จดทะเบียนสมรสกันอย่างเงียบ ๆ เมื่อหลายปีก่อน ตามความต้องการของผู้เป็นย่าและบิดา แต่หากถูกคัดค้านโดยมารดาของชายหนุ่มแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ มันจึงทำให้เขาไม่อยากจะกลับมาที่นี่หรือเจอหน้าภรรยาของตนเองอีก

แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นวันนี้

“ทำไมแกถึงไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องบ้างเหอะ” ผู้เป็นพ่อถามทั้ง ๆ ที่พอจะรู้อยู่แล้ว ว่าคำตอบของลูกชายเป็นเช่นไร

และสิ่งที่ได้มามันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเมื่อก่อนตอนที่ให้จดทะเบียนเลย

“ผมไม่ว่าง งานที่ไร่มันยุ่ง ๆ น่ะครับ”

นั่นไง! มันต่างจากที่คิดเสียที่ไหน เหตุผลหนึ่งก็คงไม่อยากเจอผู้หญิงที่ตอนนี้อยู่อีกบ้านเป็นแน่

“แน่ใจว่างานยุ่ง หรือไม่อยากเจอหนูลินกันแน่”

“นั่นสิ หนูลินของย่า เขาแย่ขนาดนั้นเลยหรือยังไง เวลาผ่านมาตั้งหลายปีแล้วไม่เคยมองน้องดีเลยรึ”

น้ำเสียงของผู้เป็นย่าไม่ค่อยจะพอใจหลานชายของตนสักเท่าใด ที่จดทะเบียนสมรสกับนันท์นลินมาก็หลายปีแล้ว แต่สองสามีภรรยานั่นกลับแยกกันอยู่เสียนี่แล้วแบบนี้เมื่อไหร่นางจะได้อุ้มเจ้าตัวน้อยกัน

“โธ่คุณย่าครับ ผมไม่ว่างจริงๆ นี่ครับ งานที่ไร่มันเยอะมากเลยนะครับคุณย่าก็รู้”

คนเป็นหลานชายรีบลุกพรวดพราดออกจากจากเก้าอี้ของตนเอง เข้ามาออดอ้อนคุณย่าราวกับกำลังประจบประแจงท่านไม่ให้บ่นเรื่องที่หายหน้าหายตาไปอยู่ที่ไร่องุ่นไม่ยอมกลับกรุงเทพฯ

  “เชอะ ย่าไม่อยากจะฟังคนโกหก”

“ผมพูดจริงครับย่า ผมไม่ว่างจริง ๆ ที่เข้ากรุงเทพฯ รอบนี้เพราะมีสัมมนาหลายวันเลยไม่ค่อยได้กลับมานอนที่บ้าน”

ย่าดาหลาถึงกับส่ายศีรษะไปมาน้อย ๆ ให้กับหลานชายที่หวงความโสดของตัวเองมาตั้งแต่ไหน แต่ไร แต่ที่ให้แต่งงานก็เพื่อตัวของทยากรเองทั้งนั้น ไม่ใช่เพื่อใครเลยเพราะนางเลือกสิ่งที่ดีที่สุด คนที่ดีและสามารถช่วยเหลือหลานชายในอนาคต

“ภายในปีนี้แกต้องมีหลานให้ฉันอุ้ม” นนทกรที่นั่งเงียบฟังสองย่าหลานอยู่นานสองนานเอ่ยขึ้น ทำเอาคนที่กำลังกอดดาหลาถึงกับหันขวับ

พอ ๆ พับคนที่กำลังเดินเข้ามาต้องหยุดชะงักปลายเท้าอย่างตกใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

เธอต้องมีลูกกับคนที่ไม่ชอบเธออย่างนั้นหรือ แค่ขนาดจดทะเบียนสมรสกันในครั้งนั้นก็แทบไม่ได้มองหน้ากันเสียด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อเขาไม่อยากเจอหน้าตน เธอก็จะไม่ย่างกายเข้าไปให้เขาเห็นหน้า

หากว่าเจอกันคงไม่วายที่ชายหนุ่มจะคอยหาเรื่องอยู่เป็นแน่ จากที่จะเดินเอาของเข้าไปข้างในห้องนั้น จึงรีกลับหลังหันเดินกลับอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเธอกำละงจะออกไปก็สวนกันกับแม่เนียม แม่บ้านสูงวัยของบ้านหลังนี้เดินสวนมาพอดี

“จะไปไหนเหรอคุณลิน” ป้าเนียมถามด้วยน้ำเสียงแข็งด้วยความไม่ชอบในในตัวของหญิงสาว แต่ก็ไม่ได้เกลียดเด็กสาวคนนี้

“ลินปวดหัวน่ะค่ะ ป้าเนียม ลินขอฝากเอาขนมเข้าไปข้างในหน่อยนะคะ”

ด้วยความสีหน้าของนันท์นลินไม่ค่อยจะดีนัก จึงจัดการนำถาดที่อยู่ในมือไปให้คุณ ๆ ข้างในแทน หลังจากที่รับมา คนตัวเล็กรีบเดินดุ่มออกไปอย่างรวดเร็วทำเอาแม่เนียมสงสัยในอาการของเธอเหลือเกินว่าเป็นอะไร

“เป็นอะไรของเขาพิลึกคน”  บ่นเพียงแผ่วเบาก่อนที่จะเอาของเข้าไปในห้องที่มี นนทกร ทยากร และ ดาหลา ที่กำลังคุยกันอย่างออกรส

“ขนมมาแล้วค่ะ คุณลินฝากเนียมเอามาให้ค่ะ”

“เอ้า แล้วเจ้าตัวไปไหนเสียแล้วล่ะ” ดาหลาถามถึงหลานสะใภ้พร้อมทั้งชะเง้อคอมองหาว่าเธอนั้นจะเข้ามาหรือไม่   หมายทีจะให้ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้ง

“เห็นบอกว่าปวดหัวน่ะค่ะ”

อาการของหญิงสาวที่พอสังเกตุได้ทำเอาคนอย่างเขาไม่พอใจ

“ใครจะไปอยากเจอผู้หญิงอ้วน ๆ ไม่สวยแบบนั้นกัน” เขาว่าอย่างไม่สบอารมณ์

“ไอ้ลูกเวรปากเสียนักนะ หนูลินเขาผอมแล้วเว้ยแถมยังสวยด้วย ใช่ไหมครับคุณแม่” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นให้ลูกชายของตัวเองงหายอคติกับนันท์นลินเสียที

“ใช่ ที่แกไม่มาเจอหน้าน้องเพราะเรื่องที่น้องอ้วนแล้วก็ไม่สวยหรือเปล่า”

ทยากรเฉไฉไม่ยอมตอบได้แต่ผละออกไปข้างนอกแทน วันนี้เขาว่าจะไม่ออกไปไหนจะพักผ่อนอยู่ที่บ้าสนก่อนเดินทางกลับไร่ในวันพรุ่งนี้

เพราะเขาเองก็มีงานที่ต้องจัดการต่ออีกหลายอย่าง

“ดู๊ดู หลานชายฉันทำไมบอกยากอะไรแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้อุ้มเหลนตัวน้อย ๆ สักที” ดาหลาบ่นหลานชายที่ทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเสียสักอย่าง

“คุณแม่ใจเย็น ๆ ครับเดี๋ยวเป็นลมไป”  นนทกรเองก็ไม่ต่างอะไรจากมารดาของตนที่เหนื่อยใจกับบุตรชายของตัวเอง

“ดูตาทิวสิ”

“เอาน่าคุณแม่ ผมว่ารอไอ้ทิวมันเจอหนูลิน เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนใจ”

“แม่ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น แต่เอ๊ะ ว่าแต่เมียเราไปไหนล่ะ ไม่เห็นหน้าตั้งแต่เช้าแล้ว”

ตั้งแต่ที่นางเดินเข้ามาที่บ้านหลังนี้ ก็ไม่เห็นหน้าเห็นตาของลูกสะใภ้ตนแม้แต่เสี้ยวเดียว ไม่รู้ทำไมพักนี้ไม่ค่อยจะอยู่บ้านกันนัก มีเรื่องอะไรที่ออกไปไหนกันนักหรือ

นางเอกก็ไม่เข้าใจผู้คนสมัยนี้เสียจริง ๆ

“ออกไม่งานสมาคมพบปะเพื่อน ๆ ของเขาเหมือนทุกครั้งแหละครับคุณแม่”

ดาหลาไม่ตอบอะไรนอกเสียจากส่ายหน้าน้อย ๆ กับเบญญาภาลูกสะใภ้ของตนต่อให้แต่งงานกับบุตรชายของนามาเกือบสามสิบสี่สิบปีแล้วก็ตาม แต่มารู้ทำไมนับตั้งแต่รับนันท์นลินมาเป็นหลานอีกคนของนางเองนับตั้งแต่ครอบครัวของหญิงสาวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อสิบปีก่อน

ดาหลานับว่านันท์นลินเป็นเด็กที่โชคชะตาอาภัพเหลือเกินกำพร้าโดยที่ตัวเองไม่เหลือใคร มีเพียงธาราบวรวิชญ์ ที่เป็นที่ญาติและครอบครัวให้กับผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้น

“ที่ฉันให้ตาทิวแต่งงานกับยัยลินก็เพื่อที่จะฝากให้ดูแลซึ่งกันและกัน”

“ผมรู้ครับคุณแม่ว่าคุณแม่หวังดี ผมเองก็อยากได้หนูลินมาเป็นลูกสะใภ้เหมือนกัน เพื่อชดเชยให้กับหนูลิน” นนทกรเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยสายตาทอดมองไปข้างนอกราวกับไร้จุดหมายเหมือนมีอะไรที่อยู่ในใจยังไม่สามารถบอกกับผู้ใดได้

แม้กระทั่งคนที่เป็นมารดาก็ไม่อาจพูดได้

อีกด้านของคนที่หนีออกมาเดินเล่นที่สวนหลังบ้านที่อยู่เยื้อง ๆ กับบ้านหลังเก่าของดาหลาที่กำลังปรับปรุงซ่อมแซมให้สะดวกสะบายมากขึ้น อีกทั้งไม่อยากให้ท่านเดินขึ้นเดินลงชั้นสองจนเกิดอุบัติเหตุเกือบพลัดตกจากบันใด แต่โชคดีมีคนช่วยเอาไว้ทัน

“ใครมันจะอยากเจอผู้หญิงคนนั้นกัน”

เอ่ยกับตัวเองเพียงแผ่วเบาพลางเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตนเองไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงที่ได้ยินเสียงน้ำกระทบกับหินหรือไม่ก็พื้นดินราวกับตอนฝนตกใหม่ ๆ กับความชุ่มของน้ำ จึงทำให้เขาเงยหน้ามองก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างสูงเพรียวที่ยืนจับสายยางรดน้ำต้นไม้ในวันที่บรรยากาศค่อนข้างดีแสงแดดอ่อน ๆ

ใบหน้าเล็กเรียว จมูกโด่งน้อย ๆ รับกับรูปหน้าอีกทั้งริมฝีปากเล็กที่กำลังขยับพึมพรำไปมาราวกับตนกำลังพึมพำร้องเพลงอะไรบางอย่าง 

ทรงผมที่ถูกมวยขึ้นเป็นบันดังโงะฟู ๆ บวกกับหน้าม้าซีทรูบางเบาเข้ากับรูปหน้าของเธอชวนหลงไหลาในสายตาของหลายคน

แต่ทว่าทำไมใบหน้านี้มันคุ้นเหลือเกินเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเสียอย่างนั้น

ใครกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เขาได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอคนนั้น

มันเลยทำให้เขารู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าชื่ออะไร

“คุณลินคะ คุณย่าเรียกหาค่ะ” เสียงนั้นเป็นเสียงของปรางค์ซึ่งเป็นหลานของป้าเนียมที่อายุน้อยกว่าเจ้าของชื่อที่เรียกเมื่อครู่

“จ้า” เจ้าของเสียงหวานขานรับ ก่อนที่จะผละสายตาจากเหล่าดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้า ในจังหวะที่เธอกำลังจะเดินไปปิดวาวน้ำที่อยู่ด้านหลังของใครบางคนในจังหวะที่เธอนั้นมองที่สายยางยาวไปข้างหลัง  แต่ก็ต้องชะงักกับร่างที่ยืนอยู่

ซึ่งไม่ใช่ใครนอกเสียจากทยากรกำลังมองเธออยู่แววตาของเขามันช่างตกใจราวกับเห็นผีเสียอย่างนั้นแหละ นันท์นลินไม่สนใจอะไรเขานอกเสียจากเดินผ่านชายหนุ่มไปอย่างไม่สนใจ ก่อนที่จะเดินไปหาคนที่เรียกเมื่อสักครู่นี้

ความสวยของนันท์นลินทำเอาคนที่คัดค้านในใจ ว่าคนที่เขาไม่ชอบในเมื่อก่อนจะสวยดูดีอะไรเช่นนี้ ผู้หญิงคนนั้นคือยัยแก้มยุ้ยคนที่คุณย่าบังคับจดทะเบียนสมรสกับเขาเมื่อหลายปีก่อนน่ะหรือ

เป็นไปไม่ได้เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

“เป็นไปไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่ปีจะสวยอะไรขนาดนี้”

ลับหลังที่ทยากรบ่นกับตัวเองเบา ๆ อย่างครุ่นคิดว่ามันเป็นเป็นแบบนี้ได้อย่างไร ชายหนุ่มได้แต่หันมองตามแผ่นหลังของคนที่เดินผ่านไป แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ชอบผู้หญิงคนนี้อยู่ดีต่อให้สวยขนาดไหนก็เถอะ

สิ่งที่เขาต้องการที่สุดในตอนนี้คือหย่ากับนันท์นลินให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าทั้งย่าและพ่อจะต้องการให้เขามีลูกกับผู้หญิงคนนั้นก็ตาม

เขาจะไม่มีวันที่จะผูกใจอยู่กับนันท์นลินเป็นแน่

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เปลืองรัก   บทที่ 2

    หลายวันผ่านไปทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ตามชีวิตประจำวันของแต่ละคนว่าเป็นเช่นไร เช่นเดียวกับนันท์นลินที่ออกไปทำงานเป็นพนักงานร้านกาแฟตั้งแต่เช้า โดยที่ทุกคนในบ้านรู้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กจะออกไปทำงานในตอนเช้า และกลับค่อนข้างจะดึกเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนต่างเข้าใจในการทำงานของหญิงสาว แต่ทว่าอีกสองวันข้างหน้าจะเป็นวันหยุดของเธอ“ลิน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ว่างไหมลูก” นายนนทกรถามลูกสะใภ้หลังจากที่กลับมาจากที่ทำงานแล้ว และมาช่วยแม่บ้านทำงานอย่างไม่อิดออด"ว่างค่ะ"หญิงสาวตอบเพียงสั้น ๆ เท่านั้นโดยที่ไม่แสดงอาการวิตกกังวลใด ๆให้คนตรงหน้าได้รับรู้ในสิ่งที่ตนเองเพิ่งจะพบเจอมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้"เหรอลูก พ่อเห็นย่าเขาอยากจะไปบ้านตาทิวที่ต่างจังหวัด แต่พ่อกับแม่ติดธุระ"เขาอยากจะไหว้วานให้นันท์นลินไปเป็นเพื่อน ลินเต็มใจไปกับคุณ"ได้ค่ะ คุณลุงไม่ต้องขอร้องหรือไหว้วานก็ได้ค่ะ""บอกแล้วให้ให้เรียกว่าพ่อ ไม่ต้องเรียกแล้วคุณลุง""ลินยังไม่ชินน่ะค่ะ ให้เวลาลินหน่อยนะคะ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มพร้อมทั้งส่งยิ้มจาง ๆ ให้กับคนตรงหน้า“หนูมีอะไรในใจหรือเปล่าลิน”“ไม่มีค่ะ วันนี้คุณลุงกับคุณป้าอยากกินอะไรเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20
  • เปลืองรัก   บทนำ

    "ตั้งแต่มึงมาที่นี่ มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องไปอยู่กับเมียบ้างหรือไง" ตุลธรพูดขึ้นท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น แต่มันพอที่จะทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และเพื่อนของเขาได้ยินด้วยทำเอาคนที่กำลังกระดกเหล้าเข้าปากอย่างเพลินใจถึงกับชะงักในสิ่งที่ได้ยิน "พูดอะไรของมึง กูไม่มีเมีย""แน่ใจนะว่ามึงไม่มีเมีย”“เออกูไม่มีเมีย” ทยากรยังคงปากแข็งและยืนยันคำเดิมว่าตนนั้นไม่มีใคร ไม่มีภรรยาหรือแต่งงานแล้วตามที่เพื่อนทั้งสองพูดมา“แล้วผู้หญิงสวย ๆ ที่กูเจอที่บ้านมึงเป็นใครวะ พวกกูไม่เคยเห็นหน้าเลยถึงไปบ้านมึงบ่อย ๆ ก็เถอะ" เตชินท์ถามด้วยความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจเพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาไปเยี่ยมบิดามารดาของทยากรมา และบังเอิญได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย พร้อมกับประโยคหนึ่งที่นนทกรบิดาของทยากรเอ่ยออกมา'ไอทิว...ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ ทิ้งเมียอยู่กรุงเทพฯ ส่วนตัวเองทำงานที่สวนอย่างสบายใจ มันไม่ห่วงเมียมันเลยหรือยังไงนะ' มันทำให้เขาต้องเก็บความสงสัยมาถึงทุกวันนี้วันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้ว นับจากที่ทยากรขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางกลับที่ไร่"กูจะบอกอีกครั้งว่ากูโสด" ทยากรหงุดหงิดไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20

บทล่าสุด

  • เปลืองรัก   บทที่ 2

    หลายวันผ่านไปทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ตามชีวิตประจำวันของแต่ละคนว่าเป็นเช่นไร เช่นเดียวกับนันท์นลินที่ออกไปทำงานเป็นพนักงานร้านกาแฟตั้งแต่เช้า โดยที่ทุกคนในบ้านรู้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กจะออกไปทำงานในตอนเช้า และกลับค่อนข้างจะดึกเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนต่างเข้าใจในการทำงานของหญิงสาว แต่ทว่าอีกสองวันข้างหน้าจะเป็นวันหยุดของเธอ“ลิน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ว่างไหมลูก” นายนนทกรถามลูกสะใภ้หลังจากที่กลับมาจากที่ทำงานแล้ว และมาช่วยแม่บ้านทำงานอย่างไม่อิดออด"ว่างค่ะ"หญิงสาวตอบเพียงสั้น ๆ เท่านั้นโดยที่ไม่แสดงอาการวิตกกังวลใด ๆให้คนตรงหน้าได้รับรู้ในสิ่งที่ตนเองเพิ่งจะพบเจอมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้"เหรอลูก พ่อเห็นย่าเขาอยากจะไปบ้านตาทิวที่ต่างจังหวัด แต่พ่อกับแม่ติดธุระ"เขาอยากจะไหว้วานให้นันท์นลินไปเป็นเพื่อน ลินเต็มใจไปกับคุณ"ได้ค่ะ คุณลุงไม่ต้องขอร้องหรือไหว้วานก็ได้ค่ะ""บอกแล้วให้ให้เรียกว่าพ่อ ไม่ต้องเรียกแล้วคุณลุง""ลินยังไม่ชินน่ะค่ะ ให้เวลาลินหน่อยนะคะ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มพร้อมทั้งส่งยิ้มจาง ๆ ให้กับคนตรงหน้า“หนูมีอะไรในใจหรือเปล่าลิน”“ไม่มีค่ะ วันนี้คุณลุงกับคุณป้าอยากกินอะไรเ

  • เปลืองรัก   บทที่ 1

    ทยากร ธาราบวรวิชญ์ วัยสามสิบสามปี ที่กำลังนั่งดื่มกาแฟยามเช้าอยู่กับบิดาที่กำลังนั่งอ่านข่าวสารธุรกิจอยู่ในไอแพดเช่นเดิมทุกครั้ง พลันสายตาเหลือบมองบุตรชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม แววตาของชายหนุ่มนั้นช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน นับตั้งแต่วันที่ทยากรกลับไปทำงานที่ไร่ของตนและวนเวียนกลับมาเยี่ยมบิดามารดาบ้างบางครั้ง แต่ทั้งสองคนก็คลาดเคลื่อนไม่ได้พบหน้ากันเสียที อีกคนงานยุ่ง ส่วนอีกคนหลบหน้าไม่อยากพบเจอราวกับสวรรค์ไม่เป็นใจให้ทั้งคู่ได้เจอกันเสียอย่างนั้นตั้งแต่วันที่ทั้งสองคนได้จดทะเบียนสมรสกันอย่างเงียบ ๆ เมื่อหลายปีก่อน ตามความต้องการของผู้เป็นย่าและบิดา แต่หากถูกคัดค้านโดยมารดาของชายหนุ่มแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ มันจึงทำให้เขาไม่อยากจะกลับมาที่นี่หรือเจอหน้าภรรยาของตนเองอีกแต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นวันนี้“ทำไมแกถึงไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องบ้างเหอะ” ผู้เป็นพ่อถามทั้ง ๆ ที่พอจะรู้อยู่แล้ว ว่าคำตอบของลูกชายเป็นเช่นไรและสิ่งที่ได้มามันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเมื่อก่อนตอนที่ให้จดทะเบียนเลย“ผมไม่ว่าง งานที่ไร่มันยุ่ง ๆ น่ะครับ”นั่นไง! มันต่างจากที่คิดเสียที่ไหน เหตุผลหนึ่งก็คงไม่อยากเจอผู้หญิง

  • เปลืองรัก   บทนำ

    "ตั้งแต่มึงมาที่นี่ มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องไปอยู่กับเมียบ้างหรือไง" ตุลธรพูดขึ้นท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น แต่มันพอที่จะทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และเพื่อนของเขาได้ยินด้วยทำเอาคนที่กำลังกระดกเหล้าเข้าปากอย่างเพลินใจถึงกับชะงักในสิ่งที่ได้ยิน "พูดอะไรของมึง กูไม่มีเมีย""แน่ใจนะว่ามึงไม่มีเมีย”“เออกูไม่มีเมีย” ทยากรยังคงปากแข็งและยืนยันคำเดิมว่าตนนั้นไม่มีใคร ไม่มีภรรยาหรือแต่งงานแล้วตามที่เพื่อนทั้งสองพูดมา“แล้วผู้หญิงสวย ๆ ที่กูเจอที่บ้านมึงเป็นใครวะ พวกกูไม่เคยเห็นหน้าเลยถึงไปบ้านมึงบ่อย ๆ ก็เถอะ" เตชินท์ถามด้วยความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจเพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาไปเยี่ยมบิดามารดาของทยากรมา และบังเอิญได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย พร้อมกับประโยคหนึ่งที่นนทกรบิดาของทยากรเอ่ยออกมา'ไอทิว...ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ ทิ้งเมียอยู่กรุงเทพฯ ส่วนตัวเองทำงานที่สวนอย่างสบายใจ มันไม่ห่วงเมียมันเลยหรือยังไงนะ' มันทำให้เขาต้องเก็บความสงสัยมาถึงทุกวันนี้วันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้ว นับจากที่ทยากรขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางกลับที่ไร่"กูจะบอกอีกครั้งว่ากูโสด" ทยากรหงุดหงิดไม่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status