เจนนั่งอยู่บนเก้าอี้หรูภายในเครื่องบินส่วนตัวของธนา สายตาเธอจับจ้องไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด ไฟที่ส่องสว่างอยู่ไกลลิบดูเหมือนจะแทนความหวังที่ค่อยๆ ห่างออกไป ใจเธอสั่นระรัว ไม่รู้ว่าชะตากรรมที่รออยู่ปลายทางจะเป็นเช่นไร
บรรยากาศภายในเครื่องบินเงียบสนิท มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มเป็นจังหวะ แต่ความเงียบนี้กลับทำให้เจนรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวและไร้ทางหนีอย่างน่ากลัว ใกล้เธอ ธนานั่งอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของห้องโดยสาร มองเธอด้วยสายตาที่นิ่งลึกและเผด็จการ มือของเขาวางอยู่บนที่เท้าแขนอย่างสง่างาม แต่เจนรู้ดีว่าภายใต้ความสงบสุขนั้นแฝงไว้ด้วยอำนาจและความเด็ดขาดที่พร้อมจะครอบครองเธอทุกเมื่อ
เธอหลบสายตาลงต่ำ พยายามไม่สบตากับเขา แต่ความเงียบระหว่างพวกเขาทำให้ทุกอณูของความรู้สึกกลายเป็นสายใยที่ตึงเครียดรอบตัว เจนกัดริมฝีปากแน่นข่มความหวาดกลัว แต่ไม่ทันที่จะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ธนาก็เอนตัวเข้ามาใกล้ ราวกับจะบอกให้เธอรู้ว่าไม่มีทางหลบหนีได้
"เธอจะไปไหนไม่ได้อีกแล้ว" เขากระซิบเสียงทุ้มเยือกเย็นใกล้หู ทำให้เธอรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว "ชีวิตของเธอต่อจากนี้เป็นของฉัน"
เจนสะบัดตัวอย่างแรง เบือนหน้าจากสายตาเยือกเย็นของธนา ใจเธอเต้นแรงด้วยความโกรธและความกลัวที่ปนเปกัน เธอเงยหน้ามองเขา กล้าๆ กลัวๆ แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับไม่แผ่วเบา
"คุณคิดว่าฉันจะยอมเป็นของคุณง่ายๆ หรือไง?" เสียงของเธอสั่นแต่หนักแน่น แววตาแฝงความกล้าหาญ แม้หัวใจจะเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
ธนาหยุดชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะเยาะอย่างเบาๆ ดวงตาคมเฉียบของเขาจ้องตรงไปยังเธอ รอยยิ้มบางปรากฏที่มุมปาก แต่กลับเยือกเย็นจนเธอขนลุก
"ไม่กลัวเลยใช่ไหม?" เขากระซิบถามใกล้ๆ อย่างท้าทาย พลางเอียงหน้าเข้าไปใกล้ ใกล้จนเธอรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่หนักแน่นนั้น เจนพยายามถอยหลัง แต่เก้าอี้กลับกั้นเธอไว้ เธอจึงได้แต่นั่งนิ่งข่มใจอย่างสุดความสามารถ
“ถ้าคิดจะต่อต้าน ก็ลองดูสิ” ธนาพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดและเต็มไปด้วยอำนาจ “แต่จำไว้… คนรอบตัวเธอจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เธอทำ”
เจนกำหมัดแน่น สายตาสั่นระริก แต่เธอก็ยังไม่ยอมลดราวาศอก ดวงตาฉายแววโกรธขึ้งและแข็งกร้าว
"ทำกับฉันยังไม่พอ ต้องขู่คนอื่นด้วยเหรอ?" เธอพ่นคำพูดอย่างแหลมคม แววตาฉายความโกรธจัด แต่ก็ยังมีร่องรอยของความกลัวซ่อนอยู่
ธนาไม่พูดอะไรอีก แต่จ้องเธอนิ่งด้วยสายตาที่เยือกเย็น ราวกับจะทดสอบว่าเธอจะทนได้อีกนานแค่ไหน
ธนาไม่รอช้า เขากระชากเจนให้ลงมานั่งบนตักกว้างของเขาอย่างไม่ปรานี เสียงอุทานของเธอดังขึ้นเบาๆ ด้วยความตกใจ แต่เขาไม่ปล่อยให้เธอตั้งตัวได้ทัน วงแขนแกร่งโอบรัดรอบเอวของเธอแน่น ประหนึ่งว่าเธอเป็นนักโทษที่ไม่มีวันหลุดพ้นจากพันธนาการนี้
เจนเริ่มดิ้น พยายามจะลุกหนีจากตักเขา ทว่าธนากลับยิ่งกระชับวงแขนแน่นขึ้น เสียงเข้มขู่เบาๆ ข้างหู “นั่งนิ่งๆ ไม่งั้นเธอจะได้รู้ว่าฉันทำอะไรได้บ้าง”
คำพูดนั้นทำให้เธอตัวชะงัก มองเขาด้วยสายตาโกรธแค้นที่เต็มไปด้วยความอึดอัด แต่เธอก็ไม่กล้าขัดขืนต่ออีก ธนาใช้ปลายนิ้วไล้แก้มเธออย่างช้าๆ ขณะมองปากสวยที่เม้มแน่นอย่างดื้อดึง
ธนาหัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อตัวเจนพยายามดิ้นขัดขืน อารมณ์ของเธอราวกับม้าพยศที่พร้อมจะหนีห่าง แต่เขากลับกระชับวงแขนกว้าง รัดแน่นขึ้นทุกครั้งที่เธอพยายามดิ้นจนไม่มีทางหนี สายตาคมกริบของเขาจับจ้องที่ใบหน้าของเธอ สลับกับริมฝีปากสีอ่อนที่สั่นไหวด้วยความโกรธ
“นั่งนิ่งๆ” เขากระซิบด้วยเสียงเข้ม ข่มขู่เบาๆ “ไม่อย่างนั้น… เธอจะได้เจออะไรที่มากกว่านี้”
เจนหยุดดิ้นชั่วครู่ สายตาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบของเขา ด้วยความรู้สึกสับสนระคนกลัว และในที่สุดเธอก็ยอมผ่อนแรงลง ปล่อยตัวเองให้อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไร้หนทาง
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาที เสียงหัวใจของเขาที่เต้นอย่างมั่นคง และความอบอุ่นจากวงแขนที่รัดแน่นก็ค่อยๆ กล่อมเธอให้สงบลง เจนที่เหนื่อยล้าจากการต่อต้านเผลอเอนศีรษะลงบนอกกว้างของเขาโดยไม่รู้ตัว เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงด้วยความอ่อนล้า สุดท้ายก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของเขาอย่างเงียบสงบ
ธนาก้มลงมองใบหน้าของเจนในยามหลับ แสงไฟสลัวบนเครื่องบินส่วนตัวช่วยขับเน้นให้ใบหน้าอ่อนหวานของเธอยิ่งดูสงบไร้การป้องกัน ท่าทางดื้อรั้นและต่อต้านที่เขาเห็นก่อนหน้านี้เลือนหาย เหลือเพียงความอ่อนโยนและบอบบางในอ้อมแขน ริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้มบางอย่างยากจะเข้าใจ
เมื่อเครื่องบินแตะพื้นจอด ธนาอุ้มร่างเล็กลงจากเครื่องอย่างระมัดระวัง แผ่นอกกว้างสัมผัสความอบอุ่นของเธออยู่ใกล้ ร่างของเธอซบแนบกับอกของเขา ราวกับเธอไว้ใจทั้งๆ ที่อยู่ในภวังค์ฝัน เขาก้าวลงสู่บันไดเครื่องบินและเดินตรงไปยังรถที่จอดรออยู่ไม่ห่าง
ลูกน้องต่างพากันหลบสายตา ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดเมื่อเห็นเขาประคองเธอด้วยความระมัดระวังเช่นนั้น เมื่อมาถึงรถ เขาจัดการวางเธอเบาๆ ลงบนเบาะหลัง และตัวเขาเองก็นั่งลงข้างๆ พลางมองเธอด้วยแววตาเข้มลึกล้ำที่ใครก็มองไม่ออกว่ามันเป็นเพียงความปรารถนาหรือบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น
เจนงัวเงียตื่นขึ้นมา เมื่อรถคันหรูแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าประตูคาสิโนอันโอ่อ่าหรูหรา เจนมองไปที่อาคารนั้นด้วยความตระหนก ใจเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ สายตาจับจ้องไปยังแสงไฟนีออนที่สว่างจ้าตัดกับความมืดของค่ำคืน ราวกับเป็นป้ายบอกทางสู่โลกใหม่ที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน โลกที่เต็มไปด้วยความลึกลับและอันตรายที่ซ่อนอยู่ในความหรูหรานั้น
ประตูรถถูกเปิดโดยลูกน้องในชุดสูทดำ เจนลอบกลืนน้ำลาย ขณะที่เธอก้าวลงจากรถด้วยหัวใจที่สั่นระรัว เธอถูกพามาถึงที่นี่โดยไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้ เหมือนกับถูกตรึงไว้ด้วยสายตาและคำขู่ของชายผู้ที่อำนาจครอบครองชีวิตของเธอในขณะนี้
ธนานั่งอยู่ในรถที่มีฟิล์มดำสนิท ไม่ละสายตาจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว เขาส่งสายตาดุดันแต่แฝงด้วยแววพึงพอใจ ยิ้มบางๆ ที่มุมปากเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกถึงอารมณ์ข้างใน เขามองเห็นเจนที่ยืนนิ่งด้วยใบหน้าขาวซีด ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัวและความหวาดหวั่น แต่ก็มีแสงเล็กๆ ของความเข้มแข็งที่ซ่อนอยู่ เขารู้ดีว่านี่คือผู้หญิงที่เขาต้องการครอบครอง และจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งชิงไปจากเขา
ลูกน้องพาเธอเดินขึ้นบันไดเข้าสู่คาสิโน ที่นี่ทั้งใหญ่โตและหรูหรา ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยผู้คนในชุดสูทและชุดราตรีหรู พวกเขาต่างดื่มด่ำอยู่ในโลกของแสงสีและเสียงดนตรี แต่สำหรับเจน ที่นี่คือกรงขังที่หรูหรา เธอรู้สึกเหมือนเป็นนกน้อยที่ถูกลากมาสู่กรงทองคำนี้โดยปราศจากทางออก
“ขอต้อนรับสู่โลกของฉัน” เสียงของธนาดังขึ้นข้างหลังเธออย่างเยือกเย็น ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาประชิดตัวเธอ มือแกร่งของเขาจับเบาๆ ที่หลังของเธอ แต่เจนรู้สึกเหมือนถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ตรวน
“จำไว้ ว่าต่อจากนี้ไป เธอไม่มีทางหนีไปไหนได้” เขากระซิบเสียงต่ำใกล้หูของเธอ พลางส่งยิ้มที่มีทั้งความเผด็จการและความพึงพอใจ
เจนกัดริมฝีปากแน่น ข่มน้ำตาที่อยากจะไหลริน เธอรู้แล้วว่าต่อจากนี้ ชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวาดกลัว แต่ในส่วนลึกของใจ เธอก็รู้ว่านี่คือการเผชิญหน้าที่เธอไม่มีวันหลีกเลี่ยงได้
ธนากุมมือเล็กของเจนไว้แน่น ราวกับจะประกาศให้รู้ว่าเธออยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขาแล้ว ร่างสูงใหญ่พาเธอก้าวเดินไปตามทางเดินของคาสิโน โดยมีสายตาจากผู้คนรอบข้างจับจ้องด้วยความสงสัย บางคนกระซิบกระซาบ บ้างก็หันมองตามหลังเขาไปจนลับตา ท่าทางทรงอำนาจของธนา ผสานกับความสวยสงบที่แฝงความดื้อรั้นในดวงตาของเจน กลายเป็นภาพที่ดึงดูดสายตาของทุกคนในคาสิโน
เจนพยายามขืนมือออกจากการกุมที่แข็งแรงนั้น แต่แรงเธอก็ไม่อาจเทียบกับเขาได้ ธนาก้มลงมองเธอด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา เหมือนจะเตือนให้เธอรู้ว่า การดิ้นรนใดๆ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เขาตัดสินใจไปแล้วได้
เขาก้มลงมองเจน ดวงตาคมกริบฉายแววอ่อนโยนเพียงชั่วขณะ แต่กลับมีความเด็ดขาดที่ยากจะปฏิเสธ สายตาที่สะท้อนถึงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน
"ฉันเตือนแล้วนะ ว่าไม่ให้ดื้อกับฉัน"
เสียงเขาต่ำลึกแต่แฝงด้วยคำเตือน ราวกับว่าคำพูดของเขาเป็นกฎที่ไม่อาจฝ่าฝืน
เจนเม้มปากแน่น เธอรู้ดีว่าความพยายามที่จะขัดขืนอาจจะนำไปสู่บางอย่างที่เธอไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ความดื้อรั้นในใจถูกกดดันจนเกือบหมดสิ้น แต่ยังเหลือเงาของการต่อต้านอยู่เพียงเล็กน้อย มือใหญ่ที่กุมมือเธอไว้ทำให้เธอตระหนักได้ว่าหนีไปไหนไม่พ้น
ธนามองเธอนิ่ง ราวกับกำลังสำรวจทุกเสี้ยวอารมณ์ในดวงตาคู่นั้น
"ถ้าเธอยังคิดจะดื้ออีก ฉันก็มีวิธีที่จะทำให้เธออยู่ในโอวาท"
เขายิ้มเล็กๆ ด้วยความมั่นใจในอำนาจของตัวเอง ก่อนจะกระชับมือของเธอแน่นขึ้น ให้เธอรู้ว่าเธอจะปลอดภัย แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของเขา
ธนาพาเจนเดินผ่านโถงทางเดินหรูหราของคาสิโน ดวงตาของเธอเบิกกว้าง มองภาพรอบข้างที่ตกแต่งอย่างอลังการ เสียงพึมพำและสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยจากผู้คนรอบข้างต่างจับจ้องมาที่พวกเขา—โดยเฉพาะหญิงสาวในชุดธรรมดาที่ถูกพาขึ้นมายังชั้นบนสุดของคาสิโนสุดหรูแห่งนี้
เมื่อมาถึงหน้าห้องชุดที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุด ธนาหยุดลงครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาสบตากับเธอด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นและคำสั่งที่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา
“ตั้งแต่ตอนนี้ เธอจะอยู่ในความดูแลของฉัน” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม แต่ชัดเจน
เขาเปิดประตูออก ภายในห้องกว้างขวางตกแต่งอย่างวิจิตรหรูหรา แต่มีกลิ่นอายของความเป็นส่วนตัวที่ห่างไกลจากโลกภายนอก เจนรู้สึกถึงบรรยากาศอึดอัดปนด้วยความตื่นเต้น เธอเผลอก้าวถอยหลัง แต่ธนาก็จับมือเธอไว้ ไม่ให้เธอหนีไปไหน
"อย่าคิดจะหนีอีก"
เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มเยาะน้อยๆ มือของเขายังไม่ปล่อยจากมือเธอ ราวกับต้องการให้เธอเข้าใจว่าที่นี่คือที่ของเธอจากนี้ไป
เมื่อธนาพาเจนเข้ามาในห้องชุดสุดหรู เธอรู้สึกเหมือนเข้าไปในอาณาจักรส่วนตัวที่ใหญ่ยิ่งกว่าที่คิดไว้ แต่ความกว้างขวางนั้นกลับไม่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย กลับกัน มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้น เมื่อมองไปรอบๆ ความรู้สึกแรกที่ประสบคือความอลังการของการตกแต่งที่มีสไตล์โมเดิร์นทันสมัย เพดานสูงโปร่งให้ความรู้สึกเปิดกว้าง มีไฟ LED ที่ติดตั้งอยู่รอบๆ ส่องสว่างอย่างอ่อนโยน เพิ่มบรรยากาศให้ดูอบอุ่นและน่าหลงใหล ผนังของห้องถูกตกแต่งด้วยสีขาวสะอาดตา ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดีที่มีลวดลายสวยงาม ดูมีเอกลักษณ์โซฟาขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง มีผ้าห่มเนื้อหนานุ่มสีเบจคลุมอยู่ บนโต๊ะกาแฟเป็นกระจกใสที่สะท้อนภาพด้านบน ทำให้ห้องดูกว้างขวางยิ่งขึ้น ราวกับว่าทุกอย่างดูเรียบหรูแต่ไม่ทิ้งความอบอุ่น ที่มุมหนึ่งมีโต๊ะอาหารไม้ยาวซึ่งตั้งอยู่กลางห้อง พร้อมด้วยเก้าอี้หุ้มหนังที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม ชวนให้นึกถึงการรับประทานอาหารในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกในห้องมีบาร์เครื่องดื่มที่จัดเตรียมไว้อย่างดี ตั้งอยู่ในมุมที่มีแสงไฟสลัวๆ กระจกที่เต็มไปด้วยขวดเครื่องดื่มนำเข้าที่สวยงาม ข้างๆ มีเครื่องชงกาแฟหรูหราที่พร
“คุณให้ฉันทำงานใช้หนี้แทนได้ไหม? หนักขนาดไหนฉันก็จะทำ” คำพูดที่แสนท้าทายของเจนยังคงดังก้องอยู่ในใจของธนา ใบหน้าที่คล้ายมีนาแต่แววตาดื้อรั้นและท่าทางที่เต็มไปด้วยความท้าทายทำให้เขานึกถึงคนละด้านกันไปโดยสิ้นเชิง จนเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ รอยยิ้มนั้นทำให้ลูกน้องในห้องประชุมต่างหันมามองกันตาปริบๆ ก่อนจะหลบสายตาออกไป เพราะไม่ค่อยได้เห็นบอสของพวกเขายิ้มในเวลางานบ่อยนักมาร์ค มือขวาคนสนิทที่รู้จักนิสัยบอสของตัวเองดี เหลือบมองด้วยท่าทางขี้เล่น พลางกระซิบข้างหูบอสด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “บอส…ไม่ใช่ว่าหลงของเล่นใหม่นะครับ?”ธนาเหลือบตากลับมาให้สายตาดุดัน แต่มาร์คก็ยังกล้ากล่าวต่อ “เด็กนั่นหน้าเหมือนคุณมีนามากนะครับบอส ” น้ำเสียงหยอกล้อของเขาเต็มไปด้วยความนึกสนุกที่หาโอกาสแหย่เจ้านายตัวเอง"มาร์ค…" ธนาเอ่ยเสียงเรียบแต่เฉียบขาด พยายามซ่อนรอยยิ้มที่เริ่มจะเผยออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ขณะที่ในหัวก็อดนึกถึงภาพเจนที่ยืนเถียงใส่เขาด้วยความท้าทายไม่ได้ เขาส่ายหัวเล็กน้อยอย่างละอายใจในตัวเอง แต่มาร์คที่ถอยไปยืนข้างๆ ก็ยังคงอมยิ้มอย่างไม่หวั่นไหวเมื่อคืนนี้ธนาต้องอดกลั้นขนาดไหน ในห้องที่เงีย
แสงไฟระยิบระยับในคาสิโนหรูแห่งหนึ่งในมาเก๊า เสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มและเสียงหัวเราะของผู้คนที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อเสี่ยงโชค ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความมีชีวิตชีวา คาสิโนแห่งนี้ไม่เพียงแค่เป็นสถานที่เล่นพนัน แต่ยังเป็นอาณาจักรของธนา เจ้าพ่อคาสิโนวัย 40 ปี ผู้มีอำนาจและเงินทองมากมายธนานั่งอยู่ที่โต๊ะบาคาร่าพร้อมกับผู้คนมากมายที่ล้อมรอบเขา สายตาของเขากวาดไปทั่วห้อง ทุกอย่างดูราวกับเป็นการแสดงละคร ทุกคนต้องการเพียงการตอบแทนจากเขา ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือความสนใจ ความรู้สึกของเขาเป็นเพียงความว่างเปล่าที่ถูกปกคลุมด้วยแสงสี“มา! วางเดิมพัน!” เสียงเรียกของเจ้ามือดังขึ้น ธนาไม่แสดงอาการสนใจ เขาเอนหลังพิงเก้าอี้หรูในชุดสูทที่ถูกออกแบบมาอย่างดี สายตาเฉียบคมของเขาจับจ้องไปที่ไพ่ที่กำลังถูกเปิดในมือนั้น ความสงบและความมั่นใจเป็นสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่รอบข้าง“เจ้าพ่อ! มาเล่นกับพวกเราหน่อย!” เสียงของนักพนันคนหนึ่งตะโกนเรียกเขา ธนาหันไปมอง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย แต่ในใจเขารู้ดีว่าพวกเขาทั้งหมดต้องการอะไรจากเขาการที่เขาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพียงแค่การเล่นพนัน แต่เป็นการแสดงอำนาจของ
ธนานั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของคาสิโน มองออกไปที่วิวเมืองยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสี เสียงเครื่องเล่นพนันและเสียงหัวเราะของผู้คนดังอยู่ไกลๆ แต่ภายในใจเขากลับเงียบเหงาเหมือนความว่างเปล่าของชีวิต เรื่องราวในอดีตเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำของเขาหลายปีก่อน เมื่อชีวิตของเขายังเต็มไปด้วยความหวังและความฝัน ธนาเป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องหนีเอาชีวิตรอดจากการถูกตามล่า ธนาวิ่งพรวดเข้าไปในซอยเล็กๆ ของย่านมืดในปรารีส ความเจ็บแสบจากบาดแผลที่โดนเฉือนเริ่มแล่นลึก เลือดไหลซึมจากบาดแผลหลายจุด เปื้อนเสื้อผ้าจนแดงฉาน ธนาไม่หวาดกลัว ไม่แม้แต่สะท้านต่อความเจ็บปวด มีเพียงความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดจากการตามล่าของศัตรูที่พร้อมจะปลิดชีพเขาได้ทุกเมื่อในขณะที่เขาเริ่มทรุดตัวลงข้างกำแพง ด้วยแรงที่กำลังจะหมดลง เสียงฝีเท้าคนหนึ่งใกล้เข้ามา ธนาหันไปมอง เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจและห่วงใย “คุณ...คุณเป็นอะไรมากไหม?” น้ำเสียงของเธอสั่นแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน หญิงสาวคนนั้นชื่อ มีนา เธอเป็นหญิงสาวผู้มีรอยยิ้มอบอุ่นที่เขาเคยเห็นตอนวิ่งหนีเข้ามาในย่านนี้มีนาไม่รอให้เขาตอบ
เสียงลมหายใจของเจนหนักอึ้ง ขณะที่เธอก้าวเข้าไปในคาสิโนอันโอ่อ่า ที่ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความเย้ายวนที่แสนหรูหราแต่ซ่อนแฝงด้วยอันตราย เจนเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อผู้เคยเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่ง หัวหน้าครอบครัวที่เลี้ยงดูลูกอย่างทะนุถนอมดุจไข่ในหิน แต่เขาตกเป็นเหยื่อของผีพนัน ที่ดึงชีวิตของเขาลงสู่เหวลึก จนแม้แต่วิญญาณก็ยากจะปีนกลับมาชีวิตที่เจนเคยรู้จักเต็มไปด้วยความสุขสมบูรณ์ บ้านหรูหรา รถยนต์คันโก้ และการศึกษาที่ดีที่สุด แต่ทุกอย่างกลับพังทลายลงไปในพริบตาเมื่อตัวเลขหนี้สะสมทับถมจากการพนัน บีบคั้นให้พ่อของเธอเลือกทางเดินที่ยากเกินกว่าจะนึกถึง ขายทรัพย์สินทั้งหมดแล้วยังไม่พอ พ่อผู้ซึ่งเธอรักและเทิดทูนถึงกับต้องก้มหัวเข้ามาขอ "ขัดดอก" ด้วยสิ่งที่เขาหวงแหนที่สุดในชีวิต—ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาเองความเจ็บปวดและสิ้นหวังในดวงตาพ่อยังคงติดตรึงในหัวใจเจน ขณะที่เธอจำยอมต้องเข้ามาเป็น "นางบำเรอ" ให้กับเจ้าของคาสิโนอย่างธนา ผู้ชายที่เธอเคยได้ยินถึงความเย็นชาและไร้หัวใจ เธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของหนี้ แต่เป็นการพาตัวเองไปในที่ที่เธอไม่มีทางควบคุมเจนยืนตรงหน้ากระจก มองเห็นตัวเองในภาพสะท
ในคืนที่อากาศหนาวเย็นและมืดมิด ธนานั่งอยู่ในรถฟิล์มดำสนิท ใบหน้าของเขาบูดบึ้งด้วยความโกรธ เมื่อลูกน้องวิ่งเข้ามารายงานข่าวที่ไม่สู้ดีนัก “เธอหนีไปกับผู้ชายคนนึงครับ!”ความร้อนในกายของเขาเพิ่มขึ้นทันที เหมือนเปลวไฟที่ลุกโชน เขายิ้มเยาะ ก่อนที่จะตะโกนสั่งเสียงเข้ม “ไปตามหาพวกเขา! อย่าปล่อยให้หนีไปได้!”ลูกน้องรีบพยักหน้า และธนาก็เห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขาอย่างรวดเร็ว มันเหมือนเป็นการเริ่มต้นของการล่าที่เขาไม่อยากทำ แต่ในเมื่อความต้องการที่จะได้ตัวเจนมาครองอยู่ในใจ เขาจึงไม่สามารถหยุดตัวเองได้ไม่ช้าลูกน้องกลับมาพร้อมข่าวร้ายว่า “พวกเขาเจอกันแล้วครับ!” พร้อมกับลากชายคนหนึ่งที่อาจจะเป็นพิธาน เพื่อนชายของเจนเข้ามาในมุมมืดไม่นานลูกน้องกลับมาพร้อมกับพิธานที่ถูกจับมาด้วยแรงดึงที่รุนแรง ชายหนุ่มถูกลากเข้ามาในสถานที่ที่มืดมิด เลือดไหลซึมจากแผลที่ใบหน้าและร่างกาย เขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้และมองไปยังเจนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด“นี่คือคนที่เธอเลือก?” ธนาถามเสียงเย็น เยาะเย้ยในความเจ็บปวดของพิธานขณะเดินเข้ามาใกล้ เจนได้แต่ยืนอยู่ในมุมหนึ่ง น้ำตาไหลนองหน้า ไม่สามารถทำอะไรได้ธนาเดินเ