มิราผู้ผิดหวังกับความรัก พรที่พระพรหมเล่นตลกกันเธอ จากหญิงสาวตัวดำหน้าตาธรรมดากลับกลายเป็นหญิงสาวที่สวยจนคนต้องเหลียวหลัง หนุ่มเฟอเฟคหลายคนรุมจีบร่วมแก้ปัญหารักหลายเศร้าไปกับมิราใน หากดาวดวงนั้นคือเธอ
Lihat lebih banyakศาลพระพรหม หน้าโรงพยาบาลพวงมาลัยดอกมะลิส่งกลิ่นหอมกรุ่น เฮงเดินผ่านเตรียมเรียกแท็กซี่ แต่อะไรบางอย่างที่ศาลพระพรหมสะดุดตาเหลือเกิน“เฮ้อเมื่อไหร่จะเจอ คนที่ถูกใจเสียที ไปลองอธิฐานขอพรดูดีกว่าเผื่ออะไรๆจะดีขึ้นมาบ้าง"บ่นเบาๆแม้จะรู้สึกเสียใจที่พลาดจากมิราแต่ก็ยังคงคิดว่าไม่ถึงเวลาของตัวเองมิราพบคนที่ดีดีอย่างหัสนัยเขา็้ดีใจด้วยที่สุดนั่งลงประนมมือตรงหน้าอธิฐานเบาๆก่อนจะยิ้ม"ขอแค่ใครสักคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันจนแก่เฒ่า"ยิ้มกับคำอธิฐานของตัวเองว่าทำไมขอน้อยจังไม่ขอคนสวยๆดีๆเหมือนคนอื่นเขา แสงสว่างวาบจากดอกบัวในมือพระพรหมที่สว่างขึ้นมาเมื่อคำขอจบลง คงมีบางอย่างที่รับรู้ในคำขอของเฮงแล้วล่ะ แต่เฮงไม่ทันเห็นโยดา กลายเป็นแมวสีส้ม ยืนคลอเคลียเฮงอยู่ ได้เวลาย้ายบ้านแล้วโยดา“เมี๊ยว” เฮงอุ้มโยดาขึ้นมามอง ดวงตากลมโตของเจ้าเมี้ยวจ้องตอบ“น่ารักจัง ไปอยู่ด้วยกันไหม ฉันกำลังเหงาๆพอดีเลย”“เมี๊ยวๆ ๆ” เจ้าแมวส้มท่าทีกวนประสาทแต่ดวงตาบ๋องแบ็วส่งเสียงร้องตอบรับคำเชิญของเฮง"นายชวนฉันเองนะ ความหฤหรรษ์กำลังจะเริ่มขึ้นฉันสัญญาเลยสำหรับนายคนคุ้นเคยกันมาก่อนฉันจะกัดเบาๆเอ๊ยไม่ใช่ฉันจะหาคนที่น่ารักที
“จรรยาบรรณแพทย์ไปไหนหมดค่ะ”“แพทย์ก็คนนะคุณ ผมก็มีอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่พระอิฐพระปูน 555ไม่อย่างนั้นจะมีเมียได้เหรอ” มิราทุบอกเบาๆ หัสนัยจับมือบางสบตาส่งสายตากรุ้มกริ่ม“อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จะเอาสินสอดเท่าไหร่ ผมรอไม่ไหวแล้ว” มิราก้มหน้ามองแผงอกกว้าง“ถือว่าเป็นคำขอแต่งงานหรือเปล่า” หัสนัย คุกเข่าลงกับพื้นยื่นส่งแหวนเพชรน้ำงาม ให้กับมิรา“แต่งงานกับผมนะครับมิรา ....ผมรักคุณ....” เสียงสะท้อนว่า...รักคุณ...ดังก้องเข้าไปในหัวใจของมิรา หรือว่าเธอคิดไปเองมิรายิ้มทั้งน้ำตา“ค่ะพี่หาด” หัสนัยยืนขึ้นจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ เมื่อมิรารับแหวนมากำไว้“พรสุดาเปิดประตูเข้ามาพร้อมเฮง ที่ใบหน้าเศร้าสร้อย“เซอร์ไฟร์ส ดีใจด้วยนะมิรา” พรสุดา ถลาเข้าขอดูแหวน เฮงจับมือหัสนัยเขย่าเบาๆ เป็นการแสดงความดีใจ โยดาเข้ามาทีหลัง สวมกอดหัสนัยแทนคำดีใจ“นายมังกรคงดีใจที่นายทำสำเร็จหลังจากที่เขาพยายามอย่างหนัก” โยดาเผลอพูดขึ้นทำเอามิราและหัสนัยมองหน้ากัน โยดารู้ว่าตัวเองพูดผิด จึงแกล้งพูดกลบเกลื่อน“อ๋อ...อย่ามองหน้าผมอย่างนั้นสิ ผมหมายความว่า เขาพยายามจะจีบคุณมิราแต่ไม่สำเร็จ แต่คุณหัสนัย ก็ทำให้
ห้องผ่าตัดถูกเตรียมอย่างเร่งด่วน มิราชีพจรเต้นช้าลง ในฝันมิราเห็นมังกรยืนอยู่ด้วยชุดสีขาวสะอาดตา โบกมือลาเธอพร้อมรอยยิ้มยียวน เหมือนที่เคยเห็นเป็นประจำ มิราเผลออมยิ้มรู้สึกเป็นสุขเมื่อเห็นรอยยิ้มแบบนั้นของมังกรการผ่าตัดผ่านไปนานแสนนาน อาหารกลางวันที่หัสนัยไม่มีทางได้ออกจากห้องผ่าตัดมากินถูกนำมาส่งโดยเฮง และพรสุดาที่มาคอยอยู่เป็นเพื่อนคุยกับโยดาที่บัดนี้กลับเศร้าสร้อย พรสุดาพร่ำพูดขอบคุณมังกรและโยดาซ้ำๆ เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ ทีมแพทย์สามารถนำอวัยวะของมังกรช่วยเหลือผู้ป่วยได้อีกสองสามรายในเวลาเดียวกัน (กุศลอันยิ่งใหญ่คือการบริจาคอวัยวะอย่างน้อยก็ต่อชีวิตให้ผู้อื่นแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนแต่เชื่อเถอะเขาจะไม่มีวันลืมคุณ)หัสนัยออกมาจากห้องผ่าตัด ใบหน้าอิดโรยโยดานั่งนิ่ง พรสุดากับเฮงวิ่งเข้าถามถึงอาการของมิราหัสนัยยิ้มแห้งๆ“ต้องรอดูก่อนว่าการตอบสนองจะเป็นอย่างไร และมีการติดเชื้ออย่างอื่นร่วมด้วยไหม ตอนนี้เธออยู่ในห้องปลอดเชื้อ พวกคุณยังเข้าไปเยี่ยมไม่ได้จนกว่าจะออกมาอยู่ห้อง ซีซียู” หัสนัยเดินเข้าไปหาโยดายื่นส่งมือเขาให้โยดาจับ โยดายื่นมือมาจับมือของหัสนัย“ขอบคุณจริงๆ ครับขอบคุณทั้ง
สังเกตสีหน้าของโยดาด้วยความเห็นใจ“แล้ว เมื่อไหร่เขาจะฟื้น”ถามไปทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทางแล้ว“ผมบอกไม่ได้อาจจะหนึ่งชั่วโมง หนึ่งวัน หนึ่งเดือนหรือหลายปีหรืออาจไม่ฟื้นขึ้นมาเลย จำเป็นต้องรอปาฏิหาริย์” โยดาขมวดคิ้ว“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป”น้ำเสียงเลื่อนลอย“ทางการแพทย์เราถือว่าผู้ที่สมองตายคือ ก้านสมองถูกทำลาย คือผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว อวัยวะส่วนอื่นๆ จะลดการทำงานลงและจะเสื่อมสภาพตอนนี้เราใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ทำให้หัวใจยังเต้นได้ประมาณ1-2วันหากนานกว่านี้หัวใจก็จะหยุดเต้น และต้องรอให้ญาติตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป”“คุณรู้สึกอะไรไหมคุณหัสนัย” โยดาถามยิ้มหยัน จะอยากฟังคำตอบอะไรจากพวกมนุษย์“ผม...รู้สึกใจหาย ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ ผมเข้าใจความรู้สึกคุณดี ผมเสียใจที่คุณมังกรต้องมารับเคราะห์แทนมิรา มิราเองตอนนี้หัวใจของเธอก็มีปัญหา อายุเธออาจจะไม่ยืนยาวไปกว่านี้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที”“หมายความว่าอย่างไร”“มิราหัวใจเธอมีปัญหาตั้งแต่กำเนิด ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ดีที่ผมตรวจพบก่อนแต่น่าแปลกที่ไม่เคยเห็นเธอมีอาการอะไรมาก่อนเลย จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุครั้
หัสนัยประคองมิรานั่งกึ่งนอนอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนมังกรเบาะหน้าถูกปรับเอนเลือดท่วมตัว โยดาขับรถเร็วปานจะเหาะแต่หัสนัยกับคิดว่ามันช้าเหลือเกินรถแล่นมายังดรงพยาบาลประจำจังหวัด จอดหน้าห้องฉุกเฉินบุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นมาแต่ช้ากว่าหัสนัยที่อุ้มมิราเข้าไปข้างในห้องพร้อมกับ บอกพยาบาลเสียงดังลั่น“ผมเป็นหมอ” พยาบาลรีบเตรียมอุปกรณ์ให้กับหัสนัย มังกรถูกเข็นเข้ามาบ้างคราวนี้เองที่โยดาสีหน้าเป็นกังวล เผลอยกมือขึ้นไหว้“ท่านพ่อ อย่าทำให้เจ้ามังกรต้องจากไปอย่างนี้เลย ลูกยังไม่ได้บอกลาและเขาเองก็ยังไม่ได้บอกลาสาวน้อยในดวงใจ” โยดาลงทุนขอร้องต่อพระพรหมหันหน้าไปทางศาลพระพรหมในโรงพยาบาล ใบหน้าเป็นกังวลไม่สามารถปิดบังได้ก็มังกรไม่เคยเป้นแบบนี้สักทีกี่ปีที่เคยพบกันไม่เคยเจ็บไม่เคยตาย โยดาเพิ่งจะรู้ในตอนนี้เองว่าใจหายแค่ไหนหากมังกรจะจากไปจริงๆหมอวิ่งวุ่นเมื่อมังกรถูกเข็นเข้าไปในห้องโยดาเริ่มวิตก เพราะปกติเคยเห็นแต่ว่าหากมังกรมีแผล แผลของเขาจะหายเองในเวลาไม่กี่อึดใจ หรือว่าครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งเขาโดนหนักไปหน่อยสักพัก หมอออกมาบอกกับโยดาว่ามังกรสมองกระทบกระเทือนอย่างแรง ทำให้สมองตาย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใ
บัดนี้เด็กหญิงตัวน้อยอยู่ใกล้เกินกว่าใกล้ แต่มิราจะมีใจให้เขาเหมือนที่เขาเฝ้าฝันถึงเธอตลอดเวลา15ปีที่ผ่านมาไหมหัสนัยขับรถห่างตัวเมืองมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่เขตจังหวัดหนึ่ง ที่สองข้างทางเริ่มร่มรื่น มิรามองนู้นมองนี่“ชลบุรี คุณหัสนัยมาทำไมที่นี่ค่ะ”“บ้านเกิดผมเลย” รถเลี้ยวเข้าสู่ตัวบ้านหลังใหญ่ร่มรื่น ตัวบ้านแม้จะเก่าแต่ทว่าถูกดูแลอย่างดี มิรามองบ้านสองหลังที่ติดกันบ้านของมิราอยู่ทางซ้ายมือแต่หัสนัยเลี้ยวรถเข้าบ้านหลังทางขวามือ รั้วชาฮกเกี้ยนที่ทำเป็นรั้วรายรอบกั้นบ้านสองหลังถูกตัดแต่งจนเป็นระเบียบ มิราจำได้ดีด้วยอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่พ่อแม่ตายไปมิราก็ย้ายออกจากที่นี่ไปอาศัยอยู่หอของมหาลัยอาศัยเงินจากการขายบ้านเก็บเป็นทุนรอนเปิดร้านขายดอกไม้และเรียนมหาลัย เมื่อเรียนจบและก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย บ้านถูกขายให้เพื่อนสนิทของคุณพ่อของมิรา ที่เอ่ยปากกับมิราในวัย18ว่าหากต้องการบ้านคืนก็แค่ให้นำเงินมาคืนเท่านั้น อย่าถือว่าเป็นการชื้อขายแต่บ้านยังคงเป็นของมิราอยู่เพราะไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ใดใดทั้งสิ้น“ถึงแล้ว ....บ้านของมิราอยู่ทางซ้าย” หัสนัยบอกมิรามิราหันมองหัสนัยอย่
“แน่ใจหรือว่าเป็นแบบนั้น” หัสนัยอดท้วงไม่ได้“อย่างนั้นสิ ไม่อย่างนั้นเนื้อหนังฉันคนหลุดล่อนไปแล้ว” หัสนัยมองเสื้อลำลองสีขาวที่ขาดวิ่น อย่างไม่เชื่อสิ่งที่เห็นอยากจะถามต่อแต่ก็เลือกที่จะเงียบมิราเข้าไปชะโงกดูแผลอีกคนรู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน“ขอบคุณ คุณมังกรว่าแต่คุณไม่เป็นอะไรแน่นะ” มิราถามเพื่อความแน่ใจรู้สึกสำนึกบุญคุณมังกรเหลือเกิน“ผมไม่เป็นไร...สบายมาก.... ฉันไปล่ะ ฉันบอกแล้วให้นายดูแลคุณมิราให้ดี” มังกรหันไปพูดกับหัสนัยพูดทิ้งท้าย รีบเดินหนีออกจากตรงนั้น“แจ้งความไหม” หัสนัยหันมาถามมิรา“ไม่ดีกว่าค่ะ มิรากับนิรมนเราเป็นเพื่อนกันมานาน”“แต่เพื่อนไม่ทำกันแบบนี้”“นิราคงกำลังโกรธ อีกหน่อยก็จะได้คิด แล้วก็จะเสียใจในสิ่งที่ทำ” หัสนัยไม่พูดต่อแต่เรื่องของมังกรนี่น่าสงสัยชะมัด“เสื้อขาดขนาดนั้นไม่น่าเชื่อว่า ผิวหนังจะไม่โดนน้ำกรดไปด้วย”“อาจเป็นเหมือนคุณมังกรพูดก็ได้น้ำกรดเจือจาง”“ไม่นะ เสื้อส่วนมากทำจากใยสังเคราะห์ละลายโดยสารเคมีเข้มข้นหรือถูกเผาไหม้ด้วยความร้อน ซึ่งสารเคมีเข้มข้น ผิวหนังของคนก็ไม่สามารถทนได้”“อย่างนั้นต้องอะไรที่เรายังไม่รู้แน่ๆ เลยค่ะ คุณมังกรเขาจงใจปกปิดเร
มิราเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าที่เคยมาประจำ เลือกซื้อของสดไว้สำหรับทำอาหาร และของแห้งเล็กน้อย มิราชอบทำอาหารเป็นที่สุดหัสนัยเดินตามช้าๆเข็นรถเข็นตามเหมือนไม่รู้จักเบื่อหน่าย หลายคนชี้ชวนกันดูมิราที่สวยหวานโดดเด่นบ้างก็ซุบซิบบ้างยิ้ม หลายคนแอบกระซิบว่าเหมือนดารา มิราเริ่มชินแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นนิรมนนั่นเองโทรมาถามว่ามิราอยู่ที่ไหน แล้วก็วางหูไป“ท่านผู้ประทานพร เหตุใดเล่าลูกต้องทนทุกข์กับบาปรักไม่มีสิ้นสุด”“มังกร เจ้าน่าจะรู้มนุษย์มีเพียงแค่รักโลภโกรธหลงเจ้าเพียงแค่ละทิ้งสิ่งเหล่านี้”“ลูกทนทุกข์ไม่รู้จักจบสิ้น เป็นเวลากว่าพันปีมาแล้ว”“รอก่อนอีกไม่นานแล้ว เจ้าจะพ้นทุกข์” มังกรถอนหายใจกระแสจิตที่ส่งเข้ามาในหัวจากรูปปูนปั้นพระพรหม ที่สวนหย่อม หน้าห้างสรรพสินค้า แม้ไม่ขยับปากพูดแต่ดังชัดเจน....อีกไม่นาน....จะดีใจหรือเสียใจดีในเมื่อเขาชินกับการมีชีวิตอมตะ ชอบได้แต่ห้ามรัก เกลียดได้แต่ห้ามอาฆาต เป็นเวลากว่าพันปีมาแล้ว มีชีวิตสุขสบายแต่ไม่มีคู่นิรมนสวมแว่นตาดำปิดบังใบหน้าและขอบตาเขียวคล้ำ ถือกระเป๋าพะรุงพะรังยืนรอมิราอยู่หน้าห้างสรรพสินค้า มือเย็นเฉียบใจเต้นตึกตัก มังกรเห็นตั้งแต่
มิราไม่อยู่ตรงนั้น“เหมือนกัน ฉันก็มีเรื่องคุยกับนายเหมือนกันนายมังกือ ออกมาคุยกันข้างนอก” ไม่น้อยหน้ากันเลยโยดามองเห็นสายตาพิฆาตจากทั้งคู่“ว่ามา” พูดขึ้นพร้อมกันเดินออกมาจากร้านดอกไม้“นายก่อน” มังกรพูด“ฉันไม่อ้อมค้อม นายมีทุกอย่างทั้งเงินทองทั้งชื่อเสียง ทั้งสาวๆไม่เข้าใจว่าคนอย่างนายจะ มีความจริงใจกับมิราหากนายต้องการแค่เล่นๆ กับมิราฉันอยากให้นายเลิกล้มความคิดเสีย เพราะฉันจะไม่ยอมให้นายทำแบบนั้นแน่นอน” มังกรยิ้มรู้สึกเจ็บแปลบในใจ“ฉันจะเลิกมาที่นี่ หากนายดูแลมิราได้ดี ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในอันตราย” หัสนัยขมวดคิ้ว“นายหมายความว่าอย่างไร”“ปัณภัทร กลับมานิรมนไม่ชอบใจนัก เธอมาคาดโทษมิราไว้” หัสนัยเดินวนไปมาหาทางแก้ปัญหา“นายเพียงแค่ปกป้องมิรา ฉันขอแค่นั้น” มังกรเดินไปตบไหล่หัสนัย แล้วก็เดินจากไปขึ้นรถ รถเลื่อนออกไปอย่างรวดเร็วมังกร แทบจะทรงตัวไม่อยู่สึกเจ็บจนไม่อาจบรรยายหัสนัยยืนงง สิ่งที่เขาพูดกับคิดก่อนหน้านั้น ถูกเปลี่ยนความคิดไปจนหมด มังกือมาไม้ไหนอย่างไรกันแน่ทำไมถึงเปลี่ยนท่าทีได้ขนาดนี้มาไม้ไหนมองไม่รู้ดูไม่ออกไม่มาหลอกแต่จริงใจไฉนหนอแล้วที่ทำเหมือนกับคนบ้าบอโอ้ละหนอท
“หากฉันจะรักใครสักคนก็ทุ่มเทให้หมดใจแม้แต่หางตายังไม่เคยชำเลืองมองใครอื่น”มิราเอ่ยปากบอก นิรมนเพื่อนรักพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ“ว่าแต่ สุดที่รักของแกแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยได้ไหม” มิราอมยิ้ม“ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเหลือแกกับฉันสองคนที่ยังนั่งบนคานทั้งคู่” น้ำเสียงร่าเริงสดใสทำไมจะไม่ได้ก็ในเมื่ออยากจะอวดเพื่อนอยู่แล้ว นิรมนยิ้มหวานหยดเธอเป็นคนที่สวยโดยกำเนิดแล้วยังไม่พอใจความสวยที่ติดตัวมา การแต่งเติมความสวยด้วยการทำศัลยกรรมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุดต่างกับมิราที่สวยเรียบๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร อาจเป็นเพราะมิราไม่เคยแม้แต่จะดัดขนตาด้วยซ้ำการที่เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะห้าวหาญเกินหญิงจึงไม่มีผู้ชายสักคนผ่านเข้ามาในชีวิตมีเพียงปัณภัทรเท่านั้นที่เอ่ยได้เต็มปากว่าคบหาดูใจกันอยู่“เขาชอบแกตรงไหนมิรา” นิรมนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คง...ตรงที่ฉันเป็นฉันละมั้ง” มิรานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าปัณภัทรชอบมิราตรงไหน จะว่าสวยมิราก็ไม่ได้สวยขาดบาดใจ ชนิดที่ผู้ชายเห็นต้องเหลียวหลังจึงทำให้ครองโสดอยู่ได้ไม่มีใครมาจีบ นิรมนต่างออกไปนิรมนค่อนข้างเลือกจนกลายเป็นคนที่ไม่มีใครเหมือนกันทั้งๆ ที...
Komen