“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรเล่า แมวตัวนี้แม่ผมเอามาฝากไว้ ท่านไปทัวร์ยุโรป แต่มันคงไม่ชอบผมเลยหาทางหนีคงชอบผู้หญิงเลยหนีมานอนกับคุณ”
มิราเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตึกแถวห้องข้างๆ ที่มีระเบียงติดกัน มีเจ้าของใหม่มาซื้อไว้แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครคงจะเป็นเขานี่แหละ
“ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่คุณบุกรุก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
เขาเดินไปนำเหมียวน้อยไปใส่ไว้ในตะกร้าแบบมีฝาที่เตรียมมาด้วย
“ไม่ได้บุกรุกผมแค่มาตามแมว”
มิราเริ่มหายกลัวในเมื่อคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ใช้คนบ้า แต่ยังไม่วางใจนักกอดหมอนไว้แนบอกหวังใช้เป็นที่พึ่ง
“คุณมาตามแมวในบ้านของฉันซึ่งฉันไม่อนุญาตถือว่าบุกรุก”
“โธ่คุณบ้านใกล้เรือนเคียงกัน ผม..หัสนัย..ผมอยู่ข้างๆ คุณนี่เองยินดีที่รู้จัก”
แววตาไม่มีอะไรแอบแฝงแต่ทว่าออกจะยียวน
“คุณควรเข้ามาดีๆ เช่นมาเคาะประตูถามฉันขออนุญาตฉันก่อน ไม่ใช่แอบปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้”
“ผมไม่มีเวลาคิดผมกลัวมันหนี ขอโทษอีกทีสำหรับ...”
ดวงตามีแววประกายระยิบระยับจนมิราคิดไปถึงปากอุ่นที่ประกบปากของมิราเมื่อสักครู่
“นั่นมันจูบแรกของฉัน”
เขาเลิกคิ้วสูง อมยิ้มแสดงความแปลกใจและสีหน้าแสดงว่าไม่ได้เชื่อคำพูดของมิราแม้แต่น้อย
“คุณคิดว่ามันเป็นจูบด้วยหรือผมคิดว่ามันเป็น...อุบัติเหตุ”
น้ำเสียงยังยียวนเหมือนเดิม มิราหน้าแดงรู้สึกอาย
“อย่างนั้นผมให้คุณจูบคืนละกัน ว่าแต่ผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณนี่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นจูบแรก”
แววตาไหวระริกมองมิราอย่างมีความหมาย มิรารู้สึกโกรธจริงๆ
“คนบ้า”
ปาหมอนที่กอดอยู่ใส่เขาเต็มแรง แต่เขากลับรับได้ทันมิรายิ่งโมโห
“ออกไปได้แล้ว”
“ผมเดินลงบันไดไปแล้วกัน”
หิ้วตะกร้าใส่แมวทำท่าจะจากไป
“มาทางไหนไปทางนั้นคุณปีนเข้ามาก็ปีนออกไป”
“ไม่ไหว ผมมีเจ้าโยดาอยู่ด้วยปีนไม่ได้”
“นั่นมันเรื่องของคุณ” มิราฉุนจัด
“คุณเป็นแผลนี่”
ไวชะมัดกระโดดขึ้นมาบนเตียงคุกเข่าตรงหน้ามิรา จับไหล่มิราไว้แน่นชันเข่าขึ้นจ้องดูแผลที่หน้าผากของมิรา ที่มีเลือดซึมมิรารู้สึกว่าตัวเองหัวใจเต้นตุบตับ ก้มลงมองแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ยิ่งทำให้ใจสาวสั่นไหว ใบหน้าที่บวมเริ่มยุบลงแล้วจนไม่เหลือเค้าลางว่าเคยมีอาการบวมมาก่อน แต่แผลที่ศีรษะยังมีเลือดซึมออกมา
“ปล่อย”
มิราพูดเบาๆ
“ไปโดนอะไรมา ผมล้างแผลให้ไหมเผอิญผมเป็นหมอแผลค่อนข้างแย่ ล้างแผลบ่อยๆ แผลหายเร็วและไม่เป็นแผลเป็น”
จริงหรือนั่น
“อุบัตินิดหน่อย”
มิราเสียงอ่อนลงเมื่ออีกคนมีท่าทีห่วงใยอย่างจริงจัง ลมหายใจอุ่นๆ รินรดใกล้ๆ
“อยู่นิ่งๆ ให้ผมดูที คุณมีพวก เบตาดีน แอลกอฮออล์กับสำลีไหม เดี๋ยวผมล้างแผลให้ถือเป็นการไถ่โทษ”
น้ำเสียงยังคงเหมือนออกคำสั่งมากว่าจะใส่ใจ
“อยู่ในตู้ยา”
ว่าพลางชี้มือไปที่ตู้ยาใบเล็ก หัสนัยเดินไปรื้อค้นหาของที่ต้องการแล้วหอบมาพะรุงพะรัง
“นอนลงเลย”
ออกคำสั่งตามเคย ไม่พูดเฉยๆ ยกมือขึ้นจะดันตัวมิราให้ล้มลงแต่มิรายกมือขึ้นปัดป้องเขาขมวดคิ้ว
“ห่วงตัวชะมัด ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกเชื่อใจผมสิ ผมเคยเจอคนที่สวยกว่าคุณเซ็กซี่กว่าคุณมาตั้งเยอะแยะ ยังไม่เคยไปทำอะไรเขาเลย ผมเป็นหมอนะคุณ หรือว่าวันนี้คุณจะดูสวยกว่าทุกวันนะ”
มิราขมวดคิ้วบ้างนี่มันเรื่องอะไรกัน วันสองวันมานี้ทำไมเจอแต่คนแปลกๆ
มิรานอนลงช้าๆ เขาคุกเข่าลงข้างเตียง มิราปล่อยให้เขาล้างแผลให้ว่าแต่มือเบาเหลือเกินต่างจากคำพูดที่ค่อนข้างไม่มีความอ่อนโยนเจือปนอยู่
“เจ็บไหม แต่คงไม่เจ็บหรอกดูท่าทางคุณเป็นคนหัวแข็งนี่”
มิราขมวดคิ้วคำพูดเขาไม่ค่อยจะเข้าหูมิรานัก จ้องมองแผลไม่วางตาเมื่อเสร็จภารกิจสายตาไล่เรื่อยลงมาที่ดวงตากลมของมิรา เขาเผลอจ้องตามิราจนมิราต้องเบือนหน้าหนีสายตาคม
“คุณชื่ออะไร”
“มิรา”
เขาเอ่ยชื่อมิราเบาๆ เหมือนกับจะพยายามจดจำชื่อมิราไว้
“เอาล่ะคุณมิรา ผมคงต้องขอตัว คราวนี้คุณคงไม่ปล่อยให้ผมปีนระเบียงกลับไปแล้วล่ะใช่ไหม สายตาคุณออกจะเป็นมิตรน่ารักซะขนาดนั้นถึงตอนนี้ผมเดินลงบันไดไปได้แล้วใช่ไหม”
“คุณ ...หยุดพูดจาแบบนี้ได้แล้ว ไปให้พ้น คุณจะไปทางไหนเรื่องของคุณ”
“ถ้าคิดถึงผมจนหักห้ามใจไม่ไหว ไปหาผมได้นะบ้านผมไม่ต้องเคาะประตู หรือคุณจะปีนระเบียงเหมือนที่ผมปีนเข้าไปหาผมก็ได้ผมไม่ถือ ผมอยู่ข้างๆ คุณแค่นี้เอง” สุดจะทนกับคำพูดแบบนั้นของเขา
“อย่าหวังว่าจะได้เจอฉันอีก”
มิราปาหมอนตามหลังเขาไป เขาหิ้วตะกร้าแมวแล้วหัวเราะเสียงใสอย่างมีความสุขออกจากห้องไป
ถอนหายใจยาว เฮ้อ ไม่เข้าใจเลยทำไมเจอแต่คนแปลกๆ พลิกตัวลุกจากที่นอนอาบน้ำแต่งตัวแผลไม่เจ็บเท่าที่ควรจะเป็นคงเป็นเพราะแผลสะอาดความหิวเริ่มรบกวนจิตใจ มิราเดินลงมาชั้นล่าง ต้องหาอะไรรองท้องเสียหน่อย เปิดตู้เย็นว่ามีของสดอะไรบ้าง ได้หมูบดและกุ้งสดมานิดหน่อยคงต้องกินข้าวต้ม สวมผ้ากันเปื้อนเตรียมลงมือ
เสียงเคาะประตูเบาๆ มิราเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนด้วยความเคยชิน ชักสงสัยหรือจะเป็นเฮงที่ที่บอกว่าจะมาอยู่ๆ ก็คิดถึงใบหน้าใสซื่อ แต่เมื่อไปถึงหน้าบ้าน ที่เป็นประตูกระจกใส คนที่มิราเห็นก็คือปัณภัทร เขามาอยู่นี่ได้อย่างไรทั้งๆ ที่เขาน่าจะอยู่ที่เรือนหอหรืออยู่เคียงข้างนิรมน เพราะมือคืนเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งมาหยกๆ
แววตาเศร้าสร้อยของปัณภัทรเหมือนกับมีหลายสิ่งในนั้นเหมือนกับโลกทั้งใบโถมทับมาที่ตัวเขา มิราเดาไม่ออกว่าเขามีเรื่องอะไรหนักใจหนักหนา
เอื้อมมือเปิดประตูด้วยมือที่เย็นเฉียบ หัวใจไหววูบเมื่อครั้งสุดท้ายที่ปัณภัทรมาเยือนที่นี่ มันคือวันที่มิราสูญเสียเขาไปให้เพื่อนรัก
“พี่ปัณ มีธุระอะไรกับมิราหรือเปล่า”
เป็นคำทักทายที่ดีที่สุดในเวลานั้น น้ำเสียงแหบพร่าที่มิราพยายามสะกดกลั้นเอาไว้“พี่ขอเข้าไปข้างในได้ไหม” มิราไม่พูดเปิดประตูให้ช้าๆ“วันนี้มิราหน้าตาสดใสนะ” ปัณภัทรทักทาย“ค่ะ มิราเพิ่งตื่น”“พี่ว่ามิราสวยขึ้น ..พี่.. มีเรื่องปรึกษา” ดึงมือมิราไปกุมไว้ มิราขมวดคิ้วเรื่องอะไรที่ต้องปรึกษา ก็ในเมื่อเขาแต่งงานแล้วเดี๋ยวภรรยาเขาก็เข้าใจผิด“พี่ปัณก็มีภรรยาแล้วจะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้นะคะ” มิราแกะมือออก เดินไปยังหมอข้าวต้มแกะกุ้งตัวใหญ่เตรียมไว้ กลิ่นข้าวต้มหอมตลบอบอวล“คือเรื่องที่จะปรึกษาเป็นเรื่องของนิรา” มิราเลิกคิ้ว สมควรที่เธอจะต้องถามเสียหน่อย“เรื่องอะไรคะ” พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ“เรื่อง....เรื่อง..พี่จะพูดอย่างไรดีคือ...นิรา นิราไม่ใช่ผู้หญิงแท้” มิราหัวเราะเสียงใส“อ้าวนี่พี่ปัณเพิ่งจะรู้หรือคะ”“มิรา กับนิราจงใจปกปิดพี่” ลากเอาเธอเข้าไปเกี่ยวจนได้“พี่ปัณเอาแต่โทษคนอื่น ไม่มีใครเขาปิดบังเพียงแต่มิราไม่อยู่ในฐานะที่ต้องเอาความลับเพื่อนมาขาย แล้วนิราเองเขากับพี่ไม่ได้คุยกันก่อนหรืออย่างไร แล้วอีกอย่างนิราก้ไม่ได้ผิดอะไรนั่นมันเพศสภาพของนิราพี่ปัญต้องพยายามรับให้ได้” ปัณภัทรเอามือกุมขมับส่ายหน้าไปมา“มิราก็รู้ว่าพี่ไม่นิยม...พี่ซีเรียสแค่ไหนเรื่อง
หัสนัยถือชามโจ๊กเข้ามาในบ้านพูดจาโมเม“คุณเป็นใคร” เฮงกับปัณภัทรถามขึ้นเกือบพร้อมกัน“ผมเป็นจูบแรกของคุณมิรา...ตามที่คุณมิราบอกจริงไหมคุณมิรา...” มิราแทบจะแทรกแผ่นดินหนี“คุณหยุดพูดได้แล้ว คุณหัสนัย”“หือ ...ให้ผมหยุดพูดอายกิ๊กใหม่กับกิ๊กเก่าหรืออย่างไร ทีเมื่อกี้ตอนอยู่บนเตียงคุณยังบอกผมแบบนั้น” เล่นไม่หยุดมิราหน้าชา“ฉันๆ ๆ ๆ เกลียดคุณ”“ผู้หญิงปากมักไม่ตรงกับใจ บอกว่าเกลียดความจริงรักจะตาย นี่ผมต้มโจ๊กมาให้เห็นว่าไม่ค่อยสบาย” หันไปยักคิ้วกับเฮงที่ทำท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน“ผมไม่เชื่อว่าคุณมิราจะ...มีอะไรกับคุณ” เฮงพูดอย่างที่คิดส่วนปัณภัทรกลับนิ่งงัน“นี่เห็นไหมเล่าเขาพูดเองนะ ผมไม่ได้พูดไม่ได้บอกสักหน่อยว่าทำอะไรกัน แค่ล้างแผลให้แล้วก็มีอุบัติเหตุนิดหน่อยทำให้เราจูบปากกัน คุณก็บอกเขาไปสิ” ยักไหล่น้อยๆ ทำท่าทางยียวน“แล้วคุณขึ้นไปทำอะไรที่ห้องนอนของมิรา ปกติมิราไม่อนุญาตใครแม้แต่ผมที่สนิทกันมาก่อน” ปัณภัทรถามแววตาเจ็บซ้ำจากที่มิราเห็น“อ๋อ ผมจำคุณได้ล่ะคุณนี่เองที่มาวันฝนตก แล้วก็จากไปพร้อมหญิงสาวสุดสวย เอถ้าจำไม่ผิดผมเห็นคุณมิราร้องไห้ขี้มูกโป่งออกมาตามคุณจนเปียกฝน
มิราลองหยิกตัวเองอีกครั้งเผลอส่งเสียงโอ้ยออกมาดังๆ นี่มันตัวมิราเองทำไมถึงกลายร่างได้เร็วขนาดนี้ภายในคืนเดียวหรือเป็นปาฏิหาริย์ มิราใคร่ครวญไม่สิต้องเป็นผลจากยาเมื่อคืน บ่อยไปที่การรักษามักจะผิดพลาดทำให้คนไข้มีอาการผิดปกติบางอย่าง นี่อาจเป็นผลข้างเคียงของยาลดอาการบวมที่พยาบาลฉีดให้มิราแต่ว่ายาชนิดไหนเล่าที่ทำให้มิราแปรเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้คิดไปคิดมา มิราอมยิ้มก็ดีเหมือนกันไม่ต้องเสียเวลาไปศัลยกรรมให้เจ็บตัวอยู่ๆ ใบหน้าก็สวยขึ้นมาทันตาเห็น ต่อไปมิราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องคู่ครองและไม่ต้องอายเพื่อนๆ ที่เป็นฝั่งเป็นฝาไปหมดแล้วคอยดูต่อไปมิราจะต้องเป็นฝ่ายเลือกบ้าง ไม่ใช่เป็นตัวเลือกให้คนอื่นเขาเปรียบเทียบกับคนสวยอีกหลายๆ คนจะพิศพักตร์ก็งามอร่ามสวยอีกทรวดทรงองค์ด้วยก็เหมาะเหม็งทั้งรูปหน้าปากคอก็งามเซ้งนี่หรือตัวเราเองหรือว่าใครหรือจะเป็นเทพธิดาสถิตร่างงามสะพร่างพราวพริ้งจริงหรือฝันอยากจะหยุดช่วงเวลาโดยฉับพลันหากว่าฉันสวยกว่าใครในปฐพีเสียงเคาะประตูดังเบาๆ ความคิดมิราหยุดอยู่เพียงเท่านั้นมิราเหลือบตามองไปที่ประตูใบหน้าคุ้นตาจากที่เคยเจอกันเมื่อคืน เดินมาที่ประตูกับชายหนุ่มอีกกคนท่าทางแข็ง
เชยคางมน ให้สบตาก่อนจะก้มต่ำลงเรื่อยๆ มิราหลบตาคม มิราสูดลมหายใจเข้าลึกสุดลึก“เปื้อนหมดแล้วค่ะ ชุดฉันก็เปื้อนหมดแล้ว” ยกมือขึ้นผลักอกแน่นไว้“ปล่อยก่อนค่ะฉันตกใจที่เห็นเสื้อคุณเปื้อน” มังกรคลายอ้อมกอดออก“หากสนิทกันกว่านี้คุณคงไม่รอด..เงื้อมมือผมแน่” มังกรสบตามิราดวงตาสีเขียวเข้มสว่างใสอย่างประหลาดเขาแกะกระดุมเสื้อออกเผยให้เห็นมัดกล้ามแน่นน่ามอง แต่มิรากลับหันหน้าหนี“อ้าวผมให้มองฟรีๆ จะอายทำไมนี่...ปกติแล้วผู้หญิงที่จะได้ดูต้องลงทุนมาเป็นคู่นอนผมเลยนะ” มิราค้อนวงใหญ่มังกรหัวเราะร่า“วางเสื้อคุณไว้ตรงนั้นเดี๋ยวฉันไปหยิบเอง”“เริ่มกลัวผมแล้วสิ ปกติแล้วมีแต่สาวๆ ชอบผมนะไม่มีใครเหมือนคุณ” มิราเดินไปหยิบเสื้อของเขาไปหย่อนลงในเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ“คุณไม่ได้มีอะไรพิเศษให้ชอบนี่” มิราโกหกเสียงสูงทั้งๆ ที่ผู้ชายอย่างมังกรเป็นผู้ชายที่มีแรงดึงดูดมหาศาล“ไม่เป็นไรเดี๋ยวอยู่ๆ ไปก็ชอบผมเอง” มังกรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คุณคงไม่ได้มาซื้อดอกไม้อย่างเดียวแน่ๆ บอกความจริงมา เอาความจริงทั้งหมด ไม่อย่างนั้นฉันเรียกตำรวจ” มิราคว้าโทรศัพท์มาถือไว้“ใจเย็นคนสวย ผมแค่อยากมาขอโทษที่ทำให้คุณหั
น้ำเสียงจริงจังจนมิรารู้สึกได้ ยังคงเดินมาใกล้มิราเรื่อยๆ มิราตัวแข็งทื่อด้วยไม่เคยมีใครจู่โจมเธอแบบนี้ มังกรยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม แต่สายตาคมจับจ้องที่มิราเพื่อหาคำตอบ“ผมแค่อยากรู้” เอื้อมมือหมายจะเชยคางมนให้สบตาแต่มิราเบี่ยงตัวหลบ ทำเอาแก้วกาแฟในมือร่วงลงบนเสื้อที่อยู่บนโต๊ะรีดผ้าทำให้เสื้อตัวเดิมเปรอะไปด้วยกาแฟเป็นด่างดวงสีน้ำตาลมิราอ้าปากตาค้างอยู่ตรงนั้น รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก“คุณจงใจ” มังกรแกล้งทำหน้าเศร้า“ผมไม่ได้ตั้งใจคุณต่างหากปัดจนแก้วร่วง ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณเลย” มิรานึกโกรธเขา“เชิญคุณออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว” ใบหน้าสวยมีแววบูดบึ้งแต่ยังคงมีความน่าเอ็นดู มังกรรู้สึกสนุกกับการได้แกล้งมิรา ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ก่อนจะยกโทรศัพท์ต่อสายไม่สนใจแววตาจับผิดของมิรา“มารับหน่อย เอาเสื้อมาให้ด้วย” เขาออกคำสั่งผ่านโทรศัพท์“ถ้าคุณไม่สบายใจ ผมไปก็ได้ฝากเสื้อไว้นี่พรุ่งนี้ผมกลับมาเอาจะไม่ทันนัด” มิรามองแผงอกกว้างอย่างลืมตัว“แล้วคุณจะเอาเสื้อที่ไหนใส่ไป”“คือ...ผมโทรให้บอดี้การ์ดเอามาให้แล้ว” มิราเม้มปากแน่นรู้ว่าเสียทีเขา“คุณนี่เหลี่ยมจัดก็ในเมื่อคุณให้คนของคุณเอาเสื้อมาเปลี่ย
ยิ้มหวานหยดย้อยพร้อมกับคำพูดทิ้งท้าย มิรายิ้มแห้งๆ ในไมตรี“พี่ไอ คือมิราอยากรู้ว่ามียาชนิดไหนไหมคะที่กินเข้าไปแล้วทำให้สวยได้ในคืนเดียว” มิราปากไวเท่าความคิด“อุ้ยคุณน้องขา อย่างคุณน้องเป็นดาราได้สบาย ไม่จำเป็นต้องไปฉีดอะไรหรอกค่ะ ไหนดูสิ สวยเสียขนาดนี้” ปากก็พูดมือก็เชยคางมิราขึ้นมาดู“คือมิราไมได้อยากไปฉีดค่ะแต่มิราอยากรู้ว่าพี่เป็นผู้เชี่ยวชาญ พี่รู้จักยาชนิดไหนไหมที่ทำให้สวยได้ภายในคืนเดียว”“ถ้าทำให้ขาวภายในคืนเดียวมีค่ะคุณน้องแต่ถ้าทำให้สวยได้..ภายในคืนเดียวคุณพี่ไม่เคยได้ยินว่ามี อย่างน้อยต้องเดือนสองเดือนไปศัลฯ มา กว่าแผลจะหาย” ไอศุภเชใบหน้าครุ่นคิด“อย่างนั้น แค่นี้ค่ะพี่ไอมิราขอตัว”“เดี๋ยวหรือว่าเธอ มียาดีแบบนั้นอยู่” ขมวดคิ้วหลิ่วตามองมิราอย่างสงสัย“ไม่มีค่ะ เพียงแค่มิราสงสัยว่าทำไมเด็กๆ ในสังกัดของพี่ถึงสวยๆ ทั้งนั้น” ไอศุภเชยิ้ม มิราเดินออกมาจากบริเวณนั้น“ฉันไม่เชื่อเธอหรอก ว่าแล้วว่าทำไมสวยจังฉันต้องรู้ความจริงให้ได้ว่าเธอไปเอายานั่นมาจากไหนถ้าฉันได้ยามา เงินๆ ทั้งนั้น” สายตามุ่งมาดจนน่ากลัวหากแต่มิราไม่ทันเห็นพรสุดานั่งเขี่ยโทรศัพท์ในมือไปมาเหมือนกับเริ่มเบื่อ
คนขับแต่งกายด้วยชุดทักซิโด้สีดำคนที่มากับมังกรมิราจำได้ติดตา ลงมาจากรถ วิ่งไปเปิดประตูหลังหยิบกล่องใบใหญ่ออกมาจากหลังรถแล้วเดินมาที่มิราก้มตัวลงด้วยท่าทีนอบน้อม“คุณมิราครับ คุณมังกรให้เชิญคุณที่โรงแรม แกรนมาริออท และท่านให้กระผมนำชุดที่คุณจะใส่มาให้ด้วย คุณมังกรเขาบอกว่า ให้บอกคุณว่าเขานัดหุ้นส่วน ไว้ที่นั่นให้คุณไปทานข้าวกับเขาที่นั่น” มิราขมวดคิ้วกับคำเชิญที่เหมือนคำสั่งเสียมากกว่า คนขับรถส่งกล่องใบใหญ่ที่มีริบบิ้นผูกไว้สวยงามให้กับมิรา มิราเปิดกล่องออกช้าๆ พรสุดาตาโต เพราะข้างในเป็นชุดราตรีที่ค่อนข้างหรูหราสีชมพูขาวแม้แบบจะเรียบๆ ทว่าดูมีสไตล์ และป้ายกำกับราคาที่แพงลิบเป็นเลขถึงห้าหลักทีเดียวมิราปิดกล่องก่อนจะยื่นส่งให้คนขับรถของมังกร“บอกคุณมังกรด้วย ฉันมีนัดบอกเขาว่าขอบคุณสำหรับชุดรับไว้ไม่ได้เพราะราคาแพงฉันกับคุณมังกรไม่ได้เป็นอะไรกันให้ของมีราคาเดี๋ยวจะมาเสียดายทีหลัง” พรสุดากระตุกเสื้อมิราก่อนจะส่ายหน้าแสดงความไม่เห็นด้วย“แกฉันว่าแก อย่าปฏิเสธอะไรแบบนี้เลย” พรสุดาพูดเบาๆ“ฉันกับเขาแค่รู้จักกันผิวเผินไม่ได้สนิทอะไรรับของเขาไว้ไม่ดี” มิราย้ำคำเดิม“แต่ คุณมังกรบอกว่าคุณคือค
สักพักนักข่าวก็วิ่งกรูกันเข้ามาล้อมโต๊ะของมังกรไว้ เมื่อมังกรจรดปากกาเตรียมเซ็นสัญญาร่วมทุน แสงแฟรชวูบวาบและการกดซัตเตอร์ดังถี่ๆ มิราและพรสุดา มองไปยังโต๊ะของมังกรด้วยความสงสัย อุปกรณ์บันทึกเสียงทำงานเมื่อนักข่าวสายเศรษฐกิจยิงคำถาม“คุณมังกรค่ะ การเซนสัญญาครั้งนี้เป็นการยืนยันการร่วมทุนใช่ไหมคะ”“ถูกต้องครับ ผมมีความพร้อมและความไว้วางใจว่าจะสามารถก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้งสองฝ่าย”“คุณมังกรหวังผลอะไรหรือเปล่าในการเซ็นสัญญาครั้งนี้ หรือว่าติดใจอะไรประเทศนี้” คำถามเริ่มล้วงลึกเรื่องส่วนตัวมังกรยิ้มลุกขึ้นเดินตรงมายังโต๊ะ ที่มิราเฮงและพรสุดานั่งอยู่ท่ามกลางสายตามากมาย คว้าข้อมือของมิราฉุดให้มิราลุกขึ้นยืนข้างเขาคราวนี้เองที่ช่างภาพของสำนักข่าวเริ่มกดซัตเตอร์รัวๆ“ผมมังกร ถูกใจสาวไทย โดยเฉพาะ ผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้ผมกำลังจีบเธออยู่ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่ผมอยากบอกเธอตอนนี้เลยว่าผมจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เพราะผมเชื่อว่าผมมังกร อัจฉริยะเลิศไกร ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย” พรสุดาแทบกรีด มิราหน้ามืดจนเกือบเป็นลมล้มพับลงตรงนั้น ส่วนเฮงทำหน้าตาเหลอหลา กำลังหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า นักข่าวเริ่มนำเครื
ศาลพระพรหม หน้าโรงพยาบาลพวงมาลัยดอกมะลิส่งกลิ่นหอมกรุ่น เฮงเดินผ่านเตรียมเรียกแท็กซี่ แต่อะไรบางอย่างที่ศาลพระพรหมสะดุดตาเหลือเกิน“เฮ้อเมื่อไหร่จะเจอ คนที่ถูกใจเสียที ไปลองอธิฐานขอพรดูดีกว่าเผื่ออะไรๆจะดีขึ้นมาบ้าง"บ่นเบาๆแม้จะรู้สึกเสียใจที่พลาดจากมิราแต่ก็ยังคงคิดว่าไม่ถึงเวลาของตัวเองมิราพบคนที่ดีดีอย่างหัสนัยเขา็้ดีใจด้วยที่สุดนั่งลงประนมมือตรงหน้าอธิฐานเบาๆก่อนจะยิ้ม"ขอแค่ใครสักคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันจนแก่เฒ่า"ยิ้มกับคำอธิฐานของตัวเองว่าทำไมขอน้อยจังไม่ขอคนสวยๆดีๆเหมือนคนอื่นเขา แสงสว่างวาบจากดอกบัวในมือพระพรหมที่สว่างขึ้นมาเมื่อคำขอจบลง คงมีบางอย่างที่รับรู้ในคำขอของเฮงแล้วล่ะ แต่เฮงไม่ทันเห็นโยดา กลายเป็นแมวสีส้ม ยืนคลอเคลียเฮงอยู่ ได้เวลาย้ายบ้านแล้วโยดา“เมี๊ยว” เฮงอุ้มโยดาขึ้นมามอง ดวงตากลมโตของเจ้าเมี้ยวจ้องตอบ“น่ารักจัง ไปอยู่ด้วยกันไหม ฉันกำลังเหงาๆพอดีเลย”“เมี๊ยวๆ ๆ” เจ้าแมวส้มท่าทีกวนประสาทแต่ดวงตาบ๋องแบ็วส่งเสียงร้องตอบรับคำเชิญของเฮง"นายชวนฉันเองนะ ความหฤหรรษ์กำลังจะเริ่มขึ้นฉันสัญญาเลยสำหรับนายคนคุ้นเคยกันมาก่อนฉันจะกัดเบาๆเอ๊ยไม่ใช่ฉันจะหาคนที่น่ารักที
“จรรยาบรรณแพทย์ไปไหนหมดค่ะ”“แพทย์ก็คนนะคุณ ผมก็มีอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่พระอิฐพระปูน 555ไม่อย่างนั้นจะมีเมียได้เหรอ” มิราทุบอกเบาๆ หัสนัยจับมือบางสบตาส่งสายตากรุ้มกริ่ม“อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จะเอาสินสอดเท่าไหร่ ผมรอไม่ไหวแล้ว” มิราก้มหน้ามองแผงอกกว้าง“ถือว่าเป็นคำขอแต่งงานหรือเปล่า” หัสนัย คุกเข่าลงกับพื้นยื่นส่งแหวนเพชรน้ำงาม ให้กับมิรา“แต่งงานกับผมนะครับมิรา ....ผมรักคุณ....” เสียงสะท้อนว่า...รักคุณ...ดังก้องเข้าไปในหัวใจของมิรา หรือว่าเธอคิดไปเองมิรายิ้มทั้งน้ำตา“ค่ะพี่หาด” หัสนัยยืนขึ้นจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ เมื่อมิรารับแหวนมากำไว้“พรสุดาเปิดประตูเข้ามาพร้อมเฮง ที่ใบหน้าเศร้าสร้อย“เซอร์ไฟร์ส ดีใจด้วยนะมิรา” พรสุดา ถลาเข้าขอดูแหวน เฮงจับมือหัสนัยเขย่าเบาๆ เป็นการแสดงความดีใจ โยดาเข้ามาทีหลัง สวมกอดหัสนัยแทนคำดีใจ“นายมังกรคงดีใจที่นายทำสำเร็จหลังจากที่เขาพยายามอย่างหนัก” โยดาเผลอพูดขึ้นทำเอามิราและหัสนัยมองหน้ากัน โยดารู้ว่าตัวเองพูดผิด จึงแกล้งพูดกลบเกลื่อน“อ๋อ...อย่ามองหน้าผมอย่างนั้นสิ ผมหมายความว่า เขาพยายามจะจีบคุณมิราแต่ไม่สำเร็จ แต่คุณหัสนัย ก็ทำให้
ห้องผ่าตัดถูกเตรียมอย่างเร่งด่วน มิราชีพจรเต้นช้าลง ในฝันมิราเห็นมังกรยืนอยู่ด้วยชุดสีขาวสะอาดตา โบกมือลาเธอพร้อมรอยยิ้มยียวน เหมือนที่เคยเห็นเป็นประจำ มิราเผลออมยิ้มรู้สึกเป็นสุขเมื่อเห็นรอยยิ้มแบบนั้นของมังกรการผ่าตัดผ่านไปนานแสนนาน อาหารกลางวันที่หัสนัยไม่มีทางได้ออกจากห้องผ่าตัดมากินถูกนำมาส่งโดยเฮง และพรสุดาที่มาคอยอยู่เป็นเพื่อนคุยกับโยดาที่บัดนี้กลับเศร้าสร้อย พรสุดาพร่ำพูดขอบคุณมังกรและโยดาซ้ำๆ เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ ทีมแพทย์สามารถนำอวัยวะของมังกรช่วยเหลือผู้ป่วยได้อีกสองสามรายในเวลาเดียวกัน (กุศลอันยิ่งใหญ่คือการบริจาคอวัยวะอย่างน้อยก็ต่อชีวิตให้ผู้อื่นแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนแต่เชื่อเถอะเขาจะไม่มีวันลืมคุณ)หัสนัยออกมาจากห้องผ่าตัด ใบหน้าอิดโรยโยดานั่งนิ่ง พรสุดากับเฮงวิ่งเข้าถามถึงอาการของมิราหัสนัยยิ้มแห้งๆ“ต้องรอดูก่อนว่าการตอบสนองจะเป็นอย่างไร และมีการติดเชื้ออย่างอื่นร่วมด้วยไหม ตอนนี้เธออยู่ในห้องปลอดเชื้อ พวกคุณยังเข้าไปเยี่ยมไม่ได้จนกว่าจะออกมาอยู่ห้อง ซีซียู” หัสนัยเดินเข้าไปหาโยดายื่นส่งมือเขาให้โยดาจับ โยดายื่นมือมาจับมือของหัสนัย“ขอบคุณจริงๆ ครับขอบคุณทั้ง
สังเกตสีหน้าของโยดาด้วยความเห็นใจ“แล้ว เมื่อไหร่เขาจะฟื้น”ถามไปทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทางแล้ว“ผมบอกไม่ได้อาจจะหนึ่งชั่วโมง หนึ่งวัน หนึ่งเดือนหรือหลายปีหรืออาจไม่ฟื้นขึ้นมาเลย จำเป็นต้องรอปาฏิหาริย์” โยดาขมวดคิ้ว“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป”น้ำเสียงเลื่อนลอย“ทางการแพทย์เราถือว่าผู้ที่สมองตายคือ ก้านสมองถูกทำลาย คือผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว อวัยวะส่วนอื่นๆ จะลดการทำงานลงและจะเสื่อมสภาพตอนนี้เราใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ทำให้หัวใจยังเต้นได้ประมาณ1-2วันหากนานกว่านี้หัวใจก็จะหยุดเต้น และต้องรอให้ญาติตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป”“คุณรู้สึกอะไรไหมคุณหัสนัย” โยดาถามยิ้มหยัน จะอยากฟังคำตอบอะไรจากพวกมนุษย์“ผม...รู้สึกใจหาย ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ ผมเข้าใจความรู้สึกคุณดี ผมเสียใจที่คุณมังกรต้องมารับเคราะห์แทนมิรา มิราเองตอนนี้หัวใจของเธอก็มีปัญหา อายุเธออาจจะไม่ยืนยาวไปกว่านี้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที”“หมายความว่าอย่างไร”“มิราหัวใจเธอมีปัญหาตั้งแต่กำเนิด ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ดีที่ผมตรวจพบก่อนแต่น่าแปลกที่ไม่เคยเห็นเธอมีอาการอะไรมาก่อนเลย จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุครั้
หัสนัยประคองมิรานั่งกึ่งนอนอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนมังกรเบาะหน้าถูกปรับเอนเลือดท่วมตัว โยดาขับรถเร็วปานจะเหาะแต่หัสนัยกับคิดว่ามันช้าเหลือเกินรถแล่นมายังดรงพยาบาลประจำจังหวัด จอดหน้าห้องฉุกเฉินบุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นมาแต่ช้ากว่าหัสนัยที่อุ้มมิราเข้าไปข้างในห้องพร้อมกับ บอกพยาบาลเสียงดังลั่น“ผมเป็นหมอ” พยาบาลรีบเตรียมอุปกรณ์ให้กับหัสนัย มังกรถูกเข็นเข้ามาบ้างคราวนี้เองที่โยดาสีหน้าเป็นกังวล เผลอยกมือขึ้นไหว้“ท่านพ่อ อย่าทำให้เจ้ามังกรต้องจากไปอย่างนี้เลย ลูกยังไม่ได้บอกลาและเขาเองก็ยังไม่ได้บอกลาสาวน้อยในดวงใจ” โยดาลงทุนขอร้องต่อพระพรหมหันหน้าไปทางศาลพระพรหมในโรงพยาบาล ใบหน้าเป็นกังวลไม่สามารถปิดบังได้ก็มังกรไม่เคยเป้นแบบนี้สักทีกี่ปีที่เคยพบกันไม่เคยเจ็บไม่เคยตาย โยดาเพิ่งจะรู้ในตอนนี้เองว่าใจหายแค่ไหนหากมังกรจะจากไปจริงๆหมอวิ่งวุ่นเมื่อมังกรถูกเข็นเข้าไปในห้องโยดาเริ่มวิตก เพราะปกติเคยเห็นแต่ว่าหากมังกรมีแผล แผลของเขาจะหายเองในเวลาไม่กี่อึดใจ หรือว่าครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งเขาโดนหนักไปหน่อยสักพัก หมอออกมาบอกกับโยดาว่ามังกรสมองกระทบกระเทือนอย่างแรง ทำให้สมองตาย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใ
บัดนี้เด็กหญิงตัวน้อยอยู่ใกล้เกินกว่าใกล้ แต่มิราจะมีใจให้เขาเหมือนที่เขาเฝ้าฝันถึงเธอตลอดเวลา15ปีที่ผ่านมาไหมหัสนัยขับรถห่างตัวเมืองมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่เขตจังหวัดหนึ่ง ที่สองข้างทางเริ่มร่มรื่น มิรามองนู้นมองนี่“ชลบุรี คุณหัสนัยมาทำไมที่นี่ค่ะ”“บ้านเกิดผมเลย” รถเลี้ยวเข้าสู่ตัวบ้านหลังใหญ่ร่มรื่น ตัวบ้านแม้จะเก่าแต่ทว่าถูกดูแลอย่างดี มิรามองบ้านสองหลังที่ติดกันบ้านของมิราอยู่ทางซ้ายมือแต่หัสนัยเลี้ยวรถเข้าบ้านหลังทางขวามือ รั้วชาฮกเกี้ยนที่ทำเป็นรั้วรายรอบกั้นบ้านสองหลังถูกตัดแต่งจนเป็นระเบียบ มิราจำได้ดีด้วยอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่พ่อแม่ตายไปมิราก็ย้ายออกจากที่นี่ไปอาศัยอยู่หอของมหาลัยอาศัยเงินจากการขายบ้านเก็บเป็นทุนรอนเปิดร้านขายดอกไม้และเรียนมหาลัย เมื่อเรียนจบและก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย บ้านถูกขายให้เพื่อนสนิทของคุณพ่อของมิรา ที่เอ่ยปากกับมิราในวัย18ว่าหากต้องการบ้านคืนก็แค่ให้นำเงินมาคืนเท่านั้น อย่าถือว่าเป็นการชื้อขายแต่บ้านยังคงเป็นของมิราอยู่เพราะไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ใดใดทั้งสิ้น“ถึงแล้ว ....บ้านของมิราอยู่ทางซ้าย” หัสนัยบอกมิรามิราหันมองหัสนัยอย่
“แน่ใจหรือว่าเป็นแบบนั้น” หัสนัยอดท้วงไม่ได้“อย่างนั้นสิ ไม่อย่างนั้นเนื้อหนังฉันคนหลุดล่อนไปแล้ว” หัสนัยมองเสื้อลำลองสีขาวที่ขาดวิ่น อย่างไม่เชื่อสิ่งที่เห็นอยากจะถามต่อแต่ก็เลือกที่จะเงียบมิราเข้าไปชะโงกดูแผลอีกคนรู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน“ขอบคุณ คุณมังกรว่าแต่คุณไม่เป็นอะไรแน่นะ” มิราถามเพื่อความแน่ใจรู้สึกสำนึกบุญคุณมังกรเหลือเกิน“ผมไม่เป็นไร...สบายมาก.... ฉันไปล่ะ ฉันบอกแล้วให้นายดูแลคุณมิราให้ดี” มังกรหันไปพูดกับหัสนัยพูดทิ้งท้าย รีบเดินหนีออกจากตรงนั้น“แจ้งความไหม” หัสนัยหันมาถามมิรา“ไม่ดีกว่าค่ะ มิรากับนิรมนเราเป็นเพื่อนกันมานาน”“แต่เพื่อนไม่ทำกันแบบนี้”“นิราคงกำลังโกรธ อีกหน่อยก็จะได้คิด แล้วก็จะเสียใจในสิ่งที่ทำ” หัสนัยไม่พูดต่อแต่เรื่องของมังกรนี่น่าสงสัยชะมัด“เสื้อขาดขนาดนั้นไม่น่าเชื่อว่า ผิวหนังจะไม่โดนน้ำกรดไปด้วย”“อาจเป็นเหมือนคุณมังกรพูดก็ได้น้ำกรดเจือจาง”“ไม่นะ เสื้อส่วนมากทำจากใยสังเคราะห์ละลายโดยสารเคมีเข้มข้นหรือถูกเผาไหม้ด้วยความร้อน ซึ่งสารเคมีเข้มข้น ผิวหนังของคนก็ไม่สามารถทนได้”“อย่างนั้นต้องอะไรที่เรายังไม่รู้แน่ๆ เลยค่ะ คุณมังกรเขาจงใจปกปิดเร
มิราเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าที่เคยมาประจำ เลือกซื้อของสดไว้สำหรับทำอาหาร และของแห้งเล็กน้อย มิราชอบทำอาหารเป็นที่สุดหัสนัยเดินตามช้าๆเข็นรถเข็นตามเหมือนไม่รู้จักเบื่อหน่าย หลายคนชี้ชวนกันดูมิราที่สวยหวานโดดเด่นบ้างก็ซุบซิบบ้างยิ้ม หลายคนแอบกระซิบว่าเหมือนดารา มิราเริ่มชินแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นนิรมนนั่นเองโทรมาถามว่ามิราอยู่ที่ไหน แล้วก็วางหูไป“ท่านผู้ประทานพร เหตุใดเล่าลูกต้องทนทุกข์กับบาปรักไม่มีสิ้นสุด”“มังกร เจ้าน่าจะรู้มนุษย์มีเพียงแค่รักโลภโกรธหลงเจ้าเพียงแค่ละทิ้งสิ่งเหล่านี้”“ลูกทนทุกข์ไม่รู้จักจบสิ้น เป็นเวลากว่าพันปีมาแล้ว”“รอก่อนอีกไม่นานแล้ว เจ้าจะพ้นทุกข์” มังกรถอนหายใจกระแสจิตที่ส่งเข้ามาในหัวจากรูปปูนปั้นพระพรหม ที่สวนหย่อม หน้าห้างสรรพสินค้า แม้ไม่ขยับปากพูดแต่ดังชัดเจน....อีกไม่นาน....จะดีใจหรือเสียใจดีในเมื่อเขาชินกับการมีชีวิตอมตะ ชอบได้แต่ห้ามรัก เกลียดได้แต่ห้ามอาฆาต เป็นเวลากว่าพันปีมาแล้ว มีชีวิตสุขสบายแต่ไม่มีคู่นิรมนสวมแว่นตาดำปิดบังใบหน้าและขอบตาเขียวคล้ำ ถือกระเป๋าพะรุงพะรังยืนรอมิราอยู่หน้าห้างสรรพสินค้า มือเย็นเฉียบใจเต้นตึกตัก มังกรเห็นตั้งแต่
มิราไม่อยู่ตรงนั้น“เหมือนกัน ฉันก็มีเรื่องคุยกับนายเหมือนกันนายมังกือ ออกมาคุยกันข้างนอก” ไม่น้อยหน้ากันเลยโยดามองเห็นสายตาพิฆาตจากทั้งคู่“ว่ามา” พูดขึ้นพร้อมกันเดินออกมาจากร้านดอกไม้“นายก่อน” มังกรพูด“ฉันไม่อ้อมค้อม นายมีทุกอย่างทั้งเงินทองทั้งชื่อเสียง ทั้งสาวๆไม่เข้าใจว่าคนอย่างนายจะ มีความจริงใจกับมิราหากนายต้องการแค่เล่นๆ กับมิราฉันอยากให้นายเลิกล้มความคิดเสีย เพราะฉันจะไม่ยอมให้นายทำแบบนั้นแน่นอน” มังกรยิ้มรู้สึกเจ็บแปลบในใจ“ฉันจะเลิกมาที่นี่ หากนายดูแลมิราได้ดี ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในอันตราย” หัสนัยขมวดคิ้ว“นายหมายความว่าอย่างไร”“ปัณภัทร กลับมานิรมนไม่ชอบใจนัก เธอมาคาดโทษมิราไว้” หัสนัยเดินวนไปมาหาทางแก้ปัญหา“นายเพียงแค่ปกป้องมิรา ฉันขอแค่นั้น” มังกรเดินไปตบไหล่หัสนัย แล้วก็เดินจากไปขึ้นรถ รถเลื่อนออกไปอย่างรวดเร็วมังกร แทบจะทรงตัวไม่อยู่สึกเจ็บจนไม่อาจบรรยายหัสนัยยืนงง สิ่งที่เขาพูดกับคิดก่อนหน้านั้น ถูกเปลี่ยนความคิดไปจนหมด มังกือมาไม้ไหนอย่างไรกันแน่ทำไมถึงเปลี่ยนท่าทีได้ขนาดนี้มาไม้ไหนมองไม่รู้ดูไม่ออกไม่มาหลอกแต่จริงใจไฉนหนอแล้วที่ทำเหมือนกับคนบ้าบอโอ้ละหนอท