“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรเล่า แมวตัวนี้แม่ผมเอามาฝากไว้ ท่านไปทัวร์ยุโรป แต่มันคงไม่ชอบผมเลยหาทางหนีคงชอบผู้หญิงเลยหนีมานอนกับคุณ”
มิราเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตึกแถวห้องข้างๆ ที่มีระเบียงติดกัน มีเจ้าของใหม่มาซื้อไว้แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครคงจะเป็นเขานี่แหละ
“ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่คุณบุกรุก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
เขาเดินไปนำเหมียวน้อยไปใส่ไว้ในตะกร้าแบบมีฝาที่เตรียมมาด้วย
“ไม่ได้บุกรุกผมแค่มาตามแมว”
มิราเริ่มหายกลัวในเมื่อคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ใช้คนบ้า แต่ยังไม่วางใจนักกอดหมอนไว้แนบอกหวังใช้เป็นที่พึ่ง
“คุณมาตามแมวในบ้านของฉันซึ่งฉันไม่อนุญาตถือว่าบุกรุก”
“โธ่คุณบ้านใกล้เรือนเคียงกัน ผม..หัสนัย..ผมอยู่ข้างๆ คุณนี่เองยินดีที่รู้จัก”
แววตาไม่มีอะไรแอบแฝงแต่ทว่าออกจะยียวน
“คุณควรเข้ามาดีๆ เช่นมาเคาะประตูถามฉันขออนุญาตฉันก่อน ไม่ใช่แอบปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้”
“ผมไม่มีเวลาคิดผมกลัวมันหนี ขอโทษอีกทีสำหรับ...”
ดวงตามีแววประกายระยิบระยับจนมิราคิดไปถึงปากอุ่นที่ประกบปากของมิราเมื่อสักครู่
“นั่นมันจูบแรกของฉัน”
เขาเลิกคิ้วสูง อมยิ้มแสดงความแปลกใจและสีหน้าแสดงว่าไม่ได้เชื่อคำพูดของมิราแม้แต่น้อย
“คุณคิดว่ามันเป็นจูบด้วยหรือผมคิดว่ามันเป็น...อุบัติเหตุ”
น้ำเสียงยังยียวนเหมือนเดิม มิราหน้าแดงรู้สึกอาย
“อย่างนั้นผมให้คุณจูบคืนละกัน ว่าแต่ผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณนี่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นจูบแรก”
แววตาไหวระริกมองมิราอย่างมีความหมาย มิรารู้สึกโกรธจริงๆ
“คนบ้า”
ปาหมอนที่กอดอยู่ใส่เขาเต็มแรง แต่เขากลับรับได้ทันมิรายิ่งโมโห
“ออกไปได้แล้ว”
“ผมเดินลงบันไดไปแล้วกัน”
หิ้วตะกร้าใส่แมวทำท่าจะจากไป
“มาทางไหนไปทางนั้นคุณปีนเข้ามาก็ปีนออกไป”
“ไม่ไหว ผมมีเจ้าโยดาอยู่ด้วยปีนไม่ได้”
“นั่นมันเรื่องของคุณ” มิราฉุนจัด
“คุณเป็นแผลนี่”
ไวชะมัดกระโดดขึ้นมาบนเตียงคุกเข่าตรงหน้ามิรา จับไหล่มิราไว้แน่นชันเข่าขึ้นจ้องดูแผลที่หน้าผากของมิรา ที่มีเลือดซึมมิรารู้สึกว่าตัวเองหัวใจเต้นตุบตับ ก้มลงมองแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ยิ่งทำให้ใจสาวสั่นไหว ใบหน้าที่บวมเริ่มยุบลงแล้วจนไม่เหลือเค้าลางว่าเคยมีอาการบวมมาก่อน แต่แผลที่ศีรษะยังมีเลือดซึมออกมา
“ปล่อย”
มิราพูดเบาๆ
“ไปโดนอะไรมา ผมล้างแผลให้ไหมเผอิญผมเป็นหมอแผลค่อนข้างแย่ ล้างแผลบ่อยๆ แผลหายเร็วและไม่เป็นแผลเป็น”
จริงหรือนั่น
“อุบัตินิดหน่อย”
มิราเสียงอ่อนลงเมื่ออีกคนมีท่าทีห่วงใยอย่างจริงจัง ลมหายใจอุ่นๆ รินรดใกล้ๆ
“อยู่นิ่งๆ ให้ผมดูที คุณมีพวก เบตาดีน แอลกอฮออล์กับสำลีไหม เดี๋ยวผมล้างแผลให้ถือเป็นการไถ่โทษ”
น้ำเสียงยังคงเหมือนออกคำสั่งมากว่าจะใส่ใจ
“อยู่ในตู้ยา”
ว่าพลางชี้มือไปที่ตู้ยาใบเล็ก หัสนัยเดินไปรื้อค้นหาของที่ต้องการแล้วหอบมาพะรุงพะรัง
“นอนลงเลย”
ออกคำสั่งตามเคย ไม่พูดเฉยๆ ยกมือขึ้นจะดันตัวมิราให้ล้มลงแต่มิรายกมือขึ้นปัดป้องเขาขมวดคิ้ว
“ห่วงตัวชะมัด ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกเชื่อใจผมสิ ผมเคยเจอคนที่สวยกว่าคุณเซ็กซี่กว่าคุณมาตั้งเยอะแยะ ยังไม่เคยไปทำอะไรเขาเลย ผมเป็นหมอนะคุณ หรือว่าวันนี้คุณจะดูสวยกว่าทุกวันนะ”
มิราขมวดคิ้วบ้างนี่มันเรื่องอะไรกัน วันสองวันมานี้ทำไมเจอแต่คนแปลกๆ
มิรานอนลงช้าๆ เขาคุกเข่าลงข้างเตียง มิราปล่อยให้เขาล้างแผลให้ว่าแต่มือเบาเหลือเกินต่างจากคำพูดที่ค่อนข้างไม่มีความอ่อนโยนเจือปนอยู่
“เจ็บไหม แต่คงไม่เจ็บหรอกดูท่าทางคุณเป็นคนหัวแข็งนี่”
มิราขมวดคิ้วคำพูดเขาไม่ค่อยจะเข้าหูมิรานัก จ้องมองแผลไม่วางตาเมื่อเสร็จภารกิจสายตาไล่เรื่อยลงมาที่ดวงตากลมของมิรา เขาเผลอจ้องตามิราจนมิราต้องเบือนหน้าหนีสายตาคม
“คุณชื่ออะไร”
“มิรา”
เขาเอ่ยชื่อมิราเบาๆ เหมือนกับจะพยายามจดจำชื่อมิราไว้
“เอาล่ะคุณมิรา ผมคงต้องขอตัว คราวนี้คุณคงไม่ปล่อยให้ผมปีนระเบียงกลับไปแล้วล่ะใช่ไหม สายตาคุณออกจะเป็นมิตรน่ารักซะขนาดนั้นถึงตอนนี้ผมเดินลงบันไดไปได้แล้วใช่ไหม”
“คุณ ...หยุดพูดจาแบบนี้ได้แล้ว ไปให้พ้น คุณจะไปทางไหนเรื่องของคุณ”
“ถ้าคิดถึงผมจนหักห้ามใจไม่ไหว ไปหาผมได้นะบ้านผมไม่ต้องเคาะประตู หรือคุณจะปีนระเบียงเหมือนที่ผมปีนเข้าไปหาผมก็ได้ผมไม่ถือ ผมอยู่ข้างๆ คุณแค่นี้เอง” สุดจะทนกับคำพูดแบบนั้นของเขา
“อย่าหวังว่าจะได้เจอฉันอีก”
มิราปาหมอนตามหลังเขาไป เขาหิ้วตะกร้าแมวแล้วหัวเราะเสียงใสอย่างมีความสุขออกจากห้องไป
ถอนหายใจยาว เฮ้อ ไม่เข้าใจเลยทำไมเจอแต่คนแปลกๆ พลิกตัวลุกจากที่นอนอาบน้ำแต่งตัวแผลไม่เจ็บเท่าที่ควรจะเป็นคงเป็นเพราะแผลสะอาดความหิวเริ่มรบกวนจิตใจ มิราเดินลงมาชั้นล่าง ต้องหาอะไรรองท้องเสียหน่อย เปิดตู้เย็นว่ามีของสดอะไรบ้าง ได้หมูบดและกุ้งสดมานิดหน่อยคงต้องกินข้าวต้ม สวมผ้ากันเปื้อนเตรียมลงมือ
เสียงเคาะประตูเบาๆ มิราเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนด้วยความเคยชิน ชักสงสัยหรือจะเป็นเฮงที่ที่บอกว่าจะมาอยู่ๆ ก็คิดถึงใบหน้าใสซื่อ แต่เมื่อไปถึงหน้าบ้าน ที่เป็นประตูกระจกใส คนที่มิราเห็นก็คือปัณภัทร เขามาอยู่นี่ได้อย่างไรทั้งๆ ที่เขาน่าจะอยู่ที่เรือนหอหรืออยู่เคียงข้างนิรมน เพราะมือคืนเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งมาหยกๆ
แววตาเศร้าสร้อยของปัณภัทรเหมือนกับมีหลายสิ่งในนั้นเหมือนกับโลกทั้งใบโถมทับมาที่ตัวเขา มิราเดาไม่ออกว่าเขามีเรื่องอะไรหนักใจหนักหนา
เอื้อมมือเปิดประตูด้วยมือที่เย็นเฉียบ หัวใจไหววูบเมื่อครั้งสุดท้ายที่ปัณภัทรมาเยือนที่นี่ มันคือวันที่มิราสูญเสียเขาไปให้เพื่อนรัก
“พี่ปัณ มีธุระอะไรกับมิราหรือเปล่า”
เป็นคำทักทายที่ดีที่สุดในเวลานั้น น้ำเสียงแหบพร่าที่มิราพยายามสะกดกลั้นเอาไว้“พี่ขอเข้าไปข้างในได้ไหม” มิราไม่พูดเปิดประตูให้ช้าๆ“วันนี้มิราหน้าตาสดใสนะ” ปัณภัทรทักทาย“ค่ะ มิราเพิ่งตื่น”“พี่ว่ามิราสวยขึ้น ..พี่.. มีเรื่องปรึกษา” ดึงมือมิราไปกุมไว้ มิราขมวดคิ้วเรื่องอะไรที่ต้องปรึกษา ก็ในเมื่อเขาแต่งงานแล้วเดี๋ยวภรรยาเขาก็เข้าใจผิด“พี่ปัณก็มีภรรยาแล้วจะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้นะคะ” มิราแกะมือออก เดินไปยังหมอข้าวต้มแกะกุ้งตัวใหญ่เตรียมไว้ กลิ่นข้าวต้มหอมตลบอบอวล“คือเรื่องที่จะปรึกษาเป็นเรื่องของนิรา” มิราเลิกคิ้ว สมควรที่เธอจะต้องถามเสียหน่อย“เรื่องอะไรคะ” พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ“เรื่อง....เรื่อง..พี่จะพูดอย่างไรดีคือ...นิรา นิราไม่ใช่ผู้หญิงแท้” มิราหัวเราะเสียงใส“อ้าวนี่พี่ปัณเพิ่งจะรู้หรือคะ”“มิรา กับนิราจงใจปกปิดพี่” ลากเอาเธอเข้าไปเกี่ยวจนได้“พี่ปัณเอาแต่โทษคนอื่น ไม่มีใครเขาปิดบังเพียงแต่มิราไม่อยู่ในฐานะที่ต้องเอาความลับเพื่อนมาขาย แล้วนิราเองเขากับพี่ไม่ได้คุยกันก่อนหรืออย่างไร แล้วอีกอย่างนิราก้ไม่ได้ผิดอะไรนั่นมันเพศสภาพของนิราพี่ปัญต้องพยายามรับให้ได้” ปัณภัทรเอามือกุมขมับส่ายหน้าไปมา“มิราก็รู้ว่าพี่ไม่นิยม...พี่ซีเรียสแค่ไหนเรื่อง
“หากฉันจะรักใครสักคนก็ทุ่มเทให้หมดใจแม้แต่หางตายังไม่เคยชำเลืองมองใครอื่น”มิราเอ่ยปากบอก นิรมนเพื่อนรักพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ“ว่าแต่ สุดที่รักของแกแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยได้ไหม” มิราอมยิ้ม“ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเหลือแกกับฉันสองคนที่ยังนั่งบนคานทั้งคู่” น้ำเสียงร่าเริงสดใสทำไมจะไม่ได้ก็ในเมื่ออยากจะอวดเพื่อนอยู่แล้ว นิรมนยิ้มหวานหยดเธอเป็นคนที่สวยโดยกำเนิดแล้วยังไม่พอใจความสวยที่ติดตัวมา การแต่งเติมความสวยด้วยการทำศัลยกรรมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุดต่างกับมิราที่สวยเรียบๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร อาจเป็นเพราะมิราไม่เคยแม้แต่จะดัดขนตาด้วยซ้ำการที่เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะห้าวหาญเกินหญิงจึงไม่มีผู้ชายสักคนผ่านเข้ามาในชีวิตมีเพียงปัณภัทรเท่านั้นที่เอ่ยได้เต็มปากว่าคบหาดูใจกันอยู่“เขาชอบแกตรงไหนมิรา” นิรมนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คง...ตรงที่ฉันเป็นฉันละมั้ง” มิรานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าปัณภัทรชอบมิราตรงไหน จะว่าสวยมิราก็ไม่ได้สวยขาดบาดใจ ชนิดที่ผู้ชายเห็นต้องเหลียวหลังจึงทำให้ครองโสดอยู่ได้ไม่มีใครมาจีบ นิรมนต่างออกไปนิรมนค่อนข้างเลือกจนกลายเป็นคนที่ไม่มีใครเหมือนกันทั้งๆ ที
เช้าที่อากาศไม่เป็นใจ บรรยากาศขมุกขมัวคล้ายกับว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้น้ำตาฟ้าจะกระหน่ำลงมาทั้งๆ ที่เป็นฤดูหนาวมิราใช้กระบอกฉีดน้ำฉีดน้ำใส่ดอกไม้สดในร้านอย่างสบายอารมณ์อีกไม่กี่วันเธอจะเดินทางไปท่องเที่ยวกับปัณภัทรอย่างมีความสุขเป็นอีกหนึ่งโครงการก่อนที่จะแต่งงานกันในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงปัณภัทรในเสื้อสูทอย่างที่มิราคุ้นเคย เขาเป็นคนที่ต้องทำตัวให้ดูดีอยู่เสมอ นี่เองที่บรรดาเพื่อนๆ ของปัณภัทรพากันสงสัยว่าทำไมปัณภัทรถึงมาชอบผู้หญิงที่ไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างมิราได้“มิรา พี่จะแต่งงาน” ปัณภัทรกุมมือมิราไว้ มิรารู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดของปัณภัทรก้มหน้าหลบตาคม ที่จ้องมองใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มิราคิดว่าอีกประเดี๋ยวปัณภัทรต้องล้วงเอาแหวนออกมา แกล้งเสมองทางอื่นเพื่อรับมุขแต่ตั้งนานมิราก็ยังไม่เห็นว่าปัณภัทรจะหยิบแหวนออกมา ปัณภัทรกับอึกอักอยู่ตรงนั้นสีหน้าหนักใจที่มิราเห็นว่าเขาไม่ได้แกล้งทำแต่อย่างใด“มิรา... พี่ๆ ...คือพี่...ขอโทษด้วย” สุดท้ายก็หลุดคำพูดขอโทษออกมา“ขอโทษเรื่องอะไรคะพี่ปัณ” แววตาฉงนในคำพูดที่แผ่วเบาดั่งกับละอองนุ่นที่พร้อมจะหลุดลอย“พี่...พี่ กำลังจะแต่งงานกับ....นิ..รา
มิราเพียงแต่พยักหน้า ยายเดินหายลับไปจากตรงนั้น มิรานั่งลงช้าๆ ยกมือขึ้นประนมลองขอพรดูหน่อยเป็นไรอย่างน้อยอาจทำให้สบายใจขึ้นบ้างอย่างที่ยายคนนั้นบอกยายแก่แอบมองอยู่ไม่ไกลมิราพนมมือต่อหน้าพระพรหม“ท่านเป็นเทพแห่งความเมตตา ลิขิตชะตาชีวิตคน ลูกขอคนที่มีรักจริง และต้องการใช้ชีวิตร่วมกันกับลูกตลอดไป ด้วยเถิด” ดอกบัวในมือของพระพรหมสว่างวาบขึ้นทันใดมิราไม่ทันเห็นเพราะมัวแต่ก้มหน้ายายแก่ยิ้มที่มุมปากมิราเธอจะรู้หรือเปล่าว่าพระพรหมท่านคือ "พรหม" หมายถึง "ความเจริญ, ความกว้างขวาง, ความขยายตัว หรือความเบิกบาน”มิราในชุดราตรียาวสีฟ้าใสตัดกับผิวคล้ำแต่งแต้มริมฝีปากด้วยสีชมพูกลีบดอกบัว ที่มิราชอบเธอผิวคล้ำไม่เหมาะกับสีฟ้าและชมพูแต่มิราชอบทั้งสองสี เกล้าผมสูงเผยให้เห็นลำคอระหงหากแต่ทรวดทรงองค์เอวที่ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งทำเอาชุดที่สวมอยู่เหมือนถูกสวมโดยท่อนซุงไม่ได้สวยสะดุดตาอย่างที่มิราตั้งใจให้เป็นตัวก็ดำงามขำ...คล้ำยิ่งนักสุดจะหักดวงจิตคิดเป็นอื่นจะขี้เหร่เกินไปไหม..แม่ขวัญยืนสุดจะฝืนใจให้รักปักอุราหญิงสาวหลายคนมุงอยู่หน้าเวทีที่นิรมนกำลังจะโยนช่อดอกไม้เสี่ยงทายสำหรับคนที่อยากมีคู่มิรากร
“ผมไปส่งไหมครับคุณ....” ชายหนุ่มหนึ่งที่พยายามรวบรวมความกล้าเมื่อเห็นมิราเดินออกจากงานแต่งใครหลายคนทยอยกลับ มิราล่ำลาเพื่อนๆ เสร็จก็คิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ไม่แม้แต่จะบอกลาปัณภัทรกับนิรมนสักคำชายหนุ่มน่าตาดีขาวสูงกับแว่นสายตาหนาเตอะแต่ทว่าตาชั้นเดียวเหมือนกับหนุ่มเชื้อสายจีนทั่วไป“เจ้าของเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาเองเลย” พรสุดาเพื่อนสนิทของมิรากระซิบเบาๆ มิราเหลือบตามอง ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบพระเอกซีรีย์จีน พรสุดาเขย่าแขนเขินแทนมิราเสียเอง“มิราค่ะ ยินดีค่ะ” มิราไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด“ว้าวมาแล้วหนุ่มในฝัน เอหรือว่าเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายกันแน่นะ” พรสุดากระซิบกับมิรา“แต่ผมไม่มีรถมา อาศัยรถคุณไปส่งคุณแล้วเดี่ยวผมนั่งแท็กซี่กลับมาเองได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนมิราเห็นแววใสซื่อเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสาในนั้น มิราถอนหายใจยาวเหยียด พรสุดาหัวเราะคิกคัก“คือถ้าจะแบบนั้นเอาเป็นว่า มิราขับรถไปส่งคุณที่บ้านดีกว่าไหมคะ”“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” แม้จะจับสังเกตเพียงใดแต่ก็พบกับความใสซื่อไม่เปลี่ยนแปลงเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับหน้าตาเฉย พรสุดาต้องเข้าไปนั่งเบาะหลังส่วนมิราเป็นคนขับ“คือผมชื่อเฮงนะคร
“เจ็บไหมครับทนเอาหน่อยไปโรงพยาบาลกันดีกว่า คุณพรสุดาขับรถเป็นไหมขับให้คุณมิราหน่อย”“คุณเฮงขับไม่เป็นหรือคะ” พรสุดาถามกลับ“เป็นครับแต่ไม่ค่อยถนัด” ยิ้มอายๆ“ไม่เป็นไรค่ะฉันพอขับไหว” มิราเหยียบคันเร่งพารถไปสู่จุดหมายโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เลือดหยุดไหลแล้ว ใจกลับคิดถึงคนที่เป็นต้นเหตุเขารีบไปไหนนะหรือว่ารีบพาสาวเจ้าไปอี้อ๋อกัน ว่าแต่เขาทำให้เจ็บตัวขนาดนี้ยังไปคิดถึงเขาอีก ไม่ไม่ไม่ไม่ใช่มิราสะบัดศีรษะไปมาไม่ได้คิดถึงเขาจะคิดถึงได้อย่างไรแค่คนหล่อดูดีภูมิฐานแล้วก็หน้าตาท่าทางถูกใจมิราแค่นั้นเอง เผลอหยิบนามบัตรขึ้นมาดู ใครจะกล้าโทรไปมิราคิดค่ายาค่าทำแผลคงไม่กี่บาทแน่นอนเมื่อไปถึงโรงพยาบาลบุรุษพยาบาลนำรถเข็นมารอ เฮงกุลีกุจอมาเปิดประตูรถทันทีพยุงมิราออกมาจากรถ บุรุษพยาบาลมองมิราแบบงงๆ คงคิดว่าทำไมคนเจ็บขับรถมาเอง“ไหวไหมแก” พรสุดาเดินตามมาหน้าห้องฉุกเฉิน โดยมีเฮงถือกระเป๋าของมิราตามมาติดๆ ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูเมื่อเฮงสะพายกระเป๋าในแบบของผู้หญิง แต่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาออกขนาดนั้น“ไหว” มิราตอบสั้นๆ“ค่อยๆ ครับคุณมิรา” ก้มลงบอกข้างๆ หูพยาบาลหลายคนนางมองเฮงด้วยสายตาชื่นชมกับใบหน้าที่ห
ชายหนุ่มใบหน้าคมคายคนหนึ่งที่ใส่เพียงกางเกงนอนบางเบาอกเปลือยเปล่าเผยให้เห็นมัดกล้าม กล้ามแน่นผิวขาวสะอาดน่ามองใบหน้าหล่อคมรูปร่างดีตามแบบนักกีฬา นับว่าเป็นหนุ่มหล่อที่รูปร่างดีคนหนึ่งทีเดียว เดินย่องด้วยฝีเท้าเบากริบมายังเตียงที่มิรานอนหลับอยู่“มานี่โยดา มานี่มะ” น้ำเสียงอ่อนโยนเหลือกำลัง มิราคิดว่าตัวเองฝันไป“เมี้ยว” มิราสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงร้องของแมวเหมียวดังขึ้นข้างตัวแมวสก็อตติสฯ ตัวหนึ่งยื่นจังกาข้างตัวมิราเตรียมกระโดด พริบตาเดียว“อย่าหนีนะ” ไม่ทันแล้วเจ้าแมวน้อยกระโดดหนีพร้อมกันกับที่ชายหนุ่มกระโดดตระคุรบเจ้าแมวแต่พลาดร่างใหญ่ทาบทับมาบนตัวของมิรา มิราตกใจสุดขีดทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว กลายเป็นโดนกอดเข้าอย่างจัง มิรากับเสื้อผ้าที่เปิดเผยร่างกาย กับอกเปลือยเปล่าของอีกคน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่และครีมโกนหนวดทำให้มิรารู้สึกขัดใจที่ตัวเองรู้สึกชอบสัมผัสจากชายหนุ่มแปลกหน้าแต่เพียงครู่เดียวที่เผลอไผล“กรีด คุณเป็นใครเข้ามาในห้องฉันได้อย่างไรมิราดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวจนมิดเหลียวมองหาอาวุธป้องกันตัวทว่าไม่มีอยู่ในนั้น ชายหนุ่มไม่มีอาการสะทกสะท้านต่อคำพูดของมิรายกมือขึ้นปรามว่
“พี่ขอเข้าไปข้างในได้ไหม” มิราไม่พูดเปิดประตูให้ช้าๆ“วันนี้มิราหน้าตาสดใสนะ” ปัณภัทรทักทาย“ค่ะ มิราเพิ่งตื่น”“พี่ว่ามิราสวยขึ้น ..พี่.. มีเรื่องปรึกษา” ดึงมือมิราไปกุมไว้ มิราขมวดคิ้วเรื่องอะไรที่ต้องปรึกษา ก็ในเมื่อเขาแต่งงานแล้วเดี๋ยวภรรยาเขาก็เข้าใจผิด“พี่ปัณก็มีภรรยาแล้วจะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้นะคะ” มิราแกะมือออก เดินไปยังหมอข้าวต้มแกะกุ้งตัวใหญ่เตรียมไว้ กลิ่นข้าวต้มหอมตลบอบอวล“คือเรื่องที่จะปรึกษาเป็นเรื่องของนิรา” มิราเลิกคิ้ว สมควรที่เธอจะต้องถามเสียหน่อย“เรื่องอะไรคะ” พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ“เรื่อง....เรื่อง..พี่จะพูดอย่างไรดีคือ...นิรา นิราไม่ใช่ผู้หญิงแท้” มิราหัวเราะเสียงใส“อ้าวนี่พี่ปัณเพิ่งจะรู้หรือคะ”“มิรา กับนิราจงใจปกปิดพี่” ลากเอาเธอเข้าไปเกี่ยวจนได้“พี่ปัณเอาแต่โทษคนอื่น ไม่มีใครเขาปิดบังเพียงแต่มิราไม่อยู่ในฐานะที่ต้องเอาความลับเพื่อนมาขาย แล้วนิราเองเขากับพี่ไม่ได้คุยกันก่อนหรืออย่างไร แล้วอีกอย่างนิราก้ไม่ได้ผิดอะไรนั่นมันเพศสภาพของนิราพี่ปัญต้องพยายามรับให้ได้” ปัณภัทรเอามือกุมขมับส่ายหน้าไปมา“มิราก็รู้ว่าพี่ไม่นิยม...พี่ซีเรียสแค่ไหนเรื่อง
“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรเล่า แมวตัวนี้แม่ผมเอามาฝากไว้ ท่านไปทัวร์ยุโรป แต่มันคงไม่ชอบผมเลยหาทางหนีคงชอบผู้หญิงเลยหนีมานอนกับคุณ” มิราเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตึกแถวห้องข้างๆ ที่มีระเบียงติดกัน มีเจ้าของใหม่มาซื้อไว้แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครคงจะเป็นเขานี่แหละ“ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่คุณบุกรุก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย” เขาเดินไปนำเหมียวน้อยไปใส่ไว้ในตะกร้าแบบมีฝาที่เตรียมมาด้วย“ไม่ได้บุกรุกผมแค่มาตามแมว” มิราเริ่มหายกลัวในเมื่อคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ใช้คนบ้า แต่ยังไม่วางใจนักกอดหมอนไว้แนบอกหวังใช้เป็นที่พึ่ง“คุณมาตามแมวในบ้านของฉันซึ่งฉันไม่อนุญาตถือว่าบุกรุก”“โธ่คุณบ้านใกล้เรือนเคียงกัน ผม..หัสนัย..ผมอยู่ข้างๆ คุณนี่เองยินดีที่รู้จัก” แววตาไม่มีอะไรแอบแฝงแต่ทว่าออกจะยียวน“คุณควรเข้ามาดีๆ เช่นมาเคาะประตูถามฉันขออนุญาตฉันก่อน ไม่ใช่แอบปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้”“ผมไม่มีเวลาคิดผมกลัวมันหนี ขอโทษอีกทีสำหรับ...” ดวงตามีแววประกายระยิบระยับจนมิราคิดไปถึงปากอุ่นที่ประกบปากของมิราเมื่อสักครู่“นั่นมันจูบแรกของฉัน”เขาเลิกคิ้วสูง อมยิ้มแสดงความแปลกใจและสีหน้าแสดงว่าไม่ได้เชื่อคำพูดของมิราแม้แต่น้อย“คุณคิดว่
ชายหนุ่มใบหน้าคมคายคนหนึ่งที่ใส่เพียงกางเกงนอนบางเบาอกเปลือยเปล่าเผยให้เห็นมัดกล้าม กล้ามแน่นผิวขาวสะอาดน่ามองใบหน้าหล่อคมรูปร่างดีตามแบบนักกีฬา นับว่าเป็นหนุ่มหล่อที่รูปร่างดีคนหนึ่งทีเดียว เดินย่องด้วยฝีเท้าเบากริบมายังเตียงที่มิรานอนหลับอยู่“มานี่โยดา มานี่มะ” น้ำเสียงอ่อนโยนเหลือกำลัง มิราคิดว่าตัวเองฝันไป“เมี้ยว” มิราสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงร้องของแมวเหมียวดังขึ้นข้างตัวแมวสก็อตติสฯ ตัวหนึ่งยื่นจังกาข้างตัวมิราเตรียมกระโดด พริบตาเดียว“อย่าหนีนะ” ไม่ทันแล้วเจ้าแมวน้อยกระโดดหนีพร้อมกันกับที่ชายหนุ่มกระโดดตระคุรบเจ้าแมวแต่พลาดร่างใหญ่ทาบทับมาบนตัวของมิรา มิราตกใจสุดขีดทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว กลายเป็นโดนกอดเข้าอย่างจัง มิรากับเสื้อผ้าที่เปิดเผยร่างกาย กับอกเปลือยเปล่าของอีกคน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่และครีมโกนหนวดทำให้มิรารู้สึกขัดใจที่ตัวเองรู้สึกชอบสัมผัสจากชายหนุ่มแปลกหน้าแต่เพียงครู่เดียวที่เผลอไผล“กรีด คุณเป็นใครเข้ามาในห้องฉันได้อย่างไรมิราดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวจนมิดเหลียวมองหาอาวุธป้องกันตัวทว่าไม่มีอยู่ในนั้น ชายหนุ่มไม่มีอาการสะทกสะท้านต่อคำพูดของมิรายกมือขึ้นปรามว่
“เจ็บไหมครับทนเอาหน่อยไปโรงพยาบาลกันดีกว่า คุณพรสุดาขับรถเป็นไหมขับให้คุณมิราหน่อย”“คุณเฮงขับไม่เป็นหรือคะ” พรสุดาถามกลับ“เป็นครับแต่ไม่ค่อยถนัด” ยิ้มอายๆ“ไม่เป็นไรค่ะฉันพอขับไหว” มิราเหยียบคันเร่งพารถไปสู่จุดหมายโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เลือดหยุดไหลแล้ว ใจกลับคิดถึงคนที่เป็นต้นเหตุเขารีบไปไหนนะหรือว่ารีบพาสาวเจ้าไปอี้อ๋อกัน ว่าแต่เขาทำให้เจ็บตัวขนาดนี้ยังไปคิดถึงเขาอีก ไม่ไม่ไม่ไม่ใช่มิราสะบัดศีรษะไปมาไม่ได้คิดถึงเขาจะคิดถึงได้อย่างไรแค่คนหล่อดูดีภูมิฐานแล้วก็หน้าตาท่าทางถูกใจมิราแค่นั้นเอง เผลอหยิบนามบัตรขึ้นมาดู ใครจะกล้าโทรไปมิราคิดค่ายาค่าทำแผลคงไม่กี่บาทแน่นอนเมื่อไปถึงโรงพยาบาลบุรุษพยาบาลนำรถเข็นมารอ เฮงกุลีกุจอมาเปิดประตูรถทันทีพยุงมิราออกมาจากรถ บุรุษพยาบาลมองมิราแบบงงๆ คงคิดว่าทำไมคนเจ็บขับรถมาเอง“ไหวไหมแก” พรสุดาเดินตามมาหน้าห้องฉุกเฉิน โดยมีเฮงถือกระเป๋าของมิราตามมาติดๆ ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูเมื่อเฮงสะพายกระเป๋าในแบบของผู้หญิง แต่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาออกขนาดนั้น“ไหว” มิราตอบสั้นๆ“ค่อยๆ ครับคุณมิรา” ก้มลงบอกข้างๆ หูพยาบาลหลายคนนางมองเฮงด้วยสายตาชื่นชมกับใบหน้าที่ห
“ผมไปส่งไหมครับคุณ....” ชายหนุ่มหนึ่งที่พยายามรวบรวมความกล้าเมื่อเห็นมิราเดินออกจากงานแต่งใครหลายคนทยอยกลับ มิราล่ำลาเพื่อนๆ เสร็จก็คิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ไม่แม้แต่จะบอกลาปัณภัทรกับนิรมนสักคำชายหนุ่มน่าตาดีขาวสูงกับแว่นสายตาหนาเตอะแต่ทว่าตาชั้นเดียวเหมือนกับหนุ่มเชื้อสายจีนทั่วไป“เจ้าของเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาเองเลย” พรสุดาเพื่อนสนิทของมิรากระซิบเบาๆ มิราเหลือบตามอง ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบพระเอกซีรีย์จีน พรสุดาเขย่าแขนเขินแทนมิราเสียเอง“มิราค่ะ ยินดีค่ะ” มิราไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด“ว้าวมาแล้วหนุ่มในฝัน เอหรือว่าเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายกันแน่นะ” พรสุดากระซิบกับมิรา“แต่ผมไม่มีรถมา อาศัยรถคุณไปส่งคุณแล้วเดี่ยวผมนั่งแท็กซี่กลับมาเองได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนมิราเห็นแววใสซื่อเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสาในนั้น มิราถอนหายใจยาวเหยียด พรสุดาหัวเราะคิกคัก“คือถ้าจะแบบนั้นเอาเป็นว่า มิราขับรถไปส่งคุณที่บ้านดีกว่าไหมคะ”“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” แม้จะจับสังเกตเพียงใดแต่ก็พบกับความใสซื่อไม่เปลี่ยนแปลงเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับหน้าตาเฉย พรสุดาต้องเข้าไปนั่งเบาะหลังส่วนมิราเป็นคนขับ“คือผมชื่อเฮงนะคร
มิราเพียงแต่พยักหน้า ยายเดินหายลับไปจากตรงนั้น มิรานั่งลงช้าๆ ยกมือขึ้นประนมลองขอพรดูหน่อยเป็นไรอย่างน้อยอาจทำให้สบายใจขึ้นบ้างอย่างที่ยายคนนั้นบอกยายแก่แอบมองอยู่ไม่ไกลมิราพนมมือต่อหน้าพระพรหม“ท่านเป็นเทพแห่งความเมตตา ลิขิตชะตาชีวิตคน ลูกขอคนที่มีรักจริง และต้องการใช้ชีวิตร่วมกันกับลูกตลอดไป ด้วยเถิด” ดอกบัวในมือของพระพรหมสว่างวาบขึ้นทันใดมิราไม่ทันเห็นเพราะมัวแต่ก้มหน้ายายแก่ยิ้มที่มุมปากมิราเธอจะรู้หรือเปล่าว่าพระพรหมท่านคือ "พรหม" หมายถึง "ความเจริญ, ความกว้างขวาง, ความขยายตัว หรือความเบิกบาน”มิราในชุดราตรียาวสีฟ้าใสตัดกับผิวคล้ำแต่งแต้มริมฝีปากด้วยสีชมพูกลีบดอกบัว ที่มิราชอบเธอผิวคล้ำไม่เหมาะกับสีฟ้าและชมพูแต่มิราชอบทั้งสองสี เกล้าผมสูงเผยให้เห็นลำคอระหงหากแต่ทรวดทรงองค์เอวที่ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งทำเอาชุดที่สวมอยู่เหมือนถูกสวมโดยท่อนซุงไม่ได้สวยสะดุดตาอย่างที่มิราตั้งใจให้เป็นตัวก็ดำงามขำ...คล้ำยิ่งนักสุดจะหักดวงจิตคิดเป็นอื่นจะขี้เหร่เกินไปไหม..แม่ขวัญยืนสุดจะฝืนใจให้รักปักอุราหญิงสาวหลายคนมุงอยู่หน้าเวทีที่นิรมนกำลังจะโยนช่อดอกไม้เสี่ยงทายสำหรับคนที่อยากมีคู่มิรากร
เช้าที่อากาศไม่เป็นใจ บรรยากาศขมุกขมัวคล้ายกับว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้น้ำตาฟ้าจะกระหน่ำลงมาทั้งๆ ที่เป็นฤดูหนาวมิราใช้กระบอกฉีดน้ำฉีดน้ำใส่ดอกไม้สดในร้านอย่างสบายอารมณ์อีกไม่กี่วันเธอจะเดินทางไปท่องเที่ยวกับปัณภัทรอย่างมีความสุขเป็นอีกหนึ่งโครงการก่อนที่จะแต่งงานกันในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงปัณภัทรในเสื้อสูทอย่างที่มิราคุ้นเคย เขาเป็นคนที่ต้องทำตัวให้ดูดีอยู่เสมอ นี่เองที่บรรดาเพื่อนๆ ของปัณภัทรพากันสงสัยว่าทำไมปัณภัทรถึงมาชอบผู้หญิงที่ไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างมิราได้“มิรา พี่จะแต่งงาน” ปัณภัทรกุมมือมิราไว้ มิรารู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดของปัณภัทรก้มหน้าหลบตาคม ที่จ้องมองใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มิราคิดว่าอีกประเดี๋ยวปัณภัทรต้องล้วงเอาแหวนออกมา แกล้งเสมองทางอื่นเพื่อรับมุขแต่ตั้งนานมิราก็ยังไม่เห็นว่าปัณภัทรจะหยิบแหวนออกมา ปัณภัทรกับอึกอักอยู่ตรงนั้นสีหน้าหนักใจที่มิราเห็นว่าเขาไม่ได้แกล้งทำแต่อย่างใด“มิรา... พี่ๆ ...คือพี่...ขอโทษด้วย” สุดท้ายก็หลุดคำพูดขอโทษออกมา“ขอโทษเรื่องอะไรคะพี่ปัณ” แววตาฉงนในคำพูดที่แผ่วเบาดั่งกับละอองนุ่นที่พร้อมจะหลุดลอย“พี่...พี่ กำลังจะแต่งงานกับ....นิ..รา
“หากฉันจะรักใครสักคนก็ทุ่มเทให้หมดใจแม้แต่หางตายังไม่เคยชำเลืองมองใครอื่น”มิราเอ่ยปากบอก นิรมนเพื่อนรักพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ“ว่าแต่ สุดที่รักของแกแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยได้ไหม” มิราอมยิ้ม“ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเหลือแกกับฉันสองคนที่ยังนั่งบนคานทั้งคู่” น้ำเสียงร่าเริงสดใสทำไมจะไม่ได้ก็ในเมื่ออยากจะอวดเพื่อนอยู่แล้ว นิรมนยิ้มหวานหยดเธอเป็นคนที่สวยโดยกำเนิดแล้วยังไม่พอใจความสวยที่ติดตัวมา การแต่งเติมความสวยด้วยการทำศัลยกรรมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุดต่างกับมิราที่สวยเรียบๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร อาจเป็นเพราะมิราไม่เคยแม้แต่จะดัดขนตาด้วยซ้ำการที่เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะห้าวหาญเกินหญิงจึงไม่มีผู้ชายสักคนผ่านเข้ามาในชีวิตมีเพียงปัณภัทรเท่านั้นที่เอ่ยได้เต็มปากว่าคบหาดูใจกันอยู่“เขาชอบแกตรงไหนมิรา” นิรมนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คง...ตรงที่ฉันเป็นฉันละมั้ง” มิรานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าปัณภัทรชอบมิราตรงไหน จะว่าสวยมิราก็ไม่ได้สวยขาดบาดใจ ชนิดที่ผู้ชายเห็นต้องเหลียวหลังจึงทำให้ครองโสดอยู่ได้ไม่มีใครมาจีบ นิรมนต่างออกไปนิรมนค่อนข้างเลือกจนกลายเป็นคนที่ไม่มีใครเหมือนกันทั้งๆ ที