เช้าที่อากาศไม่เป็นใจ บรรยากาศขมุกขมัวคล้ายกับว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้น้ำตาฟ้าจะกระหน่ำลงมาทั้งๆ ที่เป็นฤดูหนาว
มิราใช้กระบอกฉีดน้ำฉีดน้ำใส่ดอกไม้สดในร้านอย่างสบายอารมณ์อีกไม่กี่วันเธอจะเดินทางไปท่องเที่ยวกับปัณภัทรอย่างมีความสุขเป็นอีกหนึ่งโครงการก่อนที่จะแต่งงานกันในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึง
ปัณภัทรในเสื้อสูทอย่างที่มิราคุ้นเคย เขาเป็นคนที่ต้องทำตัวให้ดูดีอยู่เสมอ นี่เองที่บรรดาเพื่อนๆ ของปัณภัทรพากันสงสัยว่าทำไมปัณภัทรถึงมาชอบผู้หญิงที่ไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างมิราได้
“มิรา พี่จะแต่งงาน”
ปัณภัทรกุมมือมิราไว้ มิรารู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดของปัณภัทรก้มหน้าหลบตาคม ที่จ้องมอง
ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มิราคิดว่าอีกประเดี๋ยวปัณภัทรต้องล้วงเอาแหวนออกมา แกล้งเสมองทางอื่นเพื่อรับมุข
แต่ตั้งนานมิราก็ยังไม่เห็นว่าปัณภัทรจะหยิบแหวนออกมา ปัณภัทรกับอึกอักอยู่ตรงนั้นสีหน้าหนักใจที่มิราเห็นว่าเขาไม่ได้แกล้งทำแต่อย่างใด
“มิรา... พี่ๆ ...คือพี่...ขอโทษด้วย”
สุดท้ายก็หลุดคำพูดขอโทษออกมา
“ขอโทษเรื่องอะไรคะพี่ปัณ”
แววตาฉงนในคำพูดที่แผ่วเบาดั่งกับละอองนุ่นที่พร้อมจะหลุดลอย
“พี่...พี่ กำลังจะแต่งงานกับ....นิ..รา....”
มิราเผลอดึงมือออกจากมือของปัณภัทรอย่างแรงไม่มีคำพูดใดใดหลุดออกมาดวงตาร้อนผ่าวกลืนก้อนแข็งๆ ลงคออย่างยากเย็นอยู่ๆ น้ำตาก็เอ่อล้นออกมา
“ทำไมคะไหนพี่เคยบอกว่าอยากใช้ชีวิตร่วมกับกันมิรา”
ไม่แม้แต่จะมองหน้าของปัณภัทร ความเสียใจน้อยใจแล่นขึ้นมาจุกที่อก
“มิราพี่ขอโทษ อย่าโกรธพี่เลยนะ เราสองคนรักกัน”
แล้วความรักของมิราเล่า ข้างนอกร้านขายดอกไม้ของมิราฝนตกกระหน่ำลงมาหยาดฝนไหลรินตรงประตูกระจกคล้ายกับเศร้าเสียใจไปกับมิรา ดอกไม้สวยสดในร้านกับดูจืดชืดหม่นหมอง
“มิราเข้าใจ พี่ปัณกลับไปเถอะค่ะ มิราไม่อยากเจอพี่อีกเดี๋ยวนิราเขาจะเข้าใจผิด” พูดไปทั้งหมดเพียงเพื่ออยากได้ยินปัณภัทร บอกว่าไม่เป็นไรพี่จะอยู่ต่อพี่แคร์มิรา
“พี่รู้มิราพูดไปอย่างนั้น มิราโกรธเราสองคน นิราเขาไม่อยากให้มิราโกรธเขา พี่ก็เช่นกัน”
ข้างนอกนั่นความมืดจากพายุฝนเข้าปกคุลมไปทั่วบริเวณเหมือนความมืดมนในใจของมิราในขณะนี้
“มิรา....ไม่โกรธถ้าจะโกรธใครสักคนคงเป็นตัวมิราเอง ที่ไม่ดีพอสำหรับพี่ปัณ” สะอื้นไห้จนตัวโยนน้ำตาไหลรินเหมือนหยาดฝนที่สาดซัดเข้าใส่กระจกใสจนพร่ามัว
“เราตกลงกันว่าพี่จะเป็นคนบอกเรื่องของเรากับมิราเอง นิราเขาไม่กล้าเขากลัวมิราโกรธ”
เรื่องของเราช่างพูดได้เต็มปากเต็มคำ คำว่าเรา..เสียดแทงจิตใจของมิราเหลือเกิน ความจริงหากเป็นนิรมนมาบอกเธอเองเธออาจให้อภัยได้ แต่ก็ไม่แน่มิราไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น
มิราใช้มือดันหลังของปัณให้ออกไปนอกร้านทั้งๆ ที่ฝนกำลังตก
“มิราฟังพี่ก่อน มิรา...มิรา”
บิดกุญแจปิดประตูจากด้านในหันหลังพิงประตูน้ำตาไหลรินไม่หยุด ปัณภัทรทุบประตูเรียกมิราสักพัก มิราปล่อยให้ตัวเองสะอื้นไห้อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะเศร้าเสียใจเรื่องอะไรได้ขนาดนั้น ปัณภัทรยังเรียกมิราอยู่อย่างนั้นสักพักนิรมนก็ถือร่มกันฝนคันโตมารับปัณภัทรเดินจากไปพร้อมกัน
มิราทรุดตัวลงกับพื้นปาดน้ำตาที่ไหลรินพยายามสะกดกั้นอารมณ์เศร้าโดยหาเหตุผลต่างๆ มาหักล้างกันให้คลายความเศร้าโศกแต่ก็ไม่เป็นผล
บิดกุญแจกระชากประตูเปิดออกอย่างแรง เดินออกไปข้างนอกเพื่อที่จะตะโกนถามคนทั้งคู่ว่าทำไมทำกับเธอแบบนี้ด้วยอารมณ์เศร้าโศกที่เปลี่ยนเป็นอารมณ์โกรธ
แต่ทว่าไม่มีแม้แต่เงา เหลือบตามองเป็นการ์ดเชิญสีชมพูถูกเสียบไว้ที่ตู้ไปรษณีย์หน้าร้าน
ซองสีชมพูหวานมิราดึงการ์ดข้างในออกมาดู รูปบนการ์ดที่ถ่ายแบบฟรีเวดดิ้งสวยงามสะดุดตา
ปัณภัทรโอบกอดนิรมน ชุดแต่งงานราคาแพงสุดสวยบ่งบอกถึงฐานะของเจ้าบ่าวที่ทุ่มเงินเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ด้านหลังซองเขียนด้วยลายมือของนิรมนที่มิราจำได้ดี
แกต้องไปนะถ้าหากแกอภัยให้ฉัน
เรารักกันและพี่ปัณเขายืนยันว่ารักฉัน
ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังแกก็รู้
แต่เราทั้งคู่อยากให้แกมาจริงๆ
มิรายกมือขึ้นปิดปากปล่อยให้น้ำตาไหลรินอยู่อย่างนั้นน้ำตากับหยาดฝนปนเปกันไปเมื่อหยาดฝนสาดซัดทั้งตัวและหัวใจของมิราจนเปียกปอน
สวนสาธารณะแห่งหนึ่งร่มครึ้มไปด้วยแมกไม้สีเขียวสบายตา มิรายืนนิ่งอยู่ตรงศาลพระพรหมกลางสวนสาธารณะ ปล่อยน้ำตาไหลริน ความจริงมิรายังไม่สามารถหยุดความเศร้าทั้งหมดที่มีในเวลาที่ผ่านมาได้ต่างหาก
“ทำไมต้องเล่นตลกกับลูกด้วยพระพรหมเจ้าขา”
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีจริงมิรารู้ดี เพียงแค่มิราต้องการกล่าวโทษใครสักคนเท่านั้นหากไม่มีใครให้กล่าวโทษนอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่เป็นที่ระบาย
สะอื้นจนนึกสงสารตัวเอง
“ท่านทำไมไม่ให้โอกาสลูกบ้าง”
เพียงได้พร่ำรำพันหรือได้ระบายเสียบ้างก็ยังดี
อยู่ๆ ก็มียายแก่คนหนึ่งเดินตรงมาหามิราที่นั่งอยู่หน้าศาลพระพรหม
“หนูยายไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว ขอเงินยายหน่อยได้ไหม”
มิราล้วงกระเป๋าหยิบเงินจำนวนหนึ่งส่งให้ยายแก่ร่างกายซูบผอมปาดน้ำตาที่ไหลริน
“ขอบใจนะหนู”
“หนูเป็นอะไร”
“เปล่าค่ะเพียงแต่หนูคิดว่าพระพรหมท่านช่างลำเอียงเสียจริง ลิขิตให้หนูเกิดมาหน้าตาขี้เหร่แล้วยังไม่ให้มีสิทธิ์เลือกได้เหมือนคนอื่นเขาอีก”
“ท่านอาจยังไม่เห็นหนู ว่าหนูต้องเจอกับอะไรบ้าง พระพรหมท่านต้องทำงานหนักเพราะคนบนโลกนี้มีตั้งหลายคนอาจดูแลไม่ทั่วถึงหนูลองขอพรดูสิ”
มิรานิ่งคิดที่ผ่านมาเธอไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ที่
“ลองดูนะ ไม่เสียหายอย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจ ความหวังเท่านั้นที่ทำให้เราสุขใจ”
มิรายิ้มบางๆ แทนคำตอบ
“ยายขอให้หนูสมหวังในสิ่งที่ต้องการมีความสุขสมบูรณ์สมปรารถนา”
มิราเพียงแต่พยักหน้า ยายเดินหายลับไปจากตรงนั้น มิรานั่งลงช้าๆ ยกมือขึ้นประนมลองขอพรดูหน่อยเป็นไรอย่างน้อยอาจทำให้สบายใจขึ้นบ้างอย่างที่ยายคนนั้นบอกยายแก่แอบมองอยู่ไม่ไกลมิราพนมมือต่อหน้าพระพรหม“ท่านเป็นเทพแห่งความเมตตา ลิขิตชะตาชีวิตคน ลูกขอคนที่มีรักจริง และต้องการใช้ชีวิตร่วมกันกับลูกตลอดไป ด้วยเถิด” ดอกบัวในมือของพระพรหมสว่างวาบขึ้นทันใดมิราไม่ทันเห็นเพราะมัวแต่ก้มหน้ายายแก่ยิ้มที่มุมปากมิราเธอจะรู้หรือเปล่าว่าพระพรหมท่านคือ "พรหม" หมายถึง "ความเจริญ, ความกว้างขวาง, ความขยายตัว หรือความเบิกบาน”มิราในชุดราตรียาวสีฟ้าใสตัดกับผิวคล้ำแต่งแต้มริมฝีปากด้วยสีชมพูกลีบดอกบัว ที่มิราชอบเธอผิวคล้ำไม่เหมาะกับสีฟ้าและชมพูแต่มิราชอบทั้งสองสี เกล้าผมสูงเผยให้เห็นลำคอระหงหากแต่ทรวดทรงองค์เอวที่ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งทำเอาชุดที่สวมอยู่เหมือนถูกสวมโดยท่อนซุงไม่ได้สวยสะดุดตาอย่างที่มิราตั้งใจให้เป็นตัวก็ดำงามขำ...คล้ำยิ่งนักสุดจะหักดวงจิตคิดเป็นอื่นจะขี้เหร่เกินไปไหม..แม่ขวัญยืนสุดจะฝืนใจให้รักปักอุราหญิงสาวหลายคนมุงอยู่หน้าเวทีที่นิรมนกำลังจะโยนช่อดอกไม้เสี่ยงทายสำหรับคนที่อยากมีคู่มิรากร
“ผมไปส่งไหมครับคุณ....” ชายหนุ่มหนึ่งที่พยายามรวบรวมความกล้าเมื่อเห็นมิราเดินออกจากงานแต่งใครหลายคนทยอยกลับ มิราล่ำลาเพื่อนๆ เสร็จก็คิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ไม่แม้แต่จะบอกลาปัณภัทรกับนิรมนสักคำชายหนุ่มน่าตาดีขาวสูงกับแว่นสายตาหนาเตอะแต่ทว่าตาชั้นเดียวเหมือนกับหนุ่มเชื้อสายจีนทั่วไป“เจ้าของเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาเองเลย” พรสุดาเพื่อนสนิทของมิรากระซิบเบาๆ มิราเหลือบตามอง ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบพระเอกซีรีย์จีน พรสุดาเขย่าแขนเขินแทนมิราเสียเอง“มิราค่ะ ยินดีค่ะ” มิราไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด“ว้าวมาแล้วหนุ่มในฝัน เอหรือว่าเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายกันแน่นะ” พรสุดากระซิบกับมิรา“แต่ผมไม่มีรถมา อาศัยรถคุณไปส่งคุณแล้วเดี่ยวผมนั่งแท็กซี่กลับมาเองได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนมิราเห็นแววใสซื่อเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสาในนั้น มิราถอนหายใจยาวเหยียด พรสุดาหัวเราะคิกคัก“คือถ้าจะแบบนั้นเอาเป็นว่า มิราขับรถไปส่งคุณที่บ้านดีกว่าไหมคะ”“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” แม้จะจับสังเกตเพียงใดแต่ก็พบกับความใสซื่อไม่เปลี่ยนแปลงเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับหน้าตาเฉย พรสุดาต้องเข้าไปนั่งเบาะหลังส่วนมิราเป็นคนขับ“คือผมชื่อเฮงนะคร
“เจ็บไหมครับทนเอาหน่อยไปโรงพยาบาลกันดีกว่า คุณพรสุดาขับรถเป็นไหมขับให้คุณมิราหน่อย”“คุณเฮงขับไม่เป็นหรือคะ” พรสุดาถามกลับ“เป็นครับแต่ไม่ค่อยถนัด” ยิ้มอายๆ“ไม่เป็นไรค่ะฉันพอขับไหว” มิราเหยียบคันเร่งพารถไปสู่จุดหมายโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เลือดหยุดไหลแล้ว ใจกลับคิดถึงคนที่เป็นต้นเหตุเขารีบไปไหนนะหรือว่ารีบพาสาวเจ้าไปอี้อ๋อกัน ว่าแต่เขาทำให้เจ็บตัวขนาดนี้ยังไปคิดถึงเขาอีก ไม่ไม่ไม่ไม่ใช่มิราสะบัดศีรษะไปมาไม่ได้คิดถึงเขาจะคิดถึงได้อย่างไรแค่คนหล่อดูดีภูมิฐานแล้วก็หน้าตาท่าทางถูกใจมิราแค่นั้นเอง เผลอหยิบนามบัตรขึ้นมาดู ใครจะกล้าโทรไปมิราคิดค่ายาค่าทำแผลคงไม่กี่บาทแน่นอนเมื่อไปถึงโรงพยาบาลบุรุษพยาบาลนำรถเข็นมารอ เฮงกุลีกุจอมาเปิดประตูรถทันทีพยุงมิราออกมาจากรถ บุรุษพยาบาลมองมิราแบบงงๆ คงคิดว่าทำไมคนเจ็บขับรถมาเอง“ไหวไหมแก” พรสุดาเดินตามมาหน้าห้องฉุกเฉิน โดยมีเฮงถือกระเป๋าของมิราตามมาติดๆ ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูเมื่อเฮงสะพายกระเป๋าในแบบของผู้หญิง แต่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาออกขนาดนั้น“ไหว” มิราตอบสั้นๆ“ค่อยๆ ครับคุณมิรา” ก้มลงบอกข้างๆ หูพยาบาลหลายคนนางมองเฮงด้วยสายตาชื่นชมกับใบหน้าที่ห
ชายหนุ่มใบหน้าคมคายคนหนึ่งที่ใส่เพียงกางเกงนอนบางเบาอกเปลือยเปล่าเผยให้เห็นมัดกล้าม กล้ามแน่นผิวขาวสะอาดน่ามองใบหน้าหล่อคมรูปร่างดีตามแบบนักกีฬา นับว่าเป็นหนุ่มหล่อที่รูปร่างดีคนหนึ่งทีเดียว เดินย่องด้วยฝีเท้าเบากริบมายังเตียงที่มิรานอนหลับอยู่“มานี่โยดา มานี่มะ” น้ำเสียงอ่อนโยนเหลือกำลัง มิราคิดว่าตัวเองฝันไป“เมี้ยว” มิราสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงร้องของแมวเหมียวดังขึ้นข้างตัวแมวสก็อตติสฯ ตัวหนึ่งยื่นจังกาข้างตัวมิราเตรียมกระโดด พริบตาเดียว“อย่าหนีนะ” ไม่ทันแล้วเจ้าแมวน้อยกระโดดหนีพร้อมกันกับที่ชายหนุ่มกระโดดตระคุรบเจ้าแมวแต่พลาดร่างใหญ่ทาบทับมาบนตัวของมิรา มิราตกใจสุดขีดทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว กลายเป็นโดนกอดเข้าอย่างจัง มิรากับเสื้อผ้าที่เปิดเผยร่างกาย กับอกเปลือยเปล่าของอีกคน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่และครีมโกนหนวดทำให้มิรารู้สึกขัดใจที่ตัวเองรู้สึกชอบสัมผัสจากชายหนุ่มแปลกหน้าแต่เพียงครู่เดียวที่เผลอไผล“กรีด คุณเป็นใครเข้ามาในห้องฉันได้อย่างไรมิราดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวจนมิดเหลียวมองหาอาวุธป้องกันตัวทว่าไม่มีอยู่ในนั้น ชายหนุ่มไม่มีอาการสะทกสะท้านต่อคำพูดของมิรายกมือขึ้นปรามว่
“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรเล่า แมวตัวนี้แม่ผมเอามาฝากไว้ ท่านไปทัวร์ยุโรป แต่มันคงไม่ชอบผมเลยหาทางหนีคงชอบผู้หญิงเลยหนีมานอนกับคุณ” มิราเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตึกแถวห้องข้างๆ ที่มีระเบียงติดกัน มีเจ้าของใหม่มาซื้อไว้แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครคงจะเป็นเขานี่แหละ“ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่คุณบุกรุก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย” เขาเดินไปนำเหมียวน้อยไปใส่ไว้ในตะกร้าแบบมีฝาที่เตรียมมาด้วย“ไม่ได้บุกรุกผมแค่มาตามแมว” มิราเริ่มหายกลัวในเมื่อคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ใช้คนบ้า แต่ยังไม่วางใจนักกอดหมอนไว้แนบอกหวังใช้เป็นที่พึ่ง“คุณมาตามแมวในบ้านของฉันซึ่งฉันไม่อนุญาตถือว่าบุกรุก”“โธ่คุณบ้านใกล้เรือนเคียงกัน ผม..หัสนัย..ผมอยู่ข้างๆ คุณนี่เองยินดีที่รู้จัก” แววตาไม่มีอะไรแอบแฝงแต่ทว่าออกจะยียวน“คุณควรเข้ามาดีๆ เช่นมาเคาะประตูถามฉันขออนุญาตฉันก่อน ไม่ใช่แอบปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้”“ผมไม่มีเวลาคิดผมกลัวมันหนี ขอโทษอีกทีสำหรับ...” ดวงตามีแววประกายระยิบระยับจนมิราคิดไปถึงปากอุ่นที่ประกบปากของมิราเมื่อสักครู่“นั่นมันจูบแรกของฉัน”เขาเลิกคิ้วสูง อมยิ้มแสดงความแปลกใจและสีหน้าแสดงว่าไม่ได้เชื่อคำพูดของมิราแม้แต่น้อย“คุณคิดว่
“พี่ขอเข้าไปข้างในได้ไหม” มิราไม่พูดเปิดประตูให้ช้าๆ“วันนี้มิราหน้าตาสดใสนะ” ปัณภัทรทักทาย“ค่ะ มิราเพิ่งตื่น”“พี่ว่ามิราสวยขึ้น ..พี่.. มีเรื่องปรึกษา” ดึงมือมิราไปกุมไว้ มิราขมวดคิ้วเรื่องอะไรที่ต้องปรึกษา ก็ในเมื่อเขาแต่งงานแล้วเดี๋ยวภรรยาเขาก็เข้าใจผิด“พี่ปัณก็มีภรรยาแล้วจะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้นะคะ” มิราแกะมือออก เดินไปยังหมอข้าวต้มแกะกุ้งตัวใหญ่เตรียมไว้ กลิ่นข้าวต้มหอมตลบอบอวล“คือเรื่องที่จะปรึกษาเป็นเรื่องของนิรา” มิราเลิกคิ้ว สมควรที่เธอจะต้องถามเสียหน่อย“เรื่องอะไรคะ” พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ“เรื่อง....เรื่อง..พี่จะพูดอย่างไรดีคือ...นิรา นิราไม่ใช่ผู้หญิงแท้” มิราหัวเราะเสียงใส“อ้าวนี่พี่ปัณเพิ่งจะรู้หรือคะ”“มิรา กับนิราจงใจปกปิดพี่” ลากเอาเธอเข้าไปเกี่ยวจนได้“พี่ปัณเอาแต่โทษคนอื่น ไม่มีใครเขาปิดบังเพียงแต่มิราไม่อยู่ในฐานะที่ต้องเอาความลับเพื่อนมาขาย แล้วนิราเองเขากับพี่ไม่ได้คุยกันก่อนหรืออย่างไร แล้วอีกอย่างนิราก้ไม่ได้ผิดอะไรนั่นมันเพศสภาพของนิราพี่ปัญต้องพยายามรับให้ได้” ปัณภัทรเอามือกุมขมับส่ายหน้าไปมา“มิราก็รู้ว่าพี่ไม่นิยม...พี่ซีเรียสแค่ไหนเรื่อง
“หากฉันจะรักใครสักคนก็ทุ่มเทให้หมดใจแม้แต่หางตายังไม่เคยชำเลืองมองใครอื่น”มิราเอ่ยปากบอก นิรมนเพื่อนรักพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ“ว่าแต่ สุดที่รักของแกแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยได้ไหม” มิราอมยิ้ม“ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเหลือแกกับฉันสองคนที่ยังนั่งบนคานทั้งคู่” น้ำเสียงร่าเริงสดใสทำไมจะไม่ได้ก็ในเมื่ออยากจะอวดเพื่อนอยู่แล้ว นิรมนยิ้มหวานหยดเธอเป็นคนที่สวยโดยกำเนิดแล้วยังไม่พอใจความสวยที่ติดตัวมา การแต่งเติมความสวยด้วยการทำศัลยกรรมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุดต่างกับมิราที่สวยเรียบๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร อาจเป็นเพราะมิราไม่เคยแม้แต่จะดัดขนตาด้วยซ้ำการที่เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะห้าวหาญเกินหญิงจึงไม่มีผู้ชายสักคนผ่านเข้ามาในชีวิตมีเพียงปัณภัทรเท่านั้นที่เอ่ยได้เต็มปากว่าคบหาดูใจกันอยู่“เขาชอบแกตรงไหนมิรา” นิรมนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คง...ตรงที่ฉันเป็นฉันละมั้ง” มิรานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าปัณภัทรชอบมิราตรงไหน จะว่าสวยมิราก็ไม่ได้สวยขาดบาดใจ ชนิดที่ผู้ชายเห็นต้องเหลียวหลังจึงทำให้ครองโสดอยู่ได้ไม่มีใครมาจีบ นิรมนต่างออกไปนิรมนค่อนข้างเลือกจนกลายเป็นคนที่ไม่มีใครเหมือนกันทั้งๆ ที
“พี่ขอเข้าไปข้างในได้ไหม” มิราไม่พูดเปิดประตูให้ช้าๆ“วันนี้มิราหน้าตาสดใสนะ” ปัณภัทรทักทาย“ค่ะ มิราเพิ่งตื่น”“พี่ว่ามิราสวยขึ้น ..พี่.. มีเรื่องปรึกษา” ดึงมือมิราไปกุมไว้ มิราขมวดคิ้วเรื่องอะไรที่ต้องปรึกษา ก็ในเมื่อเขาแต่งงานแล้วเดี๋ยวภรรยาเขาก็เข้าใจผิด“พี่ปัณก็มีภรรยาแล้วจะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้นะคะ” มิราแกะมือออก เดินไปยังหมอข้าวต้มแกะกุ้งตัวใหญ่เตรียมไว้ กลิ่นข้าวต้มหอมตลบอบอวล“คือเรื่องที่จะปรึกษาเป็นเรื่องของนิรา” มิราเลิกคิ้ว สมควรที่เธอจะต้องถามเสียหน่อย“เรื่องอะไรคะ” พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ“เรื่อง....เรื่อง..พี่จะพูดอย่างไรดีคือ...นิรา นิราไม่ใช่ผู้หญิงแท้” มิราหัวเราะเสียงใส“อ้าวนี่พี่ปัณเพิ่งจะรู้หรือคะ”“มิรา กับนิราจงใจปกปิดพี่” ลากเอาเธอเข้าไปเกี่ยวจนได้“พี่ปัณเอาแต่โทษคนอื่น ไม่มีใครเขาปิดบังเพียงแต่มิราไม่อยู่ในฐานะที่ต้องเอาความลับเพื่อนมาขาย แล้วนิราเองเขากับพี่ไม่ได้คุยกันก่อนหรืออย่างไร แล้วอีกอย่างนิราก้ไม่ได้ผิดอะไรนั่นมันเพศสภาพของนิราพี่ปัญต้องพยายามรับให้ได้” ปัณภัทรเอามือกุมขมับส่ายหน้าไปมา“มิราก็รู้ว่าพี่ไม่นิยม...พี่ซีเรียสแค่ไหนเรื่อง
“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรเล่า แมวตัวนี้แม่ผมเอามาฝากไว้ ท่านไปทัวร์ยุโรป แต่มันคงไม่ชอบผมเลยหาทางหนีคงชอบผู้หญิงเลยหนีมานอนกับคุณ” มิราเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตึกแถวห้องข้างๆ ที่มีระเบียงติดกัน มีเจ้าของใหม่มาซื้อไว้แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครคงจะเป็นเขานี่แหละ“ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่คุณบุกรุก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย” เขาเดินไปนำเหมียวน้อยไปใส่ไว้ในตะกร้าแบบมีฝาที่เตรียมมาด้วย“ไม่ได้บุกรุกผมแค่มาตามแมว” มิราเริ่มหายกลัวในเมื่อคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ใช้คนบ้า แต่ยังไม่วางใจนักกอดหมอนไว้แนบอกหวังใช้เป็นที่พึ่ง“คุณมาตามแมวในบ้านของฉันซึ่งฉันไม่อนุญาตถือว่าบุกรุก”“โธ่คุณบ้านใกล้เรือนเคียงกัน ผม..หัสนัย..ผมอยู่ข้างๆ คุณนี่เองยินดีที่รู้จัก” แววตาไม่มีอะไรแอบแฝงแต่ทว่าออกจะยียวน“คุณควรเข้ามาดีๆ เช่นมาเคาะประตูถามฉันขออนุญาตฉันก่อน ไม่ใช่แอบปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้”“ผมไม่มีเวลาคิดผมกลัวมันหนี ขอโทษอีกทีสำหรับ...” ดวงตามีแววประกายระยิบระยับจนมิราคิดไปถึงปากอุ่นที่ประกบปากของมิราเมื่อสักครู่“นั่นมันจูบแรกของฉัน”เขาเลิกคิ้วสูง อมยิ้มแสดงความแปลกใจและสีหน้าแสดงว่าไม่ได้เชื่อคำพูดของมิราแม้แต่น้อย“คุณคิดว่
ชายหนุ่มใบหน้าคมคายคนหนึ่งที่ใส่เพียงกางเกงนอนบางเบาอกเปลือยเปล่าเผยให้เห็นมัดกล้าม กล้ามแน่นผิวขาวสะอาดน่ามองใบหน้าหล่อคมรูปร่างดีตามแบบนักกีฬา นับว่าเป็นหนุ่มหล่อที่รูปร่างดีคนหนึ่งทีเดียว เดินย่องด้วยฝีเท้าเบากริบมายังเตียงที่มิรานอนหลับอยู่“มานี่โยดา มานี่มะ” น้ำเสียงอ่อนโยนเหลือกำลัง มิราคิดว่าตัวเองฝันไป“เมี้ยว” มิราสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงร้องของแมวเหมียวดังขึ้นข้างตัวแมวสก็อตติสฯ ตัวหนึ่งยื่นจังกาข้างตัวมิราเตรียมกระโดด พริบตาเดียว“อย่าหนีนะ” ไม่ทันแล้วเจ้าแมวน้อยกระโดดหนีพร้อมกันกับที่ชายหนุ่มกระโดดตระคุรบเจ้าแมวแต่พลาดร่างใหญ่ทาบทับมาบนตัวของมิรา มิราตกใจสุดขีดทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว กลายเป็นโดนกอดเข้าอย่างจัง มิรากับเสื้อผ้าที่เปิดเผยร่างกาย กับอกเปลือยเปล่าของอีกคน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่และครีมโกนหนวดทำให้มิรารู้สึกขัดใจที่ตัวเองรู้สึกชอบสัมผัสจากชายหนุ่มแปลกหน้าแต่เพียงครู่เดียวที่เผลอไผล“กรีด คุณเป็นใครเข้ามาในห้องฉันได้อย่างไรมิราดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวจนมิดเหลียวมองหาอาวุธป้องกันตัวทว่าไม่มีอยู่ในนั้น ชายหนุ่มไม่มีอาการสะทกสะท้านต่อคำพูดของมิรายกมือขึ้นปรามว่
“เจ็บไหมครับทนเอาหน่อยไปโรงพยาบาลกันดีกว่า คุณพรสุดาขับรถเป็นไหมขับให้คุณมิราหน่อย”“คุณเฮงขับไม่เป็นหรือคะ” พรสุดาถามกลับ“เป็นครับแต่ไม่ค่อยถนัด” ยิ้มอายๆ“ไม่เป็นไรค่ะฉันพอขับไหว” มิราเหยียบคันเร่งพารถไปสู่จุดหมายโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เลือดหยุดไหลแล้ว ใจกลับคิดถึงคนที่เป็นต้นเหตุเขารีบไปไหนนะหรือว่ารีบพาสาวเจ้าไปอี้อ๋อกัน ว่าแต่เขาทำให้เจ็บตัวขนาดนี้ยังไปคิดถึงเขาอีก ไม่ไม่ไม่ไม่ใช่มิราสะบัดศีรษะไปมาไม่ได้คิดถึงเขาจะคิดถึงได้อย่างไรแค่คนหล่อดูดีภูมิฐานแล้วก็หน้าตาท่าทางถูกใจมิราแค่นั้นเอง เผลอหยิบนามบัตรขึ้นมาดู ใครจะกล้าโทรไปมิราคิดค่ายาค่าทำแผลคงไม่กี่บาทแน่นอนเมื่อไปถึงโรงพยาบาลบุรุษพยาบาลนำรถเข็นมารอ เฮงกุลีกุจอมาเปิดประตูรถทันทีพยุงมิราออกมาจากรถ บุรุษพยาบาลมองมิราแบบงงๆ คงคิดว่าทำไมคนเจ็บขับรถมาเอง“ไหวไหมแก” พรสุดาเดินตามมาหน้าห้องฉุกเฉิน โดยมีเฮงถือกระเป๋าของมิราตามมาติดๆ ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูเมื่อเฮงสะพายกระเป๋าในแบบของผู้หญิง แต่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาออกขนาดนั้น“ไหว” มิราตอบสั้นๆ“ค่อยๆ ครับคุณมิรา” ก้มลงบอกข้างๆ หูพยาบาลหลายคนนางมองเฮงด้วยสายตาชื่นชมกับใบหน้าที่ห
“ผมไปส่งไหมครับคุณ....” ชายหนุ่มหนึ่งที่พยายามรวบรวมความกล้าเมื่อเห็นมิราเดินออกจากงานแต่งใครหลายคนทยอยกลับ มิราล่ำลาเพื่อนๆ เสร็จก็คิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ไม่แม้แต่จะบอกลาปัณภัทรกับนิรมนสักคำชายหนุ่มน่าตาดีขาวสูงกับแว่นสายตาหนาเตอะแต่ทว่าตาชั้นเดียวเหมือนกับหนุ่มเชื้อสายจีนทั่วไป“เจ้าของเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาเองเลย” พรสุดาเพื่อนสนิทของมิรากระซิบเบาๆ มิราเหลือบตามอง ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบพระเอกซีรีย์จีน พรสุดาเขย่าแขนเขินแทนมิราเสียเอง“มิราค่ะ ยินดีค่ะ” มิราไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด“ว้าวมาแล้วหนุ่มในฝัน เอหรือว่าเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายกันแน่นะ” พรสุดากระซิบกับมิรา“แต่ผมไม่มีรถมา อาศัยรถคุณไปส่งคุณแล้วเดี่ยวผมนั่งแท็กซี่กลับมาเองได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนมิราเห็นแววใสซื่อเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสาในนั้น มิราถอนหายใจยาวเหยียด พรสุดาหัวเราะคิกคัก“คือถ้าจะแบบนั้นเอาเป็นว่า มิราขับรถไปส่งคุณที่บ้านดีกว่าไหมคะ”“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” แม้จะจับสังเกตเพียงใดแต่ก็พบกับความใสซื่อไม่เปลี่ยนแปลงเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับหน้าตาเฉย พรสุดาต้องเข้าไปนั่งเบาะหลังส่วนมิราเป็นคนขับ“คือผมชื่อเฮงนะคร
มิราเพียงแต่พยักหน้า ยายเดินหายลับไปจากตรงนั้น มิรานั่งลงช้าๆ ยกมือขึ้นประนมลองขอพรดูหน่อยเป็นไรอย่างน้อยอาจทำให้สบายใจขึ้นบ้างอย่างที่ยายคนนั้นบอกยายแก่แอบมองอยู่ไม่ไกลมิราพนมมือต่อหน้าพระพรหม“ท่านเป็นเทพแห่งความเมตตา ลิขิตชะตาชีวิตคน ลูกขอคนที่มีรักจริง และต้องการใช้ชีวิตร่วมกันกับลูกตลอดไป ด้วยเถิด” ดอกบัวในมือของพระพรหมสว่างวาบขึ้นทันใดมิราไม่ทันเห็นเพราะมัวแต่ก้มหน้ายายแก่ยิ้มที่มุมปากมิราเธอจะรู้หรือเปล่าว่าพระพรหมท่านคือ "พรหม" หมายถึง "ความเจริญ, ความกว้างขวาง, ความขยายตัว หรือความเบิกบาน”มิราในชุดราตรียาวสีฟ้าใสตัดกับผิวคล้ำแต่งแต้มริมฝีปากด้วยสีชมพูกลีบดอกบัว ที่มิราชอบเธอผิวคล้ำไม่เหมาะกับสีฟ้าและชมพูแต่มิราชอบทั้งสองสี เกล้าผมสูงเผยให้เห็นลำคอระหงหากแต่ทรวดทรงองค์เอวที่ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งทำเอาชุดที่สวมอยู่เหมือนถูกสวมโดยท่อนซุงไม่ได้สวยสะดุดตาอย่างที่มิราตั้งใจให้เป็นตัวก็ดำงามขำ...คล้ำยิ่งนักสุดจะหักดวงจิตคิดเป็นอื่นจะขี้เหร่เกินไปไหม..แม่ขวัญยืนสุดจะฝืนใจให้รักปักอุราหญิงสาวหลายคนมุงอยู่หน้าเวทีที่นิรมนกำลังจะโยนช่อดอกไม้เสี่ยงทายสำหรับคนที่อยากมีคู่มิรากร
เช้าที่อากาศไม่เป็นใจ บรรยากาศขมุกขมัวคล้ายกับว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้น้ำตาฟ้าจะกระหน่ำลงมาทั้งๆ ที่เป็นฤดูหนาวมิราใช้กระบอกฉีดน้ำฉีดน้ำใส่ดอกไม้สดในร้านอย่างสบายอารมณ์อีกไม่กี่วันเธอจะเดินทางไปท่องเที่ยวกับปัณภัทรอย่างมีความสุขเป็นอีกหนึ่งโครงการก่อนที่จะแต่งงานกันในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงปัณภัทรในเสื้อสูทอย่างที่มิราคุ้นเคย เขาเป็นคนที่ต้องทำตัวให้ดูดีอยู่เสมอ นี่เองที่บรรดาเพื่อนๆ ของปัณภัทรพากันสงสัยว่าทำไมปัณภัทรถึงมาชอบผู้หญิงที่ไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างมิราได้“มิรา พี่จะแต่งงาน” ปัณภัทรกุมมือมิราไว้ มิรารู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดของปัณภัทรก้มหน้าหลบตาคม ที่จ้องมองใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มิราคิดว่าอีกประเดี๋ยวปัณภัทรต้องล้วงเอาแหวนออกมา แกล้งเสมองทางอื่นเพื่อรับมุขแต่ตั้งนานมิราก็ยังไม่เห็นว่าปัณภัทรจะหยิบแหวนออกมา ปัณภัทรกับอึกอักอยู่ตรงนั้นสีหน้าหนักใจที่มิราเห็นว่าเขาไม่ได้แกล้งทำแต่อย่างใด“มิรา... พี่ๆ ...คือพี่...ขอโทษด้วย” สุดท้ายก็หลุดคำพูดขอโทษออกมา“ขอโทษเรื่องอะไรคะพี่ปัณ” แววตาฉงนในคำพูดที่แผ่วเบาดั่งกับละอองนุ่นที่พร้อมจะหลุดลอย“พี่...พี่ กำลังจะแต่งงานกับ....นิ..รา
“หากฉันจะรักใครสักคนก็ทุ่มเทให้หมดใจแม้แต่หางตายังไม่เคยชำเลืองมองใครอื่น”มิราเอ่ยปากบอก นิรมนเพื่อนรักพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ“ว่าแต่ สุดที่รักของแกแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยได้ไหม” มิราอมยิ้ม“ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเหลือแกกับฉันสองคนที่ยังนั่งบนคานทั้งคู่” น้ำเสียงร่าเริงสดใสทำไมจะไม่ได้ก็ในเมื่ออยากจะอวดเพื่อนอยู่แล้ว นิรมนยิ้มหวานหยดเธอเป็นคนที่สวยโดยกำเนิดแล้วยังไม่พอใจความสวยที่ติดตัวมา การแต่งเติมความสวยด้วยการทำศัลยกรรมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุดต่างกับมิราที่สวยเรียบๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร อาจเป็นเพราะมิราไม่เคยแม้แต่จะดัดขนตาด้วยซ้ำการที่เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะห้าวหาญเกินหญิงจึงไม่มีผู้ชายสักคนผ่านเข้ามาในชีวิตมีเพียงปัณภัทรเท่านั้นที่เอ่ยได้เต็มปากว่าคบหาดูใจกันอยู่“เขาชอบแกตรงไหนมิรา” นิรมนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คง...ตรงที่ฉันเป็นฉันละมั้ง” มิรานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าปัณภัทรชอบมิราตรงไหน จะว่าสวยมิราก็ไม่ได้สวยขาดบาดใจ ชนิดที่ผู้ชายเห็นต้องเหลียวหลังจึงทำให้ครองโสดอยู่ได้ไม่มีใครมาจีบ นิรมนต่างออกไปนิรมนค่อนข้างเลือกจนกลายเป็นคนที่ไม่มีใครเหมือนกันทั้งๆ ที