“ผมไปส่งไหมครับคุณ....”
ชายหนุ่มหนึ่งที่พยายามรวบรวมความกล้าเมื่อเห็นมิราเดินออกจากงานแต่ง
ใครหลายคนทยอยกลับ มิราล่ำลาเพื่อนๆ เสร็จก็คิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ไม่แม้แต่จะบอกลาปัณภัทรกับนิรมนสักคำ
ชายหนุ่มน่าตาดีขาวสูงกับแว่นสายตาหนาเตอะแต่ทว่าตาชั้นเดียวเหมือนกับหนุ่มเชื้อสายจีนทั่วไป
“เจ้าของเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาเองเลย”
พรสุดาเพื่อนสนิทของมิรากระซิบเบาๆ มิราเหลือบตามอง ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบพระเอกซีรีย์จีน พรสุดาเขย่าแขนเขินแทนมิราเสียเอง
“มิราค่ะ ยินดีค่ะ”
มิราไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด
“ว้าวมาแล้วหนุ่มในฝัน เอหรือว่าเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายกันแน่นะ”
พรสุดากระซิบกับมิรา
“แต่ผมไม่มีรถมา อาศัยรถคุณไปส่งคุณแล้วเดี่ยวผมนั่งแท็กซี่กลับมาเองได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนมิราเห็นแววใสซื่อเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสาในนั้น มิราถอนหายใจยาวเหยียด พรสุดาหัวเราะคิกคัก
“คือถ้าจะแบบนั้นเอาเป็นว่า มิราขับรถไปส่งคุณที่บ้านดีกว่าไหมคะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”
แม้จะจับสังเกตเพียงใดแต่ก็พบกับความใสซื่อไม่เปลี่ยนแปลง
เปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับหน้าตาเฉย พรสุดาต้องเข้าไปนั่งเบาะหลังส่วนมิราเป็นคนขับ
“คือผมชื่อเฮงนะครับ ยินดีที่รู้จักคุณมิราคือ...เพื่อนคุณมิรา...คุณออมเป็นคนแนะนำบอกว่าคุณเป็นคนสวยและน่ารักนิสัยดีและยังไม่มีแฟน”
เปิดฉากพูดเมื่อรถแล่นออกมาจากบริเวณโรงแรมที่เป็นที่จัดงานแต่งงาน
“แล้วคุณเชื่อยัยออมหรือค่ะ”
มิราแกล้งถามกลับ อยากจะรู้คำตอบเหมือนกัน
“เชื่อครับ”
ตอบคำถามโดยไม่ต้องคิด พรสุดาปิดปากหัวเราะตามเคย
“น่ารักดีวะแก”
กระซิบข้างหูมิราไม่สนใจว่าคนชื่อเฮงจะได้ยินไหม มิรายกมือทำสัญญาณมือว่าโอเค
“คุณมิราอย่าหาว่าเฮงเชื่อคนง่ายเลยนะครับ แต่เฮง ยังให้คำตอบไม่ได้เลยว่าทำไมถึงเชื่อ แต่คุณมิราเชื่อไหมเฮงรู้สึกถูกชะตากับคุณอย่างประหลาดเลยทีเดียว”
มิราเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายคนนี้ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง หรือนี่เป็นการจีบหญิงแบบใหม่
“คุณเฮง ทำงานอะไรคะ”
พรสุดาถาม เขาใช้นิ้วชี้ดันแว่นตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถาม
“เฮงเป็นโปรแกรมเมอร์ครับ” พรสุดาทำเสียงอู้หู
“แล้วทำไมคุณเฮงไม่ซื้อรถสักคันรายได้ขนาดนั้นไปไหนมาไหนจะได้สะดวก”
“คือเฮงคิดว่า เฮงต้องหัดขับรถให้เก่งกว่านี้ตามสิถิติแล้วคนที่มีใบขับขี่แต่ขับรถไม่เก่งเป็นคนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครับ”
พรสุดาเขย่าไหล่มิราอย่างแรงด้วยความถูกใจ
เมื่อสบพักตร์หวั่นจิตคิดไม่ถึง
ว่าหนุ่มหนึ่งน่าชิดพิสมัย
ทั้งหล่อเลิศเพริศพริ้งจริงๆ ชาย
แต่ทำไมถึงชื่อๆ ..ทื่อเกินทน
รถคันเล็กของมิราแล่นไปตามถนนที่ทอดยาวความมืดปกคลุมสองข้างทาง เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันศุกร์หรือวันเสาร์แห่งชาติ รถราจึงมีน้อยอย่างเห็นได้ชัด
มิราจึงรักษาความเร็วรถคงที่ เมื่อถึงสี่แยก ไฟแดงตรงหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวมิราเหยียบคันเร่ง เพื่อจะพารถแล่นผ่านแยกไฟแดงไปแบบไม่ต้องชะลอรถ
แต่ทว่าอีกฝั่งรถหรูคันหนึ่งแล่นเข้ามาขว้างหน้าไว้ มิราเหยียบเบรกอย่างแรงทำเอารถของเธอ หมุนคว้างพรสุดากรีดร้องดังลั่น เฮงใช้มือยันคอนโซลรถไว้แน่น รถคันที่ฝ่าไฟแดง แล่นเลยไปเพียงนิดก็หยุดรถเลยแยกไป หลังจากที่เห็นว่าทำให้รถอีกคันเสียหลัก รถหยุดนิ่งเมื่อหมุนอยู่ข้างทางได้รอบครึ่งพอดิบพอดี มิราหัวกระแทกกับพวงมาลัยรถอย่างแรงทำให้รู้สึกเจ็บไม่น้อยคลำดูรู้สึกมีของเหลวไหลอยู่ตรงศีรษะของมิรา สติดับวูบลงทันทีพรสุดากับเฮงเรียกชื่อมิราพร้อมกัน
คนขับรถหรูคันนั้นเปิดประตูลงมาจากรถ ด้วยเสื้อผ้าที่สวมใส่ที่ดูหรูหราไม่ต่างจากรถที่ขับ เคาะกระจกเบาๆ มิรายังไม่ทันจะเลื่อนกระจกลงเขาก็กระชากประตูรถของมิราออกอย่างแรง ชะโงกใบหน้าหล่อเหลากลิ่นแอลกอฮอลล์คละคลุ้งเข้ามาในรถเกือบชนแก้มของมิรา พรสุดาเบิกตาโพลง ด้วยความหล่อเหลาที่หาใครเทียบได้ยาก หล่อเข้ม ตาคมหล่อไม่แบ่งใครทั้งเสื้อผ้าหน้าผมแม้กระทั่งท่าเดิน
“ไหนดูสิเจ็บไหม”
จับคางมนบิดไปบิดมาดูบาดแผลเมื่อเห็นว่ามีเลือดซึมออกมาจากศีรษะของมิราก็ขมวดคิ้ว
“ขับรถเร็วไปนะคุณ”
คำพูดตำหนิกลายๆ ช่างไม่เหมาะกับใบหน้าหล่อเหลานั้น
“คุณฝ่าไฟแดง”มิราอดที่จะเถียงไม่ได้
“ใครบอกว่าฝ่าไฟแดงผมตามน้ำ”
“เฮงว่าเราแจ้งตำรวจดีกว่าครับ”
เฮงออกความเห็นกล้าๆ กลัวๆ
“อย่ายุ่งไม่ใช่เรื่องของนาย ผู้ใหญ่เขากำลังตกลงกัน บอกน้องชายคุณด้วยเงียบหน่อย”
มิรารู้สึกไม่พอใจเขา และเขายังเข้าใจผิดเรื่องเฮงอีก
“เราเป็นเพื่อนกัน”
“เพื่อนอะไรอยู่ด้วยกันดึกดื่น หรือว่าแฟน...อย่างนั้นบอกเขาเงียบไปเลยคู่กรณีกำลังตกลงกัน ถ้าหากตกลงไม่ได้ผมก็จะไม่ตกลง และไปทันที”
“ฉันต้องไปโรงพยาบาล”
มิรานึกโมโหถ้าไม่มาดูก็คงถือว่าฟาดเคราะห์ แต่หากมาดูแล้วยังมาปากคอเราะร้ายอีกอภัยไม่ได้
“แผลไม่ลึกถึงกับต้องเย็บแค่นี้ไม่ทำให้คุณสวยน้อยลงหรอก ผมรีบ”
เขาพูดตัดบท
“ฉันคิดว่าต้องเย็บแผล” มิรายืนยัน สาวสวยใส่รองเท้าส้นสูงปี้ดเดินลงมาจากรถ
“เจ็บตัวนิดเดียวความจริงคุณมังกรไม่จำเป็นต้องมาดูเธอด้วยซ้ำ นี่ถือว่าเขาเมตตาขนาดไหนแล้ว”
“พวกคุณขับรถประมาท”
มิราไม่ยอมอ่อนข้อให้
“ผมรีบ นี่นามบัตรผม โทรไปเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลได้”
มังกรยัดนามบัตรใส่มือมิรากำมือมิราให้กำนามบัตรไว้ เดินกลับไปที่รถพร้อมกับสาวสวยนางนั้น ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
มิราเพ่งมองนามบัตร อ่านออกเสียงเบาๆ
มังกร อัจฉริยะเลิศไกร ชื่อและนามสกุลคุ้นๆ
มาดก็เท่รูปก็สม น่าชมนัก
เมื่อสบพักตร์ใจก็สั่นพลันเหลวไหล
ทำเอาใจดวงน้อยๆ เตลิดไกล
หรือเทวาจะมาแสร้งแฝงร่างมา
เฮงล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าขาวสะอาดในกระเป๋ากางเกงของเขา ซับเลือดให้อย่างแผ่วเบาก้มลงเป่าที่ศีรษะเหมือนกับผู้ใหญ่ที่เป่าแผลให้เด็กมิรารู้สึกประหลาด
“เจ็บไหมครับทนเอาหน่อยไปโรงพยาบาลกันดีกว่า คุณพรสุดาขับรถเป็นไหมขับให้คุณมิราหน่อย”“คุณเฮงขับไม่เป็นหรือคะ” พรสุดาถามกลับ“เป็นครับแต่ไม่ค่อยถนัด” ยิ้มอายๆ“ไม่เป็นไรค่ะฉันพอขับไหว” มิราเหยียบคันเร่งพารถไปสู่จุดหมายโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เลือดหยุดไหลแล้ว ใจกลับคิดถึงคนที่เป็นต้นเหตุเขารีบไปไหนนะหรือว่ารีบพาสาวเจ้าไปอี้อ๋อกัน ว่าแต่เขาทำให้เจ็บตัวขนาดนี้ยังไปคิดถึงเขาอีก ไม่ไม่ไม่ไม่ใช่มิราสะบัดศีรษะไปมาไม่ได้คิดถึงเขาจะคิดถึงได้อย่างไรแค่คนหล่อดูดีภูมิฐานแล้วก็หน้าตาท่าทางถูกใจมิราแค่นั้นเอง เผลอหยิบนามบัตรขึ้นมาดู ใครจะกล้าโทรไปมิราคิดค่ายาค่าทำแผลคงไม่กี่บาทแน่นอนเมื่อไปถึงโรงพยาบาลบุรุษพยาบาลนำรถเข็นมารอ เฮงกุลีกุจอมาเปิดประตูรถทันทีพยุงมิราออกมาจากรถ บุรุษพยาบาลมองมิราแบบงงๆ คงคิดว่าทำไมคนเจ็บขับรถมาเอง“ไหวไหมแก” พรสุดาเดินตามมาหน้าห้องฉุกเฉิน โดยมีเฮงถือกระเป๋าของมิราตามมาติดๆ ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูเมื่อเฮงสะพายกระเป๋าในแบบของผู้หญิง แต่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาออกขนาดนั้น“ไหว” มิราตอบสั้นๆ“ค่อยๆ ครับคุณมิรา” ก้มลงบอกข้างๆ หูพยาบาลหลายคนนางมองเฮงด้วยสายตาชื่นชมกับใบหน้าที่ห
ชายหนุ่มใบหน้าคมคายคนหนึ่งที่ใส่เพียงกางเกงนอนบางเบาอกเปลือยเปล่าเผยให้เห็นมัดกล้าม กล้ามแน่นผิวขาวสะอาดน่ามองใบหน้าหล่อคมรูปร่างดีตามแบบนักกีฬา นับว่าเป็นหนุ่มหล่อที่รูปร่างดีคนหนึ่งทีเดียว เดินย่องด้วยฝีเท้าเบากริบมายังเตียงที่มิรานอนหลับอยู่“มานี่โยดา มานี่มะ” น้ำเสียงอ่อนโยนเหลือกำลัง มิราคิดว่าตัวเองฝันไป“เมี้ยว” มิราสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงร้องของแมวเหมียวดังขึ้นข้างตัวแมวสก็อตติสฯ ตัวหนึ่งยื่นจังกาข้างตัวมิราเตรียมกระโดด พริบตาเดียว“อย่าหนีนะ” ไม่ทันแล้วเจ้าแมวน้อยกระโดดหนีพร้อมกันกับที่ชายหนุ่มกระโดดตระคุรบเจ้าแมวแต่พลาดร่างใหญ่ทาบทับมาบนตัวของมิรา มิราตกใจสุดขีดทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว กลายเป็นโดนกอดเข้าอย่างจัง มิรากับเสื้อผ้าที่เปิดเผยร่างกาย กับอกเปลือยเปล่าของอีกคน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่และครีมโกนหนวดทำให้มิรารู้สึกขัดใจที่ตัวเองรู้สึกชอบสัมผัสจากชายหนุ่มแปลกหน้าแต่เพียงครู่เดียวที่เผลอไผล“กรีด คุณเป็นใครเข้ามาในห้องฉันได้อย่างไรมิราดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวจนมิดเหลียวมองหาอาวุธป้องกันตัวทว่าไม่มีอยู่ในนั้น ชายหนุ่มไม่มีอาการสะทกสะท้านต่อคำพูดของมิรายกมือขึ้นปรามว่
“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรเล่า แมวตัวนี้แม่ผมเอามาฝากไว้ ท่านไปทัวร์ยุโรป แต่มันคงไม่ชอบผมเลยหาทางหนีคงชอบผู้หญิงเลยหนีมานอนกับคุณ” มิราเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตึกแถวห้องข้างๆ ที่มีระเบียงติดกัน มีเจ้าของใหม่มาซื้อไว้แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครคงจะเป็นเขานี่แหละ“ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่คุณบุกรุก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย” เขาเดินไปนำเหมียวน้อยไปใส่ไว้ในตะกร้าแบบมีฝาที่เตรียมมาด้วย“ไม่ได้บุกรุกผมแค่มาตามแมว” มิราเริ่มหายกลัวในเมื่อคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ใช้คนบ้า แต่ยังไม่วางใจนักกอดหมอนไว้แนบอกหวังใช้เป็นที่พึ่ง“คุณมาตามแมวในบ้านของฉันซึ่งฉันไม่อนุญาตถือว่าบุกรุก”“โธ่คุณบ้านใกล้เรือนเคียงกัน ผม..หัสนัย..ผมอยู่ข้างๆ คุณนี่เองยินดีที่รู้จัก” แววตาไม่มีอะไรแอบแฝงแต่ทว่าออกจะยียวน“คุณควรเข้ามาดีๆ เช่นมาเคาะประตูถามฉันขออนุญาตฉันก่อน ไม่ใช่แอบปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้”“ผมไม่มีเวลาคิดผมกลัวมันหนี ขอโทษอีกทีสำหรับ...” ดวงตามีแววประกายระยิบระยับจนมิราคิดไปถึงปากอุ่นที่ประกบปากของมิราเมื่อสักครู่“นั่นมันจูบแรกของฉัน”เขาเลิกคิ้วสูง อมยิ้มแสดงความแปลกใจและสีหน้าแสดงว่าไม่ได้เชื่อคำพูดของมิราแม้แต่น้อย“คุณคิดว่
“พี่ขอเข้าไปข้างในได้ไหม” มิราไม่พูดเปิดประตูให้ช้าๆ“วันนี้มิราหน้าตาสดใสนะ” ปัณภัทรทักทาย“ค่ะ มิราเพิ่งตื่น”“พี่ว่ามิราสวยขึ้น ..พี่.. มีเรื่องปรึกษา” ดึงมือมิราไปกุมไว้ มิราขมวดคิ้วเรื่องอะไรที่ต้องปรึกษา ก็ในเมื่อเขาแต่งงานแล้วเดี๋ยวภรรยาเขาก็เข้าใจผิด“พี่ปัณก็มีภรรยาแล้วจะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้นะคะ” มิราแกะมือออก เดินไปยังหมอข้าวต้มแกะกุ้งตัวใหญ่เตรียมไว้ กลิ่นข้าวต้มหอมตลบอบอวล“คือเรื่องที่จะปรึกษาเป็นเรื่องของนิรา” มิราเลิกคิ้ว สมควรที่เธอจะต้องถามเสียหน่อย“เรื่องอะไรคะ” พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ“เรื่อง....เรื่อง..พี่จะพูดอย่างไรดีคือ...นิรา นิราไม่ใช่ผู้หญิงแท้” มิราหัวเราะเสียงใส“อ้าวนี่พี่ปัณเพิ่งจะรู้หรือคะ”“มิรา กับนิราจงใจปกปิดพี่” ลากเอาเธอเข้าไปเกี่ยวจนได้“พี่ปัณเอาแต่โทษคนอื่น ไม่มีใครเขาปิดบังเพียงแต่มิราไม่อยู่ในฐานะที่ต้องเอาความลับเพื่อนมาขาย แล้วนิราเองเขากับพี่ไม่ได้คุยกันก่อนหรืออย่างไร แล้วอีกอย่างนิราก้ไม่ได้ผิดอะไรนั่นมันเพศสภาพของนิราพี่ปัญต้องพยายามรับให้ได้” ปัณภัทรเอามือกุมขมับส่ายหน้าไปมา“มิราก็รู้ว่าพี่ไม่นิยม...พี่ซีเรียสแค่ไหนเรื่อง
“หากฉันจะรักใครสักคนก็ทุ่มเทให้หมดใจแม้แต่หางตายังไม่เคยชำเลืองมองใครอื่น”มิราเอ่ยปากบอก นิรมนเพื่อนรักพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ“ว่าแต่ สุดที่รักของแกแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยได้ไหม” มิราอมยิ้ม“ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเหลือแกกับฉันสองคนที่ยังนั่งบนคานทั้งคู่” น้ำเสียงร่าเริงสดใสทำไมจะไม่ได้ก็ในเมื่ออยากจะอวดเพื่อนอยู่แล้ว นิรมนยิ้มหวานหยดเธอเป็นคนที่สวยโดยกำเนิดแล้วยังไม่พอใจความสวยที่ติดตัวมา การแต่งเติมความสวยด้วยการทำศัลยกรรมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุดต่างกับมิราที่สวยเรียบๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร อาจเป็นเพราะมิราไม่เคยแม้แต่จะดัดขนตาด้วยซ้ำการที่เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะห้าวหาญเกินหญิงจึงไม่มีผู้ชายสักคนผ่านเข้ามาในชีวิตมีเพียงปัณภัทรเท่านั้นที่เอ่ยได้เต็มปากว่าคบหาดูใจกันอยู่“เขาชอบแกตรงไหนมิรา” นิรมนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คง...ตรงที่ฉันเป็นฉันละมั้ง” มิรานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าปัณภัทรชอบมิราตรงไหน จะว่าสวยมิราก็ไม่ได้สวยขาดบาดใจ ชนิดที่ผู้ชายเห็นต้องเหลียวหลังจึงทำให้ครองโสดอยู่ได้ไม่มีใครมาจีบ นิรมนต่างออกไปนิรมนค่อนข้างเลือกจนกลายเป็นคนที่ไม่มีใครเหมือนกันทั้งๆ ที
เช้าที่อากาศไม่เป็นใจ บรรยากาศขมุกขมัวคล้ายกับว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้น้ำตาฟ้าจะกระหน่ำลงมาทั้งๆ ที่เป็นฤดูหนาวมิราใช้กระบอกฉีดน้ำฉีดน้ำใส่ดอกไม้สดในร้านอย่างสบายอารมณ์อีกไม่กี่วันเธอจะเดินทางไปท่องเที่ยวกับปัณภัทรอย่างมีความสุขเป็นอีกหนึ่งโครงการก่อนที่จะแต่งงานกันในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงปัณภัทรในเสื้อสูทอย่างที่มิราคุ้นเคย เขาเป็นคนที่ต้องทำตัวให้ดูดีอยู่เสมอ นี่เองที่บรรดาเพื่อนๆ ของปัณภัทรพากันสงสัยว่าทำไมปัณภัทรถึงมาชอบผู้หญิงที่ไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างมิราได้“มิรา พี่จะแต่งงาน” ปัณภัทรกุมมือมิราไว้ มิรารู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดของปัณภัทรก้มหน้าหลบตาคม ที่จ้องมองใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มิราคิดว่าอีกประเดี๋ยวปัณภัทรต้องล้วงเอาแหวนออกมา แกล้งเสมองทางอื่นเพื่อรับมุขแต่ตั้งนานมิราก็ยังไม่เห็นว่าปัณภัทรจะหยิบแหวนออกมา ปัณภัทรกับอึกอักอยู่ตรงนั้นสีหน้าหนักใจที่มิราเห็นว่าเขาไม่ได้แกล้งทำแต่อย่างใด“มิรา... พี่ๆ ...คือพี่...ขอโทษด้วย” สุดท้ายก็หลุดคำพูดขอโทษออกมา“ขอโทษเรื่องอะไรคะพี่ปัณ” แววตาฉงนในคำพูดที่แผ่วเบาดั่งกับละอองนุ่นที่พร้อมจะหลุดลอย“พี่...พี่ กำลังจะแต่งงานกับ....นิ..รา
มิราเพียงแต่พยักหน้า ยายเดินหายลับไปจากตรงนั้น มิรานั่งลงช้าๆ ยกมือขึ้นประนมลองขอพรดูหน่อยเป็นไรอย่างน้อยอาจทำให้สบายใจขึ้นบ้างอย่างที่ยายคนนั้นบอกยายแก่แอบมองอยู่ไม่ไกลมิราพนมมือต่อหน้าพระพรหม“ท่านเป็นเทพแห่งความเมตตา ลิขิตชะตาชีวิตคน ลูกขอคนที่มีรักจริง และต้องการใช้ชีวิตร่วมกันกับลูกตลอดไป ด้วยเถิด” ดอกบัวในมือของพระพรหมสว่างวาบขึ้นทันใดมิราไม่ทันเห็นเพราะมัวแต่ก้มหน้ายายแก่ยิ้มที่มุมปากมิราเธอจะรู้หรือเปล่าว่าพระพรหมท่านคือ "พรหม" หมายถึง "ความเจริญ, ความกว้างขวาง, ความขยายตัว หรือความเบิกบาน”มิราในชุดราตรียาวสีฟ้าใสตัดกับผิวคล้ำแต่งแต้มริมฝีปากด้วยสีชมพูกลีบดอกบัว ที่มิราชอบเธอผิวคล้ำไม่เหมาะกับสีฟ้าและชมพูแต่มิราชอบทั้งสองสี เกล้าผมสูงเผยให้เห็นลำคอระหงหากแต่ทรวดทรงองค์เอวที่ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งทำเอาชุดที่สวมอยู่เหมือนถูกสวมโดยท่อนซุงไม่ได้สวยสะดุดตาอย่างที่มิราตั้งใจให้เป็นตัวก็ดำงามขำ...คล้ำยิ่งนักสุดจะหักดวงจิตคิดเป็นอื่นจะขี้เหร่เกินไปไหม..แม่ขวัญยืนสุดจะฝืนใจให้รักปักอุราหญิงสาวหลายคนมุงอยู่หน้าเวทีที่นิรมนกำลังจะโยนช่อดอกไม้เสี่ยงทายสำหรับคนที่อยากมีคู่มิรากร
“พี่ขอเข้าไปข้างในได้ไหม” มิราไม่พูดเปิดประตูให้ช้าๆ“วันนี้มิราหน้าตาสดใสนะ” ปัณภัทรทักทาย“ค่ะ มิราเพิ่งตื่น”“พี่ว่ามิราสวยขึ้น ..พี่.. มีเรื่องปรึกษา” ดึงมือมิราไปกุมไว้ มิราขมวดคิ้วเรื่องอะไรที่ต้องปรึกษา ก็ในเมื่อเขาแต่งงานแล้วเดี๋ยวภรรยาเขาก็เข้าใจผิด“พี่ปัณก็มีภรรยาแล้วจะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้นะคะ” มิราแกะมือออก เดินไปยังหมอข้าวต้มแกะกุ้งตัวใหญ่เตรียมไว้ กลิ่นข้าวต้มหอมตลบอบอวล“คือเรื่องที่จะปรึกษาเป็นเรื่องของนิรา” มิราเลิกคิ้ว สมควรที่เธอจะต้องถามเสียหน่อย“เรื่องอะไรคะ” พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ“เรื่อง....เรื่อง..พี่จะพูดอย่างไรดีคือ...นิรา นิราไม่ใช่ผู้หญิงแท้” มิราหัวเราะเสียงใส“อ้าวนี่พี่ปัณเพิ่งจะรู้หรือคะ”“มิรา กับนิราจงใจปกปิดพี่” ลากเอาเธอเข้าไปเกี่ยวจนได้“พี่ปัณเอาแต่โทษคนอื่น ไม่มีใครเขาปิดบังเพียงแต่มิราไม่อยู่ในฐานะที่ต้องเอาความลับเพื่อนมาขาย แล้วนิราเองเขากับพี่ไม่ได้คุยกันก่อนหรืออย่างไร แล้วอีกอย่างนิราก้ไม่ได้ผิดอะไรนั่นมันเพศสภาพของนิราพี่ปัญต้องพยายามรับให้ได้” ปัณภัทรเอามือกุมขมับส่ายหน้าไปมา“มิราก็รู้ว่าพี่ไม่นิยม...พี่ซีเรียสแค่ไหนเรื่อง
“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรเล่า แมวตัวนี้แม่ผมเอามาฝากไว้ ท่านไปทัวร์ยุโรป แต่มันคงไม่ชอบผมเลยหาทางหนีคงชอบผู้หญิงเลยหนีมานอนกับคุณ” มิราเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตึกแถวห้องข้างๆ ที่มีระเบียงติดกัน มีเจ้าของใหม่มาซื้อไว้แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครคงจะเป็นเขานี่แหละ“ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่คุณบุกรุก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย” เขาเดินไปนำเหมียวน้อยไปใส่ไว้ในตะกร้าแบบมีฝาที่เตรียมมาด้วย“ไม่ได้บุกรุกผมแค่มาตามแมว” มิราเริ่มหายกลัวในเมื่อคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ใช้คนบ้า แต่ยังไม่วางใจนักกอดหมอนไว้แนบอกหวังใช้เป็นที่พึ่ง“คุณมาตามแมวในบ้านของฉันซึ่งฉันไม่อนุญาตถือว่าบุกรุก”“โธ่คุณบ้านใกล้เรือนเคียงกัน ผม..หัสนัย..ผมอยู่ข้างๆ คุณนี่เองยินดีที่รู้จัก” แววตาไม่มีอะไรแอบแฝงแต่ทว่าออกจะยียวน“คุณควรเข้ามาดีๆ เช่นมาเคาะประตูถามฉันขออนุญาตฉันก่อน ไม่ใช่แอบปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้”“ผมไม่มีเวลาคิดผมกลัวมันหนี ขอโทษอีกทีสำหรับ...” ดวงตามีแววประกายระยิบระยับจนมิราคิดไปถึงปากอุ่นที่ประกบปากของมิราเมื่อสักครู่“นั่นมันจูบแรกของฉัน”เขาเลิกคิ้วสูง อมยิ้มแสดงความแปลกใจและสีหน้าแสดงว่าไม่ได้เชื่อคำพูดของมิราแม้แต่น้อย“คุณคิดว่
ชายหนุ่มใบหน้าคมคายคนหนึ่งที่ใส่เพียงกางเกงนอนบางเบาอกเปลือยเปล่าเผยให้เห็นมัดกล้าม กล้ามแน่นผิวขาวสะอาดน่ามองใบหน้าหล่อคมรูปร่างดีตามแบบนักกีฬา นับว่าเป็นหนุ่มหล่อที่รูปร่างดีคนหนึ่งทีเดียว เดินย่องด้วยฝีเท้าเบากริบมายังเตียงที่มิรานอนหลับอยู่“มานี่โยดา มานี่มะ” น้ำเสียงอ่อนโยนเหลือกำลัง มิราคิดว่าตัวเองฝันไป“เมี้ยว” มิราสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงร้องของแมวเหมียวดังขึ้นข้างตัวแมวสก็อตติสฯ ตัวหนึ่งยื่นจังกาข้างตัวมิราเตรียมกระโดด พริบตาเดียว“อย่าหนีนะ” ไม่ทันแล้วเจ้าแมวน้อยกระโดดหนีพร้อมกันกับที่ชายหนุ่มกระโดดตระคุรบเจ้าแมวแต่พลาดร่างใหญ่ทาบทับมาบนตัวของมิรา มิราตกใจสุดขีดทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว กลายเป็นโดนกอดเข้าอย่างจัง มิรากับเสื้อผ้าที่เปิดเผยร่างกาย กับอกเปลือยเปล่าของอีกคน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่และครีมโกนหนวดทำให้มิรารู้สึกขัดใจที่ตัวเองรู้สึกชอบสัมผัสจากชายหนุ่มแปลกหน้าแต่เพียงครู่เดียวที่เผลอไผล“กรีด คุณเป็นใครเข้ามาในห้องฉันได้อย่างไรมิราดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวจนมิดเหลียวมองหาอาวุธป้องกันตัวทว่าไม่มีอยู่ในนั้น ชายหนุ่มไม่มีอาการสะทกสะท้านต่อคำพูดของมิรายกมือขึ้นปรามว่
“เจ็บไหมครับทนเอาหน่อยไปโรงพยาบาลกันดีกว่า คุณพรสุดาขับรถเป็นไหมขับให้คุณมิราหน่อย”“คุณเฮงขับไม่เป็นหรือคะ” พรสุดาถามกลับ“เป็นครับแต่ไม่ค่อยถนัด” ยิ้มอายๆ“ไม่เป็นไรค่ะฉันพอขับไหว” มิราเหยียบคันเร่งพารถไปสู่จุดหมายโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เลือดหยุดไหลแล้ว ใจกลับคิดถึงคนที่เป็นต้นเหตุเขารีบไปไหนนะหรือว่ารีบพาสาวเจ้าไปอี้อ๋อกัน ว่าแต่เขาทำให้เจ็บตัวขนาดนี้ยังไปคิดถึงเขาอีก ไม่ไม่ไม่ไม่ใช่มิราสะบัดศีรษะไปมาไม่ได้คิดถึงเขาจะคิดถึงได้อย่างไรแค่คนหล่อดูดีภูมิฐานแล้วก็หน้าตาท่าทางถูกใจมิราแค่นั้นเอง เผลอหยิบนามบัตรขึ้นมาดู ใครจะกล้าโทรไปมิราคิดค่ายาค่าทำแผลคงไม่กี่บาทแน่นอนเมื่อไปถึงโรงพยาบาลบุรุษพยาบาลนำรถเข็นมารอ เฮงกุลีกุจอมาเปิดประตูรถทันทีพยุงมิราออกมาจากรถ บุรุษพยาบาลมองมิราแบบงงๆ คงคิดว่าทำไมคนเจ็บขับรถมาเอง“ไหวไหมแก” พรสุดาเดินตามมาหน้าห้องฉุกเฉิน โดยมีเฮงถือกระเป๋าของมิราตามมาติดๆ ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูเมื่อเฮงสะพายกระเป๋าในแบบของผู้หญิง แต่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาออกขนาดนั้น“ไหว” มิราตอบสั้นๆ“ค่อยๆ ครับคุณมิรา” ก้มลงบอกข้างๆ หูพยาบาลหลายคนนางมองเฮงด้วยสายตาชื่นชมกับใบหน้าที่ห
“ผมไปส่งไหมครับคุณ....” ชายหนุ่มหนึ่งที่พยายามรวบรวมความกล้าเมื่อเห็นมิราเดินออกจากงานแต่งใครหลายคนทยอยกลับ มิราล่ำลาเพื่อนๆ เสร็จก็คิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ไม่แม้แต่จะบอกลาปัณภัทรกับนิรมนสักคำชายหนุ่มน่าตาดีขาวสูงกับแว่นสายตาหนาเตอะแต่ทว่าตาชั้นเดียวเหมือนกับหนุ่มเชื้อสายจีนทั่วไป“เจ้าของเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาเองเลย” พรสุดาเพื่อนสนิทของมิรากระซิบเบาๆ มิราเหลือบตามอง ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบพระเอกซีรีย์จีน พรสุดาเขย่าแขนเขินแทนมิราเสียเอง“มิราค่ะ ยินดีค่ะ” มิราไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด“ว้าวมาแล้วหนุ่มในฝัน เอหรือว่าเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายกันแน่นะ” พรสุดากระซิบกับมิรา“แต่ผมไม่มีรถมา อาศัยรถคุณไปส่งคุณแล้วเดี่ยวผมนั่งแท็กซี่กลับมาเองได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนมิราเห็นแววใสซื่อเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสาในนั้น มิราถอนหายใจยาวเหยียด พรสุดาหัวเราะคิกคัก“คือถ้าจะแบบนั้นเอาเป็นว่า มิราขับรถไปส่งคุณที่บ้านดีกว่าไหมคะ”“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” แม้จะจับสังเกตเพียงใดแต่ก็พบกับความใสซื่อไม่เปลี่ยนแปลงเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับหน้าตาเฉย พรสุดาต้องเข้าไปนั่งเบาะหลังส่วนมิราเป็นคนขับ“คือผมชื่อเฮงนะคร
มิราเพียงแต่พยักหน้า ยายเดินหายลับไปจากตรงนั้น มิรานั่งลงช้าๆ ยกมือขึ้นประนมลองขอพรดูหน่อยเป็นไรอย่างน้อยอาจทำให้สบายใจขึ้นบ้างอย่างที่ยายคนนั้นบอกยายแก่แอบมองอยู่ไม่ไกลมิราพนมมือต่อหน้าพระพรหม“ท่านเป็นเทพแห่งความเมตตา ลิขิตชะตาชีวิตคน ลูกขอคนที่มีรักจริง และต้องการใช้ชีวิตร่วมกันกับลูกตลอดไป ด้วยเถิด” ดอกบัวในมือของพระพรหมสว่างวาบขึ้นทันใดมิราไม่ทันเห็นเพราะมัวแต่ก้มหน้ายายแก่ยิ้มที่มุมปากมิราเธอจะรู้หรือเปล่าว่าพระพรหมท่านคือ "พรหม" หมายถึง "ความเจริญ, ความกว้างขวาง, ความขยายตัว หรือความเบิกบาน”มิราในชุดราตรียาวสีฟ้าใสตัดกับผิวคล้ำแต่งแต้มริมฝีปากด้วยสีชมพูกลีบดอกบัว ที่มิราชอบเธอผิวคล้ำไม่เหมาะกับสีฟ้าและชมพูแต่มิราชอบทั้งสองสี เกล้าผมสูงเผยให้เห็นลำคอระหงหากแต่ทรวดทรงองค์เอวที่ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งทำเอาชุดที่สวมอยู่เหมือนถูกสวมโดยท่อนซุงไม่ได้สวยสะดุดตาอย่างที่มิราตั้งใจให้เป็นตัวก็ดำงามขำ...คล้ำยิ่งนักสุดจะหักดวงจิตคิดเป็นอื่นจะขี้เหร่เกินไปไหม..แม่ขวัญยืนสุดจะฝืนใจให้รักปักอุราหญิงสาวหลายคนมุงอยู่หน้าเวทีที่นิรมนกำลังจะโยนช่อดอกไม้เสี่ยงทายสำหรับคนที่อยากมีคู่มิรากร
เช้าที่อากาศไม่เป็นใจ บรรยากาศขมุกขมัวคล้ายกับว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้น้ำตาฟ้าจะกระหน่ำลงมาทั้งๆ ที่เป็นฤดูหนาวมิราใช้กระบอกฉีดน้ำฉีดน้ำใส่ดอกไม้สดในร้านอย่างสบายอารมณ์อีกไม่กี่วันเธอจะเดินทางไปท่องเที่ยวกับปัณภัทรอย่างมีความสุขเป็นอีกหนึ่งโครงการก่อนที่จะแต่งงานกันในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงปัณภัทรในเสื้อสูทอย่างที่มิราคุ้นเคย เขาเป็นคนที่ต้องทำตัวให้ดูดีอยู่เสมอ นี่เองที่บรรดาเพื่อนๆ ของปัณภัทรพากันสงสัยว่าทำไมปัณภัทรถึงมาชอบผู้หญิงที่ไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างมิราได้“มิรา พี่จะแต่งงาน” ปัณภัทรกุมมือมิราไว้ มิรารู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดของปัณภัทรก้มหน้าหลบตาคม ที่จ้องมองใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มิราคิดว่าอีกประเดี๋ยวปัณภัทรต้องล้วงเอาแหวนออกมา แกล้งเสมองทางอื่นเพื่อรับมุขแต่ตั้งนานมิราก็ยังไม่เห็นว่าปัณภัทรจะหยิบแหวนออกมา ปัณภัทรกับอึกอักอยู่ตรงนั้นสีหน้าหนักใจที่มิราเห็นว่าเขาไม่ได้แกล้งทำแต่อย่างใด“มิรา... พี่ๆ ...คือพี่...ขอโทษด้วย” สุดท้ายก็หลุดคำพูดขอโทษออกมา“ขอโทษเรื่องอะไรคะพี่ปัณ” แววตาฉงนในคำพูดที่แผ่วเบาดั่งกับละอองนุ่นที่พร้อมจะหลุดลอย“พี่...พี่ กำลังจะแต่งงานกับ....นิ..รา
“หากฉันจะรักใครสักคนก็ทุ่มเทให้หมดใจแม้แต่หางตายังไม่เคยชำเลืองมองใครอื่น”มิราเอ่ยปากบอก นิรมนเพื่อนรักพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ“ว่าแต่ สุดที่รักของแกแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยได้ไหม” มิราอมยิ้ม“ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเหลือแกกับฉันสองคนที่ยังนั่งบนคานทั้งคู่” น้ำเสียงร่าเริงสดใสทำไมจะไม่ได้ก็ในเมื่ออยากจะอวดเพื่อนอยู่แล้ว นิรมนยิ้มหวานหยดเธอเป็นคนที่สวยโดยกำเนิดแล้วยังไม่พอใจความสวยที่ติดตัวมา การแต่งเติมความสวยด้วยการทำศัลยกรรมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุดต่างกับมิราที่สวยเรียบๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร อาจเป็นเพราะมิราไม่เคยแม้แต่จะดัดขนตาด้วยซ้ำการที่เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะห้าวหาญเกินหญิงจึงไม่มีผู้ชายสักคนผ่านเข้ามาในชีวิตมีเพียงปัณภัทรเท่านั้นที่เอ่ยได้เต็มปากว่าคบหาดูใจกันอยู่“เขาชอบแกตรงไหนมิรา” นิรมนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คง...ตรงที่ฉันเป็นฉันละมั้ง” มิรานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าปัณภัทรชอบมิราตรงไหน จะว่าสวยมิราก็ไม่ได้สวยขาดบาดใจ ชนิดที่ผู้ชายเห็นต้องเหลียวหลังจึงทำให้ครองโสดอยู่ได้ไม่มีใครมาจีบ นิรมนต่างออกไปนิรมนค่อนข้างเลือกจนกลายเป็นคนที่ไม่มีใครเหมือนกันทั้งๆ ที