บนรถ
เขาประคองฉันมาจนถึงรถของเขา ก่อนที่เขาจะเปิดประตูรถด้านข้างคนขับเพื่อให้ฉันนั่ง แต่สองแขนของฉันที่มีแรงน้อยนิดก็จับตัวรถไว้ไม่ยอมเข้าไป ฉันไม่อยากนั่งข้างเขา
“ฉันไม่นั่งข้างพี่ ฉันจะนั่งหลัง” ฉันหันหน้าที่แทบลืมตาไม่ขึ้นมุ่ยไปหาเขาที่อยู่ด้านหลังฉัน
“อย่าดื้อ...กับพี่” เสียงของเขาเปล่งออกมาราวกับคำสั่ง แม้สมองฉันไม่อยากทำตาม แต่ร่างกายของฉันดันตอบรับอัตโนมัติ เข้าไปนั่งข้างคนขับแต่โดยดี
เขาที่กำลังขับรถไปตามถนน ส่วนฉันหันหน้าออกไปทางกระจกด้านข้างทอดมองข้างทางอย่างเลื่อนลอย ฉันอยากจะหลับอยู่ทนโถ่ เพราะตอนนี้ฤทธิ์แอล ก็ลดลงไปบ้างแล้ว แต่กลับมีบางสิ่งให้คิดก็พลอยทำให้ร่างกายยังฝืนไม่หลับสักที หนักหัวมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
ดูเหมือนพี่เวลล์จะมองฉันออก อาจเพราะฉันมักแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าออกมาหมด เก็บไม่เคยมิด
“เป็นอะไร” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เปล่า” ฉันตอบเสียงนิ่งเช่นกัน แม้แต่หันหน้าไปมองเขาก็ยังไม่มอง
“....” เขาเงียบไม่ตอบ แต่กลับหยุดรถข้างทางทันที ฉันที่เห็นท่าทีของเขาก็หันควับไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“พี่จอดรถทำไม” ฉันถามพลางขมวดคิ้วสงสัย
“พี่ถามว่าเป็นอะไร” เขาหันมาถามฉัน
“ไม่ได้เป็นอะไร” ฉันตอบปัดไปแบบนั้นเพราะไม่อยากทำให้เขารู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่
“พี่ถาม....” เสียงเขาสั้นลงไปทีล่ะนิด แต่น้ำหนักของเสียงกลับหนักแน่นขึ้น พร้อมทั้งใบหน้าที่จริงจังอย่างเห็นได้ พอฉันเห็นแบบนั้นก็รู้เลยว่าหากไม่ตอบออกไป ก็คงไม่จบง่ายๆ ก็น่าแปลกใจที่เราสองคนเริ่มต้นแค่ต้องการเพียงชั่วครั้ง แต่ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกจะสลัดความรู้สึกต่อกันไม่ออกเสียที
“เฮ้อ....ก็ได้ ๆ ยอมแล้ว” ฉันถอนหายใจก่อนจะตอบไปตามจริง ก็ไม่อยากปิดบังแล้วล่ะ เพราะสุดท้ายมันก็จะวนมากลืนไม่ได้คายไม่ออกแบบนี้อีก ก็ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปข้าง “พี่อย่าทำตัวให้ความหวังกันได้ไหม”
“ให้ความหวัง?” เขาทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจที่ฉันพูด
“ก็ที่พี่ทำเป็นเหมือนสนใจกัน ยังวนเวียนกันอยู่แบบนี้ มันทำให้ฉันคิดไปไกล พี่ไม่รู้ตัวบ้างรึไง” ฉันหันไปหาเขาจ้องมองเขาใกล้ ๆ แล้วพูดต่อ “ถ้าพี่ยังทำกันแบบนี้ ฉันจะล้ำเส้นที่ขีดไว้แล้วนะ” ฉันทำหน้าจริงจัง
คราวนี้เป็นเขาที่เบือนสายตาออกไปมองข้างทางทอดถอนหายใจยาว เหอะ...ว่าแล้วว่าเขาต้องมารู้สึกเสียใจทีหลังที่มารู้จักฉัน
ฉันเบือนหน้าออกไปข้างทางบ้าง ก่อเกิดเป็นความเงียบงันขึ้นมาอีกครั้งจนรู้สึกอึดอัด จนเมื่อเสียงของเขาได้ทำลายความเงียบนี้
“ทุกอย่างที่พี่ทำไม่มีคำว่าไม่รู้ตัว” เขาหันมองฉันอีกครั้ง คราวนี้เขากุมใบหน้าฉันให้หันสบตาเขา สายตาสองเราประสานกัน เขามองฉัน ฉันมองเขา เรามองกัน จากที่ฉันไม่คาดหวังอะไรจากเขา ก็เริ่มคิดหนัก ที่เขาพูดหมายความว่ายังไง เขาก็รู้สึกเหมือนฉันใช่ไหมนะ
“พี่พูดแบบนี้หมายความว่า..” ฉันสบตามองเขาด้วยความรู้สึกคาดหวังภายในหัวใจที่เต็มเปี่ยม
“พี่ก็อยากล้ำเส้นเหมือนกัน”สิ้นสุดประโยค ฉันเป็นฝ่ายเริ่มนำมือทั้งสองข้างของฉันคล้องคอเขาดึงเขาเข้าหาอย่างตั้งใจโน้มตัวประกบริมฝีปากกับเขา เป็นจูบที่ตั้งใจถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดออกไป ความอัดอั้นที่เก็บไว้จึงได้ระบายออกมาผ่านริมฝีปากคู่นี้
ฉันค่อยๆ กัดริมฝีปากล่างเขาเบาๆ และเขาก็เผยอปากให้ฉันกัดอย่างตามใจ ฉันพรมจูบไปทั่วริมฝีปากเขา จากนั้นเขาก็เป็นฝ่ายตอบกลับด้วยความเสน่หา ลิ้นเขารุกล้ำเข้ามายังโพรงปากของฉัน และฉันก็เต็มใจให้เขาเข้ามาสำรวจ เราทั้งแลกลิ้นสอดรับกันไปมาอย่างร้อนแรง อาบไปด้วยน้ำลายที่ผสมปนเป เสียงเรียวปากปะทะดังจนสองเราได้ยินชัดพาลเอารู้สึกวาบหวามไปทั้งตัว
ฉันเอื้อมมือไปปิดดวงไฟบนรถ อีกข้างเผลอวางมือไปที่ระหว่างขาของเขาทำให้สัมผัสได้ถึงความคับแน่นภายในกางเกงของเขาที่มันพร้อมจะโผล่พ้นออกมารับอากาศด้านนอก ภาพสะท้อนที่เขาช่วยฉันบนเตียงฉายซ้ำเข้ามาในความรู้สึก ก่อให้เกิดแรงอารมณ์ปะทะเข้ามาในหัวใจ ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะเอาคืน ไม่สิ ถึงเวลาที่ฉันจะทำให้เขาสุขสมบ้างเหมือนที่ฉันได้รับความสุขจากเขามาแล้วครั้งหนึ่ง
มือของฉันอยู่ไม่เป็นสุขคลึงอยู่ตรงนั้นไปมา ละริมฝีปากออกจากเขา ดวงตาฉ่ำด้วยแรงปรารถนาอย่างเว้าวอน เผยความต้องการด้วยสายตาแทบจะกลืนกิน เขาค่อยๆ ปรับเบาะตัวเองเอนตัวลงอย่างรู้ทัน สองมือประสานท้ายทอย สายตาเหลือบมองใบหน้าฉันก่อนจะชี้นำเป็นเชิงอนุญาตให้ทำได้ดั่งใจ
ฉันที่เห็นท่าทีแบบนั้นอดที่จะเลียริมฝีปากตัวเองไม่ได้ ก่อนที่สองมือของฉันจะเอื้อมไปปลดเข็มขัดออก รูดซิปกางเกงของเขาลง ทำให้เจ้าแท่งสวรรค์ของเขาดันผ้าบางสีขาวที่ขวางกั้นแทบไม่ไหวออกมา
ฉันมองหน้าเขาเป็นเชิงยั่วยวนก่อนจะดึงกางเกงทั้งสองของเขาละลงไปจนข้อเท้า ตาฉันมองอย่างประกาย มันชูชันเย้ายวนราวกับกำลังเชิญชวนฉันให้ได้ลิ้มลอง
ฉันยืดตัวที่อยู่เบาะอีกฝั่งเข้าไปจูบเขาที่นอนอยู่ฝั่งคนขับ อีกมือก็กำเจ้าแท่งนั้นรูดขึ้นลงเป็นจังหวะจนรู้สึกได้ถึงความหนืดปริ่มๆ ตรงส่วนปลายของเขา อดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วชี้เกลี่ยวนไปมาอย่างสนุก
“อื้ม.. ” เสียงครางในลำคอของเขาเล็ดลอดออกมาแม้ริมฝีปากของเรายังคงประกบจูบอย่างร้อนแรง เขามีสีหน้าแดงก่ำ ดวงตาปรือเป็นจังหวะเมื่อฉันออกแรงรูดเร็วขึ้นจนมันแข็งตระหง่านเต็มไม้เต็มมือ
ฉันละเรียวปากบางออกจากเรียวปากหนาของเขา มองใบหน้าอันสุขสมของเขาที่ฉันประเคนให้ หึ..แค่นี้ยังไม่พอฉันยังสามารถทำให้เขาสุขสมได้มากกว่านี้
เมื่อฉันจ้องมองตรงคอของเขาภาพที่ผู้หญิงคนนั้นโอบคอจากด้านหลังของเขาก็พาลทำให้ฉันดุนลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ฉันจะทับรอยนั้นให้เข็ด ลบมันให้หาย ก้มลงไล่เลียใบหู พรมจูบต้นคอ วนไปรอบ ๆ จากฝั่งซ้ายไปฝั่งขวา กัดหนึ่งครั้ง ขบหนึ่งที ดูดจนเป็นรอย เพื่อย้ำเตือนราวกับเจ้าถิ่น ละริมฝีปากขึ้นมองเขาหนึ่งกรุบก่อนจะฝากไปอีกหนึ่ง ‘จ๊วบ’ จับจองไปทั่ว
“อืม......” เสียงครางเขาหลุบออกมาอย่างพึงพอใจ ส่วนฉันยิ่งเมื่อเห็นว่ารอยตรงคอนั่นตระหง่านขึ้นมา เรียวปากบางของฉันก็ฉีกยิ้มอย่างมีชัย
คราวนี้เพราะเขาคงเสียวซ่านขีดสุด เขาละสองมือที่ประสานไว้ท้ายทอย มาจับใบหน้าฉันดันมันไปตรงตำแหน่งแท่งสวรรค์ที่ชี้ตระหง่านตรงหน้า ฉันเหลือบตามองเขาก่อนจะแลบลิ้นแตะมันไปหนึ่งกรุบ ราวกับกำลังแหย่เขาให้เสียวเล่นจุ๊บที เลียที อีกทั้งมือยังคงทำงานขึ้นลงช้า ๆ ไปตามจังหวะ เมื่อเห็นว่ามันสั่นสะท้าน แข็งชูชันแทบระเบิด ฉันก็ใช้โพรงปากของฉันครอบงำมัน แม้จะได้เพียงแค่ครึ่ง แต่ฉันก็ใช้ความแพรวพราวของปากฉัน ลิ้นฉัน รวมไปถึงกระพุ้งแก้มของฉันทำมันอย่างสุดความสามารถ เอาให้เขารู้สึกธาตุไฟแตกซ่านกันไปครั้งหนึ่ง
“อืม...อ่าห์ ดีมาก” สองมือเขาวางไว้บนหัวของฉันพลางกดมันขึ้นลงไปตามจังหวะ จากที่ฉันครอบมันได้แค่ครึ่ง เขาก็ทำให้โพรงปากฉันมันครอบได้เกือบมิด ทำเอาฉันสำลักออกมาเพราะมันลึกเกินไป อีกอย่างฉันตั้งตัวไม่ทันไม่คิดว่าเขาจะใช้แรงกดหัวฉันหนักขนาดนี้ สงสัยเขาคงอารมณ์พุ่งขีดสุด เขาเลื่อนมือมาลูบหลังฉันเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบ ฉันเงยหน้ามองเขาก่อนจะค่อย ๆ ก้มลงทำมันอีกครั้งคราวนี้ฉันพอจะควบคุมไปในทิศทางที่จะเลี่ยงโดนลิ้นปรี่ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการสำลักอีก ใบหน้าเขาปรือตามองอย่างพึ่งพอใจ
เมื่อเขาเห็นว่าฉันสามารถที่จะครอบครองเจ้าแท่งสวรรค์เกือบมิดด้ามได้โดยไม่สำลัก เขาก็กดหัวฉันเป็นจังหวะเร่งที่เร็วขึ้น เร็วขึ้น ตามความเสียวซ่านของเขา
“อืม อ่าห์......” ไม่นานนัก เขาก็ครางออกมาเสียงดังกว่าที่เคย กดหัวฉันแนบกับแท่งสวรรค์ของเขา เอวดุแทงสวนขึ้นมาปลดปล่อยน้ำรักของเขาเต็มโพรงปากฉัน และไม่มีทีท่าจะปล่อยให้ฉันคายมัน ฉันไม่ได้รังเกียจที่จะกลืนมันหรอกนะ เพราะของมันเคยๆ แหละ
เมื่อฉันกลืนมันจนหมดและทำความสะอาดมันด้วยลิ้นของฉันเสร็จ ฉันก็ถอนริมฝีปากฉันขึ้นมา ใช้มือตัวเองเช็ดทำความสะอาดปากของตนในส่วนที่เปรอะเปื้อนให้หมดจด
เขาปรับเบาะกลับมานั่ง ดึงกางเกงขึ้นสวมใส่ดังเดิม เอื้อมมือมาคว้าต้นคอฉันโน้มจูบอีกครั้ง สอดลิ้นสำรวจโพรงปากไปมาราวกลับกำลังช่วยทำความสะอาดก่อนจะละริมฝีปากออก ลูบใบหน้าฉันเบาๆ แล้วดึงตัวฉันเข้ากอดแนบแน่น
“ชอบ.....” คำเดียวที่ออกจากปากเขาทำเอาฉันไปต่อไปถูก ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปทั่วหน้า
ตอนนี้ไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ เพราะฉันเขินจนแทบอกจะระเบิดตาย แค่คำๆ เดียวทำเอาอกสั่นสะท้านขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ
เขาเริ่มล้ำเส้นกันแล้วนะแก เอ้ย >3<
EP.26ณ.คอนโดฉันกับพี่เวลล์มาถึงคอนโด เราเงียบกันทั้งคู่หลังเราได้ทำกิจกรรมบนรถอย่างหนักหน่วง (แม้จะเป็นฝ่ายฉันทำก็เถอะ) ตอนนี้ อาการมึนเมาหายไปเหลือเพียงอาการวิงเวียนศีรษะเข้ามาแทน ฉันเดินนำหน้าเขา ไม่สิต้องเรียกว่าอยากรีบเดินให้ถึงห้องตัวเอง ฉันไม่กล้ามองหน้าเขา ฉันทั้งเขินสุด ๆ คำนั้นที่ออกจากปากเขายังก้องอยู่ในหูอยู่ตลอด นี่ฉันหลอนไปแล้วแน่ ๆพี่เวลล์เขาฉลาดเขารู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังเคลิ้มลอย แต่ก็ยังมีอาการเมาค้างจากการดื่มหนัก เขาจึงไม่เข้ามาตอแยฉัน เอาแต่เดินตามหลังคอยดูท่าทีที่เหมือนจะล้มเป็นพัก ๆของฉันอย่างเงียบๆเราสองอยู่ภายในลิฟท์สองคน ก็ยังไม่มีใครปริปากเอ่ยออกมาทำลายความเงียบงัน‘ติง.....’ เสียงลิฟท์ดังขึ้น บ่งบอกว่าถึงชั้นคอนโดของฉันแล้ว ฉันเดินออกจากลิฟท์ไม่ได้หันกลับไปมองที่เขา เดินเซไป เซมา เกาะขอบผนังไปตามทาง แต่ฉันยังรับรู้ได้นะว่าเขายังตามส่งฉันมาถึงหน้าห้องฉันเปิดประตูห้องตัวเองเข้าไปด้านใน แต่ก่อนที่จะปิดประตู เขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าห้องไม่ได้เข้ามา เอ่ยเพียงเสียงสุขุมนุ่มนวล ฟังแล้วอบอุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“พักผ่อนนะ ฝันดี” เขาขยี้ผมฉันเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับไป แ
EP.27 (Well Part) ‘ปัง....’ แจนปิดประตูห้องนอนตัวเองดังสนั่น ดูเหมือนเธอจะหงุดหงิดที่ผมเอ่ยถามว่าชุดที่เธอยื่นให้ผมนี้ เป็นของผู้ชายคนอื่นรึเปล่า ผมเพียงแต่ถาม...เฉย ๆ ไง ตอนแรกก็รู้สึกไม่เข้าใจทำไมเธอถึงต้องโมโห แต่เมื่อแจนเอ่ยว่า ผมเป็น ‘คนแรก’ ที่เธอชวนเข้ามาห้องนี้ ใจผมก็เข้าใจถึงความรู้สึกโมโหของเธออย่างแจ่มแจ้ง เฮ้อ... ผมผิดเองที่พูดแบบนั้นไป แต่ก็ปากไวไปแล้วก็คงต้องมาหาวิธีขอโทษเอาก็แล้วกัน ผมเดินไปห้องของแจน แม้เธอจะปิดประตู แต่เธอก็ไม่ได้ล็อค ดังนั้นผมถือวิสาสะว่าเธอไม่ได้ห้ามผมเข้ามาในห้องนี้ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ดูเหมือนเธอจะหลับไปแล้ว จ้องมองใบหน้าเธอ ดูสิแม้จะหลับคิ้วของเธอยังขมวดให้ได้เห็น บ่งบอกว่าเธอคงโกรธมาก ผมบรรจงจูบเบาๆ บนหว่างคิ้วของเธอ หว่างคิ้วเธอค่อยๆ คลายมัน กลายเป็นใบหน้าที่ไม่ได้ดูโกรธอะไรแล้วเฮ้อ... ยิ่งมองหน้าแจนนานๆ ยิ่งรู้สึกว่าเธอ ‘สวย’ แถมนิสัยต่อหน้าผมเธอดูเป็นคนน่ารัก ตรงไปตรงมา ที่สำคัญเธอเป็นคนเอาแต่ใจหน่อยๆ ไม่เห็นเหมือนในบอร์ดที่ผมลองไปตามอ่านดู หลายค
09.00 น .ฉันตื่นนอนขึ้นมา เพราะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ เอื้อมมือหยิบมือถือก่อนจะกดหยุดมัน ยกแขนยืดตัวไปมาให้รู้สึกยืดเส้น ในเวลาสาย ๆ ของวันแบบนี้ พลางขยี้ตาเบา ๆ ให้รู้สึกตื่น ก่อนจะหันไปมองที่นอนข้าง ๆ จากใบหน้าที่สดชื่น ก็รู้สึกหม่นลงทันที“เขากลับไปแล้วเหรอ หรือเป็นเพราะเขาคิดว่าฉันโกรธกันนะ เลยไม่กล้ามองหน้ากัน” พอคิดแบบนั้นก็ทำเอาอารมณ์หงุดหงิดแต่เช้า “ไม่ตามมาง้อกันหน่อยรึไง”ฉันที่ไม่สบอารมณ์แต่เช้าลุกขึ้นมาล้างหน้าแปลงฟัน ก่อนจะออกจากห้องนอนตัวเอง“ฮืม.....กลิ่นหอมนี่มัน” ฉันมองซ้ายมองขวา ก็ไม่เห็นใครภายในห้องโถง ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะอาหารที่มีชามข้าววางอยู่“โจ๊กงั้นเหรอ” ฉันเหลือบมองเห็นกระดาษข้อความที่วางอยู่ข้าง ๆ ชามโจ๊ก หยิบมันขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ(พี่เห็นว่าแจนนอนหลับสบาย เลยไม่อยากปลุก พี่ทำโจ๊กใส่ไข่ พิเศษใส่ใจ ไว้ให้แล้วอย่าลืมทานให้หมดก่อนไปเรียนล่ะ)“ไอ้พี่บ้าเอ้ย ... ยิ่งทำให้หลงเข้าไปอีก” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าฉันยิ้มบานเท่าจานดาวเทียมแค่ไหน พวกแกอิจฉาฉันอ่ะเด่.... ไม่มีพี่เวลล์เป็นของตัวเองสิท่าฉันทานมันจนเกลี้ยงชามไม่เหลือ แม้จะเป็นแค่โจ๊ก แต่มันก็เป็
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนไหมทุกคน พลอยไม่ไหวแล้ว” พลอยหนึ่งในสมาชิกกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียดและเหนื่อยล้า ฉันเงยหน้ามองทุกคนในกลุ่มก็พบว่าสีหน้าแต่ล่ะคนไม่ต่างจากพลอยเลย“ก็ดีเหมือนกัน นี่ก็เย็นมากแล้ว พอกันเถอะ” ฉันหันไปพูดกับทุกคน ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยเราทุกคนช่วยกันเก็บเอกสารที่กองเป็นตั้งตรงหน้าก่อนจะแยกย้ายกันกลับ ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับพลอย ที่กำลังออกจากตึกคณะ บรรยากาศภายนอกตอนนี้ก็มืดค่ำแล้วนะสิ พลอยที่มักจะกลับด้วยรถเมล์ คงไม่มีรถให้ขึ้นแล้วมั้ง“พลอย มันเย็นขนาดนี้แล้ว ให้ฉันไปส่ง” ฉันหันหน้าไปหาพลอยเพื่อนร่วมสาขา“พลอยกลับเองได้”“แต่รถเมล์ที่ผ่านหน้าบ้านแกมันไม่มีแล้วไม่ใช่รึไง” ฉันเอียงคอถามนาง จากที่นางเดินอยู่ก็หยุดชะงัก“จะ..จริงด้วย ลืมเผื่อเวลากลับบ้านเลย ทำไงดี”“ก็นี่ไง ฉันจะไปส่ง ฉันพอมีเวลา” ฉันไม่พูดเฉย ๆ แต่ดึงพลอยโดยไม่ต้องให้นางคิด เอาจริง เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันมา แม้ไม่ได้สนิทปานจะกลืนกินเหมือนยัยมีน กับ กุ้ก แต่พลอยก็นับว่าเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดในคณะแล้ว พลอยเป็นคนเงียบ ไม่สุงสิง พูดจากับใคร แต่เธอเป็นคนขยัน และพูดจาไพเราะ ทำให้ฉันก็ต้อง
ภายในรถเงียบสงัดพลอยเอาแต่หันมองไปตามข้างทางอย่างเลื่อนลอย เสียงสะอึกยังพอมีให้ได้ยิน ราวกับตอนนี้เธอกำลังข่มความรู้สึกเสียใจอยู่เต็มอก ส่วนฉันขับรถไปตามเส้นทางอย่างไร้จุดหมาย ‘ตู้ด...............ตู้ด..............’ เสียงมือถือของฉันดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ทิมโทรมา ฉันจึงหยิบหูฟังไร้สายขึ้นมาสวมใส่ด้วยใบหน้าจริงจัง พลอยที่เอาแต่เหม่อมองไปข้างทาง ก็หันมามองฉัน ซึ่งฉันก็ทำได้เพียงยักคิ้วให้ก่อนจะสนใจกับคนปลายสาย “ว่าไงคะ พี่ทิม” (คุณหนูครับ เกิดเรื่องใหญ่ครับ) เสียงพี่ทิมหนักแน่นจริงจัง กว่าปกติ จนทำให้ฉันต้องจอดรถข้างทางเพื่อคุยก่อน “มีเรื่องด่วนอะไรคะ”(เมื่อคืนวาน เกิดเหตุปะทะกัน ของมาเฟียสองกลุ่มอิทธิพลเขตเหนือครับ คนบาดเจ็บล้มตายกันเยอะเลยครับ)“แล้วสถานการณ์ตอนนี้ล่ะ”(ดีขึ้นแล้วครับ แต่เพราะว่าเหตุการณ์รุนแรง ตอนนี้กลุ่มมาเฟียทั้งสองกลุ่มแตกแขนงหลบหนีกันวุ่น เห็นว่าบางส่วน หลบหนีเข้ามาเขตเรา แล้วก็......) ฉันที่มองเห็นว่ายังมีพลอยอยู่ตรงนี้ จึงไม่อยากคุยรายละเอียดมากนักจึงตัดบทการสนทนากับพี่ทิมไป“พี่ทิม เดี๋ยวแจนเข้า
ณ.คอนโดฉันกับพลอยเดินขึ้นมายังห้องของฉัน แต่แล้วเบื้องหน้ากลับปรากฏชายหนุ่มที่ฉันคุ้นเคยดี จนพลอยเพื่อนฉันต้องสะกิดให้ฉันรู้ตัว“แจน นั่นมันพี่เวลล์นินา เขามารอใครรึเปล่า”“....” ฉันไม่พูดอะไรลากพลอยเดินตรงดิ่งไปที่พี่เวลล์ยืนอยู่ ซึ่งก็คือหน้าประตูห้องฉัน ก่อนจะเปิดประตู แล้วหันไปเอ่ยกับเธอ“พลอยแกเข้าห้องไปก่อน ฉันขอคุยกับพี่เวลล์สักครู่เดี๋ยวตามเข้าไป” พลอยที่เริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ ก็ทำตามอย่างว่าง่าย หันหลังเดินเข้าห้องฉันไป จากนั้นฉันก็เอื้อมมือปิดประตู ค่อย ๆ หันหน้าไปหาพี่เวลล์จากใบหน้าเรียบนิ่งก็คลี่ยิ้มกว้างเป็นอีกคน“พี่เวลล์ มาหาแจนถึงหน้าห้องแบบนี้คิดถึงกันเหรอคะ” ฉันยิ้มมองจะกุมมือพี่เขาแต่เขาดันยกมือหนีพลางกอดอกหันหลังไปพิงกำแพง จ้องมองฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง เอ๊ะฉันว่าฉันไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลยนะ“ไปไหนมา” เขาถาม“หลังออกจากมอ ก็ไปส่งพลอยที่บ้าน แล้วก็พาพลอยมาที่คอนโดเนี้ยแหละค่ะ”“พี่โทรหาตั้งหลายสายทำไมไม่รับ”“เอ๊ะ....โทรมาเหรอ แจนไม่ได้ยินนะ” ฉันล้วงกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมา พบว่ามีสายไม่ได้รับ เกือบยี่สิบสาย ใบหน้าฉันยิ้มเจื่อนก่อนจะเงยหน้ามองพี่เขาอย่างรู้สึกผิด “ลืมเปิ
EP.32พี่เวลล์พาฉันเข้าไปยังโต๊ะที่จองไว้ เป็นโต๊ะหลบในมุมมีความเป็นส่วนตัว ติดแม่น้ำสายหลักของตัวเมือง สามารถทอดสายตามองตัวเมืองฝั่งตรงข้ามแม่น้ำได้ร้อยแปดสิบองศา บรรยากาศดี ลมโชยเย็นพอเหมาะ อากาศก็บริสุทธิ์ แสงสว่างนวลตา ทำให้รู้สึกได้ถึงความโรแมนติกหน่อย ๆ เลยแหะพี่เวลล์ที่เดินนำมาก่อน เลื่อนเก้าอี้ พลางใช้สายตาบ่งบอกว่าให้ฉันนั่งตรงนั้น ฉันที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก เพราะการได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นคนพิเศษแบบนี้ มันไม่ผิดไปใช่ไหมถ้าจะคิดเข้าข้างตัวเองไปทั้งแบบนั้นฉันนั่งลงเก้าอี้ที่พี่เวลล์เลื่อนให้ ก่อนที่เขาจะนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับฉัน พอได้เห็นเขาอยู่ตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะเท้าคางจ้องมองเขาอย่างตั้งใจ เขาที่เห็นฉันจ้องจนตาเยิ้ม ก็เท้าคางมองฉันกลับ ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงฟุตประสานกันอย่างช่วยไม่ได้“พี่จะมองฉันอีกนานไหมคะ” ฉันเอ่ย“ใครกันที่มองพี่ก่อน” เขาเอ่ยตอบฉัน “ฮึ.....เอาเถอะ ยอมแล้วค่ะ เป็นแจนเองที่มองพี่ก่อน ก็มันอดมองไม่ได้” ฉันยืดตัว เบือนหน้าทอดสายตามองไปยังแม่น้ำสายหลักที่ผืนน้ำระยิบระยับท่ามกลางแสงไฟสลัว ส่วนเขาก็หันไปสนใจพนักงานร้านที่เดินนำเมนูมาวาง
EP.33ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะ ยืนมอง พี่เวลล์ที่นั่งทำท่ากอดอก มองฉันด้วยสายตาดุราวกับผู้ปกครอง เหอะ ปล่อยให้รู้สึกหงุดหงิดบ้างแบบนี้แหละแฟร์ดีจะตายฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ สะบัดความรู้สึกทุกอย่างทิ้งไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ทำไมพี่ยังไม่ทานข้าวละคะ หิวไม่ใช่เหรอ”“รอคน” เขาทำหน้าบึ้งตึง กอดอกมาทางฉันอย่างเห็นได้ชัด ฉันจึงได้แต่ทำหน้ายิ้มเจื่อน“ปวดหนักเข้าห้องน้ำไงคะ ขอโทษทีค่ะ นี่ก็มาแล้วไง ทานกันเถอะ” ฉันรีบนั่ง ตัดบทสนทนา แต่ดูเหมือนพี่เวลล์จะไม่ยอมจบ“โกรธอะไรพี่อีกรึเปล่า หรือเพราะเมื่อกี้” เขามองฉันด้วยสายตาเค้นหาคำตอบบ้าง“จะโกรธพี่ได้ไงละคะ แจนจะมีสิทธิ์อะไรมางอนแบบนั้น ถึงพี่จะดูรูปสาว แจนจะห้ามอะไรได้”“ดูรูปสาว?”“ทานข้าวกันดีกว่าค่ะพี่ อ่ะนี่ น่าอร่อยเนาะ” ฉันตักปลาหมึกทอดกระเทียมให้เขา จากนั้นฉันก็ทำเป็นสนใจอาหารตรงหน้าเอาแต่กินไม่พูดไม่จา เขาตักอะไรให้ฉัน ฉันก็ทานมันทุกคำ ก็เป็นซะแบบนี้โกรธง่ายหายเร็วเพียงเพราะเขาดีต่อฉัน“ร้านนี้อร่อยอย่างที่พี่บอกเลย” ฉันยิ้มพลางตบพุงท่าทางอิ่มแปล้ไร้ซึ่งภาพลักษณ์กุลสตรีใดๆ ส่วนพี่เวลล์ก็ทานไปเยอะเหมือนกัน คงหิวอย่างที่เจ้าตัวพูดจร
EP.43ณ.คอนโดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ปิดมือถือเครื่องนั้นไปเลย ฉันรู้ว่าถ้าเดินออกมาพี่แม็กต้องรีบไปบอกพี่เวลล์แน่ ๆ ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับเขา เพราะตอนนี้แค่พูดเสียงสะอึกอันน่าอายนี่เขาต้องได้ยินแน่ ๆรู้นะว่าภาพที่เห็นนั่นมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ แต่ฉันคิดมากไง มากเสียจนไม่อยากจะควานหาคำตอบ ทั้งที่เดินเข้าไปตรงนั้นถามให้รู้เรื่องก็คงจบแล้ว แต่ที่ไม่กล้า เพราะกลัว กลัวจะได้คำตอบที่ไม่อยากได้ยินขึ้นมานะสิฉันผิดเอง ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนงี่เง่า เอาไว้อารมณ์อ่อนไหวต่อความรักนี่ลดลง ฉันจะเป็นฝ่ายไปหาเขาเองเพราะยังไงฉันก็เชื่อใจพี่เวลล์อยู่แล้วล่ะ“อ่าวมาแล้วเหรอ” ยัยมีนที่กำลังนั่งกินขนมดูซีรีส์อยู่กลางห้องหันมาทักทายฉัน“พลอยยังไม่มาเหรอ” ฉันที่มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเพื่อนอีกคน“ยังไม่เห็นนะ แกไม่โทรถามล่ะ”“ฉันปิดมือถือ” ฉันพูดก่อนจะโยนกระเป๋าลงโซฟาแล้วนั่งข้าง ๆ ยัยมีนที่มันกำลังวางถุงขนมละสายตาจากซีรีส์และหันมาสนใจฉัน“เ
EP.42(Well Part)ช่วงนี้ผมไม่ได้เจอแจนเลย เพราะผมยุ่งอยู่กับวอร์ดค่อนข้างมาก แถมต้องสะสางงานที่ต้องส่งมหาลัยด้วย จึงได้แค่แชตส่งข้อความ ไม่ก็โทรหากันไม่กี่นาที เหมือนแจนเองก็ยุ่งวุ่นกับการเรียนของเธอเหมือนกัน แต่การไม่ได้เห็นหน้ากันเป็นเวลานานแบบนี้ก็ทำเอาผมรู้สึกแย่เหมือนกันนะ ผมเองก็อยากเจอหน้าเธอสักนิดก็ยังดี อยากได้กำลังใจจากเด็กดื้อคนนั้นตอนนี้ผมอยู่ที่โรงอาหารของโรงพยาบาล กว่าจะว่างมานั่งทานข้าวได้อย่างสบายใจในรอบหลายวันแบบนี้ไม่ได้มีกันง่าย ๆ อีกอยาก เพราะความดื้อดึง ของน้าสาวของผมที่ ตอนนี้กลับมาเป็นแพทย์ประจำการที่โรงพยาบาลของตระกูลหลังจากใช้ชีวิตหลายปีในต่างประเทศน้าใช้อำนาจความเป็นใหญ่คะยั้นคะยอให้ผมมาทานข้าวเป็นเพื่อน มีเหรอที่ผมจะปฏิเสธได้“นี่หลานรัก ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” น้าผมเอ่ยถามผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ก็เรียนหนักครับ” ผมก้มหน้าทานข้าวเงียบ ๆ ขรึม ๆ ตามสไตล์ของผมนั่นแหละ“น้ากลับจากต่างประเทศเอาของฝากมาให้หลานเยอะเลยนะ อ่อ ฝากเผื่อพี่ส
EP.41หลายวันผ่านมาฉันกับพี่เวลล์ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่วันนั้น เราได้แต่โทรคุยกันครั้งล่ะไม่เกินสองนาที แชตไลน์ที่กว่าจะตอบกันก็ทิ้งช่วงหลายชั่วโมง ไม่ใช่แค่พี่เวลล์ที่ไม่มีเวลาให้ ฉันเองก็ไม่มีเวลาเหมือนกัน สภาพเพื่อนๆ ทั้งสาขาแทบเหมือนศพเดินได้ ไฟลนตูด ฉันไม่ต่างอะไรกับยัยเพิ้งหัวยุ่ง ยังดีที่พลอยยังเป็นสมาชิกกลุ่มโปรเจคของฉัน ทำให้พอกลับมาห้องก็ยังช่วยกันปั่นงานต่อ ไม่งั้นงานยิ่งไม่เดินแน่ ยัยมีนที่มองสภาพฉันกับพลอยด้วยความสงสาร ก็คอยซื้อข้าวซื้อน้ำมาประเคน คอยจิกให้ทานข้าว เพื่อไม่ให้ตายกันซะก่อนฉันกับยัยพลอยจ้องหน้ากัน พลางหัวเราะ ใส่กันราวกับคนบ้า บางครั้งก็ร้องไห้ฮือออกมากันซะดื้อ ๆ ที่แท้การเรียนหนักจนแทบบ้ามันเป็นแบบนี้นี่เองและแล้วขุมนรกของพวกเราก็ใกล้จะผ่านพ้นไป กลุ่มสมาชิกทั้งห้าคนของพวกเราวางเอกสารปึกใหญ่เกี่ยวกับโปรเจคที่ทำกันแทบขายวิญญาณต่อหน้าคณะอาจารย์สาขา ที่ตอนนี้กำลังเพ่งมองพวกเราด้วยความคาดหวัง สมาชิกกลุ่มทุกคนหันหน้าให้กำลังใจ ปลอบใจกันไปมา พวกเราทำกันเต็มที่แล้วจริง ๆ จนเมื่ออาจารย์
EP.40พี่เวลล์นั่งลงตรงข้ามฉัน ส่วนฉันก็เอาแต่ก้มหน้าก้มทางก๋วยเตี๋ยวแทบไม่มองคนข้างหน้า พอลองเหลือบมองก็พบว่าเขาเอาแต่จ้องฉันอีก แถมคนอื่น ๆ ในโรงอาหารก็ดันสามัคคีรวมพลังกันเงียบเฉียบ ทำอย่างกับรอเสือกข่าวชามโตซะอย่างนั้น ใครจะไปทนความอึดอัดแบบนี้ได้กัน“อะแฮ่ม...พี่มาที่นี่ได้ยังไงคะ” ฉันพยายามพูดออกมาให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่า อย่าเจอกันในมหาลัย”“ก็ใช่ พี่ก็บอกว่าแล้วแต่แจน” เขาโน้มตัวขยับใบหน้าเข้าใกล้ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเบาบาง“แล้วที่พี่ทำอยู่นี่มันยังไงคะ”“ก็พี่บอกว่าแล้วแต่แจนครับ แต่พี่ไม่ได้บอกว่าพี่จะทำตามด้วยซะหน่อย”“พี่เวลล์!!!” ฉันลืมตัว เผลอลุกขึ้นอุทานเรียกชื่อเขาดังลั่น จนตอนนี้ทุกคนยิ่งสนใจพวกเรามากขึ้นไปอีก“โกรธพี่เหรอ” เหอะ... ดูเอาเถอะเอาคำนี้มายอกย้อนฉัน หายใจเข้า หายใจออก ยัยแจนแกต้องตั้งสติ“พี่รอฉันอยู่ตรงนี้เดี๋ยวฉันมา” ใบหน้าฉันไม่สามารถเก็บสีหน้าบูดบึ้ง และอารมณ์ห
EP.3912.00 น. (ณ. มหาวิทยาลัย)“แปลกๆ....” ที่พออาจารย์ออกจากห้องไป ไอ้นัทก็เดินดุ่มๆ วนรอบโต๊ะของฉัน ใบหน้ามองฉันด้วยความสงสัย“เป็นอะไรของแกไอ้นัท ทำไมเอาแต่จ้องฉันแบบนั้น” ฉันเหลือบมองด้วยสายตาดุไปที่มัน“แจน แกเปลี่ยนไปนะ”“เหอะ....ไอ้นัทแกทำให้ฉันงง” ฉันส่ายหัวไปมาก่อนจะหันไปสนใจเก็บสมุดลงกระเป๋า“แปลกยังไงเหรอนัท พลอยไม่เห็นเข้าใจที่นัทพูด” พลอยที่นั่งข้างกันเอ่ย“พลอย แกไม่เห็นเหรอวันนี้แจนมันใส่กระโปรงพลีทยาว” ไอ้นัทเอ่ย พลางดึงเก้าอี้มานั่งหันหน้าเข้าหาฉัน“ใส่กระโปรงพลีทยาว ละ..แล้วมันแปลกตรงไหนเหรอ ฉันยังใส่เลย” พลอยทำหน้าสงสัย ฉันเองก็สงสัยทำไมการที่ฉันใส่กระโปรงพลีทยาว มันถึงเป็นเรื่องแปลกไปได้ใครๆ ก็ใส่กันไม่ใช่เหรอ“ไอ้นัท..กระโปรงพลีทยาวคนในม.เขาใส่กันให้เบือ”“คนอื่นใส่อ่ะไม่แปลก แต่แกใส่แล้วแปลก”“ฉันไม่เข้าใจความคิดแกว่ะ ทำไมวะ”
EP.38ฉันที่ตอนนี้สวมชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นของพี่เวลล์อยู่ ส่วนชุดของตัวเองถูกยัดไว้ที่กระเป๋าใบใหญ่ของตัวเอง ซึ่งกำลังค่อยๆ ย่องเข้าห้องช้า ๆ ฉันเชื่อว่ายัยมีนยังไม่ตื่นแน่ ๆ ส่วนพลอยอาจจะยังไม่ตื่น(มั้ง)ก็ได้‘เอี๊ยด......’ฉันค่อย ๆ แง้มประตูให้เบาที่สุด และค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ ก้าวขาไปทีละก้าว ทีละก้าว ชะโงกมองห้องโถงว่ามีใครอยู่รึเปล่า เมื่อเห็นว่าปลอดคนฉันจึงย่องไปยังประตูห้องของตัวเองและเปิดให้เบาที่สุดพอชำเลืองมองภายในห้องนอน ยังมืดสนิท ผ้าม่านยังไม่เปิดฉันก็ถอนหายใจ พลอยยังไม่ตื่นแน่นอน จึงค่อย ๆ หันหลังเพื่อปิดประตู“เหี้ย!!!!!!!!!!!”เมื่อฉันหันหลังกลับ ใบหน้าของคนสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกันหน้าประตูห้อง ก็ยิ้มแฉ่งราวกับตัวร้ายใจซีรีส์สยองขวัญสุดแสนระทึก“ไป...ไหน...มา...คะ” เสียงสูงอันสุดแสนน่าขนลุกของยัยมีนเน้นคำอย่างสยดสยอง ส่วนพลอยที่อยู่ข้างๆ ก็เหมือนจะได้รับเชื้อแย่ๆ จากยัยมีนที่ทำใบหน้ายิ้มอยากรู้อยากเห็นกว่าทุกทีที่เคยคบนางมาฉันจะหันปิดประตู แต่ก็โดน
ตอนนี้ฉันถูกอุ้มมายังห้องพี่เวลล์แบบไม่คาดคิดมาก่อน แต่พอเขาอธิบายฉันก็คล้อยตามเขาไปหมด แต่ก็แอบเห็นด้วยจริงๆ นั่นแหละนี่เป็นเวลาตีสี่แล้ว ฉันทั้งปวดทั้งง่วงมาก อีกอย่างพลอยเองก็เจอเรื่องแย่ๆ มา ให้นางได้นอนพักผ่อนเต็มอิ่มสักหน่อยก็คงดีฉันถูกพี่เวลล์อุ้มมานั่งตรงโซฟา เขาค่อยๆ วางฉันลงอย่างเบามือ ก่อนจะหายไปในห้องเพื่อค้นหาของบางอย่าง ฉันเหลือบมองไปรอบๆ ห้องโถงของเขา ภายในเป็นโทนขาว ดำ เทา ดูสะอาดสะอ้านมาก ข้าวของภายในห้องไม่เยอะเท่าไหร่ อาจเพราะพวกเขาเพิ่งมาพักที่นี่ได้ไม่นาน อีกอย่างคงนอนสลับกับที่โรงพยาบาลแหละ นี่ก็ยังแปลกใจอยู่ทำไมพวกเขาพักคอนโดไกลจากโรงพยาบาลจังฉันวางมือไว้ตรงพนักพิงโซฟา แหงนมองเพดานอย่างเคย พลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่นานนักพี่เวลล์ก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องยา เขาวางมันไว้ตรงโต๊ะเล็กหน้าฉัน ก่อนจะเลี่ยงเดินไปห้องครัวรินน้ำมาให้“ทานยาก่อน” เขายื่นยาให้ และฉันก็รับมันมาทาน พร้อมกับน้ำที่เขาตระเตรียมไว้ จากนั้นเขาก็จับขาของฉันพาดมันไว้บนหน้าขาของเขาอย่างเบามือ“คะ?”“พี่จะทายาให้ เห็นไหมฟกช้ำหมดแล้ว” เขาหันมายิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบยาหลอดหนึ่งขึ้นมา บีบใส่มือก่อนจะบรร
(Well Part)ตัวผมกระตุกเกร็งแรงเสร็จสุขสม อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หากจะบอกว่าความสุขที่สุดในชีวิตของผมตอนนี้คืออะไร ก็คงจะตอบได้เต็มปากว่า ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ไง คือความสุขของผมผมที่ตอนนี้เหนื่อยจากการทำกิจกรรมอันเร่าร้อนอย่างหนัก นอนราบบนที่นั่งคนขับปรับเบาะเอนสุด หอบหายใจแรง ปรือตามองผู้หญิงที่ผมชอบมาก ซึ่งกำลังนอนซบอกผมอยู่ ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง กระโปรงที่ถกมากองเหนือสะโพก เสื้อที่ถูกปลดกระดุมปลดออกไป และบราที่ถูกลดมากองตรงเอวส่วนผมนะเหรอ แม้เสื้อผมจะถูกถกขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่กางเกงผมก็ถูกละไปกองอยู่ตรงข้อเท้าเช่นกัน อีกอย่างน้องชายผมที่ทำงานอย่างหนักยังคงคาอยู่ตรงนั้นของเธอ เพราะเธอฟุบลงอกผมอย่างหมดแรง ผมก็ไม่กล้าขยับตัว กะจะรอให้เธอพักหายใจ คลายความล้าก่อนเดี๋ยวเธอก็คงขยับสะโพกออกไปเองใบหน้าที่หลับตาพริ้มบนอกนั้น ทอดถอนหายใจเป็นจังหวะรดอกผม ลมหายใจอุ่น ๆ กลับมาเป็นจังหวะ ดวงตาที่ปิดมิดของเธอค่อย ๆ คลี่ออก เงยหน้าขึ้นมองผมช้า ๆ สายตาอ่อนแรงนั้นฉายแววออดอ้อน“แจนเหนื่อย ลุกไม่ขึ้น พี่เวลล์ใจร้ายทำรุนแรง รับผิดชอบด้วยค่ะ” ใบหน้าของเธอค้อนผมหน่อย ๆ แต่มันน่ารักชะมัด“พี่ขอโทษ พี่จะร
EP.35เสียงหายใจของฉันและเขาแรงรดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นพาดผ่านแพนตี้ตัวน้อยของฉัน เขาก็หยุดการลูบไล้ขาอ่อนฉันทันทีเขาเลื่อนมือข้างขวาขึ้นมาจับคางฉันให้หันไปหาเขาที่กำลังเชยคางวางพาดบนไหล่ขวา ฉันจึงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเอียงตัวมองเขาให้ถนัด เขาเลื่อนมือกุมท้ายทอยฉันก่อนจะดันเข้าหาใบหน้าเขา ริมฝีปากสองเราปะทะกัน และคราวนี้เป็นฉันบ้างที่เผยอเรียวปากสัมผัส สำรวจกลีบปากเจ้าเสน่ห์ของเขาเขาปล่อยให้ฉันใช้ลิ้นรุกล้ำเข้าไปสำรวจโพรงปากของเขาอย่างเต็มใจแถมสองลิ้นของเราก็เกี่ยวพันกันไปมาจนเกิดเป็นเสียงสัมผัสก่อให้เกิดอารมณ์ปะทุขีดสุด แน่นอนว่าหว่างขาของฉันตอนนี้ชื้นแฉะขนาดที่มองเห็นได้จากภายนอก แพนตี้ตัวน้อย มีรอยเปียกเป็นดวงออกมาให้เห็นชัดแจ่มแจ้ง ฉันไม่อายแล้วล่ะก็มันทั้งเสียว ทั้งซ่านไปทั้งตัวแบบนี้ตอนนี้เอาช้างทั้งตัวมาฉุดให้ฉันออกห่างจากเขา ก็เอาไม่อยู่แล้วพอฉันถอนลิ้นที่สำรวจจนหนำใจของฉันออกมา ฉันก็จ้องหน้าเขาด้วยความลุ่มหลงมือของฉันลูบไล้เขาไปที่ใบหน้าพรมจูบไปทั่ว ไม่ว่าจะหน้าผาก แก้ม จมูก ปลายคาง ทุกส่วนบนใบหน้าทองคำนี้ ฉันจับจองเป็นเจ้าของหมดแล้ว“อ่ะ