EP.39
12.00 น. (ณ. มหาวิทยาลัย)
“แปลกๆ....” ที่พออาจารย์ออกจากห้องไป ไอ้นัทก็เดินดุ่มๆ วนรอบโต๊ะของฉัน ใบหน้ามองฉันด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรของแกไอ้นัท ทำไมเอาแต่จ้องฉันแบบนั้น” ฉันเหลือบมองด้วยสายตาดุไปที่มัน
“แจน แกเปลี่ยนไปนะ”
“เหอะ....ไอ้นัทแกทำให้ฉันงง” ฉันส่ายหัวไปมาก่อนจะหันไปสนใจเก็บสมุดลงกระเป๋า
“แปลกยังไงเหรอนัท พลอยไม่เห็นเข้าใจที่นัทพูด” พลอยที่นั่งข้างกันเอ่ย
“พลอย แกไม่เห็นเหรอวันนี้แจนมันใส่กระโปรงพลีทยาว” ไอ้นัทเอ่ย พลางดึงเก้าอี้มานั่งหันหน้าเข้าหาฉัน
“ใส่กระโปรงพลีทยาว ละ..แล้วมันแปลกตรงไหนเหรอ ฉันยังใส่เลย” พลอยทำหน้าสงสัย ฉันเองก็สงสัยทำไมการที่ฉันใส่กระโปรงพลีทยาว มันถึงเป็นเรื่องแปลกไปได้ใครๆ ก็ใส่กันไม่ใช่เหรอ
“ไอ้นัท..กระโปรงพลีทยาวคนในม.เขาใส่กันให้เบือ”
“คนอื่นใส่อ่ะไม่แปลก แต่แกใส่แล้วแปลก”
“ฉันไม่เข้าใจความคิดแกว่ะ ทำไมวะ”
“ก็สามปีที่ผ่านมา แกไม่เคยใส่นอกจากตอนรับน้องปีหนึ่ง”
“....” ฉันเงียบเพื่อทวนความจำ ไอ้นัทแม่งความจำดีชิบหายเพราะเป็นจริงอย่างที่มันว่า กระโปรงพลีทยาวฉันใส่ครั้งสุดท้ายคือปีหนึ่งตอนรับน้อง จากนั้นก็ไม่เคยคิดที่จะใส่อีก เพราะไม่ชอบ แต่ที่วันนี้ใส่ก็เพราะว่าขาฉันและเข่ามันฟกช้ำไปทั่วนะสิ ซึ่งตรงนี้พลอยเองก็รู้
“แจน ไปทานข้าวกันเถอะ ไปโรงอาหารกันดีไหมวันนี้” พลอยที่เห็นอาการสอดรู้สอดเห็นของไอ้นัทที่มันยังคงจ้องมองฉันอย่างสงสัย จึงตัดบทเพื่อนเบี่ยงประเด็น
“หืมได้สิ หิวพอดี” ฉันหันหน้าไปคุยกับพลอย
“ไปด้วย” ไอ้นัทเอ่ยปุ๊บ ฉันกับพลอยหันหน้าควับไปหามันปั๊บ วันนี้อะไรเข้าก้นมันจึงอยากมากินข้าวกับพวกฉันเนี้ย
“จะมากินกับพวกฉัน ว่าแต่ไม่ไปกินกับน้องอรของแกรึไง”
“ไม่ได้ไป วันนี้น้องอร มีเรียนนอกสถานที่”
“แล้วแต่ล่ะกัน โอเคใช่ไหมพลอย” ฉันตอบไอ้นัท ก่อนจะหันไปถามพลอย
“ได้ๆ”
ฉัน พลอย และไอ้นัท เดินไปยังโรงอาหารของมหาลัย ซึ่งอยู่ระหว่าง คณะวิศวะ และ คณะบริหาร โรงอาหารแห่งนี้ใหญ่พอๆ กับที่ติดคณะนิเทศตอนไปกินกับยัยมีน
เวลาเที่ยงเป็นเวลาที่นักศึกษาส่วนใหญ่พักรับประทานอาหาร ดังนั้นจึงเป็นปกติที่คนจะอุ่นหนาฝาคั่ง พวกฉันทั้งสามคน จึงรีบช่วยกันกวาดตามองหาโต๊ะนั่ง และก็เป็นพลอยที่เจอ เธอจึงรีบวิ่งปรี่เข้าไปก่อนเพื่อจับจอง
นี่มันคือสมรภูมิสงครามแย่งโต๊ะนั่งของจริง
“แจน กับ นัท ไปซื้อข้าวก่อนเลยเดี๋ยวพลอยเฝ้าโต๊ะให้ก่อน” ฉันที่เห็นด้วยจึงหันไปพยักหน้าให้ไอ้นัทก่อนจะแยกกันไปซื้อข้าวที่จะทาน
ฉันเลือกที่จะทานก๋วยเตี๋ยวต้มยำ การต่อแถวมันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่ไอ้สายตาคนรอบๆ ที่เอาแต่มองนี่ดิ น่ารำคาญเหมือนเคย ขนาดฉันนิ่ง ดวงตาแข็งกราว ไม่ยิ้ม หันไปมองค้อนใส่พวกเขาแบบนั้น ก็ยังส่งยิ้มตอบกลับมาได้อีก เชื่อเขาเลย
พอถึงคิวฉัน ฉันก็รีบสั่ง รีบปรุง ก่อนจะเร่งฝีเท้าเพื่อกลับโต๊ะ ความรู้สึกตามทางเหมือนมีแต่คนจะกระโจนใส่ ดีนะที่ไอ้นัทมันได้ข้าวก่อนแล้วยืนรอฉันก่อนที่มันจะยักคิ้วเดินนำหน้าฉันทำตัวกร่างๆ เพื่อให้คนอื่นเปิดทางให้ ก็เลยทำให้ฉันหายใจคล่องขึ้นมาหน่อย
“แค่ซื้อข้าวเหนื่อยชะมัด ฟวู่...” ฉันวางชามก๋วยเตี๋ยวนั่งตรงข้ามพลอยพลางถอนหายใจยาว
“เป็นอะไรไปแจน”
“แจนมันก็เหนื่อยตามประสาสาวฮอตปรอทแตกนั่นแหละพลอย ถ้าไม่ได้ไอ้นัทคนนี้เดินขอทางให้ มีหวังโดนล้อมอยู่ในวง มันมาทานอาหารที่นี่ล่าสุดก็สองสามเดือนก่อนไม่ใช่รึไง” ไอ้นัทพูดพลางนั่งวางจานข้าวข้างพลอย
“พลอย ขอโทษลืมไปว่าแจนไม่ชอบสถานที่คนเยอะ” พลอยมองฉันอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรพลอย นานๆ ทีมาทานก็ดีเหมือนกัน พลอยเองก็ลุกไปซื้อข้าวเถอะ เดี๋ยวคนจะยิ่งเยอะ”
“อื้อ..” พลอยลุกออกจากโต๊ะเพื่อไปซื้อข้าว ทำให้ตอนนี้มีแค่ฉันกับไอนัทที่อยู่โต๊ะอาหาร
“เออ...ว่าแต่ตอนนั้น ฮือฮาเลยนิหว่า” ไอ้นัทเปิดประเด็นในขณะที่ปากก็ยังเคี้ยวข้าวอยู่ ส่วนฉันที่กำลังซดน้ำก๋วยเตี๋ยวในชามก็หันไปมองและฟังมันอย่างตั้งใจ
“เรื่อง?” ฉันยักคิ้วเชิงสงสัย
“ที่สนามบาสไง”
“....” ฉันไม่เอ่ยอะไร ก้มหน้าทานก๋วยเตี๋ยวในชามต่อ เพราะไม่อยากจะพูดถึง วันนี้ไอ้นัทมาแปลก เอาแต่ซอกแซกอย่างกับคนขี้เสือก
“เป็นอย่างที่เขาลือรึเปล่าวะแจน หรือว่าแกจะยอมมีแฟนแล้ว” ไอ้นัทเอาแต่เค้นถามอยู่นั่นจนฉันรำคาญ ถลึงตาค้อนใส่มันอย่างตั้งใจ ส่วนมันก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร หัวเราะร่าชอบใจด้วยซ้ำ
‘นะ...นั่นมัน กรี๊ดดดดดดดด’
จู่ ๆ ในโรงอาหารก็เสียงดังเซ็งแซ่ เหล่าสาว ๆ กรี๊ดสนั่นหวั่นไหว สงสัยมีเดือนคณะวิศวะ ไม่ก็ คณะบริหารมาล่ะมั้งถึงกรี๊ดกันขนาดนี้ ฉันไม่ได้สนใจอะไรหรอก จึงไม่หันไปมอง เอาแต่ง่วนกับการกินก๋วยเตี๋ยวในชามดีกว่า
“ตายยากชะมัดว่ะ” ไอ้นัทพึมพำ พลางส่งสายตามาที่ฉันด้วยใบหน้ายกยิ้ม
“ใครตาย” ฉันมองมัน พลางเอ่ยถามเพราะไม่เข้าใจที่มันจะสื่อ ไอ้นัทก็เอาแต่พยักพเยิดกรอกตาพุ่งไปทางด้านหลัง ที่มีเสียงกรี๊ดดังสนั่น พอหันไปดูก็ไม่เห็นอะไรนอกจากคนรุมล้อมใครสักคน ซึ่งก็ไม่รู้เพราะไม่เห็น “ก็คงเดือนคณะเราไม่ก็บริหารแหละ”
“แกแน่ใจเหรอวะแจน ดูดี ๆ เขากำลังมองมาที่โต๊ะเรานะเฟ้ย” สิ้นคำไอ้นัท ฉันก็หันกลับไปมองอีกครั้ง
‘เชี้ย!!!’ ฉันอุทานในใจจนหน้าถอดสี เขามาโรงอาหารนี้ได้ไง แถมตอนนี้สายตาก็พุ่งมาทางนี้อีก ฉันจึงรีบหันควับก้มลงกินก๋วยเตี๋ยวที่ตอนนี้หัวแทบจะจุ่มลงชามอยู่แล้ว
“ฮ่า ฮ่า แสดงว่าข่าวลือคือเรื่องจริงสินะ ตกลงแกคบกับพี่เวลล์แล้วเหรอเนี้ย เลือกได้ดีนิหว่า หล่อจนฉันยังสู้ไม่ได้ ยอมว่ะ”
“หุบปากไปเลยไอ้นัท” ฉันเงยหน้าเล็กน้อยถลึงตาค้อนใส่มันอย่างหาเรื่อง แต่ไม่นานนัก เสียงกรี๊ดในโรงอาหารจู่ ๆ ก็เงียบสนิท ร่างกายของฉันรับรู้ถึงความหนาวเหน็บจนขนลุกชัน บรรยากาศเยือกเย็นนี่มันอะไรกันนะ
ไอ้นัทที่นั่งตรงหน้า ขยับออกไปเกือบจะนั่งสุดขอบเก้าอี้ยาวทางซ้ายมือของฉัน ฉันมองมัน มันก็กรอกตาไปทางขวามือของฉัน
เมื่อฉันค่อยๆ แหงนหน้ามองไปยังตำแหน่งที่ไอ้นัทมอง ดวงตาฉันก็เบิกโพรง พลางกลืนน้ำลายไปสองสามอึก
“สะ..สวัสดีค่ะ พี่เวลล์ ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่ะ” จากที่ก้มตัวแทบหน้าจุ่มชาม ตอนนี้ฉันกลับต้องยืดตัวตรงดิ่งราวกับทหารที่กำลังจะตั้งฉากก่อนทานข้าว
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” พี่เวลล์เอ่ยขนาดนี้ ฉันจะปฏิเสธได้ไง คนรอดู รอฟังทั้งโรงอาหารเนี้ย นิ่งเข้าไว้ยัยแจน อย่าทำตัวให้มีพิรุธ
“ดะ..ได้เชิญตามสบายค่ะ” ฉันที่เอ่ยออกไป และพยายามควบคุมว่าตนเองจะไม่เผลอทำตัวพูดสนิทสนมกับเขา ตอนนี้เกร็งสุด ๆ สายตาทั้งโรงอาหารจับจ้องมาที่โต๊ะเรา ส่วนพลอยที่เดินมาถึงโต๊ะ ก็รับรู้สถานการณ์ได้จึงเข้าไปดึงแขนเสื้อของไอ้นัท ก่อนที่ทั้งสองจะปลีกตัวไปนั่งโต๊ะด้านข้าง ปล่อยให้ฉันกับพี่เวลล์นั่งด้วยกันเพียงสองคน
ฉันเบือนหน้าไปมองทั้งสองคน ถลึงตาใส่ มันน่าไม่ล่ะ ทั้งที่พวกมันควรจะเข้ามาชวนคุยไม่ให้ฉันนั่งอยู่กับพี่เวลล์สองคนสิ แล้วแบบนี้ฉันต้องทำตัวยังไงต่อสายตาคนอื่นไม่ให้มีพิรุธ พี่เวลล์นี่ก็เหลือเกินไม่ฟังกันเลย
EP.40พี่เวลล์นั่งลงตรงข้ามฉัน ส่วนฉันก็เอาแต่ก้มหน้าก้มทางก๋วยเตี๋ยวแทบไม่มองคนข้างหน้า พอลองเหลือบมองก็พบว่าเขาเอาแต่จ้องฉันอีก แถมคนอื่น ๆ ในโรงอาหารก็ดันสามัคคีรวมพลังกันเงียบเฉียบ ทำอย่างกับรอเสือกข่าวชามโตซะอย่างนั้น ใครจะไปทนความอึดอัดแบบนี้ได้กัน“อะแฮ่ม...พี่มาที่นี่ได้ยังไงคะ” ฉันพยายามพูดออกมาให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่า อย่าเจอกันในมหาลัย”“ก็ใช่ พี่ก็บอกว่าแล้วแต่แจน” เขาโน้มตัวขยับใบหน้าเข้าใกล้ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเบาบาง“แล้วที่พี่ทำอยู่นี่มันยังไงคะ”“ก็พี่บอกว่าแล้วแต่แจนครับ แต่พี่ไม่ได้บอกว่าพี่จะทำตามด้วยซะหน่อย”“พี่เวลล์!!!” ฉันลืมตัว เผลอลุกขึ้นอุทานเรียกชื่อเขาดังลั่น จนตอนนี้ทุกคนยิ่งสนใจพวกเรามากขึ้นไปอีก“โกรธพี่เหรอ” เหอะ... ดูเอาเถอะเอาคำนี้มายอกย้อนฉัน หายใจเข้า หายใจออก ยัยแจนแกต้องตั้งสติ“พี่รอฉันอยู่ตรงนี้เดี๋ยวฉันมา” ใบหน้าฉันไม่สามารถเก็บสีหน้าบูดบึ้ง และอารมณ์ห
EP.41หลายวันผ่านมาฉันกับพี่เวลล์ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่วันนั้น เราได้แต่โทรคุยกันครั้งล่ะไม่เกินสองนาที แชตไลน์ที่กว่าจะตอบกันก็ทิ้งช่วงหลายชั่วโมง ไม่ใช่แค่พี่เวลล์ที่ไม่มีเวลาให้ ฉันเองก็ไม่มีเวลาเหมือนกัน สภาพเพื่อนๆ ทั้งสาขาแทบเหมือนศพเดินได้ ไฟลนตูด ฉันไม่ต่างอะไรกับยัยเพิ้งหัวยุ่ง ยังดีที่พลอยยังเป็นสมาชิกกลุ่มโปรเจคของฉัน ทำให้พอกลับมาห้องก็ยังช่วยกันปั่นงานต่อ ไม่งั้นงานยิ่งไม่เดินแน่ ยัยมีนที่มองสภาพฉันกับพลอยด้วยความสงสาร ก็คอยซื้อข้าวซื้อน้ำมาประเคน คอยจิกให้ทานข้าว เพื่อไม่ให้ตายกันซะก่อนฉันกับยัยพลอยจ้องหน้ากัน พลางหัวเราะ ใส่กันราวกับคนบ้า บางครั้งก็ร้องไห้ฮือออกมากันซะดื้อ ๆ ที่แท้การเรียนหนักจนแทบบ้ามันเป็นแบบนี้นี่เองและแล้วขุมนรกของพวกเราก็ใกล้จะผ่านพ้นไป กลุ่มสมาชิกทั้งห้าคนของพวกเราวางเอกสารปึกใหญ่เกี่ยวกับโปรเจคที่ทำกันแทบขายวิญญาณต่อหน้าคณะอาจารย์สาขา ที่ตอนนี้กำลังเพ่งมองพวกเราด้วยความคาดหวัง สมาชิกกลุ่มทุกคนหันหน้าให้กำลังใจ ปลอบใจกันไปมา พวกเราทำกันเต็มที่แล้วจริง ๆ จนเมื่ออาจารย์
EP.42(Well Part)ช่วงนี้ผมไม่ได้เจอแจนเลย เพราะผมยุ่งอยู่กับวอร์ดค่อนข้างมาก แถมต้องสะสางงานที่ต้องส่งมหาลัยด้วย จึงได้แค่แชตส่งข้อความ ไม่ก็โทรหากันไม่กี่นาที เหมือนแจนเองก็ยุ่งวุ่นกับการเรียนของเธอเหมือนกัน แต่การไม่ได้เห็นหน้ากันเป็นเวลานานแบบนี้ก็ทำเอาผมรู้สึกแย่เหมือนกันนะ ผมเองก็อยากเจอหน้าเธอสักนิดก็ยังดี อยากได้กำลังใจจากเด็กดื้อคนนั้นตอนนี้ผมอยู่ที่โรงอาหารของโรงพยาบาล กว่าจะว่างมานั่งทานข้าวได้อย่างสบายใจในรอบหลายวันแบบนี้ไม่ได้มีกันง่าย ๆ อีกอยาก เพราะความดื้อดึง ของน้าสาวของผมที่ ตอนนี้กลับมาเป็นแพทย์ประจำการที่โรงพยาบาลของตระกูลหลังจากใช้ชีวิตหลายปีในต่างประเทศน้าใช้อำนาจความเป็นใหญ่คะยั้นคะยอให้ผมมาทานข้าวเป็นเพื่อน มีเหรอที่ผมจะปฏิเสธได้“นี่หลานรัก ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” น้าผมเอ่ยถามผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ก็เรียนหนักครับ” ผมก้มหน้าทานข้าวเงียบ ๆ ขรึม ๆ ตามสไตล์ของผมนั่นแหละ“น้ากลับจากต่างประเทศเอาของฝากมาให้หลานเยอะเลยนะ อ่อ ฝากเผื่อพี่ส
EP.43ณ.คอนโดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ปิดมือถือเครื่องนั้นไปเลย ฉันรู้ว่าถ้าเดินออกมาพี่แม็กต้องรีบไปบอกพี่เวลล์แน่ ๆ ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับเขา เพราะตอนนี้แค่พูดเสียงสะอึกอันน่าอายนี่เขาต้องได้ยินแน่ ๆรู้นะว่าภาพที่เห็นนั่นมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ แต่ฉันคิดมากไง มากเสียจนไม่อยากจะควานหาคำตอบ ทั้งที่เดินเข้าไปตรงนั้นถามให้รู้เรื่องก็คงจบแล้ว แต่ที่ไม่กล้า เพราะกลัว กลัวจะได้คำตอบที่ไม่อยากได้ยินขึ้นมานะสิฉันผิดเอง ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนงี่เง่า เอาไว้อารมณ์อ่อนไหวต่อความรักนี่ลดลง ฉันจะเป็นฝ่ายไปหาเขาเองเพราะยังไงฉันก็เชื่อใจพี่เวลล์อยู่แล้วล่ะ“อ่าวมาแล้วเหรอ” ยัยมีนที่กำลังนั่งกินขนมดูซีรีส์อยู่กลางห้องหันมาทักทายฉัน“พลอยยังไม่มาเหรอ” ฉันที่มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเพื่อนอีกคน“ยังไม่เห็นนะ แกไม่โทรถามล่ะ”“ฉันปิดมือถือ” ฉันพูดก่อนจะโยนกระเป๋าลงโซฟาแล้วนั่งข้าง ๆ ยัยมีนที่มันกำลังวางถุงขนมละสายตาจากซีรีส์และหันมาสนใจฉัน“เ
ณ. คอนโด “แจนมึงตื่นได้แล้ว นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ววะ จะสายแล้วนะมึง” เสียงของยัยมีน เพื่อนรูมเมทของฉัน เรียกฉันตื่นจากภวังค์ที่กำลังเฝ้าพระอินทร์อยู่ ร่างกายของฉันเหยียดตรงบนฟูกนอนหนาอันแสนนุ่มสบาย บิดซ้ายขวา ด้วยความขี้เกียจก่อนเอ่ยไปด้วยความหงุดหงิด“กูไม่มีเรียนเช้า มีเรียนบ่ายสองโมงโน้น” ฉันตอบไปในขณะที่ลูกตายังไม่พร้อมเปิดด้วยซ้ำ“ทำไมมึงไม่บอกกูไว้ก่อนล่ะ คนอุตส่าห์เข้ามาปลุก” มีนทำหน้านิ่วใส่ ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ตรงเครื่องแป้งปลายเตียงของฉัน ฉันลืมตาตื่นมาก็พบว่ามันนั่งได้น่าเกลียดมาก“นี่ยัยมีน มึงอยู่ในชุดนักศึกษารัดติ้ว กระโปรงก็แทบจะเสมอหู ช่วยนั่งดีๆ หน่อย เห็นหมดแล้ว” ฉันได้แต่เอิอมกับความไม่ระวังตัวของเพื่อนสนิทคนนี้ เอาล่ะฉันจะมาแนะนำก่อน พวกเราสองคนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ม.ต้น จวบจน ม.ปลาย แม้แต่มหาลัย เรายังเลือกเรียนที่เดียวกันอีก เพียงแต่เราไม่ได้เรียนคณะเดียวกัน ยัยมีนมีความฝันอยากเป็น นักข่าว พิธีกร อะไรทำนองนี้ นางจึงเลือกเรียนนิเทศ ส่วนฉันเรียนวิศวกรรมเครื่องกล เพราะอยากเรียนแค่นั้นแหละ เราสองคนค่อนข้างตัวติดกันไปไหนไปกัน แม้รสนิย
วันนี้ฉันมีเรียนเพียงคาบเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังกลับทันทีไม่ได้ เนื่องจากงานกลุ่มที่ต้องช่วยกันระดมความคิด กว่าจะลงตัวก็ปาไปสองทุ่มกว่าแล้ว พอกำลังจะกลับ เสียงไลน์ก็ดังขึ้นและแน่นอนว่ามันมาจากเพื่อนสนิทฉันเองMeeny : วันนี้ไปลั๊นลากันเพื่อนรักJanny : ไม่ไปMeeny : มึงต้องไปค่ะเพื่อน กูจองโต๊ะแล้วค่ะJanny : เพื่ออะไรMeeny : กูเพิ่งอกหักนะ ก็ต้องยาใจป่ะJanny : ยาใจที่ว่าคือดื่มงั้นเหรอMeeny : ใช่แล้ว โสดแซ่บขนาดนี้ ก็ต้องดื่มต้องเที่ยว ควงผู้สักหน่อยJanny : จะไปกันสองคน?Meeny : มีกุ้กอีกคนJanny : ไม่ได้เจอมันมาสักพักเลย ไปก็ไปMeeny : พูดง่ายแบบนี้ดีมากเพื่อนสาว ไว้เจอกันรีบกลับล่ะ ฉันขับรถมาถึงคอนโด ก็พบว่ายัยมีนแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ชุดเดรสสั้นเกาะอกสีขาว โชว์เนินนม และเรียวขา แน่นอนว่าต้องเอ็กซ์ ราวกับแม่เสือน้อยสุดยั่วอย่างเคย ผมลอนยาวสลวย พ่วงด้วยเครื่องประดับวิบวับ ส่วนฉันแน่นอนว่ามันตรงกันข้าม จัดเดรสดำยาวถึงเข่าด้านหน้ามิดชิด แต่มีลูกเล่นเว้าหลังจนเกือบสะโพกเผยให้เห็นแผ่นหลังอันขาวเนียน ตัดกับสีผมไวน์แดงสั้นประบ่า สวยเฉี่ยวน่าหลงใหลไม่แพ้กัน
จากนั้นจึงลุกมุ่งไปยังโต๊ะของเหล่ารุ่นพี่หมอปีห้า ที่ยัยมีนบอกไว้ เดินผ่านเบียดเสียดคนมากมาย บางคนก็ดูเหมือนจะรู้จักฉันอยู่บ้างพยายามจะเดินเข้าหา แต่ฉันก็ยกแก้วเป็นการปฏิเสธไปด้วยหน้าตาเรียบเฉยเมื่อแหวกฝูงชนจนมาถึงโต๊ะ ก็เห็นยัยมีนยืนคุยจ้อกับบรรดาหนุ่มๆ อย่างสนุก เอาเถอะปล่อยนางสักวัน อกหักมาก็แทบตาบวมมาหลายวัน ส่วนยัยกุ้กก็นั่งตัวแข็งทื่อราวกับหลักกิโล นางคงทำตัวไม่ถูกสินะ ส่วนบรรดารุ่นพี่ในโต๊ะนั้นมี สามคน อืม...ก็สมควรที่ยัยมีนจะโดนตกง่าย ๆ แต่ละคนดูหล่อ สะอาดเนี้ยบ เข้าท่าอยู่ ยัยมีนคงสนใจรุ่นพี่คนที่ยืนคุยด้วยกันนั่นสินะ อีกคนผมยาวมัดรวบแอบเห็นเหล่ไปมองยัยกุ้กอยู่เหมือนกัน แต่อีกคนนี่สิเอาแต่ควงแก้วเหล้าดื่มเงียบๆเหมือนไม่ได้สนใจวงสนทนาเท่าไหร่ ยอมรับว่าคนนี้ดูหล่อสุดๆ และเป็นจุดสนใจของโต๊ะนี้ เพราะไม่ว่าจะมองไปสาว ๆ โต๊ะไหน ก็ต้องมีเหล่มามองเขาตลอดทั้งนั้น“ยัยมีน กุ้ก” สิ้นเสียงเรียก ยัยมีนหันหลังมากวักมือยกใหญ่ ส่วนกุ้กนั้นก็ฉีกยิ้มราวกับเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ เหนื่อยหน่อยนะกุ้ก“โทษที พอดีไปเอาเครื่องดื่มนิดหน่อย” หลังจากกระซิบข้างหูยัยมีนแล้ว ฉันก็นั่งลงโซฟาข้าง ๆ รุ่นพี่
ฉันเองก็ยืดตัวกลับมายังตำแหน่งที่เดิม ราวกับไม่ได้พูดอะไรออกไป หันไปสนใจแก้วเหล้าต่อ เอาจริงฉันยอมรับว่ารุ่นพี่เวลล์หล่อมาก ๆ ทั้งรูปร่างหน้าตาเขาก็ทำให้ฉันรู้สึกอย่างว่าจริง ๆ เนื้อแท้ของฉันเป็นคนติดเรื่องอย่างว่าแต่เพราะประสบการ์ณบนเตียงกับแฟนเก่าเมื่อนานมาแล้วมันห่วยแตก แย่สิ้นดี และกลับพบว่าการช่วยตัวเอง รวมไปถึงเซ็กทอยยังทำให้ฉันไปถึงฝั่งฝันกว่าแฟนเก่าซะอีกก็ทำให้ฉันปรับเปลี่ยนวิธีระบายไป แถมผู้ชายที่พยายามจะเข้าหาฉันนั้นก็ไม่ดึงดูดเลยสักนิด แต่กลับคนตรงหน้านี้ ไม่รู้ฉันเป็นอะไรแบบอยากได้ชิบหาย แค่อยากได้เรื่องอย่างว่านะ ไม่ได้ต้องการความรู้สึกผูกพันฉันแฟนแต่อย่างใดเราสองคนยังนิ่งเงียบแบบนั้น ต่างคนต่างอยู่ในภวังค์ของตัวเอง สลับมองกันไปมาอย่างหยั่งเชิง ไม่มีใครเริ่มปริปากพูดจวบจนที่ทั้งสี่คนที่ออกไปเต้นไปสูบบุหรี่กลับมานั่งยังที่เดิมแล้ว“น้องแจนไม่ออกไปเต้นบ้างเหรอครับ ไม่เบื่อเหรอ” พี่แม็กเอ่ยถาม ฉันได้แต่เงยหน้ายิ้มไม่ได้ตอบอะไร และตอนนี้ฉันรู้สึกได้ว่าเครื่องแอลที่ฉันดื่มไปเริ่มออกฤทธิ์ทำเอาสะลึมสะลืออยู่เหมือนกัน แต่ยังควบคุมสติได้อยู่“พี่แม็กคะ ยัยแจนไม่ใช่สายเต้น สายสูบ
EP.43ณ.คอนโดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ปิดมือถือเครื่องนั้นไปเลย ฉันรู้ว่าถ้าเดินออกมาพี่แม็กต้องรีบไปบอกพี่เวลล์แน่ ๆ ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับเขา เพราะตอนนี้แค่พูดเสียงสะอึกอันน่าอายนี่เขาต้องได้ยินแน่ ๆรู้นะว่าภาพที่เห็นนั่นมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ แต่ฉันคิดมากไง มากเสียจนไม่อยากจะควานหาคำตอบ ทั้งที่เดินเข้าไปตรงนั้นถามให้รู้เรื่องก็คงจบแล้ว แต่ที่ไม่กล้า เพราะกลัว กลัวจะได้คำตอบที่ไม่อยากได้ยินขึ้นมานะสิฉันผิดเอง ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนงี่เง่า เอาไว้อารมณ์อ่อนไหวต่อความรักนี่ลดลง ฉันจะเป็นฝ่ายไปหาเขาเองเพราะยังไงฉันก็เชื่อใจพี่เวลล์อยู่แล้วล่ะ“อ่าวมาแล้วเหรอ” ยัยมีนที่กำลังนั่งกินขนมดูซีรีส์อยู่กลางห้องหันมาทักทายฉัน“พลอยยังไม่มาเหรอ” ฉันที่มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเพื่อนอีกคน“ยังไม่เห็นนะ แกไม่โทรถามล่ะ”“ฉันปิดมือถือ” ฉันพูดก่อนจะโยนกระเป๋าลงโซฟาแล้วนั่งข้าง ๆ ยัยมีนที่มันกำลังวางถุงขนมละสายตาจากซีรีส์และหันมาสนใจฉัน“เ
EP.42(Well Part)ช่วงนี้ผมไม่ได้เจอแจนเลย เพราะผมยุ่งอยู่กับวอร์ดค่อนข้างมาก แถมต้องสะสางงานที่ต้องส่งมหาลัยด้วย จึงได้แค่แชตส่งข้อความ ไม่ก็โทรหากันไม่กี่นาที เหมือนแจนเองก็ยุ่งวุ่นกับการเรียนของเธอเหมือนกัน แต่การไม่ได้เห็นหน้ากันเป็นเวลานานแบบนี้ก็ทำเอาผมรู้สึกแย่เหมือนกันนะ ผมเองก็อยากเจอหน้าเธอสักนิดก็ยังดี อยากได้กำลังใจจากเด็กดื้อคนนั้นตอนนี้ผมอยู่ที่โรงอาหารของโรงพยาบาล กว่าจะว่างมานั่งทานข้าวได้อย่างสบายใจในรอบหลายวันแบบนี้ไม่ได้มีกันง่าย ๆ อีกอยาก เพราะความดื้อดึง ของน้าสาวของผมที่ ตอนนี้กลับมาเป็นแพทย์ประจำการที่โรงพยาบาลของตระกูลหลังจากใช้ชีวิตหลายปีในต่างประเทศน้าใช้อำนาจความเป็นใหญ่คะยั้นคะยอให้ผมมาทานข้าวเป็นเพื่อน มีเหรอที่ผมจะปฏิเสธได้“นี่หลานรัก ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” น้าผมเอ่ยถามผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ก็เรียนหนักครับ” ผมก้มหน้าทานข้าวเงียบ ๆ ขรึม ๆ ตามสไตล์ของผมนั่นแหละ“น้ากลับจากต่างประเทศเอาของฝากมาให้หลานเยอะเลยนะ อ่อ ฝากเผื่อพี่ส
EP.41หลายวันผ่านมาฉันกับพี่เวลล์ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่วันนั้น เราได้แต่โทรคุยกันครั้งล่ะไม่เกินสองนาที แชตไลน์ที่กว่าจะตอบกันก็ทิ้งช่วงหลายชั่วโมง ไม่ใช่แค่พี่เวลล์ที่ไม่มีเวลาให้ ฉันเองก็ไม่มีเวลาเหมือนกัน สภาพเพื่อนๆ ทั้งสาขาแทบเหมือนศพเดินได้ ไฟลนตูด ฉันไม่ต่างอะไรกับยัยเพิ้งหัวยุ่ง ยังดีที่พลอยยังเป็นสมาชิกกลุ่มโปรเจคของฉัน ทำให้พอกลับมาห้องก็ยังช่วยกันปั่นงานต่อ ไม่งั้นงานยิ่งไม่เดินแน่ ยัยมีนที่มองสภาพฉันกับพลอยด้วยความสงสาร ก็คอยซื้อข้าวซื้อน้ำมาประเคน คอยจิกให้ทานข้าว เพื่อไม่ให้ตายกันซะก่อนฉันกับยัยพลอยจ้องหน้ากัน พลางหัวเราะ ใส่กันราวกับคนบ้า บางครั้งก็ร้องไห้ฮือออกมากันซะดื้อ ๆ ที่แท้การเรียนหนักจนแทบบ้ามันเป็นแบบนี้นี่เองและแล้วขุมนรกของพวกเราก็ใกล้จะผ่านพ้นไป กลุ่มสมาชิกทั้งห้าคนของพวกเราวางเอกสารปึกใหญ่เกี่ยวกับโปรเจคที่ทำกันแทบขายวิญญาณต่อหน้าคณะอาจารย์สาขา ที่ตอนนี้กำลังเพ่งมองพวกเราด้วยความคาดหวัง สมาชิกกลุ่มทุกคนหันหน้าให้กำลังใจ ปลอบใจกันไปมา พวกเราทำกันเต็มที่แล้วจริง ๆ จนเมื่ออาจารย์
EP.40พี่เวลล์นั่งลงตรงข้ามฉัน ส่วนฉันก็เอาแต่ก้มหน้าก้มทางก๋วยเตี๋ยวแทบไม่มองคนข้างหน้า พอลองเหลือบมองก็พบว่าเขาเอาแต่จ้องฉันอีก แถมคนอื่น ๆ ในโรงอาหารก็ดันสามัคคีรวมพลังกันเงียบเฉียบ ทำอย่างกับรอเสือกข่าวชามโตซะอย่างนั้น ใครจะไปทนความอึดอัดแบบนี้ได้กัน“อะแฮ่ม...พี่มาที่นี่ได้ยังไงคะ” ฉันพยายามพูดออกมาให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่า อย่าเจอกันในมหาลัย”“ก็ใช่ พี่ก็บอกว่าแล้วแต่แจน” เขาโน้มตัวขยับใบหน้าเข้าใกล้ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเบาบาง“แล้วที่พี่ทำอยู่นี่มันยังไงคะ”“ก็พี่บอกว่าแล้วแต่แจนครับ แต่พี่ไม่ได้บอกว่าพี่จะทำตามด้วยซะหน่อย”“พี่เวลล์!!!” ฉันลืมตัว เผลอลุกขึ้นอุทานเรียกชื่อเขาดังลั่น จนตอนนี้ทุกคนยิ่งสนใจพวกเรามากขึ้นไปอีก“โกรธพี่เหรอ” เหอะ... ดูเอาเถอะเอาคำนี้มายอกย้อนฉัน หายใจเข้า หายใจออก ยัยแจนแกต้องตั้งสติ“พี่รอฉันอยู่ตรงนี้เดี๋ยวฉันมา” ใบหน้าฉันไม่สามารถเก็บสีหน้าบูดบึ้ง และอารมณ์ห
EP.3912.00 น. (ณ. มหาวิทยาลัย)“แปลกๆ....” ที่พออาจารย์ออกจากห้องไป ไอ้นัทก็เดินดุ่มๆ วนรอบโต๊ะของฉัน ใบหน้ามองฉันด้วยความสงสัย“เป็นอะไรของแกไอ้นัท ทำไมเอาแต่จ้องฉันแบบนั้น” ฉันเหลือบมองด้วยสายตาดุไปที่มัน“แจน แกเปลี่ยนไปนะ”“เหอะ....ไอ้นัทแกทำให้ฉันงง” ฉันส่ายหัวไปมาก่อนจะหันไปสนใจเก็บสมุดลงกระเป๋า“แปลกยังไงเหรอนัท พลอยไม่เห็นเข้าใจที่นัทพูด” พลอยที่นั่งข้างกันเอ่ย“พลอย แกไม่เห็นเหรอวันนี้แจนมันใส่กระโปรงพลีทยาว” ไอ้นัทเอ่ย พลางดึงเก้าอี้มานั่งหันหน้าเข้าหาฉัน“ใส่กระโปรงพลีทยาว ละ..แล้วมันแปลกตรงไหนเหรอ ฉันยังใส่เลย” พลอยทำหน้าสงสัย ฉันเองก็สงสัยทำไมการที่ฉันใส่กระโปรงพลีทยาว มันถึงเป็นเรื่องแปลกไปได้ใครๆ ก็ใส่กันไม่ใช่เหรอ“ไอ้นัท..กระโปรงพลีทยาวคนในม.เขาใส่กันให้เบือ”“คนอื่นใส่อ่ะไม่แปลก แต่แกใส่แล้วแปลก”“ฉันไม่เข้าใจความคิดแกว่ะ ทำไมวะ”
EP.38ฉันที่ตอนนี้สวมชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นของพี่เวลล์อยู่ ส่วนชุดของตัวเองถูกยัดไว้ที่กระเป๋าใบใหญ่ของตัวเอง ซึ่งกำลังค่อยๆ ย่องเข้าห้องช้า ๆ ฉันเชื่อว่ายัยมีนยังไม่ตื่นแน่ ๆ ส่วนพลอยอาจจะยังไม่ตื่น(มั้ง)ก็ได้‘เอี๊ยด......’ฉันค่อย ๆ แง้มประตูให้เบาที่สุด และค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ ก้าวขาไปทีละก้าว ทีละก้าว ชะโงกมองห้องโถงว่ามีใครอยู่รึเปล่า เมื่อเห็นว่าปลอดคนฉันจึงย่องไปยังประตูห้องของตัวเองและเปิดให้เบาที่สุดพอชำเลืองมองภายในห้องนอน ยังมืดสนิท ผ้าม่านยังไม่เปิดฉันก็ถอนหายใจ พลอยยังไม่ตื่นแน่นอน จึงค่อย ๆ หันหลังเพื่อปิดประตู“เหี้ย!!!!!!!!!!!”เมื่อฉันหันหลังกลับ ใบหน้าของคนสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกันหน้าประตูห้อง ก็ยิ้มแฉ่งราวกับตัวร้ายใจซีรีส์สยองขวัญสุดแสนระทึก“ไป...ไหน...มา...คะ” เสียงสูงอันสุดแสนน่าขนลุกของยัยมีนเน้นคำอย่างสยดสยอง ส่วนพลอยที่อยู่ข้างๆ ก็เหมือนจะได้รับเชื้อแย่ๆ จากยัยมีนที่ทำใบหน้ายิ้มอยากรู้อยากเห็นกว่าทุกทีที่เคยคบนางมาฉันจะหันปิดประตู แต่ก็โดน
ตอนนี้ฉันถูกอุ้มมายังห้องพี่เวลล์แบบไม่คาดคิดมาก่อน แต่พอเขาอธิบายฉันก็คล้อยตามเขาไปหมด แต่ก็แอบเห็นด้วยจริงๆ นั่นแหละนี่เป็นเวลาตีสี่แล้ว ฉันทั้งปวดทั้งง่วงมาก อีกอย่างพลอยเองก็เจอเรื่องแย่ๆ มา ให้นางได้นอนพักผ่อนเต็มอิ่มสักหน่อยก็คงดีฉันถูกพี่เวลล์อุ้มมานั่งตรงโซฟา เขาค่อยๆ วางฉันลงอย่างเบามือ ก่อนจะหายไปในห้องเพื่อค้นหาของบางอย่าง ฉันเหลือบมองไปรอบๆ ห้องโถงของเขา ภายในเป็นโทนขาว ดำ เทา ดูสะอาดสะอ้านมาก ข้าวของภายในห้องไม่เยอะเท่าไหร่ อาจเพราะพวกเขาเพิ่งมาพักที่นี่ได้ไม่นาน อีกอย่างคงนอนสลับกับที่โรงพยาบาลแหละ นี่ก็ยังแปลกใจอยู่ทำไมพวกเขาพักคอนโดไกลจากโรงพยาบาลจังฉันวางมือไว้ตรงพนักพิงโซฟา แหงนมองเพดานอย่างเคย พลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่นานนักพี่เวลล์ก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องยา เขาวางมันไว้ตรงโต๊ะเล็กหน้าฉัน ก่อนจะเลี่ยงเดินไปห้องครัวรินน้ำมาให้“ทานยาก่อน” เขายื่นยาให้ และฉันก็รับมันมาทาน พร้อมกับน้ำที่เขาตระเตรียมไว้ จากนั้นเขาก็จับขาของฉันพาดมันไว้บนหน้าขาของเขาอย่างเบามือ“คะ?”“พี่จะทายาให้ เห็นไหมฟกช้ำหมดแล้ว” เขาหันมายิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบยาหลอดหนึ่งขึ้นมา บีบใส่มือก่อนจะบรร
(Well Part)ตัวผมกระตุกเกร็งแรงเสร็จสุขสม อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หากจะบอกว่าความสุขที่สุดในชีวิตของผมตอนนี้คืออะไร ก็คงจะตอบได้เต็มปากว่า ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ไง คือความสุขของผมผมที่ตอนนี้เหนื่อยจากการทำกิจกรรมอันเร่าร้อนอย่างหนัก นอนราบบนที่นั่งคนขับปรับเบาะเอนสุด หอบหายใจแรง ปรือตามองผู้หญิงที่ผมชอบมาก ซึ่งกำลังนอนซบอกผมอยู่ ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง กระโปรงที่ถกมากองเหนือสะโพก เสื้อที่ถูกปลดกระดุมปลดออกไป และบราที่ถูกลดมากองตรงเอวส่วนผมนะเหรอ แม้เสื้อผมจะถูกถกขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่กางเกงผมก็ถูกละไปกองอยู่ตรงข้อเท้าเช่นกัน อีกอย่างน้องชายผมที่ทำงานอย่างหนักยังคงคาอยู่ตรงนั้นของเธอ เพราะเธอฟุบลงอกผมอย่างหมดแรง ผมก็ไม่กล้าขยับตัว กะจะรอให้เธอพักหายใจ คลายความล้าก่อนเดี๋ยวเธอก็คงขยับสะโพกออกไปเองใบหน้าที่หลับตาพริ้มบนอกนั้น ทอดถอนหายใจเป็นจังหวะรดอกผม ลมหายใจอุ่น ๆ กลับมาเป็นจังหวะ ดวงตาที่ปิดมิดของเธอค่อย ๆ คลี่ออก เงยหน้าขึ้นมองผมช้า ๆ สายตาอ่อนแรงนั้นฉายแววออดอ้อน“แจนเหนื่อย ลุกไม่ขึ้น พี่เวลล์ใจร้ายทำรุนแรง รับผิดชอบด้วยค่ะ” ใบหน้าของเธอค้อนผมหน่อย ๆ แต่มันน่ารักชะมัด“พี่ขอโทษ พี่จะร
EP.35เสียงหายใจของฉันและเขาแรงรดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นพาดผ่านแพนตี้ตัวน้อยของฉัน เขาก็หยุดการลูบไล้ขาอ่อนฉันทันทีเขาเลื่อนมือข้างขวาขึ้นมาจับคางฉันให้หันไปหาเขาที่กำลังเชยคางวางพาดบนไหล่ขวา ฉันจึงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเอียงตัวมองเขาให้ถนัด เขาเลื่อนมือกุมท้ายทอยฉันก่อนจะดันเข้าหาใบหน้าเขา ริมฝีปากสองเราปะทะกัน และคราวนี้เป็นฉันบ้างที่เผยอเรียวปากสัมผัส สำรวจกลีบปากเจ้าเสน่ห์ของเขาเขาปล่อยให้ฉันใช้ลิ้นรุกล้ำเข้าไปสำรวจโพรงปากของเขาอย่างเต็มใจแถมสองลิ้นของเราก็เกี่ยวพันกันไปมาจนเกิดเป็นเสียงสัมผัสก่อให้เกิดอารมณ์ปะทุขีดสุด แน่นอนว่าหว่างขาของฉันตอนนี้ชื้นแฉะขนาดที่มองเห็นได้จากภายนอก แพนตี้ตัวน้อย มีรอยเปียกเป็นดวงออกมาให้เห็นชัดแจ่มแจ้ง ฉันไม่อายแล้วล่ะก็มันทั้งเสียว ทั้งซ่านไปทั้งตัวแบบนี้ตอนนี้เอาช้างทั้งตัวมาฉุดให้ฉันออกห่างจากเขา ก็เอาไม่อยู่แล้วพอฉันถอนลิ้นที่สำรวจจนหนำใจของฉันออกมา ฉันก็จ้องหน้าเขาด้วยความลุ่มหลงมือของฉันลูบไล้เขาไปที่ใบหน้าพรมจูบไปทั่ว ไม่ว่าจะหน้าผาก แก้ม จมูก ปลายคาง ทุกส่วนบนใบหน้าทองคำนี้ ฉันจับจองเป็นเจ้าของหมดแล้ว“อ่ะ