EP.27
(Well Part)
‘ปัง....’ แจนปิดประตูห้องนอนตัวเองดังสนั่น ดูเหมือนเธอจะหงุดหงิดที่ผมเอ่ยถามว่าชุดที่เธอยื่นให้ผมนี้ เป็นของผู้ชายคนอื่นรึเปล่า ผมเพียงแต่ถาม...เฉย ๆ ไง ตอนแรกก็รู้สึกไม่เข้าใจทำไมเธอถึงต้องโมโห
แต่เมื่อแจนเอ่ยว่า ผมเป็น ‘คนแรก’ ที่เธอชวนเข้ามาห้องนี้ ใจผมก็เข้าใจถึงความรู้สึกโมโหของเธออย่างแจ่มแจ้ง เฮ้อ... ผมผิดเองที่พูดแบบนั้นไป แต่ก็ปากไวไปแล้วก็คงต้องมาหาวิธีขอโทษเอาก็แล้วกัน
ผมเดินไปห้องของแจน แม้เธอจะปิดประตู แต่เธอก็ไม่ได้ล็อค ดังนั้นผมถือวิสาสะว่าเธอไม่ได้ห้ามผมเข้ามาในห้องนี้
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ดูเหมือนเธอจะหลับไปแล้ว จ้องมองใบหน้าเธอ ดูสิแม้จะหลับคิ้วของเธอยังขมวดให้ได้เห็น บ่งบอกว่าเธอคงโกรธมาก
ผมบรรจงจูบเบาๆ บนหว่างคิ้วของเธอ หว่างคิ้วเธอค่อยๆ คลายมัน กลายเป็นใบหน้าที่ไม่ได้ดูโกรธอะไรแล้ว
เฮ้อ... ยิ่งมองหน้าแจนนานๆ ยิ่งรู้สึกว่าเธอ ‘สวย’ แถมนิสัยต่อหน้าผมเธอดูเป็นคนน่ารัก ตรงไปตรงมา ที่สำคัญเธอเป็นคนเอาแต่ใจหน่อยๆ ไม่เห็นเหมือนในบอร์ดที่ผมลองไปตามอ่านดู หลายคนแสดงความคิดเห็นไปในเชิงว่าเธอสายตาดุ เท่ห์ นิ่งราวกับราชินีน้ำแข็ง ไม่เห็นจะเป็นแบบนั้นเลยสักนิด
เมื่อผมจ้องหน้าเธอจนเต็มอิ่ม ผมก็ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เธอ ๆ สวมกอดเธอด้านหลังสักหน่อย กระชับให้แน่น ก่อนจะนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น
เช้าวันใหม่
แสงยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้องทำให้ผมตื่นอย่างช่วยไม่ได้ ผมลืมตามองคนข้าง ๆ ที่ยังหลับใหล ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้ จากที่เมื่อคืนผมเป็นฝ่ายสวมกอดเธอด้านหลัง ตื่นมาก็พบว่าเธออยู่ในท่าที่หันมาสวมกอดผมแทนแถมศีรษะเธอยังซบอยู่บนอกผมอีก สงสัยดูท่าเธอคงหายโกรธผมทั้งที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรแล้วล่ะ
ผมค่อยๆ ขยับตัวออกให้นิ่งที่สุด จัดเรือนผมสีไวน์แดงของแจนให้เข้าที ก่อนจะห่มผ้าให้เธออย่างบรรจง เพราะไม่อยากรบกวนการนอนของเธอนัก เมื่อคืนเธอดื่มหนัก ต้องใช้เวลาพักผ่อนเยอะๆ หน่อย ถ้ามีเวลามากกว่านี้ผมคงจะนอนเป็นเพื่อนเธอต่อได้ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมต้องรีบไปโรงพยาบาลแล้ว การเรียนหมอปีห้าย่างเข้าปีหกมันหนักหนาสาหัสจริงๆ นั่นแหละ ดังนั้นผมจึงต้องรีบ
แต่ก่อนไปผมแอบทำอาหารทิ้งไว้บนโต๊ะ หวังว่าตื่นมาเธอจะดีใจที่ผมทำไว้ให้เธอนะ
ณ.โรงพยาบาล
วันนี้ผมวุ่นวายใน โรงพยาบาลทั้งวัน เนื่องจากเมื่อคืนเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ใจกลางเมืองเขตเหนือ ซึ่งเป็นการปะทะกันของกลุ่มอิทธิพลต่างเขต เห็นว่าแย่งชิงอำนาจความเป็นใหญ่กันจนก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายกันอย่างหนัก แถมมีผู้บริสุทธิ์มากมายได้รับผลกระทบอีก ตำรวจก็ยังไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้ ผมล่ะเกลียดพวกมาเฟียจริงๆ
โรงพยาบาลผมก็เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่พวกมันเลือกมารักษา จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะมันคือจรรยาบรรณของหมอเมื่อมีคนเจ็บ ก็ต้องรักษา ส่วนการเอาผิดก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ (ที่ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้)
นักศึกษาแพทย์ทุกคนที่ประจำการที่นี่ ทั้งผม ไอ้อาร์ท ไอ้แม็ก ต่างก็ต้องละทิ้งเวลาส่วนใหญ่ในการช่วยเหลือครั้งนี้ พอสถานการณ์คลี่คลาย เราทั้งสามคนก็มานั่งเกาะกลุ่มกันพักเหนื่อย
“แม่งเหนื่อยชิบหาย” ไอ้อาร์ทสถบออกมาพลางยกมือเสยผมอย่างเหนื่อยล้า
“กูดิ ต้องไปแบกคนเจ็บที่แทบจะเหมือนศพ สภาพแต่ล่ะคนดูแทบไม่ได้” ไอ้แม็กที่ทำหน้าพะอืดพะอม แทบจะไม่ไหว ก่อนที่จะหันหน้ามามองผมที่สีหน้าราบเรียบอย่างเคย “ไอ้เวลล์ ทำไมมึงยังนิ่งได้ว่ะ”
“....” ผมไม่ได้พูดอะไร เอาแต่แหงนมองเพดานเงียบ ๆ
“ไอ้แม็ก คนที่เหนื่อยที่สุดคือไอ้เวลล์ต่างหาก” ไอ้อาร์ทพูดขึ้น แม่งไอ้นี่รู้ดีจริง
“เหนื่อยยังไง มึงดูหน้ามัน วุ่นวายขนาดนี้มันยังหล่อ หันมาดูสภาพกูแทบไม่เหลือซาก”
“มึงเหนื่อยกาย แต่มันเหนื่อยใจ ต้องมาช่วยพวกมาเฟีย แม่งมันคงอึดอัดจนพูดไม่ออก” ไอ้อาร์ทไอ้คนปากมากนี่รู้ดีจริง ๆ สมเป็นเพื่อนผม ถึงไม่พูดมันก็ดูออกหมด
“จริงด้วย กูลืมไปได้ไง สาเหตุที่มันเรียนหมอ ก็เรื่องนี้นิหว่า” สิ้นคำผมก็หันควับไปมองไอ้แม็กทันที จนมันหุบปากเบือนหน้าหนีผม
พอไอ้แม็กพูดเรื่องนี้ จู่ ๆ ภาพวันวานสมัยเด็กก็ฉายซ้ำในความทรงจำอีกครั้ง ผมไม่เคยลืมหรอกสิ่งที่ทำให้ผมอยากเป็นหมอทุกวันนี้เพราะอะไร และสิ่งที่เกลียดเข้าไส้คืออะไร
ผมจำได้ไม่ลืม ตอนผมเป็นเด็กมักจะตามพ่อผมมาที่โรงพยาบาลเสมอ มีครั้งหนึ่งพ่อผมได้รับสายว่ามีเคสหนัก และมีแค่พ่อผมเท่านั้นที่สามารถผ่าตัดได้ พ่อผมจึงต้องละเคสที่อยู่ในมือมอบให้แพทย์ท่านอื่นก่อนจะตรงดิ่งไปที่ห้อง ไอซียู ผมเจอเด็กหญิงคนหนึ่ง พ่อของเธออาการสาหัสอยู่ในห้องนั้น และพ่อของผมกำลังผ่าตัดเขาอยู่ เธอนั่งลงกอดเข่าร้องไห้อย่างหนักหน่วง จนตุ๊กตาที่เธอถือเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
ผมไม่รู้จะทำยังไง จึงนั่งลงข้าง ๆ เด็กหญิงคนนั้น
“ไม่เป็นไรนะ พ่อเราอยู่ในนั่นต้องช่วยพ่อเธอได้แน่ ๆ”
“ฮือ... แต่พ่อหนูเลือดอาบเยอะเลย พ่อโดนคนไม่ดีทุบตี ฮือ” เด็กหญิงปล่อยตุ๊กตาลง ยกมือทั้งสองปิดหน้าร้องไห้หนักไปอีก ผมเห็นท่าไม่ดีจึงควานลูกอมที่อยู่กระเป๋ากางเกงยื่นให้เธอตรงหน้า
“พ่อเธอต้องหายดี เชื่อในฝีมือพ่อเรานะ อ่ะนี่ลูกอม กินแล้วจะโชคดี” ผมยื่นให้เธอ เธอมองผมด้วยตาประกายอีกครั้งแม้จะยังสะอึกจากการร้องไห้ เด็กหญิงหยิบมันไปพลางแกะมันกินทันที
ผมนั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอสักพัก ไม่นานนักพ่อของผมก็เดินออกมา ผมวิ่งไปหาพ่อของผม
“พ่อฮ่ะ การผ่าตัดเป็นไงบ้างฮ่ะ”
“พ้นขีดอันตรายแล้ว” ผมได้ยินดังนั้นก็หันไปหาเด็กหญิงคนนั้นที่ตอนนี้ได้ยินอย่างแจ่มแจ้ง ดวงตาเธอมองมาที่ผมแววตาสดใสขึ้น วิ่งมาหาผม มือเล็ก ๆ นั่นกุมมือผมแน่นเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดีใจสุดขีด
“พี่ชาย ขอบคุณค่ะสำหรับลูกอมแห่งความโชคดี” รอยยิ้มนั้นยังปรากฏอยู่ในความทรงจำ
ในขณะที่พ่อของเด็กหญิงคนนั้นยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลของตระกูลผม ผมก็เจอเธอทุกวัน เธอมักวิ่งมาหาผมชวนผมเล่น ซึ่งผมก็ยินดีเล่นไปกับเธอ
แต่แล้วเหตุการณ์ที่แสนเลวร้ายติดตาผมจวบจนทุกวันนี้ก็เกิดขึ้น ในวันที่พ่อของเด็กหญิงกำลังจะออกจาก
โรงพยาบาล ก็เกิดเหตุการณ์มาเฟียบุกเข้ามาทำร้ายทำร้ายเขาอย่างหนักอย่างจงใจ ในโรงพยาบาลของผมอย่างไม่เกรงกลัว ผมที่แอบดูอยู่ไม่ไกล ได้แต่ขวัญผวาคุณลุงคนนั้นนอนกอดเข่าถูกอัดไปทั่วตัวทั้งที่แผลเก่ายังไม่หายดี จวบจนมาเฟียคนหนึ่งจับเก้าอี้ใกล้มือกำลังจะฟาดลงไปที่เขาอย่างจัง
แต่แล้วเด็กหญิงคนนั้นกลับวิ่งออกไปกอดพ่อของตัวเอง ไอ้มาเฟียนั่นดูเหมือนจะไม่หยั่งมืออะไร ฟาดเก้าอี้ลงไปอย่างแรง ผมที่ตอนนี้หลบอยู่มุมตู้เล็กๆ เห็นภาพชัดตรงหน้า เด็กหญิงที่มักยิ้มแย้มแจ่มใสให้ผม ถูกเก้าอี้ฟาดเหนี่ยวบนศีรษะเข้าไปเต็มแรง เธอล้มลงบนตัวพ่อของเธอเลือดจากศีรษะค่อยๆ ไหลกองอยู่ตรงนั้น
ตอนนั้นดวงตาผมเบิกโพรงแดงก่ำ มือผมกำแน่นจนห่อเลือด ผมเป็นแค่เด็กชายตัวเล็ก ๆ จะทำอะไรได้ควานหาลูกอมในกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะกินมันเข้าไป เอาแต่ภาวนาในใจให้มันผ่านพ้นเสียที ภายในใจตอนนั้นรู้สึกผิดจนจะรับไหว
ผมเห็นนะสายตาที่เด็กหญิงปรือตามองมาหาผม นัยน์ตาเธอเศร้าเคล้าน้ำตา แต่เรียวปากยังคงยกยิ้มอ่อน ๆ มาทางผม ราวกับบอกว่าเธอไม่เป็นไร เธอไม่โทษใครที่ไม่เข้าไปช่วยเธอ ก่อนที่เธอจะหลับตาลงไป กว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลจะทำงาน และตำรวจจะมาถึง ทุกอย่างมันก็สายไปแล้ว
ตอนที่ร่างของเด็กหญิงถูกเข็นไปยังห้องไอซียู ผมได้แต่วิ่งกุมมือเล็กๆ นั้นไว้แล้วตะโกนลั่นโรงพยาบาล
“สักวันฉันจะเป็นหมอไปรักษาเธอนะ”
และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเด็กหญิงคนนั้น กับพ่อของเธอ
“ไอ้เวลล์.....ไอ้เวลล์” เสียงเรียกของไอ้อาร์ททำเอาผมสะดุ้ง จากอาการเหม่อไปชั่วขณะ
“ดูท่าไอ้เวลล์อาการหนักกว่ากูจริงๆ ไอ้อาร์ทกูเชื่อมึงละ” ไอ้แม็กเอ่ยออกมาพลางตบบ่าผมเบาๆ แต่แล้วเสียงของไอ้แม็กก็ทำให้ ผมกับไอ้อาร์ทสะดุ้งอีกที
“เชี้ย!!! กูลืมส่งไลน์หาน้องมีน ไม่งั้นงอนกูหนักอีกแน่ เพิ่งจะง้อได้ กูขอตัวแป๊บ” ไอ้แม็กวิ่งแจ้นปลีกออกไป
“กูไปเข้าห้องน้ำแป๊บ” ไอ้อาร์ทลุกขึ้นเดินออกไป
ผมยังนั่งอยู่นิ่ง ๆ หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหยิบมือถือมาเปิด พบว่ามีข้อความไลน์ส่งมาหาผม
Janny : ขอบคุณสำหรับโจ๊กนะคะ พี่เวลล์
ในเวลาที่เหนื่อยกาย เหนื่อยใจเพียงใด ไม่คิดว่าแค่ได้อ่านข้อความที่เธอส่งมา ก็พาลทำให้ผมยิ้มได้ นี่สินะที่เรียกว่าอาการตกหลุมรักเขาซะเต็มเปา ผมไม่รอช้าที่จะพิมพ์ตอบกลับไปหาเธอ
Well : เต็มใจทำให้ครับ
(Well Part End)
09.00 น .ฉันตื่นนอนขึ้นมา เพราะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ เอื้อมมือหยิบมือถือก่อนจะกดหยุดมัน ยกแขนยืดตัวไปมาให้รู้สึกยืดเส้น ในเวลาสาย ๆ ของวันแบบนี้ พลางขยี้ตาเบา ๆ ให้รู้สึกตื่น ก่อนจะหันไปมองที่นอนข้าง ๆ จากใบหน้าที่สดชื่น ก็รู้สึกหม่นลงทันที“เขากลับไปแล้วเหรอ หรือเป็นเพราะเขาคิดว่าฉันโกรธกันนะ เลยไม่กล้ามองหน้ากัน” พอคิดแบบนั้นก็ทำเอาอารมณ์หงุดหงิดแต่เช้า “ไม่ตามมาง้อกันหน่อยรึไง”ฉันที่ไม่สบอารมณ์แต่เช้าลุกขึ้นมาล้างหน้าแปลงฟัน ก่อนจะออกจากห้องนอนตัวเอง“ฮืม.....กลิ่นหอมนี่มัน” ฉันมองซ้ายมองขวา ก็ไม่เห็นใครภายในห้องโถง ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะอาหารที่มีชามข้าววางอยู่“โจ๊กงั้นเหรอ” ฉันเหลือบมองเห็นกระดาษข้อความที่วางอยู่ข้าง ๆ ชามโจ๊ก หยิบมันขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ(พี่เห็นว่าแจนนอนหลับสบาย เลยไม่อยากปลุก พี่ทำโจ๊กใส่ไข่ พิเศษใส่ใจ ไว้ให้แล้วอย่าลืมทานให้หมดก่อนไปเรียนล่ะ)“ไอ้พี่บ้าเอ้ย ... ยิ่งทำให้หลงเข้าไปอีก” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าฉันยิ้มบานเท่าจานดาวเทียมแค่ไหน พวกแกอิจฉาฉันอ่ะเด่.... ไม่มีพี่เวลล์เป็นของตัวเองสิท่าฉันทานมันจนเกลี้ยงชามไม่เหลือ แม้จะเป็นแค่โจ๊ก แต่มันก็เป็
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนไหมทุกคน พลอยไม่ไหวแล้ว” พลอยหนึ่งในสมาชิกกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียดและเหนื่อยล้า ฉันเงยหน้ามองทุกคนในกลุ่มก็พบว่าสีหน้าแต่ล่ะคนไม่ต่างจากพลอยเลย“ก็ดีเหมือนกัน นี่ก็เย็นมากแล้ว พอกันเถอะ” ฉันหันไปพูดกับทุกคน ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยเราทุกคนช่วยกันเก็บเอกสารที่กองเป็นตั้งตรงหน้าก่อนจะแยกย้ายกันกลับ ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับพลอย ที่กำลังออกจากตึกคณะ บรรยากาศภายนอกตอนนี้ก็มืดค่ำแล้วนะสิ พลอยที่มักจะกลับด้วยรถเมล์ คงไม่มีรถให้ขึ้นแล้วมั้ง“พลอย มันเย็นขนาดนี้แล้ว ให้ฉันไปส่ง” ฉันหันหน้าไปหาพลอยเพื่อนร่วมสาขา“พลอยกลับเองได้”“แต่รถเมล์ที่ผ่านหน้าบ้านแกมันไม่มีแล้วไม่ใช่รึไง” ฉันเอียงคอถามนาง จากที่นางเดินอยู่ก็หยุดชะงัก“จะ..จริงด้วย ลืมเผื่อเวลากลับบ้านเลย ทำไงดี”“ก็นี่ไง ฉันจะไปส่ง ฉันพอมีเวลา” ฉันไม่พูดเฉย ๆ แต่ดึงพลอยโดยไม่ต้องให้นางคิด เอาจริง เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันมา แม้ไม่ได้สนิทปานจะกลืนกินเหมือนยัยมีน กับ กุ้ก แต่พลอยก็นับว่าเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดในคณะแล้ว พลอยเป็นคนเงียบ ไม่สุงสิง พูดจากับใคร แต่เธอเป็นคนขยัน และพูดจาไพเราะ ทำให้ฉันก็ต้อง
ภายในรถเงียบสงัดพลอยเอาแต่หันมองไปตามข้างทางอย่างเลื่อนลอย เสียงสะอึกยังพอมีให้ได้ยิน ราวกับตอนนี้เธอกำลังข่มความรู้สึกเสียใจอยู่เต็มอก ส่วนฉันขับรถไปตามเส้นทางอย่างไร้จุดหมาย ‘ตู้ด...............ตู้ด..............’ เสียงมือถือของฉันดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ทิมโทรมา ฉันจึงหยิบหูฟังไร้สายขึ้นมาสวมใส่ด้วยใบหน้าจริงจัง พลอยที่เอาแต่เหม่อมองไปข้างทาง ก็หันมามองฉัน ซึ่งฉันก็ทำได้เพียงยักคิ้วให้ก่อนจะสนใจกับคนปลายสาย “ว่าไงคะ พี่ทิม” (คุณหนูครับ เกิดเรื่องใหญ่ครับ) เสียงพี่ทิมหนักแน่นจริงจัง กว่าปกติ จนทำให้ฉันต้องจอดรถข้างทางเพื่อคุยก่อน “มีเรื่องด่วนอะไรคะ”(เมื่อคืนวาน เกิดเหตุปะทะกัน ของมาเฟียสองกลุ่มอิทธิพลเขตเหนือครับ คนบาดเจ็บล้มตายกันเยอะเลยครับ)“แล้วสถานการณ์ตอนนี้ล่ะ”(ดีขึ้นแล้วครับ แต่เพราะว่าเหตุการณ์รุนแรง ตอนนี้กลุ่มมาเฟียทั้งสองกลุ่มแตกแขนงหลบหนีกันวุ่น เห็นว่าบางส่วน หลบหนีเข้ามาเขตเรา แล้วก็......) ฉันที่มองเห็นว่ายังมีพลอยอยู่ตรงนี้ จึงไม่อยากคุยรายละเอียดมากนักจึงตัดบทการสนทนากับพี่ทิมไป“พี่ทิม เดี๋ยวแจนเข้า
ณ.คอนโดฉันกับพลอยเดินขึ้นมายังห้องของฉัน แต่แล้วเบื้องหน้ากลับปรากฏชายหนุ่มที่ฉันคุ้นเคยดี จนพลอยเพื่อนฉันต้องสะกิดให้ฉันรู้ตัว“แจน นั่นมันพี่เวลล์นินา เขามารอใครรึเปล่า”“....” ฉันไม่พูดอะไรลากพลอยเดินตรงดิ่งไปที่พี่เวลล์ยืนอยู่ ซึ่งก็คือหน้าประตูห้องฉัน ก่อนจะเปิดประตู แล้วหันไปเอ่ยกับเธอ“พลอยแกเข้าห้องไปก่อน ฉันขอคุยกับพี่เวลล์สักครู่เดี๋ยวตามเข้าไป” พลอยที่เริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ ก็ทำตามอย่างว่าง่าย หันหลังเดินเข้าห้องฉันไป จากนั้นฉันก็เอื้อมมือปิดประตู ค่อย ๆ หันหน้าไปหาพี่เวลล์จากใบหน้าเรียบนิ่งก็คลี่ยิ้มกว้างเป็นอีกคน“พี่เวลล์ มาหาแจนถึงหน้าห้องแบบนี้คิดถึงกันเหรอคะ” ฉันยิ้มมองจะกุมมือพี่เขาแต่เขาดันยกมือหนีพลางกอดอกหันหลังไปพิงกำแพง จ้องมองฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง เอ๊ะฉันว่าฉันไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลยนะ“ไปไหนมา” เขาถาม“หลังออกจากมอ ก็ไปส่งพลอยที่บ้าน แล้วก็พาพลอยมาที่คอนโดเนี้ยแหละค่ะ”“พี่โทรหาตั้งหลายสายทำไมไม่รับ”“เอ๊ะ....โทรมาเหรอ แจนไม่ได้ยินนะ” ฉันล้วงกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมา พบว่ามีสายไม่ได้รับ เกือบยี่สิบสาย ใบหน้าฉันยิ้มเจื่อนก่อนจะเงยหน้ามองพี่เขาอย่างรู้สึกผิด “ลืมเปิ
EP.32พี่เวลล์พาฉันเข้าไปยังโต๊ะที่จองไว้ เป็นโต๊ะหลบในมุมมีความเป็นส่วนตัว ติดแม่น้ำสายหลักของตัวเมือง สามารถทอดสายตามองตัวเมืองฝั่งตรงข้ามแม่น้ำได้ร้อยแปดสิบองศา บรรยากาศดี ลมโชยเย็นพอเหมาะ อากาศก็บริสุทธิ์ แสงสว่างนวลตา ทำให้รู้สึกได้ถึงความโรแมนติกหน่อย ๆ เลยแหะพี่เวลล์ที่เดินนำมาก่อน เลื่อนเก้าอี้ พลางใช้สายตาบ่งบอกว่าให้ฉันนั่งตรงนั้น ฉันที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก เพราะการได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นคนพิเศษแบบนี้ มันไม่ผิดไปใช่ไหมถ้าจะคิดเข้าข้างตัวเองไปทั้งแบบนั้นฉันนั่งลงเก้าอี้ที่พี่เวลล์เลื่อนให้ ก่อนที่เขาจะนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับฉัน พอได้เห็นเขาอยู่ตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะเท้าคางจ้องมองเขาอย่างตั้งใจ เขาที่เห็นฉันจ้องจนตาเยิ้ม ก็เท้าคางมองฉันกลับ ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงฟุตประสานกันอย่างช่วยไม่ได้“พี่จะมองฉันอีกนานไหมคะ” ฉันเอ่ย“ใครกันที่มองพี่ก่อน” เขาเอ่ยตอบฉัน “ฮึ.....เอาเถอะ ยอมแล้วค่ะ เป็นแจนเองที่มองพี่ก่อน ก็มันอดมองไม่ได้” ฉันยืดตัว เบือนหน้าทอดสายตามองไปยังแม่น้ำสายหลักที่ผืนน้ำระยิบระยับท่ามกลางแสงไฟสลัว ส่วนเขาก็หันไปสนใจพนักงานร้านที่เดินนำเมนูมาวาง
EP.33ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะ ยืนมอง พี่เวลล์ที่นั่งทำท่ากอดอก มองฉันด้วยสายตาดุราวกับผู้ปกครอง เหอะ ปล่อยให้รู้สึกหงุดหงิดบ้างแบบนี้แหละแฟร์ดีจะตายฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ สะบัดความรู้สึกทุกอย่างทิ้งไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ทำไมพี่ยังไม่ทานข้าวละคะ หิวไม่ใช่เหรอ”“รอคน” เขาทำหน้าบึ้งตึง กอดอกมาทางฉันอย่างเห็นได้ชัด ฉันจึงได้แต่ทำหน้ายิ้มเจื่อน“ปวดหนักเข้าห้องน้ำไงคะ ขอโทษทีค่ะ นี่ก็มาแล้วไง ทานกันเถอะ” ฉันรีบนั่ง ตัดบทสนทนา แต่ดูเหมือนพี่เวลล์จะไม่ยอมจบ“โกรธอะไรพี่อีกรึเปล่า หรือเพราะเมื่อกี้” เขามองฉันด้วยสายตาเค้นหาคำตอบบ้าง“จะโกรธพี่ได้ไงละคะ แจนจะมีสิทธิ์อะไรมางอนแบบนั้น ถึงพี่จะดูรูปสาว แจนจะห้ามอะไรได้”“ดูรูปสาว?”“ทานข้าวกันดีกว่าค่ะพี่ อ่ะนี่ น่าอร่อยเนาะ” ฉันตักปลาหมึกทอดกระเทียมให้เขา จากนั้นฉันก็ทำเป็นสนใจอาหารตรงหน้าเอาแต่กินไม่พูดไม่จา เขาตักอะไรให้ฉัน ฉันก็ทานมันทุกคำ ก็เป็นซะแบบนี้โกรธง่ายหายเร็วเพียงเพราะเขาดีต่อฉัน“ร้านนี้อร่อยอย่างที่พี่บอกเลย” ฉันยิ้มพลางตบพุงท่าทางอิ่มแปล้ไร้ซึ่งภาพลักษณ์กุลสตรีใดๆ ส่วนพี่เวลล์ก็ทานไปเยอะเหมือนกัน คงหิวอย่างที่เจ้าตัวพูดจร
EP.34“พี่เวลล์ นี่มันก็ดึกมากแล้ว กลับกันเถอะค่ะ” ฉันเอ่ยบอกเขาเมื่อเห็นหน้าจอมือถือบอกว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่งแล้ว “พรุ่งนี้แจนมีเรียนเช้านะคะ”พี่เวลล์ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของเขาก่อนที่จะพยักหน้ารับ แล้วเรียกพนักงานเช็คบิลทันที เขาเดินนำออกไปก่อน ส่วนฉันก็เดินตามหลังเขา เป็นครั้งแรกในชีวิตถ้าไม่นับพ่อของตัวเอง ที่ฉันเดินตามคน ๆ หนึ่ง มองแผ่นหลังของเขา ราวกับตอนนี้ฉันเองได้เป็นฝ่ายที่ถูกปกป้องบ้าง จากที่ปกติ ฉันมักจะยืนอยู่ข้างหน้าคนอื่นเสมออาจเป็นเพราะฉันเหม่ออยู่ในภวังค์จิตใจล่องลอยพอพี่เวลล์หยุดเดิน ฉันก็เป็นฝ่ายเดินชนหลังเขาอย่างจัง ใบหน้ากระแทกหลังเขา ทำเอาเจ็บไม่น้อย“ขอโทษค่ะ แจนไม่ทันระวัง” ฉันยกมือจับจมูกตัวเองบีบมันเบาๆ ให้หายหน่วง“ระวังด้วยสิ จับมือพี่ไว้” เขาเหลียวมองดูฉัน สายตาเขาไม่ดุสักนิด พร้อมยื่นมือหนาของเขาออกมาตรงหน้าฉัน แน่นอนว่าฉันไม่รอช้ายื่นมือเรียวบางของตัวเองจับมือเขาทันที ฉันรู้สึกได้นะความอบอุ่นที่แผ่ซ่านในมือข้างนั้นของเขา เขากระชับมือฉันแน่นจากนั้นจึงเดินเคียงข้างกันออกจากร้านอาหารไปยังรถที่จอดอยู่เขาเปิดประตูรถให้ฉันเข้าไปนั่ง ก่อนที่เข
EP.35เสียงหายใจของฉันและเขาแรงรดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นพาดผ่านแพนตี้ตัวน้อยของฉัน เขาก็หยุดการลูบไล้ขาอ่อนฉันทันทีเขาเลื่อนมือข้างขวาขึ้นมาจับคางฉันให้หันไปหาเขาที่กำลังเชยคางวางพาดบนไหล่ขวา ฉันจึงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเอียงตัวมองเขาให้ถนัด เขาเลื่อนมือกุมท้ายทอยฉันก่อนจะดันเข้าหาใบหน้าเขา ริมฝีปากสองเราปะทะกัน และคราวนี้เป็นฉันบ้างที่เผยอเรียวปากสัมผัส สำรวจกลีบปากเจ้าเสน่ห์ของเขาเขาปล่อยให้ฉันใช้ลิ้นรุกล้ำเข้าไปสำรวจโพรงปากของเขาอย่างเต็มใจแถมสองลิ้นของเราก็เกี่ยวพันกันไปมาจนเกิดเป็นเสียงสัมผัสก่อให้เกิดอารมณ์ปะทุขีดสุด แน่นอนว่าหว่างขาของฉันตอนนี้ชื้นแฉะขนาดที่มองเห็นได้จากภายนอก แพนตี้ตัวน้อย มีรอยเปียกเป็นดวงออกมาให้เห็นชัดแจ่มแจ้ง ฉันไม่อายแล้วล่ะก็มันทั้งเสียว ทั้งซ่านไปทั้งตัวแบบนี้ตอนนี้เอาช้างทั้งตัวมาฉุดให้ฉันออกห่างจากเขา ก็เอาไม่อยู่แล้วพอฉันถอนลิ้นที่สำรวจจนหนำใจของฉันออกมา ฉันก็จ้องหน้าเขาด้วยความลุ่มหลงมือของฉันลูบไล้เขาไปที่ใบหน้าพรมจูบไปทั่ว ไม่ว่าจะหน้าผาก แก้ม จมูก ปลายคาง ทุกส่วนบนใบหน้าทองคำนี้ ฉันจับจองเป็นเจ้าของหมดแล้ว“อ่ะ
EP.43ณ.คอนโดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ปิดมือถือเครื่องนั้นไปเลย ฉันรู้ว่าถ้าเดินออกมาพี่แม็กต้องรีบไปบอกพี่เวลล์แน่ ๆ ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับเขา เพราะตอนนี้แค่พูดเสียงสะอึกอันน่าอายนี่เขาต้องได้ยินแน่ ๆรู้นะว่าภาพที่เห็นนั่นมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ แต่ฉันคิดมากไง มากเสียจนไม่อยากจะควานหาคำตอบ ทั้งที่เดินเข้าไปตรงนั้นถามให้รู้เรื่องก็คงจบแล้ว แต่ที่ไม่กล้า เพราะกลัว กลัวจะได้คำตอบที่ไม่อยากได้ยินขึ้นมานะสิฉันผิดเอง ที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนงี่เง่า เอาไว้อารมณ์อ่อนไหวต่อความรักนี่ลดลง ฉันจะเป็นฝ่ายไปหาเขาเองเพราะยังไงฉันก็เชื่อใจพี่เวลล์อยู่แล้วล่ะ“อ่าวมาแล้วเหรอ” ยัยมีนที่กำลังนั่งกินขนมดูซีรีส์อยู่กลางห้องหันมาทักทายฉัน“พลอยยังไม่มาเหรอ” ฉันที่มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเพื่อนอีกคน“ยังไม่เห็นนะ แกไม่โทรถามล่ะ”“ฉันปิดมือถือ” ฉันพูดก่อนจะโยนกระเป๋าลงโซฟาแล้วนั่งข้าง ๆ ยัยมีนที่มันกำลังวางถุงขนมละสายตาจากซีรีส์และหันมาสนใจฉัน“เ
EP.42(Well Part)ช่วงนี้ผมไม่ได้เจอแจนเลย เพราะผมยุ่งอยู่กับวอร์ดค่อนข้างมาก แถมต้องสะสางงานที่ต้องส่งมหาลัยด้วย จึงได้แค่แชตส่งข้อความ ไม่ก็โทรหากันไม่กี่นาที เหมือนแจนเองก็ยุ่งวุ่นกับการเรียนของเธอเหมือนกัน แต่การไม่ได้เห็นหน้ากันเป็นเวลานานแบบนี้ก็ทำเอาผมรู้สึกแย่เหมือนกันนะ ผมเองก็อยากเจอหน้าเธอสักนิดก็ยังดี อยากได้กำลังใจจากเด็กดื้อคนนั้นตอนนี้ผมอยู่ที่โรงอาหารของโรงพยาบาล กว่าจะว่างมานั่งทานข้าวได้อย่างสบายใจในรอบหลายวันแบบนี้ไม่ได้มีกันง่าย ๆ อีกอยาก เพราะความดื้อดึง ของน้าสาวของผมที่ ตอนนี้กลับมาเป็นแพทย์ประจำการที่โรงพยาบาลของตระกูลหลังจากใช้ชีวิตหลายปีในต่างประเทศน้าใช้อำนาจความเป็นใหญ่คะยั้นคะยอให้ผมมาทานข้าวเป็นเพื่อน มีเหรอที่ผมจะปฏิเสธได้“นี่หลานรัก ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” น้าผมเอ่ยถามผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ก็เรียนหนักครับ” ผมก้มหน้าทานข้าวเงียบ ๆ ขรึม ๆ ตามสไตล์ของผมนั่นแหละ“น้ากลับจากต่างประเทศเอาของฝากมาให้หลานเยอะเลยนะ อ่อ ฝากเผื่อพี่ส
EP.41หลายวันผ่านมาฉันกับพี่เวลล์ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่วันนั้น เราได้แต่โทรคุยกันครั้งล่ะไม่เกินสองนาที แชตไลน์ที่กว่าจะตอบกันก็ทิ้งช่วงหลายชั่วโมง ไม่ใช่แค่พี่เวลล์ที่ไม่มีเวลาให้ ฉันเองก็ไม่มีเวลาเหมือนกัน สภาพเพื่อนๆ ทั้งสาขาแทบเหมือนศพเดินได้ ไฟลนตูด ฉันไม่ต่างอะไรกับยัยเพิ้งหัวยุ่ง ยังดีที่พลอยยังเป็นสมาชิกกลุ่มโปรเจคของฉัน ทำให้พอกลับมาห้องก็ยังช่วยกันปั่นงานต่อ ไม่งั้นงานยิ่งไม่เดินแน่ ยัยมีนที่มองสภาพฉันกับพลอยด้วยความสงสาร ก็คอยซื้อข้าวซื้อน้ำมาประเคน คอยจิกให้ทานข้าว เพื่อไม่ให้ตายกันซะก่อนฉันกับยัยพลอยจ้องหน้ากัน พลางหัวเราะ ใส่กันราวกับคนบ้า บางครั้งก็ร้องไห้ฮือออกมากันซะดื้อ ๆ ที่แท้การเรียนหนักจนแทบบ้ามันเป็นแบบนี้นี่เองและแล้วขุมนรกของพวกเราก็ใกล้จะผ่านพ้นไป กลุ่มสมาชิกทั้งห้าคนของพวกเราวางเอกสารปึกใหญ่เกี่ยวกับโปรเจคที่ทำกันแทบขายวิญญาณต่อหน้าคณะอาจารย์สาขา ที่ตอนนี้กำลังเพ่งมองพวกเราด้วยความคาดหวัง สมาชิกกลุ่มทุกคนหันหน้าให้กำลังใจ ปลอบใจกันไปมา พวกเราทำกันเต็มที่แล้วจริง ๆ จนเมื่ออาจารย์
EP.40พี่เวลล์นั่งลงตรงข้ามฉัน ส่วนฉันก็เอาแต่ก้มหน้าก้มทางก๋วยเตี๋ยวแทบไม่มองคนข้างหน้า พอลองเหลือบมองก็พบว่าเขาเอาแต่จ้องฉันอีก แถมคนอื่น ๆ ในโรงอาหารก็ดันสามัคคีรวมพลังกันเงียบเฉียบ ทำอย่างกับรอเสือกข่าวชามโตซะอย่างนั้น ใครจะไปทนความอึดอัดแบบนี้ได้กัน“อะแฮ่ม...พี่มาที่นี่ได้ยังไงคะ” ฉันพยายามพูดออกมาให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่า อย่าเจอกันในมหาลัย”“ก็ใช่ พี่ก็บอกว่าแล้วแต่แจน” เขาโน้มตัวขยับใบหน้าเข้าใกล้ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเบาบาง“แล้วที่พี่ทำอยู่นี่มันยังไงคะ”“ก็พี่บอกว่าแล้วแต่แจนครับ แต่พี่ไม่ได้บอกว่าพี่จะทำตามด้วยซะหน่อย”“พี่เวลล์!!!” ฉันลืมตัว เผลอลุกขึ้นอุทานเรียกชื่อเขาดังลั่น จนตอนนี้ทุกคนยิ่งสนใจพวกเรามากขึ้นไปอีก“โกรธพี่เหรอ” เหอะ... ดูเอาเถอะเอาคำนี้มายอกย้อนฉัน หายใจเข้า หายใจออก ยัยแจนแกต้องตั้งสติ“พี่รอฉันอยู่ตรงนี้เดี๋ยวฉันมา” ใบหน้าฉันไม่สามารถเก็บสีหน้าบูดบึ้ง และอารมณ์ห
EP.3912.00 น. (ณ. มหาวิทยาลัย)“แปลกๆ....” ที่พออาจารย์ออกจากห้องไป ไอ้นัทก็เดินดุ่มๆ วนรอบโต๊ะของฉัน ใบหน้ามองฉันด้วยความสงสัย“เป็นอะไรของแกไอ้นัท ทำไมเอาแต่จ้องฉันแบบนั้น” ฉันเหลือบมองด้วยสายตาดุไปที่มัน“แจน แกเปลี่ยนไปนะ”“เหอะ....ไอ้นัทแกทำให้ฉันงง” ฉันส่ายหัวไปมาก่อนจะหันไปสนใจเก็บสมุดลงกระเป๋า“แปลกยังไงเหรอนัท พลอยไม่เห็นเข้าใจที่นัทพูด” พลอยที่นั่งข้างกันเอ่ย“พลอย แกไม่เห็นเหรอวันนี้แจนมันใส่กระโปรงพลีทยาว” ไอ้นัทเอ่ย พลางดึงเก้าอี้มานั่งหันหน้าเข้าหาฉัน“ใส่กระโปรงพลีทยาว ละ..แล้วมันแปลกตรงไหนเหรอ ฉันยังใส่เลย” พลอยทำหน้าสงสัย ฉันเองก็สงสัยทำไมการที่ฉันใส่กระโปรงพลีทยาว มันถึงเป็นเรื่องแปลกไปได้ใครๆ ก็ใส่กันไม่ใช่เหรอ“ไอ้นัท..กระโปรงพลีทยาวคนในม.เขาใส่กันให้เบือ”“คนอื่นใส่อ่ะไม่แปลก แต่แกใส่แล้วแปลก”“ฉันไม่เข้าใจความคิดแกว่ะ ทำไมวะ”
EP.38ฉันที่ตอนนี้สวมชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นของพี่เวลล์อยู่ ส่วนชุดของตัวเองถูกยัดไว้ที่กระเป๋าใบใหญ่ของตัวเอง ซึ่งกำลังค่อยๆ ย่องเข้าห้องช้า ๆ ฉันเชื่อว่ายัยมีนยังไม่ตื่นแน่ ๆ ส่วนพลอยอาจจะยังไม่ตื่น(มั้ง)ก็ได้‘เอี๊ยด......’ฉันค่อย ๆ แง้มประตูให้เบาที่สุด และค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ ก้าวขาไปทีละก้าว ทีละก้าว ชะโงกมองห้องโถงว่ามีใครอยู่รึเปล่า เมื่อเห็นว่าปลอดคนฉันจึงย่องไปยังประตูห้องของตัวเองและเปิดให้เบาที่สุดพอชำเลืองมองภายในห้องนอน ยังมืดสนิท ผ้าม่านยังไม่เปิดฉันก็ถอนหายใจ พลอยยังไม่ตื่นแน่นอน จึงค่อย ๆ หันหลังเพื่อปิดประตู“เหี้ย!!!!!!!!!!!”เมื่อฉันหันหลังกลับ ใบหน้าของคนสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกันหน้าประตูห้อง ก็ยิ้มแฉ่งราวกับตัวร้ายใจซีรีส์สยองขวัญสุดแสนระทึก“ไป...ไหน...มา...คะ” เสียงสูงอันสุดแสนน่าขนลุกของยัยมีนเน้นคำอย่างสยดสยอง ส่วนพลอยที่อยู่ข้างๆ ก็เหมือนจะได้รับเชื้อแย่ๆ จากยัยมีนที่ทำใบหน้ายิ้มอยากรู้อยากเห็นกว่าทุกทีที่เคยคบนางมาฉันจะหันปิดประตู แต่ก็โดน
ตอนนี้ฉันถูกอุ้มมายังห้องพี่เวลล์แบบไม่คาดคิดมาก่อน แต่พอเขาอธิบายฉันก็คล้อยตามเขาไปหมด แต่ก็แอบเห็นด้วยจริงๆ นั่นแหละนี่เป็นเวลาตีสี่แล้ว ฉันทั้งปวดทั้งง่วงมาก อีกอย่างพลอยเองก็เจอเรื่องแย่ๆ มา ให้นางได้นอนพักผ่อนเต็มอิ่มสักหน่อยก็คงดีฉันถูกพี่เวลล์อุ้มมานั่งตรงโซฟา เขาค่อยๆ วางฉันลงอย่างเบามือ ก่อนจะหายไปในห้องเพื่อค้นหาของบางอย่าง ฉันเหลือบมองไปรอบๆ ห้องโถงของเขา ภายในเป็นโทนขาว ดำ เทา ดูสะอาดสะอ้านมาก ข้าวของภายในห้องไม่เยอะเท่าไหร่ อาจเพราะพวกเขาเพิ่งมาพักที่นี่ได้ไม่นาน อีกอย่างคงนอนสลับกับที่โรงพยาบาลแหละ นี่ก็ยังแปลกใจอยู่ทำไมพวกเขาพักคอนโดไกลจากโรงพยาบาลจังฉันวางมือไว้ตรงพนักพิงโซฟา แหงนมองเพดานอย่างเคย พลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่นานนักพี่เวลล์ก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องยา เขาวางมันไว้ตรงโต๊ะเล็กหน้าฉัน ก่อนจะเลี่ยงเดินไปห้องครัวรินน้ำมาให้“ทานยาก่อน” เขายื่นยาให้ และฉันก็รับมันมาทาน พร้อมกับน้ำที่เขาตระเตรียมไว้ จากนั้นเขาก็จับขาของฉันพาดมันไว้บนหน้าขาของเขาอย่างเบามือ“คะ?”“พี่จะทายาให้ เห็นไหมฟกช้ำหมดแล้ว” เขาหันมายิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบยาหลอดหนึ่งขึ้นมา บีบใส่มือก่อนจะบรร
(Well Part)ตัวผมกระตุกเกร็งแรงเสร็จสุขสม อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หากจะบอกว่าความสุขที่สุดในชีวิตของผมตอนนี้คืออะไร ก็คงจะตอบได้เต็มปากว่า ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ไง คือความสุขของผมผมที่ตอนนี้เหนื่อยจากการทำกิจกรรมอันเร่าร้อนอย่างหนัก นอนราบบนที่นั่งคนขับปรับเบาะเอนสุด หอบหายใจแรง ปรือตามองผู้หญิงที่ผมชอบมาก ซึ่งกำลังนอนซบอกผมอยู่ ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง กระโปรงที่ถกมากองเหนือสะโพก เสื้อที่ถูกปลดกระดุมปลดออกไป และบราที่ถูกลดมากองตรงเอวส่วนผมนะเหรอ แม้เสื้อผมจะถูกถกขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่กางเกงผมก็ถูกละไปกองอยู่ตรงข้อเท้าเช่นกัน อีกอย่างน้องชายผมที่ทำงานอย่างหนักยังคงคาอยู่ตรงนั้นของเธอ เพราะเธอฟุบลงอกผมอย่างหมดแรง ผมก็ไม่กล้าขยับตัว กะจะรอให้เธอพักหายใจ คลายความล้าก่อนเดี๋ยวเธอก็คงขยับสะโพกออกไปเองใบหน้าที่หลับตาพริ้มบนอกนั้น ทอดถอนหายใจเป็นจังหวะรดอกผม ลมหายใจอุ่น ๆ กลับมาเป็นจังหวะ ดวงตาที่ปิดมิดของเธอค่อย ๆ คลี่ออก เงยหน้าขึ้นมองผมช้า ๆ สายตาอ่อนแรงนั้นฉายแววออดอ้อน“แจนเหนื่อย ลุกไม่ขึ้น พี่เวลล์ใจร้ายทำรุนแรง รับผิดชอบด้วยค่ะ” ใบหน้าของเธอค้อนผมหน่อย ๆ แต่มันน่ารักชะมัด“พี่ขอโทษ พี่จะร
EP.35เสียงหายใจของฉันและเขาแรงรดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นพาดผ่านแพนตี้ตัวน้อยของฉัน เขาก็หยุดการลูบไล้ขาอ่อนฉันทันทีเขาเลื่อนมือข้างขวาขึ้นมาจับคางฉันให้หันไปหาเขาที่กำลังเชยคางวางพาดบนไหล่ขวา ฉันจึงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเอียงตัวมองเขาให้ถนัด เขาเลื่อนมือกุมท้ายทอยฉันก่อนจะดันเข้าหาใบหน้าเขา ริมฝีปากสองเราปะทะกัน และคราวนี้เป็นฉันบ้างที่เผยอเรียวปากสัมผัส สำรวจกลีบปากเจ้าเสน่ห์ของเขาเขาปล่อยให้ฉันใช้ลิ้นรุกล้ำเข้าไปสำรวจโพรงปากของเขาอย่างเต็มใจแถมสองลิ้นของเราก็เกี่ยวพันกันไปมาจนเกิดเป็นเสียงสัมผัสก่อให้เกิดอารมณ์ปะทุขีดสุด แน่นอนว่าหว่างขาของฉันตอนนี้ชื้นแฉะขนาดที่มองเห็นได้จากภายนอก แพนตี้ตัวน้อย มีรอยเปียกเป็นดวงออกมาให้เห็นชัดแจ่มแจ้ง ฉันไม่อายแล้วล่ะก็มันทั้งเสียว ทั้งซ่านไปทั้งตัวแบบนี้ตอนนี้เอาช้างทั้งตัวมาฉุดให้ฉันออกห่างจากเขา ก็เอาไม่อยู่แล้วพอฉันถอนลิ้นที่สำรวจจนหนำใจของฉันออกมา ฉันก็จ้องหน้าเขาด้วยความลุ่มหลงมือของฉันลูบไล้เขาไปที่ใบหน้าพรมจูบไปทั่ว ไม่ว่าจะหน้าผาก แก้ม จมูก ปลายคาง ทุกส่วนบนใบหน้าทองคำนี้ ฉันจับจองเป็นเจ้าของหมดแล้ว“อ่ะ