เปลวตะวันนิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อมาถึงร้านอาหารตามนัดหมายแล้วพบว่ายอดนักรบร่วมขบวนมาด้วย คนขี้หึงหน้าตึงขณะที่คนขี้เล่นยิ้มเผล่อารมณ์ดี
“สวัสดีครับพี่หมอเปลว คุณพราว มากันเร็วเหมือนกันนะครับนี่ ผมกับรุ่นพี่ไปรับอาจารย์แม่มาถึงได้ไม่ถึงห้านาทีเอง”
พราวชมพูยิ้มน้อยๆส่วนเปลวตะวันหันไปทักทายอาจารย์ที่ปรึกษาที่เคารพรัก
“สวัสดีครับอาจารย์ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปรับที่สนามบิน”
“ไม่เป็นไรหรอกเปลวแค่เห็นหน้าพวกเราพากันมากินข้าวกับครูพร้อมหน้า ครูก็ดีใจแล้ว”
“อาจารย์แม่มาทั้งทีพวกเราจะพลาดได้ยังไงล่ะครับ” ยอดนักรบเป็นฝ่ายเอ่ยแทรกขึ้น
เปลวตะวันเขม่นในความขี้ประจบนั้นเหลือใจส่วนเกวลินลอบยิ้มน้อยๆอย่างหมายมาด
“นี่เหรอเมียเราที่เขาเล่าลือกันไปทั่วกรุงเทพฯน่ะ”
เปลวตะวันฟังแล้วรู้สึกขัดหูไม่น้อย ไม่ใช่เพราะถูกอาจารย์อรวีซักถามแต่เพราะไม่พอใจคนคาบข่าวไปฟ้องต่างหาก
“ครับ ผมขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ทันได้แนะนำให้รู้จักต้องรออาจารย์แม่ต้องทักถามเสียก่อน”
“ไม่เป็นไรหรอก ครูไม่ถือ แล้วนี่ชื่อเสียงเรียงนามอะไรล่ะทำงานที่ไหนเหรอ”
พราวชมพูยิ้มน้อยๆ เธอขยับจะเอ่ยแนะนำตัวแต่ว่าเปลวตะวันชิงตัดหน้าเสียก่อน
“ภรรยาผมชื่อพราวชมพูครับอาจารย์”
ไม่เพียงแค่พราวชมพูที่หูผึ่ง เกวลินเองก็ระคายหูจนแทบทนฟังไม่ไหว แต่ยังคงรักษาท่าทียิ้มละมัยวางตัวเป็นเพื่อนที่แสนดีต่อไป
“พราวครับ กราบสวัสดีอาจารย์แม่ของพี่เสียสิ ท่านเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยน่ะ”
“นอกจากเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาพี่หมอเปลวกับรุ่นพี่หมอเกลแล้วอาจารย์แม่ก็เป็นที่ปรึกษาของผมด้วยเหมือนกันนะครับ”
ยอดนักรบแทรก ท่าทางดูภาคภูมิใจจนเปลวตะวันขัดหูขัดตา
พราวชมพูยิ้มพลางกระพริบตาปริบๆแล้วชำเลืองมองเปลวตะวันเห็นเขาไม่ค่อยสบอารมณ์ก็ลอบถอนหายใจ
“พราวกราบสวัสดีอาจารย์แม่ค่ะ จะฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ก็คง ไม่ทันแล้ว พราวขอฝากตัวเป็นลูกเป็นหลานอาจารย์แม่แทนก็แล้วกันนะคะ”
“ด้วยความยินดีจ้ะ วาจาฉอเลาะอ่อนหวานแบบนี้สินะหมอเปลวถึงทั้งรักทั้งหลง”
พราวชมพูขยับจะท้วงแต่เปลวตะวันรีบชิงตัดหน้าอีกครั้ง
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะครับ ตอนนี้ผมยอมให้หมดใจขอแค่พราวบอกว่าต้องการอะไรผมจะรีบหามาให้ทันทีเลยครับ”
คำพูดชวนเลี่ยนของเปลวตะวันทำเอาพราวชมพูยิ้มปุเลี่ยนขณะที่เกวลินรู้สึกระคายหูจนต้องขัด
“อะแฮ่ม! เกลว่าเราอย่าเพิ่งเอาแต่คุยกันเลยค่ะ สั่งอาหารกันก่อนดีกว่านะคะ จะได้คุยไปกินไปค่ะ”
พราวชมพูฟังแล้วก็มองเกวลินพร้อมกับส่งยิ้มเยาะให้อย่างรู้ทัน ยิ่งเห็นหมอสาวผู้แสนดีส่งสายตาวาววับกลับมาพราวชมพูก็ยิ่งยั่ว
“พี่หมอคะ พราวอยากกินปลาแซลมอนจะได้ไหมคะ พราวอ่านเจอมาว่ากรดไขมันจำเป็นในแซลมอน มีส่วนช่วยในการบำรุงศีรษะและรากผมให้แข็งแรง ลูกเราคลอดออกมาผมจะได้ดกสวย”
“ได้สิเดี๋ยวพี่สั่งเมนูจากปลาแซลมอนเอาที่สุกๆให้ก็แล้วกันนะครับ ถ้าอร่อยติดใจพราวจะสั่งกลับบ้านด้วยก็ได้นะ”
“เมนูนี้เลยครับคุณพราว”
ยอดนักรบรีบยื่นเมนูให้พราวชมพูแล้วชี้ชวนอย่างไม่เกรงอกเกรงใจเปลวตะวัน
“สลัดปลาแซลมอนย่าง ผมแนะนำรับรองว่าอร่อย คุณพราวลิ้มรสแล้วจะติดใจจนลืมอาการแพ้ท้องไปเลยเชียว”
พราวชมพูได้แต่นั่งยิ้มทำตาปริบๆ เธอลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเปลวตะวันเห็นเขาหน้าตึงไม่พอใจก็พอจะเดาอารมณ์ออก
เปลวตะวันกำลังหึง ขณะที่หมอเกวลินลอบเบะปากด้วยความหมั่นไส้และแอบลุ้นให้ยอดนักรบฉกชิงอริหัวใจของเธอไปให้สำเร็จ
“สลัดปลาแซลมอนย่างเนี่ยเป็นเมนูแนะนำสำหรับคนท้องเลยนะครับ ไหนจะได้ประโยชน์จากเนื้อปลาผักและไขมันดีแล้วยังย่อยง่าย มีกากใยสูงช่วยให้ถ่ายคล่องโล่งสบายอีกด้วย รับรองว่ากินจานนี้แล้ว คุณพราวจะอิ่มแบบพอดีๆ ไม่แน่นท้องแน่นอนครับ”
พราวชมพูขยับจะเอ่ยปากขอบคุณแต่เปลวตะวันก็ชิงตัดบทอีกตามเคย
“ขอบใจนะที่หวังดี แต่นายไม่ต้องลำบากหรอก เรื่องของเมียฉัน ฉันดูแลเองได้”
“แหมพี่...เรามันคนกันเองแท้ๆจะเกรงใจทำไมล่ะครับ เมียพี่ก็เหมือนเมียผม”
“ยอดนักรบจะมากไปแล้วนะ” เปลวตะวันตวาดกร้าวจนสะดุ้งกันทั้งโต๊ะ
พราวชมพูคว้าแขนเขาไว้แล้วบีบหนักๆเตือนสติ เธอเองก็ระคายหูแต่พอดูออกว่าหมอยอดคนยียวนนี่กำลังแกว่งน้ำให้ขุ่น
“โอ๊ะ! ตายแล้ว! ผมขอโทษทีครับเผลอพลั้งปากพูดผิดไปหน่อย ขอโทษนะครับคุณพราวผมไม่ได้จะหยามเกียรติอะไรคุณพราวนะครับ”
“หุบปากไปเลยนะยอดนักรบ แล้วถ้าเป็นไปได้นายกลับไปซะฉันจะขอบคุณมาก”
“พี่หมอคะใจเย็นๆ หมอยอดคงไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ”
“พราว”
เปลวตะวันหันมาทำเสียงดุเมื่อถูกขัด รู้ว่าเธออยากให้เขาสงบแต่คนมันโกรธจะให้ลงง่ายๆไม่ทำอะไรคนปากเปราะอย่างไอ้หมอรุ่นน้องนี่ก็เกินไป
พราวชมพูส่ายหน้าปราม เธอรู้ว่าเขาไม่พอใจ ยิ่งเห็นเธอแก้ตัวให้หมอรุ่นน้องเขาก็ยิ่งอารมณ์ขุ่น แต่เธออยากให้เขามีสติมากกว่านี้ ต่อหน้าอาจารย์ที่ปรึกษายังขนาดนี้อยู่กันเองจะขนาดไหนกัน
“อาจารย์แม่ครับ รุ่นพี่หมอเกล ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แล้วก็ขอโทษแล้ว พี่หมอเปลวจะไล่ผมแบบนี้มันไม่แฟร์นะครับ”
“เปลว...อย่าถือสาหมอยอดเลยนะ คุณพราวเธอยังไม่ว่าอะไรสักคำ นายก็เถอะหมอยอดจะพูดอะไรอย่าคะนองปากให้มันมากนัก”
พราวชมพูกระตุกยิ้มมุมปาก นึกหมั่นไส้ในความแสนดีนั้นเสียเหลือเกิน
“ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะพี่ ผมขอโทษนะครับคุณพราว”
ยอดนักรบเอ่ยและส่งสายตาสำนึกผิดมาให้พราวชมพูแต่ก็แอบยักคิ้วเยาะหยันให้เปลวตะวัน และนั่นก็ทำเอาคนขี้หึงเดือดปุดๆ
“นายไม่ตั้งใจ แต่ฉันโกรธจริงแล้วฉันก็ไม่ยกโทษให้”
“พี่หมอคะ ช่างเถอะค่ะ เรามากินข้าวกับอาจารย์แม่นะคะ อย่าให้เรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เสียบรรยากาศเลยค่ะ อีกอย่าง...อาจารย์แม่อยู่ ตรงนี้ก็น่าจะเคารพท่านกันบ้างนะคะ ไม่ใช่ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ”
พราวชมพูพูดแล้วก็ตวัดสายตามองรวดเดียวถ้วนทั่วทุกคน
ยอดนักรบเห็นความเป็นคนจริงจังและดูท่าทางจะดุเอาการของพราวชมพูก็นึกชื่นชม นอกจากจะสวยแล้วยังรู้จักวางตัวและกล้าที่จะกำราบทุกคนให้สงบด้วยคำพูดนิ่มๆแต่เชือดอีกด้วย
เปลวตะวันเม้มปากเก็บข่มความขัดเคืองใจ เห็นสายตาอาจารย์อรวีมองมาอย่างตำหนิแล้วก็รู้สึกผิด ขณะที่เกวลินถูกไฟริษยาครอบงำมากขึ้นไปอีก เพราะไม่ว่าจะทำอะไรพราวชมพูดูจะได้คะแนนนิยมเป็นแต้มต่อเหนือเธอทุกครั้งไป
“บ้าชิบ! ผู้หญิงบ้ากล้าดียังไงถึงได้ทำกับฉันแบบนี้”เสียงสบถด้วยความโกรธดังลั่นห้องพร้อมๆกับธนบัตรสีเทาหลายสิบใบปลิวว่อนเต็มห้องตามอาการเหวี่ยงสุดแรงตามติดด้วยเสียงแก้วแตกกระจายจากแรงโทสะของคนร่างสูงใหญ่เพล้ง!“ห้าหมื่น! เธอตีราคาค่าตัวฉันแค่นี้เนี่ยนะแม่ผู้หญิงอวดดี”เขาสบถด่ากราดขณะขยำกระดาษใบน้อยที่ระบุข้อความเจาะจง ถึงตัวเขาด้วยความรู้สึกโกรธจนบอกไม่ถูกคนอย่างเขามีแต่จ่ายเพื่อซื้อความสุขกับผู้หญิง สนุกสุขสมแล้วก็ จบกัน ไม่มีวนกลับมากินของเก่าให้เสียอารมณ์แต่แม่สาวไวไฟความเร็วยิ่งกว่าห้าจีที่ไม่ประสีประสาคนนั้นเป็นใครถึงเอาเงินมาฟาดหัวเขาแบบนี้เขาต่างหากควรเป็นคนตีจากพร้อมเปย์เงินให้แทนคำขอบคุณกับความสุขสมที่เขาตักตวงจนอิ่มเอมเมื่อคืนนี้ ไม่ใช่ตื่นมาเพื่อเจอเงินปึกหนึ่งพร้อมจดหมายน้อยบ้าๆนี่“ฮัลโหล! ไปพบฉันที่เพนท์เฮ้าส์ด่วน ฉันมีงานให้แกทำ”คนหัวเสียกรอกเสียงออกคำสั่งคำรามก้องไปตามสายหลังจากโทรหาลูกน้องคนสนิทที่เรียกใช้กันจนรู้นิสัยใจคอน้ำเสียงและแววตาของเขายามนี้ดุดันเป็นคนละคนกันกับหมอเปลวตะวัน สูตินรีแพทย์ผู้แสนสุภาพอ่อนโยนขวัญใจคนไข้สาวน้อยสาวใหญ่ที่ขยันสรรหาโรคให้ตัวเอง
แม้จะประหลาดใจอยู่บ้างที่เจ้าของถ้ำที่ไม่เคยเชื้อเชิญให้ใครเข้าเชยชมกลับเต็มใจแย้มพรายให้เขาทั้งที่เจ้าหล่อนควรสงวนเอาไว้สำหรับคนพิเศษมากกว่าเท่าที่ดูทรงแล้วเจ้าหล่อนไม่น่าจะเป็นคนชอบเชื้อเชิญชักชวนใครให้เข้ามาย่ำกรายได้ง่ายๆ แต่นั่นเป็นเพียงความคิดแวบหนึ่งที่ผุดวาบขึ้นมาแล้วก็หายวับไปเขาไม่จำเป็นต้องคิดอ่านอะไรแทนใคร ในเมื่อต่างฝายต่างเต็มใจและเมื่อทุกอย่างจบสิ้นลงก็จะเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป‘ถามจริงเถอะ คุณรอดพ้นจากพวกเสือสิงห์กระทิงแรดมาถึงผมได้ยังไงกัน’เขาถามพรางเม้มปากเก็บข่มความซ่านสยิวที่กำลังพุ่งพล่านอัดแน่นในกายเขาอยากสาดซัดความเถื่อนดิบใส่เสียให้สาสมกับก๋ากั่นมั่นอกมั่นใจของเจ้าหล่อน แต่ต้องยับยั้งเอาไว้รอคอยให้ความคับแน่นคลายตัวลงเสียก่อนเพราะตอนนี้มันรึงรัดเจ้ายักษ์ร้ายของเขาเสียจนปวดปร่าไปหมด‘จำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอคะ ฉันว่าคุณสนใจแค่สิ่งที่ต้องทำตรงหน้าดีกว่านะ’‘คุณนี่ใจถึงเป็นบ้า’‘อย่าพูดมากเลยน่า รีบๆเข้าเถอะฉันเจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้วนะ’‘ฮื่อ...ไม่อยากเจ็บต้องใจเย็นๆสิ นอนนิ่งๆเดี๋ยวผมจัดการเอง รับรองว่าซาบซ่านถึงใจจนลืมเจ็บเชียวแหละ’เพียงสิ้นเสียงแห
“เป็นไปได้ยังไง ผู้หญิงคนเดียวสองเดือนกว่าแล้วแต่หาตัวไม่เจอ” เปลวตะวันสบถบ่นอย่างหัวเสียเมื่อคนสนิทที่เรียกใช้งานเป็นประจำรายงานความคืบหน้าเรื่องที่เขาให้ติดตามหาตัวผู้หญิงคนนั้นจากคืนนั้นจนวันนี้เขาแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ในหัวเขามีแต่ข้อความหยามหน้าที่เจ้าหล่อนคนนั้นทิ้งเอาไว้ให้ตอกย้ำวันแล้ววันเล่าสาบานได้เลยว่าถ้าหากชาตินี้เขาตามล่าลากเจ้าหล่อนมาลงทัณฑ์ให้สาสมกับความอวดดีไม่ได้ เขาจะตามจองเวรทุกชาติไปไม่สิ้นสุด คนอย่างเขาสามชาติสามภพแก้แค้นก็ยังไม่สาย“นายมั่นใจนะว่านายตั้งใจหาแม่นั่นจริงๆ”“โธ่...นายครับ ผมเคยโกหกนายเสียที่ไหนล่ะครับ นี่ผมก็ควานหาแทบพลิกแผ่นดินแล้วก็ไม่พบใครสักคนเลยนะครับที่จะเข้าข่ายว่าเป็นผู้หญิงที่นายตามหา”“บ้าชะมัด! ผู้หญิงคนเดียวทำไมหายากหาเย็นแบบนี้นะ”“เอ่อ...นายครับ”“มีอะไร”“ปกตินายไม่เคยเรียกหาใครครั้งที่สองแล้วนี่...”“อย่าเสือกสักเรื่องจะได้ไหม จะไปไหนก็ไป แล้วถ้าตามหาแม่นั่นไม่เจอก็อย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีกเข้าใจไหม”จบคำตวาดของหมอหนุ่มรูปงามแต่ดุดันยิ่งกว่าเสือ ลูกน้องผู้รู้ใจก็รีบเผ่นแนบไม่ลีลาท่ามาก เจ้านายของเขาอารมณ์ร้ายไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งเ
เปลวตะวันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆหลังจากตรวจคนไข้รายสุดท้ายของวันเสร็จสิ้นใครว่างานคลินิกคืองานสบาย เขาบอกเลยว่าคิดผิดเพราะนอกจากจะต้องเต็มที่กับงานรักษาแล้วยังต้องวุ่นวายกับงานบริหารจัดการอีกซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดเขาจึงปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดให้หนักสมองเมื่อพี่สาวยื่นข้อเสนอให้เขามาบริหารงานในโรงพยาบาลและคลินิกที่บิดามารดาเป็นผู้ก่อตั้งมา แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธหมดเสียทุกอย่าง เมื่อพี่สาว ร้องขอในบางเวลาเขาก็ยื่นมือเข้าช่วยด้วยความยินดี“หมอเปลวคะ ขออีกสักคนนะคะ พอดีคนไข้ฝากครรภ์กับหมอป่านแต่มีอาการผิดปกติเลยมาก่อนวันนัดค่ะ”เปลวตะวันพ่นลมหายใจออกมาเบาๆก่อนพยักหน้าแล้วขยับตัวเตรียมพร้อมรอตรวจเรื่องความเจ็บป่วยของคนไข้เขาไม่เคยรั้งรอให้เสียเวลา เขาเข้าใจความทุกข์ร้อนของคนเจ็บดี ไม่เกินจำเป็นจริงๆก็ไม่มีใครอยากมาหาหมอรักษา“เชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะคุณพราวชมพู” พยาบาลสาวรีบบอกเมื่อกลับออกมาจากห้องตรวจว่าที่คุณแม่มือใหม่รีบลุกขึ้นแล้วเดินเร็วๆตรงไปยังห้องดังกล่าว พยาบาลสาวเห็นเข้ารีบท้วงเสียงลั่น“ใจเย็นๆค่ะคุณแม่ อย่าเดินเร็วนัก เดี๋ยววิงเวียนเป็นลมล้มลงจะไม่ดีต่อลูกในครรภ์นะคะ”พราว
“ขอโทษนะเบบี๋ มามี้ต้องพาหนูไปอยู่ที่อื่นแล้วแหละ ถ้ามีโอกาสเราอาจได้กลับมาอยู่บ้านของเราหลังนี้นะ”พราวชมพูลูบท้องเบาๆทะนุถนอมแล้วลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องตรงไปยังโถงใหญ่กลางบ้านที่ด้านข้างเชื่อมต่อกับโรงจอดรถ แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ยกสัมภาระขึ้นรถ หญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง“จะรีบไปไหนเหรอครับคุณพราวชมพู”“โธ่! คุณหมอนั่นเองนึกว่าใคร ทำเอาตกใจหมด ฮ่าๆๆ แหม...ตามมาดูคนไข้ถึงบ้านเลยนะคะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่เป็นอะไรคุณหมอไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”พราวชมพูหัวเราะแก้เก้อพยายามทำใสซื่อตีหน้ามึนเหมือนคนไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งต่อกันเปลวตะวันเห็นแล้วหมั่นไส้ยิ่งนัก คอยดูเถอะเขาจะสั่งสอนเจ้าหล่อนให้หลาบจำที่บังอาจลบเหลี่ยมคนอย่างเขา หน้าตาก็สวยดูฉลาดแต่ไม่น่าตาถั่วมาว่าเขามั่วๆว่าเป็นผู้ชายขายกล้วย“คุณเป็นคนไข้ของพี่ป่าน ผมเป็นหมอรับผิดชอบดูแลต่อก็ต้องมาดูให้แน่ใจว่าคนไข้สบายดี เห็นพยาบาลบอกว่า...คุณกังวลเรื่อง...”“ไม่ค่ะ ไม่กังวลเลย ไม่แล้ว ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ฉันสบายดีจริงๆนะคะ” พราวชมพูรีบแทรกขัดเสียงหลง เธอไม่ประสงค์ได้ยินได้ฟังอะไรทั้งนั้น และตอนนี้เธอต้องหาทางหนีจากเขาให้ได้ เธ
“ลงไปได้แล้ว อย่าตุกติกล่ะ ฉันบอกได้เลยว่าไม่ปล่อยเธอง่ายๆแน่” เปลวตะวันบอกหลังจากเลี้ยวรถเข้ามาจอดในรั้วบ้านสองชั้นเล็กๆหลังหนึ่งพราวชมพูมองลอดกระจกรถออกไปสำรวจดูด้านนอกอย่างระแวดระวัง ดูจากความมืดสนิทมีเพียงแสงไฟสลัวหน้าบ้านดวงเดียวแล้วเธอก็พอจะประเมินได้ว่าที่นี่มีเพียงเขาและเธอสองคนเท่านั้น“ลงมาสิ ฉันไม่บ้าขนาดพาเธอมาฆ่าที่นี่หรอกน่ะ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มดุ แววตาบ่งบอกความหงุดหงิดเมื่อเจ้าหล่อนไม่ยอมลงจากรถจนเขาต้องเดินอ้อมมาเปิดประตูเชื้อเชิญ“ต้องให้เอาพรมแดงมาปูด้วยไหมถึงจะลงมาได้น่ะฮะ”“พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องขู่ตะคอกกันเลย” พราวชมพูบ่นแล้วก้าวลงจากรถอย่างไม่พอใจ สีหน้าแววตาเธอหงุดหงิดไม่แพ้กัน“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย จะยิ้มหวานๆยั่วๆเหมือนไอ้วันที่เชื้อเชิญฉันขึ้นเตียงก็ได้ฉันไม่ว่า”“ลองมาเป็นฉันสิ คุณจะรู้ว่ามันน่ายิ้มหรือน่าหงุดหงิด เอ๊ะ!” ปลายเสียงอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆเขาก็กระชากแขนเธอแล้วบีบแรงๆจนร้าวระบมไปหมด“นี่คุณคำว่าอ่อนโยนกับสุภาพสตรีน่ะสะกดเป็นไหม”“ไม่! แต่ถ้าเธอจะถามว่าฉันจับกดแล้วดันเป็นไหมฉันบอกเลยว่าคล่อง”“อี๋!! ไอ้หมอบ้า ไอ้คนลามก”“คนบ้า คนลามกก็เคย
“ฉันถามจริงๆเถอะ คุณโกรธแค้นอะไรนักหนา ฉันไม่เห็นว่าฉันไปทำร้ายคุณตอนไหน”“เงินห้าหมื่นกับความคิดมั่วๆหาว่าฉันมันผู้ชายขายกล้วย เธอคิดว่าฉันควรยิ้มระรื่นดีใจสินะ” เขาถามและจ้องเขม็งพราวชมพูกลืนน้ำลายอึกใหญ่เธอพอจะเข้าใจเขาอยู่หรอก แต่ว่านั่นก็ผ่านมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วเขาจะมาแค้นจริงแค้นจังอะไรมากมายขนาดนั้น“ฉันบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่รับคำขอโทษด้วยวาจา แต่ฉันจะพิจารณายกโทษก็ต่อเมื่อฉันชำระความตามความพึงพอใจของฉันแล้วเท่านั้น” เปลวตะวันดักคอก่อนที่พราวชมพูจะทันได้เอ่ยคำนั้นออกไปหญิงสาวได้ฟังแล้วก็ปิดปากสนิท เธอจินตนาการไม่ออกสักนิดว่าเขาจะชำระความกับเธอแบบไหนกันแน่“ลุกขึ้น แล้วตามมา”เขาสั่งหลังจากยืดกายตรงและขยับถอยห่างออกไปยืนจังก้าเท้าสะเอวมองเธอนิ่งพราวชมพูช้อนสายตาขึ้นมองเห็นดวงตาดำวาววับแฝงด้วยความขุ่นเคืองเต็มพิกัดก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนตามคำสั่งเปลวตะวันเห็นท่าอีกฝ่ายจำยอมทำตามอย่างเสียมิได้ก็ยิ่งขู่ฟ่อๆต่อไป“เดินไปสิยืนทำเบื้ออะไรอยู่ หรือจะให้ฉันชำระความเสียตรงนี้”พราวชมพูเบิกตากว้างจ้องเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เห็นเปลวตะวันทำท่าจะคุกคาม สองเท้าเล็กๆจึงรีบก้าวฉ
กลางดึกในคืนเดือนดับอากาศภายในห้องนอนสีเทาเข้มนั้นเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศเปี่ยมคุณภาพ แต่เจ้าของเรือนกายกำยำกลับร้อนระอุราวกำลังอยู่ในเตาอบร่างหนาพลิกซ้ายป่ายขวากระสับกระส่ายเพราะไม่อาจข่มตาหลับลงได้ในหัวของเขามีแต่ภาพวันเก่าในคืนเร่าร้อนผุดพรายฉากแล้วฉากเล่าแจ่มชัด“เร็วอีก เร็วอีก โอว...เอาอีก แรงอีก” เสียงเจ้าหล่อนเร่งเร้ากังวานก้องอยู่ในหัวเขาเปลวตะวันพยายามสลัดเท่าไรก็ไม่สลัดไม่หลุด ยิ่งพยายามสะกดกั้นปัดป้อง เสียงนั้นก็เหมือนยิ่งดังกึกก้องกังวาน“อ๊า...อ...อา คุณนี่เอวดุเป็นบ้า” นั่นคือถ้อยคำที่หลุดลอดออกมาจากปากคนได้ชื่อว่าเพิ่งถูกพร่าผลาญพรหมจรรย์เป็นครั้งแรกฟังแล้วเขาก็ฉุนจัด เจ้าหล่อนช่างก๋ากั่นนัก เขาไม่อยากนึกคิดว่าหากคืนนี้คนที่อยู่บนเตียงกับเจ้าหล่อนไม่ใช่เขา เจ้าหล่อนจะครางระงมออดอ้อนเร่าร้อนมากขนาดนี้หรือไม่!บัดซบ! คิดถึงตรงนี้ทีไร ความหึงหวงก็แล่นปราดขึ้นเล่นงานเขา ทุกครั้งไป เขาไม่อยากเดาให้ขุ่นเคืองใจเลยว่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมาพอสะบัดก้นจากเขาแล้วเจ้าหล่อนไล่ล่าลากผู้ชายขึ้นเตียงมาแล้วกี่คน“โอว...คุณนี่งานดีสุดๆ ฉันไม่เสียใจเลยที่ยอมเสียสาวให้คุณ”เจ้าห
เปลวตะวันนิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อมาถึงร้านอาหารตามนัดหมายแล้วพบว่ายอดนักรบร่วมขบวนมาด้วย คนขี้หึงหน้าตึงขณะที่คนขี้เล่นยิ้มเผล่อารมณ์ดี“สวัสดีครับพี่หมอเปลว คุณพราว มากันเร็วเหมือนกันนะครับนี่ ผมกับรุ่นพี่ไปรับอาจารย์แม่มาถึงได้ไม่ถึงห้านาทีเอง”พราวชมพูยิ้มน้อยๆส่วนเปลวตะวันหันไปทักทายอาจารย์ที่ปรึกษาที่เคารพรัก“สวัสดีครับอาจารย์ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปรับที่สนามบิน”“ไม่เป็นไรหรอกเปลวแค่เห็นหน้าพวกเราพากันมากินข้าวกับครูพร้อมหน้า ครูก็ดีใจแล้ว”“อาจารย์แม่มาทั้งทีพวกเราจะพลาดได้ยังไงล่ะครับ” ยอดนักรบเป็นฝ่ายเอ่ยแทรกขึ้นเปลวตะวันเขม่นในความขี้ประจบนั้นเหลือใจส่วนเกวลินลอบยิ้มน้อยๆอย่างหมายมาด“นี่เหรอเมียเราที่เขาเล่าลือกันไปทั่วกรุงเทพฯน่ะ”เปลวตะวันฟังแล้วรู้สึกขัดหูไม่น้อย ไม่ใช่เพราะถูกอาจารย์อรวีซักถามแต่เพราะไม่พอใจคนคาบข่าวไปฟ้องต่างหาก“ครับ ผมขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ทันได้แนะนำให้รู้จักต้องรออาจารย์แม่ต้องทักถามเสียก่อน”“ไม่เป็นไรหรอก ครูไม่ถือ แล้วนี่ชื่อเสียงเรียงนามอะไ
“พี่บอกให้รอข้างนอกไง เข้ามาทำไมครับ หรือว่าพราวหิวจนรอไม่ไหว”เปลวตะวันถามเมื่อเห็นพราวชมพูเดินเข้ามาในครัวพร้อมส่งยิ้มหวานมาแต่ไกล รอยยิ้มนั้นชวนให้รู้สึกแปลกไม่น้อยแต่เขาก็ไม่อยากเก็บมาคิด“หิวค่ะก็เลยเดินมาตาม”พราวชมพูบอกพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลังแล้วลอดศีรษะเข้าใต้รักแร้ของเขายื่นหน้าไปดูว่าเขากำลังทำอะไร“ทำอะไรแบบนี้ครับ เดี๋ยวพี่พลั้งมือทำนมหกกระเด็นถูกพราวหรอก”เขาว่าแล้วหมุนกายหันกลับมาสวมกอดเธอพร้อมโน้มใบหน้าลงจูบอย่างรวดเร็ว โอกาสดีๆแบบนี้ใช่จะหาได้ง่ายๆจูบแล้วก็อยากอุ้มขึ้นห้องเสียเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดว่าตั้งใจพาเธอไปไหว้พระเขาจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ให้หลุดลอยไปแน่นอน“เกลกลับไปแล้วเหรอ”เขาถามหลังจากถอนจูบแต่ยังคงวนเวียนคลอเคลียหอมแก้มซ้ายขวาไม่หยุดถามไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง บรรยากาศกำลังดีดันปากเปราะพูดถึงคนที่ไม่ควรพูดถึงพราวชมพูไม่ตอบและไม่ได้ผลักไสเขาอย่างเคย วันนี้เธอเอียงแก้มให้เขาจูบตามใจแล้วก็เป็นฝ่ายโน้มต้นคอเขาและเขย่งเท้าขึ้นจูบเขาบ้างคนถูก
เช้าวันนี้พราวชมพูตื่นมาด้วยความสดชื่น เมื่อคืนหลังจากเปลวตะวันอุ้มพาเธอขึ้นห้องไปแล้วเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอยากจะสานต่ออะไรที่มันค้างคา แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่เขาปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนโดยง่ายขณะที่เขาเพียงแค่สวมกอดเธอไว้แนบอกแต่นั่นก็ทำให้เธออิ่มอุ่น หัวใจฟูฟ่องกับความอ่อนโยนและใส่ใจของเขายิ่งลงมาเห็นกระเช้าของฝากที่แม่เพื่อนสนิทของเขาหอบหิ้วมาถูกหย่อนทิ้งไว้ในถังขยะพราวชมพูก็ยิ่งรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่พอเดินมาถึงโถงนั่งเล่น รอยยิ้มก็เลือนหายเมื่อเห็นใครบางคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวยาว“สวัสดียามเช้าค่ะ วันนี้ดูอารมณ์ดีขึ้นนะ ดูท่าของบำรุงที่ซื้อมาฝากจะได้ผลดี”“เมื่อก่อนนี่เช้าถึงมืดถึงแบบนี้ทุกวันเลยหรือเปล่าคะ” พราวชมพู ไม่อารมณ์ดีด้วย เธอถามเสียงฉุนแล้วมองคนมาเยือนด้วยสายตาขุ่น“เอาตามจริงดีไหมนะ พูดไปแล้วเธอจะคิดมากหรือเปล่า แย่จัง! ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวเธอได้ไปเหวี่ยงใส่เปลวให้เขาอึดอัดใจอีก”พราวชมพูยิ้มเยาะ ทีคราวนี้ทำท้าทายต่อปากต่อคำกับเธอฉอดๆ เวลาอยู่ต่อหน้าอีตาหมอหื่นนั่นแสร้งทำเป็นน
เปลวตะวันนิ่งงันไปอึดใจเมื่อพบว่าคนที่มาคือเกวลินไม่ใช่พี่สาวของเขาตามที่เข้าใจพอเห็นแขกสาวแล้วเจ้าของบ้านก็รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก เขาลอบมองขึ้นไปชั้นบนของบ้านอย่างนึกกังวลถึงความรู้สึกของพราวชมพู รายนั้นหากรู้ว่าใครมาเยือนกลางดึกเช่นนี้คงฟาดงวงฟาดงาอีกแน่“เกลมารบกวนเวลาพักผ่อนของเปลวหรือเปล่าดูเปลวทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากต้อนรับเกลสักเท่าไร”“มาเสียค่ำเชียวมีเรื่องด่วนเหรอ ความจริงโทรมาก็ได้นะ”เกวลินนิ่วหน้าเล็กน้อยรู้สึกตะหงิดๆในคำพูดของคนได้ชื่อว่าเพื่อน ปกติเขาไม่เคยพูดเหมือนไม่อยากต้อนรับเธอแบบนี้“ความจริงก็ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรหรอก ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะเอาของบำรุงมาฝากคนท้องน่ะ”เกวลินว่าแล้วก็หันไปหยิบกระเช้าในรถมาส่งให้ แล้วก็แปลกอีกเช่นกันที่เปลวตะวันเพียงแค่รับไปแล้วขอบคุณเธอไม่มีคำเอื้อนเอ่ยเชื้อเชิญเข้าไปในบ้าน“เกลขอเข้าไปนั่งพักสักครู่ได้ไหมวันนี้ขับรถไปมาหลายที่เมื่อยขาพอตัวเลย”เปลวตะวันแค่ยิ้มมุมปากแล้วมองหน้าเกวลินอย่างใช้ความคิดและก่อนที่เขาจะทันได้ตอบอะไรเสียงเจื้อยแจ้วของพราวชมพูก็ดังมาจากประตูบ้าน
ใช่! พราวชมพูพูดถูกแล้วเขาโกรธเธอ โกรธมากแต่นั่นแหละ! พอเธอออดอ้อนเว้าวอนอย่างสำนึกผิดเขาก็ใจอ่อนเขาพอจะเข้าใจความแปรปรวนทางอารมณ์ แต่ที่เขานิ่งเงียบก็เพราะอยากดัดนิสัยสักหน่อยไม่อยากให้ได้ใจทำอะไรแผลงๆไม่คิดแบบวันนี้อีกด้านพราวชมพูตอนนี้เธอเริ่มจะงอนเขาขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะว่าเขานิ่งเงียบหน้าตึงจนเธอทำตัวไม่ถูกง้อก็แล้วขอโทษก็แล้วอ้อนก็แล้วเปลวตะวันยังตีหน้านิ่งไม่พูดอะไรสักคำ เอาเถอะ! เล่นตัวนักเธอก็จะไม่ง้อแล้ว คอยดูก็แล้วกันเธอจะเชิดใส่เสียให้เข็ดคิดแล้วก็เอาแต่นั่งคอแข็งมองออกไปนอกกระจกด้านข้างไม่ชวนเขาพูดคุยอีกพอถึงบ้านรถจอดสนิท เจ้าหล่อนก็เปิดประตูรถแล้วเข้าบ้านไปทันทีไม่สนใจเขาจริงๆเปลวตะวันส่ายหน้า ดูทำเข้า! สรุปกลายเป็นว่าเขาต้องเป็นฝ่ายง้อเธอใช่ไหม?“เอ๊ะ! หลีกไปนะคะ หมอจะมาขวางพราวทำไม” พราวชมพูแหวใส่เมื่อเปลวตะวันก้าวตามมาติดๆแล้วตรงเข้าขวางเธอไว้ก่อนที่เธอจะทันได้เข้าห้องนอนแล้วเขาก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด ความไม่ทันตั้งตัวทำเอาถูกเขาคว้าตัวไปกอดแล้วบดจูบหนักหน่วงดุดัน
วันนี้เป็นวันแรกที่เปลวตะวันยอมปล่อยให้พราวชมพูออกนอกบ้านได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมีนิศาชลไปด้วยแม้ว่าพราวชมพูจะรู้สึกอึดอัดที่เขาทำเหมือนกับว่าส่งคนคอยควบคุมดูแลเธอตลอดเวลาแต่ก็พอทำความเข้าใจกับเหตุผลของเขาได้ว่าที่ทำไปก็เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอและลูกดังนั้นเธอจึงกลับไปบ้านของตัวเอง ไปดูความเรียบร้อยและเอา ของใช้ที่ต้องการเสร็จแล้วก็ชวนนิศาชลไปหาอะไรกินและช้อปปิ้งก่อนจบลงที่ไปหาเปลวตะวันที่คลินิกเพราะวันนี้เขาไปออกตรวจที่นั่นแทนพี่สาว“คุณนิกลับเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวพราวรอกลับพร้อมหมอเปลวได้”“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนิกลับเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”“ขอบคุณมากนะคะที่ยอมตามใจพราว ไปโน่นนี่กับพราวทั้งวันเลย”“ยินดีค่ะ อีกอย่างหมอเปลวก็จ้างนิมาดูแลคุณพราว ถ้านิทำหน้าที่บกพร่องล่ะก็หมอเปลวต้องดุนิแน่ๆ”“พราวอยู่ทั้งคน คุณนิไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ”“คุณพราวพูดแบบนี้พรุ่งนี้อยากทำอะไรอยากไปไหนบอกเลยค่ะเดี๋ยวนิจัดให้เต็มที่”นิศาชลบอกแล้วทั้งสองก็พากันหัวเราะประสานเสียงร่าเริงอย่าง คนรู้ใจกันพราวชมพูเห
“ฉันยอมลงให้ทุกอย่าง เธออยากได้อะไร ไม่ชอบสิ่งไหน ต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันก็ทำให้หมดแล้ว วันนี้เธอจะตามใจฉันบ้างไม่ได้เหรอ”“ทำไมต้องวันนี้ ตอนนี้ล่ะคะ ปกติหมอก็ไม่ได้หิวจัดขนาดจะขาดใจถ้าไม่ได้กินนี่คะ ถ้าวันนี้พราวไม่พร้อม หมอจะรอต่ออีกไม่ได้เลยเหรอ”“เอาเปรียบกันเกินไปแล้วนะพราวชมพู”“หมอต่างหากที่กำลังเอาเปรียบพราว หมอเก็บกดเรื่องอะไรมาถึงได้จะมาลงที่พราว เห็นพราวเป็นที่ระบายอารมณ์หรือไงคะ”“พราวชมพู” เปลวตะวันครางชื่อนั้นแผ่วเบาคำพูดง่ายๆแต่กระแทกใจเต็มๆทำเอาเขาหมดอารมณ์ สองมือแกร่งร่วงหล่นลงข้างกายปล่อยให้เธอเป็นอิสระ“พักผ่อนเถอะ ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน”“เดี๋ยวค่ะ” พราวชมพูเป็นฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้แล้วจู่ๆเธอก็ทำในสิ่งที่เปลวตะวันไม่คาดคิด เธอดึงเขาเข้าไปกอดแล้วก็เขย่งเท้าขึ้นจูบริมฝีปากหยักดั่งคันศรของเขาหนักๆ“พราวรู้ว่าพราวเอาเปรียบหมอหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกีดกันไม่ให้หมอออกไปหากินนอกบ้าน ทั้งเรื่องให้หมอนอนห้องรับแขกไม่ยอมให้นอนห้องเดียวกับพราว แต่พราวก็อยากหมอเข้าใจ ระหว่างเรามันไม่ใช่ความรัก มันยากนะคะที่จะอยู่ด
“จะมาเป็นพ่อของลูกฉัน มีแค่ตัวกับดุ้นไม่ได้นะคุณ”เปลวตะวันสะอึก เขาแทบจะหลุดหัวเราะกับคำพูดห่ามๆของพราวชมพู ดูเอาเถอะ! ผู้หญิงอะไรก๋ากั่นสิ้นดี พูดจาแต่ละทีทำเอาเขาใบ้กินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“บอกไว้ก่อนเลยนะฉันหน้าเงิน ถ้าเงินไม่หนาพอก็เชิญป้ายหน้า”“ห้าล้านพอไหม หรือจะเอาสิบล้าน ร้อยล้าน เอาเท่าไรดีถึงจะเป็นพ่อของลูกเธอได้”คราวนี้พราวชมพูปากสั่น รู้หรอกว่ารวย เธอแค่กระแซะนิดกระแซะหน่อยอีตาหมอหื่นนี่ก็ดันเอาเงินมาฟาดไม่ไว้หน้าซะงั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาสิมา! เป็นไงก็เป็นกันมาถึงขั้นนี้อยากยืดอกแสดงตัวรับผิดชอบนัก เธอก็จะจัดให้สมใจ อย่าคิดนะว่าคนอย่างพราวชมพูไม่กล้ารับ“แน่จริงก็เอาห้าร้อยล้านมากองตรงหน้าสิ อย่าดีแต่พูดนะคะ ใครรู้เข้าจะว่าเอาได้ว่าหมอเปลวเก่งแต่ปาก”“งกขนานแท้ หึๆ งกแบบนี้รับรองว่าลูกได้ความงกจากแม่มาพันเปอร์เซ็นต์”“คุณเป็นคนเสนอเอง ฉันก็แค่สนองให้ก็แค่นั้นเองค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับไปแล้วก็ช่วยสนองเรื่องบนเตียงให้คุ้มกับค่าตัวหน่อยก็แล้วกัน”พราวชมพูอ้าปากค้างตื่นตะลึงกับคำพูดของเขา เธอมัวแต่คิดเอาชนะจนลื
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสมาร์ตของหมอเจ้าของไร่เผือกนามยอดนักรบเดินเข้ามาใบหน้าหล่อสะดุดตาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนระบายไปด้วยรอยยิ้มและส่งเสียงทักทายนำมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเตียงคนไข้“สวัสดียามเช้าครับ อ้าว! พี่หมอเปลวมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้าเชียวนะครับ แล้วนี่พยาบาลไปไหนเสียล่ะครับทำไมปล่อยให้หมออยู่กับคนไข้ลำพังแบบนี้”“แล้วนายเข้ามาทำอะไรในห้องคนไข้ของฉัน”“อ๋อ...ผมมาเยี่ยมอาการคนไข้ห้องข้างๆเสร็จแล้วก็เลยแวะมาทักทายครับ เมื่อวานเข้ามาเห็นคุณพราวชมพูอยู่คนเดียวก็นึกห่วงเลยเข้ามาดูหน่อยว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม”เปลวตะวันหูผึ่งเขาหันขวับมาจ้องพราวชมพูเขม็ง เห็นเธอเลิกคิ้วมองตอบมาทำไขสือไม่เข้าใจสายตาเขาที่ใช้แทนคำถามก็ขัดใจ“ไม่เห็นพราวบอกว่าหมอยอดเข้ามาในห้องนี่”“ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะทำไมฉันต้องรายงานด้วยล่ะ”พราวชมพูย้อนยอดนักรบฟังแล้วก็แอบขำ เห็นอาการของเปลวตะวันแล้วก็พอจะเดาออกว่าหึงเขาเข้าให้แล้ว ส่วนพราวชมพูดูจะไม่ได้รับรู้อะไรสักนิด เห็นแบบนี้เขาก็รุกต่อทันที“วันนี้หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานอีกนะครับ ท่าทางคงได้คนดูแลดี”พราวชมพูยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร เ