เมื่อกลับมาถึงบ้านพราวชมพูเป็นฝ่ายรั้งเปลวตะวันเข้ามาสวมกอด แม้จะไม่รู้อะไรมากนักแต่ความเจ็บปวดในดวงตาของเขาที่ฉายชัดออกมายามเอ่ยถึงอดีตทำให้เธอเห็นอกเห็นใจและพอเข้าใจเหตุผลกลไกที่ทำให้เขากลายเป็นคนร้ายกาจแต่แอบซ่อนลึกในใจได้มากมายโดยที่ไม่มีใครคาดคิด
จากที่เธอกาหัวไว้ว่าเขาซื่อบื้อและง่าวถนัดใจ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าประเมินเขาผิดไป
อย่างที่เขาเคยบอกจริงๆบางอย่างไม่จำเป็นต้องแสดงออกเสียหมดเปลือกก็ได้ เก็บไว้บ้าง อาจเป็นคนโง่ในสายตาคนแต่เรารู้แก่ใจต้องไปสนสายตาใครทำไม
“มากอดพี่แบบนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามยิ้มๆแล้วสวมกอดเธอกลับดึงเธอเข้าแนบอกพร้อมกับกดศีรษะสวยของเธอซุกซบแล้วก้มจูบกลางกระหม่อมหนักๆราวหวงแหนเสียเหลือเกิน
“พี่หมอล่ะคะ วันนี้กอดพราวเสียกระดูกระเดี้ยวจะหักหมดแล้ว กอดทำไมนักคะกลัวพราวจะหนีหายไปไหนเหรอ”
“กอดเพราะดีใจ เครียดอยู่ตลอดเวลากลัวพราวจะหนีหายไปจริงๆเรียกว่าวัดใจกันไปข้างเลยวันนี้”
“หมายความว่ายังไงคะ อย่าบอกนะว่าจงใจสร้างสถานการณ์ให้พราวตามไป”
“พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกพราวก่อน พี่กลัวว่ามันจะไม่เนียนเพราะพราวเล่นละครไม่ค่อยเก่ง”
“พี่หมอนี่ น่าตีนักเชียว ทำไมร้ายกาจขนาดนี้คะ”
“เพราะโลกมันอยู่ยากเราเลยต้องปรับตัวให้เท่าทันแล้วก็ปกป้องตัวเองให้อยู่รอดไงล่ะพี่ถึงต้องร้าย”
“เอาจริงๆ พราวแทบจะไม่รู้จักพี่หมอเลย น่ากลัวจังค่ะ หมอเปลวตะวันที่พราวเห็นวันนี้ช่างแตกต่างจนน่าตกใจ”
“สำหรับพราวพี่ก็ยังเป็นอีตาหมอหื่นคนเดิมแหละครับ จะต่างกันก็ตรงที่หัวใจดวงนี้มันรับเอาพราวเข้าไปไว้เต็มหัวใจตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้”
“อย่าปากหวานจะดีกว่า เล่นละครเก่งแบบนี้ พราวไม่เชื่อง่ายๆหรอก”
“เชื่อพี่เถอะนะ กับคนอื่นพี่เป็นอย่างไรพราวไม่ต้องสนใจ สนแค่ว่าเวลาอยู่กับพราวพี่เป็นอย่างไรก็พอ”
“จะบอกว่ารักพราวว่างั้นเถอะ”
“ถ้าบอกว่าใช่ก็ไม่เชื่ออีกนั่นแหละ”
“ยอมรับค่ะว่าเชื่อยาก เพราะว่าความรักครั้งเก่าน่าจะฝังใจ พราวรู้ว่ามันยังอยู่ในนี้แล้วพี่หมอก็ไม่เคยลืมมัน”
“พี่ยอมรับว่าไม่เคยลืม แต่พี่แยกแยะความรู้สึกตัวเองได้ดีพอว่าความรักอันเจ็บปวดกับความรักแสนหวานเต็มไปด้วยความสุขมันแตกต่างกันยังไง”
“พราวด่าแล้วก็หาเรื่องเถียงกับพี่ไม่เว้นวันจะบอกว่ามันทำให้พี่มีความสุขเหรอคะ”
“ไม่ใช่! การที่พราวดึงพี่มากอดแล้วยืนอยู่กับพี่เชื่อใจในตัวพี่ ไม่ทิ้งพี่ไปไหนต่างหากที่ทำให้พี่รักและมีความสุข”
“ถ้าจะบอกว่าตอนนั้นคือพราวกำลังช็อค จะหักมุมดับฝันพี่เกินไปไหมคะ”
“ตอนนี้หายช็อคแล้วแต่พราวยังกอดแล้วก็ยืนอยู่ข้างๆไม่หนีไปไหนแสดงว่าจิตใต้สำนึกพราวมันแสดงออกชัดเจนว่าพราวเองก็รักและเชื่อใจพี่”
“เข้าข้างตัวเองตลอดเวย์” พราวชมพูว่าค้อนๆ
เปลวตะวันเห็นแล้วก็โน้มใบหน้าลงจูบด้วยความเอ็นดู
จูบแล้วพอเธอจูบตอบก็พาลจะอดใจไม่ไหว แต่เพราะยังอยากเคลียร์อะไรๆที่มันค้างคาในใจอยากให้พราวชมพูรับรู้และวางใจในความรู้สึกที่เขามีแต่เธอทำให้จำต้องตัดใจถอนจูบแล้วกระซิบเสียงสั่นอย่างคนพยายามหักห้ามอารมณ์อย่างถึงที่สุด
“อดีตพี่เคยรักใครไม่สำคัญ พี่ขอให้พราวเชื่อและมั่นใจเพียงแค่วันนี้หัวใจของพี่มีแต่พราวกับลูกก็พอ”
“จะมีมาตามแย่งคนรักคืนเหมือนในละครไหมน้อ...”
เปลวตะวันฟังแล้วก็หัวเราะร่วน เขาใช้ปลายนิ้วคีบจมูกเล็กๆบีบหนักๆด้วยความเอ็นดู
“ถ้ามีจริงพราวจะยกพี่ให้เขาง่ายๆเหมือนนางเอกในละครหรือเปล่า”
“ฝันไปเถอะค่ะ กว่าพราวจะทำใจยอมรับได้ว่าตัวเองต้องมีผัว เป็นตัวเป็นตนพราวก็ต้องทะเลาะกับตัวเองสาหัสแล้ว ถึงขั้นนี้พราวจะยอมยกผัวให้ใครง่ายๆไม่มีทางรู้จักพราวน้อยไปเสียแล้ว”
“วันนี้พราวก็เลยตบไม่เลี้ยงเลยสินะ”
“อย่าพูดถึงมันอีกเลยค่ะ คิดแล้วพราวก็อดสมเพชสังเวชใจกับอดีตเพื่อนสนิทพี่หมอไม่ได้ ไม่คิดว่าการศึกษาไม่ช่วยอะไรเลย ลงว่าหลงในวังวนรัก โลภ โกรธ หลงแล้วเป็นได้พังทุกราย”
“พี่ก็เกือบพัง โชคดีที่เจอพราวเลยรอดมาได้”
“ไม่รู้ฟ้าชังอะไรพราวนักหนาถึงสาปส่งให้มาเจอคนแบบพี่”
เปลวตะวันถึงกับจุกจนพูดไม่ออก แต่ถึงพราวชมพูจะพูดอย่างไรเขาก็ไม่เคืองโกรธ ความโกรธของเขาที่มีแต่เธอก็แค่เรื่องเดียว เสียหน้าเพราะถูกว่าเป็นผู้ชายขายกล้วย แต่เมื่อคืนนี้เขาชำระความขุ่นเคืองลบล้างความคับแค้นใจไปแล้ว แต่เหมือนจะยังไม่หนำใจ เขาอยากให้เธอเติมเต็มความสุขให้ล้นใจทุกๆวันจนกว่าจะแก่เฒ่า
“ว่าแต่พราวสงสัยค่ะ ที่รปภ.ยอมให้พราวขึ้นไปได้นี่ฝีมือพี่หมอใช่ไหมคะ”
เปลวตะวันหัวเราะที่พราวชมพูรู้ทัน
“ก็ถ้าไม่อย่างนั้นพราวจะเข้าไปได้ยังไงล่ะครับ”
“แล้วพี่ก็เป็นคนทำให้ประตูห้องเปิดแง้มไว้อีกถูกไหมคะ
“ก็ใช่!”
“พี่มั่นใจได้ยังไงคะว่าพราวจะตามไป”
“ดวงตาพราวไงครับ มันฟ้องว่ามีเลศนัยตั้งแต่บอกให้พี่ไปหาเกลแล้ว” เปลวตะวันว่าแล้วก็บีบจมูกเล็กๆด้วยความมันเขี้ยว
พราวชมพูหน้าแดงระเรื่อที่เขารู้ทัน
“พราว”
“ว่าไงคะ” พราวชมพูเลิกคิ้วถามเมื่อจู่ๆเขาก็เรียกเธอเสียเสียงอ่อนเสียงหวาน พอเห็นสายตาวิบวับของเขาพราวชมพูก็รีบตีเผียะที่ต้นแขนเป็นการกำราบ
“อย่ามาทำตีแก้เขินหน่อยเลย ใจจริงก็อยากเหมือนกันนั่นแหละมาทำเหนียมอาย”
“อย่าเอาตัวเองมาตัดสินคนอื่นสิคะ”
“ตัดสินจากตัวพราวนี่แหละ เอาเข้าจริงเราน่ะหื่นกว่าพี่อีกนะรู้ตัวหรือเปล่า”
“พอแล้วไม่พูดแล้ว” พราวชมพูกระเง้ากระงอดแล้วก็ชิ่งหนีเข้าห้องไปทันที เปลวตะวันได้แต่มองตาม แววตาของเขาแม้จะยังแฝงด้วยความเจ็บปวดกับเรื่องในอดีตแต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเต็มหัวใจ
ละครฉากใหญ่ระหว่างเขาและเกวลินจบลงแล้ว แปลกที่เขาไม่ได้สะใจอย่างที่คิด ลึกๆเขาเองก็นึกสงสารเธอ แต่ความร้ายกาจที่พานพบนั้นทำให้เขาไม่อาจอภัยให้เธอได้ จบแล้วจบกัน มิตรภาพจอมปลอมถึงเวลาก็จบลงเสียที
พราวชมพูรู้สึกสดชื่นมากที่สุดในรอบหลายวันนับตั้งแต่พบเจอกับหมอเปลวตะวัน
ใช่! วันนี้เธอยิ้มได้เต็มหน้าไม่มีเรื่องให้ต้องพะวง
เรื่องวุ่นๆนอกบ้านเหมือนจะจบลง แต่เรื่องวุ่นๆของเขาและเธอเหมือนจะเพิ่งเริ่มต้น
“พี่หมอขาปล่อยพราวได้แล้ว พราวอยากออกไปเห็นแสงแดดเห็นท้องฟ้าแล้วก็ทะเลบ้าง มาทั้งทีไม่ใช่จะมานอนอุดอู้อยู่แต่ในห้องแบบนี้”
“อุดอู้ตรงไหนกัน มีกิจกรรมทำตลอด มีความสุขจะตาย”
“ค่ะ! สุขจนจะตาย ขืนพี่ยังอยากหาความสุขด้วยการมีเซ็กส์ทั้งวันทั้งคืนแบบนี้พราวกับลูกคงได้ตายคาอกพี่แน่ๆ”
“วาจาช่างน่าจูบลงโทษนัก คะนองปากแบบนี้ระวังเถอะลูกคลอดออกมาจะเอาแม่เป็นแบบอย่าง”
“ดีแล้วค่ะ พราวไม่ชอบหรอกถ้าลูกพราวจะเกิดมานุ่มนิ่มสนิมสร้อยเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา ยุคนี้มันต้องห้าวหาญ ฟาดฟันไม่ไว้หน้าใครเท่านั้นถึงจะอยู่รอด”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาฟาดฟันกันต่อเถอะ”
พราวชมพูหวีดเบาๆเมื่อเปลวตะวันพูดแล้วก็จับร่างเธอยกขึ้นคร่อมทับต้นขาแข็งแกร่งของเขา และโดยไม่รั้งรอเขาก็จัดการสอดประสานชิ้นส่วนอันดุกร้าวเต็มไปด้วยความเร่าร้อนเข้าสู่กลางกายเธอ
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่ทันท้วง รู้ตัวอีกทีเธอก็ครางกระเส่าขยับโยกขย่มเขาอย่างเมามันเสียแล้ว
“เบาได้เบาครับพราว” เขากระเซ้าพราวชมพูได้แต่ทุบเบาๆลงบนแผงอกกว้าง สบประสานสายตาเขาแล้วเธอก็ร้อนผ่าวไปทั้งดวงหน้าและเรือนร่างยิ่งเห็นเขาส่งสายตาวิบวับจับจ้องทรวงอกอุ่นนุ่มของเธอ พราวชมพูก็ยิ่งใจสั่นใช่! ใจเธอสั่นตัวเธอก็สั่นแต่ทุกอย่างคือสั่นสู้ไม่มีถอย“เอาแต่มองไม่อยากจับอยากจูบมันบ้างเหรอคะ” เธอยั่วแล้วจับมือเขามาทาบอกพอฝ่ามือเขาทาบนาบลงไปปลายนิ้วแกร่งก็เริ่มลูบไล้กอบกุมขยำขยุ้มความอุ่นนุ่มนั้นด้วยความหลงใหลพอคลั่งไคล้หนักเข้าเจ้าตัวก็โน้มใบหน้าเข้าหาส่งยอดปทุมมาลย์เข้าสู่อุ้งปากร้อนชื้นกัดกลืนดื่มด่ำอย่างหิวกระหาย“ชอบไหมคะ”“ชอบสิ ยิ่งพราวขย่มไม่ยั้งพี่ยิ่งชอบ”“แต่พราวเหนื่อยแล้วนะคะ”“ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร พราวอยู่นิ่งๆนอนเฉยๆที่เหลือพี่จัดการเอง” เปลวตะวันว่าแล้วก็พลิกร่างอ้อนแอ้นให้นอนราบไปกับผืนเตียงกว้างผืนผ้าปูสีขาวสะอาดตายังไม่ตรึงใจเท่าเรือนร่างยั่วเย้าของพราวชมพูพอเขาขยับขึ้นมาเป็นฝ่ายควบขับ พราวชมพูก็ขานรับอย่างรู้งาน ทุกการสอดประสานช่างตราตรึงลึกล้ำในหัวใจจนเขาอ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็